Law of Attraction การควบคุมกฏแห่งแรงดึงดูดให้ทำงานให้เราอย่างมีประสิทธิภาพ

นับจากมีภัยพิบัติ ซึนามิ และเหตุการณ์ร้ายๆต่าง โหมกระหน่ำใส่โลกและมนุษย์อย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ผู้คนหวาดกลัวและคิดถึงเหตุการณ์ร้ายๆเหล่านั้นจนถึงขั้นกลัวโลกแตก

ทำให้ดิฉันเกิดความคิดขึ้นว่า ถ้าพวกเราเอาแต่คิดถึงเรื่องร้ายๆ กฏแห่งแรงดึงดูดก็จะดึงดูดเรื่องร้ายๆ เข้าสู่ชีวิตเราอย่างไม่มีข้อยกเว้น

จึงขอนำบทความเกี่ยวกับกฏแห่งแรงดึงดูดมาลง เพราะชีวิตเรายังคงต้องดำเนินต่อไป ดังนั้นการคิดถึงแต่เรืองร้าย เรื่องลบจะนำมาแต่พลังงานลบสู่
ชีวิตเรา มาคิดแต่เรื่องดีๆกันดีกว่า

ในตอนแรกจะให้ชื่อว่า กาควบคุมกฏแห่งแรงดึงดูด



แล้วจะนำมาลงเป็นตอนๆต่อไปนะคะ

 

เกริ่นนำ

Law of Attraction

กฎแห่งแรงดึงดูด ฉันเชื่อว่าเมื่อใครได้อ่านมาถึงบทความนี้คงจะต้องเคยได้ยิน ได้ฟังถึงคำนี้บ่อยๆ บางคนแม้แต่เคยลองใช้ เพราะอยากรู้ว่ามันทำงานอย่างไร แต่แล้ว...เราก็ยักไหล่บอกตัวเองว่า นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะมีอยู่จริง มันเป็นเรื่องหลอกทางจิตวิทยาเพียงเพื่อให้เราเป็นคนคิดบวกเท่านั้น


ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยคิดแบบนั้น แม้ฉันจะเชื่ออยู่ลึกๆในใจก็ตามว่า มันต้องมีบางสิ่งที่มีนัยสำคัญซ่อนอยู่ ไม่เช่นนั้นคนทั้งโลกคงจะไม่ตื่นเต้นกับกฎที่ว่านี้ แต่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่ฉันว่างแบบว่างเปล่า (ถ้าคุณเคยอ่านบล็อกของฉัน คุณคงรู้ว่าฉันตกงาน ถังแตกและมีเวลาว่างอย่างเหลือล้น) ฉันได้มานั่งทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของฉัน ฉันคิดถึงวิธีการตัดสินใจของฉัน ความเชื่อมั่นในตัวเองและความดื้อรั้นของฉัน ทำให้ฉันมีวันนี้ วันที่ฉันล้มทั้งยืน

<o></o>
ฉันไม่เคยยอมรับกับตัวเองมาก่อนเลยว่าปัญหาใหญ่หลวงตรงหน้าคือความรับผิดชอบเต็มๆของฉัน ที่ผ่านมาฉันต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างมากเพื่อพยายามหาทางรักษา “สถานภาพทางสังคมและธุรกิจ” ของฉันไว้อย่างที่สุด ฉันไม่อาจจะยอมรับได้ว่าฉันหมดตัวและพ่ายแพ้ แม้สัญญาณทางธุรกิจจะส่งสัญญาณมาให้ฉันรับรู้อยู่เสมอๆ ทั้งที่ฉันไม่ต้องการฟัง ชีวิตช่วงนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยยาก ลำบาก ฉันต้องขอกู้เงินทุกธนาคารที่พอจะยอมรับเครดิตฉัน ยืมเงินแม่ ครอบครัว เพื่อนและทุกคนที่รู้จักเพื่อพยุงกิจการด้วยความหวังว่า สักวันมันจะดีขึ้น แต่สุดท้ายฉันจำต้องยอมแพ้ต่อโชคชะตาด้วยหัวใจที่แตกสลาย

<o></o>

แต่ถึงกระนั้น ฉันยังไม่วายโทษโชคชะตา ฉันเชื่อว่าเพราะกรรมเก่าที่ฉันเคยทำ ฉันเชื่อว่าฉันเกิดมาพร้อมกับความโชคร้ายและปัญหาการเงิน ฉันโทษทุกอย่างในทุกสิ่งรอบตัว ยกเว้น “ตัวฉันเอง” ฉันมองว่าตัวเองเป็นเหยื่อที่น่าสงสารของโชคชะตา แล้วฉันก็เชื่ออย่างนั้นจริงๆ

<o></o>
จนกระทั่งวันที่ฉันว่างเปล่าและยอมรับกับตัวเองว่า ทั้งหมดเป็นเพราะฉันเลือกเองต่างหาก ทันทีที่ฉันยอมรับกับตัวเองว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากตัวฉันเองคนเดียว นาทีนั้นฉันรับรู้ทันที ความตึงเครียดตลอดระยะเวลาหลายปี ความกลัวต่ออนาคตข้างหน้าที่จะไม่มีเงินใช้จ่ายในชีวิตได้หายไป มันโล่งว่างแทบจะทันที

<o></o>
ความรู้สึกที่ปรากฏในขณะนั้นคือ ฉันตัดสินใจผิด ฉันผิดพลาดแล้วทั้งหมด มันเป็นเพียงแค่เหตุการณ์ๆหนึ่งในชีวิตเท่านั้น แต่ฉันยังมีลมหายใจ ฉันยังมีชีวิตแล้วทั้งชีวิตที่เหลืออยู่คือตัวฉันเอง ฉันตั้งคำถามกับตัวฉันเองว่า ฉันจะเดินหน้ากับชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไรถ้าฉันยังจมปลักกับความคิดที่มืดมน

<o></o>
คุณลองคิดดูซิว่าที่ผ่านมาฉันเคยให้คำปรึกษา ให้คำปลอบโยนคนอื่นๆเสมอแต่ฉันไม่เคยปลอบโยนตัวเองเลย ฟังดูเหลือเชื่อมากๆที่คุณรักใครสักคนมากๆแต่คุณคอยแต่ก่นด่าบ่นพำถึงความโง่ ความงี่เง่าของคนนั้น คุณว่าไหม เรารักตัวกลัวเจ็บกลัวตายมากที่สุด แต่ในยามที่เรากำลังเผชิญปัญหา เรากลับเอาแต่นั่งด่าตัวเองให้เจ็บปวด น่าตลกและไม่สร้างสรรค์เอาเสียจริงๆ

ฉันจึงให้อภัยกับตัวเอง ฉันพูดคุยปลอบโยนกับตัวเองเหมือนคนบ้าถ้าจะมีใครสักคนมาเห็นนะ <o></o>

 

ฉันบอกตัวฉันเองว่า ฉันไม่ได้จนนะ แค่ถังแตก การเป็นคนจนมันเป็นกรอบที่คนกำหนดขีดเส้นแบ่งระหว่างความสำนึกถึงเงินมากเงินน้อยที่มีอยู่ในตัวคนคนหนึ่งเท่านั้น ฉันไม่ใช่คนที่ใครจะมาขีดกรอบได้ นี่เป็นแค่สถานการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตเท่านั้น แล้วคืนนั้นฉันก็หลับสบายกว่าคืนอื่นๆตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา

เมื่อฉันปล่อยให้ความรู้สึกเป็นทุกข์ออกไป ชีวิตฉันจึงมีที่ว่างสำหรับสิ่งใหม่ๆ ฉันเริ่มอ่านหนังสือทุกเล่มที่ฉันมีในชั้นหนังสือ ซึ่งจะเป็นหนังสือฮาวทูอะไรต่อมิอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นฮาวทูเพื่อความร่ำรวย มั่งคั่ง ทั้งที่ฉันเคยอ่านมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่ครั้งนี้กลับให้ความรู้สึกแตกต่างออกไป เพราะเมื่อก่อนฉันคิดว่าทั้งหมดที่พูดในหนังสือจิตวิทยาพวกนี้ก็เพียงเพื่อให้คนคิดบวกเท่านั้น
<o></o>
ฉันคิดอย่างหลงตัวเองว่านั่นมันเป็นแค่หลักการ ชีวิตและธุรกิจต่างหากที่เป็นของจริง ฉันอายุเพียง 28 ปีในตอนที่เริ่มธุรกิจแล้วฉันก็ทำเงินล้านได้ในหนึ่งปีโดยที่ฉันไม่เห็นต้องใช้กฏอะไรต่อมิอะไรอย่างที่ว่าไว้ในหนังสือเหล่านี้เลย ฉันจึงอ่านผ่านๆเพียงเพื่อให้รู้ว่าทั้งหมดต้องการจะบอกอะไร เพื่อที่เวลาคุยกับคนอื่นๆ ฉันจะบอกได้ว่าฉันอ่านมาแล้ว (มันฟังดูดีที่อ่านหนังสือดังๆ) ฉันคิดแบบนั้นจริงนะในตอนนั้น
<o></o>
แต่วันนี้ความคิดฉันเปลี่ยนไป ฉันอ่านทุกถ้อยคำในหนังสืออย่างดิ่งลึกและแสวงหาคำตอบบางอย่างที่จะเป็นแสงสว่างให้กับชีวิตฉัน แล้วฉันก็ได้พบและรู้จัก “ Law of Attraction” ฉันอ่าน ศึกษามันในหนังสือทุกเล่มที่กล่าวถึงมัน ในอินเตอร์เน็ต และพูดคุยสอบถามคนทุกคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับกฎนี้
<o></o>
มันเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตฉัน
<o></o>
ฉันเริ่มสำรวจความคิดของตนเอง แล้วฉันก็พบว่าในทุกๆช่วงของชีวิต กฎแห่งแรงดึงดูดทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์แบบเสมอ มันเป็นการจับคู่ของสิ่งที่มีพลังงานเดียวกัน ไม่ว่ามันจะเป็นพลังงานดีหรือลบก็ตาม
<o></o>
กฎแห่งแรงดึงดูดทำหน้าที่เป็นกฎแห่งจักรวาลที่มีพลังดึงดูดุจแม่เหล็กและทำงานตลอดเวลา ไม่ว่าจะยามหลับยามตื่น ไม่ว่าคุณจะปล่อยพลังงานความคิดของคุณไหลไปยังสิ่งที่คุณต้องการหรือไม่ต้องการก็ตาม แค่คุณสนใจหรือเพ่งความคิดไปสู่สิ่งนั้นๆ คุณจะดึงดูดสิ่งนั้นๆเข้ามาในชีวิตคุณ
<o>
ฉันเริ่มทดลองฝึกการใช้กฎแห่งแรงดึงดูดในชีวิตจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ เช่น การหาที่จอดรถในทันทีที่รถฉันเข้าไปถึงลานจอดรถ มันได้ผลและได้ผลอย่างต่อเนื่อง ฉันจึงขยับไปสู่เกมที่ใหญ่มากขึ้นๆ จนกระทั่งถึงวันนี้ที่ฉันอุทานกับตัวเองว่า “โอ้ว ชีวิตช่างเป็นเรื่องง่ายเสียเหลือเกิน” ถ้าเพียงแต่คุณรู้ว่าทำอย่างไร
<o></o>
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ที่คุณจะมีทุกอย่างที่คุณต้องการ ใช้ชีวิตอย่างที่คุณปรารถนา อยู่ในสถาการณ์ที่สมบูรณ์แบบอย่างง่ายดายและที่สำคัญวิธีการของมันเรียบง่ายจนเหลือเชื่อ
<o></o>
เรื่องราวที่จะเอ่ยถึงจากนี้ไปจะเป็นการรวบรวมวิธีการที่เป็นรูปธรรมจากการอ่าน จากประสบการณ์จริงของฉันและเพื่อนๆ ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้จริงเพื่อดึงดูดชีวิตที่คุณต้องการ
<o></o>
แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าคุณต้องทำตามข้อทุกข้อที่เอ่ยถึงในบทความนี้อย่างเคร่งครัด อย่าจำกัดกรอบให้กับตัวเอง จงสนุกและตระหนักว่ากฎแห่งแรงดึงดูดกำลังทำงานเพื่อคุณเสมอ แล้วสนุกกับความฝันของคุณต่อไป<o></o></o>

 

วิธีการทำงานของกฎแห่งแรงดึงดูด
<o></o>
กฎแห่งแรงดึงดูดมีหลักการที่สำคัญว่าด้วย “พลังงานที่เหมือนกันย่อมดึงดูดซึ่งกันและกัน” ลองมาฟังเรื่องนี้ดู ฉันรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชื่อนิรมล ฉันรู้จักเธออย่างบังเอิญ นิรมลเป็นคนที่คิดเสมอว่าโลกโหดร้าย ผู้คนเห็นแก่ตัวและจ้องจะเอาเปรียบเธอ น่าแปลกใจที่เธอเองก็มักได้สินค้าไม่ดี สินค้ามีตำหนิเสมอๆในการซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่างเพื่อตอกย้ำความเชื่อของเธอที่ผู้คนเอาเปรียบและเห็นแก่ตัวกับเธอ
<o></o>
นอกจากนั้นเธอยังมีไม่ศรัทธาในตนเองมากพอ ขนาดที่ว่าหากในวงสนทนามีการพูดถึงบางสิ่งบางอย่างที่แปลว่าไม่เก่ง ไม่ฉลาดหรือฟังดูโง่ เธอมักจะคิดสร้างความเจ็บปวดให้กับตัวเองเสมอว่า ทุกคนกำลังจงใจต่อว่าเธอเป็นนัยๆ ทั้งที่บางทีไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอเลย แต่เธอยังดึงดูดสิ่งเหล่านี้เข้ามาสู่ตัวเองจนได้

<o>
เธอมีชีวิตครอบครัวที่ไม่เป็นสุขเพราะเธอมีปมปัญหาชีวิตที่ขัดแย้งจากพ่อและแม่ของเธอจนชีวิตคู่เธอก็เป็นแบบที่พ่อแม่เธอเป็น เพราะเธอเชื่อและเห็นจากชีวิตคู่ของพ่อและแม่ เพื่อสนองต่อความคิดของเธอว่า เธอคือเหยื่อแห่งชะตากรรม ถูกเอาเปรียบ ไม่มีเพื่อนดี ไม่มีชีวิตคู่ดี และอื่นๆอีกหลายอย่างเท่าที่ความคิดลบๆจะดึงดูดสิ่งเหล่านั้นเข้ามาในชีวิตเธอได้

เมื่อความคิดของคุณมักพัวพันกับสิ่งที่คุณเรียกมันว่า “เหยื่อแห่งชะตากรรม” คุณก็มักพบแต่ชะตากรรมที่โหดร้ายกระหน่ำคุณอย่างไม่ปรานี เช่นนิรมล
<o></o>

ดังนั้นหากคุณคิดว่าทุกเหตุการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาของคุณ คุณเป็นผู้ถูกกระทำ คุณจะต้องกลายเป็นเหยื่อผู้ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งที่คุณคิด สิ่งที่คุณรู้สึกจับคู่กันเสมอ ลองตรวจสอบดูว่าคุณคุ้นๆกับคำเหล่านี้บ้างไหม
<o></o>
· เพราะฉันไม่ได้เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย ฉันจึงต้องมีชีวิตไม่ร่ำรวยแบบที่พ่อแม่ฉันเป็น<o></o>
· ฉันต้องมีเงินมากกว่านี้ ฉันจึงจะมีสิ่งนั้นได้<o></o>
· ฉันไม่มีทางมีเงินพอหรอก เพราะฉันมีแต่หนี้สิน แค่ประคองตัวเองไปถึงสิ้นเดือนก็ดีถมไป<o></o>
· ฉันจะถูกหุ้นส่วนโกงไหม<o></o>
· เจ้านายฉันคอยจ้องจะจับผิดฉันเสมอ <o></o>
· ฉันไม่กล้าทำสิ่งนี้ เพราะถ้าเกิดล้มเหลวขึ้นมา ฉันจะไม่เหลืออะไร<o></o>
· ฉันไม่มีทางรวยได้ เพราะฉันไม่เคยโกง คนโกงมักร่ำรวยเสมอดูอย่างนักการเมืองสิ<o></o>
· ความอยากได้ อยากมีเป็นความโลภ เป็นบาป เป็นกิเลส ฉันต้องพอใจในสิ่งที่มี<o></o>
· ถึงฉันจะยากจน แต่ฉันไม่เคยเอาเปรียบใคร แล้วฉันมักถูกเอาเปรียบเสมอๆ<o></o>· เงินทองหายาก
<o></o>· ฉันไม่ประสบความสำเร็จก็เพราะฉันไม่มีโอกาส ไม่มีเส้นสาย
<o></o>· เพราะฉันไม่ได้เรียนคณะดังๆ ฉันจึงหางานที่มีผลตอบแทนสูงๆไม่ได้
<o></o>· ฉันไม่ค่อยมีทางเลือกในชีวิตมากนัก
<o></o>· ฉันไม่มีเวลาพอสำหรับสิ่งที่ฉันใฝ่ฝันอยากจะทำหรอก
<o></o>· ฯลฯ

ฉันอยากให้คุณลองมองย้อนกลับไปในแง่มุมต่างๆของชีวิตของคุณที่ผ่านมาในอดีต ชีวิตคุณเป็นเรื่องของความยากลำบากไหม เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ท้อแท้ เคียดแค้น โกรธเกลียดหรือเต็มไปด้วยความสงบ ผ่อนคลาย สบายๆ เบิกบาน
<o></o>

แล้วลองจับคู่ความคิดความรู้สึกของคุณในตอนนั้นเชื่อมโยงกับสถานการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาของคุณดู สำรวจดูว่ามันเป็นพลังงานบวกหรือพลังงานลบ แล้วคุณจะพบว่ากฎแห่งแรงดึงดูดมีพลังงานครอบคลุมชีวิตคุณตลอดเวลาและทำงานตลอดเวลา สิ่งใดก็ตามที่คุณคิด คุณรู้สึก คุณจะได้รับสิ่งนั้นๆในชีวิตคุณเสมอ
<o></o>
คราวนี้ลองมองดูสถานการณ์ในชีวิตคุณปัจจุบัน สังเกตดูความเชื่อมโยงของความคิดคุณในขณะนี้ ถ้าคุณกำลังมีชีวิตที่อยู่ห่างไกลจากจุดที่คุณใฝ่ฝันความคิดของคุณเชื่อมโยงกับสิ่งๆนี้หรือเปล่า เช่นคุณกำลังมีปัญหาเรื่องเงิน ลองสำรวจความคิดของคุณดูว่า คุณคิดว่าเงินทองเป็นของหายาก เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคุณหรือเปล่า แล้วความคิดนี้ยังคงเป็นเรื่องยากลำบากและเป็นปัญหาในชีวิตคุณจนถึงทุกวันนี้ใช่ไหม ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณจะเปลี่ยนแปลงมันอย่างไร<o></o></o>

 

สิ่งแรกคุณต้องเข้าใจว่าไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่คุณคิด คุณจะดึงดูดมันเข้ามาในชีวิตคุณเสมอ ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่แห่งไหนในจักรวาลนี้ กฎนี้ทำงานเสมอ มันแป็นกฏฟิสิคส์ อนุภาคของความคิดสร้างปรากฏการณ์ที่เป็นจริงในชีวิตโดยไม่มีข้อยกเว้น

เมื่อคุณรับรู้ถึงกฎนี้และการทำงานของมันในชีวิตคุณ คุณจะควบคุมมันได้อย่างง่ายดาย วิธีการน่ะเหรอ มีเพียงสองข้อ

<o></o>ข้อแรก หมั่นถามคำถามกับตัวเองเสมอว่าคุณกำลังคิดอะไร ตรวจดูให้รอบด้านโดยไม่ใส่ความเชื่อที่เคยถูกปลูกฝังในหัวคุณมาในอดีต สิ่งที่คุณกำลังคิดนั้นเป็นลบหรือบวก ถ้าเป็นลบจงจงใจที่จะเปลี่ยนมันทันทีที่ความคิดลบปรากฏตัวขึ้นในหัวสมองคุณ

<o></o>ข้อสอง นึกถึงแต่สิ่งที่คุณต้องการ อย่านึกถึงสิ่งที่คุณไม่ต้องการ เช่น

ความคิดที่ไม่ต้องการ : ฉันอยากให้หนี้สินที่ฉันมีอยู่หายไปจากชีวิต มันทำให้ฉันเป็นทุกข์และกังวลใจ

<o></o>ความคิดที่ต้องการ : ฉันรู้สึกมีความสุขมากและรู้สึกขอบคุณที่เงินทองกำลังหลั่งไหลมาสู่ฉันอย่างมากมาย
<o></o>
ง่ายจนเกินกว่าจะเชื่อใช่ไหมคะว่าแค่หมั่นสำรวจความคิดของคุณ แล้วกฎแห่งแรงดึงดูดจะค่อยๆเผยโฉม นำสิ่งที่คุณต้องการในชีวิตเข้ามาสู่คุณทีละน้อยๆ จนทุกอย่างในชีวิตคุณจะง่ายขึ้นๆ อาจจะเพราะความเรียบง่ายของมันจึงทำให้ใครหลายๆคนไม่เชื่อว่ามันจะทำงานได้จริง อย่างที่ฉันเคยเป็นในอดีต
<o></o>
ขอแค่สนุกและรู้สึกถึงความคิดของคุณอย่างมีสติตลอดเวลา แล้วคุณจะพบว่ากฏแห่งแรงดึงดูดคือของขวัญจากจักรวาลที่มอบให้กับมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้

เอาละค่ะ เรมาเล่นเกมกัน

<o></o>เกมที่ 1

<o></o>เรามาเล่นเกมมาวางพื้นฐานชีวิตคุณใหม่เสียเดี๋ยวนี้กันเลย หาสมุดสวยๆพร้อมกระดาษเขียนจดหมาย ซอง แสตมป์ เมื่อคุณพร้อมแล้วเราเริ่มลงมือกันเลย

<o></o>หาที่เงียบๆที่ไม่มีใครมารบกวนคุณได้ สำรวจตัวเอง คุณต้องการเป็นอะไร คุณฝันอยากมีชีวิตแบบไหน คุณอยากมีอะไร จงนั่งลงแล้วหลับตาเบาๆ ผ่อนคลาย จินตนาการว่าถ้าคุณมีพรวิเศษ คุณจะบันดาลให้เกิดอะไรในชีวิตคุณบ้าง

<o></o>เริ่มปล่อยความคิดคุณให้ล่องลอยเหมือนคุณเป็นเด็กอีกครั้ง นึกถึงอะไรที่ทำให้คุณเป็นสุขจงเขียนมันลงไปในสมุดเล่มสวยๆนี้ที่คุณจะอ่านทบทวนมันได้ตลอดเวลาที่ต้องการ ปล่อยให้ความปรารถนานำทางคุณโดยไม่มีข้อจำกัด ไม่ต้องมีความคิดที่เป็นไปไม่ได้(แม้คุณจะแอบแวบไปคิดสักวินาทีก็จงดึงกลับมาอย่างสงบ มีความสุขกับความคิดคุณต่อ) คุณอาจจะเขียนเป็นข้อๆก็ได้ ทบทวนมันอีกครั้งว่านี่ใช่สิ่งที่คุณต้องการจริงๆหรือยัง คุณอาจจะอยากมีบ้านขนาดห้าห้องนอนแต่คุณคิดว่าแค่บ้านสามห้องนอนก็ดีพอแล้ว จงลบมันทิ้งแล้วเขียนสิ่งที่คุณต้องการจริงๆลงไป กฏจักรวาลไม่เคยคิดและตัดสินว่าคุณคู่ควรกับอะไรหรือไม่คู่ควรกับอะไร


เกมที่สอง

<o></o>ให้เขียนจดหมายถึงตัวเองในอีกหนึ่งปีข้างหน้า บรรยายถึงชีวิตของคุณในอีกหนึ่งปีข้างหน้าว่าคุณจะมีชีวิตอย่างไรจากความปรารถนาทั้งหมดของคุณแล้วใส่ซอง ปิดผนึก ติดแสตมป์ คุณอาจจะไปฝากเพื่อนสักคนที่เข้าใจคุณให้เขาช่วยส่งจดหมายฉบับนี้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า(ถ้าคุณไม่มีใครที่ไว้ใจพอ คุณอาจจะส่งมาให้ฉันก็ได้ค่ะ ฉันยินดีที่จะเก็บรักษาจดหมายคุณไว้แล้วส่งให้คุณในอีกหนึ่งปีข้างหน้า)

แล้วดูซิว่า ชีวิตคุณจะเปลี่ยนแปลงเช่นไร ว้าว ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม ลองคิดดูซิว่าคุณจะรู้สึกเช่นไรขณะที่คุณอ่านจดหมายฉบับนี้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้าแล้วข้างๆคุณคือสิ่งที่คุณระบุในจดหมายนั้นด้วยซิ


<o></o>ตอนหน้า เราจะพูดถึงคำว่า “อย่างไร” กันค่ะ อย่าลืมแบ่งปันประสบการณ์และความคิดเห็นนะคะ<o></o>

 

ขอบคุณครับ น่าติดตามมาก รออ่านตอนต่อไปครับ

 

ขอที่อยู่ส่งจดหมายปีหน้าหน่อยค่ะ เจ้าของกระทู้คนสวย

 

ขอบคุณจ้า....สุดยอดจ้า

 

เดี๋ยวส่งที่อยู่ให้หลังไมค์ค่ะ

 

ขอบคุณเจ้าของกระทู้สำหรับเรื่องดีๆ เขียนเป็นเล่มได้เลยนะเนี่ย

 

ข้อความของคุณที่เขียนมา มันเป็นสิ่งที่ผมกำลังต้องการหาความรู้เกี่ยวกับพลังแห่งการดึงดูดอยู่พอดี มันน่าทึ่งและอัศจรรย์จริงๆ.......

 

มันคือความตื่นตัวของจิตวิญญาณ
ในโลกนี้ก็มีแต่คนที่รู้จักพอ
ที่สามารถได้ลิ้มรสความเบิกบานที่แท้จริง

 

โมทนา สาธุครับ กับสิ่งดีๆที่จขกท นำมาแนะนำ ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านหนังสือแนว กฎแรงดึงดูด และพยายามนำมาใช้ แต่ก็ยังไม่เต็มที่ครับ ตอนนี้ก็ศึกษาไปเรื่อย พร้อมพยายามปฎิบัติให้เกิดผล

 

ขอบคุณมากครับ

 

Horse Face

พูดถึงกฏแห่งแรงดึงดูด มีเรื่องเล่าเล็กน้อยเรียกน้ำย่อย
ก่อนเจ้าของกระทู้จะกลับมาเขย่าเพิ่มสีสันคราวต่อไป

เพื่อนๆคงคุ้นกับ The Secret ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
และไม่ว่าจะถูกใจหรือหมั่นไส้ก็ตาม

ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เริ่มจะมีการเผยแพร่ออกมา
อิชั้นได้ให้ความสนใจไปชม preview ของหนัง The Secret นี้
ด้านนอกของโรงฉายหนัง มีแผ่นดีวีดีจำหน่ายหนังฉบับสมบรูณ์
ฉันบอกกับตัวเองว่า อยากได้มาก แต่ ไม่ซื้อ นะ
ขอ ขอนะ ขอให้ดีวีดีนี้เดินทางมาหาฉันซะดีดี
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่ง
(ไม่นานค่ะ แต่ขออภัย ส่วนตัวหลงลืมวันเวลาตลอด)
investor club ที่อิฉันเป็นสมาชิกอยู่ ก็ส่งข่าวว่า
ให้ไปหา The Secret มาดูนะ สุดยอด นั้น นี้
และที่สำคัญ เพื่อยืนยันคำแนะนำที่ให้
จะขอแจกจ่ายดีวีดีให้กับสมาชิกที่แจ้งจำนงขอรับเข้ามา
ตึง ตะ ละ ลึง ตึ่ง ตึง
เพื่อนคงเดาตอนจบได้ไม่ยาก
ทันทีที่อ่านจบข้อความในจดหมายข่าวฉบับนั้น
อิฉันก็ว่องไวแจ้งขอรับดีวีดีในบัดดล
และในที่สุดก็ได้ครอบครองและชมดีวีดีให้สมใจอยากด้วยประการฉะนี้

สาระของเรื่องเล่านี้ ถ้าจำกันได้ คือ อิชั้น ทำตาม กฏแห่งแรงดึงดูด เป๊ะ กล่าวคือ

เลือก (จำกันได้ไหม เราเป็นจิตวิญญาณ ที่มีทางเลือก เสมอ)

ขอ (แรงๆ เน้นๆ ใช้ความรู้สึกล้วนๆ อย่างนั้นแหล่ะ)

ปล่อย (ไม่ต้องทวงค่ะ ปล่อยให้พลังงานเดินทางตามหน้าที่ค่ะ ไม่ต้องสงสัยว่าจะได้จริงหรือเปล่า
นึกถึงตอนเพาะเมล็ดต้นไม้ คุณคงไม่ไปขุดดินดูทุกวันว่าเมื่อไหร่จะงอก ใช่ไหมเอ่ย
นึกภาพ เวลาคุณ ขอ ก็เหมือน คุณส่งจรวดขึ้นฟ้า แล้วไย สงสัย สั่งให้จรวดกลับลำตกลงมา ล่ะเจ้าคะ)

รับ (ถ้าสัมผัสเห็นรู้เจอ ที่ใช่ ที่ต้องการ ที่ขอไว้ ต้องกระโดด คว้า หมับ ไร้ลังเลค่ะ take it or leave it)

ฉะนั้น ถ้าคุณจับทาง สูตร ของ กฎแห่งแรงดึงดูด ได้
ทำตามซะ ก็จะได้ผลที่ต้องการ

ง่าย ง่าย (เป็น key wordsค่ะ) แค่นี้เอง
ง่าย จริง จริง
ขอบอก

อันนี้แค่เสริฟ appetizer อาหารเรียกน้ำย่อยนะคะ
พอให้เห็นภาพว่าเราคุยเรื่องอะไรกัน
ส่วน main course เนื้อหาหลัก ต้องรอเจ้าของกระทู้ค่ะ
ส่วน คำถาม คำตอบ (ถ้ามี) จะตามมาเองค่ะ
อดใจรอ ใจเย็นๆค่ะ ปรุงอาหาร ต้องพิถีพิถัน ละเมียด ละไม ค่ะ

แนบท้ายความเห็นส่วนบุคคล
The Secret ไม่ได้สื่อถึงกฏแห่งแรงดึงดูดได้ดีที่สุด แต่ดังที่สุด
จากความชาญฉลาดของทีมงาน ในการวางแผนการตลาด
แต่นั่นก็ยิ่งจะยังยืนยันสนับสนุนอยู่ดีถึงพลังของ กฏแห่งแรงดึงดูด มิใช่หรือ

แนบท้าย Disclosure
(ไม่รู้จะแปลว่าอะไรดีค่ะ ประมาณว่า คำเปิดโปงตนเอง
เพื่อให้ผู้อ่านได้ใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล)

โปรดอย่าถามว่า เจ้าของกระทู้ หรือ อิชั้น หรือใครต่อใคร
ที่กำลังอาจหาญมาแชร์ให้เพื่อนๆฟังต่อไป (ถ้าฝนฟ้าเป็นใจ) นั้น ว่า
ประสบความสำเร็จกันสักเท่าไหร่เชียวหรือเท่าไหร่แล้ว
หรือ จะเอาอะไรไปทำไมเยอะแยะ โลภจัง ฯลฯ

เพราะคำถามแบบนั้น ผิวเผินไปค่ะ โปรดอย่าดูหมิ่นศักยภาพในตัวคุณเอง
ลองนึกลึกลงไปเพิ่มอีกสักชั้น ว่า กฎฯนี้จะมีพลังสร้างสรรอะไรขึ้นมาได้บ้าง
และแล้ว
คำถามที่สำคัญกว่านั้นซึ่งยังดำรงอยู่ก็คือ
คุณ (คุณนั่นแหล่ะ ไม่ต้องหันไปหาใคร)
คุณคิดจะหาประโยชน์จากข้อมูลนี้บ้างไหม
ถ้าคิด อย่าเขิน อย่าอาย แต่ทำซะ

อีกอย่าง ได้โปรดอย่าสงสัยว่า อิชั้นมาทำอะไรแถวนี้
อิชั้นขอเฉลยว่ามาเป็น horse face เจ้าค่ะ
หน้าม้าที่มาให้กำลังใจ ยกยอ ปอปั้น เพื่อน
ผู้ซึ่งมีความกล้าหาญทางจิตวิญญาณ ที่จะแบ่งปัน
ที่จะท้าชิงกอบกู้ดินแดนแห่งความตื่นรู้ เบิกบาน ให้กลับคืนมา
อิฉันได้แต่แอบภูมิใจในตัวเพื่อน และละอายที่ทำได้เพียงดันหลังเพื่อน เพียงเท่านี้

ท้ายสุด ขออนุญาตใช้คำโบราณ เช่น อิชั้น นะเจ้าคะ ไม่มีอะไรมาก
แค่คิดถึงกลิ่นอายเสน่ห์เมืองไทยเก่าๆ อยากให้หวลกลับมาบ้าง ก็เท่านั้น

 

horse face ชั้นยอดเลยคุณ3am
ผมชอบฟังประสบการณ์ตรง ฟังแล้วมันมีพลัง

หากใครได้ลองทำตามกฎแรงดึงดูด แม้จะไม่เคยอ่าน ไม่เคยรับรู้ แต่เราก็กระทำมันทุกเมื่อเชื่อวัน จากพลังความเชื่อ ความศรัทธาภายในของเรา

และบางครั้งรู้สึกว่า มันไม่ work มันไม่ได้ผล นั่นเพราะอะไร

ต้องลองถามตนเองจริงๆจังๆว่า สิ่งที่ต้องการนั้น ใช่ที่เราต้องการจริงๆจังๆหรือไม่

เพราะถ้าไม่ใช่ แรงส่งจรวด มันไม่เข้มข้นพอ

ทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่ว่า จะพูด หรือกล่าวเรื่องเดิมๆกี่ครั้ง แต่อยู่ที่ว่า ความเข้มข้นที่เราคิด เราปราถนานั้นมันเท่าไหร่

 

เออ..นะ สำนวนของคุณริสานี่ สละสลวยงดงาม และอ่านง่ายดีจริงๆ
สมกับที่เป็นนักเขียนคนหนึ่งจริงๆเลย

ของคุณ horse face นี่ก็เยี่ยมครับ พวกนี้มีพรสวรรค์ด้านการถ่ายทอดข้อมูลนะเนี่ย

...จะรออ่านด้วยคนครับ...

ปล. ผมเองก็กำลัง "เล่นเกม" นี้อยู่เหมือนกันครับ
และกำลังตื่นเต้นกับผลลัพธ์ที่กำลังผลิบาน และเปิดเผยตัวออกมาของมันอยู่
มันสนุก และ ตื่นเต้น รวมถึงมีชีวิตชีวาดีมากๆเลยครับ

แต่ว่าผมไม่ได้เล่นกับเรื่องเงินๆทองๆ หรือ ความร่ำรวยหรอกนะครับ
เพราะผมคิดว่าผมพออยู่พอกินระดับหนึ่งแล้ว ไม่ค่อยลำบากนัก
แต่ถ้าถามว่าอยากได้เพิ่มไหม ก็อยากอยู่นะ..

...ว่าแล้วเดี๋ยวเกมต่อไป..จะเล่นเกมนี้แหละ...

แหม..พูดแล้วก็อายนะเนี่ย..เพราะอย่างที่ผมบอกว่า
ผมกำลังเล่นเกมหนึ่งอยู่นั้น เกมนั้นก็คือ เกี่ยวกับ "ความรัก" ครับ


(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตนะครับ)

มันทำให้ใจผมเบิกบาน และ พองโต ทุกครั้งที่เราเล่นมัน
ผมวางอารมณ์ ความคิด และความรู้สึก ไว้แบบสบายๆ
ไม่ห่วง ไม่กังวล ว่า "คนๆนั้น" จะรัก หรือ แม้แต่จะชอบเราไหมนะ

ผมจำข้อความที่นายแมทธิว และรูปธรรมชีวิตอื่นๆจากต่างมิติบอกไว้ว่า

"ความรัก เป็นพลังงานที่มีระดับความสั่นสะเทือนสูงที่สุด
และมีพลังอำนาจมากที่สุดในจักรวาล จนมันสามารถเหนี่ยวนำ
พลังงานอื่นๆทุกๆรูปแบบให้เป็นไปตามที่ต้องการได้"

เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผมทำอยู่ก็คือ

"ส่งกระแสความรัก ความปราถนาดีออกไปให้คนๆนั้น"

แบบว่า ไม่หวังอะไรตอบแทน ไม่เร่งไม่รีบ ไม่วิตกกังวล
ไม่กลัวว่าจะไม่สำเร็จ แค่ได้ส่งความรู้สึกดีๆออกไปเท่านั้นก็พอแล้ว

ประหนึ่งว่า "มีคนๆหนึ่งให้เราได้ "รู้สึก" รัก นี่ก็โชคดีแล้วหละ"

..อะไรแบบนั้นครับ..


(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตนะครับ)

ผมทำตามใจปราถนาของตัวเองในเกมนี้เสมอ
คือ เห็นอะไรสวยๆงามๆ หรือดีๆ หรือได้กินอะไรอร่อยๆ
ผมก็จะซื้อมาให้ หรือชวนเขาไปกินด้วยเสมอ
แม้ว่าแรกๆจะไม่เคยคุยกันเลยก็ตาม..

..มัน happy มากนะ..
ถ้าเราไม่เอาแต่ห่วงว่าเราจะได้อะไรตอบแทนกลับมาไหม๊

ผีเสื้อแสนสวย หรือ นกแสนสวย จะสวยได้ก็ต่อเมื่อมันได้โบยบินอย่างอิสระ
เพราะฉะนั้น ผมจึงไม่มีอะไรต้องทำเลย
นอกจากปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน
และก็..รักคนๆนั้น ในแบบที่เขาเป็นอยู่นั่นแหละ..


(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตนะครับ)

และถ้าใครเคยอ่านเนื้อหาในกระทู้
"2012 ปีทองแห่งยุคพลังงานใหม่ ฯ" ที่ผมแปลและโพสต์ไว้นานแล้ว
ก็อาจจะจำได้ว่า มันมีอยู่ตอนหนึ่งที่เขาแนะนำเทคนิกการทำใจให้เป็นบวกไว้ว่า

ให้เราไปอุ้มหมา หรือแมว หรือสัตว์เลี้ยง หรือเด็กทารก
ที่เรารู้สึกรัก และเอ็นดู และรู้สึกดีด้วยอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ
จากนั้น ก็ให้จดจำความรู้สึกนั้นไว้ และทุกๆวัน ก้ให้เรานึกถึงความรู้สึกนั้นบ่อยๆ
เนืองๆ จนชำนาญ พร้อมทั้งนึกเผื่อแผ่ความรู้สึกนั้นออกไปรอบๆตัว
ให้คนรอบข้าง ให้ทุกสรรพสิ่งรอบๆตัวเรา ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ตาม
รวมถึง แผ่ออกไปให้ทั่วโลก ทั่วจักรวาล แบบไม่มีจำกัด ไม่มีประมาณเลยยิ่งดี

..อะไรประมาณนั้นครับ..


(ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตนะครับ)

ที่ผมย้อนเล่าถึงจุดนี้ก็เพราะว่า..เกมที่ผมกำลังเล่นอยู่นี้
มันทำให้ผมรู้สึกถึงความรู้สึกที่ว่านั้นได้อย่างง่ายดาย และทุกๆวันด้วย
เพราะฉะนั้น ผมจึงได้มีโอกาสเผื่อแผ่ความรู้สึกนั้นออกไปเสมอๆด้วย

และผมก็สังเกตดูสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวผมอยู่ประจำๆก็คือ
ทุกๆครั้งที่ผมเพิ่งรู้สึกแบบนั้นมา หรือ กำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่
ไม่ว่าผมจะไปที่ไหนก็ตาม คนแปลกหน้าทั้งหลาย
จะอยากเข้ามาคุยกับผมเหลือเกิน อยากจะรู้จักเราเหลือเกิน
อะไรแบบนั้น..มันอาจจะฟังดุว่าเข้าข้างตัวเอง หรือคิดไปเองหนะนะครับ

แต่ถ้าคุณเข้าใจว่า ความคิด และ ความรู้สึกของมนุษย์เรา
มันก้คือพลังงานรูปแบบหนึ่งดีๆนี่เอง

เพราะฉะนั้น อะไรที่เราส่งออกไป ด้วยกฎแห่งการดึงดูดผู้ซื่อสัตย์
มันก็จะดึงดูดพลังงานที่เหมือนกันนั้นกลับมาสู่เราเสมอด้วย

สรุปว่า กำลังสนุกครับ เกมนี้ สนุก ตื่นเต้น และเบิกบานจริงๆ
..ได้กำไรหลายต่อเลย..



...................................................................

 

เยี่ยมไปเลยครับ หน้าม้า

 

สุดยอดไปเลย เดี๋ยวผมคงต้องลองอย่างจริงจังเพราะที่ผ่านมาแค่เล่นๆไม่จริงจังพออ่านที่นี่แล้วรู้สึกมีพลัง

 

ขอบคุณครับทุกท่าน สำหรับข้อความดีดีที่นำมาแบ่งปัน