ด่วน!กฐินสามัคคี ปฏิสังขรณ์องค์ พระอัฏฐารสยืนคู่ เดียวในโลก อายุ 700 กว่าปี

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย por410, 22 มีนาคม 2011.

  1. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
  2. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,267
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,012
    ร่วมทำบุญกฐินสามัคคี ปฏิสังขรณ์องค์ พระอัฏฐารสยืนคู่ เดียวในโลก อายุ 700 กว่าปี และร่วมทำบุญทุกอย่าง

    จำนวน 100 บาท โอนแล้ว 21 พค.54

    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ สาธุ สาธุ
     
  3. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ หลวงพ่อคุ้มครอง

     
  4. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
  5. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    ทอดกฐิน” อริยประเพณีที่สืบทอดมา กว่า 2,500 ปี นับตั้งแต่ครั้งที่พระพุทธองค์ยังคงมีพระชนม์ชีพอยู่จวบจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายทุกยุคทุกสมัยมีความศรัทธาเลื่อมใส ว่าเป็น “ยอดของมหากุศล” จะเป็นเหตุนำให้ผู้ได้มีส่วนในการทอดกฐินนั้น ได้มหานิสงส์อันยิ่งใหญ่สุดประมาณ


    [FONT= ]ด้วยเหตุนี้ การทำบุญทอดกฐินจึงเป็นงานบุญที่อยู่ในใจ และอยู่ในเส้นทางสัญจรของชีวิตในหนึ่งปีที่จะพลาดไม่ได้[/FONT][FONT= ] [/FONT]

    [FONT= ]เพื่อ ให้การทำบุญทอดกฐินในปีนี้ ดำเนินอยู่บนรากฐานของศรัทธาอย่างพุทธศาสนิกชนตามพุทธประสงค์ คือ ทำบุญอย่างผู้เข้าใจคุณค่าและความหมายของบุญ ดังนั้น จึงควรอย่างยิ่งที่เราจะได้ศึกษาความเป็นมาและความสำคัญของประเพณีทอดกฐิน ดังมีเรื่องราวดังต่อไปนี้[/FONT][FONT= ] [/FONT]



    ความหมายของกฐินและทอดกฐิน

    [FONT= ]กฐิน มีความหมายที่เกี่ยวข้องกันอยู่หลายความหมายดังนี้[/FONT][FONT= ] [/FONT]

    [FONT= ]• กฐินที่เป็นชื่อของกรอบไม้ กรอบ ไม้แม่แบบสำหรับทำจีวร ซึ่งอาจเรียกว่าสะดึงก็ได้ เนื่องจากในครั้งพุทธกาลการทำจีวรให้มีรูปลักษณะตามที่กำหนดกระทำได้โดยยาก จึงต้องทำกรอบไม้สำเร็จรูปไว้ เพื่อเป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำเป็นผ้านุ่งหรือผ้าห่ม หรือผ้าห่มซ้อนที่เรียกว่าจีวรเป็นส่วนรวม ผืนใดผืนหนึ่งก็ได้ ในภาษาไทยนิยมเรียก ผ้านุ่ง ว่า สบง, ผ้าห่ม ว่า จีวร และ ผ้าห่มซ้อน ว่า สังฆาฏิ [/FONT]

    [FONT= ]• กฐินที่เป็นชื่อของผ้า หมาย ถึงผ้าที่ถวายให้เป็นกฐินภายในกำหนดกาล 1 เดือน นับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ผ้าที่จะถวายนั้นจะเป็นผ้าใหม่ หรือผ้าเทียมใหม่ เช่น ผ้าฟอกสะอาด หรือผ้าเก่า หรือผ้าบังสุกุล คือผ้าที่เขาทิ้งแล้ว และเป็นผ้าเปื้อนฝุ่นหรือผ้าที่มีผู้ถวายจะเป็นคฤหัสถ์ก็ได้ เป็นภิกษุหรือสามเณรก็ได้ ถวายแก่สงฆ์แล้วก็เป็นอันใช้ได้ [/FONT]

    [FONT= ]• กฐินที่เป็นชื่อของบุญกิริยา คือการทำบุญ คือ การถวายผ้ากฐินเป็นทานแก่พระสงฆ์ผู้จำพรรษาอยู่ในวัดใดวัดหนึ่งครบไตรมาส เพื่อสงเคราะห์ผู้ประพฤติปฏิบัติชอบให้มีผ้านุ่งหรือผ้าห่มใหม่ จะได้ใช้ผลัดเปลี่ยนของเก่าที่จะขาดหรือชำรุด การทำบุญถวายผ้ากฐิน หรือที่เรียกว่า ทอดกฐิน คือทอดหรือวางผ้าลงไปแล้วกล่าวคำว่าถวายในท่ามกลางสงฆ์ เรียกได้ว่าเป็น กาลทาน คือการถวายก่อนหน้านั้น หรือหลังจากนั้นไม่เป็นกฐิน ท่านจึงถือโอกาสทำได้ยาก [/FONT]




    [FONT= ]• กฐินที่เป็นชื่อของสังฆกรรม คือกิจกรรมของสงฆ์ก็จะต้องมีการสวดประกาศขอรับความเห็นชอบจากที่ประชุมสงฆ์ ในการมอบผ้ากฐินให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เมื่อทำจีวรสำเร็จแล้วด้วยความร่วมมือของภิกษุทั้งหลายก็จะได้เป็นโอกาสให้ ได้ช่วยกันทำจีวรของภิกษุรูปอื่น ขยายเวลาทำจีวรได้อีก 4 เดือน ทั้งนี้เพราะในสมัยพุทธกาลการหาผ้า การทำจีวรทำได้โดยยาก ไม่ทรงอนุญาตให้เก็บสะสมผ้าไว้เกิน ๑๐ วัน แต่เมื่อได้ช่วยกันทำสังฆกรรมเรื่องกฐินแล้วอนุญาตให้แสวงหาผ้าและเก็บไว้ทำ เป็นจีวรได้จนตลอดฤดูหนาว คือจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 [/FONT]



    ที่มาของประเพณีทอดกฐิน

    [FONT= ]ในสมัยพุทธกาล ภิกษุชาวเมืองปาไฐยรัฐจำนวน ๓๐ รูป เดินทางมาเฝ้าพระศาสดา แต่ไม่ทันวันเข้าพรรษา จึงจำพรรษา ณ เมืองสาเกตุในระหว่างทาง พอออกพรรษาฝนยังตกชุกอยู่ ภิกษุเหล่านั้นก็เดินทางมาเข้าเฝ้าพระศาสดาด้วยความลำบาก ระยะนั้นมีฝนตกชุก หนทางที่เดินชุ่มไปด้วยน้ำ เป็นโคลนเป็นตม ต้องบุกต้องลุยมาจนกระทั่งถึงกรุงสาวัตถี พระศาสดาตรัสถามถึงความเป็นอยู่และการเดินทาง ภิกษุเหล่านั้นจึงกราบทูลให้ทรงทราบ จากนั้นพระพุทธองค์ทรงมีพุทธานุญาต ให้มีการถวายผ้ากฐินแก่ภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาครบถ้วนไตรมาส โดยกำหนดระยะเวลา คือ นับจากวันออกพรรษาตั้งแต่วันแรม [/FONT][FONT= ]1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นระยะเวลา 1 ดือน กฐิน จึงได้ชื่อว่าเป็น กาลทาน [/FONT]



    ความพิเศษของกฐินทาน

    [FONT= ]ในปีหนึ่ง แต่ละวัดสามารถรับกฐินได้เพียงครั้งเดียว นอกจานั้นแล้วกฐินทานก็มีความพิเศษแตกต่างจากทานอย่างอื่น ได้แก่[/FONT][FONT= ] [/FONT]

    [FONT= ]1. จำกัดประเภททาน คือ ต้องถวายเป็นสังฆทานเท่านั้น จะถวายเฉพาะเจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเหมือนทานอย่างอื่นไม่ได้
    2. จำกัดเวลา คือ ต้องถวายภายในระยะเวลา 1 เดือน นับแต่วันออกพรรษาเป็นต้นไป
    3. จำกัดงาน คือ พระภิกษุที่กรานกฐินต้องตัด เย็บ ย้อม และครองให้เสร็จภายในวันที่กรานกฐิน
    4. จำกัดไทยธรรม คือ ผ้าที่ถวายต้องถูกต้องตามลักษณะที่สงฆ์กำหนดไว้
    5. จำกัดผู้รับ คือ พระภิกษุผู้รับกฐิน ต้องเป็นผู้ที่จำพรรษาในวัดนั้นโดยไม่ขาดพรรษา และมีจำนวนไม่น้อยกว่า 5 รูป
    6. จำกัดคราว คือ วัดๆ หนึ่งรับกฐินได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
    7. เป็นพระบรมพุทธานุญาต ทานอย่างอื่นทายกทูลขอให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาต เช่นมหาอุบาสิกาวิสาขาทูลขออนุญาตถวายผ้าอาบน้ำฝน แต่ผ้ากฐินนี้พระองค์ทรงอนุญาตเอง นับเป็นพระพุทธประสงค์โดยตรง [/FONT]

    [FONT= ] [/FONT]

    ประเพณีทอดกฐินในปัจจุบัน

    [FONT= ]ช่วง เช้าเหล่าอุบาสก อุบาสิกา จะเริ่มต้นเช้าอันเป็นวันมงคลด้วยการทำบุญตักบาตรพระภิกษุสามเณรที่จำพรรษา ณ อาวาสดังกล่าว ภาพพระภิกษุและสามเณรเดินเรียงรายเป็นทิวแถวด้วยอาการสงบ สีเหลืองทองของผ้ากาสาวพัสต์ต้องแสงตะวันยามเช้า สร้างเลื่อมใสศรัทธาให้เอิบอาบในใจจิตพุทธศาสนิกชนทุกคนที่ได้พบเห็นอย่าง ไม่เสื่อมคลาย[/FONT][FONT= ] [/FONT]

    [FONT= ]
    [/FONT]

    [FONT= ]พิธี ทอดกฐินสามัคคี เพื่อถวายผ้ากฐินตามพระบรมพุทธานุญาต บางวัดจัดขึ้นในช่วงสายพร้อมและต่อด้วยการถวายสังฆทาน เพื่อถวายภัตตาหาร ซึ่งเป็นบุญอีกงบหนึ่ง โดยธรรมเนียมแล้ว มักมี [/FONT][FONT= ]“บริวารกฐิน” เพื่อถวายจตุปัจจัยไทยธรรม ซึ่งไว้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายภายในวัดเป็นค่าน้ำค่าไฟตลอดทั้งปี รวมทั้งค่าก่อสร้าง ทั้งส่วนซ่อมแซมและต่อเติมเสริมใหม่กิจการพระศาสนาขยายตัวได้อย่างมี ประสิทธิภาพ [/FONT]

    [FONT= ]บางวัดนำมา เป็นกุศโลบายให้สาธุชนได้ปฏิบัติธรรมกัน อย่างเช่นที่วัดพระธรรมกาย กิจกรรมทอดกฐินจะทำในช่วงบ่าย ส่วนช่วงสายนั้นให้ทุกคนได้ปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนาเพื่อกลั้นกาย วาจา ใจ ให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ก่อนจะทำบุญใหญ่กัน[/FONT][FONT= ] [/FONT]

    [FONT= ]
    [/FONT]

    [FONT= ]กิจกรรมที่มาพร้อมกับประเพณีกฐินคือ[/FONT][FONT= ] “ขบวนอัญเชิญผ้ากฐิน” ซึ่งขึ้นกับแต่ละวัด แต่ละท้องถิ่นจะบรรลุสิ่งสวยงาม ทรงคุณค่า คู่ควรกับความสำคัญของพิธีทอดกฐินซึ่งจัดพียงปีละครั้ง ริ้วขบวนอาจประกอบด้วย ขบวนธงธิว ถ้าภาคเหนืออาจเป็นตุง ขบวนพานพุ่มดอกไม้ โดยใช้ทั้งสาธุชนและบุตรหลานเยาวชนมาร่วมขบวน ซึ่งแสดงถึงภูมิปัญญาของไทยที่หล่อหลอมให้เยาวชนใกล้วัดตั้งแต่เล็ก [/FONT]

    [FONT= ]การ ได้ผ้ากฐินแบบมีเจ้าภาพ ถือเป็นคฤหบดีกฐินนั้น เมื่อมีผู้มาทอดผ้า ณ เบื้องหน้าคณะสงฆ์ โดยไม่ได้เจาะจงถวายแก่รูปใดรูปหนึ่ง คณะสงฆ์ต้องทำพิธีอปโลกน์กฐิน หมายถึงการที่พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเสนอขึ้นในที่ประชุมสงฆ์ถามความเห็นชอบ ว่า ผ้ากฐินในปีนี้ควรถวายแก่ภิกษุรูปใด[/FONT][FONT= ] [/FONT]

    [FONT= ]ส่วน พิธีกรานกฐิน เป็นสังฆกรรมที่คณะสงฆ์ จะทำพิธีกันในพระอุโบสถ โดยพระภิกษุผู้ได้รับการเลือกสรรจากคณะสงฆ์ ว่าเป็นผู้มีสติปัญญา สามารถที่จะกรานกฐินได้[/FONT][FONT= ] [/FONT]

    อานิสงส์จากการทำบุญทอดกฐิน

    [FONT= ]1. ทำให้เกิดมาในตระกูลที่ดี มีสัมมาทิฐิ
    2. ทำให้ได้ลักษณะที่งดงามสมส่วน
    3. ทำให้มีผิวพรรณงดงาม
    4. ทำให้มีทรัพย์สมบัติมาก ไม่ลำบากในการแสวงหาทรัพย์
    5. เมื่อละโลกแล้วย่อมไปบังเกิดในสวรรค์ [/FONT]
     
  6. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
  7. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
  8. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
  9. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=732><TBODY><TR><TD class=text_brown12_bold align=middle>[SIZE=+1]วัดประโชติการาม[/SIZE]

    </TD></TR><TR><TD align=middle>

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=1 width="90%" align=center><TBODY><TR><TD class=text_brown_normal>
    ประวัติ
    หลวงพ่อสิน หลวงพ่อทรัพย์ และประวัติวัดประโชติการาม
    ตำบลบางกระบือ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี
    **************
    ประวัติวัดประโชติการาม (เดิมชื่อวัดประชด)
    ในอดีตกาลนานมาแล้ว ตามตำนานได้แจ้งว่ามีสัตว์หนึ่งมีลักษณะคล้ายสิงห์ อาศัยในถ้ำคูหา อยู่ในบริเวณที่เป็นที่ตั้งวิหารพระพุทธไสยาสน์ สิงห์ตัวนี้ได้ไปหากินแขวงเมืองชัยนาท ไปพบบุตรีของเศรษฐีผู้หนึ่ง (ไม่ปรากฎชื่อ) มีความปฏิพัทธ์รักใคร่ในนางนั้นเป็นกำลัง เมื่อได้ทีจึงรวบรัดนางนั้นขึ้นหลังพามายังคูหาแห่งตน และได้สมสู่เป็นสามีภรรยาด้วยกันมาช้านานก็มีครรภ์ ครั้งถึงกำหนดก็คลอดบุตรชายเป็นมนุษย์ บิดามารดามีความชื่นชมยินดีเป็นที่สุด และขนานนามบุตรว่า สิงหนพาหุ ครั้งสิงหนพาหุเจริญวัยขึ้น เมื่อสิงห์ผู้เป็นบิดาไปเที่ยวหาอาหารในป่า สิงหนพาหุก็ไปเที่ยวด้วยเสมอ แต่หาทราบไม่ว่าสิงห์นั้นเป็นบิดาของเธอ วันหนึ่งได้โอกาสจึงอ้อนวอนตามมารดาว่าบิดาของข้าพเจ้าคือใคร มารดาจึงตอบเป็นนัย ๆ ว่าวันนี้เจ้าไปเที่ยวกับใครคนนั้นแหละคือบิดาของเจ้า สิงหนพาหุเมื่อทราบชัดว่า สิงห์นั้นเป็นบิดาของตนตามคำมารดาบอก ก็เกิดความโหมนัสน้อยใจ คิดละอายแก่เพื่อนมนุษย์ ด้วยว่าบิดาของตนเป็นสัตว์เดรจฉาน เหตุนี้เองจึงทำให้สิงหนพาหุคิดเห็นผิดเป็นชอบ คอยหาโอกาสที่จะประหารชีวิตบิดาเสีย ครั้งวันหนึ่งคิดเห็นอุบายอันเหมาะสม ที่จะทำลายชีวิตบิดาได้แล้ว ก่อนจะไปป่าจึงขอให้มารดาห่ออาหารให้พ่อหนึ่งแล้วเดินทางเข้าสู่ป่า พร้อมกับสิงห์ผู้เป็นบิดา พบสัตว์ฝูงหนึ่งที่ใกล้บริเวณต้นโพธิ์ สิงห์จึงให้บุตรคอยอยู่ใต้ต้นโพธิ์นั้น ตอนออกเที่ยวจับสัตว์ในป่าเพลินอยู่ ฝ่ายสิงหนพาหุคอยบิดาอยู่ เมื่อไม่เห็นบิดากลับมาจึงขึ้นต้นโพธิ์ตระโกนร้องเรียก เมื่อบิดากลับมาถึงแล้ว จึงจัดอาหารให้รับประทานภายใต้ต้นโพธิ์ สิงหนพาหุถืออาวุธแอบหลังคอยทีอยู่ พอได้ทีก็ฟันคอบิดาขาดตายในที่นั้นจึงตัดกิ่งโพธิ์คลุมศพบิดาไว้ในสถานที่นั้น ๆ จึงมีนามว่าโพธิ์ตระโกนตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ครั้งเสร็จจากการทำลายชีวิตบิดาแล้ว จึงกลับมายังคูหาแจ้งความตายที่ตนได้ปลงชีวิตบิดาแก่มารดาทุกประการ นางมีความเศร้าโศกร่ำไห้ถึงสามีมิวายวัน ครั้งวายโศกแล้ว จึงปรึกษากับสิงหนพาหุ จะปลงศพบิดาเจ้าที่ไหนจึงจะสมควร ได้รับตอบว่าควรจะปลงศพที่โคกจันทร์ซึ่งเป็นบริเวณใกล้คูหา เป็นอันตกลงนำศพมาทำฌาปนกิจที่โคกจันทร์บัดนี้ สถานที่นั้นก็ยังมีปรากฎอยู่ ครั้งปลงศพเสร็จแล้ว สิงหนพาหุจึงอาราณนาพระเถรานุเถระทั้งหลายให้มาประชุมพร้อมกัน ในสถานที่สมควรแห่งหนึ่งแล้วจึงเรียกถามว่า บัดนี้ข้าพเจ้าได้พิจารณาโทษที่กระทำผิดต่อบิดานั้นแล้ว จะกระทำอย่างไรดีจึงจะพ้นโทษนั้นได้ พระสงฆ์ทั้งหลายจึงบอกว่าควรจะสร้างพระพุทธรูปและกุฏิวิหารถวายเป็น สังมิการาม แด่พระสงฆ์ทั้หลาย ผู้มาแต่จาตุทิศทั้งสี่นั่นแหละเห็นว่าจะเป็นบุญกุศลช่วยบรรเทาบาปกรรมอันหนักยิ่งของท่านได้บ้าง สิงหนพาหุจึงได้เริ่มก่อสร้าง พระพุทธไสยาสน์ขึ้นองค์หนึ่ง เอาทองคำโคสมกำยาว 1 เส้น ทำเป็นแกนพระพุทธรูปได้สร้างทับคูหาไว้ และสร้างกุฏิวหารเป็น พระอารามสำเร็จบริบูรณ์ จึงได้มีการประชุมพระสงฆ์ ฉลองถวายปัจจัยไทยธรรมครั้งเสร็จแล้ว จึงเรียนถามพระสงฆ์อีกวาระหนึ่งว่า ด้วยเดชะอำนาจกุศลสมภาร ที่ข้าพเจ้าได้ก่อสร้างพระพุทธรูปและพระอารามนี้ จะพ้นโทษได้หรือยัง พระสงฆ์จึงบอกว่า อาจเป็นอานิสงส์ช่วยได้บ้างแล้ว ครั้งต่อมาสิงหนพาหุ จึงได้จัดสร้างพระอารามขึ้นที่ต้นโพธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ทำลายชีวิตบิดาถึงแก่กรรมอีกแห่งหนึ่ง จึงได้นามว่า วัดสะบาป บัดนี้ยังปรากฏอยู่ แต่ร้างเสียแล้ว ครั้งสร้างวัดสะบาปแล้วมาสร้างวัดกึ่งโยชน์ ปัจจุบันเรียกว่า วัดยวด อยู่บนถนนสายสิงห์บุรี บางระจัน มีพระนั่งอยู่สององค์สิงหนพาหุกลัวว่าบาปยังไม่สิ้นไปจึงมาสร้างขึ้นอีกวัดหนึ่งชื่อ วัดประชด เพื่อให้บาปพ้นไปเพื่อเป็นการชดเชยหรือประชดให้ จึงได้สร้างพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติขึ้น 2 องค์ และได้ขนานนามว่า หลวงพ่อสิน สูง 3 วา 3 ศอก 5 นิ้ว ส่วนองค์หลังขนาดนามว่า หลวงพ่อทรัพย์ สูง 6 วา 7 นิ้ว และด้านหลังมณฑกหลวงพ่อสร้าง ได้สร้างพระมหาเจดีย์ใหญ่องค์หนึ่ง แต่บัดนี้ได้ทรุดโทรมหักพังเหลือแต่ซาก เมื่อทางคณะกรรมการวัดได้ทำการก่อสร้างพระอุโบสถหลังปัจจุบัน ก็ได้ช่วยกันถมดินและเศษอิฐ ซึ่งสลักหักพังมาถมพื้นอุโบสถให้สูงเสมอกับวิหารหลวงพ่อทั้งสององค์ แต่น่าอัศจรรย์ตรงกลางพระเจดีย์ไม่มีใครสามารถทำลายได้ คงปล่อยให้เป็นโคกสูงอย่างนั้นเอง จนกระทั่งวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ปี พ.ศ.2496 พระอธิการปั้น ซึ่งขณะนั้นจำพรรษาอยู่วัดยาว ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี ได้ครุ่นคิดอยู่เสมออยากจะมาเที่ยววัดประชดเหลือเกิน บังเอิญวันดังกล่าวก็มีโอกาสได้มา ก็เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก จนพระอธิการปั้นไม่สามารถกลับวัดได้ จนเวลาบ่าย 6 โมงเย็นจึงหาย พระอธิการปั้นจึงได้เข้าไปนมัสการหลวงพ่อสิน และหลวงพ่อทรัพย์ แล้วก็ออกเดินทางไปด้านหลังหลวงพ่อทรัพย์จะออกถนนเหลือยแถไปทางด้านพระเจดีย์ ซึ่งตอนนั้นเป็นดินอยู่ แลเห็นพระพุทธรูปยืนอยู่บนโคกดิน ดังนั้น ท่านจึงเกินไปตั้งใจจะไปเอาพระพุทธรูป พระพุทธรูปนั้นก็จางหายไป เห็นแต่ไหใบใหญ่มีฝาปิดโผล่อยู่บนผิวดิน จึงเข้าไปเอาปลายร่มกระทุ้งดู เห็นฝาเปิดไหอยู่จึงเข้าใจว่าคงจะเป็นกรุพระหรือของมีค่าแน่นอน จึงรีบไปบอกพระภายในวัดประชดนี้ให้มาดู แล้วช่วยกันลอกขุดดู (พระขณะนั้นมีพระเต่า พระฉ่ำ พระหยวก พระแหยม และนายปลั่งซึ่งกำลังเป็นนาคอยู่) ในขณะที่ขุดนั้นได้เกิดปาฏิหาริย์ เสียงดัง แต่ก็ไม่พบอะไร เมื่อตั้งสติดีแล้ว ก็ช่วยกันยกไหซึ่งมี 4 หูแบบโบราณ เมื่อเปิดฝาออกดูก็พบพระเครื่องปางต่าง ๆ มากมายและตอนกลาง ๆ ไหก็มีพระบูชาปางต่าง ๆ หลายสิบชนิด กำไรข้อมูลแบบทองคำ ทองเหลือง แหวนแบบหนวดกุ้งอย่างเก่ามากมาย พระจึงให้มรรคทายกไปแจ้งเรื่องให้ ท่านเจ้าคุณสิหราชมุนี เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี วัดสังฆราชาวาส เมื่อพระคุณเจ้ามาถึงวัดประชด ก็ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจดูพระและจำนวน และได้นำออกให้ประชาชนเช่าเพื่อนำรายได้ไปสมทบในการสร้างพระอุโบสถ ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้เทพื้นและช่อฟ้าหน้าบรรณและทำฝาผนัง และแท่น พระประทาน ขณะนี้ยังเหลือแต่ไห 4 หู ซึ่งสำหรับใส่น้ำพระพุทธมนต์ประจำวัดเป็นประจำมีความศักดิ์สิทธิ์ ตามความปรารถนาของผู้ขก ฝาไหนั้นขณะที่ได้กรุใหม่ ๆ มีประชาชนมาชมกันมากก็เอาฝาเปิดวางไว้ข้างไฟ ได้มีเด็กชายเบี้ยว ชัยศิลป์จะเข้าไปดูในไห ดูไม่ถึงเหยียบไปบนฝาไห แล้วก็เกิดปาฏิหาริย์ล้มลงเดินไม่ได้ หลวงพ่อฟุ้ง อุตตโม ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดสะเดา ขณะได้กรุพระท่านมาช่วยบัญชางานที่วัดประชดด้วย และท่านได้ตั้งเจตนาว่าจะนำพระบูชาและพระเครื่องไปให้คนเช่าและจำนำเงินมาสร้างพระเจดีย์แทนเจดีย์องค์เก่า และท่านได้บอกบิดามารดาของเด็กชายเบี้ยวให้มาขอขมา และอาราธนาน้ำมนต์ที่โอ่งนั้นไปให้เด็กดื่ม และอาบ เด็กชายเบี้ยวก็หายเป็นปกติเดินได้ในวันนั้นเอง
    วัดประชดนี้สร้างมาประมาณหลายร้อยปีแล้วคงจะเป็นสมัยสุโขทัย เพราะได้พิจารณาสิ่งปรักหักพัง และองค์พระพุทธรูปและลวดลายฝาผนัง และทรุดโทรมมาแต่ครั้งใดไม่มีใครสันนิษฐานได้ถูกต้อง เพราะเมื่อข้าพเจ้าจำความได้ และได้รับคำบอกเล่าจากญาติผู้ใหญ่ว่า หลวงพ่อสินองค์หน้าน้น ซุ้มวิหารและกำแพงพังเหลือแต่องค์หลวงพ่อสิน องค์ท่านเอนจวนจะล้ม ในขณะนั้นมีสามเณรที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ใต้วัดประชด ได้ไป จำพรรษาและเรียนภาษาบาลีที่วัดมหรรณ์ กรุงเทพฯ ได้ขึ้นมาเยี่ยมญาติโยมเห็นว่าองค์หลวงพ่อจะล้ม จึงได้ชักชวนญาติโยม เอาไม้เสามาค้ำองค์หลวงพ่อไว้ แล้วได้ตั้งสัตย์อธิษฐานว่าถ้าต่อไปข้าพเจ้าประกอบอาชีพอะไร ถ้าร่ำรวยจะกลับมาสร้างวิหารให้หลวงพ่อ ก็เป็นจริงเพราะสามเณรองค์นั้นคือ ท่านมหาสม พ่วงภักดี ได้ทำการค้าหนังสือเกี่ยวกับ พระธรรมวินัย และพระไตรปิฎก จนมีเงินพอจะปฏิสังขรณ์องค์หลวงพ่อได้ ก็มาสร้างวิหารที่องค์หลวงพ่อสิน ดังที่ปรากฏอยู่ในทุกวันนี้ และท่านมหาสม ก็ดำเนินกิจการเจริญรุ่งเรืองและได้ทำการเฉลิมฉลองและได้ทำการเปิดกรุ รูปเหรียญ หลวงพ่อทรัพย์ หลวงพ่อสิน โดยได้อาราธนาพระเกจิอาจารย์ที่ทรงวิทยาคุณเมื่อ พ.ศ.2502 โดยมีหลวงนฤนาท ประไพ เป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ และท่านพระครูเกศีวิกรม (หลวงพ่อพูล) วัดสังฆราชาวาส สิงห์บุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมีท่านเจ้าคุณสิงหปุราจารย์ (หลวงพ่อลพ) วัดโบสถ์ อินทร์บุรี หลวงพ่อเปิ่น เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ หลวงพ่อเชน เจ้าอาวาสวัดสิงห์ หลวงพ่อสาด วัดเสาธงทอง หลวงพ่อฟุ้ง วัดสะเดา ได้ร่วมกันทำพิธีปลุกเสก ซึ่งพระคุณเจ้าทุกองค์ก็ได้ล่วงลับไปหมดแล้ว และเหรียญที่ได้กระทำพิธีพุทธาภิเษกครั้งนี้ ได้จัดจำหน่ายแก่ประชาชน เพื่อนำรายได้มาบูรณะซ่อมแซมกุฏิ ส่วนเหรียญที่เหลือ หลวงพ่อพูล ได้รวบรวมไปเก็บไว้ที่วัดสังฆราชาวาสเหรียญนี้มีคนนำไปใช้ได้ผลดีทางเมตตามหานิยม ค้าข้าย หาลาภ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ป้องกันภัยได้ดีมาก จนประชาชนเข้าใจว่าเหรียญนี้ได้หมดสิ้นไปแล้ว และทางวัดก็ไม่เคยได้สร้างเหรียญชนิดนี้อีกเลยจนเมื่อ พ.ศ.2516 ข้าพเจ้าได้ไปอาราธนาพระครูบรรสารวิจิตร เจ้าคณะอำเภอเมืองสิงห์บุรีองค์ปัจจุบัน ไปเป็นประธานในการวางศิลาฤกษ์ศาลาการเปรียญ ท่านเจ้าคณะอำเภอได้มอบเหรียญหลวงพ่อสินและหลวงพ่อทรัพย์ซึ่งมีอายุมาร่วม 35 ปี รุ่นเก่ามาให้ประชาชน จึงได้ทราบว่าหลวงพ่อพูลนำไปเก็บนั้น ยังอยู่ไม่หมด และเป็นเหรียญรุ่นนั้นรุ่นเดียว บัดนี้ทางวัดได้นำมาให้ประชาชนได้เช่า ตั้งแต่วันทำพิธีวางศิลาฤกษ์ศาลาการเปรียญ ถ้าใครจ้องการก็ไปติดต่อคณะกรรมการวัดได้ทุกเวลา ช้าไปอาจจะหมดก็ได้







    หลวงพ่อสิน หลวงพ่อทรัพย์

    ประวัติและอภินิหารหลวงพ่อสิน หลวงพ่อทรัพย์
    ในขณะนี้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลและใกล้กับวัดประโชติการาม ซึ่งมีความเคารพและเชื่อมั่นในหลวงพ่อสินและหลวงพ่อทรัพย์ที่จะช่วยปิดเป่าความทุกข์ร้อนของท่าน ด้วยการอาราธนาศีลจากหลวงพ่อสินองค์หน้า และเราก็ไปขอพรจากหลวงพ่อทรัพย์ ท่านที่ต้องการสิ่งใดก็สมความปรารถนา เช่นที่ได้มีปรากฏมาแล้ว ได้แก่การค้าขาย ก็นำโชคลาภมาให้และช่วยปัดเป่าภัยอันตรายต่าง ๆ ตลอดจนการเจ็บปวดโรคปัจจุบันก็ได้หายในชั่วพริบตาทุกวันนี้มักจะได้เห็นการแก้บนเป็นประจำส่วนมากประชาชนมักพูดกันว่า ถ้าใครบนด้วย ใบศรี หัวหมู ข้าวปากหม้อ ไข่ต้ม ประทัด หลวงพ่อชอบมากได้ผลทันตาเห็น
    หลวงพ่อทรัพย์มีความสูง 6 วา 7 นิ้ว หลวงพ่อสินสูง 3 วา 3 ศอก 5 นิ้ว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
  11. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    นิทานบุญ

    <!-- Main -->
    ที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ชาวบ้านกำลังร่วมกันทำงานในชุมชน อย่างขมักเขม้น มาณพอยู่ช่วยงานอยู่แถวนั้น ก็ทำความสะอาดที่พัก เพื่อเตรียมตัวพักกลางวัน จนสะอาดเรียบร้อยน่าพักผ่อน ต่อมามีคนเห็นว่าจุดที่มาณพทำความสะอาด เป็นสถานที่น่าพักผ่อนจึงเข้ามาใช้ มาณพก็ต้องออกไปแต่ไม่โกรธ จากนั้นมาณพก็ไปทำความสะอาก ที่จุดอื่นต่อ แล้วถูกคนแย่งที่เอาไปอีก ก็ไม่โกรธคงย้ายที่ไปเรื่อยๆ เช่นนี้พร้อมกับคิดว่าคนเหล่นนี้ได้รับความสุขก็ดีแล้ว เขามีความสุขจากที่ของเราจากการกระทำของเราเป็นการกระทำที่เป็นบุญ บุญนี้จึงให้ความสุขแก่เราด้วย
    มาณพทำความสะอาดที่สาธารณะเช่นนี้ เป็นเหตุให้กลับบ้านมืดค่ำ เพื่อนบ้านถามว่าไปทำอะไรมา ก็ตอบว่า"ไปทำบุญชำระทางสวรรค์"
    ต่อมามีชายหนุ่มในหมู่บ้านเห็นด้วยกับวิธีการทำบุญแบบนี้ ก็มาช่วยมาณพมากมายรวมเป็นกลุ่ม ถึง 33 คน
    ต่อมามาณพเป็นหัวหน้ากลุ่มทำบุญ ด้วยการสร้างสรรค์ชุมชน ก็ได้รับความเชื่อถือจากชาวบ้านเป็นอย่างดี เขาจึงชักชวนชาวบ้านให้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปันกันและกัน และร่วมกันละเว้นจากอบายมุข สุรายาเมา สิ่งเสพติคและการพนัน จนชาวบ้านถือศีลกันถ้วนหน้า
    ยังไม่หมดแค่นั้น ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ยังรวมตัวกันพัฒนา ปรับถนนหนทาง สร้างศาลาที่พักตามทาง ขุดบ่อน้ำ สร้างสะพาน ปลูกไม้พุ่มไม้กอ
    ไม้ดอกไม้ประดับจนเกิดความสวยงาม
    มาณพและเพื่อนได้ทำบุญด้วยการสร้างสรรค์ชุมชนแบบนี้ เมื่อสิ้นชีวิตไปแล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ มาณพไปเกิดเป็นท้าวสักกะ คือพระอินทร์ในกาลต่อมา
     
  12. joywin

    joywin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +1,573
    ขอร่วมทำบุญ 200 บาทค่ะ

    โอนเงินแล้ววันนี้นะค่ะ ตามหลักฐานด้านล่าง
    รายการที่ 11154R52317690
    วัน-เวลาที่ทำรายการ 05/06/2554 - 17:52:57
    สถานะ สำเร็จ
    วัน-เวลาที่หักบัญชี 05/06/2554 - 17:52:57
    เลขที่บัญชีผู้รับเงิน 2072211930
    จำนวนเงิน 200.00 บาท
    ขอผลบุญนี้จงถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าในชาตินี้และชาติที่แล้ว ได้โปรดอโหสิกรรมและร่วมอนุโมทนาบุญนี้ด้วยเทอญ สาธุ

    ขอจองเป็นเจ้าภาพ 2500 บาท จะโอนเงินให้วันที่ 30 มิถุนายน นี้นะค่ะ
     
  13. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    อนุโมทนาสาธุ ในบุญกุศลที่ร่วม กันครั้งนี้ด้วยเทอญ


     
  14. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=fTtlkXAFICM&feature=related]YouTube - ‪พุทธทาส - เรื่องได้ เรื่องเสีย [1/8]‬&rlm;[/ame]
     
  15. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39


    พุทธศาสนิกชน สวิต ร่วมทำบุญ บูระณะองค์หลวงพ่อ ด้วยอนุโมทนายสาธุ ครับ
    พัชนีย์ ศรีจันทร์ .พรทิพย์ ปาลศิริ. พิมพ์ลภัส มืลเลอร์ 5000 บาท
    ดาว ฮันท์ 2500 บาท จอง
     
  16. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=QcFxdDfSirk&NR=1]YouTube - ‪การบริหารธุรกิจแบบพุทธช่วงที่2‬&rlm;[/ame]
     
  17. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=spsG8NPkqsc&feature=related]YouTube - ‪ท่านพุทธทาส, ธรรมบรรยาย‬&rlm;[/ame]
     
  18. No matter what

    No matter what สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +19
    ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
    104.00 บาทค่ะ สาธุ ๆ


    พัฒชดาภรณ์ เอล์ลวูด
    555 ซ ประชาสันติ 4 ( หน้าซอย )
    ถ นิตโย อ เมือง จ อุดรธานี 41000 ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2011
  19. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    No matter what ร่วมทำบุญ 104 บาท ขอพลวงพ่อ คุ้มครอง No matter what และครอบครัวด้วยเทอญ
     
  20. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=1YWoHSuirIA&feature=related]YouTube - ‪มองแต่แง่ดีเถิด‬&rlm;[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...