เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ถ้าขณะที่เราทุกข์ใจมากต้องการภาวนาเพื่อให้หายจากทุกข์ต้องทำยังไงครับ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย prayut.r, 11 พฤษภาคม 2011.

แท็ก: เพิ่มแท็ก

หน้า 1 ของ 2

prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

5 พฤศจิกายน 2004

โพสต์:

150

ค่าพลัง:

+1,707
เพราะในหัวมันมีแต่อารมณ์คิดถึงเรื่องความทุกข์ที่ประสพมา

ก็เลยพยายามใช้สมถะภาวนาช่วยให้จิตยึดแต่คำภาวนาเพื่อหนีอารมณ์ทุกข์

แต่ปรากฏว่าภาวนาไปแปปเดียวก็กลับมาคิดเรื่องทุกข์อีกแล้ว

เลยอยากได้คำแนะนำจากนักปฏิบัติน่ะครับว่าต้องวางอารมณ์อย่างไรถึงจะถูกต้องครับ?
prayut.r, 11 พฤษภาคม 2011

#1

หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

7 กรกฎาคม 2008

โพสต์:

1,103

ค่าพลัง:

+1,072

เด้วมีผู้รู้มาตอบ... รอก่อนๆ

เพราะโลกธรรม ดูยูห่างๆ ^^

หม้อหุงข้าว..!, 11 พฤษภาคม 2011

#2
หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

7 กรกฎาคม 2008

โพสต์:

1,103

ค่าพลัง:

+1,072

เอาลิ้งนี้มาให้พิจารณาธรรม ระหว่างรอผู้รู้ในบอร์ด

www.oknation.net/blog/print.php?id=437888

เมื่อเราอยู่ในสังคม ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ย่อมมีบ่อย ๆ ที่เราไม่ชอบใจ
ไม่ถูกใจในการกระทำ หรือคำพูดของคนรอบตัวเรา

ไม่ชอบใจ ไม่ถูกใจในสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่เขาทำ
เช่น เขาพูดธรรมดา ๆ ของเขา ไม่มีเจตนาร้ายต่อเราเลย แต่เรา
รู้สึกเจ็บใจ น้อยใจ ไม่สบายใจ ก็เป็นได้ คิดว่าเขาพูดใส่ร้ายเรา
เขาพูดไม่ดี เขาพูดให้เราเสียหาย ฉิบหาย เป็นต้น

เมื่อเราเจ็บใจก็คิดโกรธ คิดปองร้าย หรือน้อยใจ อาจจะตลอดคืน
หรือหลายวัน บางครั้ง หลายสัปดาห์ หลายเดือนก็มี

ใจเราเดือดร้อนเป็นนรก
แต่คนที่เราโกรธ บางทีเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย กินสบาย นอนสบาย
อยู่สบายตามวิถีทางชีวิตของเขา
ใครฉลาดหรือโง่กว่ากัน
สมควรหรือทุกข์อย่างนี้ คิดดูให้ดี ๆ
นี่ก็ทุกข์เพราะความคิด ทุกข์เพราะคิดผิด

ถ้าเราเห็นความโง่ของตัวเองได้
ก็จะปล่อยวางทุกข์ได้
ให้อภัยเขาได้ เห็นใจเขาได้

"พึงเอาชนะความโกรธ ด้วยความไม่โกรธ"
Click to expand...

แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2011

เพราะโลกธรรม ดูยูห่างๆ ^^

หม้อหุงข้าว..!, 11 พฤษภาคม 2011

#3
bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

11 กันยายน 2010

โพสต์:

2,471

ค่าพลัง:

+4,288

ไม่ใช่ไม่คิดเรื่องทุกข์นะครับ ความคิดมันเป็นอะไรที่ควบคุมไม่ได้หรอกครับมัน
เป็นเหมือนคลื่นมันมีของมันอยุ่แล้ว เราต้องดูทุกข์ที่เกิดกับเราตามความเป็นจริง
โผล่ขึ้นมาก็อย่าไปปรุงแต่งตามดูมัน เป็นผู้ดูเหตุการณ์ที่เกิด อย่าไปคิดซ้อนมัน
อย่าไปตอบสนองต่อมัน อย่าพยายามทำอะไรกับมัน การใช้ความสงบสะกดไว้
มันข่มได้ชั่วคราว เหมือนกับคุณมีแผลเหวะคุณไม่เยียวยาแผลเอาปลาสเตอร์ปิด
ทับมันพอมันหลุดเพราะแผลยิ่งเหวะคุณก็เอาอันใหม่ปิดทับมันแล้วเมื่อไหร่มันจะ
หายหล่ะครับ มันหายได้นะครับหายได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที ทุกข์นี่มันเกิดจาก
ความรุ้สึกว่ามีตัวเรานี่แหะครับจี้ทุกข์เข้าไปหาตัวตนให้เจอ หาเจอเมื่อไหร่ทุกข์
ดับทันทีเลยครับ อย่าไปหนีมันนะครับเพราะคุณปล่อยมันผ่านมานานแล้ว แรกๆ
มันจะมาพร้อมกันหมดทุกเรื่องเลยเรื่องน้อยใจทั้งหลายก็ค่อยๆ ดูไปจัดการไป
เรื่อยๆ มันเหมือนระเบิดเวลาการข่มไว้ไม่ได้ทำให้หายไปไหนรอความทุกข์ครั้ง
ใหม่มาจุดชนวนเท่านั้นต้องแก้ไปทีละเรื่องนะครับ

Look at the birds in the air. They neither sow, nor do they reap, nor gather into barns, and yet they are fed.

bluebaby2, 11 พฤษภาคม 2011

#4
เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

28 มกราคม 2008

โพสต์:

3,972

ค่าพลัง:

+3,241

ก็วางอารมณ์พิจารณาไปว่า

ที่ว่า ทุกข์มันมีสภาพไม่เที่ยง นั้นจริงไหม

ถ้าทุกข์มันเที่ยง ทำไมทำสมถะ แล้วมันหายไปหละ

แต่เวลาเราไม่ทำสมถะ ทุกข์มันกลับมาใช่ไหม แล้ว
มันเป็นเพราะอะไร เพราะเหตุไม่ดับจริงไหม

ก็จะเห็นว่า สมถะก็ดี ตามเห็นทุกข์วิปัสสนาไว้ก็ดี
ทั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อให้เห็น การไม่มีทุกข์ หรือ ให้
ทุกข์มันดับถาวร

เราทำสมถะ และ วิปัสสนา เพื่อละความเห็นผิด
ที่ติดอยู่ในใจว่า ทุกข์มันเที่ยง

ถ้าประจักษ์ว่า ทุกข์ไม่เที่ยง เมื่อของมันไม่เที่ยงปรากฏ
จะมีใครในโลกยึดถือสิ่งนั้นไว้ได้ตลอด มันย่อมหลุดมือ
ออกมาได้ ไม่ถือมั่นไว้ใช่ไหม นี่เรา ปฏิบัติธรรมาก็เพื่อ
ละความเห็นผิดเรื่องเกี่ยวกับทุกข์อย่างนี้ โดยมุ่งเข้ามาเห็น
สิ่งที่เรียกว่า ทุกขสัจจ สัจจของทุกข์ ความเป็นจริงของตัวทุกข์

พอประจักษ์ทุกข์ ก็จะพบว่า มันละของมันได้เพราะไม่มีตัณหา
ยึดมั่นไว้ ที่เหลือก็แต่เข้าใจถึงจังหวะที่พ้น แล้วเจริญหนทาง
ปฏิบัติการเห็นนี้ให้มากๆ

สงครามพระ : ลั่นกลองรบ !!

เอกวีร์, 11 พฤษภาคม 2011

#5
Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

5 เมษายน 2011

โพสต์:

450

ค่าพลัง:

+333

ปล่อยให้คิดไป สติตามรุ้ความคิดนั้น
มันจะคิดอะไรจะเป็นยังไง สติตามดูมันคิด
เมื่อมันคิดจนอิ่มแล้ว เลิกคิดไปเอง
จากนั้นภาวณาจะก้าวหน้ามากเป็นพิเศษ

http://www.facebook.com/groups/Darkever/

Darkever, 11 พฤษภาคม 2011

#6
มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493
พระศาสดา มิใช่สอนให้หนีทุกข์ แต่สอนให้กำหนดรู้ทุกข์ (ดูหลัก ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริญฺเญยฺยํ - ทุกขอริยสัจ ควรกำหนดรู้

ขณะที่ทุกข์ต้องการภาวนาเพื่อให้หายจากทุกข์ต้องทำยังไง
http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 11 พฤษภาคม 2011

#7
Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

20 พฤษภาคม 2008

โพสต์:

8,434

กระทู้เรื่องเด่น:

1

ค่าพลัง:

+15,646

มันเป็นโลกธรรมนะครับ....เรื่องธรรมดาของโลก.....

เมื่อใดก็ตามที่เรายึดมั่นอะไรมากมันก็ทุกข์มาก...ความทุกข์อยู่ที่การยึด....วางมันลงครับ...เราทุกข์นั้นอาจเป็นเพราะว่าเราแบกมันไว้..วางครับ...ทุกวันนี้ที่เราฝึกก็ไม่ใช่เพราะการที่จะละทุกข์หลอกเหรอ....

แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2011

เฟสบุ๊ค มูลนิธิหลวงพ่อปาน - พระมหาวีระ ถาวโร...

Phanudet, 11 พฤษภาคม 2011

#8
prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

5 พฤศจิกายน 2004

โพสต์:

150

ค่าพลัง:

+1,707

ขอบคุณทุกท่านมากครับ

จริงอย่างที่หลายๆท่านบอกนะครับว่า ไม่รู้เราจะแบกทุกข์ไว้ทำไม

แต่มันก็ยากจริงๆนะครับ ที่จะวางมันลงแล้วไม่คิดอะไรเลย

prayut.r, 11 พฤษภาคม 2011

#9
เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

28 มกราคม 2008

โพสต์:

3,972

ค่าพลัง:

+3,241

สังเกตไหมว่า กรรมเดิมหนะ ดับลงไปแล้ว จบไปแล้ว วางลงแล้ว

แต่ คิดใหม่ ทำใหม่ อันนี้ มัน กรรมเดิม หรือว่า กรรมอันใหม่

ทีนี้ ก็แล้วแต่จะเห็นแบบระคนสงสัย เอ เก่า หรือ ใหม่ หรือ ไม่เกี่ยวกัน
ต่างกรรม ต่างวาระ คิดใหม่ก็เสวยใหม่ คิด1ครั้ง ต้องเสวยอีก500ครั้ง
เสวย500ครั้งแต่ละครั้งคิดใหม่อีก โอ้วววววส์

แต่จะวางอย่างไรดีหละ จิตเขามีหน้าที่คิด ทำให้ว่างๆก็ไม่ได้ เดี่ยวมัน
ก็ต้องคิด ยิ่งต้องมีชีวิตเพื่อโลก ก็ต้องคิดให้เป็นประโยชน์ต่อโลกเขา
จะห้ามจิตคิด นอนทั้งวัน คงไม่ใช่เรื่อง

อย่างไรดีหนอ

จะให้ 4S สร้างสรรค์อีกแล้วครับท่าน หรือ จะเลือกตามรู้จิตที่ไหลไปคิดให้ทัน
ลงเป็นปัจจุบันด้วยจิตตั้งมั่น เป็นกลาง ต่อการเห็นไปเรื่อยๆ อันไหนเผลอ
เพลินรู้สึก อันไหนเป็นนันทิราคะรู้สึก จะมีทางออกไหมหนอ

แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2011

สงครามพระ : ลั่นกลองรบ !!

เอกวีร์, 11 พฤษภาคม 2011

#10
ไร้นา เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

16 ธันวาคม 2010

โพสต์:

63

ค่าพลัง:

+108

เป็นธรรมดาของความคิด มีแต่คิดๆๆ
คิดไปคิดมา ก็ติดที่ความคิด หยุดมันไม่ได้
คายไม่ออก มันคิดของมันเอง มันเป็นของมันเอง
ปล่อยมันไป ปล่อยมันไป ปล่อยมันไปซะ บอกมันว่า
ข้าไม่บ้าไปกับเองหรอก ข้าอยู่ดีๆของข้า เองมันบ้าเอาอะไรเข้ามา
สรุปว่าเองนั้นบ้า ข้ารู้ว่าข้านั้นบ้าน้อยกว่าเอ็ง

ปัญหามีไว้แก้ แต่ต้องแก้ให้เป็น เน้นๆไปที่หลักใจ

ไร้นา, 11 พฤษภาคม 2011

#11
นาย สมพล เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

19 มกราคม 2007

โพสต์:

866

ค่าพลัง:

+905

สมถะ เป็นการเปลี่ยนอารมณ์ชั่วคราวให้ไปจับอารมณ์อื่นแทนอารมณ์ที่ทุกข์ เมื่อเลิกทำสมาธิก็กลับมาที่อารมณ์ทุกข์เดิมๆ

1. จริงๆแม้เรารู้สึกทุกข์ หรือไม่ทุกข์ก็ตาม เรื่องราวที่เป็นปัญหาอยู่ก็ไม่ได้ดีขึ้นหรือแย่ลง

แล้วเราจะไปทุกข์ซ้ำซ้อนทำไม เปลืองปัญญาหาทางแก้เปล่าๆ

2. การแก้ไข ต้องเข้าใจสภาพทุกข์ของเรา ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอกที่เป็นปัญหาเลย เป็นเพราะจิตปรุงด้วยความคิดของเราเอง ปัญหาไม่ได้โยงสายชนวนระเบิดหรือไฟฟ้าเข้ามาสู่จิตเราเลย เป็นจิตหรือความคิดเราเองไปหยิบก้อนทุกข์มาให้ใจเกาะกุมไว้

3. เลิกคิด เลิกปรุง ก็หยุดหรือจางจากทุกข์ได้ แล้วค่อยหาวิธีแก้ไขปัญหาด้วยสติปัญญาดีกว่า

4. ลองฟัง mp3 ของคุณฐิตินารถ ณ พัทลุง ดูนะครับ แล้วลองประเมินความทุกข์ของท่าน กับความทุกข์ของคุณฐิตินารถ หรือความทุกข์ของคนอื่นๆที่หนักหนากว่าคุณอีกที

 [ame=http://www.youtube.com/watch?v=mP838ePfY1E]YouTube - ธรรมฟังสบายๆ โดย ฐิตินาถ ณ พัทลุง 1/6[/ame]

5. ย้ำครับ เลิกคิด เลิกปรุงความคิดกับเรื่องทุกข์ แล้วหาทางแก้ปัญหาด้วยสติปัญญาครับ

ขออำนาจพระรัตนไตรอำนวยพรให้มีสติปัญญาเห็นทางออกนะครับ

ปรึกษาแนะนำฟรี การทำประกันภัยรถยนต์,พรบ. @ สมพล 0860138244,somponr@hotmail.com

นาย สมพล, 11 พฤษภาคม 2011

#12
czbz สมาชิก

วันที่สมัครสมาชิก:

8 พฤศจิกายน 2010

โพสต์:

100

ค่าพลัง:

+7

ลองใช้กฎไตรลักษณ์ดูครับ แม้แต่อารมของเราก็นำมาใช้ได้ สิ่งใดมีเกิด สิ่งนั้นมีดับ เป็นของคู่กัน สมมติว่า วันนี้เราทุกข์ใจ จงสบายใจได้เลยว่ามันต้องหายไปแน่ไอเจ้าอารมแบบนี้ เพราะมันมีเกิด แล้วมันก็ต้องมีดับ เป็นธรรมดา แม้แต่อารมของเราเนี่ยแหละ

๐ ๑๒๓๔๕๖๗๘๙ ๐

czbz, 11 พฤษภาคม 2011

#13
ทศมาร เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2010

โพสต์:

166

ค่าพลัง:

+237

มีสองขั้นสองระดับ ขั้นแรกต้องเคลียร์จิตใจให้ผ่อนคลายด้วยระดับของการใช้ความคิด มุมมองที่เป็นด้านบวกของเหตุการณ์ เข้ามาให้จิตใจร่มเย็นผ่อนคลายก่อน พอระดับที่สองค่อยใช้การฝึกสติ คอยหาสิ่งบางสิ่งให้จิตเคล้าเคลียโดยไม่ให้เป็นภาระเช่นคำบริกรรม การเอานิ้วแตะๆกัน การเคลื่อนไหวมือ หรือรู้อิริยาบถ พอจตเคล้าเคลียสิ่งต่างๆเหล่านี้แล้ว คอยรู้ทันจิตที่ไหลออกจากอิริยาบถเหล่านี้ไปคิดเรื่องอดีต เรื่องอนาคต คอยรู้ทันใจที่ไหลด้วยอาการที่ห้ามไม่ได้ บังคับไม่ให้ไหลก็ไม่ได้ รู้ทันมากๆจนจิตยอมรับของมันเอง การปฎิวัติภายในจตใจก็เกิดขึ้น

ทศมาร, 11 พฤษภาคม 2011

#14
บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

14 มกราคม 2007

โพสต์:

8,441

ค่าพลัง:

+35,042

ตามที่คุณ Darkever ว่านั่นหละครับ..
เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งในกรณีที่ดับความคิดไม่ได้แล้วจิตก็ฟุ้งซ่านคิดโน้นคิดนี้
แค่รู้ว่าตอนนั้นคิดเรื่องอะไร..ไม่นานจิตเค้าก็เลิกคิดเองครับ..
ไม่เชื่อลองทำดูซิครับ..หรือถ้ายังไม่ได้ก็ไม่ทำอย่างอื่นก่อนแล้วค่อยมานั่งใหม่ประมาณนี้ครับ
อนุโมทนาครับ..

ที่ไม่ใช่ว่าว่าง หรือไม่ว่าง นั่นหละว่าง / กลจิตเป็นแค่เพียงมายาจิตชนิดหนึ่ง /กายอยู่อย่างไร จิตก็อยู่อย่างนั้น ไม่ใช้กายไม่ใช้จิต นั่นหละสภาวะดับ/ สุดยอดของทุกวิชาคือว่าง

บุรุษไร้เงา, 12 พฤษภาคม 2011

#15
GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2011

โพสต์:

1,010

ค่าพลัง:

+1,878

หาอะไรที่ทำแล้วมีความสุข ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวทุกข์มันก็หายไปเอง

อย่างผมนี่ เล่นเกมไปเรื่อยๆ ทั้งวันทั้งคืน หลับคาเกม แล้วตื่นมาเล่นต่อ ไม่ลืมความทุกข์ก็ให้มันรู้ไปสิ

เล่นเกมจนได้ทิพย์จักขุญาณเลย พับผ่าสิ

แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2011

GhostHead, 12 พฤษภาคม 2011

#16
ธรรมภัฎ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

7 กันยายน 2009

โพสต์:

463

ค่าพลัง:

+734

หยุดคิด คือ หยุดปรุงแต่ง เมื่อหยุดปรุงแต่ง ก็ไม่ทุกข์

เจริญธรรม

ธรรมคุ้ม...ผู้ครองธรรม

ธรรมภัฎ, 12 พฤษภาคม 2011

#17
ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

3 ตุลาคม 2006

โพสต์:

7,917

ค่าพลัง:

+9,181

แสดงว่าความทุกข์ นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อเรา คิดมันขึ้นมา พอคิดมามันก็รู้สึก ทางใจ ให้เกิดทุกข์

เอาง่ายๆก่อน เวลาทุกข์ มีกำลังกล้า ก็อย่าเพิ่งไปทำสมาธิทันที เพราะจะทำให้ สมาธินั้นตั้งขึ้นจาก อกุศล

แล้วมันจะทำให้ ทุกข์มากขึ้น สมัยก่อนเวลาทุกข์ใจ แล้วผมไปทำสมาธิให้มันสงบ เลยบ้าไปเลย ทุกข์ในหัวอกแทบบ้า เพราะกำลังสมถะของเรามันมีกำลังไม่มากพอที่จะดับอกุศลนั้น

เอาง่ายๆ คือ ของมันร้อนก็อย่าไปจับมัน เตือนตัวเองให้หยุดจับเรื่องนั้นให้ได้ก่อน บอกตัวเองว่า ถ้ายังไม่จับมันสัก 2 ชั่วโมงได้ไหม มันไม่มีอะไรเร่งด่วนจนถึงกับว่า จะต้องคิดแก้ไขตลอดเวลาหรอก
คิดไปตอนฟุ้งซ่านก็ช่วยอะไรไม่ได้

นี่หยุดวงจร เร็วได้

สุดท้าย หากยังคิดอยู่วนเวียนอยู่ ก็ให้พิจารณาว่าเราตายไปวันนี้พรุ่งนี้ มันก็ไม่เห็นจะต้องมีอะไรมากมาย
นี่เราเพ้ออะไรอยู่ เราอยากอะไร เราไม่อยากอะไร หาให้เจอตัวอยาก หรือ ตัวไม่อยากนั้น ดับความอยากนั้น

แก้ปัญหาแบบนี้เฉพาะหน้า เมื่อทุเลาลง ให้สร้างภูมิคุ้มกันคือ ฝึกจิตใจให้มีสติให้มาก เพื่อตัดอกุศลก่อนที่อกุศลจะมีกำลัง ฝึกสมาธิให้จิตใจมั่นคง เจริญปัญญา เพื่อละตัวละเอียดต่อไป ถือศีล ทำกุศลมากๆ ก็จะค่อยๆลดความทุกข์ไปเรื่อยๆ

http://www.siangdham.com/
ช่วยดูแลวิทยุเสียงธรรม

ขันธ์, 12 พฤษภาคม 2011

#18
สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

วันที่สมัครสมาชิก:

26 พฤษภาคม 2006

โพสต์:

1,559

ค่าพลัง:

+2,122

ภาวนาหนีทุกข์ ก็คงเหมือนคนมีทุกข์แล้วกินเหล้าหนีทุกข์ละมั๊ง แต่ภาวนาก็ดีกว่ากินเหล้าเนอะ
ถ้าจะภาวนาเพื่อหนีทุกข์ไม่ต้องภาวนาให้เหนื่อยหรอกครับ ซื้อยานอนหลับมากินก็หนีได้เหมือนกัน

อย่าไปหนีเลยครับ พิจารณามันตรงๆไปเลยทีละเปราะๆ หาเหตุของมันตามธรรมเท่าที่รู้นั้นละ เมื่อรู้เหตุของทุกข์แล้วก็พิจารณาหาเหตุของเหตุนั้นต่อไปอีกที ปัญญาถึงก็พบเองพ้นเอง
ปัญญาไม่ถึงต่อให้มีคำแนะนำมากขนาดไหน ก็ไม่เห็นครับ
อย่าไปหนีทุกข์ครับ มันไม่มีทางหนีได้ตลอดหรอกครับ

แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2011

พระพุทธองค์เท่านั้นที่ เป็นหนึ่ง!!

สุรีย์บุตร, 12 พฤษภาคม 2011

#19
prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

5 พฤศจิกายน 2004

โพสต์:

150

ค่าพลัง:

+1,707

ขอบคุณมากๆเลยครับ

ตอนนี้ดีขึ้นมากเลยครับ

ก็อาศัยหลายๆท่านแนะนำ แล้วก็พบว่าไอ้ที่ทุกข์อยู่นี่มันก็แค่เกิดจาก "อยาก" กับ "ไม่อยาก"

ก็เลยใช้คำสอนหลวงพ่อฤาษีท่านว่า ให้มองเห็นว่าทุกข์ที่เกิดกับเรามันเป็นของธรรมดา และไอ้ตัวทุกข์ก็เกิดจากไอ้ตัวอยากตัวเดียวนี่แหละ เลยได้ปัญญานิดๆ น่ะครับสำหรับพวกสมองทือๆ แบบผม

prayut.r, 12 พฤษภาคม 2011

#20

(คุณต้องเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน เพื่อที่จะโพสต์)

หน้า 1 ของ 2

แชร์หน้านี้

Loading...