พระโสดาบันที่มาจุติเป็นมนุษย์จะรู้ตัวหรือไม่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Fabreguz, 18 พฤษภาคม 2011.

  1. prayut.r

    prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,707
    ขอโทษท่านอื่นๆนะครับ ยาวหน่อยเพราะอยากให้คุณ สปาต้า ได้อ่านครับผม

    ผีสาวอาละวาด

    คืนแรกที่เข้าป่าช้าก็พบกับความศักดิ์สิทธิ์ของป่าช้า นั่นคือผีดิบอาละวาด เมื่อหลวงพ่อท่านกลับออกมาแล้วต่างก็ตั้งพิธีกรรมตามใจชอบ คือ ใครเห็นว่าอะไรควร ก็ทำกันตามอารมณ์ของตัว เพราะต่างคนต่างอยู่ ป่าช้าก็แสนจะรก เดินไปมาหาสู่กันก็แสนจะยาก เกรงว่าเจ้างูร้ายนายป่าช้ามันจะเล่นงานเอา ก็เลยต้องต่างคนต่างอยู่ สมัยนั้นไฟฟ้าที่วัดบางนมโคยังไม่มีใช้ มีตะเกียงรั้วคนละลูกจุด มีแสงรำไร น่ากลุ้ม ไม่น้อยเลย พอค่ำดีฉันก็เข้าสมาธิตามแบบฉบับของหลวงพ่อที่ท่านสอน ท่านสอนว่าก่อนภาวนาให้ปลงสังขารตามแบบไตรลักษณ์ก่อน ฉันจะไม่อธิบายว่าเขาปลงกันอย่างไร เมื่อปลงสังขารพอสบายก็เริ่มภาวนา ท่านว่าอย่างนั้น หรือว่าใครปลงสังขารได้ตลอดเวลาจนกว่าจะถึงเวลาเลิกโดยไม่ภาวนาเลยยิ่งดีใหญ่ ที่ท่านสอนแบบนั้นความจริงท่านป้อนวิปัสสนาญาณให้พอใจ ด้วยพวกฉันทั้งพวกเป็นพวกบ้าสมถะ ฉัน ไม่ต้องการวิปัสสนา เพราะนิพพานฉันไม่สนใจ ฉันต้องการเห็นสวรรค์และนางฟ้า อยากจะดูนางฟ้าว่าจะสวยขนาดไหน คนสวยเคยเห็นและรู้รสสัมผัส ตอนนี้อยากเห็นนางฟ้า และอยากได้นางฟ้ามาเป็นเมีย คนนี่ถ้าลงได้บ้าแล้วมันบ้าไม่น้อย บ้าพอกับวาสนาบารมีทีเดียว อย่างฉันเป็นตัวอย่าง เมื่อท่านเห็นว่า ไม่ชอบวิปัสสนา ท่านทราบว่าอารมณ์สมถะเป็นเพียงกำลัง วิปัสสนาเป็นอาวุธที่จะประหัตประหารกิเลส เมื่อผู้ปฏิบัติไม่ชอบก็เลยบอกวิปัสสนาเป็นสมถะเสีย เจ้าจอมโง่ที่บรมบ้าไม่ฉลาดเท่าท่านก็เลยคิดว่าวิปัสสนาเป็นสมถะ เมื่อปลงขันธ์ 5 ตามรูปสักกายทิฏฐิในแนวไตรลักษณ์แล้ว พออารมณ์สบายก็ขยายอารมณ์ออกในแนวพรหมวิหาร 4 เมื่อเห็นอารมณ์ชุ่มชื่นด้วยปีติ ความอิ่มใจปรากฏ ฉันก็เริ่มบทภาวนา คือ ตั้งจิตจับลม 3 ฐานตามวิสุทธิมรรค หลวงพ่อท่านก็สอนตามนั้น หายใจเข้ารู้ว่าลมกระทบจมูก กระทบอก กระทบท้อง หายใจออกรู้ว่าลมกระทบท้อง กระทบอก กระทบริมฝีปาก ฉันทำได้ไม่เห็นจะยากเลย ง่ายจะตายไป นึกในใจว่าของกล้วย ๆ แบบนี้น่ะหรือที่เรียกว่ากรรมฐานระดับที่ 2 เมื่อกำหนดลมอยู่แล้ว คือสติคอยจับการกระทบไม่พลาดเป้าหมาย ท่านให้ภาวนาว่า พุทโธ อันนี้ยิ่งหวานจ๋อยใหญ่ เพราะว่ามาเป็นปกติ อันที่ 3 ท่นให้กำหนดรูปพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่ชอบให้เห็นว่าลอยอยู่ภายนอกหรือในอก อันนี้ก็กล้วยอีก ได้แล้วตั้งแต่อายุ 12 ปี เอาของที่ได้แล้วมาสอนง่ายจะตายไป แปลกอยู่อย่างเดียวที่กำหนดลมเท่านั้นเอง เห็นว่าเป็นของใหม่ ฉันทำตามท่านไปพักหนึ่งประมาณชั่วโมงครึ่ง เห็นอารมณ์สบาย ฉันเกิดนึกถึงหลวงพ่อองค์ยิ้มของฉันขึ้นมา ฉันเลยขอเห็นหลวงพ่อองค์ยิ้มแทนพระพุทธรูป พอหลวงพ่อองค์ยิ้มมา คราวนี้ท่านพูด ท่านเรียกฉันว่า สัมพเกษี ฉันอาจจะได้ยินเพี้ยนไป คงจะเป็นคำว่า สรรพเกษีกระมัง ท่านพูดว่าการรักษาลมหายใจเข้าออกเป็นฌานนะลูก จงรักษาให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ จิตของลูกจะมีกำลัง จะท่องเที่ยวไปไหนก็ไปได้เอง นรกสวรรค์ พรหม แม้พระนิพพานก็สามารถไปได้ ฉันดีใจเกือบตายที่หลวงพ่อองค์ยิ้มของฉันพูดกับฉัน เวลาผ่านมา 10 ปีเศษที่ฉันพบท่าน ท่านยิ้มอย่างเดียว ท่านไม่เคยพูดเลย แต่ยิ้มท่านยังมีประโยชน์ ฉันจะไปนรกท่านยิ้มปัปเดียวฉันถึงนรกเลย เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 4 ชั่วโมง ฉันก็พัก หยิบนาฬิกาข้อมือที่ติดตัวมาออกมาดูเห็นบอกเวลา 23 น. ฉันพักจากทำสมาธิ วันนี้ดูอารมณ์ชุ่มชื่นผ่องใสมากเหมือนเมื่อยังไม่ได้บวช มีความสุขบอกไม่ถูก ฉันออกมาเดินนอกกระท่อม รอบ ๆ กระท่อมที่ฉันอยู่มีกระท่อมที่ยังมีศพอีก 3 กระท่อม พระท่านบอกว่าเมื่อวันวานนี้เขาเอาศพหญิงอายุ 18 ปี ตั้งครรภ์อ่อน ๆ เธอตายด้วยโรคอะไรไม่ทราบมาไว้ ฉันเดินไปใกล้กระท่อมหลังนั้น ตอนดึกมันเงียบสงัดดีจริง แสงไฟนอกจากระท่อมฉันแล้วไม่มีที่ไหนเลย เสียงสิ่งที่มีชีวิตไม่มีเสียงปรากฏเลย มองไปดูบนวัดเห็นแสงไฟดับหมดแสดงว่าพระหลับ มองไปทางกระท่อมเจ้า 3 เพื่อนก็เงียบสงัด ฉันมันอิ่มใจที่หลวงพ่อองค์ยิ้มท่านพูดกับฉัน ใจมันฟูไม่อยากนอน ไม่อยากหลับ เดินไปเดินมาอยู่คนเดียว มองความวิเวกด้วยอารมณ์เป็นสุข พอเดินเข้าไปใกล้กระท่อมแม่สาว ได้ยินเสียงอึด ๆ ๆ ๆ แล้วมีเสียงตีข้างโลงดังปัง ฉันหยุดยืนฟังเสียอึด ๆ ๆ ๆ ดังตลอดเวลา ฉันคิดว่าแม่นี่จะอาละวาดกระมัง อยากจะรู้นักว่าคนตายแล้วจะมีฤทธิ์เดชสักแค่ไหน กลับมาที่กระท่อม ถือตะเกียงหาเครื่องมือด้วย ตอนเย็นเห็นสิ่วกับขวานอย่างละ 1 เล่ม ที่สัปเหร่อลืมเอาไว้ จึงไปนำสิ่วกับขวานมา พอมาถึงโลงก็งัดฝาโลง เมื่อเปิดออกไปแล้วกลิ่นแกเหม็นจัง ตอนที่ไปโอ๋สาว ๆ ไม่เห็นมันเหม็นอย่างนี้เลย หรือไม่ได้มองตรงที่เหม็นก็ ไม่ทราบ หรือหน้ามันมืดเลยเห็นของเหม็นคิดว่าเป็นของหอมไปก็ไม่รู้ ยืนท้ายลมทนไม่ไหว ต้องขยับไปทางเหนือลม เอาไฟฉายส่งลงไป เห็นแกนอนลิ้นจุกปาก ขึ้นอืด น้ำเหลืองเดือดทางปากปุด ๆ เสียงที่ดังลอดออกมาเป็นเสียงน้ำเหลืองไหลนั่นเอง เสียงดังปังปรากฎอีกเป็นเสียงที่สายตราสังที่เขามัดมือมัดเท้าขาด มือเท้าแกวัดข้างโลง เลยดังปัง เป็นอันว่าแกไม่มีเจตนาหลอก แกทนไม่ไหวต่างหาก ตอนนี้เลยใช้อารมณ์อสุภกรรมฐานตามที่เรียนมาเข้าพิจารณาเลยได้อุสภสัญญาเล็กน้อยพอมองสาวไม่สวย เมื่อไปทะเลาะกับแม่สาวน้อยกลอยใจ พอเข้าใจว่าเธอไม่แกล้งหลอก และได้อสุภสัญญาพอควรแก่อารมณ์ก็กลับมานอน ปรากฏว่านาฬิกาบอกเวลา 2 น. เศษ เมื่อนอนก็ปลงตามภาพที่เห็นมา พอใจสบายอยากจะหลับปรากฏว่าพวกที่ยิงตายสมัยก่อนบวช มีจำนวนประมาณ 30 คนกว่า มันมานอนคว่ำหน้าเป็นแถว ได้พยายามแผ่เมตตาขอให้รับส่วนบุญ มันไม่เอาสักอย่าง ทำอย่างไรก็ไม่เอา มันบอกว่ามันจะพยายามขัดขวางการบำเพ็ญฌานด้วยประการทั้งปวง เมื่อมันไม่เอาจริง ๆ ก็เลยนอนแล้วก็หลับไป เมื่อคนจะนอนผีจะว่าอย่างไรคน ไม่เกี่ยว นอนปิดหูปิดตาส่งเดช มันเมื่อยมันเข้าต่างก็ถอยทัพกลับเป็นแถว

    เมื่อแสงทองปรากฏก็เตรียมตัวออกบิณฑบาตรปฏิบัติตามระเบียบของพระ เมื่อกลับมาและฉันอาหารร่วมกับพระทั้งหมด มีหลวงพ่อปานเป็นประมุข เมื่อฉันเสร็จหลวงพ่อท่านมองหน้าฉัน ท่านพูดว่า เมื่อคืนคุณทรงอารมณ์ได้ดีมาก ศพหญิงสาวมีประโยชน์ แต่ทว่าคุณตอกตะปูที่เขาตอกไว้ไม่ครบ ฉันแล้วกลับไปตอกเสียให้ครบ ถ้าไม่ทำให้ครบเจ้าของศพเขาจะหาว่ายักยอกทรัพย์สินของเขา เป็นพระต้องระมัดระวังอย่าใช้คำว่าไม่เป็นไร ไม่ว่าของจะมีค่าน้อยขนาดไหน ถ้าเขาไม่อนุญาตมีโทษทั้งนั้น เรียนถามท่านว่า หลวงพ่อทราบได้อย่างไรว่ากระผมเปิดโลงผี ท่านบอกว่าท่านทราบตั้งแต่ตอนกลางวัน คือ ทราบตั้งแต่ยังบวชพระไม่เสร็จว่าเธอจะต้องเปิดฝาโลงผี จึงจัดเธอไว้ที่นั่นเพื่อให้เปิดได้สะดวก ๆ แล้วท่านก็พูดต่อไป พวกที่จองเวรเธอ ขอให้สัญญากับมันว่าปีหน้า 2481 จะบวชพระให้ 7 องค์ ทอดกฐินให้ 7 วัด ขอให้มันอโหสิกรรม (งดจองกันต่อไป) เสีย ถามท่านว่าทราบอย่างไร ท่านบอกว่าท่านทราบพร้อมกับทราบเรื่องงัดฝาโลงผี นี่เป็นเรื่องแปลกที่คาดไม่ถึง เลยเกิดศรัทธาในตัวท่านมากขึ้น พอกลับมาถึงที่พัก เจ้าพวกจัญไรมาปรากฏอีกก็เลยให้สัญญากับมันตามที่หลวงพ่อสั่ง มันยอมรับและไม่มารบกวนอีกเลย เรื่องการสร้างกรรมชั่ว ถ้าเห็นตัวอย่างแบบนี้พอเชื่อได้ สำหรับวันนี้เหนื่อยแล้วขอพักก่อน วันต่อไปจะนำเรื่องที่เห็นว่าควรมาเล่าให้ฟังต่อไป

    ตามไฮไลท์ สีแดงเลยครับ

    อย่าคิดมากเลยครับเป็นธรรมดาว่าเราต้องอ่านตกหล่นไปบ้างผมไม่คิดอะไรหรอก แต่ผมเป็นพวกอ่านแล้วจำได้เกือบทั้งหมด ก็เลยเอามาอ้างถึงน่ะครับ
     
  2. prayut.r

    prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,707
    อันที่จริงมีตอนที่ท่านบอกด้วยว่า ปฏิปทาก่อนท่านบวชมีอะไรบ้าง ท่านก็เล่าเรื่องที่ท่านยิงคนตายด้วย(แต่เป็นคนไม่ดีนะครับ พวกโจร พวกนักเลง อะไรแบบนี้)

    แต่ผมหาไม่เจอขอโทษจริงๆ ครับ เดี๋ยวเลิกงานแล้วจะหาให้อ่านอีกครับผม
     
  3. prayut.r

    prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,707
    เจอแล้วครับผมปฏิปทาของหลวงพ่อฤาษีก่อนบวช

    ปฏิปทาของฉันเมื่อเด็ก

    ท่านอาจจะสงสัยว่าเรื่องของฌานสมาบัติต้องมีศีลดี ก็เมื่อเป็นเด็กจะมีศีลวิเศษขนาดไหน เรื่องนี้ฉันยอมรับว่าที่ฉันไปนรกได้ฉันไม่เข้าใจว่าเป็นฌานหรือเปล่า ฉันตายไปแล้ว เมื่อฟื้นขึ้นมาฉันก็ไปตามที่ฉันตายไป มันจะเป็นฌานหรือเป็นระเบียงบ้าน เรื่องนี้ฉันไม่เข้าใจ แต่ทว่าเมื่อฉันเป็นเด็กสิ่งที่ฉั้นปฏิบัติเป็นปกติจนถึงวันบวชพระก็คือ


    ๑. ไม่ฆ่าสัตว์ จำได้ว่าเคยฆ่าปลาไม่เกิน ๖ ตัว เพราะผู้ใหญ่บังคับ ต่อมาไม่ยอมฆ่าอีกตลอดมาจนถึงวันบวช เว้นไว้แต่ที่คนข่มเหงฉัน หรือผู้ร้ายที่ปล้นขาวบ้าน ถ้าฉันเลี่ยงไม่พ้นฉันยิง และตายไปประมาณ ๓๐ คนเศษ คนเลวฉันคิดไปว่าไม่บาปเป็นความคิดสมัยก่อนบวช


    ๒. ไม่ลักของใคร


    ๓. ไม่เป็นชู้ภรรยาใคร แต่ลูกเขานี่ซิคิดว่าไม่ผิดศีล เมื่อเขาเมตตาก็ต้องรับความปรานี อย่างนี้บาปหรือเปล่าใจตอนนั้นคิดว่าไม่บาปและไม่ได้ฝืนใจใคร ทุกคนสมัครใจร่วมกัน คงไม่เป็นไรมาก


    ๔. เรื่องโกหก ถ้าจะเอาบ้างแต่ก็ไม่ร้ายแรง ที่โกหกมากก็คือพวกสาว ๆ เพราะไม่โกหกแกไม่เชื่อ เลยต้องโกหก ตามใจคนรักคงไม่บาป


    ๕. เรื่องของคนเมาหรือการพนัน ปลอดแน่ นอกจากจะลองทดสอบความเมากับน้าคราวเดียว คือ น้าเป็นนายตำรวจจับคนเมามาได้ แกก็บอกว่าที่แกด่าอาละวาดขาวบ้านแกเมาแกไม่รู้เรื่อง เพื่อทดสอบให้แน่ใจว่าคนเมาพูดเองและฟังคนอื่นพูดรู้เรื่องหรือเปล่า สองคนน้าหลานว่าน้ำตาลเมาเขามา ๑ ไหครึ่ง เห็นรู้เรื่องทุกอย่าง พูดเองกรู้ คนอื่นพูดก็รู้ ต่อไปเมื่อจับคนเมามาได้และถ้าแกแก้ว่าทำไปเพราะเมา แกไม่รู้เรื่อง ฯลฯ ถามแกว่าแกขอบเมาอะไร สุราชนิดไหน น้ำตาลเมา น้ำขาว อุ หรือเบียร์ เป็นต้น เมื่อแกบอกว่าแกเมาอะไรก็ไปหามาให้แก เมื่อแกกินเมาแล้วก็ซ้อมด้วยไม้กระบอง ตีเสียช่ำมือทุกราย ถ้าแกบอกว่าเจ็บก็ไม่ยอมเลิกตี บอกแกว่าคนเมาไม่รู้เรื่องไม่เจ็บ ล่อเสียอานไปหลายรายการ เพียงรายสองรายก็ปรากฏว่าในเขตของน้าหาคนเมาทำยายากเต็มทน ที่ชอบเมาจริง ๆ ก็พยายามเมาในมุ้ง เป็นการปราบที่มีผลมาก ชาวบ้านสบายใจไปตาม ๆ กัน


    นอกจากนี้แล้ว ขณะที่เป็นเด็กและฆราวาสมีอารมณ์แปลก คือ มีความรู้ที่เกิดเอง คือ ที่ไหนก็ตามมีอะไรเป็นพิเศษ เช่น คนตาย ของดีกว่าปกติ เมื่อไปนอนคืนเดียวก็ปรากฏว่ารู้หมด ว่าที่บ้านนี้หรือตรงนี้มีคนตายแล้วกี่คน อายุ รูปร่าง อากาป่วยเมื่อจะตาย ตายแล้วไปไหน มันเห็นเองรู้เอง ไม่ได้ทำอะไร เพียงไปนอนเท่านั้น ถ้าไม่เห็นก่อนหลับก็ตอนตื่นใหม่ ๆ คนตายจะมาเล่าเรื่องของตนให้ฟังจนหมด เมื่อสว่างแล้วถามเจ้าของบ้านทุกบ้านพากันยอมรับว่าจริง ปฏิปทาก่อนบวชมีเท่านี้ มันจะเป็นฌานเป็นสมาบัติ หรือเรื่องที่รู้มันรู้ได้อย่างไร อ่านตำราแล้วไม่เข้าใจ ถ้าถามพระท่านบอกว่าของเก่าตามมา


    เป็นอันว่า เรื่องเมื่อฟื้นจากตายความจริงมีเรื่องมากมาย เขียนสกพันหน้าก็ไม่จบ มันจะมีประโยชน์อะไร เขียนไปเขียนมาก็คุยกับตาลุง ไปสวรรค์ก็ไม่กล้าไป เขียนไปก็เปลืองสายตาคนอ่าน เลิกเขียนดีกว่า เอาเวลาเขียนไว้ตอนเข้าอุปสมบทต่อไป ตอนนี้ขอเอวังเพียงนี้ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน นี้เวลาว่างหายาก ก็ขอพักตอนที่สองไว้เพียงเท่านี้
     
  4. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    วันนี้ได้คุยกับคุณ prayut.r มีประโยชน์กับเรามาก
    ต้องขอโทษและขอบคุณมาก ที่คัดลอกมาให้อ่าน
    ขอยอมรับตามหลักฐานที่อ้างอิงมาทั้งหมด

     
  5. sangtian9

    sangtian9 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +16
    บัณฑิต ยอมรับกันด้วยเหตุผลเสมอ
    ขอคารวะทั้งสองท่าน :cool:
     
  6. sangtian9

    sangtian9 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +16
    เคยอ่านประวัติหลวงพ่อฤาษีฯ มาบ้างเหมือนกัน ทราบว่าท่านปรารถนาพุทธภูมิ เพราะฉะนั้น ในเบื้องต้นท่านจึงไม่ใช่พระอริยะ (โสดาบัน)
    เมื่อถอนความปรารถนาพุทธภูมิแล้วนั่นแหละ ท่านจึงจะสามารถบรรลุธรรมเป็นพระอริยะได้

    สาธุ
     
  7. overmage

    overmage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +128
    สาธุ ท่านทั้งสองที่จบลงด้วยดี

    อย่างที่ท่านกล่าว บัณฑิตย่อมยอมรับในเหตุผลเสมอ ดีนะที่ท่านทั้งสองเป็นบัณฑิต

    หากเป็บเว็บอื่น คงมีสัตว์ชนิดอื่นออกมาเดินในบอร์ดแล้วละ

    แต่ผมก็ชอบประโยคนี้ของหลวงพ่อท่านนะ อัตตา โจทยานัง ไม่รู้ว่าถูกไหม ^^

    จงโจทก์โทษความเลวของตนเอง แค่เด็กแอบมาคุยด้วยท่านอื่นอย่าคิดมาก

    ผมไม่ได้มาอวดภูมิ แต่แค่อยากคุยเรื่องของหลวงพ่อด้วยคน

    ขอท่านอย่าถือสาครับ
     
  8. กสิน9

    กสิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +270
    คุณ ๆ อย่าลืมที่พูดไว้น๊ะครับ สัจจะมีหรือไม่มีเดี๋ยวคงรู้:boo:
     
  9. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676

    ไม่ธรรมดา...:cool:
    คนแบบนี้จะมีแต่ความสุขความเจริญ

    อนุโมทนาสาธุ
     
  10. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    คิดเสียว่าเป็นสำนวนของภาษาก็แล้วกันครับ :cool:
    คนเราผิดพลาดกันได้ สำคัญคือเข้าใจและยอมรับผิด
    และอย่าทำผิดซ้ำซ้อนก็แล้วกัน เนาะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...