เว็บพลังจิต โครงการเรารักศีล ๕

ในห้อง 'ในนามเว็บพลังจิต' ตั้งกระทู้โดย Mr.Kim, 1 มกราคม 2011.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    พรุ่งนี้ ก็ครบหนึ่งเดือนแล้วนะคะ
    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  2. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    ธรรมะสวัสดีครับ

    น้อมอนุโมทนา สาธุกับคุณครูติงติง และลูกศิษย์ทุกๆ คนที่เข้าร่วมโครงการเรารักศีล๕ ด้วยความตั้งใจนะครับ ขอเชิญชวนคุณครูติงติง และลูกศิษย์ทุกๆ คน ร่วมเล่าประสบการณ์การรักษาศีล๕ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ว่าในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง เป็นธรรมทานแก่ท่านอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการนะครับ ขอบคุณครับ

    บุญรักษาครับ
     
  3. ปัทจัดตังค์

    ปัทจัดตังค์ Pattama Nitsaro

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +942
    ขอร่วมจอยประสบการณ์ค่ะ
    anukzer ว่างงานมาหลายเดือน พอร่วมเข้าโครงการฯ ปุ๊บ ได้งานปั๊บ
    หนึ่งเดือนผ่านไป กับหน้าที่การงานที่ยุ่งเหยิง ควบคู่ไปกับการรักษาศีล ๕ (ยากทีเดียว) แรก ๆ ยังได้เขียนบันทึกกรรมอยู่ แต่ครึ่งเดือนหลัง ๆ ไม่ได้เขียนเลย แต่ก็พยายามพิจารณาทุกวัน
    สำหรับ anukzer ศีลข้อที่รักษายากที่สุดคือ ข้อมุสา
    ศีลไม่ขาด แต่ศีลเศร้าหมอง ด้วยเราชอบบ่น

    ถ้าให้พิจารณาเป็นข้อ ๆ แล้ว ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้น
    ศีลข้อ ๑ ห้ามฆ่าสัตว์---โดยตั้งใจไม่มี แต่โดยไม่ตั้งใจมีบ้าง เป็นสัตว์เล็กพวกมด และแมลงเล็ก ๆ เช่น เดินเหยียบ จึงถึือว่าศีลเศร้าหมอง
    ศีลข้อ ๒ ห้ามลักทรัพย์---ถือว่าเศร้าหมอง เพราะบางครั้งแอบเล่นเน็ตในเวลาทำงาน หรือเอากระดาษ ปากกาจากที่ทำงานกลับมาบ้าน
    ศีลข้อ ๓ ห้ามประพฤติผิดในกาม--- รักษาได้เป็นปกติ
    ศีลข้อ ๔ ห้ามพูดโกหก---ถือว่าเศร้าหมอง เพราะชอบบ่น และเมาท์ ต้องแก้ไข เดือนต่อไปจะให้น้อยลง น้อยลง
    ศีลข้อ ๕ ห้ามดื่มเครื่องดองของเมา --- รักษาได้เป็นปกติค่ะ

    โดยรวมแล้วประเมินตัวเอง รักษาศีลได้ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ ค่ะสำหรับเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ เดือนแรกของการรักษาศีล ๕

    แล้วเพื่อนร่วมโครงการฯ ท่านอื่น ๆ เป็นอย่างไรกันบ้างเอ่ย :)
     
  4. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    ธรรมะสวัสดีทุกๆ ท่านครับ
    น้อมอนุโมทนา สาธุ และขอบพระคุณ คุณ anukzer กับความมุ่งมั่นตั้งใจรักษาศีล๕ และนำประสบการณ์การรักษาศีล๕ ในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มาเล่าแบ่งปันประสบการณ์เป็นธรรมทานแก่เพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการด้วยนะครับ

    ผมขอเรียนเชิญเพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการเรารักศีล๕ มาเล่าประสบการณ์การรักษาศีล๕ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ว่าในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง เป็นธรรมทานแก่ท่านอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการด้วยกันนะครับ นอกจากเราจะได้อานิสงค์แห่งการรักษาศีล๕ แล้ว เรายังจะได้อานิสงค์ของการให้ธรรมเป็นทาน อีกหนึ่งกุศลผลบุญที่ยิ่งใหญ่นะครับ

    บุญรักษาครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2011
  5. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    ศีลจัดเป็นพ่อแม่ของธรรมะ
    โดย หลวงพ่อชา สุภัทโท


    [​IMG]



    ในการสอนฆราวาส คงไม่มีเรื่องใดที่หลวงพ่อได้สอนมากเท่าเรื่องศีลธรรม ตลอดเวลายี่สิบกว่าปีที่ท่านได้อบรมสั่งสอนญาติโยมที่วัดหนองป่าพง

    ท่านพยายามนักหนาที่จะให้โยมเข้าใจและเห็นอานิสงส์ของศีล โดยแต่ละครั้งท่านอธิบายศีลของโยมอย่างพิถีพิถันและตั้งใจจริง ๆ ความสำคัญที่หลวงพ่อให้แก่ศีล จะเห็นได้จากคำพูดของท่านดังต่อไปนี้

    “ถ้าหากว่าคนปราศจากศีลวันหนึ่ง ก็เป็นคนไม่สมบูรณ์วันหนึ่ง ปราศจากศีลปีหนึ่ง ก็เป็นคนไม่สมบูรณ์ปีหนึ่ง ถ้าเป็นคนมีศีลบริสุทธิ์ดีแล้วเป็นคนสมบูรณ์พอคน มันพอคน ถ้าคนไม่พอคนมันก็ครึ่ง ๆ กลาง ๆ คนครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็คือคนไม่เต็มพื้นของคนน่ะแหละ ไม่เต็มคน เพราะว่าศีลนี้เป็นคุณสมบัติของมนุษย์ อย่างน้อยก็เรียกว่า ถ้าโยมพ่อบ้านแม่บ้านมีศีลกันแล้วน่ะ ก็เป็นคนสมบูรณ์ ไม่ต้องทะเลาะกัน ถ้าศีลไม่มีแล้วเอาเหอะ ไม่วันใดก็วันหนึ่งจะต้องทะเลาะกัน หรือมีเรื่องอย่างใดอย่างหนึ่งจนได้แหละ เกิดเหตุขึ้นมาเมื่อไหร่นั้นแหละขาดศีลแล้ว คือคนไม่สมบูรณ์พูดไม่รู้เรื่องกันเลย ผู้หญิงก็พูดไม่รู้เรื่อง ผู้ชายก็พูดกันไม่รู้เรื่อง ทะเลาะเบาะแว้งกันไปนั้นคือคนขาดจากศีล

    ดังนั้นศีลนี้จึงเรียกว่าเป็นคุณสมบัติของคน ถ้าคนไม่มีศีลเท่าไหร่เป็นต้น ก็เรียกว่าเป็นคนพร่องจากคน ไม่สมบูรณ์ ดังนั้น ศีลจึงจัดเป็นพ่อแม่ของธรรมะ ธรรมะจะเกิดขึ้นมาได้ก็เพราะศีลเป็นพ่อเป็นแม่ ธรรมะเศร้าหมองศีลก็เศร้าหมอง ศีลเศร้าหมองธรรมะก็เศร้าหมอง มันเป็นเสียอย่างนี้ ฉะนั้นจึงพูดอยู่สม่ำเสมอว่าให้โยมพากันรักษาศีล”

    มีคนจำนวนไม่น้อยที่อาราธนาและสมาทานศีลบ่อย ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความคิดเลยที่จะเอาไปรักษา คือมองการขอศีลเป็นแค่พิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้นเอง บางคนก็ถือว่าต้องรับศีลจากพระ จึงจะเป็นผู้มีศีลอย่างแท้จริง หลวงพ่อจึงต้องคอยอธิบายว่าศีลคืออะไร การสมาทานศีลคืออะไร และการรักษาศีลคืออะไรอยู่เป็นประจำ ให้ญาติโยมเกิดสัมมาทิฏฐิในเรื่องของศีล และรับอานิสงส์ของศีลอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย “จะไปไหนก็สมาทานศีลอยู่เรื่อย อาตมาไปที่ไหน ๆ บางครั้งก็รำคาญ ถ้าโยมมากราบก็พูดว่า มะยังภันเตฯ เลยทีเดียว ไม่รู้เรื่องอะไร บางครั้งอาตมารู้สึกเพลียใจ โดยเฉพาะการทำบุญมหาชาติกันนั้น ชอบแห่แหนกันมา แล้วก็มารับศีลกับพระ แต่ก็เมาเหล้าเซมาทีเดียว แล้วก็มารับศีล อาตมาขี้เกียจเล่นกับพวกนี้แล้วนะนี่ มันมองไม่เห็นทิศเห็นทางกันเลย ไม่เห็นที่จะได้จะดี แล้วก็อยู่กันอย่างนั้นเอง อาตมาเคยหนีไปอยู่ป่าเลยสบาย ไม่มีใครไปอาราธนา มันก็เลยสบาย ไม่มีใครไปหยอกไปล้อเล่น หยอกล้อเล่นหัว ขอแต่ศีบแล้วเอาไปทิ้งทุกที พรุ่งนี้ก็มาขอ มะรืนก็มาขอ คิดไปคิดมาก็เหมือนว่า เราเป็นลิงให้เขามาหลอกล้อเล่นไม่หยุด ไม่จบสักที อาตมาเลยหนีไปเสีย”

    ท่านอธิบายว่า ที่แท้ศีลไม่ได้อยู่นอกตัวเรา แต่อยู่ที่เจตนาที่จะงดเว้นจากความชั่ว

    “ญาติโยมไม่รู้จักศีล ก็นึกว่าศีลอยู่ในพระ พระจะมีศีลอะไรให้เราล่ะ ท่านก็อยู่ของท่าน ให้เข้าใจว่า ศีลมันอยู่ทุกทิศทุกทาง เมื่อเราตั้งใจรักษา มันก็เป็นศีลขึ้นเดี๋ยวนี้ เจตนาเป็นศีลขึ้นเดี๋ยวนี้ มันจะเป็นอยู่อย่างนี้ ให้เข้าใจเสียอย่างนั้น อย่างนี้เราจะมีปัญญากว้างขวาง ไม่จำเป็นที่เราจะไปสมาทานศีลกับพระ นี่ผู้รู้แล้วจะต้องง่าย การประพฤติก็ง่ายขึ้น การปฏิบัติก็ง่ายขึ้น ถ้าเรารู้จักแล้ว ถ้าเราไม่รู้จักก็ลำบากหลาย

    ศีลเราจะเอาเมื่อไร เอาเมื่อเรายังไม่ตาย อาตมาสงสาร เคยเห็นคนหนึ่งพ่อตายเอาใส่หีบ แล้วนิมนต์พระให้มาติกา คนเป็นก็อาราธนาศีลขึ้น ลูกชายก็ไปเคาะโลงกุก ๆ พ่อรับศีลเน้อ ก็ไปบอกคนตายนี่ ใครจะมารับศีล เราอย่าไปโง่ถึงขนาดนั้น อย่าไปงมงายถึงขนาดนั้น ที่เราทำบุญนั้น ก็เป็นการสนองคุณพ่อแม่ พ่อแม่เลี้ยงเรามา เป็นผู้อุปการะเรา เรามานึกถึงพระคุณของท่าน กตเวทีต่อท่าน จึงเกิดการกระทำบุญขึ้นมา แล้วอุทิศส่วนกุศลนั้นถึงพ่อแม่ผู้มีอุปการะเรา นี่ท่านเรียกว่า บุคคลหาได้ยาก ควรทำเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่”

    แล้วท่านก็สอนญาติโยมที่เข้าวัดประจำ ให้เข้าใจความหมายของการรักษาศีลที่แท้จริง

    “การที่เราจะรักษาศีลนั้นมี ๓ ประการ หนึ่งเราจะขอสมาทานกับพระภิกษุ เป็นสมาทานวิรัติ สัมปัตตวิรัติคือเรางดเว้นด้วยตนเอง ถ้าเรารู้ว่าปาณา อทินนา กาเม มุสา สุรา ตลอดไปถึงอุโบสถศีล เมื่อเรารู้แล้ว เราก็ละเอง ไม่ต้องไปสมาทานกับใคร อันนี้เป็นศีลประการที่สอง ประการที่สามเป็นสมุจเฉทวิรัติ เป็นศีลของพระอริยเจ้า เป็นศีลที่เรียกว่ากำหนดละเลย ตั้งไว้ในใจเด็ดขาด ไม่ต้องสมาทานกับใคร อันนี้เป็นศีลของพระอริยเจ้า สมุนเฉทตัดขาดเลย เป็นผู้มีสติคุ้มครองอยู่เสมอ ดูแลอยู่ด้วยตนเองตลอดกาลตลอดเวลา ศีลมีทางที่จะเกิดขึ้นได้อย่างนี้ คือ

    สัมปัตตวิรัติ สมาทานวิรัติ สมุจเฉทวิรัติ สมาทานวิรัติก็คือว่าตามพระไป สัมปัตติวิรัติคืองดเว้นด้วยตนเอง ไม่ต้องสมาทานกับใคร คือเรารู้แล้วว่าสัตว์นี่ไม่ควรฆ่า เราก็ไม่ยอมฆ่ามันไม่เบียดเบียนมัน ไม่ต้องไปถามใครล่ะ รู้แล้วไม่ต้องทำ สมุจเฉทวิรัติขึ้นชื่อว่าบาปแล้ว ฉันเลิกเลย เลิกตลอดชีวิตไปเลย ขึ้นชื่อว่ามันเป็นบาปเป็นกรรม ทางกาย ทางวาจา ทางใจแล้ว ฉันเลิกแต่วันนี้เรียบร้อย นี่เรียกว่าสมุจเฉทวิรัติ ตัดขาดไปเลย

    ทีนี้ทั้ง ๓ ประการนี้ เป็นพื้นฐานของพระนิพพานทั้งนั้น สมาทานวิรัติก็เป็นพื้นฐานของพระนิพพานได้ สัมปัตตวิรัติก็เป็นพื้นฐานของพระนิพพานได้ สมุจเฉทวิรัติก็เป็นพื้นฐานของพระนิพพานได้ อันนี้อุบาสกอุบาสิกาเราทั้งหลายบางทีก็ข้องใจ ศีลนี้ก็คิดว่าจะไปเรียนกับพระอยู่ทุกเวลา ใครอยากจะได้ศีลก็ไปอาราธนา มะยังภันเต ติสะระเณนะสหะ ปัญจะสีลานิยาจามะ คิดว่าอย่างนี้จึงจะได้ศีล ถึงจะเป็นศีล นอกจากนี้ไป ไม่มีพระไม่รู้จะไปรับศีลที่ไหน ถ้าอย่างนี้มันจนตาย จนเพราะความโง่ของเรานี้เอง

    เมื่อรู้จักว่ากินสุรานี้มันบาป เราก็เลิกเท่านั้นแหละ ไม่ต้องไปถามใคร เรารู้แล้วมันก็ไม่เมา เหมือนมันก็เป็นศีลอันบริสุทธิ์อยู่แล้ว ศีลเดิมมันเป็นอย่างนี้ จะไปสมาทานกับคนอื่นนั้นก็เรียกว่าเรายังไม่รู้จักศีล ท่านก็บอกไป ท่านว่าไปก่อน เรียกว่าประกาศศีล ขณะนั้นเราก็ยังไม่รู้เลย

    ศีลนี้ถ้าพูดรวมแล้วมันเป็นพื้นฐานของธรรมะ ธรรมะเกิดขึ้นได้เพราะคนมีศีล คนรักษาศีลคือคนบริสุทธิ์ผ่องใสสะอาด ฉะนั้นบรรดาเราท่านทั้งหลายนั้นจึงพากันสมาทานศีล ความเป็นจริงสมาทานศีลนั้นเมื่อไรก็ได้”

    แล้วหลวงพ่อสรุปเรื่องการรักษาศีลอย่างขำ ๆ ว่า

    “เมื่อเราเพ่งความหมายแล้ว ศีลน่ะ เห็นจะโง่กว่าเราเสียละกระมัง ถึงต้องไปรักษาศีล คงจะไม่ดีขนาดเรา เราถึงไปรักษาศีล ถ้าพูดตามความเป็นจริงแล้ว ศีลน่ะไม่ต้องไปรักษาท่านหรอก ท่านดีแล้ว มารักษาตัวเรานี้เอง รักษากาย วาจา ใจของเรานี้ให้ได้ ศีลก็เกิดขึ้นมา เราไม่ต้องไปรักษาศีล แต่รักษาตัวของเรานี้ คำพูดอันนี้มันสูงเกินตัวไปแล้วกระมังว่า เราไปรักษาศีล

    สำหรับรายละเอียดในวิธีการสอนศีลธรรมแก่ชาวบ้าน และเหตุผลที่หลวงพ่อชี้แจงแก่ญาติโยม ในการชักชวนให้เลิกละในสิ่งไม่ดีไม่งามทั้งหลายนั้น จะทราบได้จากคำบอกเล่าของพ่ออกแม่ออกที่เคยจำศีลกับหลวงพ่อหลายปี

    “หลวงพ่อท่านสอนว่า การรับศีลก็ไม่ควรมารับเอาบ่อย ๆ ที่ให้ศีลทุกวัน ๆ ก็ให้เฉพาะคนใหม่เท่านั้น คนเก่าเข้าใจอยู่แล้วก็รักษาเอาได้เลย ถึงวันพระ ก็ตั้งใจเอาเลยว่าจะรักษาของเก่าอย่าให้พระต้องลำบากมาให้ศีลข้อเก่า ๆ อยู่บ่อย ๆ อย่างสามข้อหลังก็เป็นของใหม่ก็ต้องรักษาเพิ่มขึ้น แต่ห้าข้อของเก่าติดตัว ต้องให้ได้ทุกคน ใครยังรักษาไม่ได้ก็ต้องพยายามทำให้ได้ ใครผิดศีลข้อไหนก็ให้หยิบลูกหินมาลูกหนึ่ง ทุกครั้งที่ผิดศีลให้หยิบมารวม ๆ กันไว้อย่างนี้ จึงจะเรียกว่าภาวนากลับบ้านก็ดูตัวเอง ผิดศีลข้อไหนก็หยิบหินทันที กว่าจะออกพรรษาดูซิจะได้กี่ลูก ผิดไปกี่ครั้ง แล้วจึงไปขอคารวะท่าน ท่านจะยกโทษให้ ในฐานะที่พวกเรายังอยู่ในฆราวาสวิสัย ก็พยายามรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ เพราะถ้าเรามีศีลก็จะมีความร่มเย็นเป็นสุข ครอบครัวก็จะไม่มีความเดือดร้อนวุ่นวาย แม้กับเพื่อนบ้านจะมีความสามัคคีปรองดองกันฉันญาติมิตร ไม่ทะเลาะเบาะแว้งซึ่งกันและกัน ให้เป็นคนมีสัตย์ มีศีล ถ้ารักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว เรามีศีลแล้วทรัพย์สมบัติก็จะเกิดมีตามมา ถ้าศีลเราขาดด่างพร้อยไม่สมบูรณ์แล้ว ทรัพย์สมบัติก็จะร่อยหรอหมดไป เพราะถ้ามีสัตย์มีศีลแล้วก็มีทรัพย์มาด้วยกัน ท่านเปรียบเทียบให้ฟังว่า เรามีปัญญาไม่ฆ่าสัตว์ แต่เราก็กินเหมือนกัน เช่น ปลาหนึ่งกิโลราคาก็ไม่กี่บาท เราเป็นคนขยัน ทำนา ทำสวน ปลูกข้าว ปลูกพริก มะเขือขาย วันหนึ่ง ๆ ก็คงได้หลายบาท เราก็ไปซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งที่เราต้องการได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทอดแหหาปลา ทั้งเสียเวลาทำการงานอย่างอื่น ทั้งเป็นการสร้างบาปกรรมให้กับตัวเองอีกด้วย ตรงนี้แหละญาติโยมยอมรับเหตุผลของท่านว่าดี ควรที่จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน แต่ก่อนญาติโยมไม่รู้จักทำไร่ทำสวนกันนักหรอก แต่พอหลวงพ่อมาสร้างวัดนี่แหละ ท่านได้อบรมสั่งสอนให้รู้จักปลูกผักทำไร่ทำสวน ญาติโยมจึงตื่นตัวกัน เป็นคนขยันรู้จักพัฒนาภายนอก ทั้งพัฒนาภายในจิตใจกันทุกคน ก็ปรากฏว่าดีขึ้นมาก ไม่ลำบากยากแค้นจนเกินไป บางคนก็ยังรักษาศีล ๕ มาตลอด ซึ่งก็มีความสุขไม่เดือดร้อน รู้สึกว่ามีประโยชน์มากจริง ๆ”

    อีกโอกาสหนึ่งหลวงพ่อได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับอานิสงส์ของศีลว่า

    “ศีลนี้คือสัตย์ จะว่าศีลก็ได้จะว่าสัตย์ก็ได้ ให้มันขาดออกจากความชั่วทั้งหลาย ศีลนี้แปลว่าหิน มันเป็นของหนักไม่ใช่ของเบา ทิ้งลงน้ำก็จมดิ่งลงไป เป็นของหนักแน่น ถ้าเรามีศีลคือเราไม่มีโทษทางกาย ไม่มีโทษทางวาจา ไม่มีโทษทางใจ เราก็พูดได้ถนัดเลย พูดตรงไปตรงมาเลยไม่กลัวเกรง เป็นผู้อาจหาญกล้าพูดกล้าทำในทางที่มันถูก ไม่เกรงไม่หวาดกลัวใครทั้งนั้นแหละ นี่เรียกว่าศีลเป็นผู้องอาจในที่ประชุมชน หรือเมื่อจะตายก็องอาจ เราไม่ทำความชั่ว เมื่อเราทำแล้วก็ละแล้ว ก็เลิกแล้วก็ไม่มีอะไร ใจเราก็สบาย องอาจรู้จักอันตรายทั้งหลายแล้ว เพราะว่าโทษอะไรเราไม่มี มันข้ามอันตรายทั้งหลายนี้

    เมื่อหากว่ากาย หรือวาจาของเราไม่มีโทษแล้วใจเราก็เย็น เย็นลง ทำสมาธิก็เกิดง่าย จิตจะเป็นบุญ จิตจะเป็นกุศล เพราะไม่มีเรื่องราวอะไรต่าง ๆ เป็นต้น นั่นเรียกว่ามันเป็นไวพจน์ของสมาธิ สมาธิมันจะเกิดขึ้น สมาธิคือความตั้งใจมั่น เมื่อความตั้งใจมั่นมีขึ้น มันก็เป็นไวพจน์ให้เกิดปัญญา ปัญญาคือความรู้แจ้งแทงตลอดอะไรทั้งหลายทั้งปวงนั้น รู้จักเหตุผล รู้จักถูกเป็นถูก รู้จักผิดเป็นผิด อันนี้ก็เหมือนกัน ที่คนไม่มีปัญญานะ คือว่าเทศน์หนังสือ ที่ไม่มีตำรายกขึ้นมาก็เรียกว่าผิดนี่คือหมดปัญญา มีแต่ว่าปัญญาทราม ไม่ใช่ปัญญามันดี การประพฤติปฏิบัติของเราทั้งหมดนั้นก็เรียกว่าศีล เรียกว่าสมาธิ เรียกว่าปัญญา อยู่ตรงนี้

    ฉะนั้น เมื่อเราทั้งหลายรู้แล้วเมื่อไร จะเป็นวันพระหรือไม่เป็นวันพระก็ตาม อยู่ในบ้านเราวันนี้หรือขณะนี้ ฉันเห็นอยู่เดี๋ยวนี้ เห็นของที่ควรขโมยฉันไม่เอา เลิก เท่านี้ก็เป็นศีลขึ้นมาแล้ว สัตว์ควรฆ่ามัน ฉันไม่เอาละ เลิก เห็นเหล้าสิ่งที่มันเมาผิดศีล ผมจะไม่กินแล้ว เลิก นี่มันก็เป็นศีลขึ้นเดี๋ยวนี้ มันมีเหง้าอยู่อย่างนั้น ศีลในที่นี้เป็นสัมปัตตวิรัต”

    ถึงแม้หลวงพ่อได้พรรณนาอานิสงส์ของศีลจนญาติโยมเห็นคล้อยตาม แต่บางคนที่อินทรีย์ยังอ่อน เมื่อลองรักษาศีลดูแล้ว พอมีอุปสรรคเกิดขึ้นก็หวั่นไหวอยากเลิกรักษา อย่างเรื่องที่หลวงพ่อเล่าถึงตาแก่คนหนึ่ง เรียนหนังสือ ท่องเก่ง จำเก่ง สวดก็เก่ง แต่ไม่รู้จักพระรัตนตรัย ยังไม่ได้ศีลห้า ศีลแปด หลวงพ่อให้แกมาประกาศตัวเป็นอุบาสกรับศีลห้าแกก็มา กลับบ้านเอาศีลไปรักษาสามวันก็วิ่งแจ้นกลับมาหาหลวงพ่อ หน้าตาไม่สบาย หลวงพ่อก็ถามว่า

    “มาทำไมพ่อออก?”

    “โอย! ไม่สบายเลยครับได้สองสามวันแล้ว ตั้งแต่มาถึงพระรัตนตรัย มาถือศีลห้าไม่สบายเลย เมียก็บ่นว่าไม่รู้เอากะท่านมาทำไม ทำยังไงจะมีอยู่มีกินล่ะทีนี้ ข้าน้อยก็เลยจะเอามาคืน”

    หลวงพ่อก็นึกขำ “โอ๊! ได้ยินแต่ครั้งพุทธกาล มีคนเอาศีลไปคืนพระพุทธเจ้า นึกว่าท่านเล่าเป็นนิทานเฉย ๆ มาเจอกับตัวเองจริง ๆ เอามาส่งไม่ได้หรอก ศีลนี้ไม่ใช่ศีลของอาตมา ศีลของพระพุทธเจ้า เอาไปส่งกับเจ้าของท่านไป๊” แล้วหลวงพ่อก็ได้ปลอบใจตาแก่นั้นว่า

    “ไม่รับคืนหรอก เอาอีกเสียก่อน รักษาศีลห้าไปก่อน ถึงพระรัตนตรัย อย่าไปถือภูต ผี ปีศาจ ฤกษ์ดียามดี ให้เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต”

    แกก็กลับบ้านไปพิจารณาใหม่ หลวงพ่อบอกว่าคราวนี้หายไปนานไม่เห็นแก่กลับมาหาอีก จนกระทั่ง ๓ ปีให้หลังไปเจอแกอีกที หลวงพ่อก็ถามว่า

    “เป็นยังไงพ่อออก หายสงสัยหรือยัง?”

    “หายแล้วครับ” ตาแก่ตอบยิ้ม ๆ “ไม่ได้สงสัยอะไรอีกแล้ว สบาย ใครจะพูดอะไร ใครจะว่าอะไร ไม่ได้สงสัยอีกเลย สบาย”

    “เออ! เป็นคนแล้วละทีนี้” หลวงพ่อชม

    [MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=45087[/MUSIC]

    .................................................................................

    น้อมกราบขอบพระคุณรูปภาพที่มาจาก :
    http://www.thumboon.com/spaw2/uploads/images/lpcha.jpg

    น้อมกราบขอบพระคุณบทความธรรมะดีๆ จาก :
    http://portal.in.th/i-dhamma/pages/11436/

    น้อมกราบขอบพระคุณไฟล์เสียงธรรมเทศนาจาก :
    "ให้ศีลรักษาเรา" - Buddhism Audio<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2011
  6. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    [​IMG]



    ขอเรียนเชิญเพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการเรารักศีล๕ มาเล่าประสบการณ์การรักษาศีล๕ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ว่าในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง เป็นธรรมทานแก่ท่านอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการด้วยกันนะครับ นอกจากเราจะได้อานิสงค์แห่งการรักษาศีล๕ แล้ว เรายังจะได้อานิสงค์ของการให้ธรรมะเป็นทาน อีกหนึ่งกุศลผลบุญที่ยิ่งใหญ่นะครับ
    ...........................................................

    รูปภาพที่มาจาก : http://61.19.55.118/~nokjip/3D-pk/picture/article-pic/lovely.jpg
     
  7. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    แบ่งปันประสบการณ์ เรียนรู้ร่วมกัน เป็น "ธรรมทาน" กันจ้า

    [​IMG]



    ศีลจัดเป็นพ่อแม่ของธรรมะ


    [​IMG]







    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]




    ฝึกจิตดี "ผ่านศีลมัย" นำสุขมาให้



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    สู่ เมตตาธรรม นำค้ำจุณโลก



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    สำหรับท่าน ที่เพิ่มเริ่มต้น
    (หรือน้องเด็กเล็ก)
    และต้องการบันทึกฯ
    เสริมสร้างปิติเพื่อตนเอง นะจ๊ะ


    [​IMG]



    ...​


    [​IMG]


    กราบอนุโมทนาlสาธูการ ที่มาข้อมูลจาก หนังสือ "ศีลนำสุขมาให้"
    เขียนโดย พระอาจารย์สุรพจน์ สัทธาธิโก ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ บ้านท้ายเหมือง พังงา Thammatipo.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2011
  8. pismai

    pismai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2008
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +385
    1 เดือนที่ผ่านมา
    ศีลข้อ 1 ไม่เจตนาฆ่าสัตว์ มีเผลอตบยุงบ้าง ข้อนี้ ได้ 80%
    ข้อ 2 ไม่ลักทรัพย์ หยิบหรือคิดอยากได้ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อนี้ระมัดระวังมากโดยปกติมักเผลอ หยิบโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อนี้ ทำได้ ปกติ
    ข้อ 3 ไม่ประพฤติผิดในกาม ข้อนี้ ได้ปกติ
    ข้อ 4 ไม่พูดเท็จ ส่อเสียด เพ้อเจ้อ ข้อนี้ รักษาแทบไม่ได้เลย เผลอประจำพูดหรือนึกคิดแล้วจึงมานึกได้ทีหลังทุกที ต่อไปจะระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ข้อนี้รักษายากมากยิ่งต้องเจอกับคนมากๆ หลุดประจำ
    ข้อ 5 ไม่ดื่มสุรา ฯ ข้อนี้ ได้ปกติ
     
  9. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028

    น้อมอนุโมทนา สาธุ และขอบพระคุณ คุณ pismai กับความมุ่งมั่นตั้งใจรักษาศีล๕ และนำประสบการณ์การรักษาศีล๕ ในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มาเล่าแบ่งปันประสบการณ์เป็นธรรมทานแก่เพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการด้วยนะครับ

    บุญรักษาครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    ขอเล่าประสบการณ์ในการรักษาศีลในรอบ ๑ เดือน(๑-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔)

    ศีลข้อที่ ๑ มีพลาดบ้างเช่นพยายามช่วยชีวิตสัตว์เล็กๆ เช่นมด แล้วทำเขาบาดเจ็บ นอกนั้นอาจทำให้เขาตาย โดยไม่เจตนา (น่าจะได้ ประมาณ ๙๐%)

    ศีลข้อที่ ๒ ที่ตั้งใจทำผิดไม่มี มีครั้งนึงที่ลงเวลาทำงานแล้ว ไปงานคุณย่า เพราะท่านเสียชีวิต (น่าจะได้ ประมาณ ๙๕%)

    ศีลข้อที่ ๓ ถือว่ารักษาได้ ๑๐๐%

    ศีลข้อที่ ๔ ชอบพูดเล่น หยอกล้อ อำ ตลก ดุบ้างในบางครั้ง เช่นทำเสียงดุเจ้าหมาน้อย (น่าจะได้ประมาณ ๘๕%)

    ศีลข้อที่ ๕ ถือว่ารักษาได้ ๑๐๐%

    การคิดร้อยละอาจคลาดเคลื่อนบ้าง เพราะเป็นการประมาณค่าแบบคร่าวๆ
    แต่สรุปว่าพึงพอใจพอสมควร
    เพราะมีการสำรวมระวังมากกว่าปกติ

    สิ้นเดือนเมษายน จะมาเล่าประสบการณ์ต่อนะคะ
    กราบอนุโมทนาบุญทุกๆท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

    สาธุ สาธุ สาธุ.
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    อีกสักครู่ ลูกๆ ห้องgiftedจะมาหาที่บ้าน จะให้ลูกๆ ลองเล่าประสบการณ์บ้างนะคะ ^^
     
  12. bsert

    bsert Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +35
    เล่าประสบการณ์ให้ฟังค่ะ
    ศีลข้อ 1 พยายามระวังในเรื่องพวกมด,แมลง แต่ยังมีพลาดเกี่ยวกับการจุดยาไล่ยุง โดยจุดไว้ในที่โล่ง เพื่อไม่ให้ยุงเข้าบ้าน และได้เพิ่มเมตตาแก่สัตว์ โดยหากล้วย,ข้าว วางเป็นจุดๆ เพื่อให้นกได้กิน
    ศีลข้อ 2 ข้อนี้น่าจะได้ 100%
    ศีลข้อ 3 เต็ม 100%
    ศีลข้อ 4 เป็นข้อที่ยากที่สุด เพราะบางครั้งนั่งเฉยๆ ฟังคนอื่นเค้าพูดกันก็อดแทรกคำพูด ซึ่งพอพูดแล้วรู้สึกได้เลยว่าเป็นการนินทา เสียดสี ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของเราเลย ต้องพยายามแก้ไขในเดือนถัดไปค่ะ
    ศีลข้อ 5 รักษาได้เต็ม 100ค่ะ
    ในเดือนเมษายน ตั้งเป้าไว้ในส่วนที่ต้องแก้คือศีลข้อ 4 โดยพยายามนับ 1-10 ก่อนที่จะพูดถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคลที่ 3 เพื่อจะได้มีเวลาไตร่ตรองก่อน คิดว่าจะได้ผลดีขึ้นค่ะ
     
  13. ninebeer

    ninebeer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +2,664
    ขอร่วมแชร์ด้วยคนนะคะ
    มาตรการรักษาศีล 5 ของตัวเอง
    เช้ามา แผ่เมตตา เพื่อนร่วมทุกข์เกิด แก่ เจ็บตาย ทั้งหลาย เราจะเมตตาต่อทุกสรรพสัตว์ ต่อทุกๆ ดวงจิต เราจะช่วยเหลือ ดูแล เท่าที่เราทำได้ ตามความเหมาะสม ตามเหตุและปัจจัย ขอทุกๆ สรรพสัตว์ ทุกๆ ดวงจิต จงเป็นสุข เป็นสุข

    1. เจตนาฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ไม่มี เตะ หมา 2 ที เพราะมันมาแอบรื้อถังขยะ ในบ้าน เตะก้นมันปั๊บ ก็บอกให้มันนั่งให้เรียบร้อย แล้วก็เอาอาหารให้กิน พร้อมก็บอกหมาตัวดีว่า ถ้าวันหลังมารื้อถังขยะอีก โดนเตะ 3 ที จำไว้ นิสัยไม่ดี ละซะ รักนะถึงได้สั่งสอน ฮึ่มๆ ที่บ้านเลี้ยงโกลเด้นค่ะ สงสัยมีเชื้อสายลิงแฝงอยู่ ซนซะ ต้องใช้เมตตาขั้นเด็ดขาด

    2. เจตนาลักทรัพย์ไม่มี วิสาสะหยิบเงินสามี มีพอเป็นกระสาย เอาไปซื้อ ไอติมหน้าบ้าน เลี้ยงเด็ก ๆ สามีจะพลอยได้บุญไปด้วย (k)
    ออกไปทำเรื่องส่วนตัวเวลางาน มีเล็กน้อย เช่น ไป แบงค์ ไปตลาด แต่บอกหัวหน้าแล้วค่ะ (เคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว และให้ตามตัวได้ตลอด) แต่ว่าเวลาทำงานเราทุ่มเท นอกเวลาก็ไม่เคยขอ โอ. ที. งานหนักแค่ไหน ไม่บ่น ทำเต็มที่ เต็มความสามารถ ลูกอึดเราเยอะ

    3. เจตนาประพฤติผิดในกาม ไม่มี แอบปลื้มคนหล่อๆ บ้าง เรื่องของใจเนอะ ธรรมชาติของคนสวย มักจะปลื้มคนหล่อ พอชุ่มชื่นในหัวใจ

    4. เจตนาพูดปด ส่อเสียด ยุยง นินทาว่าใครลับหลังไม่มี (ถ้าว่า เตือนใครก็ต่อหน้า ด้วยความหวังดี) แต่พูดแล้วเขาเข้าใจผิดคิดไปเอง อันนี้ช่วยไม่ได้ค่ะ เพราะเราไปห้ามใครไม่ให้คิดไม่ได้

    5. เจตนาดื่มสุรา ของมึนเมา ไม่มี

    สรุปน่าจะ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือเกิน 100 อันนี้ ก็คิดเอาเองค่ะ (kiss)


    ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านค่ะ สาธุ ๆ
     
  14. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028

    ธรรมะสวัสดีครับ

    น้อมอนุโมทนา สาธุ กับคุณ ติงติง คุณ bsert และคุณ ninebeer ขอบพระคุณทั้ง ๓ ท่าน สำหรับความมุ่งมั่นตั้งใจรักษาศีล๕ และนำประสบการณ์การรักษาศีล๕ ในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มาเล่าแบ่งปันประสบการณ์เป็นธรรมทานแก่เพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการด้วยนะครับ

    บุญรักษาครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2011
  15. ปัทจัดตังค์

    ปัทจัดตังค์ Pattama Nitsaro

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +942
    ปัทขออนุโมทนาบุญ กับคุณ pismai ที่ตั้งใจรักษาศีล ๕ ด้วยค่ะ
    และขออนุโมทนาบุญกับคุณ ติง ติง คุณbsert และคุณ ninebeer ด้วยค่ะ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2011
  16. ไม่เน้นขาย

    ไม่เน้นขาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    310
    ค่าพลัง:
    +61
    นาย คม รัตนชัยถาวร ขอเข้าร่วมครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]


    ขอให้เจริญธรรมในเร็วนะครับ สาธุ....[/CENTER]
     
  17. วิชา ละ

    วิชา ละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +2,416
    เขียนก็ไม่ค่อยเก่งนะ
    พอได้รับปากเรื่องศีล5ไปแล้ว ก็กลัวจะเสียสัจจะคำพูดไปถ้าทำไม่ได้
    จะพลาดไปบ้างก็คงไม่ตั้งใจนักหรือทำให้ศีลด่างพล่อยไปบ้าง ก็กลับมาตั้งใจวิรัตใหม่ด้วยปัญญา
    ข้อ1 สัตว์เล็กน้อยก็ต้องระวัง เช่นมด ยุง บางทีก็ปัดไปโดนอาจตายไปก็อาจมี
    หรือแมลงวันก็หาถุงไปครอบไปปล่อยนอกห้องหรือเช่นยุงเห็นกัดเราติดมือเลยนะแล้วก็เดินออกนอกห้องให้ไปเสียเถิด จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
    ได้ช่วยลูกนกจากแมวได้แต่ขนหลุดสงสัยคงตกใจมากด้วยนะ
    และอีกเรื่องแนะนำคนขายปลาที่รู้จักกันในตลาดให้เลิกไปขายอย่างอื่นที่ไม่บาป ส่วนจะสำเร็จหรือเปล่าไม่ทราบ เราเป็นเพียงบอกได้เท่านั้น
    ข้อ2 ก็จะระวังไม่หยิบอะไรง่ายๆ อยู่นิ่งๆปล่อยวางลง บอกตัวเองให้อยากให้น้อยลง
    ข้อ3 ก็ยังเห็นคนสวยๆอยู่ แต่ก็ไม่มีผิดศีล (ท่านพี่ให้คาถาไปแล้ว ให้เฉยๆ ให้ไว้มากแต่ยังจำไม่ได้หมดนะ อิอิ)
    ข้อ4 นี้การพูดมีรายละเอียดมากนัก มีการมาชวนเราให้พูดเรื่องคนที่สามมากมาย ต้องให้เราระวังอยู่นาน ทำได้ยังไง (บอกว่าพูดไม่ได้ เพราะถือศีลอยู่นะจ๊ะ)
    ข้อ5 ก็กลัวเสียเงินด้วยนะตลอดจะซื้อให้ผู้อื่นๆนะ(แต่เขาได้ลองขอร้องให้พี่คนรู้จักกันให้เขาเลิกดื่มเหล้า ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่าก็ไม่รู้)
    ฟังพระมาว่าศีลข้อ5นี้มีโทษมากนักได้รับทุกข์โทษหนักกว่าข้ออื่นๆทำให้ทุกข์มากด้วย เพราะจะทำให้ไปทำผิดข้ออื่นๆได้อีก จึงไปลงนรกมาก

    ที่กล่าวไปแล้วก็คือตั้งใจพิจารณาจะได้ทำสำเร็จหรือไม่อย่างนั้นจะรอดยาก ก็จะต้องทำให้สูงขึ้นไปเลยให้ศีลนั้นอยู่ใจที่เมตตาธรรม ให้ศีลมีในจิตให้ศีลคลุมลงถึงใจ ให้ศีลออกมาจากใจเลย เพราะจะต่อไปที่สูงกว่าจำเป็นมาก เป็นพื้นฐานมุ่งเป้าหมายพระนิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2011
  18. foresta

    foresta สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +0
    เข้าร่วมโครงการแล้วมีสติเพิ่มมากขึ้น ศีลข้อ1-4 หมองบ้างบางข้อ เฉลี่ย 90%-100%ครับ
    ( จากไม่เคยระวังเลย ) แต่ศีลข้อ5 ขาดบ่อยงานเข้าตลอดปฏิเสธก็ลำบาก แต่จะหยุดให้ได้ครับ
     
  19. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    สาธุ ขอน้อมอนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านทั้งหมดทั้งมวลด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 เมษายน 2011
  20. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    ธรรมะสวัสดีครับ

    น้อมอนุโมทนา สาธุ กับคุณวิชา ละ คุณ foresta และคุณพุทธวจนะ2 สำหรับ
    ความมุ่งมั่นตั้งใจรักษาศีล๕ และขอบพระคุณ คุณวิชา ละ คุณ foresta ที่นำประสบการณ์การรักษาศีล๕ ในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มาเล่าแบ่งปันประสบการณ์เป็นธรรมทานแก่เพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการด้วยนะครับ


    บุญรักษาครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...