ทำอะไรกันนัก ไม่ต้อง พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ทำ ที่ทำนั่นคิดมากกันไปเอง

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 24 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. bosssky

    bosssky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +679
    บางทีเว็บแบบนี้ก็เป็นดาบสองคม ให้คนมาเผยแพร่ลัทธินอกรีต คนพึ่งเข้าหาธรรมมาอ่านแล้วหลงเชื่อก็เอาไปปฏิบัติแบบหลงทาง
    ...บางลัทธิแถวน้ำหนาวบอกให้เอาพระพุทธรูปที่บ้านออกนอกบ้านก็มี
     
  2. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    คิดคล้ายๆคุณ YOMI NK ค่ะ
     
  3. shaman loseless

    shaman loseless เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +185
    ฮ่าๆๆๆ อ่านแล้วก็คิดซิ ท่านทั้งหลาย ใครให้อ่านแ้ล้วให้เชื่อโดยไม่คิดว่ามันสมเหตุสมผลแล้วหรือ มันจริงหรือไม่จริง ถึงบอกให้มี ศีลเป็นฐานของสมาธิ แล้วทำให้สมาธิเป็นฐานของปัญญา ท่านหลวงตามหาบัวท่านก็ได้เทศน์เรื่องกรรมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ไปแล้วหาฟังนะท่านบอกว่า เรายังต้องพึ่งกรรมดีหรือบุญอยู่ตอนนี้ก็ทำไปก่อน ถึงเวลาแล้วค่อยละ
    พระนิพพานทุกๆพระองค์ ก็เป็นเช่นนั้น ท่านหลวงตามหาบัว ท่านเทศน์แบบนี้

    อะไรคิดตรองแล้วเป็นสิ่งที่ดีก็ทำซะนะ

    เออ มีคนปฏิบัติชอบปฏิบัติถึงนิพพานแ้ล้ว แต่ไม่พากันใส่ใจ แล้วพวกท่านกำลังหาอะไรกันอยู่
    ท่านหลวงตามหาบัวท่านเป็นพระอรหันต์ ก็นั้นไงพระอรหันต์ผู้ซึ่งไปถึงฝั่งพระนิพพานได้
    แล้วจะหาอะไรกันอีก ท่านหลวงตาเทศน์ไว้ให้ฟังตั้งเยอะไม่ไปหาฟังกัน แล้วมาหลงมางง
    มาวุ่นวายอะไรให้มาก

    โชคดีกันแค่ไหน ที่พวกเราได้เกิดมาในยุคของพระอรหันต์ที่เปิดเผยตัวตน มาโปรดสัตว์
    แล้วยังละเลยกันอีก เออแบบนี้ซิน่าถึงได้มืดถึงได้ดำกัน

    กราบอนุโมทนาท่านหลวงตามหาบัว สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กุมภาพันธ์ 2011
  4. เลขโนนสูง

    เลขโนนสูง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +825
    ผมเรียกสิ่งนี้ว่าระบบ เหตุ และระบบผล จะได้เปล่า แต่เหตุและผลนี้ไม่ใช้เรากระทำ แต่เป็นไปเองตามธรรมชาติถูกเปล่า ธรรมชาติมีความเกิด ความดับ เป็นธรรมดา มีความเปลี่ยนแปลงเป้นธรรมดา

    แค่ เรามองเก้าอี้ตัวหนึ่ง มันก็ยังไม่ช่ายสิ่งที่มีอยู่จริงตลอดเวลาช่ายเปล่า ((มันคือความมีอยู่จริง แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่แบบ ไม่เป็นอิสระจากกันช่ายเปล่า คือมันไม่เป็นเอกเทศจากกัน เพราะการที่เราจะรู้ว่ามีเก้าอี้ได้มันก็มีองค์ประกอบ ของ ไม้ ของตะปู และอื่นๆมาประกอบกันเราจึงจะเห็นเป็นเก้าอี้ช่ายเปล่า))


    และนั้นก็ทำให้เรารู้ว่า เก้าอี้ไม่ช่ายสิ่งที่มีตัวตน จริงจริง แต่มันมีตัวตนขึ้นมาได้เพราะความไม่เป็นอิสระจากกันคือมันต้องอาศัยสิ่งหนึ่งเพื่อให้เกิดอีกสิ่งหนึ่งช่ายเปล่า((ยกตัวอย่างความเป็นเหตุเป็นผลครับ)) แล้วแต่จะกรุณาถ้าเห็นผิดครับ
     
  5. Rorschach

    Rorschach สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +15


    สำหรับผมจะไม่เรียกพวกนี้ว่าลัทธิ แต่จะขอเรียกว่าพวกเนื้องอกของศาสนา
    ลัทธิก็จะมีความเชื่อและคำสอนของเขา แต่พวกเนื้องอกนี่จะเอาคำสอนที่มีอยู่ก่อนแล้วไปตีความ ขยายความเพิ่ม ยืดนิด หดหน่อย ให้ตรงกับกิเลสและจริตของตน คิดได้เป็นแนวคิดใหม่แต่ก็ไม่ยอมแยกไปตั้งกลุ่มของตนเอง แต่ยังคงแฝงอยู่ในศาสนา คนมาศึกษาใหม่ก็คิดว่านี่คือคำสอนเดิมก็ทำตามๆกันไป นานวันเข้า ไอ้ที่งอกมาใหม่คนก็ไม่รู้คิดว่านี่เป็นของเดิม
     
  6. shaman loseless

    shaman loseless เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +185
    ใช่ตอนนี้จะมีบางกลุ่มที่สอนให้ไม่ต้องทำอะไรเลย
    หรือสอนไม่ให้ยึดติด ซึ่งมันเป็นสิ่งที่อันตราย เพราะบางคนจะเข้าใจผิด
    จริงที่ว่านิพพานนั้น จะไม่สนใจทั้งบุญและบาปไม่สนใจในรูปญานใดๆทั้งสิ้น
    แต่บารมีของคนนั้น ต้องอาศัยการทำบุญเป็นที่พึ่งไปก่อน เพื่อสร้างบารมี
    ให้มีกำลังพอที่จะนิพพานได้ พอมีกำลังพอแล้วพระอรหันต์ทุกๆพระองค์ท่านถึงจะละบุญ
    กุศลที่ทำมาให้หมดสิ้น นี่คือการละกิเลสในขั้นสุดท้าย
    นี่เอาไปฟังกันว่าที่ผมบอกมันจริงไหม ว่าทุกคนต้องอาศัยผลบุญเป็นเครื่องนำพาไปก่อน
    ขออนุญาต แป่ะนะครับท่าน ชนะ สิริไพโรจน์
    กรรมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ - Buddhism Audio
    เป็นคำสอนของพระอรหันต์ ที่ไปอยู่ในแดนนิพพาน ซึ่งทุกคนหาทางจะไปกัน
    เดินตามท่านซิ ทุกท่าน เอ้า! ไม่ต้องไปคิดมากวุ่นวาย เดินตามพระอรหันต์ไปเลยแดนนิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กุมภาพันธ์ 2011
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    เหตุผล-เหตุปัจจัย
    ใช่ที่สุดแห่งธรรมไหม?
    มันแค่ระหว่างทางเท่านั้น
    ไม่ใช่ปลายทางดอก
    (เมื่อถึงทื่สุดแห่งธรรมแล้ว
    อิททัปปัจจัยตาก็ไม่มี)


    แล้วจะวนสนใจอยู่กับเหตุและผลทำไม?
     
  8. Ayukawa

    Ayukawa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +573
    ตามความเห็นของผม เมืี่่อเราเริ่มเดินทาง มีต้นทาง ปลายทาง อย่างไรเสียก็ต้อง
    ผ่านระหว่างทาง ไม่มีทางที่จะออกจากจุดเริ่มต้นแล้วไปโผล่ที่ปลายทางได้เลย
    และระหว่างทางนี้แหละสำคัญ ถ้าไม่พิจารณาเหตุและผลให้ถ่องแท้ ก็อาจทำให้
    เราเดินวนอยู่กับที่ หรืออาจเดินผิดทิศผิดทางไปไม่ถึงปลายทางเสียที
    ถูกผิดประการใดโปรดชี้แนะด้วย
     
  9. khaikung

    khaikung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +6
    อย่างน้อย ทำอะไรบ้าง ก็ดีอยู่รกโลกไปวันๆนะครับ
     
  10. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระพุทธองค์ บัญญัติ อริยสัจ4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ให้เราทำให้แจ้งอยู่แล้วมรรคคือทางที่พระองค์ทรงบัญญัติให้เดิน
     
  11. Seventh Heaven

    Seventh Heaven สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอเป็นสาวก
    ที่คนไม่รู้
    ประนามว่า
    ลัทธินอกรีตด้วยคน


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. panup

    panup Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +57
    เวปนี้แบ่งเป็นห้องต่าง ๆ ไม่ใช่เหมารวมเป็นพุทธศาสนาไปหมด ต้องให้เครดิตเจ้าของเวปมากที่มองเห็น ความแตกต่างในเส้นทางเดินของจิต ซึ่งไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นที่พุทธศาสนาเถรวาทเท่านั้น

    บุคคลที่ยังไม่ถึงซึ่ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็จำต้องลัดเลาะไปตามฝั่งเป็นธรรมดา

    เจ้าของกระทู้ไม่มาตั้งที่ห้องพุทธศาสนา ก็เห็นว่ามีวิจารณญานมากพอสมควร

    ส่วนผมอ่านแล้วมีความเห็นส่วนตัว ดังนี้

    ข้อความที่เขียนไว้ดีมาก เหมาะสำหรับคนกลุ่มน้อยเท่านั้น เปรียบเสมือนนักศึกษาขั้นปริญญาโทขึ้นไป แต่ไม่เหมาะสำหรับนักเรียนภาคบังคับเลย

    คือต้องดูสภาวะปัจจุบันว่าเป็นเช่นใด

    ๑ การไม่ทำอะไรนี่หมายความความสามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกสิ่งทุกอย่างได้หรือไม่

    ๒ คุณหมดหน้าที่ ไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ กับ คน สัตว์ สิ่งของ แล้วหรือไม่

    ผมจำเป็นต้องเอาพุทธศาสนามาอธิบายตรงนี้เพราะไม่มีอะไรจะอธิบายได้ ว่า คุณได้กระทำสิ่งต่างประจำวันในลักษณะ สักแต่ว่า แล้วหรือยัง

    ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปทั้งหมด ไม่มีอะไรมีค่าสำหรับคุณอีกต่อไป

    คุณได้เห็นแล้วว่าโลกนี้เป็นเช่นดั่งโรงละคร คุณเป็นเพียงผู้เล่นในบทบาทต่าง ๆ เท่านั้น และคุณเล่นได้สมบทบาทอย่างเหมือนจริงที่สุด

    ถ้าเป็นบุคคลดั่งเช่นข้างบนเจ้าเข้าใจบทความนี้เป็นอย่างดี และเห็นว่าถูกต้องด้วย

    แต่ก็อย่างที่ความเห็นก่อน ๆ ที่เปรียบเสมือนการเดินทาง เอาปลายทางขึ้นมาก่อนทั้งที่ยังไม่เริ่มต้นเดินทางเลย นี่ละครับเลยมีแนวโน้มเป็นแบบลัทธินอกรีตที่เห็น ๆ กันอยู่

    มันเลยเป็นเช่นดั่งดาบสองคมจริง ๆ

    ช่วยไม่ได้ครับ ทางเดินเส้นนี้เปรียบเสมือนเดินอยู่บนขอบเหว ตกได้ตลอดเวลา พรหมวิหาร ๔ จำต้องมีอุเบกขา เมตตาตัวนี้ทำให้มีก็ยากอย่างที่สุด เมื่อมีแล้วทำให้ไม่มียิ่งยากไปกว่า
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    อริสัจ4 เป็นความจริงแท้ ทุกข์ที่มนุษย์ทุุกคนมี และทางพ้นทุกข์มีอยู่ ถ้ามีสาระแห่งความพ้นทุกข์ได้มันก็อยู่ในมรรค ถ้าไม่มีการกล่างถึงมรรค แล้วจะบอกคนอื่นให้พ้นทุกข์ยังไง ถ้าคนเขียนบอกว่าเราพ้นทุกข์แล้ว คนเขียนเองก็ต้องผ่านมรรควิธีมา ไม่ว่าจะใช้เวลาหรือไม่ก็ตาม สิ่งนั้นก็เป็นมรรควิธีอยู่ดี
     
  14. ใจทุกข์

    ใจทุกข์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +0
    ส่วนสุดของทั้งสองด้าน ไม่ควรเข้าไปยุ่งไม่ใช่เหรอครับ
     
  15. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    ทุกศาสนา แก่นแท้แล้วสอนให้ทุกคนเป็นคนดี เพื่อหลุดพ้นจากทุกข์ แต่โดยเส้นทางเข้าหาความหลุดพ้นอาจแตกต่างกันไปแล้วแต่ทิศทางที่มองเข้ามา บางคนอยู่ทางซ้าย อยู่ขวา อยู่หน้า อยู่หลัง อยู่บน อยู่ล่าง ฉะนั้นการมองภาพต้องแตกต่างกันไปเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังคือผู้นำคำสอนของพระศาสดา ผู้เผยแพระพระธรรมคำสอนมากกว่าที่น่าเป็นห่วง เอาความคิดตัวเองเข้าไปบิดเบือนพระธรรมคำสอน แทนที่จะหลุดพ้นจากทุกข์กลับพาดิ่งลงอเวจีก็มีมากเช่นกัน ดังนั้นควรใช้สติ ปัญญา พิจารณาในคำสอนเหล่านั้น
     
  16. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    อริยสัจ ๔ คือ ความจริงอันเสริฐ ๔ ประการ
    ไตรลักษณ์ คือ สัจธรรมที่หนีไม่พ้น
    โลกธรรม ๘ คือ สิ่งที่ต้องประสบพบเจออยู่ทุกวัน
    พรหมวิหาร ๔ คือ ธรรมสำหรับผู้ใหญ่ ผู้ปกครอง

    หากคนเราทุกวันนี้ ปฏิบัติได้ตามพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้นไม่ได้ทั้งหมด แต่ยึดเป็นแนวทางปฏิบัติให้ได้มากที่สุด รับรู้ ยอมรับ และทำความเข้าใจ แม้นไม่อาจหลุดพ้น แต่สังคมก็อยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข
     
  17. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    คุณใจทุกข์ ผมเชื่อในอริยสัจ4 และอริยมรรคมีองค์8 อันเป็นมัชฌิมปฎิปธา ทางสายกลางนะครับ
     
  18. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอ อนุโมทธนาสาธุค่ะ ใช่เลยค่ะ แต่ ไม่ทำไม่รู้ ท่านทำมาก่อนถึงรู้ รุ้แล้ววาง เราเรียกว่าผู้รู้แจ้งใช่ไหมค่ะ พระพุทธองค์ก็ทำมาก่อน แล้วก็หยุด วาง รู้แจ้งตอนปล่อยวางตามธรรม นี่แหละ
     
  19. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    ในเมื่อ
    ไม่ต้องทำ ไม่ต้องรู้ ไม่ต้องจำ ไม่ต้องจด
    ก็...ไม่ต้องสอน ไม่ต้องเผยแพร่..สิ

    หยุดที่เหตุ
     
  20. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    ผมว่าคุณหลงธรรมแล้วนะครับคุณวัชรธร พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ทำในสิ่งที่ควรทำ ละในสิ่งที่ควรละ เพื่อให้ได้มาซึ่งอารมณ์หนึ่งซึ่งเรียกว่า นิพพาน ถ้าท่านสอนให้ไม่ทำอันใด คงไม่มีพระอยู่ในเมืองหรอกนะ พระคงออกไปอยู่ป่าหาความวิเวกกันหมด พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ทำให้ดีที่สุดต่างหากเล่า ไม่ใช่สอนให้ไม่ทำอะไรเลย ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เด็กทารกก็ต้องกินนมก่อน รอจนโตขึ้นมาหน่อยถึงจะทานข้าวได้ ปุริสธรรม 7ประการ คือ เหตุ ผล ตน ประมาณ กาล หมู่ รู้เฉพาะบุคคล ตัวท่านมีความเข้าใจในธรรมที่ท่านแสดงมากน้อยแค่ไหนครับ หรือเพียงแต่คัดลอกมาจากคนอื่นเขามาขอรับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...