หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

กราบ กราบ กราบ
กราบ กราบ

แดนดินถิ่นเมืองพุกามกะเมืองภารตะหนิแหละครับ...
สุดยอดของชาวไทยเราควรไปสักการะ สาธุ สาธุ

 

ขอบคุณท่านนนต์มากๆครับที่อัญเชิญพระสวยๆมาให้ชม...

ขออนุญาตถามว่า...ตอนนี้อัญเชิญพระพิมพ์องค์ไหนขึ้นคออยู่ครับผม

สำหรับผม..องค์อยู่ใน LOGO นิแหละครับ หุหุ

อ่อ...พระกริ่งปวเรศท่านแบ่งสัดส่วนทองเหมือนกะพระสมเด็จหรือเปล่าครับ?

 

ชอบองค์นี้ครับท่าน..

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=tRfYbDfwAKk&feature=related]YouTube - 梵唱大悲咒 มหากรุณาธารณีสูตร ธิเบต[/ame]
ฟังเพลิน...ติดหูเลยครับ

 

พระกริ่งอุบาเก็ง..บุทอง...

ได้มาจากกรุเดียวกันกับ 2434 โปรดช่วยกันวิเคราะห์ด้วยครับ

ผมว่าน่าจะ 2434 อีกพิมพ์ (วัดจากพลังที่ท่านให้มาเท่ากัน)
หรืออาจจะเก่าเดิมๆแต่อัญเชิญร่วมพุทธาภิเษกหลวงกะชุด 2434
ส่องๆดูใต้แผ่นทอง เนื้อท่านเก่ามากๆๆ
เสียงกริ่งหนักหน่วง..ใสแจ๋ว...

ไม่เคยอัญเชิญขึ้นคอครับ

พระกริ่งอุบาเก็ง (กริ่งนอก)

พระกริ่งเป็นพระเครื่องที่คนในวงการพระเครื่องเชื่อมากันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะ "เซียนพระกริ่ง" ยังเชื่อกันอย่างแน่วแน่ว่าสามารถช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ทุกโรค โดยเฉพาะโรคที่การแพทย์แผนปัจจุบันหาสาเหตุไม่พบ และรักษาด้วยยาไม่ได้ ยามใดที่เกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจงอธิษฐานขออำนาจพุทธคุณในพระกริ่ง แล้วนำพระแช่น้ำ จากนั้นก็เอามาดื่ม บ้างก็นำมาอาบ เพื่อความเป็นสิริมงคล โรคภัย ไข้เจ็บป่วยอยู่นั้น ก็จะหายโดยอัศจรรย์

ประวัติการสร้าง"พระกริ่ง" มีมาแต่โบราณ เริ่มขึ้นที่ประเทศทิเบต และจีน จึงเรียกติดปากว่า พระกริ่งทิเบตและพระกริ่งหนองแส พระกริ่งเป็นพระพุทธเจ้าปางมาช่วยโปรดสัตว์โลกหรือเรียกกันว่า "พระไภสัชคุรุ" เป็น พระพุทธเจ้าปางหนึ่งของลัทธิมหายานซึ่งหมายความว่า ทรงเป็นครูในด้านเภสัช คือ การรักษาพยาบาล ต่อมาได้แพร่หลายมาก นิยมสร้างในเขมรเรียกว่า พระกริ่งอุบาเก็ง หรือพระกริ่งพนมบาเก็ง และพระกริ่งพระปทุมสุริยวงศ์

สำหรับพระที่มีชื่อเสียงทรงคุณวิเศษหลายประการมีผู้นิยมนับถือกันมาก ยิ่งในปัจจุบันนี้ยิ่งหายาก ต้องยกให้พระกริ่งวัดสุทัศนฯ เพราะ สมเด็จพระสังฆราช(แพ) ทรงสร้างไว้จำนวนไม่มาก สาเหตุที่ทรงสร้างพระกริ่งนั้น เนื่องจากเมื่อครั้งที่ สมเด็จพระวันรัต(แดง) พระอุปัชฌาย์อาพาธเป็นอหิวาตกโรค สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ซึ่ง เป็นพระอุปัชฌาย์ของพระองค์ทรงเคยรักษาผู้ป่วยเป็นอหิวาตกโรคให้หายได้ ด้วยการอาราธนาพระกริ่งลงในน้ำ ทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์ แล้วโปรดให้น้ำนั้น แก่ผู้ป่วยดื่ม ปรากฏว่า หายอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้วก็อาราธนาพระกริ่งลงในน้ำ ทำน้ำพระพุทธมนต์ประทานแก่ สมเด็จพระวันรัต(แดง) เมื่อท่านฉันน้ำพระพุทธมนต์นั้นแล้วก็บรรเทาหายอาพาธเป็นปกติ สมเด็จพระสังฆราช(แพ) ได้ ทอดพระเนตรเห็นคุณวิเศษน่าอัศจรรย์ของพระกริ่งในขณะนั้นแล้วจึงเกิดความสนพระทัย และทรงเริ่มศึกษาค้นคว้าตำราที่จะสร้างพระกริ่งเรื่อยมาจนมีความ รู้ความเชี่ยวชาญในการสร้าง จนเจนจบ เมื่อจะมีการสร้างพระกริ่งขึ้นครั้ง ใด พระองค์จะถูกขอร้องให้เป็นผู้ชี้แจงการสร้าง และการหล่อ ในฐานะประธาน การหล่อพระกริ่งเสมอมา


ข้อมูลจากคอลัมน์พระเครื่อง ของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

 

ขอแถมอีกองค์ละกันครับ

พิมพ์พระประธานของแท้และดั้งเดิม...
พระพักตร์ต้องมี 'หู ตา จมูก ปาก' ครบ (ขออภัยที่ไม่ได้ใช้ราชาศัพท์)
หาได้จากพระพิมพ์แห่งกรุวังหน้าเท่านั้นแล...

 

มาชวนไปไหว้พระกริ่งปวเรศ วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง อ.ภูเรือ จ.เลย (วัดป่าจันตม)

วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง เป็นพระอารามที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้ทรงพระราชทานเงินซื้อที่ดินสร้างวัดนี้
เมื่อครั้งเสด็จ นำแพทย์อาสาออกช่วยเหลือราษฏรที่เจ็บป่วย สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นองค์ประธานสร้างองค์พระพุทธรูป ทรงถวายนามว่า พระพุทธเจ้าไภสัชยาคุรุไวฑูรยประภา จอมแพทย์ (พระกริ่งปวเรศ) และทรงถวายพระบรมสารีริธาตุเพื่อบรรจุไว้ที่องค์พระปฏิมากรนี้







สักวันหนึ่ง...หากบารมีมากพอ..จักอัญเชิญพระกริ่งปวเรศรุ่นแรก 2411 เป็นแม่แบบ...สร้างถวายเป็นพุทธบูชาครับ

 

วันนี้เกิดสึนามิที่ญี่ปุ่นครับ ท่านพี่ๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกใบนี้ ชีวิตนี้อนิจัง

 

อันดับแรกคือพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ เนื้อผงใบลานสีดำไว้ตรงกลาง และแนบข้างด้วยพระกริ่งปวเรศรุ่นหนึ่ง ปี 2416 และ 2434 เนื้อเงิน สามองค์ที่แสดงพลังพุทธคุณแข่งกันให้ผมเห็นเป็นประจักษ์นั้นแหละครับ นอกจากนั้นผมยังเหน็บพระกริ่งปวเรศปี 2411 2416 และ 2426 อีกสามองค์ครับ สามองค์หลังนี้ผมนำติดตัวเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงสีผิววรรณะว่าจะเป็นอย่างไร เพราะพระที่ได้มาไม่ผ่านการใช้ จากการสังเกตจะเห็นได้ว่า สีผิววรรณะมีการเปลี่ยนแปลง มีความเก่า หนึกนุ่ม มีคราบสนิมมากขึ้นครับ

ส่วนรูปหล่อหลวงตามหาบัวอุ้มบาตรนั้นผมรักมากที่สุดอีกองค์หนึ่งเพราะได้มาโดยท่านมาโปรดตามจิตอธิษฐาน (เหมือนปาฏิหาริย์เปลวเพลิงเป็นรูปหลวงตาอุ้มบาตรในวันพระราชทานเพลิงหลวงตา) วันไหนภรรยาผมเธอไม่แอบบนำติดตัวไป ผมจึงจะได้อาราธนาติดตัว (ผมเป็นผู้เสียสละเสมอ)

 

ในสายปฏิบัติธรรม มักรู้กันล่วงหน้าและได้พูดคุยกันมานานแล้ว เราถึงต้องมาเร่งปฏิบัติกันในช่วงเวลานี้ ยังจะมีวิกฤตความรุนแรงในหลายๆรูปแบบจะตามมาอีกเป็นระลอก สิ่งใดไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น สิ่งใดไม่เคยพบก็จะได้พบในชาตินี้แหละครับ เบื้องบนจึงเร่งผู้ที่มีพุทธสัญา ธรรมสัญญา สังฆสัญญา บารมี เพื่อจะได้มาช่วยกันในบางสิ่งบางอย่างในอนาคตอันใกล้นี้ เร่งเอานะครับ ทำไมพระดีๆที่เคยหลบซ่อนปิดบังอยู่ จึงเริ่มทยอยกลับมาสู่เจ้าของเดิม และทยอยไปสู่ผู้มีบุญให้เราพบเห็นกันมากขึ้น เพราะอะไร คำตอบมีอยู่แล้วครับ พระบางองค์ป้องกันนิวเคลียร์ได้นะครับ และช่วยคุ้มครองคนรอบข้างได้ด้วย แต่ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับบุญบารมีและการปฏิบัติของผู้นั้นๆด้วย

 

ในเมื่อรู้ล่วงหน้าแล้วใยไม่มาช่วยเป่าประกาศให้โลกรู้ แล้วช่วยกันเร่งปฎิบัติให้จากหนักกลายเป็นเบาหละครับ ไม่อยากให้ถึงวันนั้นเลยครัับกลัวจริงๆ กลัวความพลัดพราก กลัว กลัว ทุกสิ่ง กลัวจริงๆ

 

หลังจากที่ได้รับรู้ถึงอภิญญาของท่านนนต์...ผมปรารภกะท่านแหน่งว่า...ระดับท่านนนต์...หากปรารถนาอะไรก็คงได้ หรือ...แม้ท่านไม่ได้อาราธนาพระพิมพ์องค์ใดก็คงได้มั๊ง..หุหุ - อันนี้แอบคิดครับ

ซึ่งที่จริงพระอริยะ(ครูบาอาจารย์ฝ่ายฆราวาส) ระดับพระอนาคามีท่านยังห้อยพระพิมพ์วังหน้าหรือพกเบี้ยแก้เลยครับท่าน สาธุ สาธุ...

สำหรับผม แต่ก่อนอัญเชิญมากมายวุ่นวายดี ทุกวันนี้อัญเชิญทีละองค์ เมื่อรับรู้กระแสของแต่ละองค์ดีแล้วก็อัญเชิญเก็บ...แขวนเดี่ยวทั่วไทย ทว่าหากปรารถนาความรื่นไหลไร้อุปสรรคก็อาราธนาพระพิมพ์ระบบบนๆครับผม

 

เรื่องเหล่านี้ผมเคย post ไว้ราวๆหน้า 20 แต่โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านข้อมูลนิดนึงนะครับ เพราะมีทั้งอาจจะจริงและอาจจะไม่จริง (ท่านผู้รู้เคยติงมา) แต่ผมไม่ได้กลับไปแก้ไข

เมื่อเช้าดูภาพข่าวสด ก็รู้สึกสลดใจอยู่ครับ
ไม่วายคิดย้อนกลับมาดูตัวเอง ดูถิ่นฐานของตัวเอง
เออยังอยู่ดี ก็ควรใช้ประโยชน์จากการที่ยังอยู่ดีนี้ เกื้อหนุนกันและกันให้เกิดสานติสุขต่อไปในทุกๆวาระโอกาสที่สามารถ

ก็ขอภาวนาให้ประเทศญี่ปุ่นที่กำลังประสบภัยอยู่นี้ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี อย่าไปพลากชีวิตผู้คนเขาไปมากนัก ขอให้ผู้รอดพ้นภัยทั้งหลาย ดำรงชีวิตอย่างผู้ไม่ประมาท ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ

 

พระพิมพ์ที่กันรังสีนิวเคลียร์ได้...เท่าที่ผมรู้ตอนนี้มี

พระกริ่งปวเรศ รุ่นแรก พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข,พระแก้วมณีโชติ
TOP1,TOP2,TOP3(ยังไม่ได้ตรวจ แต่น่าจะกันได้),TOP4,TOP6(ฝ่ายมหายาน),

พระพิมพ์ที่กันรังสีฯได้นอกเหนือจากที่กล่าวมานี้...ไม่เคยครอบครอง

 

พระไภษัชยคุรุตถาคตพุทธเจ้า​

พระไภษัชยคุรุตถาคตพุทธเจ้า भैषज्यगुरु เป็นพระพุทธเจ้าที่สำคัญพระองค์หนึ่งในพระพุทธศาสนาอุตตรนิกาย ทรงมีพระนามอีกหลายพระนามอาทิเช่น พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาส, พระมหาไวทยราชย์, พระทวาทศปณิธานราชย์ ทรงประทับ ณ. ไวฑูรยประภาพุทธเกษตร ในมณฑลหนบูรพทิศ พร้อมด้วยพระอัครสาวก อันได้แก่พระสุริยประภามหาโพธิสัตว์, พระจันทรประภามหาโพธิสัตว์ และเทวบุรุษทั้ง ๑๒...

 

​

 

กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
<!-- /tagline --><!-- subtitle -->
<!-- /subtitle --><!-- jumpto -->ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
<!-- /jumpto --><!-- bodytext -->กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือ พระมหาอุปราช แต่เรียกกันเป็นสามัญว่าวังหน้า เป็นตำแหน่งที่พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาขึ้น ซึ่งมีความสำคัญรองลงมาจากพระมหากษัตริย์ และมีฐานะเป็นองค์รัชทายาทผู้มีสิทธิ์ที่จะขึ้นครองราชสมบัติพระองค์ต่อไป
ตำแหน่งพระมหาอุปราชหรือพระมหาอุปราชกรมพระราชวังนั้น ปรากฏครั้งแรกในรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ต่อมา สมเด็จพระเพทราชาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "กรมพระราชวังบวรสถานมงคล" ภายหลังจากการเสด็จทิวงคตของกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศให้ดำรงที่สยามมกุฎราชกุมาร ดังนั้น ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลจึงสิ้นสุดลงนับตั้งแต่นั้นมา....
....
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ไม่มีความแตกต่างจากสมัยอยุธยาเท่าไรนัก กรมพระราชวังบวรสถานมงคลจะประทับอยู่ที่พระราชวังบวรสถานมงคลมาโดยตลอด
หลังจากการเสด็จทิวงคตของกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงแต่งตั้งผู้ใดขึ้นดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลอีก จนกระทั่ง พ.ศ. 2429 พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นพระองค์แรกที่ทรงดำรงตำแหน่งสยามมกุฎราชกุมาร ทำให้ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลถูกยกเลิกตั้งแต่นั้นมา
[แก้] พระบัณฑูร

พระบัณฑูร คือ คำสั่งของพระมหาอุปราช มาจากภาษาเขมร แปลว่า "สั่ง" สำหรับคำสั่งของพระมหากษัตริย์นั้นใช้คำว่า "พระราชโองการ" ในการสถาปนาพระมหาอุปราชตั้งแต่อดีตนั้น มักเรียกว่า "วังหน้ารับพระบัณฑูร"





ส่วน"วังหน้ารับ (บวร) ราชโองการ" นั้น เป็นพระมหาอุปราชที่พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ 2 เสมอกับพระองค์ มีเพียง 2 พระองค์ ได้แก่

• สมเด็จพระเอกาทศรถ พระอนุชาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
• พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระอนุชาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว<SUP id=cite_ref-0 class=reference>[1]</SUP><SUP id=cite_ref-1 class=reference>[2]</SUP>

<TABLE class=wikitable><TBODY><TR><TD bgColor=#f0e68c colSpan=6><CENTER><BIG>สมัยรัตนโกสินทร์</BIG></CENTER></TD></TR><TR><TD bgColor=#b0c4de colSpan=6><CENTER>ราชวงศ์จักรี</CENTER></TD></TR><TR><TH>กรมพระราชวังบวรสถานมงคล</TH><TH>พระมหากษัตริย์</TH><TH>ความสัมพันธ์</TH><TH>ระยะเวลา</TH><TH>ครองราชสมบัติ หรือ สวรรคต</TH></TR><TR><TD>สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท</TD><TD>พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก</TD><TD>พระอนุชา</TD><TD>พ.ศ. 2325 - พ.ศ. 2346</TD><TD>สวรรคต</TD></TR><TR><TD>สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร</TD><TD>พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก</TD><TD>พระราชโอรส</TD><TD>พ.ศ. 2349 - พ.ศ. 2352</TD><TD>เป็น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย</TD></TR><TR><TD>สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์</TD><TD>พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย</TD><TD>พระอนุชา</TD><TD>พ.ศ. 2352 - พ.ศ. 2360</TD><TD>สวรรคต</TD></TR><TR><TD>สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ</TD><TD>พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว</TD><TD>พระเชษฐา</TD><TD>พ.ศ. 2367 - พ.ศ. 2375</TD><TD>สวรรคต</TD></TR><TR><TD>พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว</TD><TD>พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว</TD><TD>พระอนุชา</TD><TD>พ.ศ. 2394 - พ.ศ. 2408</TD><TD>สวรรคต</TD></TR><TR><TD>กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ</TD><TD>พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว</TD><TD>พระญาติ</TD><TD>พ.ศ. 2411 - พ.ศ. 2428</TD><TD>........</TD></TR></TBODY></TABLE>

หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ

ปัจจุบันเป็นหนึ่งในครูฝึกแห่งคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
ในวาระ ร.5 ขึ้นครองราช (2411) พระองค์ทรงขึ้นเป็นวังหน้า
ทรงมีพระบัณฑูรให้ช่างสิบหมู่แห่งวังหน้ากับท่านเจ้าคุณกรมท่า
สร้างพระพิมพ์แห่งวังหน้า(รวมทั้งพระพุทธรูป,พระอรหันต์,พระโพธิสัตว์,เทพฯ...)ขึ้นเพื่อการนี้...

มีพระอริยะเจ้าในยุคนั้น(ร.4-ร.5)เมตตาอธิษฐานจิตให้ (เป็นพระราชพิธีหลวง)
1. บางพิมพ์เป็นพลังขององค์อภิญญาใหญ่ในยุคนั้น
2. บางพิมพ์เป็นพลังของหลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จฯโต
หรือ 1+2
3. บางพิมพ์...ทรงอาราธนาคณะหลวงปู่บรมครูฯ(เป็นพระอาจารย์ของพระองค์ท่าน) เมตตาอธิษฐานจิต
หรือ 1+2+3
4. บางพิมพ์...หลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จฯโต...ทรงขอพระบรมพุทธานุญาตทรงพระเมตตาอธิษฐานจิตให้
(ทั้งนี้ตามแต่พระประสงค์ของแต่ละพระองค์ใดๆท่านจักมีพระเมตตา พลังของแต่พระองค์เรียกกันว่า
,สมเด็จองค์ปฐม เรียก Special of The TOP
พระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 1,2,3,4 ในกัปป์นี้ เรียก TOP of The TOP1,2,3,4
- ตั้งชื่อให้เรียกเข้าใจกันง่ายๆโดยชมรมพระวังหน้า)
5. พระที่เป็นพิมพ์-เนื้อ-อายุเดียวกัน...ไม่จำเป็นที่พลังจะมีเหมือนกัน
6. อื่นๆมากมาย ยากที่จะเขียนลงในนี้ได้ทั้งมวล หาข้อยุติไม่เคยเจอ เจอแต่คำว่า พอหรือยัง?

ทั้งหลายที่กล่าวมาโดยย่อนี้...เป็นปฐมเหตุแห่งพระพิมพ์วังหน้าอันลือลั่นในกาลปัจจุบัน-พ.ศ.5000

เปิดเผยความลับแห่งสวรรค์วาระแรกๆโดยท่านปู่ประถม อาจสาคร
กับท่านผู้ทรงอภิญญาญานท่านหนึ่ง
อยากร่วมทำบุญกับท่านทั้งสอง
ให้ไปร่วมทำบุญกับทุนนิธิสงเคราะห์สงอาพาธฯ
ทุกๆวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน ณ. รพ.สงฆ์..กรุงเทพฯ

 

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ เนื้อเขียวก้านมะลิ องค์นี้หายากมาก มีผู้ต้องการมาก ปลุกเสกและอธิษฐานจิตโดยสมเด็จพุฒาจารย์โต ในช่วงบั้นปลายของท่านครับ