“ตะรุเตา”ทะเลสวรรค์ จุดดักฝันนักเดินทาง

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 20 เมษายน 2011.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ตะรุเตา”ทะเลสวรรค์ จุดดักฝันนักเดินทาง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>20 เมษายน 2554 17:47 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โดย : ตะลอนเที่ยว (travel_astvmgr@hotmail.com)

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เกาะตะรุเตากับหาดทรายชายทะเลอันสะอาด สงบงาม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สตูล : ท่าเรือปากบารา ยามสาย

    หลังมรสุมหลงฤดูผ่านพ้น

    พยับแดดแผดกล้า ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้ฝ้า สิว กระ

    เกลียวคลื่นลูกเล็กลูกน้อยทยอยซัดสาดเข้ากระทบชายฝั่ง

    จากท่าเรือปากบาราที่วันนี้กำลังก่อสร้างใหญ่โต เรือของเราแล่นฝ่าเกลียวคลื่นมุ่งหน้าสู่“หมู่เกาะตะรุเตา” ทะเลสวรรค์ในดวงใจของใครหลายๆคนทันที

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=330 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=330>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อุปกรณ์รอยอดีตจากยุคคุกเปิด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> จากนรกเป็นสวรรค์

    พูดถึงเกาะตะรุเตาแล้ว หากไม่พูดถึงประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเกาะที่กลายเป็นตำนาน มันก็เหมือนกับการอ่านหนังสือแล้วไม่อ่านคำนำ

    สำหรับจุดเริ่มของตำนานนี้ เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2479 เมื่อครั้งเกาะตะรุเตาเป็นดังแดนดิบ ดงเถื่อน อันรกชัฏ ชุกชุมไปด้วยสัตว์ร้าย งูพิษ ยุงป่า ไข้มาลาเรีย ฉลาม จระเข้ ซึ่งรัฐบาลยุคนั้นได้เล็งเห็นในศักยภาพ(ด้านโหดร้าย) จึงมีนโยบายจัดตั้งเกาะตะรุเตาเป็น“คุกเปิด”(ทัณฑสถาน)คุมขังนักโทษการเมืองและนักโทษอุจฉกรรจ์

    ปี 2481 นักโทษอุจฉกรรจ์ 500 คนแรก ถูกส่งมายังคุมขังที่นี่ และตามต่อกันด้วยนักโทษการเมืองจากเหตุการณ์กบฏบวรเดชและกบฏนายสิบอีก 70 คน ที่ส่งมากักตัวที่อ่าวตะโละอุดังในปีถัดมา

    จากนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น ในปี 2484 เกาะตะรุเตาถูกตัดขาดการติดต่อจากแผ่นดินใหญ่ ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนอาหาร ยา นักโทษบนเกาะต้องอดอยาก เจ็บป่วย ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ผู้คุมและนักโทษส่วนหนึ่งจึงหันมาเป็นโจรสลัด ปล้นสะดมเรือบรรทุกสินค้าที่ผ่านไปมาในน่านน้ำบริเวณช่องแคบมะละกา

    เกาะตะรุเตาในช่วงนี้จึงไม่ต่างอะไรกับ“นรกอันดามัน” ดีๆนี่เอง

    กระทั่งปี 2491 รัฐบาลอังกฤษที่ปกครองมลายูในขณะนั้นได้ขออนุญาตรัฐบาลไทย ส่งเรือรบและทหารเข้ากวาดล้างโจรสลัดแห่งตะรุเตาแตกพ่าย ปิดฉากนรกตะรุเตาให้กลายเป็นตำนานสืบไป

    หลังวันเปลี่ยนคืนผ่าน ปี 2517 เกาะตะรุเตาและหมู่เกาะใกล้เคียงในทะเลสตูลได้รับการประกาศจัดตั้งเป็น“อุทยานแห่งชาติตะรุเตา” ก่อนตามมาด้วยการเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย

    นับแต่นั้นมา อดีตเกาะนรกได้กลายเป็น“เกาะสวรรค์” อันเป็นที่หมายปองของนักท่องเที่ยวมากมาย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หาดทรายอ่าวพันเตฯบริเวณนี้ละเอียดยิบเหยียบดัง“เอี๊ยด”</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ตะรุเตา รักเราไม่เก่าเลย

    ชั่วเวลาไม่นานจากบนฝั่ง เรือได้แล่นมาถึงยังเกาะตะรุเตาที่วันนี้แปรเปลี่ยนจากคุกเปิดมาเป็นที่ตั้ง“ที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตา”แทน

    แม้นี่จะไม่ใช่การมาเยือนตะรุเตาครั้งแรกของ“ตะลอนเที่ยว” แต่เมื่อมาทีไรเราก็ยังคงรักเกาะตะรุเตาอยู่เหมือนเดิม เพราะหาดทราย ชายทะเล บนเกาะยังคงสงบงาม สภาพธรรมชาติที่นี่ยังคงความพิสุทธิ์สมบูรณ์ สมกับตำแหน่ง“มรดกแห่งอาเซียน” ที่ได้รับจากยูเนสโกในปี พ.ศ. 2525

    ทะเลที่เกาะตะรุเตาจัดว่าโรแมนติกไม่น้อย แต่น่าแปลกที่หลายๆคนมักมองข้ามมุ่งไปหาความโรแมนติกบนเกาะหลีเป๊ะที่วันนี้เปลี่ยนใจจนน่าใจหาย เอาไว้ให้ไปถึงที่นั่นก่อนจะเล่าสภาพเป็นไปและความน่าเป็นห่วงบนเกาะหลีเป๊ะให้ฟัง ส่วนตอนนี้เราขอเพลิดเพลินชมความงามบนเการะตะรุเตากันให้ชุ่มใจฉ่ำตาไปเลย

    สำหรับจุดชวนเที่ยวชมบนเกาะตะรุเตานั้นก็มีมากหลาย โดยเฉพาะบรรดาอ่าวต่างๆ ถือว่าเด่นมาก ไม่ว่าจะเป็น “อ่าวสารภี” แหล่งวางไข่เต่าทะเล “อ่าวจาก” อ่าวสงบโอบอ้อมด้วยภูผา 3 ด้านที่ใครไปเยือนแล้วไม่อยากจากมา “อ่าวสน”อ่าวโค้งสลับกับหาดหินที่ข้อมูลจากอุทยานฯบอกว่าหินปูนที่นี่มีอายุมากถึงร่วม 700 ล้านปีแน่ะ “อ่าวตะโละวาว” หนึ่งในมุมเอกลักษณ์ของเกาะที่น่ายลและน่าทึ่งไปด้วยหินซีกก้อนยักษ์ขนาดตึก 4-5 ชั้นตั้งตระหง่านโดดเด่นริมฝั่งน้ำ ข้างๆมีสะพานท่าเรือทอดยาวไปเทียบเคียง นับเป็นจุดชมพระอาทิตย์ชั่นยอดมุมหนึ่งของท้องทะเลอันดามัน อ่าวตะโละวาวในอดีตเป็นที่ตั้งของทัณฑสถาน ส่วนปัจจุบันทางอุทยานได้สร้างเส้นทางศึกษาธรรมชาติและประวัติศาสตร์ไว้ให้ผู้สนใจได้เดินเที่ยวกัน

    ส่วนอีกอ่าวหนึ่งซึ่งไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงก็คือ “อ่าวพันเตมะละกา” ที่ตั้งอยู่ตรงส่วนหน้าเกาะมองออกไปในทะเลเห็นประภาคารสีขาวเด่น หาดทรายที่อ่าวพันเตฯสวยงามทอดยาวขาวสะอาด

    บางช่วงของหาดทรายละเอียดดุจแป้งชนิดถ้ามันใช้ผัดหน้าได้ คงถูกสาวๆและหนุ่มบางคนขุดมาผัดหน้ากันจนเกลี้ยงเกาะ แต่นี่ถือว่ายังโชคดีที่ทรายที่นี่ไม่มีคุณสมบัติเช่นนั้น หากแต่มีคุณสมบัติพิเศษที่สร้างความน่าทึ่งให้กับใครหลายๆคน นั่นก็คือ บนพื้นทรายที่ละเอียดยิบดุจแป้ง เมื่อเราไปลงไปเดินเหยียบย่ำ(ควรเดินเท้าเปล่าจะได้อารมณ์มาก)พื้นทรายที่นี่จะส่งเสียงดัง“เอี๊ยดๆ” ซึ่งแม้เสียงที่สะท้อนตอบรับ(เท้า)กลับมา เราไม่สามารถหาคีย์ตีเป็นโน้ตดนตรีได้ แต่มันก็ให้ความรู้สึกสุขใจสบายเท้ายามที่ได้เดินย่ำเป็นอย่างยิ่ง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>มาถึงเกาะตะรุเตาแล้ว ควรสักการะเจ้าพ่อตะรุเตา เพื่อความเป็นสิริมงคล</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ถัดจากหาดทรายยาวของอ่าวพันเตฯเข้ามาบนฝั่ง มีทิวสนขึ้นเรียงรายร่มรื่น มุมหนึ่งเป็นที่ตั้ง“ศาลเจ้าพ่อตะรุเตา”อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งใครมาถึงที่นี่ควรมาสักการบูชาท่านก่อนเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นถัดลึกเข้ามาเป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ที่ทำการอุทยานฯ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จุดกางเต็นท์ และบ้านพักที่อยู่ลึกเข้าไปใกล้ๆกับแนวดงป่า

    นอกจากท้องทะเลสงบงามแล้ว บนเกาะตะรุเตายังอุดมไปด้วยป่าเขาธรรมชาติ มีถ้ำจระเข้ให้ล่องเรือลัดเลาะผจญภัย มีน้ำตกลูดูและน้ำตกโละโป๊ะให้สัมผัสในความชุ่มฉ่ำ มีประวัติศาสตร์อดีตนรกตะรุเตาให้เรียนรู้ มีจุดชมวิวผาโต๊ะบูให้ขึ้นไปชมวิวในแบบสุดสายตาพอโนรามา

    นับได้ว่าตะรุเตาเป็นเกาะที่ครบเครื่องเรื่องท่องเที่ยวไม่น้อยเลย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หาดทรายขาวทอดยาวสู่ซุ้มประตูหินที่เกาะไข่</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ทัวร์หมู่เกาะ

    หมู่เกาะตะรุเตา ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่มากหลาย เมื่อมาเที่ยวท้องทะเลแห่งนี้แล้ว กิจกรรมล่องเรือ ดำน้ำ เที่ยวชมความงามของเกาะต่างๆ นับเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ดึงดูดที่ใครพลาดนับว่าน่าเสียดายแย่

    สำหรับเกาะแรก ว่ากันว่าใครที่มาตะรุเตาแล้วไม่ได้มายลเยือนเกาะนี้เหมือนดังว่ายังมาไม่ถึง นั่นก็คือ“เกาะไข่” ที่ไม่ได้มีรูปลักษณ์คล้ายไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่เจียว ไข่ดาว หรือไข่ชั่งกิโลของรัฐบาลชุดนี้ หากแต่เป็นเกาะที่เคยมีเต่าทะเลจำนวนมากขึ้นมาวางไข่นั่นเอง

    เกาะไข่ นอกจากจะมีหาดสวยน้ำใสแล้ว ยังมีสัญลักษณ์แห่งตะรุเตาและสัญลักษณ์สตูลอย่าง "ซุ้มประตูหิน" มีลักษณะเป็นแนวหินยื่นยาวจากตัวเกาะโค้งทอดตัวลงบนชายหาด นับเป็นผลงานการสร้างสรรค์อันน่าทึ่งของธรรมชาติ ซึ่งมีความเชื่อว่า ใครที่ควงคู่กันมาเดินลอดซุ้มประตูแห่งนี้ความรักจะสมหวังยั่งยืน

    บนเกาะไข่ หนุ่มทะเล้นหลายๆคนเมื่อมาเยือนที่นี่ มักจะไม่ถ่ายรูปคู่กับซุ้มประตูหินเฉยๆ หากแต่จะต้องมีแอ๊คท่าพิเศษด้วยการ"ยืนกุมเป้า"เพื่อใช้ภาพป่าวประกาศให้โลกรู้ว่า นี่ไง“เกาะไข่”

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เรียงหินอธิษฐานกิจกรรมยอดหินบนเกาะหินงาม </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อีกเกาะหนึ่งที่ถือเป็นไฮไลท์แห่งตะรุเตานั่นก็คือ “เกาะหินงาม” เกาะที่ไม่มีหาดทรายขาวเนียนให้เหยียบย่ำ หากแต่มีก้อนหินงามๆ ก้อนมนๆ ทรงกลม รี แบน สีดำ น้ำตาลเข้ม จำนวนมหาศาล รวมถึงซากปะการังสีขาว ให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปถ่ายรูปและทำกิจกรรมเรียงหินอธิษฐานของพร ทำให้บนเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยกองเรียงหินน้อย-ใหญ่ สูง-ต่ำ เรียงประดับเกาะอยู่เป็นจำนวนมาก

    อนึ่งการเรียงหินที่นี่ บ้างก็ว่าต้องเรียงให้ได้ 12 ชั้น จึงจะสมมาดปรารถนา ส่วนบางคนก็ว่ายิ่งเรียงสูงเท่าไหนก็จะยิ่งประสบความสำเร็จเท่านั้น

    แต่ไม่ว่าจะความเชื่อไหนก็ไม่ขลังเท่ากับความเชื่อที่ว่า หากใครนำก้อนหินงามๆเหล่านี้ออกไปจากเกาะจะต้องมีอันเป็นไป ดังคำสาปที่ว่า “...ผู้ใดบังอาจเก็บหินจากเกาะนี้ไป ผู้นั้นจะพบแต่ความหายนะ นานาประการจะกลับไม่ถึงบ้าน จะประสบอุบัติเหตุ จะหลุดพ้นจากหน้าที่การงาน จะพบภัยพิบัติไม่มีที่สิ้นสุด...”

    เรื่องนี้แม้จะเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่มากไปด้วยเรื่องเล่าขานและพิสูจน์ไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ได้ก็คือ ถ้าเจ้าพ่อตะรุเตาไม่สาปเอาไว้ เกาะหินงามถูกคนที่มาเที่ยวเกาะหยิบก้อนหินติดไม้ติดมือกลับไปคนละก้อนสองก้อน ป่านนี้ก้อนหินงามๆบนเกาะแห่งนี้คงไม่มีเหลือแล้ว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เกาะรอกลอยกับทิวทัศน์หาดทรายสายน้ำ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจาก 2 เกาะไฮไลท์แล้ว หมู่เกาะตะรุเตายังมีเกาะฝาแฝดอย่าง “เกาะอาดัง-ราวี” 2 เกาะใหญ่ที่อยู่ห่างกันเพียงแค่ราว 1 กิโลเมตร ทั้งเกาะอาดังและเกาะราวีมีเสน่ห์คล้ายกันๆคือเป็นเกาะสงบงาม มีหาดทรายขาวเนียบ น้ำทะเลสวยงาม รวมไปถึงองค์ประกอบของธรรมชาติอันเรียบง่ายแต่ทรงเสน่ห์

    ในขณะที่เกาะเล็กๆน่าสนใจอื่นๆก็มี เกาะผึ้ง เกาะยาง เกาะดง เกาะกระ และเกาะหินซ้อนที่เป็นก้อนหินใหญ่กลางน้ำตั้งวางซ้อนกันอย่างสมดุลน่าทึ่ง รวมไปถึงเกาะจาบัง ที่มี“ร่องน้ำจาบัง” อันอุดมไปด้วยปะการังสีสันสดสวยทั้ง ชมพู ม่วง แดง เหลือง สีฟ้า สมดังคำร่ำลือว่าที่นี่มีปะการัง 7 สี สวยไม่เป็นรองใคร แต่ด้วยความที่กระแสน้ำที่นี่ไหลเชี่ยวแรงมาก ดังนั้นผู้ที่ลงดำน้ำดูปะการังต้องสวมชูชีพทุกครั้ง และไม่ควรประมาทด้วยประการทั้งปวง ใครที่ว่ายน้ำไม่แข็งหรือว่ายน้ำไม่เป็นต้องเกาะเชือกที่เขามีผูกไว้ให้แม่นมั่น มิฉะนั้นความสวยที่น่ายลจะแปรเปลี่ยนเป็นเหตุไม่พึงประสงค์ได้

    ส่วนเกาะเล็กอีกเกาะหนึ่งที่“ตะลอนเที่ยว”ไปเยือนแล้วประทับใจยิ่งก็คือ ”เกาะรอกลอย” เกาะนี้มีชื่อเรียกที่ถูกต้องว่า“เกาะรอ-กลอย” แต่นักท่องเที่ยวหลายคนมักอ่านผิดเป็น“เกาะรอก-ลอย” ซึ่งไม่ว่าใครจะเรียกแบบไหน ยังไงๆก็ไม่ทำให้เสน่ห์ของเกาะแห่งนี้ดูด้อยลงไป

    เกาะรอกลอย แม้เป็นเกาะเล็กจิ๋ว แต่ทิวทัศน์ที่นี่งามตานัก โดยเฉพาะกับหาดทรายและผืนน้ำทะเลที่ไหลผ่านสันทรายน้ำตื้นระหว่างเกาะรอกลอยกับเกาะดงที่อยู่ติดๆกันนั้น มันช่างสวยงามจับใจ สายน้ำที่นี่ใสแจ๋วแหวว ก่อนจะค่อยๆไล่โทนไปสู่สีเขียวอมฟ้าจางๆ ยามต้องแสงแดดจะเป็นประกายพริบพรายระยิบระยับ

    บริเวณนี้เมื่อได้ลงไปสัมผัสแล้ว “ตะลอนเที่ยว”สุดแสนทำใจลำบากยามเมื่อต้องจากลายิ่งนัก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บ้านชาวเลวันนี้ผสมวิถีเก่าใหม่เข้าด้วยกัน </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หลีเป๊ะ ความงามบนความเปลี่ยนแปลง

    หมู่เกาะตะรุเตายังมีเพชรน้ำงามอีกหนึ่งเม็ด คือ “เกาะหลีเป๊ะ” ที่เดิมมีความงดงามพิสุทธิ์ แต่ตอนหลังช่างเจียระไร เจียอีท่าไหนไม่รู้ เพชรน้ำงามจึงดูหมองลงไปอย่างน่าใจหาย

    เกาะหลีเป๊ะ ก่อนที่จะถูกค้นพบและแปรสภาพกลายเป็นเกาะท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ เดิมเป็นบ้านของชาวเล(อูรักลาโว้ย)มาก่อน ก่อนที่อุทยานแห่งชาติ คนบนแผ่นดินใหญ่ การท่องเที่ยว นายทุน นักท่องเที่ยว และฯลฯ จะตามเข้ามาในภายหลัง พร้อมๆกับรุกคืบผลักดันชาวเล“คนใน”เจ้าของเดิม ให้ออกไปยืนห่างๆไม่ต่างอะไรจาก“คนนอก” ซึ่งวันนี้บนเกาะหลีเป๊ะยังพอมีภาพวิถีชีวิตของชาวเลยุคใหม่ หลงเหลือให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสกันแบบพอหอมปากหอมคอ ไม่ว่าจะเป็น บ้านเรือนผสมแบบดั้งเดิมกับวิถีใหม่ หรือการใช้ชีวิตร่วมสมัยที่ปรับเปลี่ยนไปตามสภาพการณ์ของโลกที่เปลี่ยนไป

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หาดซันเซ็ท</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หลีเป๊ะ แม้เป็นเพียงเกาะเล็กๆ แต่สภาพธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ และท้องทะเลที่นี่ ช่างงดงามนัก งดงามจนถูกยกให้เป็นดัง "มัลดีฟเมืองไทย"

    บนเกาะหลีเป๊ะมีหาดหลักๆ อยู่ 3 หาด ได้แก่

    หาดชาวเล ที่บริเวณหลังเกาะ เป็นชายหาดยาวทอดเคียงคู่ไปกับทิวสนที่นับวันยิ่งมายิ่งถูกตัดโค่นลงเรื่อยๆ หาดชาวเล ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นชั้นยอดประจำเกาะ

    หาดซันเซ็ท มีชายหาดเชื่อมต่อมาจากหาดขาวเล หาดนี้ไม่เพียงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกสมดังชื่อหาดเท่านั้น หากแต่ยังมีโขดหิน ชายหาดขาวสวย ให้นักท่องเที่ยวได้รื่นรมย์กันด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ตะวันตกน้ำที่หาดพัทยา 2 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หาดพัทยา 2 นี่ถือเป็นหาดไฮไลท์แห่งหลีเป๊ะ ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของเกาะ มีลักษณะเป็นเวิ้งหาดโค้งยาว มีพื้นทรายขาวเนียนเดินแน่นนุ่มเท้า น้ำทะเลด้านหน้าหาดพัทยา 2 ใสแจ๋วแหววราวกระจกบริเวณน้ำตื้นสามารถมองลงไปเห็นปะการังได้อย่างไม่ยากเย็น

    นอกจากนี้ยามเย็นที่หน้าหาดพัทยา 2 ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดีที่ให้ภาพแตกต่างออกไปจากมุมมองที่หาดซันเซ็ท

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทะเลหน้าหาดพัทยา 2 วันนี้ยังคงใสแจ๋วมองเห็นถึงเบื้องล่าง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สมัยก่อนที่เกาะหลีเป๊ะยังไม่บูม หาดพัทยา 2 มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับหาดพัทยาต้นตำรับที่ชลบุรีว่า มันช่างแตกต่างกันราวหน้ามือกับหลังมือ แต่หลังจากเกาะหลีเป๊ะโด่งดังฮอตฮิตขึ้นมาเพียงไม่กี่ปี การท่องเที่ยวเข้ามาพรากความน่ารักใสซื่อของหาดพัทยา 2 ให้แปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาวกร้านโลก ที่วันนี้หาดพัทยา 2 เริ่มมีสภาพคล้ายน้องห่างๆของหาดพัทยาเข้าไปทุกที

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นักท่องเที่ยวคลาคล่ำที่หาดพัทยา 2 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หาดพัทยา 2 วันนี้เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้าง ที่พัก รีสอร์ท บาร์เบียร์ ซึ่งพอตกยามเย็นย่ำค่ำ บริเวณนี้จะคลาคล่ำคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ริมชายหาดถูกจับจองเป็นที่นั่งดื่ม นั่งพูดคุย บาร์เบียร์หลายร้านเริ่มมีกิจกรรม ดนตรี เปิดเพลง ควงกระบองไฟ

    ในขณะที่ลึกเข้าไปบนเกาะก็จะเป็นแสงสีของถนนคนเดิน เริ่มตั้งแต่หน้าหาดพัทยา 2 ไปตามถนนสายหลักสายเดียวของเกาะ เรื่อยไปจนถึงแถวๆใกล้กับทางแยกไปหาดชาวเล

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ถนนคนเดินแสงสียามราตรีแห่งหลีเป๊ะ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ถนนคนเดินบนเกาะหลีเป๊ะ แม้ไม่เต็มแน่นพลุกพล่านเท่าถนนคนเดินบนเกาะพีพี แต่ก็คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว และร้านรวงต่างๆที่ขึ้นมาติดๆกันเต็มสองข้างทาง ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านของชำ ร้านเหล้า ร้านนวด ร้านเสริมสวย ร้านขายเสื้อผ้า ขายของที่ระลึก และ ฯลฯ

    เพื่อนของ“ตะลอนเที่ยว”หลายคน ที่ร้างลาจากการเที่ยวเกาะหลีเป๊ะไปนาน เมื่อมาเจอสภาพความเปลี่ยนแปลงบนเกาะหลีเป๊ะในวันนี้ ถึงกับอุทานว่า

    “มันเหมือนเป็นคนละเกาะ คนละเรื่อง กับหลีเป๊ะที่เคยมาเมื่อครั้งก่อนเลย”

    แต่นี่แหละคือวิถีการท่องเที่ยวแบบไทยๆ ซึ่งวันนี้ความเปลี่ยนแปลงบนเกาะหลีเป๊ะ ยังสามารถควบคุม บริหารจัดการได้ หากผู้ที่เกี่ยวข้องมีความตั้งใจจริง อีกทั้งยังสามารถป้องกันไม่ให้แสงสีอันไม่พึงประสงค์ ลุกลามเหมือนไฟลามทุ่งไปยังเกาะอื่นๆ

    แต่ถ้าหากว่าทางผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ปล่อยปละละเลยปัญหาต่างๆให้เป็นไปตามยถากรรม บางทีในอนาคตข้างหน้าทะเลไทยอาจต้องสูญเสียเพชรเม็ดงามนามว่า“หลีเป๊ะ”ไป แบบไม่มีวันหวนคืน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> *****************************************

    อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.ละงู จ.สตูล สำหรับฤดูท่องเที่ยวตะรุเตาเริ่มตั้งแต่เดือนกลางพ.ย.ไปถึงประมาณกลางเดือน พ.ค. โดยสามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือปากบารา ซึ่งมีเรือออกทุกวัน ซึ่งการเดินทางไปเที่ยวเกาะตะรุเตา เที่ยวทะเลอันดามัน หรือทะเลฝั่งอ่าวไทย ในช่วงสภาพอากาศโลกแปรปรวนเช่นนี้ ควรตรวจสอบข้อมูลและเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทาง โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา โทร. 0-7472-9002-3 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ 3 (ปากบารา) โทร.0-7478-3485 หรือที่ ททท. สำนักงานตรัง (ตรัง,สตูล) โทร. 0-7521-5867,0-7521-1058,0-7521-1085
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    .

    Travel - Manager Online -
     
  2. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลท่องเที่ยวดี ๆ ที่นำมาแบ่งปันกัน ช่วงนี้อากาศแปรปรวนและมีมรสุมเข้าบ่อย เพื่อนสมาชิกท่านใดจะเดินทางไปท่องเที่ยวในแถบฝั่งทะเลอันดามัน ขอให้เช็คสภาพดินฟ้าอากาศดี ๆ ไม่เช่นนั้น เมื่อไปแล้วท่านอาจจะเกิดอาการติดเกาะ เพราะเดินทางกลับไม่ได้.... :)





    ปฎิทินพลังจิตธรรมสัญจร ปี ๒๕๕๔ /ประมวลภาพบวชเนกขัมมะปฎิบัติธรรมฯ รุ่นที่ ๕ [​IMG][/SIZE]
    [​IMG] ทริปธรรมสัญจร (๖) เป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน-<wbr>อุทยานสงคราม ๙ ทัพ-ย้อนรอยโรงถ่ายตำนานสมเด็จ "พระนเรศวร" จ.กาญจนบุรี ๗ พ.ค.๕๔ เสาร์ ๕ One day trip (ว่าง) [​IMG]
     
  3. nanajitang

    nanajitang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +19
    สวยมากค่ะ แฝงความโหดร้ายนิด ๆ แต่ข้อมูลเพียบเลย ดีจริง ๆ ได้ไปเที่ยว ขอบคุณสำหรับข้อมูลการท่องเที่ยวค่ะ
     
  4. khunfong

    khunfong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    462
    ค่าพลัง:
    +162

แชร์หน้านี้

Loading...