แดนนิพพานอยู่ตรงไหน? มาดูกันว่าเป็นอัตตาหรืออนัตตา?

เจริญธรรม...

เรื่องนิพพานนี้มีหลายคนกังขามาก ท่านจึงบอกว่า "ถ้าไม่รู้จริงอย่าสอน"
เรื่องนี้นั้นมันก็เหมือนกับการเป็นครู เรียนมาทางไหนก็สอนทางนั้น สอนนานๆ พัฒนาการสอนบ่อยๆ ความชำนาญก็จะเกิด

ถ้าไม่มีการพูด การสอน ความรู้ความเข้าใจมันก็ไม่มี ไม่เกิดในบุคคลผู้หวังนิพพานเลย

คนที่ไม่ได้ศึกษาคือไม่ได้เรียนรู้ รวมทั้งไม่ได้ลงมือปฏิบัติจึงไม่รู้และไม่อาจเข้าใจได้ เพราะการเข้าใจไม่มี การบรรลุก็ไม่เกิด

พระพุทธองค์ทรงสอนให้บุคคลปฏิบัติดีโดยลำดับ แต่อย่ายึดดีไว้ให้มั่น เพราะนั่นเป็นหนทางที่ผิด การหลุดจากสิ่งที่ยึดจึงไม่มี บางทีก็เกิดโทษเพราะการยึดนั่นแหละ

บุคคลถ้ามีศีลก็จะเบียดเบียนตนและผู้อื่นน้อย ศีลน้อยก็ย่อมมีความชั่ว ความเลวเข้ามาแทรกมาก

ศีลยิ่งมาก ความชั่วหรือความเลวก็ย่อมเข้ามาแทรกน้อย จนถึงแทบจะไม่มีเลย

แต่กระนั้นก็ตาม พระพุทธองค์ก็ทรงกำชับว่า "อย่ายึดมั่นในการมีศีลมาก" "อย่ายึดมั่นในการที่ตนทำสมาธิจนได้ฌานมาก"

เพราะนั่นไม่ใช่ทางหลุดพ้น แต่ให้บุคคลพึงมีศีลโดยลำดับ ทำสมาธิให้มีสติให้มั่นและมากโดยลำดับนั่นเอง

ฉะนั้นจงกระทำและรักษาศีลไว้ให้สม่ำเสมอโดยลำดับ ทำสมาธิเพื่อให้มีสติมั่นไว้ อย่าให้ขาดตอน การพัฒนาย่อมเกิดมีโดยลำดับเอง

และเมื่อนั้นเราจะได้รู้ ได้เข้าใจด้วยตัวของเราเองว่า "จิตของเราเป็นเช่นใด?" จิต หรือความนึกคิดดี กายและวาจาย่อมดีตาม


วันนี้เราทั้งหลายได้สำรวจตรวจตราจิตใจของเราแล้วหรือยัง? เลยปีใหม่มาหลายวันแล้ว พัฒนาขึ้นไหม? หรือคงเดิม ปีไหนๆ ก็ยังเหมือนเดิม

ไม่อยากให้มัวแต่ร้องเพลง "ขอให้เหมือนเดิมเลย"

รีบหันกลับมาตรวจตราตัวเองเถอะ อย่ามัวแต่ตรวจตราผู้อื่นให้มากเลย เราไม่ได้มีหน้าที่ตรวจตราผู้อื่น แต่หน้าที่ของเราคือ "ดูและแก้ไขตัวเองก่อน"

เมื่อไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร และตัวเองอย่างถูกต้อง ตามความเป็นจริง สวรรค์และนิพพานก็อยู่ไม่ไกลหรอก

(verygood)(verygood)(verygood)
ธรรมะสวสัดี สาธุ!!!!

 

กราบขอขมาและขออนุญาตท่านแม่ชีตอบคำถามข้อความข้างล่างนี้นะครับ

ความสะอาด ความบริสุทธิ์ เป็นอัตตา (มีตัวตน) หรือคะ
-แล้วคิดว่าความสะอาด ความบริสุทธิ์มีอยู่รึเปล่าล่ะครับ

การซักผ้าให้สะอาด เราจะซื้อความสะอาดมาเทใส่ผ้าได้หรือคะ
- จะซักผ้าให้สะอาดก็ต้องซักน่ะสิครับ ก็บอกเองอยู่แล้วว่าซัก

แล้วตัวความสะอาด ความบริสุทธิ มันเป็นตัวอย่างไหนกัน
- ก็เป็นตัวหมดสกปรกไงครับ ความสกปรกหายไปมากเท่าไหร่ก็สะอาดเท่านั้น หายไปจนหมดก็บริสุทธิ์

 

เจริญธรรมจ้า...

ขอบคุณและโมทนาบุญกับผู้ตอบด้วยนะ

แม่ชีขอเพิ่มเติมอีกนิด
ความสะอาดนั้นเป็นนามธรรม คือไม่มีรูป แต่นามธรรมนั้นต้องอาศัยรูปในการกระทำ

อย่างเช่น เราซักผ้า มือทำการซักและถูผ้าเพื่อให้สะอาด แต่ถ้าผ้าสกปรกมีคราบมาก แค่เราเอามือขยี้มันคงยากที่จะสะอาด

ฉะนั้นเราจึงต้องหาตัวช่วยหรือผู้ช่วยในการซัก เช่นผงซักฟอก หรือสบู่ เมื่อนำมาช่วยในการซัก การซักจึงสำเร็จตามประสงค์ของเรา คือ สะอาดขึ้นโดยลำดับ

การฝึกฝนให้จิตใจของคนสะอาด กิเลสน้อยลงก็เหมือนกัน ต้องมีอุบายหรือวิธีและผู้ช่วยในการฝึกนั่นแหละ อยู่ๆเราจะฝึกจิตให้สะอาด หรือหมดกิเลสเลยมันคงยาก


ต้องมีผู้ช่วยและวิธีมากมาย อย่างเช่น ต้องรักษาซึ่งศีลตามลำดับ เรียนรู้ความดีและความชั่ว ฝึกทำสมาธิเพื่อให้มีสติ จะได้หักห้ามและควบคุมไม่ให้เผลอทำชั่ว

เมื่อทำแล้ว เราสามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่า จิตใจของเราเริ่มสะอาดขึ้นบ้างแล้ว คำว่า สะอาดคือ ปลอดโปร่งโล่งสบาย ทุกข์และขุ่นมัวในจิตใจน้อย

สะอาดมากขึ้น เขาก็เรียกว่า "บริสุทธิ์"บริสุทธิ์ สะอาดก็เป็น "อัตตา" เพราะไม่ได้สูญหายไปไหน

ถ้าสูญหาย ความบริสุทธิ์ สะอาดก็ไม่มีในโลกนี้ นิพพานก็ไม่มีน่ะสิ

แต่พระพุทธองค์ทรงย้ำเน้นว่า "นิพพานนั้นมีอยู่"
ฉะนั้นนิพพานก็เป็นอัตตา คือไม่หาย ไม่สูญ มีอยู่ในโลกในจักรวาล

และนิพพานก็เป็น "อนัตตา" คือ ไม่มีความยึด คือ ไม่ยึดในร่าง เพราะร่างที่จับต้องได้นั้นไม่มี คงเหลือแต่พลังงานที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ เหมือนลมนั่นเอง

นิพพานนั้นเป็นเรื่องอจินไตย ที่บุคคลธรรมดานั้นไม่มีวันเข้าใจ ท่านจึงบอกว่าให้เป็นเรื่องของคนที่เขาไม่ธรรมดาคิดและทำกันเถอะ

ก็อย่างพวกนักวิทยาศาสตร์หรือพวกที่มี I Q มากๆไง พวกนี้ชอบคิด ช่างคิด ช่างดู ช่างสังเกต ช่างทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

ในคนธรรมดาไม่ค่อยใส่ใจ จึงยังคงเป็นคนธรรมดาอยู่ไง คนธรรมดาคือคนที่ยังไม่พัฒนา เรียกง่ายๆ คือ "โง่"

คนไม่ธรรมดา มักเป็นคนที่ชอบพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นคนไม่ธรรมดา คือ "ฉลาดขึ้น"

ความสะอาด บริบูรณ์นั้นไม่มีขายเหมือนผงซักฟองและสบู่นะ อยากให้สะอาดก็ต้องลงมือซักเอง บุญจึงไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเองจ้า...

อย่างหนูนี่ชอบถาม ก็นับว่า กำลังจะเรียนรู้ เรียกว่า "กำลังพัฒนา" อย่าเพิ่งเหนื่อยหน่ายกับการถาม เพื่อเรียนรู้นะ

แม่ชีไม่เหนื่อยกับการพูดและตอบนะจ๊ะ ยินดีให้บริการเสมอ จนกว่าจะหมดแรงและหมดลมหายใจจ้า...

(bb-flower(bb-flower(bb-flower
ธรรมะสวัสดี สาธุ!!!

 

นิพพานไปทางไหนครับ?
ต้องไปที่ไหนถึงเป็นนิพพาน?
นิพพานเพื่ออ่ะไรครับ ?
ไม่นิพพานเพราะอ่ะไร ?
อนุโมทนาครับ

 

แม่ชีท่านยังไม่มาตอบ
ผมขออนุญาตแสดงความเห็นไปก่อนเน้อ

นิพพานไปทางไหนครับ?
ทางมรรค8
ต้องไปที่ไหนถึงเป็นนิพพาน?
ที่ดับทุกข์ดับกิเลสโดยสิ้นเชิง
นิพพานเพื่ออ่ะไรครับ ?
เพื่อเป็นสุขอย่างยิ่ง
ไม่นิพพานเพราะอ่ะไร ?
เพราะสังโยชน์ยังไม่ขาดหมด

 

.....เป็นแดน แห่งใจที่บริสุทธิ์.....

.....ใจที่บริสุทธิ์ จึงเห็นได้ ด้วยใจ เป็นเรื่องของใจ อธิบายได้ไง ทำได้ ใจถึง เห็น/รู้/เข้าใจ พบเองหมด....

.....พระพุทธองค์ทรงตรัส "อักขา ตาโร ต ถา คตา"...ท่านเพียงบอกทาง..หน้าที่แห่งการเดิน เพื่อพิสูจน์เป็นเรื่องของแต่ละคน ไปหรือไม่ เชื่อหรือเปล่า ก็ตรองดู.....

....ใจที่ยังไม่บริสุทธิ์ ยังไม่เห็น ยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจ...ทำใจให้บริสุทธิ์ก่อน...

 

เจริญธรรม...

นิพพานไปตรงกลางด้วยความพอดี อย่าเอียงซ้ายหรือเอนไปทางขวา เดินกลางๆ พอเหมาะ พอดี มันก็ไม่มีเอียง ไม่ขาดความสมดุลด้วย

นั่นคือ การเดินตามมรรคมีองค์ 8 ประการ คือวิธีในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข เกิดทุกข์น้อย

ต้องไปที่ไหนถึงเป็นนิพพาน? ไปที่ๆคนดีเขาอยู่และทำกัน แต่ถ้าหาไม่เจอ ก็ทำจิตใจ
ของตนให้ดี นั่นคือการคิดดี พูดดี ทำกายดี รู้กาลเทศะ รู้หน้าที่และเข้าใจความเป็นธรรมชาติ

นิพพานเพื่ออะไร? นิพพานเป็นความสุขใจทุกเมื่อ เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบัว ที่อยู่บนใบบัวแต่ไม่ผสมผสานกับใบบัว
แต่อาศัยใบบัวเลี้ยงตัว นั่นก็หมายความว่า อยู่ปนกันกับผู้คน โดนกระทบ แต่ไม่กระเทือนหวั่นไหว อะลุ้มอะล่วยช่วยเหลือ
แบ่งปัน เกิดเป็นความสุข สันติ

และที่บุคคลไม่ได้นิพพานนั่นก็เพราะ การยึดเกาะเกี่ยวเหนี่ยวรั้ง ติดกับโลกธรรม 8 ไม่รู้อริยสัจ ไม่ดำเนินตามความพอดี
ไม่มีความพอเพียง

อีกทั้งโง่นั่นแหละ ไม่รู้ความเป็นจริงและยังหลงผิดติดอยู่ในสันดาน เห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิด

แดนนิพพานอยู่ใกล้ตัว จะว่าไกลก็ไกล จะว่าใกล้ก็ใกล้

อย่ามัวรอขอนิพพานในอนาคตกาลเลย หากปัจจุบันยังทำนิพพานไม่ได้ แล้วชาติหน้าคือ พรุ่งนี้ของพรุ่งนี้ จะนิพพานได้อย่างไร?

ทำจิต ทำใจ ทำกาย ทำคำพูดปัจจุบันให้เป็นนิพพาน ทายได้เลยว่า อนาคตและชาติหน้านิพพานแน่นอน

นิพพาน คือสุข นิพพานัง ปะระมัง สุขัง. นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
และนิพพานัง ปะระมัง สูญยัง.นิพพานสูญจากกิเลสอันเผ็ดร้อนทั้งปวง ไม่ขุ่นมัว มีแต่ความเบิกบาน

ฉะนั้นคนเราจะเบิกบานได้ ต้องทำแต่ความดี ทำชั่วบ้างมันก็เลยบานไม่เต็มที่ นั่นเอง

ตกลงคนถามมาจะไปนิพพานไหม?
บุญรักษา ธรรมะสวัสดี

 

แม่ชีครับเรื่องที่กระผมได้ตั้งจิตอฐิษฐานไว้ในใจต่อสมเด็จองค์ปฐม และพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ และ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฯ และพระอริย์ทั้งหลาย ขอให้สำเร็จผล แม่ชีช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ

 

กราบนมัสการค่ะ.....ท่านอาจารย์
ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยนะคะ
ขอความเจริญในธรรมจงบังเกิดมีแด่ทุกๆท่าน....สาธุ...สาธุ...สา...ธุ

 

นิพพาน เป็น ปัจจัตตัง

 

มีผู้รู้จำนวนมาก .... ไม่ให้ใช้คำว่า "แดน" กับ นิพาน โดยให้เหตุผลว่า

การมีแดน " นั้น จะกลายเป็น การปักปั่น มีขอบ มีเขต "

ทำให้ไป ขัดกับกับว่า " อนัตตา " ไม่มี ตัว I ของ I .....

แบบนี้ ...... ช่วย สาธยาย... ให้แจ้ง หน่อย ขอรับ

 

มีผู้รู้จำนวนมาก .... ไม่ให้ใช้คำว่า "แดน" กับ นิพาน โดยให้เหตุผลว่า

การมีแดน " นั้น จะกลายเป็น การปักปั่น มีขอบ มีเขต "

ทำให้ไป ขัดกับกับว่า " อนัตตา " ไม่มี ตัว I ของ I .....

แบบนี้ ...... ช่วย สาธยาย... ให้แจ้ง หน่อย ขอรับ

 

อนุโมทนา ครับ
_____________
ผู้มีความเพียรย่อมละความชั่วได้และทำความดีให้เกิดขึ้นได้

 

อนุโมทนาครับ
__________
ปัญจาลสูตร