ยุคสมัยของโลก กับการปรับเปลี่ยน "พลังจักรวาล" ณ กึ่งกลางยุคพุทธกาล

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 5 มิถุนายน 2011.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    โลกมียุคสมัยนับตามพราหมณ์ เป็น ๔ ยุค ในสี่ยุคนี้ปรากฏมีในพระพุทธกาลทุกพุทธกาล ครบสี่ทั้งหมด(ไม่ใช่ พระพุทธเจ้าองค์แรก เกิดในยุคแรก แล้วไล่ไปเรื่อยๆ อันนี้ นับผิดวิธี) แม้แต่ในพุทธกาลนี้ก็มียุคทั้ง ๔ ครบ โดยไล่เรียงกันไป คือ กฤตยุค, ไตรดายุคทวาปรยุค และกลียุค สมมุติ เราเขียนเส้นกราฟแสดงความเจริญทางวัตถุของโลก เราจะได้รูปตัวอักษร W คือ เจริญลงแล้วจึงสูงขึ้น สองรอบ เส้นกราฟประกอบด้วยเส้นทั้ง ๔ (รวมเป็นตัว W) แต่ละเส้นแทนแต่ละยุค ไล่กันไปแต่ถ้าเราเอา "ความเจริญทางจิตใจ" เป็นเส้นกราฟเราจะได้กราฟรูปตัว M เมื่อเขียนกราฟรวมกันแล้วจะได้เส้นตัดกันของสองเส้นกราฟ โดย "จุดที่สุด"(กลาง) ของทั้งสองเส้นกราฟ คือ "กึ่งกลางพุทธกาล" หรือ ณ ยุคปัจจุบัน จะมีเส้นตัดของสองเส้นกราฟอยู่ ๔ จุด จุดที่ ๒ ถึง ๓ คือ "พุทธกาล" ซึ่งมีเวลารวม ๕,๐๐๐ ปี หากนับยุคโดยใช้พระนารายณ์จุติเป็นเกณฑ์ ก็จะได้ ๑๐ ปางไล่เรียงกันไป โดยพบว่าปางที่ ๕, ๖จะปรากฏในยุคนี้พอดี คือ ก่อนกึ่งกลางพุทธกาลเป็นยุคนารายณ์ปางที่ ๕ และหลังจากนั้นปางที่ ๖ช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้เอง จะเกิดการเปลี่ยนพลังจักรวาลที่ประสานมายังโลกอย่างมาก ดังนี้...
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พลังฟ้าและพลังดินร่วมประสานกันอย่างไร?พลังดิน หมายถึง พลังที่อยู่ภาคพื้นดินของโลก โดยประกอบด้วย ๑) พลังดั้งเดิมของโลก และ๒) พลังจักรวาล ที่ประสานลงมายังภาคพื้นดินพลังฟ้า หมายถึง พลังที่อยู่เบื้องบนโลกอันส่งผลต่อโลกได้ เพราะเชื่อมโยงกันอยู่ทางเทคนิกประกอบด้วย ๑) พลังของโลกที่เชื่อมโยงขึ้นฟ้าและ ๒) พลังจักรวาลที่ลงมาประสานยังพื้นโลกพลังฟ้าและพลังดิน เชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อนในหลากมิติ ทำให้ยากที่จะแยกแยะ อันส่งผลกระทบต่อ "พลังงานดั้งเดิมของโลก" แล้วจึงนำไปสู่ "กระบวนการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกยุคใหม่"ขับเคลื่อนโลกให้ดำเนินไปเป็นยุคสมัยที่ต่างกันเพื่อให้สรรพจิต ที่ไม่ใช่พลังของโลกแต่ดั้งเดิมที่มาจาก "นอกโลก" ได้เวียนว่ายตายเกิดแล้วเห็นธรรม พร้อมหลุดพ้นโลก นิพพานไป ให้ได้มากที่สุด จากนั้น จำต้อง "เคลียร์พลังงานจักรวาล" ที่เป็นส่วนเกินอันส่งผลกระทบต่อโลก กลับคืน และปรับสภาพโลกให้ฟื้นคืนสู่ "สภาพปกติ" เป็นยุคๆ ไป คือ "หมด ๑ ยุค เคลียร์พลังงาน ๑ ครั้ง" นั่นเอง
     
  3. LEEBIG

    LEEBIG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +186
    โลกปรับเปลี่ยนรูปแบบไปนานแล้ว ยุคสมัยไม่ซ้ำซ้อน ย้อนยุค รูปแบบใหม่ๆ กำลังถ่ายผ่านเข้ามาเรื่อยๆๆๆ
    ถ่ายผ่านเก่าออก ใหม่มา ใหม่ราบรื่นๆๆๆๆ
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การเปิดประตูสู่มิติทั้ง ๘ ของจักรวาล...มิติทั้งหลายซ้อนกันอยู่ดุจเป็นหนึ่งเดียวกัน รวมทั้งสิ้น ๘ มิติ จิตของมนุษย์สามารถหยั่งถึงมิติทั้ง ๘ ผ่านประตูมิติได้ ซึ่งจะขอเรียกว่า "ประตูมิติทั้ง ๘" ได้แก่ มิติแห่งธาตุดิน (ของแข็ง), มิติแห่งธาตุน้ำ (ของเหลวไหล), มิติแห่งธาตุลม (พวกก๊าซ), มิติแห่งธาตุไฟ (พลังงานหยาบ), มิติแห่งธาตุวิญญาณ หรือวิญญาณธาตุ (พลังงานทิพย์), มิติแห่งมโนธาตุ (ธาตุรู้), มิติแห่งอากาสธาตุ (ธาตุแท้แห่งความว่าง) และ มิติแห่งนิพพาน รวมทั้งสิ้น ๘ มิติ ที่ซ้อนทับอยู่ด้วยกันดุจเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งมนุษย์สามารถใช้ "จิตเข้าสู่ประตูมิติ" ต่างๆ เพื่อ "หยั่งรู้" ในมิตินั้นๆ ได้ เช่น โลกทิพย์ หรือมิติแห่งวิญญาณธาตุ นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมโยงไปสู่ "มิติแห่งมโนธาตุ" ได้มากมาย ก็จะล่วงรู้เข้าใจ จิตใจ, ความรู้สึกนึกคิด ของสรรพจิตทั้งหลายทั้งยังสามารถกระตุ้น ส่งเสริม ให้เกิดความคิด, กระแสนิยมให้เกิดขึ้นในสรรพจิต เป็นวงกว้างได้อีกด้วย การเชื่อมโยงสู่มิติทั้ง ๘ นี้ จะช่วยทำให้เกิดความเข้าใจในการปรับเปลี่ยนพลังจักรวาลของโลกในยุคที่จะถึงนี้ได้ จะเข้าใจถึงผลกระทบที่เชื่อมโยงถึงกันของมิติต่างๆ ทั้ง ๘ มิตินั้น
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    จิตของมนุษย์สามารถขับเคลื่อนกลไกลพลังงาน ในมิติต่างๆ กันได้ ยกตัวอย่างเช่น มนุษย์ที่มีจิตใจ คิดถึงแต่เรื่อง "วัตถุที่จับต้องได้" ก็จะมี "คลื่นกระแสจิต" อยู่ในระดับเดียวกับวัตถุ หรือ "มิติแห่งธาตุดิน" เมื่อมนุษย์โลภอยากได้วัตถุมากๆ กระแสจิตของมนุษย์กลายเป็น "ลบ" และส่งผลต่อ "ธาตุดิน" บนโลก ทำให้เกิดความแปรปรวนของธาตุดินได้มากมาย เช่นกัน เมื่อมนุษย์มีความ "รักใคร่" ในทางที่ดี ธาตุน้ำบนโลกก็จะสมบูรณ์, สมดุล ดีด้วย แต่เมื่อใด ที่มนุษย์มีความรักใคร่มากเกินไป หลงใหลมากเกินไป มิติแห่งธาตุน้ำ ก็จะถูกขับเคลื่อนด้วยกระแสจิตของมนุษย์นั้น ทำให้น้ำท่วมได้ง่าย ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นผลมาจาก "คลื่นกระแสจิต" ของมนุษย์ ที่เข้าไปจูนใน "มิติต่างๆ" ของจักรวาลนั้นเอง หากคลื่นกระแสจิตของมนุษย์ เป็นไปทางดี (บวก) ก็จะส่งผลดีต่อการเปลี่ยนแปลงในมิตินั้นๆ แต่หากคลื่นกระแสจิตของมนุษย์เป็นไปทางชั่ว (ลบ) แล้ว ย่อมส่งผลร้ายคืนกลับต่อตัวมนุษย์เหล่านั้นเอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของมิติทั้ง ๘ อย่างมากได้ และขับเคลื่อนโลกให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ "ยุคใหม่" ได้ในที่สุด นี่คือ วิธีขับเคลื่อนโลกด้วยพลังจิตของมนุษย์ทั้งหลาย นั่นเอง
     
  6. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3
    อนุโมทนา กับความรู้แจ้งค่ะ โลกเปรียบเหมือนรถ เราคือผู้ขับเคลื่อนใช่ไหม?ค่ะ
     
  7. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3
    โลกคือธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ มีพลังจิต เป็นตัวเคลื่อนไหว เหมือนมนุษย์ ใช่ไหมค่ะ
     
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ครับ...การเปลี่ยนแปลงของมิติใดๆ ทั้ง ๘ ล้วนส่งผลกระทบต่อมิติอื่นๆ ทั้งสิ้น ทว่า ในมิติที่แปด (นิพพาน) นั้น การเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้น (มีผู้นิพพานเพิ่มขึ้น) ล้วนดีต่อภาพรวมของทั้งจักรวาล เพราะช่วยระบาย "พลังที่ไร้เสถียรภาพ" อันรบกวนจักรวาลทั้งมวลนี้ ให้สงบลง นั่นเอง ในการเปลี่ยนแปลงของมิติต่างๆ จะเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงในมิติที่ละเอียดกว่าก่อน ไปสู่มิติที่หยาบขึ้นเรื่อยๆ เช่น เมื่อพระพุทธเจ้าทรงปรินิพพานแล้ว โลกธาตุจะหวั่นไหวตามไปด้วย ๑ ครั้ง อันเป็นผลจาก "มิตินิพพาน" มีความเปลี่ยนแปลง คือ พระพุทธเจ้านิพพานเพิ่มขึ้นอีก ๑ พระองค์ การเปลี่ยนแปลงในมิติของอากาสธาตุจะตามมา จากนั้นจึงไปสู่ มิติของมโนธาตุ, มิติของวิญญาณธาตุ (โลกทิพย์จะมีเทวดาเกิดและตาย สลับตำแหน่งกันมาก) ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกระทบถึงโลกธาตุ หรือมิติแห่งดิน, น้ำ, ลม และไฟ บนโลกมนุษย์ในที่สุด ดังนั้น หากเราสามารถหยั่งรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในมิติที่ละเอียดกว่าได้แล้ว ก็จะสามารถคาดการณ์ "ความเปลี่ยนแปลง" ในมิติที่หยาบขึ้นได้ ซึ่งจะเกิดขึ้นในเวลาต่อมาไท่นานนัก
     
  9. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การขับเคลื่อนโลกและจักรวาลด้วย "จิตวิญญาณเฉพาะ" เช่น การขับเคลื่อนธาตุดินของโลก มีจิตวิญญาณเฉพาะทำหน้าที่อยู่ คือ "จิตวิญญาณแม่พระธรณี" ดังนั้น ธาตุดินบนโลกที่เดิมไม่มีจิตวิญญาณ ก็มีจิตวิญญาณจากจักรวาล ลงมาประสานเพื่อดูแลควบคุมธาตุดินนั้น นี่เรียกว่า "การประสานพลังจักรวาลลงสู่โลกมนุษย์" นั่นเอง (หรือ จักรวาลส่งพระแม่ธรณีลงมาดูแลธาตุดินบนโลกมนุษย์ ก็ได้เช่นกัน) สำหรับเรื่อง "จิตวิญญาณเฉพาะ" นั้น มีมากมาย เช่น พระอาทิตย์ มีจิตวิญญาณเทพที่มีหน้าที่เฉพาะในการดูแลความเป็นไปของดวงอาทิตย์นั้นๆ เรียกว่า "เทพพระอาทิตย์" หรือ "สุริยเทพ" นั่นเอง ในระบบสุริยจักรวาลนี้ มีเทพนพเคราะห์ดูแลทั้งสิ้น ๙ องค์ เรียกว่า "ดาวเทพนพเคราะห์ เมื่อรวมกับจิตวิญญาณภาคตรงข้ามที่คอยขัดขวางอีก ๑ ดวง เป็น ๑๐ ดวง (ดวงสุดท้าย คือ ดาวมฤตยู นั่นเอง) ซึ่งจิตวิญญาณเฉพาะเหล่านี้ ล้วนเคยเกิดและตายบนโลก บำเพ็ญธรรม, ฤทธิ์ และบุญบารมี มาบนโลกก่อนแล้วทั้งสิ้น เมื่อสิ้นจาก "วาระการทำหน้าที่" ก็จะมีการ "ผลัดเปลี่ยนเวร" ๑ ครั้ง หรือ "ปรับเปลี่ยนพลังงาน" ทั่วสามภพหรือทั้วจักรวาล ๑ ครั้ง เรียกว่า "การปรับเปลี่ยนพลังจักรวาล" ก็ได้ ซึ่งจะตรงกับช่วงสิ้นยุคแต่ละยุคของโลกพอดี ดังเช่นในยุคปัจจุบัน ที่กำลังสิ้นลง เพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ คือ "ยุคพลังงานใหม่" ที่จะลงมาประสานกับโลกนี้ แล้วขับเคลื่อนโลกให้ดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็นต่อไป นั่นเอง
     
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    รอยต่อการการเปลี่ยนแปลงพลังงาน หากไม่ราบเรียบ ก็ส่งผลให้เกิด "ภัยพิบัติ" ได้ เช่น เทพที่อารักษ์เมืองๆ หนึ่งอยู่ เมื่อสิ้นวาระแล้ว กลับคืนสู่สวรรค์ รับตำแหน่งที่สูงขึ้นไป มีเทพองค์อื่นลงมาดูแลเมืองนั้นๆ แทน ช่วงนี้เอง ที่จะมี "พลังงานแทรก" เช่น จิตวิญญาณสัมภเวสีที่จรจ้องอยู่ เข้ามาแทนที่เทพองค์ที่จะเข้ามาได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น พระภูมิในบ้านของข้าพเจ้า เมื่อก่อนตาของข้าพเจ้าที่ตายไป เป็นพระภูมิดูแลอยู่ เมื่อข้าพเจ้าได้โปรดจิตวิญญาณของตา ได้ขึ้นสวรรค์ชั้นที่สองแล้ว ตำแหน่งพระภูมิว่างลง เจ้าแม่กวนอิม ได้ทรงแบ่งภาคลงมาประจำเป็นพระภูมิให้ ทว่า ถูกมังกรมารฆ่าไป มารตนหนึ่งได้ทีเข้าแทรกแทน ข้าพเจ้าจึงประสานกับ "หลวงพ่อโต" แล้วขอพระภูมิองค์ใหม่มาแทน ซึ่งองค์ใหม่ที่เข้ามาแทนนี้ เป็นสัญชาติยักษ์ เป็นต้น นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ของการปรับเปลี่ยนพลังงาน หากเป็นตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้น เช่น เทพประจำเมือง ก็จะเกิดความวุ่นวายมากกว่านี้ เนื่องจากเกี่ยวเนื่องกับจิตวิญญาณบริวารอีกเป็นจำนวนมาก นั่นเอง
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การปรับเปลี่ยนพลังจักรวาลในส่วนใดๆ ของโลก ต้องอาศัยมนุษย์ในสถานที่นั้นๆ รองรับด้วย กล่าวคือ ถ้าในบ้านหนึ่ง มีคนเลวอยู่ การที่เทพที่ดีจะลงมาดูแลบริเวณบ้านนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจาก ประสานพลังจิตไปด้วยกันไม่ได้นั่นเอง แม้แต่ประเทศๆ หนึ่ง จะได้จิตวิญญาณเทพที่ดี พลังจักรวาลที่ดี มาดูแลให้หรือไม่ หลังการปรับเปลี่ยนพลังจักรวาลในยุคนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ "บุญบารมี" หรือ "พลังจิต" ของมนุษย์ที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ เป็นสำคัญด้วย นี่คือ "การสอดรับกันของพลังฟ้าและดิน" พลังฟ้าจะประสานลงมาได้ก็ต้องอาศัยพลังภาคพื้นดิน รองรับสภาวะด้วย ด้านหนึ่งก็มองได้ว่าโลกนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย คนดีมีบุญบารมี จะได้รับผลดี อันมาจากพลังจักรวาลหรือเทพที่ดีที่จะลงมาดูแลรักษาในอนาคตอันใกล้นี้ และด้านหนึ่งคือ คนที่ก่อกรรมทำชั่ว ก็จะได้รับพลังจักรวาลด้านลบ และอาจนำไปสู่ภัยพิบัติมากมายได้อีกด้วย ทั้งหมดนี้ ล้วนขึ้นอยู่กับ "จิตใจของมนุษย์" เท่านั้นเอง
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    สถานที่ใดได้รับการปรับเปลี่ยนพลังจักรวาลแล้ว จะปลอดภัย ที่ใดยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงพลังจักรวาล (หรือเทพที่ดูแลเป็นองค์ใหม่) ที่นั่น ก็จะยังมีความเสี่ยงอยู่ ผู้บำเพ็ญธรรมเอง หากมีปัญญาและเข้าใจถึงกระบวนการนี้ได้ ก็สามารถเข้าช่วยในกระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปอย่างราบรื่น เช่น การที่พระสงฆ์ไทย นิยมสร้างเทวรูปสิ่งศักดิสิทธิ์ต่างๆ นั้น ก็เพื่อดึงพลังจักรวาล หรือเทพที่ดี เข้ามาประจำแทนองค์เก่า หรือพลังงานเก่านั้น หากทำได้สำเร็จ ก็จะราบรื่น ไม่มีปัญหา แต่หากเคลียร์พลังงานเก่าออกไม่หมด ก็จะ "ตกค้างแล้วรบกวนปั่นป่วน" เช่น ทำให้คนในสถานที่นั้นๆ หรือวัดที่สร้างใหม่นั้น เกิดการทะเลาะบาดหมาง, แตกแยก, แย่งอำนาจ, เข้ากันไม่ได้, มีรอยร้าวภายใน, แบ่งพรรคแบ่งพวก ฯลฯ เป็นต้น นี่คือ ผลจากการปรับเปลี่ยนพลังงานจักรวาลที่ไม่ราบเรียบ ยังมีพลังงานเก่าที่ยังไม่ได้รับการชำระหลงเหลืออยู่นั่นเอง ซึ่งพลังงานเก่าหรือจิตวิญญาณเหล่านี้ อาจจรอาศัยร่างผู้บำเพ็ญธรรม แล้วได้รับการชำระด้วยพลังธรรมในร่างของผู้บำเพ็ญนั้น จนหลุดพ้นไป สถานที่นั้นๆ ก็จะกลับเข้าสู่ความสงบ การทะเลาะบาดหมางก็จะสิ้นสุดลงได้
     
  13. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3
    เหมือนวัดในหมู่บ้่านหนูเลย ชาวบ้านกับพระไม่เข้าใจกัน พระองค์ไหนมาก็อยู่ไม่ได้ต้องมีเหตุไห้ต้องออกจากวัดไปจาก อดีตจนถึงปัจจุบันไม่สงบเลย

    หนูรู้สึกสัมผัส พลังงานที่ท่านกล่าวได้ ด้วยความรุ้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ รู้ว่ามีพลังงานบางอย่างที่คอยช่วยเหลือ และคอยติดต่อหนูอยู่ หนูเรียกพลังงานนั้นว่า พระแม่ หรือพลังธรรมชาติ สิ่งที่ไม่มีตัวตน มองไม่เห็น แต่รู้สึกได้เฉพาะตน


    วันนี้ มีความกระจ่างเยอะเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ



    แต่
     
  14. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3
    เหมือนวัดในหมู่บ้่านหนูเลย ชาวบ้านกับพระไม่เข้าใจกัน พระองค์ไหนมาก็อยู่ไม่ได้ต้องมีเหตุไห้ต้องออกจากวัดไปจาก อดีตจนถึงปัจจุบันไม่สงบเลย

    หนูรู้สึกสัมผัส พลังงานที่ท่านกล่าวได้ ด้วยความรุ้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ รู้ว่ามีพลังงานบางอย่างที่คอยช่วยเหลือ และคอยติดต่อหนูอยู่ หนูเรียกพลังงานนั้นว่า พระแม่ หรือพลังธรรมชาติ สิ่งที่ไม่มีตัวตน มองไม่เห็น แต่รู้สึกได้เฉพาะตน


    วันนี้ มีความกระจ่างเยอะเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ



    แต่
     
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เข้าหาคนที่เป็นต้นตอของปัญหา เปิดใจรับความเป็นเขา ประสานมือ รับเอา "องค์มาร" หรือ "ซาตาน" ในร่างของเขา เข้ามาในตัวเราเราจะกลายเป็น "ครึ่งซาตาน" แล้วเอาจิตวิญญาณดวงนั้นที่อยู่ในกายเราแล้วไปโปรดให้หลุดพ้น จึงจะเคลียร์พลังเก่าได้ คนที่ทำไม่ดีอยู่ มีพลังแทรกเขาไม่อาจเอาชนะพลังด้านมืดได้ด้วยตัวของเขาเอง จำต้องอาศ้ยผู้มีบารมีธรรมมากกว่า เอามารหรือซาตานที่แทรกอยู่ไปโปรดเสีย จึงจะเคลียร์พลังด้านลบได้ หรือไม่ก็หาคนที่มีบารมีธรรมมากพอ มาโปรดแทน (ถ้าไม่แน่ใจว่าเราจะทำได้)
     
  16. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3
    ตอนนี้มีพระที่ปฎิบัติมานานมา เพิ่งย้ายมาใหม่ แต่ไม่รู้ว่าจะสามารถเปลี่ยนพลังงานเก่าได้ใหม? ท่านเจอหนัก วันวิสาฆะที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าจะช่วยท่านได้ยังไง

    วิธีเอาจิตวิญญาณดวงนั้นที่อยู่ในกายเราแล้วไปโปรดให้หลุดพ้น ทำยังไงค่ะ

    หนูเจอบ่อยๆค่ะ
     
  17. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ใช้สมาธิแบบใดก็ได้ที่ได้รับมาในชาติปัจจุบัน เลือกที่เราถนัดที่สุด ทำได้ดีที่สุด ทำอีกครั้ง ให้รู้สึกถึง "ที่สุดของสมาธิ" นั้นๆ เหมือน "จิตวิญญาณสลาย" หรือใจสลาย ๑ ส่วน (๑ ดวงจิต ที่อาศัยร่างเราอยู่รอบนอกสุดของชั้นพลังภายในกายทิพย์) จิตวิญญาณเมื่อสลายแล้วจะเกิดใหม่ จึงหลุดพ้นได้ หากทำสมาธิหมุนเป็น (หมุนธรรมจักร) ให้หมุนช้าๆ อย่าหมุนเร็ว หมุนเร็วหรือแรงไป จิตวิญญาณดวงอื่นๆ จะจรออกได้ ทำให้เหลือ "เอกจิต" คือ จิตเดียว เข้าถึงธรรมได้ง่ายด้วยจิตดวงนั้น แต่ไม่อาจโปรดจิตวิญญาณดวงที่เหลือได้ เพราะเมื่อจิตวิญญาณดวงที่ถูกหมุนเหวี่ยงจรออกไปแล้ว จะจรกลับเข้ามาใหม่ในสภาพเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ธรรมในจิตวิญญาณดวงนี้จะไม่ก้าวหน้า ดังนี้ จึงต้อง "หมุนธรรมจักรช้าๆ" แล้วพิจารณาให้เห็นชัดถึงรอบแห่งความเบื่อหน่ายในการเกิดแต่ละชาติซ้ำๆ เหมือนรอบของการหมุนธรรมจักรนั้น
     
  18. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอบคุณค่ะ รบกวนขอถามอีกข้อค่ะ

    เราจะนึกถึงเขา แล้วหมุนในตัวเขาจะได้ผลไหมค่ะ? หนูเคยลองกับคนป่วย คืออยากช่วยเขา

    แต่หนูกลัวจะเข้าหนูแทน ที่ท่านกล่าวมาทั้งหมดป็นคำตอบที่ต้องการ ที่ผ่านมาทำไป แบบลองผิดลองถูก มีพระพุทธองค์เป้นที่ตั้ง ในขณะนี้ คุณคือเทียน ส่องทาง

    ขอบคุณค่ะ
     
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    คุณมีพลังโพธิสัตว์ แม้ใช้ธรรมจักร จะถูกขวางด้วยเทพกุมารบริวาร ผลที่ได้ แทนที่จะดี กลายเป็นเสีย เข้าทางดาวเทพพระเกตุ คือ ใช้ เด็กทำงานใหญ่ กลายเป็นล้มเหลวโดยไม่เจตนา สมมุติ ถ้าในร่างผู้ ช่วยเหลือ มีพลังของธรรมจักรส่วนหนึ่ง มีพลังเย็นอีกส่วนหนึ่งแต่พอ ช่วยเหลือ กลายเป็นการซ้ำเติมได้ เพราะพลังเย็นนั้นอาจไม่เข้ากับ ร่างของผู้ที่รับการช่วยเหลือ คนที่จะใช้ธรรมจักรหมุนในร่างผู้อื่นได้จำจะต้องสำเร็จยูไลด้วยพลังธรรมจักร และไม่มีพลังอื่นแทรกในร่างขณะที่ช่วยเหลือนั้น ท่านผู้นี้จึงจะช่วยเหลือได้ด้วยการใช้ธรรมจักรหมุนในร่างผู้อื่น
     
  20. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอบคุณที่ชี้แนะค่ะ ทุกคนมีกรรม หรือ การกระทำที่ผ่านมาเป็นเหตุให้เกิดผลในปัจจุบัน คือ ทุกข์ หรือสุข ใช่ไหมค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...