เรื่องเด่น หวั่น..ลางบอกเหตุ"เมฆริ้ว"อาจสาเหตุแรงลม

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 29 มกราคม 2011.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,657
    หวั่น..ลางบอกเหตุ"เมฆริ้ว"อาจสาเหตุแรงลม

    [​IMG]


    ฮือฮาเมล์“เมฆริ้ว”สาเหตุจากแรงลม หมอดูชื่อดัง ชี้ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ชี้ลางบอกเหตุ

    วันนี้ 28 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา บนท้องฟ้าของกรุงเทพมหานคร ได้เกิดปรากฎการณ์แปลงประหลาด เมฆบนท้องฟ้ามีลักษณะเป็นริ้วๆ ส่วนท้องฟ้ามีสีแดง ดูแปลกตากว่าทุกวัน มีลักษณะใกล้เคียงกับฟอร์เวิร์ดเมล์ ซึ่งเป็นรูปเมฆบนท้องฟ้าของประเทศจีน ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ริกเตอร์ที่มณฑลเสฉวน เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2551 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดเสียงร่ำลือกันว่าอาจเกิดภัยพิบัติ

    จากการสอบถามนายบุญธรรม ตั้งล้ำเลิศ หัวหน้าเวรพยากรณ์อากาศ สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า สาเหตุของเมฆริ้วดังกล่าว เกิดจากท้องฟ้ากำลังมีลมพัดแรงจนทำให้เมฆไม่เกาะกลุ่ม ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมชาติในวันที่มีลมแรง คงไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาณเตือนจากธรรมชาติว่าจะเกิดแผ่นดินไหว เพราะการเกิดแผ่นดินไหวมีสาเหตุจากการปลดปล่อยพลังงานที่สะสมมานานของเปลือกโลก จนทำให้แผ่นดินบริเวณนั้นเกิดการยุบตัว

    ด้านนายเก่งกาจ จงใจพระ หมอดูชื่อดัง กล่าวว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่ถ้าจะให้บอกในทางอุตุศาสตร์ การเกิดเหตุการณ์หนาวยาวนานในปีนี้จะทำให้อากาศแห้งแล้งหนักในหลายพื้นที่ ส่วนเรื่องจะเกิดอาเพศไม่ดี ไม่ควรจะแตกตื่นตกใจกับพวกพยายามสร้างกระแส

    ด้านนายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวว่า ถ้าจะพูดในเชิงลางบอกเหตุ อาจระบุได้ว่าธรรมชาติอาจต้องการสื่อสารบางอย่างกับมนุษย์ เพื่อให้เตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์นั้นๆ ส่วนจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตีความหมายรูปเมฆที่เกิดขึ้นมา ถ้ามองว่าเป็นรูปบันไดที่กำลังขึ้นก็เป็นเรื่องดี เพราะมีการก้าวขึ้น แต่ถ้าเป็นรูปบันไดพังหรือหัก อาจมีความหมายที่ไม่ดี



    -------------
    เดลินิวส์ออนไลน์
    Daily News Online > ข่าวทั่วไทย > หวั่น..ลางบอกเหตุ"เมฆริ้ว"อาจสาเหตุแรงลม
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,537
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    ขอบคุณจขกท ค่ะ

    ;aa26
     
  3. s3515941

    s3515941 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +1,193
    ผมก็สังเกตุอยู่นะ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 54 น่ะเมฆก้อนนี้มันแปลกมากเลย

    เนื่องจากขอบมันเป็นวงกลม และมีขนาดบางเท่ากันทั้งก้อน
    ถ้าจะให้คิดว่าเป็นปกติก็ เป็นไปได้ยากที่ลมจะพัดก้อนเมฆ(ตั้งใจทำยังทำไม่ได้) ให้มีลักษณะกลม และมีขนาดใหญ่เป็นกิโลๆได้

    มาวันนี้ 30 ม.ค. 54 ได้ข่าว หลวงตามหาบัวละสังขารอีก เศร้า ToT ซึ่งก่อนหน้านี้ 24 ม.ค.54 หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป ก็เพิ่งละสังขารเช่นกัน

    ลองสังเกตุดูนะช่วงหลังๆนี้ ผมมองท้องฟ้าบ่อยๆ มันแดงๆน่าเศร้ายังไงไม่รู้
     
  4. dark light

    dark light สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่ประมาท

    การที่เราไม่ประมาท มันก็เป็นการดีนะ ไม่ว่าเหตุจะเกิดหรือไม่ มันก็ไม่มีอะไรเสียหาย หากว่าเราดำรงค์ชีวิตอยู่อย่างมีสติ ธรรมชาติก็มีการเปลี่ยนแปลงเสมอเมื่อทุกสิ่งไม่มีความสุมดุล มันก็จะปรับสมดุลของมันเอง เพื่อให้โลกอยู๋ได้แต่ว่าเราเป็นมนุษย์ตัวเล็กๆการอยู่ในโลกนี้ก็ต้องลำบากเป็นธรรมดา เมื่อธรรมชาติเกิดการปรับสมดุล สิ่งมีชีวิตไหนที่ปรับตัวไม่ได้ก็สูญหายไปเป็นธรรมดา ลองสังเกตุดู อย่างออสเตรเลีย กับบราซิล นี้ก่อนเกิดเหตุการร้ายแรง จะมีปรากฎการณ์ปลาตายเป็นจำนวนมากอีกประมาณ1-2เดือนก็เกิดเหตุภัยภิบัติ เราต้องมั่นสังเกตุธรรมชาติ ดู ขณะนี้ทั่วโลกมีเหตุการณ์ปลาตายนกตายวัวตายควายตาย เยอะมาก ที่โคลัมเบีย ทวีปอเมริกาใต้ แผ่นดินได้แยก ต้องอพยพย้ายบ้านหนี เหมือนเปลือกโลกเริ่มเคลื่อนตัวเพื่อปรับสมดุลแล้ว ภูเขาไฟหลายแห่งเริ่มปะทุ ก็คิดดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ แต่อย่าถึงกับวิตกจนทำการทำงานไม่ได้อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ทำให้ดีที่สุดอย่าดำรงค์ชีวิตอย่างคนประมาท ทำบุญทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา คนเราหนีไม่พ้นความตายซักคน แต่อย่าประมาท
    อันนี้มันเป็นความคิดส่วนตัวเราถ้าขัดแย่งกับใครเราก็ต้อง ขอโทษด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2011
  5. แมวน้ำ9

    แมวน้ำ9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    689
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +512
    ยืนดูอยู่เหมือนกันค่ะ วันนั้นดูอยู่เพราะว่าแปลกตาดีค่ะ
     
  6. ืnotttep123

    ืnotttep123 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +11

    ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดีครับผม

    แต่รายละเอียดมิสามารถเปิดเผยได้ ^^

    ใช้ครับคุณคิดถูกแล้ว อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

    ให้หมั่นทำความดี รักษาศีลให้หมั่นคง เพราะศีลเป็นตัวปิดกั้นนรก

    ผู้ใดไม่มีศีล ไม่มีสัจจะ และไม่มี หิริโอตับปะ คือการละอาย และเกรงกลัวต่อบาป

    ผู้นั้นจะพบแต่ความชิบหายตลอดกา<wbr>ล
     
  7. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    เบื้องลึกในความฉงน 'เมฆประหลาด' ธรรมชาติ...หรือลาง?


    [​IMG]



    "ถ้าจะพูดกันในเชิงลางบอกเหตุ หรือเป็นเรื่องของนิมิต สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือธรรมชาติ ก็อาจจะเป็นการต้องการที่จะสื่อสารอะไรบางอย่างกับมนุษย์ก็เป็นได้ ซึ่งธรรมชาติอาจจะต้องการบอกเหตุล่วงหน้าเพื่อให้มนุษย์ได้เตรียมตัวกับเหตุการณ์นั้น ๆ ส่วนจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีนั้น ขึ้นอยู่ที่การตีความหมายจากรูปเมฆที่เกิดขึ้นมา” ...เป็นการระบุของ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กับปรากฏการณ์ “เมฆประหลาด” เมฆรูปร่างแปลก ๆ ที่เกิดบนท้องฟ้าเหนือกรุงเทพฯ เมื่อวันก่อน

    ว่ากันในมุม “ลางบอกเหตุ” ก็มีคนเชื่อไม่น้อย
    และบางคนก็หวั่นว่าจะเป็นเหตุ “ภัยธรรมชาติ”
    แต่ก็มีผู้ระบุว่า “เป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติ!!”

    ทั้งนี้ ปรากฏการณ์เมฆแปลก ๆ ที่เกิดบนท้องฟ้าเหนือกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมานั้น เมฆบนท้องฟ้ามีลักษณะเป็นริ้ว ๆ ผสมกับสีแดงของท้องฟ้า ดูแปลกตา จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว โดยเฉพาะในโลกอินเทอร์เน็ต และก็เกิดกระแสข่าวลือที่โยงกับเหตุการณ์ “แผ่นดินไหวครั้งใหญ่” นัยว่า...ในประเทศจีน เมื่อปี 2551 ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ริคเตอร์ ก็มีคนพบเห็นเมฆรูปทรงคล้าย ๆ กันนี้

    อย่างไรก็ตาม ทางกรมอุตุนิยมวิทยาของไทย บอกว่า...ปรากฏการณ์เมฆบนท้องฟ้าเป็นริ้ว ๆ นี้มีสาเหตุจากบนท้องฟ้ามีกำลังลมพัดแรง ทำให้เมฆไม่เกาะเป็นกลุ่ม ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้หากวันไหนมีลมที่แรง ไม่เกี่ยวข้องหรือเป็นสัญญาณบ่งบอกเรื่องการเกิดแผ่นดินไหวที่เป็นเรื่องของแผ่นเปลือกโลก

    ก็เป็น 2-3 ด้านที่พูด ๆ กันเมื่อวันก่อน แต่ทั้งนี้...กับเรื่องของ “เมฆ” นี้ ก็มีมุมเฉพาะที่น่าสนใจ โดย ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักสื่อสารทางวิชาการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และประธานชมรมคนรักมวลเมฆ (หน้าแรก - ภาพเด่นวันนี้ :: ชมรมคนรักมวลเมฆ) บอกผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า ในทางวิทยาศาสตร์มีการศึกษาเรื่องของเมฆกันเฉพาะ เรียกว่า “ศาสตร์แห่งเมฆา” หรือ “เมฆาวิทยา” มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า เนโฟโลจี (Nephology) โดยเมฆที่เห็น ๆ กันนั้นแทบทั้งหมดจะอยู่ในชั้นบรรยากาศที่เรียกว่าโทรโพสเฟียร์ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่อยู่ติดกับพื้น มีความหนาแตกต่างกันไป ขึ้นกับละติจูดและฤดูกาล

    เมฆนั้นจัดแบ่งตามรูปร่างได้ 3 ประเภทหลัก คือ เมฆก้อน, เมฆแผ่น, เมฆฝอย และยังมีการแบ่งสกุลของเมฆในบรรยากาศชั้นโทร โพสเฟียร์เป็น 10 สกุลหลัก ได้แก่ 1. คิวมูลัส, 2. สตราตัส, 3. สตราโตคิวมูลัส, 4. นิมโบสตราตัส, 5. อัลโตคิวมูลัส, 6. อัลโตสตราตัส, 7. ซีร์รัส, 8. ซีร์โรคิวมูลัส, 9. ซีร์โรสตราตัส, 10. คิวมูโลนิมบัส นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งย่อยเมฆออกเป็นชนิด และแบ่งออกเป็นพันธุ์ของเมฆได้อีกยิบย่อย

    นอกจากเมฆพื้นฐานแล้ว ในทางวิทยาศาสตร์ก็มีการบันทึกปรากฏการณ์เมฆรูปร่างแปลก ๆ พิสดาร ไว้เช่นกัน อาทิ เมฆตะขาบยักษ์ (Cirrus vertebratus), เมฆม้วนกลิ้ง (Roll Cloud), เมฆลายปลาแมคเคอเรล (Mackerel Sky), เมฆลายพลิ้ว เคลวิน-เฮล์มโฮลตซ์ เป็นต้น

    ส่วนเมฆที่มีลักษณะเป็นริ้ว ๆ ที่เห็นในกรุงเทพฯเมื่อวันก่อน ดร.บัญชาอธิบายว่า...มีชื่อว่า อัลโตคิวมูลัส สตราติฟอร์มิส (Altocumulus stratiformis) โดยคำว่า “อัลโตคิวมูลัส” หมายความว่า เป็นเมฆที่มีลักษณะตะปุ่มตะป่ำเป็นก้อน มีความสูงปานกลาง อยู่สูงจากพื้นดินราว 2-6 กิโลเมตร ส่วนชื่อต่อท้าย “สตราติฟอร์มิส” เป็นภาษาละติน หมายถึง เมฆที่มีลักษณะแผ่ออกเป็นชั้นในแนวนอน ซึ่งเป็นเมฆที่ไม่ทำให้มีฝน มักจะเกิดในสภาพอากาศที่มีความชื้นมาก และเกิดเพราะกระแสลมหอบเอาเมฆก้อน ๆ เหล่านี้ขึ้นมา

    “เมฆชนิดนี้สามารถเกิดได้ในระดับที่ต่ำกว่าและสูงกว่านี้ แต่จะไม่มีความน่าสนใจเท่ากับการเกิดขึ้นในระดับกลาง ที่เมื่อประกอบกับได้แสงสีจากดวงอาทิตย์ ยิ่งทำให้ดูแปลกตาสวยงาม”

    ดร.บัญชาระบุอีกว่า...เมฆชนิดนี้เกิดได้บ่อยและมีหลายรูปทรง แบบธรรมดาที่เจอบ่อยจะเป็นก้อนใหญ่บ้างเล็กบ้าง แต่ที่สะดุดตาและสวยงามคือแบบที่เรียกว่า “เมฆลายปลาแมคเคอเรล” ที่ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า อัลโตคิวมูลัส อันดูเลตัส และที่ทำให้คนฮือฮามาก ก็ “เมฆจานบิน” หรือ อัลโตคิวมูรัส เลนติคิวลาริส

    ทั้งนี้ ดร.บัญชาก็ยืนยันว่า...ยังไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลยืนยันได้ว่าหากพบเมฆลักษณะนี้จะมีเรื่องของแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพ โทรศัพท์มือถือ กระแสความนิยมการอัพโหลดภาพขึ้นเฟซบุ๊ก และความรวดเร็วของอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน มีอิทธิพลทำให้ผู้คนหันมาสนใจบันทึกและบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี อาจใช้เป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างดี

    ทิ้งท้าย นักวิชาการรายนี้บอกว่า...“ความสงสัยเป็นแรงผลักดันที่ดีที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ เพราะเรื่องดินฟ้าอากาศนี่มนุษย์เราหนีไม่ได้ ถ้าเรารู้ก็สามารถวางแผนได้ ส่วนเรื่องความเชื่อ ก็ช่วยทำให้คนสนใจ ซึ่งก็ทำให้วิทยาศาสตร์เข้าไปแทรกได้ ทำให้คนสนใจต่อได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องไม่เกินเลย...

    จนกลายเป็นคำว่า...งมงาย ?!?!?”.


    ------------
    เดลินิวส์
    Daily News Online > หน้าการเมือง > สกู๊ปหน้า 1 > เบื้องลึกในความฉงน 'เมฆประหลาด' ธรรมชาติ...หรือลาง?
     

แชร์หน้านี้

Loading...