อาการรับรู้ว่าจักระของตนเปิดแล้วหรือไม่เป็นอย่างไร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย มีแปปเดียว, 24 มีนาคม 2011.

  1. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3
    ขออนุโมทนาค่ะ เป็นเช่นนั้นจริงๆ
    ฐานไหนสำคัญที่สุดค่ะ ๑ ถึง ๗
    หรือว่าทุกจุด
     
  2. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,032
    สำคัญทุกฐานครับ คุณbabyworld เพราะเป็นปัจจัยเสริมเกื้อกูลซึ่งกันและกันโดยลำดับ คล้ายกับการสร้างบ้านขึ้นไป หรือก่อปิรมิดขึ้นไป จากฐานล่างเสริมไปสู่ลำดับสูงขึ้น

    เมื่อนับจากฐานล่าง ๑ เรียงลำดับขึ้นไปถึง ๗ ที่มีความเป็นไปเองโดยธรรมชาติ
    คือ มันจะไปรวมศูนย์จุดนั้นๆ เอง และดำเนินการเลื่อนลำดับในลักษณะตามธรรมชาติในความสงบตั้งมั่นของจิตและอินทรีย์๕
     
  3. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3

    ขอบคุณมากค่ะ

    หลังออกจากสมาธิแล้ว บางหงุดหงิดและโมโหง่ายเป็นเพราะอะไรค่ะ
     
  4. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,032
    หลังออกจากสมาธิแล้ว บางทีหงุดหงิด และโมโหง่าย เป็นเพราะว่า มันมีสาเหตุเข้ามาบางประการ คือ
    -หลังออกจากสมาธิใหม่ๆ และพบกับภาวะแรงกระทบจากภายนอกบางสิ่งบางอย่าง ที่ได้เห็นได้เจอหรือเมื่อได้ยินเรื่องราวแล้วทำให้ไม่พอใจ หงุดหงิด
    ภาวะจิตและสติที่ยังมีความไหวตัวที่ละเอียดจากเพิ่งออกจากสมาธิ อาจเห็นแรงกระเพื่อมไหวของจิตใจจากความพอใจหรือไม่พอใจนั้นชัดเจนกว่าปกติ แม้ว่ามันอาจจะเป็นคลื่นความสั่นสะเทือนที่เล็กน้อยก็ตาม

    เราต้องคอยสอดส่องดูภายในจิตใจของเราเองว่า มันได้ส่งแรงกระเพื่อมนั้นให้ไปสู่การปรุงแต่งสร้างปฏิกิริยาต่อเนื่องอย่างไรหรือไปในทิศทางใดสืบต่อไปบ้างหรือไม่ อย่างไร
    และมองได้ว่าเป็นการดีก็ได้ครับ ที่เมื่อออกจากสมาธิ ก็ได้มีโอกาสเห็นทุกข์ ..
    และ*สาเหตุคือสมุหทัย เป็น*ความเคยชินเก่าๆ เชื้อของเรื่องนั้นๆที่เราสะสมไว้จิตใต้สำนึก
    โอกาสนั้นเราก็จะได้ศึกษา ปล่อยวางสลายมันด้วยทัศนคติความเข้าใจจากปัญญาด้วยการได้ศึกษาถึง*สาเหตุจากส่วนลึกที่อยู่ภายใต้พื้นผิวของจิตใจเราเองครับ

    *ความเคยชินเก่าๆ ความหมายคือ สำหรับบางคนทั่วไป เมื่อมีเหตุเรื่องที่กระทบเข้ามาบางอย่าง เค้าไม่หงุดหงิด เพราะไม่มีเชื้อจึงไม่จี๊ดสำหรับเรื่องนั้น แต่บางทีพอเจอบางเรื่องอีกด้านเข้ามาก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาได้ แม้เหตุเล็กน้อยคือเหตุปะทุเพียงเล็กน้อย แต่เพราะเชื้อเพลิงสะสมสำหรับเรื่องนั้นมีมาก ที่เค้ามักเรียกกันว่า จุดตาย จุดบอดจุดอ่อนเป็นอนุสัยเก่าๆที่สะสมไว้สำหรับเรื่องนั้นๆ

    - อีกกรณีที่พบได้ เป็นแรงกระทบจากภายใน อาจเกิดจากคาดหวังไว้ที่ข้างหน้า บางสิ่งบางอย่าง ซึ่งเราจะพบว่าบางทีไม่เป็นไปดั่งใจคาดหวัง ก็สามารถทำให้หงุดหงิดได้เช่นกัน ซึ่งเราอยู่บนความจริงคือ
    มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แม้กระทั่งภาวะความรู้สึก นึกคิดตัวจิตภายใน
    ทำให้เกิดกระบวนทัศน์ในการเรียนรู้ที่ไม่คาดหวังสิ่งใดไว้ล่วงหน้า ว่ามันจะต้องเป็นไปอย่างนั้นหรืออย่างนี้แน่นอน ในเรื่องการทำสมาธิ หรือเรื่องราวชีวิตต่างๆที่ประสบ

    .................

    สำหรับบางเทคนิคที่อาจช่วยเสริมเพิ่มเติมได้ คือ
    ๑ เมื่อจะออกจากสมาธิ กำหนดว่าอีก ๕ กองลมหายใจเข้าออกนี้ เราจะออกจากสมาธิ
    เมื่อครบแล้ว เรายังไม่ลืมตาทันที แต่จะกวาดความรู้สึกต่อเนื่องไปจุดต่างๆในร่างกายโดยเฉพาะเอว ขาพับ ปลายเท้า คลายลม ที่อาจติดขัด อาการชาตามจุดต่างๆ ...รักษาตัวสติให้ต่อเนื่อง ลืมตากวาดรอบๆ มุมเฉียงต่ำไปรอบๆห้อง แล้วค่อยลุกขึ้นไปสู่อิริยาบทปกติ
    คล้ายๆ คนที่ดำน้ำลึก เมื่อเขาจะขึ้นสู่ผิวน้ำ เขาจะค่อยๆ ปรับระดับขึ้นสู่ผิวน้ำที่ต่อเนื่องทีละลำดับ

    ๒.เหมือนด้านบน(๑) แต่รักษาภาวะจิตภายนอกสมาธิ ให้คล้ายหรือเทียบเคียง ใกล้เคียงกับภาวะในสมาธิระยะนึงก่อนก็ได้

    ทั้งสองวิธีนี้ วิธีที่๑ จะดีเพราะสามารถรับรู้ ตื่นตัว สติอยู่เป็นปัจจุบันขณะกับชีวิตประจำวันสังคมทั่วไปได้ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มีนาคม 2011
  5. weruwan

    weruwan เวฬุวัน ว.มุจลินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +537
    ขอบคุณท่าน
    ที่แนะนำในมณีนั้น
    เพลานี้เราได้มาสู่ตนแล้ว
    พลังมึนหัวดี
    มีอันใดแนะนำวานกล่าวนะท่าน
    ขอขอบคุณเสียยิ่งนัก
     
  6. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +3,882
    กำลังของสมถะสมาธิทำได้แค่กดทับอกุศลธรรมทั้งหลายไว้เหมือนหินทับหญ้า
    เพราะธรรมชาติที่แท้จริงนั้นมนุษย์ไม่สามารถทรงอารมณ์ให้อยู่ในสมถะสมาธิไว้ตลอดเวลา
    เมื่อออกจากสมถะสมาธิ รัก โลภ โกรธ หลงที่ถูกกดทับด้วยกำลังของสมาธิก็กลับกำเริบได้อีก
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลแต่ละคนย่อมมีจริตต่างกัน เช่นหากเป็นคนโทสะจริตแรงมักโกรธ หงุดหงิดง่ายเป็นนิสสัย เป็นวาสนาเดิมสั่งสมมานับชาติไม่ถ้วน ยิ่งไปกดทับด้วยสมถะสมาธิเท่าไหร่ก็เหมือนหม้อpressure cooker ที่จะระเบิดออกเท่านั้น
    หากคิดว่าจะฝึกจิตเพื่อลดนิสัย ถอนลูกศร ก็ควรพิจารณาการฝึกฝนสติด้วยมหาสติปัฏฐาน4และฝึกฝนปัญญาด้วยการเจริญวิป้สสนา ยกเอาไตรลักษณ์ อสุภะสัญญา หรือมรณะสติมาพิจารณาให้เห็นความจริงของธรรมชาติว่า สรรพสิ่งทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นตามเหตุและปัจจัย เมื่อเกิดขึ้นก็คงสภาพอยู่ได้ชั่วคราวตราบที่เหตุและปัจจัยยังเอื้อกันอยู่(เสีอมสลายตลอดเวลาในระดับอะตอม) และต้องแยกแตกกระจายไปในที่สุดเพราะเหตุและปัจจัยนั้นๆไม่เอื้อกันอีกต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะเข้าใจว่าไม่มีสิ่งใดน่ายึดถือเป็นของเรา ตัวเรา
    กิเลส อนุสัยต่างๆก็จะเบาบางลงได้ด้วยปัญญาญาณ
     
  7. weruwan

    weruwan เวฬุวัน ว.มุจลินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +537
    ท่านกล่าวตรงจิตเรานัก
    บัดเดี๋ยวนี้
    เรากำลังศึกษาใน
    กายเวทนาจิตธรรมอยู่แลท่าน

    มี File MP3 มาให้ผู้สนใจในธรรมสายตรงนี้ไปพิจารณาฟังกันแลท่าน
    เดี๋ยวมีเพลาจักเอา File PDF มาให้ Down Load ตอนนี้ทำเป็น WORD ไว้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2011
  8. มหัศฤทธิ์

    มหัศฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +855
    ถ้าอาการตึบๆ ระหว่างคิ้ว แน่นๆ อุ่นๆผ่าวๆ หมายถึงอย่างไรครับ
     
  9. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอขอบคุณค่ะ สำหรับข้อชี้แนะค่ะ
     
  10. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,032
    หมายถึงว่า คุณได้เปิดวิถีจิตไปรวมศูนย์ไว้ที่จุดจักระระหว่างคิ้วครับ
    ซึีงวิถีโคจรลักษณะดังกล่าว อาจค่อยๆน้อมไป หรือ เป็นไปตามธรรมชาติเองก็ได้ เมื่อรักษาความต่อเนื่องแบบสบายๆไม่เกร็ง
    หากเป็นอย่างนั้นแล้วตามความเห็นส่วนตัว ช่วงนั้นก็เป็นไปได้ว่า
    อาจเป็นช่วงทำสมาธิกับลมหายใจเข้า-ออก ที่มีกระแสลมหายใจเข้า-กระแสลมหายใจออก ,ตลอดกระแสลม หรือบางช่วง ก็จะรู้สึกอาการลักษณะนั้นที่ระหว่างคิ้ว
    และบางครั้งบางทีในช่วงระหว่างวัน
    เมื่อมีหรือไม่มีกระแสนึกคิดถึงถึงสิ่งใดก็ตาม ก็จะรู้สึกถึงจุดตรงนั้นด้วย...

    กระแสไออุ่น ปราณา หรือกุณฑาริณี เป็นพลังที่ละเอียดมีพลวัต ช่วยทำให้ร่างกายรักษาความอบอุ่นได้ดี ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ดักขับพิษไข้ก่อนที่จะมีไข้ ทำให้มีสุขภาพดีเสมอ และมีประโยชน์หลายประการรอให้ค้นพบเจอด้วยตัวเองครับ
     
  11. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    นึกถึงท่านนะครับ หายไปเงียบเลย
    ขอขุดกระทู้ดีดีนี้ให้เพื่อนๆน้องๆอ่านกัน
     
  12. J_Shaman

    J_Shaman สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +16
    อนุโมทนาครับคุณ อัคนีวาตไม่ทราบกระบี่ไร้ใจของท่านใช้บ่อยไหมครับ
     
  13. โอทา1

    โอทา1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +69
    พี่อัคนีวาตครับ เราจะก้าวข้ามปิติไปได้อย่างไรละครับ
    ผมเคยเจอปิติขนลุกซาบซ่าน พอเฝ้าดูอาการของปิตินานๆเข้า
    จิตก็ตกภวังค์ไปเลยครับ ยังไปไม่ถึงไหนเลย :'(
     
  14. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +3,882
    อันกระบี่ไร้ใจนั้นพึงข้ามสรรพสิ่งด้วยความเห็นเป็นมายาตกอยู่ภายใต้กฎของไตรลักษณ์ จึงไม่มีสาระใดให้ยึดติด หรือยึดมั่น หรือจมปลักอยู่กับสภาวะหรืออารมณ์นั้นๆ
    เมื่อปราศจากความยึดมั่น จึงคล้อยตามธรรมชาติ บรรลุมรรคาไร้กระบี่
    ไร้กระบี่ ไร้ผู้บรรลุ อธิบายเป็นภาษาไม่ได้
     
  15. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +3,882
    มองดูปิติอย่างไร้อารมณ์ เหมือนมองคู่รักเก่าที่เป็นคนเจ้ามายา
    เมื่อรู้เท่าทัน ก็ไม่หลงกล
    เมื่อไม่หลงกลก็สุขเพราะสงบ สงัด
    เมื่อไม่ติดใจอยู่กับความสุข สงัด จิตจึงรวมเป็นหนึ่ง
    เมื่อจิตรวมเป็นหนึ่งจะเข้าสู่ภวังค์ ดิ่งวูบ ลืมเวลาและความรู้สึก
    นี่คือสมถะสมาธิ
    คนส่วนใหญ่ติดอยู่เพราะแทนที่จะอาศัยกำลังจิตอันมีพลังหลังจากการถอนจากฌานมาพิจารณาธรรมเพื่อให้เกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด กลับพึงใจและหาวิธีที่จะทรงอารมณ์แห่งเอกัตกตาให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
    เหมือนคนฝึกกล้ามเนื้อเพื่อมวยแต่หลงความสวยของกล้ามเนื้อ จึงเป็นนักเพาะกายแทน กล้ามเนื่อที่มากเกินไปจึงใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้นอกจากสวยหรือใช้อวดเท่านั้น
     
  16. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    มองดูปิติอย่างไร้อารมณ์ เหมือนมองคู่รักเก่าที่เป็นคนเจ้ามายา
    เมื่อรู้เท่าทัน ก็ไม่หลงกล
    เมื่อไม่หลงกลก็สุขเพราะสงบ สงัด

    มาทีมีมุขฮามาด้วย ก็ให้หายคิดถึงได้เหมือนกันนะ.....
     

แชร์หน้านี้

Loading...