ปฎิบัติธรรม แล้ว คิดร้ายไม่เป็น จริงหรือไม่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pichak, 25 มีนาคม 2011.

  1. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    ปฎิบัติธรรม แล้ว คิดร้ายไม่เป็น<!-- google_ad_section_end --> เคยได้ยินพระท่านเทศน์ เลยอยากจะทราบว่าต้องมี หรือถึงสภาวะอะไรจึงสามารถเห็นสภาวะนี้ได้ครับ ขอผู้รู้เมตตาครับ
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    ไม่ใช่ คิดร้ายไม่เป็น คิดร้ายได้เพราะสังขารมันปรุงแต่งไปต่างๆนาๆ ได้
    แต่ ตั้งใจคิดร้าย นั้นไม่มี
    ก็เพราะว่า มี หิริโอตัปปะ เป็นต้น มี จิตเป็นปกติ เป็นเครื่องอยู่

    ตัวที่จะทำให้เรารู้ ก็คือ ต้องหมั่นมี หิริโอตัปปะ ให้มาก
    ฝึกขัดเกลา จิตใจ ด้วยมหาสติปัฎฐาน จน ชำระกิเลสออกไปแล้ว ย่อมไม่อยากไปเกลือกกลั้วกับ การคิดร้าย ให้จิตใจ ตกต่ำลง อุปมาเหมือน คนมาอยู่ที่สะอาดแล้ว ไม่อยากไปจมโคลน

    เมื่อไร จะรู้สภาวะนี้ได้ ตอบว่า โดยทั่วไป เมื่อมีปัญญาญาณ มองเห็น กิเลส ว่าเป็นภัยกับตน ก็จะไม่ไปคิดร้ายกับใคร
     
  3. item

    item Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +86
    โดยส่วนตัวแล้ว เหมือนว่าความคิดร้ายๆมันค่อยๆหมดไปนะครับ
    ชอบคำนี้จังเลยครับ
    "เมื่อมีปัญญาญาณ มองเห็น กิเลส ว่าเป็นภัยกับตน ก็จะไม่ไปคิดร้ายกับใคร"
    อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจ อยากมีปัญญาเพิ่มขึ้นๆไปอีก
     
  4. nanajitang

    nanajitang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +19
    แต่ ตั้งใจคิดร้าย นั้นไม่มี
    ก็เพราะว่า มี หิริโอตัปปะ

    อุปมาเหมือน คนมาอยู่ที่สะอาดแล้ว ไม่อยากไปจมโคลน
    ......ใช่ทุกคำ และนำมาใช้ได้เลย ถ้าคุณอยากทำให้ได้ ให้ระลึกเสมอว่าเราจะทำบาปไม่ได้อีกแล้ว เพราะอีกไม่นานเราก็จะตายแล้วต้องรีบทำความดี......
     
  5. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    ขออนุญาต จขกท. ที่เข้ามาแจมเพื่อจะได้รับประโยชน์บ้าง

    เป็นสภาวะของเจตสิกที่ปรุงแต่งจิต เป็นกุศลบ้างเป็นอกุศลบ้าง

    ตราบใดที่ยังไม่ถูกปหานโดยมรรคจิตแล้วก็ยังมีอยู่
    เพียงแต่ว่าอะไรเกิดเป็นประธาน เช่นกุศลจิตไหนเป็นประธานกุศลตรงนั้นจะเด่นชัด
    หรืออกุศลชนิดใดเป็นประธาน อกุศลตรงนั้นก็จะเด่นชัด ที่เหลือนั้นยังมีแต่ไม่ได้เป็นประธานจึงไม่ชัดเจน
    แต่หากความอิจฉาริษยาเกิด ความอิจฉาริษยาก็เป็นประธาน ความอิจฉาริษยาก็เด่นชัด

    ยกตัวอย่างเพื่อให้เป็นรูปธรรมจะได้มองชัดเจนขึ้น
    เหมือนขณะที่เรากำลังชมการแสดงลิเกหรือละครบนเวทีการแสดง
    เราจะเห็นตัวแสดงที่หน้าฉากที่มาแสดงเท่านั้น

    พอหลังจากผู้แสดงบทของตนเองจบก็เข้าหลังฉากไป
    ผู้แสดงตัวใหม่ก็ออกมาแสดงต่อในบทของตน
    เมื่อจบการแสดงของตนก็เข้าไปหลังฉาก

    ตัวแสดงใหม่ก็ออกมาแสดงตามบทของตนอีกเป็นไปอย่างนี้ตลอดไป
    ตัวแสดงที่เข้าไปในหลังฉากไม่ใช่ว่าไม่มีเพียงแต่ยังไม่ได้ออกมาแสดงเท่านั้น

    ถ้าจะเปรียบเทียบกับจิตก็คือ กุศลหรืออกุศลออกมาแสดงนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2011
  6. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +1,117
    ปฏิบัติธรรมแล้วคิดร้ายไม่เป็น ทุกคนกำลังเดินทาง โลภ โกรธ หลงมีอยู่ มันก็ยังคิดอยู่บ้างแต่น้อยกว่าที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม เพราะมีหิริโอตัปปะ มีความเกรงกลัวละอายต่อการทำชั่วคะมีสติ ก็จะไม่คิดร้ายคะบุญรักษาคะ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ที่กล่าวๆมาข้างต้นค่อนข้างเห็นด้วยครับ....
    คือถ้าถึงขั้นที่จิตตกกระแสธรรมแล้ว..คงจะทำเรื่องที่เป็นอกุศลต่างๆได้ยาก..
    นอกจากจะเจออาการที่เรียกว่า จิตซึมกลับ..เนื่องจากไม่พิจารณา ขันธ์ 5
    อนุโมทนาครับ
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708

    ผู้ปฏิบัติธรรมแต่ยังเข้าไม่ถึงธรรมคิดร้ายเป็นค่ะ ผู้ปฏิบัติธรรมที่เข้าถึงธรรมแล้ว หากคิดร้ายก็ระงับได้ด้วยธรรมที่ปฏิบัติมา จึงไม่ก่อโทษให้กับตนเองและผู้อื่นค่ะ ผู้ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมขั้นอริยะจะไม่สามารถคิดร้ายได้เลยค่ะ เพราะมีศีล มีธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ และมีปัญญาเป็นเครื่องรู้ให้กับจิต
     
  9. blackky

    blackky Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +27
    ก็มีหลายอยู่นะครับ ทั้งหิริและโอตัปปะ จากความเห็นด้านบน
    พรหมวิหารสี่(เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) กรรมบท10 แต่โดยรวมแล้วผมคิดว่า เน้นทางด้านพรหมวิหารสี่จะดีที่สุดครับ ส่วนวิธีคิดและปฏิบัติไปหาได้ในหัวข้อ เสียงธรรมนะครับ
    ของหลวงพ่อฤาษีท่านอธิบายชัดเจนครับ ฝึกไปเรื่อยๆ ทรงอารมณ์ให้ดีดี เดี๋ยวมันจะติดตัวไปเอง สุดท้ายเราก็จะไม่คิดร้ายต่อผู้อื่นครับ แต่ระดับเราๆยังต้องมีคิดล่ะครับ
    แต่แค่แว๊บเดียว ไม่ได้อาฆาตหรือกระทำเพราะกลัวศีลขาดครับ
     
  10. เขตปกครอง230

    เขตปกครอง230 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +324
    คิดร้ายก็พยาบาท คิดเบียดเบียน1ในนิวรณ์5 เป็นเครื่องกั้นผู้ปฏิบัติให้ห่างจากความดี ผู้ปฏิบัติจะไม่ทำ
     
  11. sss12

    sss12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +1,081
    การคิดร้ายไม่เป็น จำเป็นต้องเริ่ม จากการให้ทานและมีศีลที่สนิทด้วยค่ะ ศีลห้านั้นหากทำได้อย่างสนิทใจแล้ว แม้เพียงข้อใดข้อหนึ่ง เช่น หากละเว้นจากชีวิตสัตว์ได้อย่างสนิทใจแล้ว ก็จะเกิดเมตตา ไม่อยากเบียดเบียน หรือทำลายชีวิตใครให้ได้รับความทุกข์ร้อน ศีลข้ออื่นๆ ก็จะได้ตามๆมาโดยไม่อยาก...กล่าวคือ ผู้นั้นก็ไม่อยากขโมยของใคร หรือโกหก ให้ใครต้องทุกข์ร้อน

    เมื่อทานถึงพร้อมและศีลมีสภาพที่สมบูรณ์แล้ว การปฎิบัติธรรมควบคู่ไปด้วย ยิ่งจะทำให้สติ ตามรู้ ตามทัน สภาวะอารมณ์ของผู้ปฎิบัติมากขึ้น คือ บางครั้งที่จิตคิดไม่ดีขึ้นมา ด้วยสติ เราจะตามทันและปล่อยมันไป ไม่ใส่ใจ ไม่ทำ ไม่คล้อยตาม ในสิ่งไม่ดีที่อาจแว้บขึ้นมาในใจ......ดังนั้น...การทำทาน ศีล สมาธิ ปัญญาให้ถีงพร้อม โอกาส เจตนา ที่คิดจะทำร้าย หรือ ประสงค์ร้ายต่อใครคงจะเกิดขึ้นได้อยากค่ะ เนื่องด้วยที่จิตเอง ถูกฝึกให้มีเมตตาจากทานและศีล....และยังได้แรงหนุนจาก สมาธิ ปัญญา อีกค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2011
  12. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    จริงๆด้วย ตัวอย่าง....




    <CENTER>ป่าไม้บุกตรวจ วัดเทศน์พิลึก

    </CENTER>

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_0_anchor><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=aswift_0 class=inlineimg title="Light bulb" onload="var i=this.id,s=window.google_iframe_oncopy,H=s&&s.handlers,h=H&&H,w=this.contentWindow,d;try{d=w.document}catch(e){}if(h&&d&&(!d.body||!d.body.firstChild)){if(h.call){i+='.call';setTimeout(h,0)}else if(h.match){i+='.nav';w.location.replace(h)}s.log&&s.log.push(i)</IFRAME></INS></INS>
    ป่าไม้บุกตรวจ วัดเทศน์พิลึก

    เร่งหาหลักฐาน-บุกรุกป่า

    เจ้าหน้าที่ป่าไม้บุกตรวจสอบ พื้นที่วัดร่มโพธิธรรม อ.หนองหิน จ.เลย หลังตกเป็นข่าวฉาว สมภารวัดเทศน์อวดอุตริทำนายว่าโลกจะแตก จนศิษยานุศิษย์แตกตื่นอพยพไปปลูกที่พักหรูในบริเวณวัดที่มีเนื้อที่เกือบ 800 ไร่ พบเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมอยู่ในเขตป่าสงวนภูค้อ-ภูกระแต ยังไม่มีเอกสารสิทธิ อยู่ ระหว่างดำเนินการออก สปก. รักษาการ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติฯจังหวัดเลย เชื่อมีการรุกป่าสงวนบางส่วน ขณะที่ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย ฟันธงพระลูกวัดแต่งกายผิดวินัยสงฆ์ชัดเจน ระบุวัดขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย แต่การปกครองผิดเพี้ยนมีทั้งประธานวัดและเจ้าอาวาส เร่งรวบรวมหลักฐานเสนอเจ้าคณะจังหวัด และ ผวจ.ดำเนินการ ด้านสาวใหญ่นักธุรกิจเมืองกรุงสุดช้ำ สามีหนีไปอยู่ที่วัดนานกว่าอาทิตย์ไม่ยอมกลับบ้าน แฉพฤติกรรม "หลวงพ่อสมชาย" สั่งให้ตัดขาดพ่อแม่ลูกถ้ามาขวางความเชื่อผู้ศรัทธา

    หลัง จาก "ไทยรัฐ" เสนอข่าวเปิดโปงพฤติกรรมของหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต หรือหลวงพ่อสมชาย พระนักเทศน์ วัดร่มโพธิธรรม ต.หนองหิน อ.หนองหิน จ.เลย แสดงธรรมเทศนาทำนายว่าโลกกำลังจะแตก ทำให้ ลูกศิษย์ที่เคารพศรัทธาพากันแตกตื่นอพยพไปปลูกสร้างที่พักหรูคล้ายรีสอร์ ตอาศัยอยู่ในบริเวณวัดบนเขาสูงเนื้อที่ร่วม 800 ไร่ สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากคำสอนที่อวดอุตริแล้ว หลวงพ่อวินัยยังปล่อยให้พระลูกวัดปฏิบัติตัวผิดเพี้ยนไปจากวินัยสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นการไว้ผมยาว มีหนวดเครารุงรัง ไม่ออกบิณฑบาต ไม่สวดมนต์ สวมเสื้อกางเกงแทนผ้าเหลือง มีเพียงอังสะสีน้ำตาลเข้มให้รู้ว่าเป็นพระเท่านั้น ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนา เจ้าคณะอำเภอ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าไปตรวจสอบที่วัดดังกล่าวแล้ว

    ความคืบ หน้าเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 24 มี.ค. นายชัยรัตน์ แก้ววงษา หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ ลย.14 (ผาขาว) นำกำลังเข้าไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณวัดร่มโพธิธรรม พร้อมเปิดเผยว่า เป็นพื้นที่โซน E คือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูค้อ-ภูกระแต มีพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) ในเขตท้องที่อำเภอหนองหิน เดิมทีที่ผ่านมามีชาวบ้านบุกรุกใช้ประโยชน์มาก่อน เช่น เป็นที่ทำนา ทำสวน ทำไร่ ที่แห่งนี้ยังไม่มีเอกสารสิทธิ ส่วนวัดมีที่ดินกรรมสิทธิ์ (นส.3) เลขที่ 172 เนื้อที่ 45 ไร่ โดยนายบุญคุ้ม คงสถิต และนายโชคอำนวย กนกสังแคลน-พรหม เป็นผู้มอบถวายขออนุญาตจัดตั้งวัด และเป็นพื้นที่อยู่ในระหว่างดำเนินการออก ส.ป.ก. โดยเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ได้ออกสำรวจแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการตาม พ.ร.ก. ปฏิรูปที่ดิน จำนวน 33 ราย เนื้อที่ 740 ไร่ รวมเนื้อที่บริเวณวัดทั้งหมดประมาณ 785 ไร่ วันนี้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจ GPS ว่ามีการบุกรุกป่าสงวนหรือไม่ และมีการขยายเขตไปกว้างขวางขนาดไหน และจะส่งรายงานให้สำนักการจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 (อุดรธานี) ดำเนินการต่อไป

    นายวัชระ อธิสุมงคล รักษาการแทน ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเลย กล่าวว่า ตามที่สอบถามเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยตรง ที่ดินของวัดอยู่ในเขตป่าสงวนและเขต ส.ป.ก.เป็นบางส่วน จากการ ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่าที่เป็นป่าสงวน ทางวัดยังไม่ได้ ขออนุญาตจากกรมเลย ซึ่งตามปกติการจะขอทำวัดในเขตป่าสงวนต้องขออนุญาตทำประโยชน์จากกรมป่าไม้จึง จะทำวัดได้ อย่างกรณีวัดร่มโพธิธรรมเบื้องต้นก็ถือว่าผิด แต่จะให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบอีกที ถ้ามีการบุกรุกจริงต้องมีการจับกุม ทั้งนี้ได้ให้หน่วยป้องกันรักษาป่า ลย.14 (ผาขาว) เข้าไปตรวจสอบแล้ว ถ้าดูตามแผนที่บริเวณวัดเชื่อว่ามีการบุกรุกป่าสงวนจริงเป็นบางส่วน

    ด้าน นายสมบูรณ์ ดีเสมอ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย กล่าวว่า หลังทราบข่าวจาก นสพ.ไทยรัฐ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ได้เข้าไปตรวจสอบที่วัดร่มโพธิธรรม พร้อมกับเจ้าคณะอำเภอหนองหิน และเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 (อุดรธานี) เห็นว่าวัดมีการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่มาก ผิดหูผิดตากับสภาพวัดที่อยู่ในชนบท จากการตรวจสอบพบว่า วัดร่มโพธิธรรมตั้งขึ้นเมื่อปี 2548 ถูกต้องตามกฎหมาย จากการสอบถามหลวงพ่อสมชาย ถึงกรณีที่ไม่ได้ออกบิณฑบาต ท่านบอกว่าการให้ชาวบ้านนำอาหารมาถวายที่วัดโดยพระสงฆ์ ไม่ออกบิณฑบาต ก็เหมือนกับการบิณฑบาตในวัดอยู่แล้ว แต่การปกครองภายในวัดมีลักษณะไม่เหมือนที่อื่น หลวงพ่อ สมชาย เป็นประธานของวัด ส่วนเจ้าอาวาสเป็นพระอีกรูปหนึ่ง แต่หลวงพ่อสมชายเหมือนกับมีอำนาจในการปกครองมากกว่า มีพระในการปกครอง 150 รูป แม่ชีอีกประมาณ 50 คน
    ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย กล่าวต่อไปว่า เจ้าคณะอำเภอสอบถามถึงการแต่งกายที่ผิดจากพระสงฆ์ทั่วไป หลวงพ่อสมชาย ไม่ยอมตอบคำถามดังกล่าว เท่าที่ดูการแต่งกายของพระสงฆ์ที่วัดนี้แล้วส่วนตัวเห็นว่าผิดวินัยสงฆ์ ชัดเจน ส่วนที่ดินของวัด จากการสอบถามเจ้าหน้าที่บอกว่า มีประมาณ 50 ไร่ ในการขอตั้งวัดตอนนั้น แต่ปัจจุบันวัดมีเนื้อที่ประมาณ 700 กว่าไร่ ตนได้ขอสำเนา โฉนดที่ดินหรือสำเนาอย่างอื่นมาตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้แล้ว และจะได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดทำเรื่องเสนอไปยังเจ้าคณะจังหวัดเลย ฝ่ายมหานิกาย กรมการศาสนา และ ผวจ.เลย เพื่อพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม คงต้องไปตรวจสอบอีกครั้งและจะไปสอบถามชาวบ้านรอบๆวัด ถึงความรู้สึกกับการปฏิบัติของวัดแห่งนี้ด้วย

    ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย ลงไปตรวจสอบพฤติกรรมของหลวงพ่อสมชาย และให้รายงานกลับมาโดยเร็ว จากนั้นจะนำเรื่องรายงานเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เท่าที่ทราบพระรูปดังกล่าวเคยมีผู้ร้องเรียนไปยังเจ้าคณะจังหวัดเลย ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมแล้ว และเท่าที่เห็นลักษณะการแต่งกายก็ชัดเจนว่าไม่ถูกต้องตามวินัยสงฆ์ ไม่รู้ว่าพระ รูปนี้เป็นอะไร เนื่องจากช่วงแรกที่ขออนุญาตตั้งเป็นสำนักสงฆ์ก็ยังไม่แสดงพฤติกรรมแปลกๆแบบ นี้

    วันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจากนางเดือน (นามสมมติ) อายุ 60 ปี ประกอบธุรกิจส่วนตัว บ้านอยู่ กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า เคยไปทอดกฐินที่วัดร่มโพธิธรรม เพียงครั้งเดียว เพราะมีคนรู้จักชักชวนไป ตอนนั้นก็ไม่ รู้สึกผิดปกติอะไร ต่อมาหลวงพ่อสมชายเดินทางมาที่กรุงเทพฯ ก็ไปกราบนมัสการพร้อมฟังเทศน์ รู้สึกรับไม่ได้ คือหลวงพ่อสอนไม่ให้ยึดติดอะไรทั้งสิ้น พยายามพูดจาให้ศรัทธาในตัวหลวงพ่อ หากใครมาห้ามก็อย่าไปยึดติด แม้กระทั่งพ่อแม่หรือลูก ถ้ามาห้ามปรามไม่ให้ไปที่วัดก็ให้ตัดขาดกันไปได้เลย ทำให้ตนตกใจมาก หลังจากนั้นก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับวัดดังกล่าวอีก แต่ที่มีเรื่องให้กลุ้มใจตอนนี้คือสามีของตนเกิดความศรัทธาในตัวหลวงพ่อสม ชาย เป็นอย่างมาก มักจะเดินทางไปอยู่ที่วัดเป็นประจำ ห้ามปรามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ล่าสุดเดินทางไปอยู่ที่วัดตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ยังไม่ยอมกลับบ้าน ทำให้เป็นห่วงมาก อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดว่าที่วัดดังกล่าวมี การเผยแผ่คำสอนที่ผิดเพี้ยนหรือสร้างความเชื่องมงายให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหา อย่างไรบ้าง


    ป่าไม้บุกตรวจ วัดเทศน์พิลึก - ข่าวไทยรัฐออนไลน์ นสพ.ไทยรัฐ


    • โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
    • 25 มีนาคม 2554, 07:36 น.
    http://palungjit.org/threads/ตื่นโลกแตก-พระ-ฆราวาส-หนีขึ้นภูเขา.284627/
     
  13. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    เลิกเป็น มิจฉาทิฏฐิ เป็นอันดับแรก เลิกเถอะๆๆๆๆๆ
     
  14. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4,065
    สาธุกับท่านขันธ์ครับ.. คนที่จิตสงบได้ จิตตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิ เขาจะมีองค์ประกอบในความประพฤติทางจิต หลายอย่าง สะสม รวมเป็นสภาวะเดียวที่เรียกว่า "อารมณ์ธรรม"..
    ..ความละอายต่อบาปจะสูงมาก ตามสภาวะจิตที่ประพฤติอยู่ประจำ เขาจะไม่เกิดอาการคิดร้ายเลยตามสภาวะจิตของเขาผู้เป็นสัมมาทิฏฐิครับ..
    เมื่อมีเรื่องไม่ดี เรื่องร้ายให้คิด เขาจะมองไปถึงกรรมและเมตตาเป็นหลัก ช่วยได้เขาจะช่วยแบบ.."น้ำใสใจจริง"..ตามสติปัญญาของเขาครับ ตอบว่า จริงครับ โดยสภาวะจิตจะบังคับเขาไปในตัวเองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...