ศาสนาน่าห่วง เมื่อคนรุ่นใหม่ให้ราคา"วันมาฆบูชา"ด้อยกว่า"วันวาเลนไทน์"

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย aprin, 19 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    [​IMG]

    ถ้าเปรียบวันสำคัญที่อยู่ในเดือน ก.พ.ระหว่างวันที่ 14 ก.พ.หรือ"วาไลน์ไทน์"ของชนชาติตะวันตก กับวันที่ 18 ก.พ.หรือ"วันมาฆบูชา"สุดสำคัญของชนชาติไทยเป็นกราฟแผนภูมิสูงต่ำตีคู่ขนาบกัน

    ต้องยอมรับว่า หลายปีที่ผ่านมาความนิยมของวันวาเลนไทน์มักจะนำโด่งวันมาฆบูชาเสมอๆ (ดูราคา “ดอกบัว”วันมาฆบูชากำละไม่กี่บาท กับ “ดอกกุหลาบ” ในวันวาเลนไทน์ราคาดอกละเป็นพัน)

    และก็เชื่อว่า ผู้ที่รับผิดชอบ เช่น กรมศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม กระทั่งทุกรัฐบาลที่ผ่านมาก็เห็นสภาพดังความนิยมกันอยู่ดังที่ปรากฏ คำถามก็คือ การผูกปีพ่ายของวันสำคัญเช่นนี้ไม่มีผู้เกี่ยวข้องไหนจะทำอะไรให้สถานการณ์วันสำคัญของชนชาติไทยให้ชนะวัฒนธรรมตะวันตกได้เลยหรืออย่างไร

    และวันมาฆบูชาในปีนี้ก็เวียนมาบรรจบอีกครั้ง นอกจากนี้"ไทยรัฐออนไลน์"พาไปรู้จักวันมาฆบูชาพาไปวิเคราะห์จุดอ่อนอีกครั้งแล้ว ยังรวมช่วยกันหาทางออกว่าทำอย่างไรคนรุ่นใหม่ (คนไทย) จะรักและเข้าใจวัฒนธรรมชาติไทยมากกว่า วันสำคัญของชนชาติตะวันตก...

    [​IMG]


    วันมาฆบูชากัน (อีกครั้ง!)

    ถือว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของชาวพุทธเถรวาท ปัจจัยหลักที่ได้รับการยกย่องให้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเนื่องจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง “โอวาทปา
    ฏิโมกข์” โดยในครั้งนั้นมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นพร้อมกัน 4 ประการด้วยกันคือ พระสงฆ์สาวกที่มาประชุมพร้อมกันทั้ง 1,250 รูปโดยมิได้นัดหมาย, พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดต่างล้วนเป็น“เอหิภิกขุอุปสัมปทา” หรือผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง, พระสงฆ์ทั้งหมดที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา 6, และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญมาฆปุรณมีดิถี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3

    จนมาสมัยร.4 ทรงปรารภถึงเหตุการณ์ครั้งพุทธกาลใน วันเพ็ญเดือน 3 ว่า เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญยิ่งควรมีการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาเพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความศรัทธาเลื่อมใส จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้จัดการ
    พระราชกุศลมาฆบูชาขึ้น โดยการประกอบพระราชพิธีคล้ายกับวันวิสาขบูชา คือมีการบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ มีการพระราชทานจุดเทียนตามประทีปเป็นพุทธบูชาในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระอารามหลวงต่าง ๆ เป็นต้น จนได้รับนิยมขยายออกไปทั่วราชอาณาจักร

    โดยทราบทั่วกันว่า วันนี้จะมีการทำบุญกันเพื่อเป็นการบูชารำลึกถึงพระรัตนตรัยและเหตุการณ์สำคัญดังกล่าว ที่ถือว่า
    เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทปาฏิโมกข์ อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง
    การบำเพ็ญความดีให้ถึงพร้อม และการทำจิตของตนให้ผ่องใส เพื่อเป็นหลักปฏิบัติของพุทธศาสนิกชนทั้งมวล

    ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลไทยได้ประกาศให้วันมาฆบูชา ให้เป็น "วันกตัญญูแห่งชาติ" เนื่องจากปัจจุบันสังคมไทยวัยรุ่นสาวมักจะเสียตัวในวันวาเลนไทน์หลายหน่วยงานจึงพยายามรณรงค์ให้วันมาฆบูชาเป็นวันแห่งความรัก (อันบริสุทธิ์) แทนอีกด้วย


    [​IMG]


    เมื่อดอกกุหลาบผู้ผูกปีชนะดอกบัว...!

    วันมาฆบูชาถือว่า เป็นวันที่ความหมายดี แต่ทำไมคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยให้ความสำคัญ ทุกๆ ผลโพลเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี

    ล่าสุด เอแบคโพลเผยผลวิจัย (วันที่ 10-12 ก.พ.54) เรื่อง ความรู้ ความเข้าใจของเด็ก-เยาวชนไทยเกี่ยวกับวันมาฆบูชา และความตั้งใจที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ในวันมาฆบูชาการันตีได้เป็นอย่างดีผลการสำรวจ พบว่ามีเพียงร้อยละ 34.6 ทราบและระบุได้ถูกต้อง ว่าวันมาฆบูชาตรงกับวันที่ 18 ก.พ.ขณะที่เยาวชนร้อยละ 65.4 ไม่ทราบว่าเป็นวันไหน

    เมื่อถามถึงการรับรู้ในหลักธรรมคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงในวันมาฆบูชานั้น พบว่ามีตัวอย่างเพียง ร้อยละ 37.3 เท่านั้นที่สามารถระบุได้อย่างถูกต้องว่าคือ “โอวาทปาฏิโมกข์” ในขณะที่ตัวอย่างประมาณ 2 ใน 3 คือร้อยละ 62.7 ไม่ทราบ/ระบุไม่ถูกต้อง

    ถือว่าเป็นผลวิจัยที่เศร้าใจพุทธศาสนิกชนไทยเป็นอย่างมาก นายเทวินทร์ อินทรจำนงค์ รองผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ กล่าวพร้อมกับ สะท้อนความรู้สึกของผลสำรวจของโพลย้อนหลัง5-10 ปีที่ผ่านมาว่า ปรากฏการณ์คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากกว่าวันมาฆบูชามากมายแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

    “สิ่งหนึ่งที่เรารับรู้ได้จากผลโพลหลายปีทีผ่านมามันสะท้อนชัดว่าคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเยาวชนให้ความสำคัญและรู้จักวาเลนไทน์มากกว่าวันมาฆบูชามากชนิดที่เทียบกันไม่ติด แสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่เสพกระแสความนิยมจากต่างชาติ และสนใจเรื่องของปัจเจกบุคคล ในเรื่องของความรัก อารมณ์ และเน้นแต่การบริโภคนิยมในเชิงวัตถุนิยมมากกว่า ซึ่งมันเป็นอิทธิพลตะวันตกที่แพร่กระจายไปสู่คนรุ่นใหม่ได้เร็วมากๆ”

    แน่นอนว่าผลโพลออกมาแบบนี้ซ้ำๆ เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะมันสะท้อนได้ว่าพื้นฐานความเป็นวัฒนธรรมไทยวิถี
    ชีวิตที่สอดคล้องกับสภาพสังคมของไทยได้ถูกกลืนไปทุกวันเวลา แน่นอนว่าเราก็ไม่ได้ปฏิเสธค่านิยมใหม่ๆ เพราะมันเป็นประโยชน์และสามารถเอามาพัฒนาการดำเนินชีวิตให้มีคุณภาพที่ดีได้ แต่ในขณะเดียวกันที่เราเป็นห่วงก็คือว่าความเชื่อค่านิยม วัฒนธรรมที่มันเป็นตัวหล่อเลี้ยงสังคมไทยให้อยู่ร่วมกันโดยปกติสุข มันเริ่มลดลงไปตามกระแสสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความเอื้ออาทร การกตัญญูรู้คุณ การให้เกียรติ แม้แต่การเคารพซึ่งกันและกัน ก็จะต้องมีอยู่

    สำหรับวิธีการแก้ไขการผูกปีพ่ายแพ้ รองผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ เสนอว่ามีอยู่ 2-3 เรื่องที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการรักษาวัฒนธรรมไทย 1.เรื่องของศาสนา ประเด็นแรกก็คือ ศาสนาไม่มีการพัฒนาไปกับโลกสมัยใหม่ด้วยหลักธรรมคำสอนที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาทั้งในเชิงลึกและในเชิงกว้าง

    “ในเชิงลึกก็หมายความว่า การศึกษาอย่างลึกซึ้งเข้าถึงและสามารถเชื่อมโยงไปกับศาสตร์ต่างๆ ซึ่งมันสามารถที่จะนำมาเปรียบเทียบกับแนวคิดสมัยใหม่ได้ ในเชิงกว้างก็หมายความว่าการพัฒนาหลักธรรมคำสอน ให้มันสอดคล้องกับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ให้คนทั่วไปเข้าใจได้ง่ายซึ่งยังไม่สามารถทำได้เช่นกัน”

    ต่อมาก็คือเรื่องบุคลากรและองค์กรทางพระพุทธศาสนาตั้งแต่กระทรวงศึกษาธิการนักพุทธศาสนาไปจนถึงวัดวาอารามต่างๆ ที่ยังไม่ได้ปรับตัวให้เท่าทันกับยุคสมัย ไม่มีการบริหารจัดการดูแลที่ดี

    “รวมถึงวัดปล่อยทิ้งร้าง ถ้าเปรียบเทียบกับศาสนาคริสต์เขาจะมีการบริหารจัดการที่ดีมีประสิทธิภาพ มีคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหาร รวมถึงสถานที่ที่มีความสะดวกสบาย ประการสุดท้ายคือ เรื่องของกิจกรรมที่ยังไม่สอดคล้องถ้าจะมาจัดกิจกรรมเฉพาะวันหรือเทศกาลสำคัญทางศาสนาอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอเพราะวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่เขาไม่ค่อยมีเวลาว่าง ซึ่งอาจจะต้องปรับให้มีการจัดกิจกรรมในวันหยุดมากขึ้นกว่าวันอาทิตย์ไปทำบุญกันเถอะ เป็นต้น” นายเทวินทร์กล่าว


    [​IMG]


    วันมาฆบูชาจะชนะวาเลนไทน์ได้ ต้องอินเทรนด์

    พระไพศาล วิสาโล พระนักเทศน์ชื่อดัง ที่ได้ยอมรับว่าเป็นกลางมากที่สุด กล่าวว่า ประเด็นที่หลายคนตั้งคำถามเรื่องศาสนาเชยเพราะไม่ปรับตัวให้เข้าและเท่าทันยุคสมัย ทำให้คนไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่ากับวันวาเลนไทน์ เรียกว่าผลสำรวจโพลเดือนกุมภาพันธ์เวียนมาบรรจบทีไรศาสนาเป็นพ่ายแพ้ความนิยมของวันวาเลนไทน์ทุกที เป็นการตั้งข้อสังเกตุที่ถูกต้องและตรงเป้ามากที่สุด

    “จนวันนี้ศาสนาก็ยังไม่ปรับตัวให้สื่อสารกับคนรุ่นใหม่ และยิ่งที่ผ่านมาแทบจะไม่มีกิจกรรมวันมาฆบูชาที่ไหนที่สามารถดึงดูดให้คนรุ่นใหม่สนใจได้เลย ทำให้ไม่เพียงวันมาฆบูชา ศาสนาจึงกลายเป็นความเฉยชาของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะวันนี้เราอยู่ในกระแสเชี่ยวกรากของยุคบริโภคนิยมแรงมาก ยิ่งแรงมากเท่าไหร่จะยิ่งกลบพระพุทธศาสนาไปเท่านั้น ที่สำคัญวันนี้ยังไม่มีใครสามารถนำเอาสาระสำคัญทางพระพุทธศาสนามาโยงเข้ากับชีวิตประจำวันของคนทั่วๆ ไปได้อย่างกลมกลืน นี่คือจุดอ่อนใหญ่ของศาสนาที่ยังไม่มีใครเข้ามาแก้ไขได้สำเร็จ”

    พระนักเทศน์ เสนอแนวทางแก้ไขว่า ศาสนาจะต้องรีบปรับให้ตัวเองมีส่วนร่วมกับสมัยนิยมด้วยเช่นวันมาฆบูชาเด็กนักเรียนก็อาจจะชวนกันไปทำบุญ แต่การทำบุญนี้ไม่ได้หมายถึงต้องเข้าวัดทำบุญอย่างเดียว สามารถทำบุญด้วยการทำจิตอาสาก็ได้

    “วันมาฆบูชา พระพุทธเจ้าตรัสว่าให้ละชั่ว ทำดี ซึ่งก็หมายถึงการที่เราไปช่วยเหลือผู้อื่นก็ได้ โดยการเอาคำสอนมาทำให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นด้วยการช่วยหลือสังคมหรือจัดกิจกรรมทำสมาธิภาวนาให้เด็กมีสมาธิมีความสงบในจิตใจซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ ไม่จำเป็นต้องเข้าวัดอย่างเดียวเพราะมันจะไม่อินเทรนด์ แค่ทำดี ละชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธ์ อยู่ที่ไหนก็สามารถทำได้เหมือนกัน” พระไพศาลกล่าว

    สุดท้ายการที่วัฒนธรรมตะวันตกมักจะเอาชนะวัฒนธรรมอันดีงามของคนไทยนั้น ก็เพราะว่าไม่เพียงคนที่อยู่ในวงการศาสนาไม่ทันสมัย กระทรวงที่รับผิดชอบไม่ใส่ใจ และรัฐบาลไม่คิดนอกกรอบ เหมือนกับความเป็นไทยดีๆ หลายอย่างที่กำลังตายจากหัวคนรุ่นใหม่ไปนั่นเอง.

    http://www.thairath.co.th/content/life/149747
     
  2. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    สธ.ชวนคนไทยฝึกสมาธิวันมาฆบูชา ต้านไมเกรน - ความดัน

    [​IMG]


    สาธารณสุขชวนคนไทย ฝึกสมาธิในวันมาฆบูชา ชี้ทำให้จิตใจสงบ เกิดสติปัญญา ช่วยแก้ไขปัญหา และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไมเกรน-ความดันโลหิตสูง แนะฝึกวันละประมาณ 15 นาที ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน ค่าความดันโลหิตลดลง...

    เมื่อวันที่ 18 ก.พ. นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้วิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยกำลังเข้าสู่กระแสวัตถุนิยมอย่างมาก ชีวิตมีแต่ความเร่งรีบ อีกทั้งต้องประสบกับความกดดันต่างๆ ทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และครอบครัว ทำให้เกิดความตึงเครียดและวิตกกังวลได้ หากประชาชนคนใดที่ปรับตัวไม่ได้ อาจเกิดปัญหาลูกโซ่ต่างๆ ตามมา จนกลายเป็นคนที่มีความเครียดสูง และเป็นโรคเรื้อรังทางกายตามมาอีก

    โรคที่มักมาคู่กับความเครียด ได้้แก่ ไมเกรน โรคความดันโลหิตสูง โดยเมื่อร่างกายมีความดันโลหิตสูงอยู่เป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดแดง โดยเฉพาะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง อาจทำให้แตกหรือตีบตัน นอกจากนั้นยังทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เกิดปัญหาหัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจหนา ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายเสียชีวิตได้

    "ในวันมาฆบูชานี้เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาหรือวันพระใหญ่ ชาวไทยทุกคนนอกจากจะไปทำบุญตักบาตร ได้รับบุญ อิ่มอกอิ่มใจแล้ว ในวันนี้กระทรวงสาธารณสุข ขอเชิญชวนประชาชน นั่งสมาธิ เนื่องจากการนั่งสมาธิเป็นการดูแลสุขภาพวิธีหนึ่ง เป็นเทคนิคของการผ่อนคลายความเครียดที่ลึกซึ้งที่สุด เพราะทำให้จิตใจสงบ ปลอดจากความคิดที่ซ้ำซาก ฟุ้งซ่าน วิตกกังวล ความเศร้าโศก ความโกรธ โดยทำให้เกิดสติปัญญาในการแก้ไขปัญหา หากฝึกสมาธิเป็นประจำ จะทำให้จิตใจเบิกบาน อารมณ์เย็น สมองแจ่มใส หายเครียด นอกจากนี้การทำสมาธิจะช่วยให้คลื่นสมองไม่ยุ่งเหยิง สมองสามารถหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphine) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น มีภูมิต้านทานโรคที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย"

    นพ.สุพรรณ กล่าวอีกว่า หลักของการทำสมาธิ คือการเอาใจไปจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว โดยจากผลวิจัยทางการแพทย์พบว่า ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มีการฝึกทำสมาธิโดยการหายใจช้าและลึก วันละประมาณ 15 นาที ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน ค่าความดันโลหิตลดลงมากกว่าผู้ป่วยกลุ่มที่ไม่ได้เข้ารับการฝึกทำสมาธิ กระทรวงสาธารณสุขจึงสนับสนุนให้คนไทยทุกคน หันมานั่งสมาธิ และควรทำต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน เริ่มจากวันละ 5 นาที เพิ่มเป็น 10 นาทีในวันต่อไป และเพิ่มเป็น 15 นาทีขึ้นไปเรื่อย ๆ.

    สธ.ชวนคนไทยฝึกสมาธิวันมาฆบูชา ต้านไมเกรน-ความดัน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  3. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    ถ้ามีปุ่มกดไลค์ อยากจะกดไลค์พันครั้ง
    อ่านข่าวแบบนี้แล้วน่าสลดใจนะคะ
    ศาสนาตัวเองกลับไม่สนใจไปสนใจค่านิยมตะวันตก
    คนรุ่นก่อนรู้คงจะเสียใจแย่เลย
    เท่าที่เห็นคนเห่อเวียนเทียนก็จริง
    แต่กลับไม่รู้วัตถุประสงค์ที่แท้จริง
    เค้าสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย คนที่ไปเวียนกลับไม่สนใจ ไม่น้อมใจตาม
    กลับสนทนาเรื่องไร้สาระ+แสดงพฤติกรรมไม่ดีก็มี
    ถ้าจะดีน่าจะมีสื่ออะไรที่น่าสนใจ เพื่อโปรโมทกิจกรรมแบบนี้ให้ถูกต้องให้รู้ที่มาก็น่าจะดีนะคะ
    ป.ล.ความเห็นส่วนตัวค่ะ
     
  4. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    เมื่อวานไปเวียนเทียนที่วัด เห็นมีคนไปอยู่ไม่ถึงร้อย มีผู้เฒ่าผู้แก่เกินครึ่ง นอกนั้นวัยกลางคนกับเด็กเล็ก แต่หาวัยรุ่นมองแทบไม่เห็นเลย
    ระบบการศึกษาปัจจุบันนี้มีปัญหา ไม่เน้นเรื่องคุณธรรมความดี เน้นแต่ความสำเร็จแบบเหม๋าเจอตุง คือ แมวไม่ว่าสีดำหรือขาวล้วนไม่สำคัญ ขอให้มันจับหนูได้ก็เพียงพอแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น ทุกคนจะถูกปลูกฝังในเรื่องความเห็นแก่ตัว ดูที่ผลแต่ไม่สนใจวิธี ทุกคนจึงพร้อมเสมอที่จะทรยศ หักหลัง กลั่นแกล้งผู้อื่น เพื่อความสำเร็จของตน ผู้ปกครองส่วนมากก็พอๆกัน กล่าวชมบุตรหลานแต่ในเรื่อง ลาภ ยศ สรรเสริญ ไม่ค่อยชมเรื่อง คุณธรรมความดีเลย หรือบางครั้งแม้จะสอนแต่ตนเองมิได้ปฏิบัติ เด็กๆ รุ่นใหม่จึงกลายเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกไป
     
  5. ทหารเก่า

    ทหารเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3,027
    ค่าพลัง:
    +19,019
    ส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นที่ให้ความสำคัญของวัน วาเลนไทด์ครับ พวกนี้จะเรียกว่าเป็นพวกที่ขาดสติจะดีกว่าไม่รู้จักคิดเรียนแบบค่านิยมที่ผิดๆ วันพ่อวันแม่ซื้อพวงมาลัยคงไม่เกิน 50 บาทหรือดอกมะลิไม่กี่สิบบาทแต่พอถึงวันแห่งความรักที่ไปลอกเรียนแบบเขามากเป็นพันยังซื้อ เห็นแล้วสมเพศและสงสารผู้ให้กำเนิดจริงๆ แล้ววันสำคุญทางศาสนารู้ความหมายหรือเปล่ายังไม่แน่ใจเลย พวกนี้ไม่สมควรจะเป็นคนไทย ศาสนาประจำชาติไม่ให้ความสนใจให้ความสำคัญ กลับไปให้ความสนใจเรื่องไรสาระ กลัวจะหาแฟนไม่ได้ ทำทุกอย่าง ประเทศถึงเจริญช้าไงครับเพราะความไม่รู้จักคิดของวัยรุ่นพวกนี้ ปัญหาประเทศไทยคือวัยรุ่นไทยนี่แหละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กุมภาพันธ์ 2011
  6. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    อย่าเพิ่งโทษแต่วัยรุ่นอย่างเดียวเลย ต้องดูด้วยว่าแล้วสังคมแวดล้อมทั้งหลายทุกวันนี้นะ ทำยังไงกับพวกเรา (ผู้บริโภค) แม้แต่องค์กร หน่วยงานราชการเองก็ยังจัดกิจกรรมส่งเสริมวันวาเลนไทน์ กันมากมาย ยังพวกห้าง ร้านค้า บริษัท หน่วยงานอื่น ๆ อีกจัดกิจกรรมวันวาเลนไทน์ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่น้อยหน้ากัน ทั้งประโคมข่าว ประกาศข่าว เสนอรางวัล จนบางกิจกรรมเป็นการส่งเสริมให้ทำลายวัฒนธรรมอันดีงาม ของชนชาติไทยโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เช่น จัดกิจกรรมจูบ มาราธอน นำเสนอกันออกมามากมาย อย่างนี้แล้ว พวกวัยรุ่นเหล่านี้ (ไม่ใช่วัยรุ่นทุกคนนะที่ชื่นชอบ) เค้าจะไม่สนใจไปได้ยังไง บวกกับค่านิยมที่เกิดจากกระแสต่าง ๆ อีก .... พวกเราทำลายบ้านของพวกเรา และทำลายความเป็นเอกราชของตัวเองไปด้วย ... ความคิดเห็นส่วนตัว ... เพื่อน ๆ ว่ายังไงบ้าง
     
  7. H D Playground

    H D Playground สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2011
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +8
    ผม นี่เเหละ คนรุ่น ใหม่ วาเลนไทน์ อะไร ไม่รู้ ไร้สาระ ให้ดอกไม้ กัน กอดกัน จูบกัน

    เมื่อวานไปเวียนเทียนกับเเฟน อื้อหือ วัดสวยสวย เรียนรู้พระพุทธศาสนาด้วย ได้บุญได้กุศล
     
  8. makotokub

    makotokub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +242
    ไม่เข้าใจว่าจะเอามาเทียบกันทำไม...ผมว่าเนื้อแท้ก็โดนกลบไปพอๆ กันน่ะแหละ

    ...วันวาเลนไทน์คือวันที่เซ็นต์วาเลนไทน์เสียชีวิตหลังโดนขังคุกเพราะทำพิธีแต่งงานให้ชาวบ้าน...จริงๆ เขาต้องการให้ระลึกถึงการรักต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคน รักเพื่อน รักครอบครัว และเสียสละ..
    ..แต่ปัจจุบันเหลือแค่คู่รัก หรือเลยไปถึงการเสียตัว...ก็เสื่อมอยู่นะครับ

    ...วันมาฆบูชา เป็นวันที่เราควรระลึกความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธเจ้า เป็นวันที่ควรสงบใจ และบูชาด้วยการปฏิบัติธรรม..แต่ปัจจุบันเหลือแค่การหยอดตู้ทำบุญกับเวียนเทียนแบบงงๆ

    สรุปคือผมว่าคนสมัยนี้ทำตามที่อยากทำ และทำตามค่านิยมมากกว่า..ถ้าจะรื้อก็ต้องรื้อที่เนื้อแท้ครับ (อย่างไปเอาราคาดอกกุหลาบกับดอกบัวมาเทียบกันนี่เพื่อ..???)

    ขออนุญาตยกเหตุการณ์ช่วงปรินิพพานมาหน่อยก็แล้วกันครับ

    อานนท์ ! เธอจงจัดตั้งที่นอน ระหว่างต้นสาละคู่
    มีศีรษะทางทิศเหนือ เราลำบากกายนัก, จักนอน (ประทับสีห-
    ไสยยาแล้ว มีอัศจรรย์ ดอกสาละผลิผิดฤดูกาลโปรยลงบน
    พระสรีระ, ดอกมัณฑารพ จุรณ์ไม้จันทน์, ดนตรีล้วนแต่
    ของทิพย์ ได้ตกลงและบรรเลงขึ้น; เพื่อบูชาพระตถาคตเจ้า).
    อานนท์ ! การบูชาเหล่านี้ หาชื่อว่า ตถาคตเป็น
    ผู้ที่ได้รับสักการะเคารพ นับถือ บูชาแล้วไม่.
    อานนท์ ! ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาใด
    ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบยิ่ง, ปฏิบัติตาม
    ธรรมอยู่; ผู้นั้นชื่อว่า ย่อมสักการะ เคารพ นับถือ บูชา
    ตถาคต ด้วยการบูชาอันสูงสุด.


    สาูธุ...
     
  9. H D Playground

    H D Playground สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2011
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +8
    จริงจริง มันไม่ใช่เฉพาะ เรื่อง วาเลนไทน์ กับ มาฆบูชา หรอก

    ทุกเรื่องง่ะเดี๋ยวนี้ ของไทย ไม่ค่อยชอบ ชอบของนอก

    สลด
     
  10. สาครคีรี

    สาครคีรี สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    --ไม่มี--

    ---มาถึงตอนนี้เราต้องให้โอกาสครับ
    สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ในทุกข์ ในเหตุของทุกข์ ในความดับไม่เหลือของทุกข์
    และ ในหนทางเพื่อความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ มีองค์แปดประการ เราเพียง
    ขยันประกอบความเพียรให้เขาเห็นต่อไป เมื่อเขาเห็นความดีที่ปรากฎ กับเรา
    แล้ว หากอินทรีบารมีเขาได้บำเพ็ญมาเพื่อการ สิ้นอาสวะเเล้วเขาคงจะหันมา
    ให้ความสนใจเองครับ ประกอบกับ ภัยอันมีอยู่รอบด้านทุกวันนี้
    เวลาที่เหลือของชีวิตนี้สำคัญมาก ขออย่าได้ประมาทครับ
     
  11. earn1

    earn1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +651
    แถวบ้านผมเห็นเด็กกับคนแก่มากกว่าวัยรุ่น แต่ที่น่าภูมใจก็คือมีเด็กมากกว่าคนแก่ เพราะว่าเด็กนี้แหละจะเป็นวัยรุ่นในวันหน้า แต่ก็น่าจะเป็นเช่นเดิมถ้าผูู้ใหญ่ไม่ปลูกฝัง แนวคิดให้เด็กรักในขนบธรรมเนียมประเพณี ผมคิดว่าสื่อก็มีส่วนสำคัญในเรื่องนี้ (การทำให้วันสำคัญทางพุทธศาสนาให้อินเทรนด์ทำอย่างไรน่าคิดนะครับ)
     
  12. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    วันมาฆบูชาที่ผ่านมาผมก็ไปเวียนเทียนที่วัดปทุมวนาราม วัยรุ่นก็เยอะนะครับ
    ในวัดก็มีงานบุญหลายอย่าง เช่นถวายสังฆทาน ซื้อที่ดินถวาย และอื่นๆ
    ก็เห็นวัยรุ่นเยอะกว่าวัยอื่นนะ เพราะผมยืนสังเกตุอยู่หลายนาทีทั้งบริเวณเวียนเทียน
    และบริเวณถวายสังฆทาน ผมไป6โมงเย็นคนไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ยิ่งค่ำคนยิ่งเยอะขึ้น
    ตรงถวายสังฆทานคนไม่เยอะ เพราะพื้นที่จำกัด แต่วัดอื่นๆไม่รู้คนเยอะหรือเปล่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...