ืท้าวเวสสุวรรณ

ไม่รู้ว่าจะโพสถามห้องไหนดี ถ้าโพสถามผิดห้องก็ขออภัยด้วยนะครับ คือผมอยากจะถามว่าถ้าผมสามารถนำจี้ท่านท้าวเวสสุวรรณมาห้อยคอได้หรือไม่ครับ เพราะว่าแม่ผมทักมาว่าไม่เคยเห็นใครห้อยเลย แ้้ล้วสมมติถ้าผมจะบูชาท่านต้องจุดธูป9ดอกใช่ไหมละครับ แล้วที่นี้ผมกะว่าจะไหว้พระก่อน ทีนี้ผมควรจะจุดธูป3ดอกเพื่อไว้พระก่อน แล้วค่อยจุดธูป9ดอกเพื่อบูชาท่าน หรือว่าุจุดธูป9ดอกไปเลยครับ ผมรู้สึกสับสนเล็กน้อยอ่ะครับ

ขอบพระคุณครับ

 

ขออนุญาติตอบละกัน

-ห้อยได้ครับ เพราะว่าเป็นการยึดถือเทวดาเป็นที่พึ่ง เป็น 1ในอนุสติกรรมฐาน10 คือเทวตานุสติกรรมฐาน

-ส่วนการบูชาพระก็ใช้ธูป แค่3ดอกพอครับ นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วก็ท้าวเวสสุวรรณ แบบนี้ก็ได้ ไม่ผิด

 

ความหมายการจุดธูปแต่ละดอก

ธูป ๑ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องของการเน้น หรือเจาะจง
ในเรื่องที่เกี่ยวกับผีบ้านผีเรือน
วิญญาณภาคพื้น เช่น การจุดไหว้เจ้าที่ หรือผีบ้านผีเรือน

ธูป ๒ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ และการปักธูปบนอาหาร
ธูป ๓ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ธูป ๔ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา

ธูป ๕ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
คุณบิดา คุณมารดา และคุณครูบาอาจารย์

ธูป ๖ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกำลังธาตุไฟ (คนที่เกิดวันอาทิตย์)
ใช้สวดเสริมดวงชะตา

ธูป ๗ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ (ศาลเจ้าพ่อ เจ้าแม่)
ครูบาอาจารย์ที่เสียชีวิตแล้ว

ธูป ๘ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเสริมดวง

ธูป ๙ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสักการบูชาเทพ
เจ้าป่า เจ้าเขา หรืออรุกขะเทวดา
ศาลพระภูมิ ศาลเทพ

ธูป ๑๐ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเสริมดวงชะตา
ธูป ๑๑ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาเทวดาชั้นสูง
ธูป ๑๒ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระราหู
(คนที่เกิดวันพุธกลางคืน) ใช้ในการเสริมดวงชะตา

ธูป ๑๔ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาคุณพระสงฆ์
เช่น การจุดบูชาสักการะ รูปปั้นพระสงฆ์

ธูป ๑๕ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกำลังธาตุ (คนที่เกิดวันจันทร์)
ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา

ธูป ๑๖ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาเทพชั้นสูง
เช่น บูชาพระพรหม ฯลฯ

ธูป ๑๗ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๑๙ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจุดบูชาครู
และการสวดเสริมดวงชะตา

ธูป ๒๐ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๒๑ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาแม่พระธรณี
(ใช้ในพิธีกรรมเบิกพระแม่ธรณี) และการสวดเสริมดวง
ธูป ๓๘ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระธรรม
ธูป ๓๙ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระแม่โพสพ
ธูป ๕๖ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาคุณพระพุทธเจ้า
ธูป ๑๐๘ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการประกอบพิธีกรรม
สวดเสริมดวงชะตา

sleeping_rb

 

ตำนานความเป็นมาท้าวเวสสุวรรณ

พระธนบดี ท้าวกุเวร ท้าวเวสสุวรรณ หรือเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย
เป็นเทพเจ้าแห่งขุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในบรรดาลท้าวจตุโลกบาล
ผู้คุ้มครองดูแลโลกมนุษย์ สถิตย์อยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
เป็นเทพแห่งความร่ำรวยมั่งคั่ง ผู้รักษาสมบัติของเทวโลก

พระพักตร์เป็นยักษ์มีหน้าตาหน้ากลัว แต่เป็นยักษ์ฝ่ายธรรมะ
ดำรงตนอยู่ในศีลธรรม เพียรบำเพ็ญตบะหลายพันปี
จนได้รับพรจากพระพรหมให้เป็น " พระธนบดี "

คือเทพเจ้าแห่งขุนทรัพย์ทั้งปวง และเป็นราชาแห่งอสูรยักษ์
และภูตผีทั้งหลาย ซึ่งคนโบราณค้นพบและหยั่งรู้ในความหมาย
จึงได้สร้างรูปประติมาของท่านไว้ทั่วทวีปเอเซียมานานสองพันปี

ศาสนาพุทธมหายานครอบคลุมถึงธิเบต เนปาล และประเทศจีน
รวมทั้งประวัติศาสตร์ในอดีตนับพันกว่าปีของคาบสมุทรทะเลจีนใต้
คือ ชวา มลายู ไทย เขมร ที่ศาสนาพุทธมหายานเคยรุ่งเรือง
ถึงขีดสุด มีการสร้างพระธนบดีศิลปะศรีวิชัยที่เก่าแก่ อายุประมาณ
๑,๒๐๐ ปี ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กีเมต์ ประเทศฝรั่งเศษ

เศรษฐีหรือมหาเศรษฐีหลายคนในประเทศไทย และต่างประเทศ
มีการบูชาท่านมานานแล้ว แม้แต่สำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งหนึ่ง
ย่านราษฎร์าบูรณะก็มีรูปหล่อของมหาเศรษฐีชัมภลนี้บูชาอยู่

การบูชาเทพเจ้าแห่งโชคลาภปางนี้นั้น นอกจากจะให้คุณทางโชคลาภ
ทรัพย์สมบัติแล้ว ยังสามารถคุ้มครองป้องกันสิ่งอัปมงคลได้ทุกชนิด
สามารถปัดเป่าพลังอำนาจที่ไม่ดีต่างๆ ออกไปได้อย่างเด็ดขาด

:z17

 

คัมภีร์ทางพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า รอบเขาพระสุเมรุทั้ง ๔ ทิศ
เรียกว่า จตุโลกบาล มีเทวดาชั้นจตุมหาราชิกาปกครองอยู่ทั้ง ๔ ทิศ
ท้าวมหาราชทั้ง ๔ คือ
ท้าวธตรัฏฐะ ท้าววิรุฬหกะ ท้าววิรูปักษ์ ท้าวเวสสุวรรณ ( ท้าวกุเวร )

ประจำทิศต่างๆ กล่าวโดยเฉพาะท้าวเวสสุวรรณ เป็นเจ้าแห่งยักษ์
ผู้เป็นใหญ่ปกครองบริวารประจำทิศเหนือ ซึ่งท่านมีหลากหลายพระนาม
เช่น ท้าวกุเวรธนบดี (ผู้เป็นใหญ่ในทรัพย์ ) ท้าวธเนศวร ( เจ้าแห่งขุนทรัพย์ )
ท้าวราชราช ( จอมราชันแห่งราชา ) ท้าวพุทธรักษา ( เทพผู้พิทักษ์พุทธศาสนา )
ท้าวรัตนครรภ์ ( ผู้มีเพชรเต็มพุง )

 

ท้าวกุเวร ( ท้าวเวสสุวรรณ )

เป็นพี่ชายของทศกัณฑ์ ในคัมภีร์รามายณะ
เป็นบุตรพระวิศวะวัสมุนีกับนางอิฑา และเพราะว่ามีร่างกายไม่งดงาม
จึงมีนามว่า " กุเวร " หรือ กุเบร ( กุเปรัน ) ซึ่งแปลว่า ขี้ริ้วขี้เหร่
เป็นเทพเจ้าขุนยักษ์ผู้ใจดีมีเมตตาและทรงความยุติธรรม

พระบิดาได้รับสั่งให้ท้าวเวสสุวรรณไปอยู่นครลงกา ได้ปกครองนครลงกาสืบมา
ต่อมาท้าวสุมาลี ยักษ์ตนหนึ่งซึ่งหนีพระนารายณ์ไปอยู่ใต้เมืองบาดาล
คิดอุบายจะเอานครลงกาคืน จึงวางแผนนำธิดาชื่อ นิกษา ไปถวายให้เป็น
ภรรยาพระวิศวะวัสมุนี จนกระทั่งมีบุตร ๔ ตน คือ ทศกัณฑ์ ( ท้าวราพณาสูร )
กุมภกรรณ , พิเภก ( หรือวิภิษณ์ ) และนางศูรปนขา ด้วยเหตุนี้ ท้าวเวสสุวรรณ
จึงมีศักดิ์เป็นพี่ชายของทศกัณฑ์

ท้าวเวสสุวรรณเป็นยักษ์ฝ่ายธรรมะและรักสันติ เมื่อทศกัณฑ์ ( น้องชาย )
อยากได้จึงทิ้งนครลงกาไปหาที่อยู่ใหม่ ท่านท้าวมหาพรหมเห็นความดี
ของท้าวเวสสุวรรณ จึงให้พรเป็นอมตะว่า " ไม่มีวันตาย " และเป็นโลกบาล
ประจำทิศอุดร ( ทิศเหนือ ) เป็นเจ้าแห่งทรัพย์ เป็นจตุโลกบาล คือ
มีหน้าที่รักษาโลกมนุษย์ใน ๔ ทิศ ได้แก่

๑. ทิศตะวันออก รักษาโดย ท้าวธตรฐ ( จอมคนธรรพ์ )
๒. ทิศใต้ รักษาโดย ท้าววิรุฬหก ( จอมกุมภัณฑ์ ) หรือพระพิรุณเป็นเจ้าแห่งน้ำ
๓. ทิศตะวันตก รักษาโดย ท้าววิรูปักษ์ ( จอมนาค ) มีบริวารเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งนาค
๔. ทิศเหนือ รักษาโดย ท้าวเวสสุวรรณ ( จอมยักษ์ ) เจ้าแห่งยักษ์

:z16ดูรายละเอียดได้ตามไฟล์แนบ

 

รูปลักษณ์ทางศิลปกรรมของพระธนบดี

เท่าที่ปรากฏและตามที่ได้ค้นคว้าจากตำราทั้งภาษาไทย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส
ปรากฏตนกันว่า ถือพังพอนอยู่ในมือด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่ง ถือลูกแก้ว หรือฉัตร
หน้าตาบางปางจะดุดันเคร่งขรึม เพราะท่าน คือ เจ้าแห่งยักษ์

เมืองจีนในยุดหลังๆ นิยมเรียกท่านว่า " ไฉ่ซิ้งเอี้ย " ตามสำเนียงและภาษาที่
เป็นไปในแต่ละพื้นที่ พร้อมกับมีนิทานเรื่องขุนนางจีนมาประกอบ แต่ยังปรากฏ
รากศัพท์ของเสียง ฉิ หรือ ซิ ที่ภาษาจีนทางใต้ออกเสียง ใช้ หมายถึง ความร่ำรวย
ใกล้เคียงของเดิม คือ " ชัมภล " หรือ " ชัมภาลา "

:z12

 

พระธนบดี หรือท้าวกุเวร

สามารถจัดแบ่งปางต่างๆ ได้ดังนี้

๑. ปางมหาเศรษฐีชัมภล
ถือเป็นปางที่ใหญ่ที่สุดและมีความเก่าแก่ที่สุด มีมานานกว่า ๒,๐๐๐ ปี
กำเนิดจากพระพุทธศาสนามหายาน

๒.ปางบู๊
ทรงอาภรณ์นักรบโบราณประทับเสือหรือสิงห์ คติมาจากความที่เป็นยักษ์นั่นเอง
จึงแปลงให้เป็นบางบู๊ มีทั้งทางพุทธมหายานและลัทธิเต๋า

๓.ปางบุ๋น
เป็นรูปขุนนางจีน ดังที่เห็นกันทั่วไป ซึ่งปางนี้กำเนิดภายหลังไม่กี่ร้อยปี
คล้ายคลึงกับเทพเจ้าองค์อื่นๆ ของจีน เช่น ตี่จูเอี้ย แป๊ะกง ฯลฯ
อาจจะมีคฑาและถือก้อนเิงินจีนโบราณ มีที่มาจากลัทธิเต๋า
จะเห็นได้ว่าเทพเจ้าแห่งขุนทรัพย์ของลัทธิเต๋านั้น ได้กำเนิดภายหลัง
ซึ่งจะมีกึ่งนิทานตามตำนานมหาเทพของจีน

fairy3

 

รูปลักษณะของพระธนบดี ปางเศรษฐีชัมภล

มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากเทพเจ้าองค์อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัีด
คือ มีลักษณะอวบอ้วน พุงพลุ้ย ใบหน้าใหญ่ ล่ำสัน เคร่งขรึม
แต่แฝงด้วยความเมตตากรุณา ท่านบนท่านเปลือยเปล่า
ประดับด้วยสร้อยสังวาล เพชรนิล จินดา กำไล ทั้งองค์เต็มไป
ด้วยอัญมณีล้ำค่า แสดงถึงความมั่งมีเงินทองทรัพย์สมบัติอย่าง
เหลือคณานับ บางทีจะประทับนั่งบนแท่นดอกบัว และห้อยพระบาท
ข้างหนึ่งเหยียบหอยสังข์ มือด้านหนึ่งถือแก้วมณี อีกด้านหนึ่งถือ
พังพอนไว้และท่านจะบีบคอพังพอนให้อ้าปากคายแก้วแหวนเงินทองออกมา

ซึ่งเป็นเคล็ดโบราณที่กล่าวว่า ทรัพย์สมบัติทั้งมวลบนพื้นพิภพล้วนแล้ว
แต่อยู่ในผืนดิน ความอุดมสมบูรณ์ต่างๆ ก็มาจากดินหรือน้ำใต้ดินทั้งนั้น
แก้ว แหวน เงิน ทอง ของมีค่าล้วนแล้วเกิดจากพื้นปฐพีทั้งหมดทั้งสิ้น
ผู้ที่หน้าที่เฝ้าทรัพย์เหล่านั้นก็คือ งู ( เจ้าแห่งเมืองบาดาล ) ดังนั้นสัตว์
ที่แก้เคล็ดกับงูได้ ก็คือ พังพอน นั่นเอง

 

อิทธิคุณของพระธนบดี

ตามพุทธสูตรมหายานกล่าวไว้ว่า " ขอเพียงแต่มีภาพวาดหรือรูปปั้นแกะสลัก
ของพระธนบดีปางมหาเศรษฐีชัมภลไว้บูชา จะคิดสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้นสมดั่งปรารถนา "
คือ เทพธนบดีของพระพุทธศาสนานิกายตันตระ หรือนิกายลามะไนทิเบต มีนามว่า
" รัตนโกศมหาพญายักษ์ " มีหน้าที่ปกครองทรัพย์ในแผ่นดิน

พระธนบดีปางมหาเศรษฐีชัมภล เป็นปางใหญ่ที่สุดในจำนวน ๓ ปางของเทพเจ้า
แห่งขุมทรัพย์ เพราะปางมหาเศรษฐีชัมภลนี้ เป็นปางมหาราชหรือกษัตริย์
มีเครื่องทรงกษัตริย์ตามแบบโบราณ ส่วนปางบู๊และปางบุ๋น เป็นปางที่ประยุกต์
มาจากลัทธิเต๋าโดยสถานภาพแล้ว ปางมหาเศรษฐีชัมภลหรือมหาราชชัมภล
จึงสูงศักดิ์กว่า มีความพิเศษกว่าที่วัตถุที่อยู่ในพระหัตถ์ขวา ซึ่งปางอื่นไม่มี
คือ " สัตตรัตนมณี " หรือ " แก้วเจ็ดประการ " ซึ่งมีความหมายดังนี้

การประทานสมบัติเจ็ดประการของมหาจักรพรรดิ์เพื่อความรุ่งเรืองแห่งแผ่นดิน

๑.จักรรัตนะ ( จักรแก้ว ) หมายถึง การมีอำนาจ หรือเดชานุภาพแผ่ขยายไปทุกทิศ
๒.หัตติรัตนะ ( ช้างแก้ว ) หมายถึง การแสดงออกซึ่งความมีบารมีที่ยิ่งใหญ่ ความมั่นคง
๓. อัสสรัตนะ ( ม้าแก้ว ) หมายถึง การมีบริวารข้าทาสรับใช้ที่ดี
๔. มณีรัตนะ ( มณีแก้ว ) หมายถึง ความสว่าง ความมีสติปัญญาความรู้
๕. อิตถีรัตนะ ( นางแก้ว ) หมายถึง ได้คู่ครองที่ดี มีความงดงาม
๖. คหปติรัตนะ ( ขุนแก้ว ) หมายถึง ความมีทรัพย์สินเงินทองบริบูรณ์
๗. ปริณายกรัตนะ (ขุนพลแก้ว ) หมายถึง ที่ปรึกษาคู่ใจ ผู้ให้ความรู้
ผู้ปกป้องคุ้มครอง รวมถึงบุตรที่ดี

ดังนั้นอานุภาพแห่งมหาเศรษฐีชัมภลนี้ สามารถอธิฐานขอพรได้ ๗ ประการ
ด้วยตามคุณสมบัติจักรพรรดิ์ ๗ ประการ ซึ่งประทานพรให้โดยพระธนบดี

 

ขอบพระคุณครับสำหรับคำตอบของทุกๆท่า่นครับ

 

คาถาเคล็ดลับการบูชาพระธนบดี

พระธนบดีท่านจะเสด็จมาด้วยตัวท่านเอง
โดยลงมาโลกมนุษย์ทุกวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ
ส่วนวันอื่นๆ ท่านจะให้อำมาตย์หรือบริวาร
ของท่านลงมาแทน ด้วยมีความเชื่อว่า
ท้าวเวสสุวรรณจะเมตตากับผู้ปฏิบัติธรรม
และนำเรื่องราวคุณงามความดีต่างๆ
ไปรายงานยังสวรรค์เบื้องบน
จึงมีวิธิปฏิบัติบูชาดังนี้

๑.ทุกวันพระให้ตั้งเครื่องบูชา ประกอบด้วย ดอกไม้ ธูปเทียน
ผลไม้ ๕ อย่าง น้ำเปล่า ๕ แก้ว ให้ตรงหน้ารูปเคารพของท่าน
แล้วขอพรตามปรารถนา

๒.ทุกครั้งที่สวดมนต์ภาวนาหรือทำบุญบริจาคทาน
ให้น้อมจิตอุทิศบูชาถึงท่านเสมอ

๓.สวดคาถาบูชาพระธนบดีแบบต่างๆ

 

การประดิษฐานพระธนบดี

ให้ประดิษฐานไว้ในที่เก็บเงิน ลิ้นชัก ตู้เซฟ หรือกระเป๋าสตางค์
หน้าตู้สินค้า หน้ารถยนต์ ที่ใช้ประกอบอาชีพ ( สามารถป้องกัน
วิญญาณร้ายสัมภเวสีไม่ให้เข้ามา ) เดินทางไกลปลอดภัย
ติดต่อธุรกิจการงาน ค้าขาย เปิดร้านใหม่ อธิษฐานขอพร
ขอโชคลาภ ให้ค้าขายดี ให้โชคลาภไหลมาเทมา เสนียดจัญไร
สิ่งอัปมงคลไม่เข้าใกล้ มีพระธนบดีประทานโชคลาภและความมั่งคั่ง
ให้กับสรรพสัตว์ทุกผู้ทุกนาม ตามแต่อำนาจบุญกรรมและวาสนา
ชะตาชีวิตของแต่ละคนหมั่นทำบุญให้ทาน ทำจิตใจให้ผ่องใส
รู้จักให้ หรือเสียสละ

 

คาถาบูชา

เคล็ดคาถาบูชานี้ สำหรับท่านที่เกิดปีต่างๆ ทั้ง ๑๒ นักษัตร
อันเป็นหัวใจคาถาจารึกเป็นภาษาสันสกฤตมาแต่ครั้งโบราณ
โดยให้ตั้งจิตให้สงบระลึกถึงความดีที่ได้ทำมา แล้วท่องหัวใจ
มหาเศรษฐีชัมภล อธิษฐานขอแก้ว ๗ ประการจากท่าน

ผู้ที่เกิดปีฉลู มะโรง มะแม จอ
" โอม ชัมภาลา จาเลน ไนเยน สวาหะ "

ผู้ที่เกิดปีขาล เถาะ
" โอม อา ฮูโฮฮัม กษะสะ โอม ชัมภาลา จาเลน ไนเยน สวาหะ "

ผู้ที่เกิดปี มะเส็ง มะเีมีย
" โอม ชัมภาลา จาเลน ไนเยน ธะนัม เมธิ หะรี ทากินี
ชัมภาลา สะมะภาราสวาหะ "


ผู้ที่เกิดปี วอก ระกา
" โอม ปัทมะ โกรธะ อรยะ ชัมภาลา หฤทัย หู ผะฎะ "

ผู้ที่เกิดปี กุน ชวด
" โอม ชัมภะละ ชะเลนทะรา เย สวาหา โอม อินทะระ
ฌิมขัม ภะมะริ สวาหา "

 

คาถาบูชาอื่นๆ

" โอม ชัมภาลา จาเลน ไนเยน สวาหะ ชัมภาลา "

" โอม ชัมภาลา จาเลน ไนเยน สวาหะ พระธนบดีศรีมหาธรรมราชา ประสิทธิเ้ม "

" โอม จัมบาลา จาเลน ตราเยโซฮา "

" โอม นิธิ ปะตะเย กุเวรายะ นะมะฮา "

 

คาถาท้าวเวสสุวรรณ

อิติปิ โส ภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ

มะระณัง สุขัง อะหัง สุคะโต นะโม พุทธายะ

ท้าวเวสสุวรรณโณ จาตุมะหาราชิกา ยักขะพันตาภัทภูริโต
เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโม พุทธายะ

​

 

วิธีการสักการะบูชา

๑.ควรบูชาด้วยน้ำเปล่า ๑ แก้ว
ตามความเหมาะสมทุกวันพระ

๒.ถวายผลไม้ ๕ ชนิด
กล้วยหอม ๑ หวี ส้มผิวทอง ๕ ลูก
องุ่น ๑ พวง ชมพู่ ๕ ผล แอปเปิ้ลหรือทับทิม ๕ ลูก

๓.พวงมาลัย หรือดอกไม้มงคลอื่นๆ

๔.จุดธูปบูชา ๙ ดอก

๕.ให้สวดคาถาบูชาขอพรทุกวัน

หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่าน
:z9

 

ความรู้ดี ๆ ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ต่อนะครับ

 

ได้ค่ะหวังว่า
คงเป็นประโยชน์
สำหรับทุกท่านค่ะ

:z11

 

ขอให้ท่านเจริญด้วยสติและสมาธิ
เป็นผู้เจริญด้วยทางโลกทางธรรมสาธุ
:z9