ส่งเงินให้ทางบ้าน แต่ภรรยาไม่พอใจ

เงินทองเป็นของนอกกายแต่ยังไงก็หนีมันไม่พ้น..

ผมอยู่อเมริกา ทำงานเป็นดีไซน์เนอร์มา ๗ ปีแล้ว ตอนจบใหม่ๆรายได้ไม่มาก เงินเดือนไม่พอจ่ายค่าเช่าห้อง แต่พอทำมาเรื่อยก็เริ่มมีเงินเก็บ ผมอยู่กับแฟนตั้งแต่เรียนจบ จนแต่งงานเมื่อปีที่แล้ว ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี พอดีคุณแม่มาซื้อบ้าน ต้องใช้เงินก้อน ส่วนผมก็พอมีเงินเก็บ แต่ก็ไม่มาก พอคุณแม่ขอก็มาปรึกษากับภรรยา แต่ภรรยาโกรธมากเมื่อรู้ว่าผมจะส่งเงินให้ทางบ้าน จนผมต้องแอบส่งไปบางส่วน จนเมื่อเธอมารู้ทีหลังตอนเช็คเงินในบันชี เธอขอหย่า เป็นคุณ จะทำอย่างไรครับ ผมยังรักเธออยู่ แต่มีความรู้สึกว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ต้องเกิดปัญหาขึ้นอีกแน่ และถ้ามีลูก ปัญหาใหญ่อาจตามมา ขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ด้วยครับ ขอบคุณครับ

เพิ่มเติม ขอความคิดเห็นกับคุณสุภาพสตรี ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับท่าน ท่านจะโต้ตอบอย่างไร

 

ดิฉันคงแนะนำอะไรคุณมากไม่ได้แต่ขอแสดงความคิดเห็นเผื่อจะได้ประโยชน์
1.ภรรยาคุณไม่ได้ทำใจไว้ก่อนว่าจะต้องเสียเงินก้อนนี้ไป เขาอาจจะรู้เองโดยที่คุณไม่ได้ชี้แจงเหตุผล และความจำเป็น
2.ไม่ทราบว่าปริมาณเงินคุณให้ไปเหมาะสมหรือปล่าว อาจจะต้องมีการชี้แจงเหตุผลให้เขาเห็นใจ ไม่ทำไปโดยพละการ
3.เมื่อก่อนดิฉันก็รู้สึกเสียดายมาก กับการที่สามีต้องให้ทางบ้านเขา เพราะเมื่อก่อนไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ เนื่องจากบ้านของดิฉันไม่มีความจำเป็นต้องรับเงินจากดิฉันเพราะท่านมีมากกว่า
แต่เดี๋ยวนี้ดิฉันเต็มใจให้ ทางบ้านสามีโดยไม่เสียดายเลย อาจเป็นเพราะความเคยชิน และเรามีเงินเก็บมากขึ้น และเห็นใจเข้าใจทางบ้านสามีมากขึ้น
อาจจะต้องใช้เวลาค่อยๆ พูดจากัน เห็นใจซึ่งกันและกัน

 

เห็นใจค่ะ ไม่อยากให้เลิกกัน ถ้ามีลูกเดี๋ยวลูกจะมีปัญหา ค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะคะ อธิบายเหตุผลให้เธอเข้าใจ โดยส่วนตัวแล้วพิมคิดว่าหน้าที่ของลูกคือดูแลพ่อแม่ ทำให้ท่านสุขสบาย พิมก็มีแฟนค่ะ แฟนก็ส่งเงินให้พ่อแม่เค้าใช้ เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณ พิมเห็นด้วย แต่ว่าส่งไปแล้วทางครอบครัวเราเองก็ไม่ควรจะเดือดร้อนค่ะ คุณเจ้าของกระทู้คงต้องขอโทษแฟนและอธิบายให้เธอเข้าใจถึงความจำเป็นด้วยค่ะ เอาใจช่วยค่ะ

 

ขอถามคุณเป็นข้อๆดังนี้ค่ะ
1. เงินที่คุณส่งไปให้คุณแม่ของคุณนั้นเป็นเงินของภรรยาด้วยหรือเปล่า ถ้าเป็นส่วนของภรรยา คุณก็ทำไปโดยพลการ และเงินก้อนนี้เธออาจมีความจำเป็นต้องใช้อะไรบางอย่าง
2. เงินที่คุณส่งไปนั้นอาจเป็นจำนวนมากและ อาจทำให้ฐานะครอบครัวคลอนแคลนได้ เพราะดิฉันเชื่อว่าคงไม่มีใครว่าหรอกค่ะ ถ้าจะส่งเงินให้พ่อแม่เราบ้าง

 

สงสัยอย่างหนึ่งค่ะ ถึงขนาดต้องขอหย่าเลยเหรอคะ????
แม้จะเป็นเงินจำนวนมากหรือไม่ก็ตาม แต่นี่เราสงเคราะห์พ่อแม่เราเองนะคะ ท่านเองก็เลี้ยงดูเรามา พระคุณเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำกับจำนวนเงินที่คุณให้ไป ดิฉันเองก็มีสามีค่ะ แต่ก็ยังดูแลครอบครัวเค้าด้วย หากมีเรื่องลำบากหรือเดือนร้อนเงิน ก็เตรียมพร้อมที่จะช่วย และในขอบเขตที่เราช่วยได้มากที่สุดโดยที่ครอบครัวเราเองก็ไม่เดือดร้อนด้วย ยังไงเค้าก็คือพ่อแม่ ดูแลให้กำเนิดสามีเรามานะ ไม่งั้นคงไม่ได้เจอกันหรอก แฟนคุณน่าจะเข้าใจตรงจุดนี้ด้วยนะคะ ลองคุยดูค่ะ ดิฉันเองก็มีน้องชาย บอกเลย หากจะหาแฟนหรือในอนาคตจะแต่งงานกัน ให้หาคนที่รัก+บูชาพ่อแม่เราด้วยนะ

 

เห็นด้วยกับความคิดเห็นของทุกท่าน

อยู่ด้วยกันต้องปรึกษากัน มีอะไรให้คุยด้วยเหตุและผล
แต่หากแฟนคุณเป็นชาวต่างชาติเขาจะไม่ค่อยเข้าใจในธรรมเนียมการทดแทนบุญคุณของพ่อ-แม่ของชาวตะวันออก ก็ควรคุยให้เข้าใจ ปรับความเข้าใจกันดีที่สุดครับ

 

คุณก็ต้องถามตัวเองไงครับว่า เราเป็นใคร เราอยากทำอะไร เช่นว่า เราเป็น
คนที่ยอมเลิกกับแฟนเพื่อที่จะส่งเงินให้แม่หรือเปล่า หรือเราไม่ใช่ ถ้าถามตัว
เองดีแล้วก็จะไดคำตอบครับ

 

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมและตอบกระทู้ครับ
ผมขอเพิ่มเติมรายละเอียด
- การส่งเงินคราวนี้เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกแม่โทรมาขอให้น้ายืม ก่อนงานแต่ง แล้วบอกจะคืนให้ แต่เมื่อถึงงานแต่งจริงก็ยังไม่ได้คืน จึงใช้ของแม่ก่อน หลังงานแต่ง เงินจากงานแต่งและเงินที่ให้น้ายืม ให้ไว้กับแม่หมด อันนี้คุยกับแฟนแล้ว เขาโอเค
-เมื่อสี่ปีก่อนน้องสาวมาเรียนต่อ ก็ช่วย โดยออกค่าเช่าห้องและค่าใช้จ่ายต่างๆให้จนน้องเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว
- แฟนเป็นชาวไต้หวัน
- เงินที่ส่งเป็นเงินของผมเองทั้งหมด
- ผมเป็นคนทำงานหนัก ทำงานประจำ แล้วตอนกลางคืนหรือเสาร์อาทิตย์ก็ทำงานนอก เคยทะเลาะกันหลายครั้ง จนพักหลังไม่ค่อยรับงานนอก
- ผมกับแฟน ไม่ได้อดมื้อกินมื้อ อยู่อพาต์เมนต์ดี ทานอาหารนอกบ้านทุกอาทิตย์ ไปเที่ยวต่างประเทศทุกปี
- ปรับความเข้าใจ นี่หมายถึงก็คุยกันนะครับ เธอร้องไห้ผมก็ร้องไห้ แต่ผมทำอะไรไม่ได้ครับ เงินส่งไปหมดแล้ว ตอนนีี้ต้องเริ่มเก็บใหม่ ในธนาคารก็ยังเหลืออีกนิดหน่อย เพราะได้บทเรียนจากคราวแรกที่ส่งให้หมดบัญชีเลย

 

มันก็ต้องคุยกันให้เข้าใจนั่นแหละครับ คุณรู้ไหมว่าการที่ผู้หญิงแต่งงานก็คำนึง
ถึงความมั่นคงเป็นอย่างแรก และก็คำนึงถึงอนาคตอยู่ตลอด เช่นว่าอายุเท่านั้น
จะทำอย่างนี้อย่างนี้ จะมีลูก ส่งลูกเรียน จนถึงเกษียณเลย นี่ก็คือการวาง
แผน และในการวางแผนพวกนี้มันก็ต้องมีเงินเป็นหลักประกัน แล้วเมื่อคุณใช้
เงินจนหมดนั่นก็หมายถึงความมั่นคงของฝ่ายหญิงถูกทำลายนั่นเป็นเรื่องใหญ่
มากสำหรับเขา ซึ่งมันจะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าแฟนคุณ
เป็นคนที่ไม่เข้าใจเรื่องการให้ความสำคัญกับครอบครัวก็ยิ่งแน่นอนเข้าไปใหญ่
แล้วยิ่งคุณเอาเงินให้แม่จนไม่มีเงินเก็บอีกแล้วไม่บอกแฟนมันก็ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่
เข้าไปอีก ปัญหามันอยู่ที่ฝ่ายหญิงเขารู้สึกไม่มั่นคงนั่นแหละครับ ถ้าคุณคิดว่า
สามารถที่จะให้ความมั่นคงเธอได้ก็บอกเธอไปเถอะครับ และบอกด้วยว่าจะให้
ความมั่นคงกับเธออย่างไร ร่วมกันวางแผนชีวิต และเรื่องแม่ก็คุยกันให้เรียบ
ร้อยตกลงเรื่องเงินให้โอเคทั้งสองฝ่ายนั่นแหละครับ ถ้าคุณไม่มีเงินพอที่จะ
รับประกันความมั่นคงให้เขาก็หาอื่นทดแทนเช่น ตกลงกันไปเลยว่าอะไรที่คุณ
จะไม่ทำ อะไรที่คุณจะทำได้ ให้มันเป็นข้อตกลงร่วมกันแบบนั้นแล้วก็อย่า
ฝ่าฝืนเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย คุณมีสิทธิที่จะพูดในสิ่งที่คุณคิด เขาก็
มีสิทธิที่จะพูดในสิ่งที่เขาคิด คุณมีสิทธิที่จะไม่เห็นด้วย เขาก็มีสิทธิที่จะไม่เห็น
ด้วยกับคุณ เมื่อมีความไม่เห็นด้วยก็วนกลับอีก คุณมีสิทธิที่จะพูดในสิ่งที่คุณ
คิด... ก็ลองคุยกันดูก่อน ถ้าตกลงกันไม่ได้จริงๆ อยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีปัญหา
อย่างที่คุณว่านั่นแหละ ไหนจะมีลูกอีก

 

คนที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ช่วยเหลือญาติพี่น้อง เขาก็จะเป็นสามีที่ดีของภรรยา
และเป็นพ่อที่ดีของลูกได้ แต่ก็คงต้องประคับประคอง จิตใจของทุกฝ่ายให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไป
ส่วนมากผู้ชายจะไม่ค่อยพูด โดยคิดว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว คือต่างคนก็ต่างมีมุมมองของตัวเอง ก็อยากจะให้คุณพยายามเข้าใจเธอให้มากๆ ด้วยค่ะ

 

ขอบคุณทุกๆความเห็นครับ