พุทธศาสนาดั้งเดิมแท้ไม่เสื่อมเลย ที่เห็นหักกลางไปนั้นเป็นของทางโลก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 17 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. ศรัทธานนท์

    ศรัทธานนท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +114
    ท่านวัชรธรผู้มีปัญญา
    ข้าพเจ้าจับใจความธรรมท่านได้ดังนี้ ไม่ทราบว่าท่านจะเห็นสมควรหรือไม่ ได้โปรดเมตตาเถิดถือว่าเป็นมหากุศลแก่ข้าพเจ้า
    ธรรมของพระพุทธเจ้านั้นมีอยู่โดยรอบสามารถเข้าได้หลายทางโดยการเข้าถึงธรรมของพระองค์นั้นต้องมี มหาศรัทธาต่อพระองค์อย่างแน่วแน่ อีกทั้งต้องลดสักกายทิฏฐิให้เหลือน้อยที่สุด หรือให้หมดไปโดยต้องผ่านสังขารในรูปปฎิสัมพันธ์ ซึ่งการลดสักกายทิฎฐิถือว่าเป็นความเพียรอย่างหนึ่งซึ่งจะทำให้ได้รับธรรมปรกโปรดในลำดับต่อไปโดยอัตโนมัติ

    ควรมิควรแล้วแต่ท่านจะเมตตา
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    สักกายทิฏฐิ ไม่อาจหมดไปได้ด้วยการพยายามลด
    หาวิธีลด, ปฏิบัติตนเพื่อลด, บำเพ็ญบารมีเพื่อลด,
    หรือฝึกจิตเพื่อลดแบบใดๆ เลย


    ย่อมเป็นไปเอง ตามทุกขัง คือ ภาวะการกระทบ
    กระทั่งบีบเค้นกันต้อนลงทุกข์จนมุมไม่มีทางอื่น
    ตรงแน่วแน่แล้ว ยอมจำนนต่ออริยบุคคลๆ นั้นจึง
    ช่วยทำลายเสียได้ซึ่งสักกายทิฏฐินั้นๆ หากมิใช่
    อริยบุคคลแล้ว การทำลายสักกายทิฏฐิ ย่อมเป็น
    เพียงการทำลายกำแพงจิตใจ อันอาจเปิดประตูไป
    สู่เรื่องอื่นๆ อันมิใช่ดำริชอบ, ความเห็นตรง .. คือ
    ไม่เกิด "สัมมาทิฏฐิ" ขึ้นแทนที่ได้ การบรรลุธรรม
    ก็ไม่เกิด ดังนี้ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 กุมภาพันธ์ 2011
  3. ศรัทธานนท์

    ศรัทธานนท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +114
    ท่านผูทรงปัญญา

    งั้นก็แปลว่าไม่ว่าจะเป็นกิเลสทั้งหลายหรือว่า สักกายทิฎฐิก็ตาม เมื่อมันเกิด มันมีเองขึ้นมาได้ มันก็ต้องสามารถดับของมันเองได้ตามวัฎฎะ ใช่หรือไม่ ท่าน

    โปรดเมตตา
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ธรรมทั้งมวลล้วนอนิจจัง เกิดแล้วดับไป เป็นธรรมดา
    แต่ยังมีผู้ไม่เข้าถึงธรรมบางจำพวก ประมาทในธรรม
    เกิดทิฐิแทรกเข้ามาอย่างนี้ว่า "เช่นนี้ ก็ไม่ต้องทำอะไรนะซี"


    ซึ่งผู้ไม่ประมาทในธรรม ย่อมไม่มีทิฏฐิแทรกเช่นนี้
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ธรรมชาติของท่านเป็นธรรมนิ่งหรือ?
    เป็นธรรมดาแห่งความตายแล้วหรือ?
    เป็นธรรมดาแห่งความไม่กระทำหรือ?
    เป็นธรรมดาแห่งผู้เป็นง่อยหรอกหรือ?



    ก็ถ้าธรรมดาท่านมิได้เป็นง่อย
    แล้วท่านจะนิ่งอยู่เฉยไย?


    ผู้มีปัญญาย่อมยังกิจคั่งค้างของตนให้จบ
    รับชำระกรรมของตนให้หมด, ทำพรหมจรรย์ให้สิ้น, ทำนิพพานให้แจ้ง


    มิใช่ดอกหรือ?
     
  6. shaman loseless

    shaman loseless เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +185
    คำสั่งสอนพระพุทธองค์ไม่มีวันเสื่อม ที่เสื่อมมันตัวคน

    จิตเราก็เหมือนเดินอยู่บนตาชั่งที่มีแค่จิตเท่านั้นที่กำลังเดิน

    ฝั่งบาปเรียกร้องก็ไปหาบาป ฝั่งบุญเรียกร้องก็ไปหาบุญ

    ทั้งๆที่เดิมแรกจิต ยืนอยู่ตรงกลาง

    เรามีมาแต่ก่อน แค่หาทางกลับไปที่เดิมเท่านั้นเอง
     
  7. uchen

    uchen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +122
    อนุโมทนาสาธุ ธรรมทั้งหมดครับ ขอให้ข้าพเจ้ามีจิตเข้าถึงธรรมของพระพุทธองค์โดยตรงและสำเร็จมรรคผลนิพพานด้วยเถิด สาธุ
     
  8. ศรัทธานนท์

    ศรัทธานนท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +114
    สาธุ ท่านผู้มีปัญญา
    ข้าพเจ้าขอเก็บเกี่ยวผลกรรมทั้งหลายจนหมดสิ้น เพื่อความสละเหตุทั้งหลายที่คั่งค้างอยู่
    ภายในให้เหลือเพียงเอกธรรมอันเป็นมาตุธรรม อันเดียวกันอันเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ดั้งเดิม ด้วยความเพียร ศรัทธา และ ปัญญา ให้ถึงที่สุด

    ขอท่านเมตตาตาแนะนำเถิด
     
  9. pannatee

    pannatee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +65
    ..................................................................................................
    จับจิตในคำกล่าวของท่าน...ด้วยใจ
    แต่ยังมีความสงสัยในข้อความข้างล่าง...
    ผู้มีปัญญาย่อมยังกิจคั่งค้างของตนให้จบ
    รับชำระกรรมของตนให้หมด, ทำพรหมจรรย์ให้สิ้น, ทำนิพพานให้แจ้ง
    ยังกิจคั่งค้างของตนให้จบ รับชำระกรรมของตนให้หมด
    ใช่ทำหน้าที่ตรงหน้า ยอมรับวิบากตรงหน้า...เห็นสิ่งใด ก็ไม่เกิดอารมณ์...หรื่อไม่
    ทำพรหมจรรย์ให้สิ้น,
    จำเป็นต้องบวช และหรือปลีกวิเวกหรือไม่
    ขอความกรุณาท่านช่วยให้ความกระจ่าง แด่ผู้น้อยด้วยค่ะ...ขอบคุณค่ะ
    ......................................................................................................
     
  10. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    คำสอนแปลกๆนะครับ แปลว่า ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่มีประโยชน์ใช่ไหม ให้ทำใจยอมรับอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วหรือ ทำก็ไม่ได้ ไม่ทำก็ไม่ได้ มันแปลว่าอะไรของคุณ???
    อีกอย่าง คุณเรียงลำดับความสำคัญผิดหรือเปล่าครับ พระธรรมมาก่อนพระสงฆ์นะครับ พระพุทธ พระธรรม แล้วก็พระสงฆ์นะครับ และพระพุทธเจ้าท่านก็เคยตรัสเอาไว้ว่า ท่านเป็นเพียงผู้ชี้ทาง เราต้องเดินด้วยตัวของเราเอง ท่านที่บรรลุธรรมหลายๆ ท่านก็มิใช่ท่านต้องมีความทุกข์นะครับ แต่เพราะท่านเห็นทุกข์ต่างหากเล่า ดูอย่างนางวิสาขาเป็นต้น นี่คุณคิดเองหรือเปล่าครับ ถามจริงๆเถอะ???
     
  11. tamagod

    tamagod Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +31
    เฮ้อ!!!! อ่านแล้วงง มีแต่นักแสดงธรรม อ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ การแสดงธรรมน่าจะให้เข้าใจง่ายกว่านี้หน่อย เอาแบบธรรมดาไม่ต้องลึกซึ้งมากก็ได้แบบคนปัญญาน้อยอ่านแล้วร้องอ๋อ!!น่ะได้ไหม หรือกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าตัวเองเจ๋ง!!!สวรรค์ส่งมางั้นสิ
     
  12. ศรัทธานนท์

    ศรัทธานนท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +114
    นะโม ชินะปัญจระ มหาพรหมมา

    พระพุทธเจ้าทั้งหลายทั่วทั้งอนันตจักรวาล เป็นมูลเหตุแห่ง พระธรรม แลพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งหลายนั้น
    พระองค์ได้ทรงลิ้มลองรสชาติของสภาพที่ทนไม่ได้มาหลายเวลานับไม่ถ้วนไม่อาจประมาณได้
    แลสภาพที่ทนไม่ได้ นี่แหละ เป็นเหตุที่ทำให้เห็น ให้รู้จริง ตามสภาพตามลำดับลำดา
    เหตุแห่งปัญญาทั้งหลายเท่านั้น ที่จะสามารถทำลายสภาพที่ทนไม่ได้ให้ราบคาบ ไม่เหลือ ฉะนี้แล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2011
  13. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    ขอแย้งธรรมหน่อยนะครับ เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านมีทุกข์ตรงส่วนไหนครับก่อนที่ท่านจะออกแสวงหาความจริง ท่านเห็นทุกข์แล้วคิดได้ต่างหากเล่า!!! และพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลาย ที่สามารถบำเพ็ญบารมีจนเต็มแล้ว เพราะเหตุใดครับ เพราะท่านทนทุกข์ได้ต่างหากเล่า ทนรับทุกข์ทั้งหลายเพื่อสรรพสัตว์ และด้วยปัญญาเพียงอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอต่อการบรรลุธรรมครับ จะต้องประกอบด้วยบารมี 10 ประการ(กำลังใจ) คือ ทาน ศีล เนกขัม ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา จะเห็นได้ว่า ปัญญาเป็นเพียงบารมีส่วนหนึ่งที่ใช้เป็นกำลังใจในการบรรลุธรรม

    ธรรมเปรียบอาหารใจ แต่ถ้ายัดตะพรึ่ดตะพือเข้าไป ไม่ย่อยไม่ถ่ายออกบ้าง จุกนะครับ
     
  14. shaman loseless

    shaman loseless เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +185
    เอานี่ไปครับ ศีล สมาธิ ปัญญา
    รักษาศีลให้เป็นรากฐานของ สมาธิ
    ทำสมาธิให้เป็นรากฐานของปัญญา
    ซึ่งปัญญาจักทำให้มองเห็นเหตุและผล
    ในการแก้ปัญหา ซึ่งรวมไปถึงการเผาผลาญกิเลสด้วย

    รู้มากไปก็เสียเวลานาน เอาหลักสำคัญไปปฏิบัติก่อน
    อริยสัจ 4 ซึ่งมี มรรค์มีองค์ 8 เป็นสำคัญ ก็ตรงก็วิ่ง
    ไปตามนั้นเถิด

    อนุโมทนา สาธุ พี่น้อง
     
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ไม่จำเป็น ถึงวาระต้องห่มเหลือง
    กรรม (ดีหรือชั่วก็ไม่รู้สิ) ก็พาไป
    เอง ไม่ต้องไปตั้งธงว่าต้องหรือ
    ไม่ต้องต้องทำ ควรหรือไม่ควร


    ธรรมถึงระดับมันเป็นไปเองเลย
    (ถ้ายังไม่ถึงระดับ มันก็ยังไม่เป็น)
     
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เวลาเข้าใจแล้ว ก็จะจับความ ปัญญาจึงไม่เกิด
    กลับกลายเป็นความรู้ไป ปัญญาไม่ใช่ความไม่รู้
    แต่มันก็ไม่ใช่ความรู้ด้วยเช่นกัน



    เพราะมันคือปัญญา
     
  17. ศรัทธานนท์

    ศรัทธานนท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +114
    สวัสดี ท่านวัชธร
    ธรรมอันไดที่ท่านรู้แล้ว จงแสดงแก่ข้าพเจ้าเถิด........
     
  18. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    จะเอาอย่างไร ก็ให้แน่นอน แค่ขัดขาตัวเองก็จะล้มโดยไม่มีใครเตะ
    http://palungjit.org/threads/ทำอะไร...้าไม่ได้ให้ทำ-ที่ทำนั่นคิดมากกันไปเอง.281192/
     
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ทำที่ไม่ต้องกระทำ คือธรรมอยู่แล้ว
    ไม่ใช่ไม่ทำเลย เพราะธรรมชาติ
    ทำอยู่แล้วจึงไม่ต้องกระทำ


    "ทำที่ไม่ทำ" นี้ไม่ขัดแย้ง
    จักขัดแย้งเมื่อท่านกลางไม่ลง
     

แชร์หน้านี้

Loading...