ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ต้นฉบับดั้งเดิมมีดังนี้ครับ

    สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นจากเหตุการปลงชีพของผู้นำประเทศตะวันออกกลาง สงครามจะถึงจุดสูงสุดปี 2002 เมื่อประเทศตะวันตกทิศเหนือ (อเมริกา ?) ไม่อาจยอมทนต่อไปกับการวางระเบิดแบบสละชีพและก่อการร้ายของชนประเทศตะวันออกลางต่ออธิปไตยของประเทศ
    สงครามโลกครั้งที่ 3 มีประเทศร่วม 125 ประเทศ ใช้เวลา 9 ปี
    สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเริ่มด้วยระเบิดนิวเคลียร์ของประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย (จีน?) ต่อชาติเล็กคู่อริที่ไม่ลงรอยกันเป็นเวลา 50 ปี (ไต้หวัน?)
    ระเบิดนิวเคลียร์ลูกที่ 4 และ 5 จะเกิดในประเทศที่เพิ่งผ่านการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่มีการนองเลือด (อินโดนีเซีย?) ซึ่งมีผู้เสียชีวิตเป็นล้านเฉพาะในประเทศนี้ และเนื่องจากความยากจนข้นแค้น ประเทศนี้จะยึดประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ (สิงคโปร์? มาเลเซีย ? บรูไน ?) เป็นเวลาอีก 15 ปี ผู้นำที่มีเชื้อสาย ผู้อพยพจะเป็นผู้ปกครองในปีที่ 16 และประเทศนี้ในที่สุดจะแยกเป็น 8 รัฐ โดยมีผู้ว่าการรัฐปกครองในแต่ละรัฐ
    สองประเทศจากคาบสมุทรอินเดีย (อินเดียและปากีสถาน?) จะสงครามกัน และมีกำลังจากต่างประเทศ (UNSCOM?) ยื่นมือเข้ามาดูแลประเทศทั้งสอง เป็นเวลา 8 ปี และจะแบ่งเป็น 3 ประเทศเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 3
    ที่มา http://www.saranair.com/article.php?sid=12143
     
  2. vena

    vena เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +590
    (verygood) ขอบคุณมากค่ะคุณเกษม
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิเคราะห์เรื่องคำทำนายเรื่องสงครามใหญ่ของหลวงพ่อครับ
    (คัดลอกมาจากเว็บคนเมืองบัว)

    <TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>เป็นแค่คำวิเคราะห์ครับ ของปุถุชนที่หนาไปด้วยกิเลสอย่าคิดมาก คนที่ยังไม่รู้เรื่องก็ดูที่นี่ครับ http://www.larnbuddhism.com/grammathan/payagon.htm

    1.ทำไมหลวงพ่อฤาษีฯ ไม่เรียกว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 ทำไมถึงเรียกว่าสงครามใหญ่

    // ต้นๆที่พยากรณ์ ว่าจะเกิดสงครามใหญ่ ผมก็จินตนาการไปว่าคงร้ายแรง มีนิวเคลียร์ มีการรบกันแบบสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย ผมก็งง เลยคิดไปว่าการทำนายของหลวงพ่อคลาดเคลื่อนหรือ? เลยไปถามป้านิภา และลุงยกทรง ท่านก็บอกมาว่ามันเริ่มแล้วละ อีกประมาณ 7 ปีถึงจะจบ ผมก็สงสัยเอ๊ะไม่เห็นมันจะมีอะไรเลย

    แต่พอมาดูข่าวทุกวันๆ ก็พบว่ารอบโลกก็รบกันอย่างหนัก แต่กระจายไปทั่วทุกประเทศ มิน่าละหลวงพ่อถึงไม่เรียกว่าสงครามโลก ถ้าสงครามโลกคือการรบแบบแบ่งเป็น 2ฝ่ายแล้วซัดกันแหลก แต่นี่กระจายกันรบนี่เอง ไทยก็รบกับเขาด้วย ​

    ผมเคยถามนายทหารที่เขาอยู่ที่ภาคใต้ ถามว่าทำไม มีคนส่งพระลงไปเยอะแยะทำไมยังมีคนตายอยู่อีก เขาก็เล่าว่า ร้อยละ 80 นับถือศาสนาอิสลาม แจกพระไปเขาก็ไม่ใส่หรอก ?!!!!

    สรุปแล้วหลวงพ่อพูดเป็นความจริง ยักษ์ทั้ง 2 ต้องตายไปอย่างละครึ่งจริงๆ แม้จะอยู่ที่ใดของมุมโลกก็ตาม ​

    2.น้ำมัน

    ผมก็สงสัยไปว่าทำไมน้ำมันไทยก็มีเยอะแยะ แต่เอาขึ้นมาไม่ได้ ผมเลยไปถามวงในดู เขาบอกว่ามันติดสัญญาของอเมริกา ว่าจะต้องให้บริษัทของอเมริกาขุดขึ้นมาเท่านั้น เขาจึงแอบๆ กันยังไม่เปิดเผยจนกว่าร่างสัญญานี้จะถูกทำลายเสียก่อน มี 2 ทางเท่านั้นคือ ​

    1.อเมริกาสิ้นชาติ
    2.อเมริกาไม่ใช่มหาอำนาจอีกแล้ว
    มีการคาดการณ์ว่าอีกไม่นานจีนจะมาเป็นเจ้าโลก แต่ผมเชื่อมั่นในหลวงพ่อผมว่า เป็นข้อ 1 มากกว่านะ​

    เอามาวิเคราะห์เพลินๆครับอย่าคิดมาก ​


    </TD></TR><TR align=right><TD>จากคุณ .. เมื่อวันที่ 26/12/2549 17:26:51 </TD></TR></TBODY></TABLE>​

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2006
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภาพเมื่อโลกถูกระเบิดนิวเคลียร์ทำลาย

    [​IMG]

    ในหนังสือ
     
  5. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=186 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=186>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=8>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top>ปลาวาฬเกยตื้น
    ซากปลาวาฬบลูด้า ขนาดใหญ่ยาว 15 เมตรน้ำหนักกว่า 10 ตัน ลอยมาเกบตื้นบนหาดบ้านท่าเข็ม ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ชาวบ้านและประมงจังหวัดเตรียมฝังเพื่อนำโครงกระดูกไปเก็บพิพิธภัณฑ์โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง</TD></TR></TBODY></TABLE>


    ************ สัตว์ใหญ่ขึ้นมาตายบนบก เป็นสัญญาณเตือนบางอย่าง ***********
     
  6. RICK

    RICK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +380
    ทำไมมีปลอมได้ครับ และ คำว่า "อนุตตรธรรม" หมายถึงผู้ปฏิบัติธรรมทั่วไปหรือลัทธิครับ
     
  7. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE id=Table9 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left height=118><TABLE id=Table1 cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#2b3189><TD class=messageblack vAlign=top align=left bgColor=#ffffff height=32><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#2b3189><TD class=messageblack vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>28 ธ.ค. ลุ้นระทึกอีกรอบ คลื่นวิปโยคถล่มอ่าวไทย สัญญาณอันตรายวิกฤติโลก


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=top align=left width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=top align=left>จากกรณีมวลอากาศเย็นสัมผัสกับผิวน้ำทะเล จนทำให้เกิดคลื่นยักษ์กระทบชายฝั่ง ขนาดเท่าตึก 2 ชั้น ซัดถล่มทำลายพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยจนพังเสียหายยับเยิน จนทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งต้องอพยพย้ายถิ่นฐานหลบหนี

    โดยคลื่นวิปโยคพัดถาโถมซัดถล่มชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออกจนราบคาบเป็นหน้ากลอง สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมชายฝั่งทะเลอ่าวไทย เริ่มตั้งแต่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ต้องอพยพขนย้ายข้าวของหนีคลื่นยักษ์กันอย่างโกลาหล ทั้งที่ตามปกติแล้ว จะคุ้นเคยกับคลื่นลมในทะเลเป็นอย่างดี จนทำให้บางพื้นที่ถึงขั้นประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ต้องเร่งอพยพประชาชนนับพันไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วน

    จึงทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า...เหตุใด...? “คลื่นทะเล” ถึงบ้าคลั่งและมีความรุนแรงได้ถึงเพียงนี้

    อาจจะด้วยจากสภาพทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยในพื้นที่ในภาคใต้ มีลักษณะเป็นปลายแหลมยื่นออกไประหว่างมหาสมุทรแปซิฟิก หรือ ทะเลจีนใต้ เรียกว่าฝั่งตะวันออก มีแนวชายทะเลติดกับอ่าวไทย ตั้งแต่ปากน้ำเจ้าพระยา ไปจนถึงเมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย ความยาวประมาณ 1,840 กิโลเมตร ส่วนอีกด้านเป็นฝั่งตะวันตกติดกับมหาสมุทรอินเดียหรือทะเลอันดามัน และทุก ๆ ปี ภาคใต้ของประเทศไทย จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด อันเป็นเหตุปกติของพื้นที่ติดกับชายฝั่งทะเล คือลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่เกิดขึ้นระหว่าง เดือน พ.ค.-ต.ค. ของทุกปี โดยลมมรสุมที่ว่านี้จะส่งผลทำให้พื้นที่ภาคใต้ฝนตกชุกกับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ จะเกิดขึ้นระหว่าง กลางเดือน ต.ค. ไปจนถึงเดือน ก.พ. เป็นมรสุมที่พัดเอามวลอากาศเย็นจากประเทศจีน และมองโกเลีย จะส่งผลทำให้ประเทศไทยตอนบน คือ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศหนาวเย็น ส่วนในพื้นที่ภาคใต้ทะเลจะมีคลื่นลมแรง

    ในวันที่ 14 ธ.ค. 49 กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนภัย ฉบับที่ 1 ให้พื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะฝั่งอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรงสูงถึง 2-4 เมตร พร้อมกับประกาศห้ามเรือเล็กออกจากฝั่ง จึงนับเป็นสัญญาณเตือน ประกาศให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย รับรู้ว่ากำลังเข้าสู่หน้ามรสุมแล้ว

    แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าการที่ต้องเผชิญกับลมมรสุมในปีนี้ จะเป็นการเผชิญกับความสูญเสีย เพราะแรงลมที่พัดกระหน่ำจากกลางทะเล จะทำให้เกิดคลื่นสูงกว่า 5 เมตร นับครั้งไม่ถ้วน ถาโถมเข้ากระหน่ำชายฝั่งอย่างบ้าคลั่งและต่อเนื่องยาวนานติดต่อกัน 4-5 วัน ทำให้แนวชายฝั่งตะวันออก ไล่ลงไป ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี จนถึงนราธิวาส ต้องพังพินาศจากความบ้าคลั่งของคลื่นลมแรงในทะเลอ่าวไทย จนทุกจังหวัดต้องประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติ เพื่อให้สามารถป้องกันและรับมือสถาน การณ์ฉุกเฉินจากภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา และผลจากคลื่นลมทำให้บ้านเรือนราษฎร ถนนหนทาง ชายหาด ในจังหวัดที่ประสบภัยเสียหายยับเยิน ยังไม่สามารถประเมินค่าได้ แต่เบื้องต้นเชื่อว่า จะมีความเสียหายไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ยังไม่นับรวมการขาดรายได้ของประชาชนในพื้นที่ ระหว่างที่เจอกับภาวะคลื่นลมแรง เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและการประมง

    การเกิดคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำชายฝั่งทะเลอ่าวไทยในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นปรากฏการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเป็นข้อขบคิดให้นักวิชาการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่างพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุน ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เกิดความรุนแรงจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียง เหนือ โดยเหตุผลหนึ่งเชื่อว่า เกิดจากลมหนาวที่พัดติดต่อกันยาวนานอยู่กลางทะเล ทำให้ระยะสัมผัสระหว่างลมกับน้ำทะเลมีมาก และยิ่งช่วยผลักดันให้คลื่นเดินทางได้ไกลขึ้น และมีลักษณะคล้าย “สึนามิ” คือ หากอยู่กลางทะเลคลื่นจะไม่สูงมากนัก แต่เมื่อเข้าใกล้ฝั่งจะยิ่งทำให้คลื่นสูง และทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่า อาจจะมีความสูงถึง 10 เมตร นั้น อาจมีอันตรายน้อง ๆ คลื่นยักษ์สึนามิเลยทีเดียว

    โดยคลื่นยักษ์ที่ว่านี้ นักวิชาการให้คำจำกัดความไว้ว่า เป็นคลื่นทะเลชนิดหนึ่ง ที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “Swell” น่าจะเกิดจากลมมรสุมฤดูหนาวที่พัดผ่านมาทางทิศเหนือตามลิ่มของมวลอากาศเย็น ที่ปกคลุมภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้นานต่อเนื่องกันหลายวัน และเมื่อคลื่นอยู่ในทะเลจะมีความสูงเพียง 1-2 เมตร แต่เมื่อเข้าสู่ที่ตื้นความเร็วจะชะลอตัวลง แต่จะให้คลื่นเพิ่มความสูงมากขึ้น จนกลายเป็นคลื่นยักษ์ถล่มเข้าชายฝั่ง แต่หากคลื่นยักษ์ที่ว่านี้ไปเกิดแถบชายฝั่งหาดไมอามี รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา จะไม่สร้างความเสียหาย และบรรดานักเล่นกระดานโต้คลื่น จะใช้ประโยชน์จากคลื่น ด้วยการออกมาเล่นกระดานโต้คลื่นกัน

    ขณะที่นักวิชาการคาดการณ์กันด้วยว่า ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ในครั้งนี้ มาจากภาวะที่โลกร้อน ส่งผลให้ปริมาณน้ำทะเลสูงกว่าปกติ เมื่อปะทะกับมวลอากาศเย็นทำให้เกิดคลื่นลมแรงกว่าปกติ ประกอบกับทะเลอ่าวไทยแคบ ทำให้แนวคลื่นปะทะเข้าชายฝั่งอย่างรุนแรง และเชื่อว่าปัญหาโลกร้อน จะยิ่งสร้างปัญหาการกัด เซาะชายฝั่งที่รุนแรงมากขึ้นทุกปีอย่างแน่นอน

    ขณะเดียวกันสภาวะสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป มีการสร้างเขื่อนกั้นคลื่น การตั้งบ้านเรือนอยู่ชายทะเล โดยไม่มีหน่วยงานควบคุมดูแล เพราะปกติชายฝั่งทะเลจะมีแนวกั้นคลื่น ที่สร้างโดยธรรมชาติ คือ ป่าโกงกาง แต่ถูกบุกรุกทำลาย และมีสิ่งก่อสร้างด้วยน้ำมือมนุษย์เข้าไปทดแทน จึงทำให้ดูเหมือนว่าวัฏจักรของธรรมชาติ คือ ผู้ทำลายล้าง ทั้งที่ความเป็นจริงความสูญเสียที่เกิดขึ้นเกิดมาจากน้ำมือมนุษย์

    สำหรับการแจ้งเตือนภัยฉบับล่าสุดของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่คาดการณ์เอาไว้ว่า ในวันที่ 28 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ จะเกิดคลื่นลมแรงอีกครั้ง และเชื่อว่าจะรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากมีภาวะน้ำทะเลหนุนสูงสุดในรอบปี เป็นการคาดการณ์ที่อาศัยการจำลองทางคณิตศาสตร์ และโอกาสที่จะเกิดขึ้นจริง มีมากกว่าร้อยละ 80 แม้ว่าการเกิดคลื่นยักษ์ในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย จะยังไม่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต แต่การเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในแหล่งท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ย่อมส่งผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะอันดับแรกที่ต้องคำนึงถึง คือ ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และไม่ต้องการให้ภัยทางธรรมชาติต้องกลับมาซ้ำเติมชาวภาคใต้อีกครั้ง

    แต่ผู้คนทั่วไปมักจะคาดไม่ถึงกับภัยธรรมชาติรูปแบบใหม่ ที่มักจะเกิดขึ้นได้เสมอ ๆ ขนาดเพียงแค่คลื่นที่เกิดจากลมมรสุมฤดูหนาวตามธรรมชาติแบบธรรมดา ๆ ทั่วไป ยังก่อให้เกิดคลื่นซัดทำลายพื้นที่เลียบชายฝั่งจนราบคาบเสียหายยับเยิน แล้วถ้าเป็นคลื่นพายุฤดูฝนขนาดยักษ์ พัดถล่มชายฝั่งแล้ว จะมีสภาพเป็นอย่างไร... ?

    ใกล้เวลาแล้วหรือ...? “คลื่นยักษ์วิปโยค” จะส่งสัญญาณอันตรายกลับมาทวงแผ่นดินคืนสู่ท้องทะเล...!!!
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>ref.http://www.dailynews.co.th/dailynews...e=2&Template=1<!-- / message --><!-- sig -->

    ____________________________________________________________
    พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้...


    ทำบุญร่วมสร้างวิหารจตุรมุข เพื่อประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ 4 เจดีย์ณ.วัดตุ๊กตา

    ขอเชิญร่วมสร้างหลวงปู่ใหญ่พระนวโลกุตตระโลกอุดรองค์ใหญ่ที่สุดในโลก

    ข้อมูลโพสจากคุณGauwn ครับผม
     
  8. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    อาจารย์ตาที่สาม (The Third Eyes) ได้โพสไว้ว่า

    "สังหรณ์ใจอยู่ว่า
    ระหว่าง 15-31 มค 50
    อาจจะมีอะไร ให้ตื่นเต้นกันย้าง
    เตรียมๆๆไว้บ้างก็จะดี
    ครับ"

    เอ... จะเป็นเรื่องอะไรน้า...
    <!-- / message -->
     
  9. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ผมว่าเรื่องอดีตนายกต้องกลับมาเมืองไทยเพื่อให้ปากคำ หมอดูทุกสำนักก็เดาช่วงนี้กันหมดว่าให้สังเกตุให้ระวัง ความเป็นพ่อเป็นแม่ยังไงก็ไม่ปล่อยให้ลูกๆสู้กันเองหรอก
     
  10. chakrit

    chakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +966
    โมทนาชัดเจนดีครับ
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ<O:p</O:p

    ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะได้นำมาให้อ่านต่อไปนี้ ได้มาจากหนังสือเรื่อง
     
  12. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622
    คนที่จะเหลือรอด ทันเหตุการณ์ แผ่นดินไหวทั่วโลก และการกำเนิดแกนโลก

    ใหม่ มีน้อยมากครับ ในเอเชีย ส่วนมากจะตายด้วยอาวุธที่ยิงจากดาวเทียม

    ของอเมริกา กันเกือบหมด สิ่งที่สำคัญมากที่สุดในตอนนี้ที่เราควรทำเป็นอันดับ

    แรก สำหรับคนที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน ก็คือ การฝึกสมาธิ แนวเจริญสติ ที่

    สามารถกระตุ้นเซลได้ การฝึกพลัง จักรวาลก็สามารถกระตุ้นเซลล์ได้นะ เพราะ

    สามารถกระตุ้นจักระทั้ง ๗ได้

    เมื่อเรากระตุ้นเซลล์ได้แล้ว จึงค่อยไปยังที่ๆปลอดภัย ตอนนี้มีคนฝึกพลัง

    จักรวาลกันมาก อย่างสายคุณย่าเยาวเรศก็ห้าหมื่นคนแล้ว คนกลุ่มนี้แหละที่

    สามารถช่วยตัวเองในยามคับขันได้ ผมยังไม่แน่ใจ ว่าการเจริญสติธรรมดาจะ

    กระตุ้นเซลล์ได้ผลเท่าไร ไว้ผมมีข้อมมูลจะมาเขียนลงใหม่ ส่วนเรื่องการหนีภัย

    เมื่อถึงเวลาทุกคนเขาจะไปรวมกันเอง ผมคิดว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์นี้มี

    ถึงเก้าสิบเก้าเปอเซน
     
  13. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD width="100%" bgColor=#204080 colSpan=2 rowSpan=2>
    • <!--WapAllow0=Yes--><!--pda content="begin"--><B><BIG><BIG><!--Topic-->รู้ป่าว ศ.นพ. ประสาน ต่างใจ ก็น้ำท่วมโลกด้วยคน </BIG></BIG></B>
    • <!--MsgIDBody=0-->นอกจากแม่ชี
      และด็อกเตอร์ผู้หญิงจำชื่อไม่ได้
      ที่เป็นฟอร์เวิดเมล์เมื่อปีที่แล้ว
      เพิ่งรู้ว่า ศ.นพ. ประสาน ต่างใจ ก็น้ำท่วมโลกด้วยคน
      บังเอิญเราได้อ่าน
      Introducing Chaos
      ทฤษฎีไร้ระเบียบ
      ที่สำนักพิมพ์มูลนิธิเด็กเพิ่งแปลออกมาสดๆร้อนๆ
      ในคำนิยมที่เขียนโดย ศ.นพ. ประสาน ต่างใจ
      มีตอนนึงกล่าวไว้ว่า
      "ตราบจนปัจจุบัน ผมก็ยังเชื่อมั่นต่อการคาดการณ์เช่นนั้น
      คือ น้ำจะต้องท่วมโลกในปี 2553
      โดยเริ่มจากที่ลุมต่ำบริเวณทะเลอันดามัน บังคลาเทศ
      ประเทศที่เป็นเกาะแก่งในมหาสมุทรแปซิฟิคและมหาสมุทรอินเดีย"
      เราตกข่าวอะไรไปหรือเปล่าคะ
      ทำไมเค้าถึงได้เชื่อตรงกันขนาดนี้
      ไปฟังสัมมนางานเดียวกันมา
      หรือมีทฤษฎีสมคบคิดอะไรกันอยู่เหรอ <!--MsgFile=0-->
      จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->แมวบอส<!--End Console-->​

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <!--pda content="begin"--><HR align=center width="90%" color=#f0f0f0><!--pda content="end"-->
      • <!--MsgIDTop=1--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD> <!--WapAllow1=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 1 <!--InformVote=1--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[1], 1);</SCRIPT><!--EcardManage=1--><!--EcardSend=1-->
        • <!--MsgIDBody=1-->ไม่ว่าจะเคยทายมากี่ครั้ง ขอให้ถูกครั้งเดียว ก็ดังได้แล้วครับ <!--MsgFile=1-->
          จากคุณ : <!--MsgFrom=1-->TheShadow - [ <!--MsgTime=1-->30 ต.ค. 49 01:28:25 <!--MsgIP=1-->] <!--pda content="end"-->​

        </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


        <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=1--><!--MsgIDTop=2-->
        <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>ความคิดเห็นที่ 2 <!--EcardManage=2--><!--EcardSend=2-->

        • <!--MsgIDBody=2-->นึกถึง อดีตอธิบดีกรมอุตุ ที่พยากรณ์เรื่อง Tsunami ไว้
          แล้วโดนหัวเราะเยาะไปทั่ว ... ถึงขั้นถูกขู่ฆ่าด้วยซ้ำ
          คุณ TheShadow มีึความเห็นเกี่ยวกับคำพยากรณ์ที่ีว่ามา อย่างไรบ้างครับ? <!--MsgFile=2-->
          จากคุณ : <!--MsgFrom=2-->แมวเหมียวพุงป่อง - [ <!--MsgTime=2-->30 ต.ค. 49 06:16:36 <!--MsgIP=2-->] <!--pda content="end"-->​

        </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​



        <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=2--><!--MsgIDTop=3-->
        <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#442244 border=1><TBODY><TR><TD> <!--WapAllow3=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 3
        <!--MsgIDBody=3--> น้ำต้องท่วมโลกเข้าสักวันแน่นอนอยู่แล้วครับ
        • แต่ถ้าจะให้ท่วมแบบลบประเทศออกจากแผนที่โลก อาจจะต้องรออีกหลายหมื่นหลายแสนปี <!--MsgFile=3-->
          จากคุณ : <!--MsgFrom=3-->ช่างไฟ - [ <!--MsgTime=3-->30 ต.ค. 49 07:51:41 <!--MsgIP=3-->] <!--pda content="end"-->​

        </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​



        <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=3--><!--MsgIDTop=4-->
        <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>ความคิดเห็นที่ 4 <!--EcardManage=4--><!--EcardSend=4-->

        • <!--MsgIDBody=4-->คิดไม่ออกครับ ว่าเหตุผลอะไรที่จะทำให้น้ำท่วมโลกได้
          เป็นเพราะโลกเล็กลงหรือ หรือน้ำแข็งขั้วโลกเหนือใต้ละลายหมด หากไม่ใช่แล้วน้ำมาจากไหน คิดไม่ออกครับ ปัญหาสูงเกินไป มองไม่ถึงครับ <!--MsgFile=4-->
          จากคุณ : <!--MsgFrom=4-->บุญถิ่น - [ <!--MsgTime=4-->30 ต.ค. 49 08:23:22 <!--MsgIP=4-->] <!--pda content="end"-->​

        </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​



        <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=4--><!--MsgIDTop=5-->
        <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224444 border=1><TBODY><TR><TD>ความคิดเห็นที่ 5 <!--InformVote=5--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[5], 5);</SCRIPT>

        • <!--MsgIDBody=5-->ท่วมชัวร์ๆ
          แต่ไม่เชื่อว่าท่วมกันมิด อย่างรวดเร็วแบบที่ถูกวาดภาพให้เชื่อมา
          กระบวนการมันเริ่มมาแล้ว และจะเดินหน้าไปเรื่อยๆ ในอัตราเร่ง
          น่าจะอีกหลายชั่วอายุครับ กว่าจะท่วมได้มากอย่างที่เชื่อกัน <!--MsgFile=5-->
          จากคุณ : <!--MsgFrom=5-->อะธีลาส - [ <!--MsgTime=5-->30 ต.ค. 49 08:54:18 <!--MsgIP=5-->] <!--pda content="end"-->​

        </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​



        <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=5--><!--MsgIDTop=6-->
        <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2006
  14. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    บัวสี่เหล่า


    ในเหล่าที่มืดบอดที่สุดนั้น ล้วนหนาแน่นด้วย อัตตา แล โมหะ

    ให้ปลงใจว่าเป็นวาระวิถีแห่งการชดใช้กรรมของเขาทั้งหลายเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ธันวาคม 2006
  15. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=text vAlign=top bgColor=#efefef><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smText width="96%">ฝากข้อความไว้เมื่อ : 12 พฤศจิกายน. 2548 เวลา 13:00:43 | หมายเลขIP : ไม่แสดง</TD><TD align=right width="4%"></TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD class=text colSpan=2><!-- Message body -->
    หมอประสานทำนาย 2012 น้ำท่วมโลก



    เมื่อวันที่ 29 พ.ค.โครงการผู้จัดการสุขภาพ จัดกิจกรรม “อุทยานอนุรักษ์สุขภาพ ครั้งที่ 11” ณ บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์ ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก โดยในช่วงบ่าย คุณสนธิ ลิ้มทองกุล,ศ.น.พ.ประสาน ต่างใจ และ ดร.เทียนชัย วงศ์ชัยสุวรรณ ได้ร่วมกันเสวนา เรื่อง “พุทธศาสตร์กับอนาคตโลก โลกอนาคต” ซึ่งมีผู้สนใจเข้ารับฟังอย่างล้นหลาม ทีมข่าวคุณภาพชีวิต ผู้จัดการออนไลน์ได้นำการเสวนาตอนหนึ่งในเรื่องดังกล่าวมานำเสนอ ดังนี้
    สนธิ - รายการผู้จัดการสุขภาพ ซึ่งจัดเดือนละ 1 ครั้งนั้น นอกเหนือจากในงานจะมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้รอบรู้ในแนวทางตะวันออก ก็คือแนวทางใช้ภูมิปัญญาโบราณมาแนะนำให้กับพวกเรา เป็นวิชาและชั้นเรียนแล้ว นอกจากนั้นจะมีการเสวนาเป็นประจำ วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งของการสัมมนา เรื่องโลกอนาคตและปัจจุบัน โดยมีการผสมผสานวิทยาศาสตร์ พุทธศาสตร์เข้าด้วย ผู้ที่เชิญมาล้วนเป็นผู้ที่มีความสามารถมีภูมิปัญญาด้านนี้โดยเฉพาะ

    ท่าน นพ.ประสาน ต่างใจ ซึ่งเป็นที่ให้ความสนใจเรื่องของวิทยาศาสตร์กับพุทธศาสตร์มานานแล้ว และท่านสามารถอธิบายความให้เข้าใจได้ ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิอีกท่านคือ อ.เทียนชัย วงศ์ชัยสุวรรณ เป็นนักอนาคตศาสตร์ อาจารย์เทียนชัยได้มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว อาจารย์จะเล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นเพราะอะไร โดย อ.เทียนชัยใช้หลักพุทธธรรมอธิบายความเหมือนกัน และต่อไปอีกว่า แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จากการวิพากษ์วิจารณ์และเขียนหนังสือหลายเล่ม พบว่าอาจารย์ไม่ผิด พูดได้ถูกต้องหมดเลย พูดถึงความเสื่อมของสังคม ความเห็นแก่ตัว ในหนังสือของท่านั้นอาจารย์บอกว่าโลกกำลังจะเปลี่ยนไปหมดแล้วตอนนี้ ดูจากการเชื่อมโยงแนวโน้มโลกน่าจะดีขึ้น ดีขึ้นตรงที่ว่าชุมชนต่างๆ ชุมชนย่อย ชุมชนเล็ก ชุมชนน้อยพากันเกิดขึ้นและแต่ละชุมชนจะมีเครือข่ายที่เชื่อมโยงกัน และอนาคตโลกก็ต้องพึ่งพากับชุมชนพวกนี้

    อุทยานสุขภาพที่นี่ก็คือ 1 ในชุมชนที่เกิดขึ้น จากความเห็นใจกัน มาร่วมกันสร้างภูมิปัญญา สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน นี่คือเอกลักษณ์และเอกภาพที่พวกเราร่วมกันทำให้เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันชุมชนลักษณะเช่นนี้ แต่อาจจะคนละหัวข้อกันก็มีอยู่เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้านชุมชน ซึ่งแต่ละชุมชนเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมโลก อย่างชนิดที่เรียกว่าขับเคลื่อนออกมาแล้วจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ของโลกไปในทิศทางอีกทิศทางหนึ่ง ซึ่งจะกลายเป็นโลกอีกโลกหนึ่งซึ่งไม่เหมือนกัน ผมจึงอยากเปิดเรื่องนี้โดยอยากให้ อ.เทียนชันอธิบาย สิ่งที่ผมเพิ่งพูดให้ผู้มีเกียรติฟัง เพื่อผู้มีเกียรติจะได้เข้าใจว่า อ.เทียนชัยหมายความอย่างไร

    เทียนชัย – ผมเป็นคนสนใจเรื่องที่คุณสนธิพูดถึงคือเรื่องอนาคตศาสตร์และหลายครั้งพยายามจะนำศาสตร์ตะวันออกมาอธิบายให้เห็นว่าอนาคตโลกเคลื่อนตัวอย่างไร ผมใช้ศาสตร์ที่สำคัญอยู่ประมาณ 2-3 ศาสตร์ ศาสตร์พุทธอันหนึ่ง ศาสตร์เต๋าอันหนึ่งมาประสานกัน เรียกว่าการประสานศาสตร์ระหว่าง 2 สายศาสตร์เข้าด้วยกัน

    ศาสตร์พุทธผมเรียกว่า หลักปฏิจจสมุปบาท หรือเรียกว่า อิทัปปัจจยตาศาสตร์ และอีกศาสตร์หนึ่งคือ วัฏสงสาร คือการที่ทุกสิ่งมีขบวนการเคลื่อนตัวเป็นช่วงๆ เป็นจังหวะ เหมือนกับชีวิต ชีวิตของพวกเราทุกคนมีช่วงจังหวะของการเกิด ช่วงเกิดก็เป็นช่วงเด็ก ช่วงขยายตัวเป็นอีกช่วงหนึ่ง เมื่อขยายตัวเต็มที่ก็จะเป็นช่วงชีวิตที่แก่ และช่วงที่จากไป ศาสตร์นี้เองเป็นที่มาของการนำศาสตร์นี้มาใช้วิเคราะห์สังคมศาสตร์ ระบบสังคมทุกระบบที่ผ่านมาในโลกนี้ รวมทั้งทุนนิยมมันก็มีจังหวะของประวัติศาสตร์เป็นช่วงๆ ของการเปลี่ยนผ่าน

    ช่วงปัจจุบันของทุนนิยม ถือว่าเป็นช่วงที่เรียกว่าหลังยุคที่ทุนนิยมรุ่งเรืองสูงสุด ถามว่ารุ่งเรืองสูงสุดช่วงไหน ผมอธิบายว่าเป็นยุคซึ่ง ระบบทุนนิยมเกิดดุลอำนาจกันระหว่าง 2 ฝ่าย คือฝ่ายทุนนิยมกับสังคมนิยม ซ้าย-ขวา เกิดดุลอำนาจกัน ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

    หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านไปถึงปี 1970 ช่วงนี้เป็นช่วงทุนนิยม สังคมนิยมวิกฤติแล้ว ระบบที่พังตัวไประบบแรกคือ ระบบสังคมนิยม เห็นการล่มสลายของความยิ่งใหญ่ของโซเวียต และระบบที่ตามมาก็คือระบบทุนนิยมที่เกิดวิกฤติใหญ่ ปัจจุบันถือเป็นช่วงจังหวะวิกฤติใหญ่ของทุนนิยม เป็นจังหวะวิกฤติของระบบและบางครั้งมีวิกฤติซ้ำซ้อนด้วย เราไม่ได้เผชิญวิกฤติสังคมนิยมและทุนนิยมเท่านั้น ยังมีวิกฤติอีกรูปแบบหนึ่งที่เผชิญหน้าและเคลื่อนเข้ามา เรียกว่าวิกฤติสิ่งแวดล้อม ตอนนี้คลื่นวิกฤติสิ่งแวดล้อมกำลังกระหน่ำ ตัวอย่างที่สำคัญคือสึนามิ และตามด้วยวิกฤติโรคภัยไข้เจ็บ เป็นวิกฤติที่กระหน่ำเข้ามา พอระบบมันเกิดวิกฤติมันมักจะก่อให้เกิดวิกฤติทั้งระบบ ยกตัวอย่างเวลาดอกไม้เบ่งบานเต็มที่ เมื่อมันเฉามันเฉาทุกจุดของดอกไม้ หมายความว่าสิ่งที่เราเผชิญอยู่คือโครงสร้างทุกจุดของระบบโลกทุนนิยมกำลังวิกฤติทั้งหมด รวมทั้งระบบวัฒนธรรมพื้นฐานที่เรามีชีวิตอยู่ด้วย เราคงได้อ่านตัวเลขวิกฤติวัยรุ่น เราทุกคนคงตระหนักกันมาก เพราะปัจจุบันวัยรุ่นเริ่มเกิดปัญหาใหญ่ เรามีการทำแท้งกันปีละประมาณ 300,000 คนในช่วงปัจจุบัน

    สิ่งที่ประหลาดกรณีประเทศไทยน่าสนใจมาก ในช่วงเด็กไอคิวเด็กไทยประมาณ 90 พอสิบกว่าขวบขึ้นไปแทนที่ไอคิวจะมากขึ้นไอคิวลดลงเหลือ 80 กว่า นี่คือมาตรฐานไอคิวเด็กไทยในปัจจุบัน หมายความว่าเรากำลังเผชิญวิกฤติทางวัฒนธรรมและเรากำลังเผชิญอีกวิกฤติหนึ่ง ในแง่ของจิตวิญญาณของเรา โลกที่เป็นมากในยุคปัจจุบันคือโรคเครียด แปลแบบพุทธคือโลกความทุกข์นั่นเอง และยาที่ขายดีที่สุดในโลกปัจจุบันคือยาแก้เครียด และดูจากสถิติผู้หญิงเครียดมากกว่าผู้ชาย 2 เท่า นี่คือโลกที่เคลื่อนตัวสู่ Chaos(ความไร้ระเบียบ)

    ในเวลาเดียวกันทุกวิกฤติการณ์เป็นเรื่องของธรรมชาติ มีวิกฤติเรื่องอะไรก็ตามทีก็จะมีกระบวนการเคลื่อนไหวของมนุษย์ก่อตัวขึ้น เป็นกระแสที่จะพุ่งตัวเองออกจากภาวะวิกฤติตรงนั้นเกือบทุกกระบวนการ ตัวอย่างง่ายๆ กระบวนการสิ่งแวดล้อมถือว่าเป็นจุดเปิดใหญ่ของวิกฤติการณ์สิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีการรวมกลุ่มของคนที่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมอยู่ทั่วโลก เกิดแนวคิดใหม่เรื่องสิ่งแวดล้อม เกิดวิชาที่เรียกว่านิเวศน์วิทยา รวมถึงนิเวศน์แนวลึก เกิดกลุ่มนักการเมืองในยุโรปและอเมริกา เรียกกลุ่มการเมืองสีเขียว นี่คือวิกฤติทุกวิกฤติเกิดพัฒนาการขึ้นมา

    พวกเราถือว่าเกิดวิกฤติสุขภาพ จึงเกิดชุมชนเพื่อสุขภาพขึ้น เล็กบ้างใหญ่บ้าง ปัจจุบันสุขภาพแบบทางเลือกกลายเป็นภูมิปัญญาที่ขายดีที่สุดในโลก หนังสือจำนวนหนึ่งหากไปดูตลาดหนังสือจะมีเซคชั่นใหญ่มากที่รุกตลาดแพทย์แผนปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มาอ่านตำราสุขภาพทางเลือกกันหมด และเกิดกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยขึ้นมา ในกระบวนการการเคลื่อนตัว

    นอกจากนี้จะเห็นกลุ่มเอ็นจีโอซึ่งไม่ใช่เล็ก กลุ่มเอ็นจีโอโตขึ้นมาจากวิกฤติเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชนบทบ้าง ในเมืองบ้าง และบางประเทศจำนวนกลุ่มเอ็นจีโอมีนับล้าน อินเดียมีเป็นล้าน ยุโรปมี 6-7 แสนกลุ่ม เป็นการเกิดขึ้นมาของกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่หันมาสนใจว่าจะหาทางแก้วิกฤติและมีการตั้งองค์กรของตนเองขึ้นมา เรียกว่า Self Organization เป็นการจัดตั้งตัวเอง เพราะเริ่มตระหนักรู้ว่าระบบแก้ปัญหาไม่ได้ จะแก้ปัญหาได้ขึ้นอยู่กับชุมชนต้องมีการช่วยกันเอง ก็เกิดแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจเพียงพอและอะไรหลายอย่างที่ไหลสะพัดขึ้นมา แนวคิดเรื่องเกษตรอินทรีย์ เป็นวิกฤติที่เกิดขึ้นมา นั่นคือวิกฤติที่เกิด ทำให้เกิดกลุ่มคนขึ้นมาเต็มไปหมด ในสังคมไทยก็จะเห็นวิกฤติและเห็นการรวมกลุ่มกันเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติที่เผชิญอยู่ คนกรุงเทพฯ ก็เช่นกัน หากย้อนไปจะไม่พบกลุ่มขนาดนี้ ที่มารวมตัวกันแล้วมาพูดคุยเรื่องภูมิปัญญา มาสนใจปัญหาสุขภาพ วิกฤติเหล่านี้ทำให้เกิดขึ้นของกระบวนทัศน์ใหม่ เป็นกระแสอีกอันหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้น

    หมอประสานกับผมไม่น่าจะมาเจอกัน แต่ตอนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน เพราะว่าตอนนี้เรารู้ว่าถึงเวลาที่ต้องบูรณาการความรู้เข้าด้วยกัน หากเราไม่บูรณาการความรู้หรือชุดความรู้เข้าด้วยกัน มันก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาโลกหรือสังคมในภาวะปัจจุบันที่เผชิญอยู่ได้

    สนธิ - ก่อนที่จะไปที่หมอประสาน ขอทวนที่ อ.เทียนชัยพูดถึงระบบสังคมนิยม คือลักษณะคล้ายกึ่งๆ รัฐสวัสดิการ ขณะเดียวกันก็จะมีการทำหลายอย่างเพื่อส่วนรวมและเน้นส่วนรวมเป็นหลัก ขณะที่ทุนนิยมจะบอกว่าให้สวัสดิการส่วนรวมมากก็ไม่ดี เพราะฉะนั้นรัฐก็ควรจะปล่อยให้ทุกคนสู้ด้วยตัวเอง หลักทุนนิยมก็คือ ใครเข้มแข็งกว่าคนนั้นอยู่ได้ ใครที่อ่อนแอกว่าก็ต้องล้มหายตายจากไป ทุนนิยมก็จะบอกว่าราคาน้ำมันในโลกนี้เท่าไหร่ก็ต้องขึ้นเท่านั้น ต้นทุนค่าไฟฟ้าเท่าไหร่คนใช้ก็ต้องจ่ายเท่านั้น น้ำประปาก็ต้องคิดกันไปจะกินฟรีไม่ได้ การศึกษาต้องออกสู่นอกระบบ ต้นทุนของมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ก็ต้องคิดเท่านั้น อย่างนั้นแล้วการศึกษาก็ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐที่จะมาให้การสนับสนุน พูดง่ายๆ คือไม่มีเงินก็อย่าเรียน ทุนนิยมเป็นอย่างนั้นจริงๆ เป็นปัญหาทางการเมืองที่ไม่อยากเอามาพูด อยากเชิญหมอประสานวิพากษ์ต่อจากที่ อ.เทียนชัยพูด หรือจะวิพากษ์เรื่องที่ต้องการ

    น.พ.ประสาน – ชุมชนที่มาอยู่ที่นี่อย่างอุ่นหนาฝาคั่งแสดงว่า ความใฝ่ฝันหรือการค้นหาทางรอดของเรา ที่เกิดขึ้นมาเองทุกครั้งที่มีวิกฤติเกิดขึ้น ขยายต่อจากที่ อ.เทียนชัยพูดว่า เรากำลังจะตายเพราะเรากำลังใกล้ตายนี้เอง ทำให้เราแสวงหาว่าทางรอดอยู่ตรงไหน หมายความว่าสังคมเราที่มีรูปแบบที่เป็นอยู่อย่างนี้ไม่ว่าสังคมนิยมหรือทุนนิยม มันผิดทั้งคู่ เพราะตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ผิด เมื่อกำลังจะตายเราซึ่งอยู่ในนั้น เราซึ่งมีเนื้อหาสาระอย่างนั้นจะหาทางรอดอย่างไร

    ผมจะวิพากษ์วิจารณ์ในด้านตะวันตกสักนิด เพลโต บอกว่ามีอยู่ทั้งหมด 3 ยุค 3 สมัย ยุคแรกสุดคือยุคแห่งความดี หรือ The Good คือคนอยู่ในร่องในรอย คนกลัวความผิด อยู่ในศีลธรรม มีแต่ความระมัดระวังตัวเอง มีศีลธรรมตลอดเวลา ยุคแห่งความดีสิ้นสุดเมื่อวิทยาศาสตร์โผล่ขึ้นมา ก็มียุคแห่งความจริง ความดีมันไม่มีเหตุผล มันมองไม่เห็นว่าความดีมันอยู่ตรงไหน มันอยู่แต่ว่าฉันมีกินไหม ลูกฉันเป็นอย่างไร ก็หันมาหาความจริงด้วยวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ก็ก้าวหน้าขึ้นมา เราอยู่ในช่วงผ่านของความดีกับความจริงอันนั้น The Good and The True ทั้ง 2 อันกำลังจะตาย เราคุ้นเคยอยู่กับมันและแสวงหา ไม่เช่นนั้นเราไม่มานั่งรวมกัน และมีอีกหลายชุมชนที่รวมกันเพื่อแสวงหาทางรอดของกลุ่มเราและลูกหลานเรา บางคนไปทางจิตนิยม บางคนไปทางพุทธศาสนา หรือเต๋าศาสตร์ หรือศาสตร์ต่างๆ นานา ทั้งหมดเป็นเรื่องของการปลอบประโลมใจและมีความจริงอยู่ในนั้นด้วย ไม่ใช่แค่ปลอบเฉยๆ นี่คือพยายามหาทางออกไปทางอื่นๆ นอกเหนือจากทางจิต ทางศาสนา ทางวัฒนธรรม

    เรากำลังเข้าไปสู่วัฒนธรรมใหม่ที่เพลโตเรียกว่า ความสวยงาม ความงดงามหรือ The beautiful เราผ่าน The Good ,The True มันกำลังจะพังทั้งคู่ คำว่าบูรณาการผมจะพยายามทำความเข้าใจกับคำว่าเป็นองค์รวม หรือคำว่า ผ่านพ้นตัวตน มันมีความละเอียดแตกต่างกัน ความว่าบูรณาการเป็นการมองจากภายนอกมาสู่ภายใน วิชานี้กับวิชานี้เอามารวมกันจากภายนอกมาสู่ภายใน แต่ความเป็นทางเซนนั้นหมายถึงการมองจากภายในด้านเดียวแล้วให้ทะลุทะลวง เมื่อวันทะลุทะลวงตัวเองมันไม่มีอัตตาอยู่ในนั้น มันก็จะออกไปสู่ภายนอกเอง การรวมกันทั้งภายนอกกับภายในเราเรียกว่าความเป็นองค์รวม ที่มีจิตวิญญาณร้อยรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ไม่ใช่สักแต่ว่าเรากวาดขยะเอามารวมกันเฉยๆ แล้วเรียกว่ารวมกัน ไม่ใช่ทับซ้อนกันแล้วพึ่งพากันส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่มันมีจิต มันเนื้อใน มีแก่นในที่ร้อยรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน นั่นคือความเป็นองค์รวม ทั้งหมดและบางส่วน ทั้งหมดและบางส่วนไล่ขึ้นไป ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ นี่คือความเป็นองค์รวม เรากำลังไปสู่ตรงนั้น ความเป็นหนึ่งเดียวของทุกสิ่งทุกอย่าง เราไปสู่ความงดงามที่เหลื่อมล้ำ เราจะผ่านพ้นความเป็นตัวตน

    ในอดีตที่เรารู้ ที่เราผ่านมานั้น ในยุคของความดีก็จริง ในยุคของความจริงก็จริง เรากำลังจะผ่านมาทั้ง 2 ยุคตามที่เพลโตว่านั้น แท้ที่จริงคือการอยู่รอด เป็นจิตของสัตว์โลกธรรมดาๆ สัตว์โลกทุกชนิดต้องอยู่รอด อย่างที่คุณสนธิว่าไว้ จะอยู่รอดได้ต้องแข็งแรงกว่า เป็นชีววิทยาเบื้องต้นธรรมดาๆ ที่ใช้กันอยู่ เราเรียนผ่านทั้งความดีและความจริงเพื่ออยู่รอดทั้งนั้น ทั้งที่แท้แล้วมี 3 ระดับ เราเรียนเพื่ออยู่รอดอันแรกสุด อันนั้นเป็นสันชาติญาณของสัตว์ เก็บอารมณ์ของสัตว์ แต่เราจะต้องผ่านพ้นทั้งสัญชาติญาณและอารมณ์ เราจะต้องผ่านพ้นความเป็นสัตว์ ในฐานะที่เป็น Animal ให้ได้ เมื่อผ่านพ้นความเป็นสัตว์แล้วเราก็จะเรียนเพื่อรู้ ว่าผู้รู้คือฉัน เมื่อผู้รู้ต้องใช้ปัญญา ใช้ความฉลาด ความเป็นมนุษย์ ความเป็นผู้ประเสริฐ ถ้าไปผูกพันซึ่งกันและกัน อันนี้เรากำลังไปสู่ตรงนั้น รู้ว่าฉันรู้ และจะอยู่กันได้อย่างไร จึงจะเหมาะสม

    เราจะผ่านพ้นนอกจากตัวตน เรายังผ่านพ้นเรื่องของประเทศชาติ เรายังผ่านพ้นสังคมของมนุษยชาติ ผ่านพ้นสังคมของสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย รวมทั้งสัตว์ทั้งหลาย ต้นไม้ทั้งหลาย เราจะเรียนไปตามลำดับ นั่นคือสิ่งที่เราเรียนไปสู่อนาคต ซึ่งจะไปถึงอยู่ขณะนี้ และเส้นทางที่เราจะเดินไปยังต้องมีวิวัฒนาการต่อไปอีก จะเรียนเพื่อรู้รอด เรียนเพื่อรู้ว่ารู้ และต่อไปเรียนเพื่อรู้แจ้งหรือเรียนเพื่อตรัสรู้ พระพุทธเจ้าบอกว่าทุกคนต้องนิพพาน

    สัตว์โลกทั้งหลายแหล่ เกิดขึ้นมาบนโลก 4 มิติ พระพุทธเจ้าพูด ไม่มีตรงไหนสักนิดหนึ่งที่ผิด ทำไมพระองค์ฉลาดลึกล้ำ จนกระทั่งขณะนี้วิทยาศาสตร์ยุคใหม่ ตามพระพุทธเจ้าไปทุกอัน ทุกอัน อย่างไม่น่าเชื่อ พระพุทธเจ้าไม่ได้เพียงแค่สัมผัสกับความจริงและรับรู้ความจริงอย่างถ่องแท้เท่านั้น พระพุทธเจ้ายังเป็น สัพพัญญู ก็คือ มหา Genius พระพุทธเจ้าจึงเป็นองค์ศาสดาที่ผิดปกติสักหน่อย คือฉลาดลึกลับเหลือเกิน พระพุทธเจ้าจะบอกว่ามนุษย์เราทั้งหลายแหล่โดยปัจเจกนั้น ประกอบด้วยองค์ประกอบ 2 ประการ คือ จิตกับกาย หรืออีกนัยหนึ่งเรียก นามรูป

    นาม คือความรู้สึกและองค์ประกอบทางจิตทั้งหลายแหล่ และรูป นั้นก่อประกอบด้วย 2 ประการ 1.ก่อประกอบด้วยแรงธรรมชาติ คือแรงแห่งวัตถุ 2.คุณภาพ ทั้ง 2 อย่างขณะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ใหม่ ผมเขียนไว้ว่าเราจงอย่าอธิบายศาสนศาสตร์หรือพุทธศาสตร์โดยอาศัยวิทยาศาสตร์หรือเหตุผล เพราะวิทยาศาสตร์กับเหตุผลที่เราใช้อยู่นั้น ตามพุทธศาสตร์ไม่ได้หรอกครับ มันคนละระดับกัน พอวิทยาศาสตร์ใหม่จะพิสูจน์สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ซึ่งละเอียดกว่าเยอะแม้แต่เรื่อง Self Organization System ที่ อ.เทียนชัยพูดถึง ปฏิจจสมุปบาท ส่วนหนึ่ง Special Theory ของ Realistically ของ ไอสไตน์ ส่วนหนึ่งที่เอามาบวกเข้ากับ Self Organization System ที่ อ.เทียนชัยพูดถึง

    ผมจะพูดถึงการแสวงหาที่วิทยาศาสตร์เก่า เหตุผลสร้างให้เราอยู่เหนือสัตว์โลกทั้งหลาย แล้วเราก็มอมเมาตัวเอง หลงตัวเองอยู่กับสิ่งอันนั้น จนกระทั่งก่อให้เกิดภัยพิบัติ วิกฤติทั้งหลายที่เกิดขึ้นมานี้ ทำให้เราหันมาแสวงหา แล้วเราจะพบ เมื่อเราแสวงหาและละทิ้งสิ่งที่กำลังจะตายจากไป อย่างถ่องแท้แล้วเราจะพบ แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่ดีงามทั้งหลายแหล่ เกิดขึ้นจากภายใน เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เราสามารถละทิ้งตัวตนและทำความรู้ทั้งหมด เป็นการบูรณาการจากภายนอกไปสู่ภายใน รวมกันเป็นองค์รวมอันนี้ที่จะนำไปสู่การอยู่รอด และเชื่อมโยงขึ้นเป็นเครือข่าย แต่เครือข่ายที่อยู่ภายนอกนั้นเองจะชักจูงเครือข่ายที่อยู่ภายใน เข้ามาร้อยรวมทั้งหมดเข้ามาด้วยกัน เรากำลังมาเส้นทางที่ถูก แต่เรากำลังจะเสียหาย ต้องเจ็บ ต้องมีสึนามิ มีไข้หวัดนก มีไข้เลือดออก เป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง ต้องมีกระแสของการเปลี่ยนแปลง เราต้องทำใจได้ ไม่มีอะไรในโลกนี้คงอยู่ถาวรนอกจากนิพพาน ต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นสงสารวัฎอย่างที่ อ.เทียนชัยว่า

    สนธิ – หมอประสานพูดถึงเพลโต เพลโตเป็นปราชญ์ชาวกรีกหลายพันปีมาแล้ว ให้คำจำกัดความการปกครอง ปรัชญาทางด้านประชาธิปไตย และพูดถึงพระพุทธเจ้าเป็น มหา Genius คือ สุดยอดอัจฉริยบุรุษ ผมอยากจะเรียนถาม อ.เทียนชัย เมื่อกี้หมอประสานพูดว่า เราต้องยอมรับว่า สรรพสิ่งทั้งหลายมาแล้วต้องยอมรับกับมันและต้องดิ้นรนที่จะหาทางหลุดพ้นจากมันให้ได้ พูดง่ายๆ คือต้องล้มหายตายจากกันไป อยากจะถามอาจารย์ 2-3 ประเด็น เรื่องวิทยาศาสตร์เก่าและวิทยาศาสตร์ใหม่คืออะไรและเชื่อมโยงกับแนวพุทธศาสนาตรงไหนบ้าง ข้อ 2 คือผมมีความรู้สึกว่า ส่วนหนึ่งที่เราต้องการมากที่สุด คือเราต้องการองค์ความรู้ว่าสึนามิที่เกิดขึ้น ไม่เพียงเพราะแผ่นดินแยกอย่างเดียว หรือว่าไข้หวัดนกเกิดเพราะไก่เป็นหวัด หลักการที่ อ.เทียนชัยพูดว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันมีเหตุ มีปัจจัยทำให้เกิดขึ้น แล้วแต่ละเหตุปัจจัยก็จะมีหลายเหตุปัจจัยเชื่อมโยงกัน เหมือนเด็กคนหนึ่งที่เกเรมาก ก้าวร้าว เมื่อเด็กคนนี้ไม่ไหว้ผู้ใหญ่ แล้วยังแสดงมารยาทเลวทรามต่อผู้ใหญ่ พูดไม่เพราะ เรามองก็จะบอกว่าใช้ไม่ได้ นิสัยเลวทราม แต่ทุกครั้งเราไม่ได้มองเช่นนั้น แต่ที่มันเป็นอย่างนั้นเพราะมันมีเหตุปัจจัย ว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน ทำไมพ่อแม่ไม่สั่งสอน เพราะไม่มีเวลา แล้วทำไมพ่อแม่ไม่มีเวลา เพราะพ่อแม่ต้องทำมาหากิน เพราะสังคมมันบีบบังคับอย่างนั้น มุ่งมั่นแต่เรื่องเงินทอง มันก็โยงกลับไปกลับมา

    เทียนชัย – เรื่องวิทยาศาสตร์ใหม่ วิทยาศาสตร์เก่า ผมจะไม่ใช้ แต่จะใช้คำว่ากระบวนทัศน์ใหม่กับเก่า หมายถึงว่าในแต่ละยุคจะเกิดชุดความรู้ในทุกๆ ด้าน เป็นระบบอันหนึ่งที่จะอธิบายสถานการณ์ของสังคม แต่ละช่วง พอระบบเคลื่อนผ่านยุคสมัยก็จะเกิดชุดความรู้ใหม่ ก็จะเกิดสภาวะการณ์หรือสังคมที่เคลื่อนผ่านไป หมายความว่าชุดความรู้เดิม ไม่ว่าจะเป็นสังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ หรืออะไรก็ตาม มันเริ่มจะหมดอำนาจในการอธิบายหรือการแก้ปัญหาวิกฤติการณ์ได้

    ช่วงที่ผ่านมา มันเกิดสิ่งที่สำคัญเกิดกระบวนทัศน์ใหม่ คือวิกฤติสิ่งแวดล้อม ซึ่งรุนแรงมาก คนเริ่มตระหนักในปี 1970 และคลื่นสิ่งแวดล้อมมันแรงขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้เกิดแนวคิดใหม่ในการอธิบายสังคมใหม่ ต่างเกือบจะสิ้นเชิงกับระบบคิดเก่า เพราะสมัยเก่าเราจะใช้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง เราสร้างอารยธรรมมนุษย์ เราคำนึงถึงมนุษย์เท่านั้นในการสร้างอารยธรรม มีการปล้นชิงความมั่งคั่งจากธรรมชาติ เราตัดไม้ทำลายป่าเละเทะหมดเลย โค่นภูเขาเป็นลูก ๆ เอามาสร้างเมือง โดยที่ไม่เคยคำนึงถึงธรรมชาติเลย มีนักปราชญ์ที่เตือนเรื่องนี้ คือ รัสเซล เป็นนักวิทยาศาสตร์เก่งมากคนหนึ่ง ท่านเคยเตือนเรื่องนี้ไว้ตั้งนานแล้ว แต่คนมองไม่ค่อยเห็นวิกฤติ อันนี้เป็นวิกฤติใหญ่ แต่ว่าเราหลงไปทำลายธรรมชาติลงไปมหาศาลมาก วิกฤติอันนี้นำไปสู่การคิดการเกิดใหม่ คือเอาธรรมชาติเป็นศูนย์ คิดอะไรก็ต้องเอาธรรมชาติเป็นศูนย์ก่อน เพราะมนุษย์เองเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เกิดนักคิดหลายคนที่เสนอว่า ธรรมชาติคือแม่ คุณกำลังทำลายแม่ของคุณ แม่ของตัวเอง เท่ากับในที่สุด ถ้าหากคุณทำลายไปเรื่อยๆ การทำลายแม่ตัวเองก็เท่ากับการทำลายชีวิตของตนเอง ธรรมชาติถูกทำลายไปหมดแล้วเหลืออะไร จะเหลือตึกสูงกี่พันชั้นเราอยู่ได้หรือ ถนนมีรถเต็มไปหมด สิ่งเหล่านี้ หรือที่เราเรียกว่าอารยธรรม เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวิกฤติสิ่งแวดล้อม

    ส่วนท่านนักวิกฤติสิ่งแวดล้อมท่านหนึ่ง นี่คุณต้องรื้อประวัติศาสตร์ใหม่หมดเลยนะ ที่เขียนไว้ทั้งหมดงานประวัติศาสตร์ทั้งหมดที่เราอ่านกันมา ที่เราเรียนกันมา ตั้งแต่ชั้นประถม นั่นเป็นประวัติศาสตร์ที่เอามนุษย์เป็นศูนย์กลาง ไปดูตามพิพิธภัณฑ์โบราณ นึกว่าเป็นแหล่งความรู้ บางทีอาจไม่ใช่เพราะสิ่งที่ยกย่องในพิพิธภัณฑ์โบราณเป็นฝีมือของมนุษย์เป็นเครื่องมือของมนุษย์ที่คิดขึ้นเท่านั้น นี่คือพิพิธภัณฑ์โบราณ คือทุกอย่างมันอธิบายความสามารถของสมอง คิดเทคโนโลยีขึ้นมา แล้วบอกว่าเทคโนโลยีพวกนั้นเป็นตัวที่ปรับเปลี่ยนโลก และธรรมชาติไม่มีความหมายเลย เราเก่งทำเทคโนโลยีมากเท่าไหร่ ยิ่งเท่ากับเราทำลายธรรมชาติ มากขึ้นเท่านั้น เหมือนกับการจับปลา สมัยก่อนมีปลาเยอะ ในท้องทะเล เทคโนโลยีมันพัฒนาวิธีการจับปลามา เดี๋ยวนี้ปลาลดน้อยลง สูญพันธุ์เป็นทิวแถว เพราะความยิ่งใหญ่ของเทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีมันวิ่งสวนทางกับธรรมชาติ การดำรงอยู่กับธรรมชาติ แนวคิดอันนี้มันเกิด

    จนกระทั่งเกิดการนำเสนอว่า แนวทางเศรษฐกิจใหม่ เรื่องการพัฒนาการอย่างยั่งยืน ซึ่งถูกเสนอกันในยุโรป และปัจจุบันได้เป็นที่ยอมรับในหมู่นักวิชาการ แต่ว่าโลกมันไปไหนไม่ได้ ขืนไปอย่างนี้ต่อไปจะเกิดวิกฤติใหญ่มาก ใหญ่อย่างที่คิดไม่ถึง ใหญ่กว่าสึนามิ อาจจะเป็น 10 เท่าของสึนามิที่คุณเห็นอยู่ เพราะว่าเราดูปรากฎการณ์เห็นชัดแล้วเช่นปรากฎการณ์หลอมละลายของน้ำแข็ง เกิดแนวน้ำแข็งทั่วโลกกว้าง 30 ไมล์ ยาวเกือบ 130 ไมล์เหมือนแผ่นดินไหวอยู่กลางขั้วโลกและนี่ก็เป็นปรากฎการณ์หนึ่งที่เห็นชัดมาก แม้แต่บนยอดหิมาลัยซึ่งเป็นที่กำเนิดแม่น้ำ 3 สายใหญ่ ฮวงโห แยงซีเกียงและแม่น้ำโขง ปัจจุบันได้เกิดการละลายของน้ำแข็งจนกระทั่งเกิดปรากฎการณ์ที่บางช่วงแม่น้ำจะทะลักแยงซีเกียง ทะลักท่วมทุกปี น้ำโขงเคยมีในบางช่วงจะหายไปเลย บางช่วงก็จะไหลทะลัก บางช่วงก็จะหายไป เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดวิกฤติสิ่งแวดล้อมของโลก

    จนกระทั่งนักการเมืองเองก็เกิดทฤษฎีอย่างหนึ่ง ทฤษฎีการเมือง เกิดแนวคิดเรื่องการเมืองสีเขียว เคลื่อนไหวกันในยุโรป และอเมริกา พรรคที่ 3 ก็เป็นพรรคสีเขียว นี่เป็นกระแสที่เกิดจากวิกฤติสิ่งแวดล้อม กระแทกจนเกิดการแตกของกระบวนทัศน์ คุณจะเลือกพัฒนาการแบบยั่งยืนคุณจะเลือกการเมืองสีเขียวหรือการเมืองอย่างปัจจุบัน นี่คือการเสนอแนวทางตามความคิดออกมาค่อนข้างจะชัดเลยทีเดียวระหว่าง 2 สาย เหมือนมีรอยแตกตรงนี้นะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบอกว่า เศรษฐกิจพอเพียง คุณทักษิณก็บอกว่าพออยู่เหมือนกัน แต่พอของแกเยอะหน่อย พอแบบไม่พอ เป็นโลกที่คิดแยกแบบนี้ นักวิชาการมีอายุหน่อยก็ตายไปกับเศรษฐกิจพอเพียง คือเราต้องรู้แล้วว่า เราจะอยู่ เราต้องคำนึงถึงแม่ผู้ให้กำเนิด พัฒนาการก็ต้องไปด้วยกันระหว่างลูกกับแม่ที่เป็นธรรมชาติ

    กระบวนทัศน์มันก็มีที่แตกจากกัน คือข้างบน ภาครัฐ ภาคคนมีเงินทั้งหลายจีดีพีลูกเดียว ทำอย่างไรก็ได้ให้ขยาย 4-5% หมายความว่าต้องขนมาทุกอย่าง มีทรัพยากรเท่าไหร่ก็ต้องทำลาย เมื่อภาครัฐไม่เอาก็เกิดกระแสที่เรียกชุมชนออกมาเพื่อดันให้เกิดการเคลื่อน กระแสชุมชนเป็นกระแสรักสิ่งแวดล้อม เช่น เขื่อนปากมูลที่สู้กันยาวนาน เพราะฝ่ายหนึ่งบอกว่าจะเอาเทคโนโลยีไปกั้นเขื่อนทำให้ปลาตาย ประชาชนก็จะเอาปลาไว้ เกิดการชนกันหลายจุดเหมือนกันในโลก

    ผมเคยเขียนวิกฤติแอฟริกา ปัจจุบันไม่ใช่สงครามเรื่องชนชั้น แต่จะเป็นสงครามแย่งชิงทรัพยากร ที่สำคัญคือเรื่องน้ำ ต้องระวังให้ดี น้ำที่คุณเห็นอาจจะเจอสงครามแย่งชิง แม้แต่ในประเทศไทย ปีที่แล้วคืออะไร แล้งจัดใช่ไหม เริ่มต้นปีนี้ร้อน ปลายปีคืออะไร อาจจะแล้งอีก หากแล้งต่อกัน 2-3 ปี สงครามแย่งชิงน้ำซึ่งเป็นทรัพยากรใหญ่มากของสังคมไทยอาจจะเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่อยากจะฝากไว้ เหมือนฝ่ายประชาชนเคลื่อนกระแสหนึ่ง ภาครัฐเคลื่อนกระแสหนึ่ง เป็นจุดที่แตกออกมา เป็น 2 กระแสที่กำลังปฏิสัมพันธ์กันอยู่ค่อนข้างจะมากเหมือนกัน

    วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไม่ใช่ยุคนิวตันแล้ว ไม่ไปไหนแล้ว คิดแบบนิวตันคือการมองโลกเป็นกลไกเหมือนระบบอันหนึ่ง แต่ละส่วน แต่ละส่วน เป็นส่วนๆ บางคนเรียก Atomism มันมีความเป็นตัวของมันเอง เช่น เราจะแก้นาฬิกาเราถอดส่วนหนึ่งของนาฬิกาออกเอาส่วนใหม่ใส่เข้าไปก็เดินได้ (สนธิ – หากอธิบายทางธุรกิจคือมีแผนกมากเกินไป และแต่ละแผนกเป็นอิสระต่อกัน) ทีนี้บูรณาการคืออะไร หากจะเข้าใจบูรณาการคือเข้าใจตัวเรา สมอง หัวใจ ปอด ตับ ทุกส่วนแยกจากกันไม่ได้เลย

    สนธิ – ถ้ามองแบบนิวตันฟิสิกส์ มองว่าเด็กคนนี้กิริยาเลวทรามมากก็จบแค่นั้น หากมองแบบควอนตัมฟิสิกส์ คือเอาทุกอย่างมาเชื่อมกัน คือ พ่อแม่ไม่สั่งสอนและกลับไปเรื่องสังคม เป็นการมองแบบองค์รวม

    เทียนชัย – แนวคิดของพระพุทธเจ้าเรื่องปฏิจจสมุปบาท หมายถึงทุกสิ่งที่ดำรงอยู่ไม่เป็นตัวตนเป็นอิสระ ทุกอย่างประกอบซึ่งกันและกัน ชุดความรู้เหมือนกัน มันไม่สามารถแยกเป็นดุ้น เป็นรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ เป็นการแพทย์ หรือสังคมศาสตร์ได้ มันต้องบูรณาการเข้าด้วยกันนี่เป็นการมองของโลกสมัยใหม่ทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด

    สนธิ – ผมต้องขยายความนิดหนึ่ง ถ้าจะพูดเรื่องนิวตันฟิสิกส์กับควอนตัมฟิสิกส์ อ.เทียนชัยกำลังบอกว่า สมัยก่อนเราถูกสอนให้มองแบบไอ้นี่ถูก ไอ้นี่ผิด นี่คือนิวตันฟิสิกส์ แต่ความถูก ผิดในควอนตัมฟิสิกส์ก็คือ มันมีส่วนสัมพันธ์กับสถานที่และเวลา ถูกวันนี้อาจจะผิดในอีก 2 ปีข้างหน้า ผิดวันนี้อาจจะผิดในอีก 5 ปีข้างหน้า เพราะฉะนั้นแล้วถ้ามองแบบควอนตัมฟิสิกส์ก็ต้องแบบควรหรือไม่ควร ถ้ามองแบบควรหรือไม่ควรก็มองแบบพุทธ พุทธมองแบบใช้สำนึกอย่างที่บอก อ.เทียนชัยบอกว่า แต่ก่อนเรามองแบบวิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์การเมือง ตอนนี้มันต้องเชื่อมกันหมดเศรษฐศาสตร์ต้องเกี่ยวพันกับการเมือง การเมืองต้องเกี่ยวพันกับสังคม สังคมเกี่ยวพันกับวัฒนธรรม วัฒนธรรมเกี่ยวพันกับอารยธรรม ทุกอย่างต้องรวมกันหมดถึงจะมองแล้วเข้าใจ หากยังมองอย่างแยกส่วนเราจะไม่เข้าใจ
    เหมือนที่เรามองว่ารัฐธรรมนูญให้ประชาชนเลือกพรรคการเมืองนั้น เพื่อให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง เรามองแค่นี้จบก็บอกว่ามันถูกต้องแล้ว แต่หากเรามองย้อนกลับไปเหตุ ปัจจัยที่เกิดขึ้นว่า เหตุปัจจัยที่เข้ามาเล่นการเมืองคือการแย่งชิงผลประโยชน์ เมื่อเป็นการเข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์ แล้วพรรคการเมืองก็ต้องมีทุน เมื่อพรรคการเมืองต้องมีทุนใครเป็นเจ้าของทุนคนนั้นก็เป็นเจ้าของพรรคการเมือง เมื่อเป็นเจ้าของพรรคการเมือง สรุปแล้วการเมืองก็อยู่ภายใต้ทุน ซึ่งเป็นเจ้าของการเมือง สรุปก็คือเราก็มีการเมืองหรือประชาธิปไตยแบบทุน เจ้าของทุนเป็นคนกำหนดว่าประชาธิปไตยต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ น.พ.ประสานจะเพิ่มเติมอะไรหรือไม่

    น.พ.ประสาน – ควอนตัมแมคคานิคอยู่ตรงกลางคือความละเอียด ในโลกนี้ความหยาบอย่างยิ่งคือเรื่องใดก็ตามที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อของเรา หูเราได้ยิน หรือกายสัมผัสว่ามันนุ่ม หรือรส กลิ่นต่างๆ เป็นต้น อวัยวะที่เราใช้สื่อทั้ง 5 อันความหยาบ หยาบแบบนี้เองสร้างชุดความรู้ขึ้นมา ส่วนพระสงฆ์ศึกษาเรื่องจิตและจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งละเอียดอย่างยิ่ง ขณะนี้มีวิทยาศาสตร์ใหม่คือ ละเอียด ควอนตัมแมคคานิคที่พูดกัน วิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์นิวตันนั้นทุกสิ่งทุกอย่างมองในรูปของกลไก เหตุก่อผลตายตัวทำนายได้ มีทุกสิ่งทุกอย่างเป็นชิ้นส่วนเอามาประกอบกัน อันนั้นเป็นความหยาบเรารับรู้ได้ด้วยหูหรือตาของเรา และกายสัมผัส ลิ้น จมูกเรา เป็นความหยาบทั้งหลาย แต่หากเราลงไปละเอียดจริงๆ เท่าที่เราสามารถลงไปได้ระดับนาโนมิเตอร์ อะตอม เราจะพบว่าในระดับนั้นไม่มีชิ้นส่วนแล้ว เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น อยากจะเป็นอย่างนี้ก็เป็น เป็นอย่างนั้นก็เป็น มันไม่มีอะไรที่เราจะไปกำหนด ควบคุมมันได้ คล้ายกับเรื่องของจิตที่พิสูจน์ไม่ได้ แต่ควอนตัมพิสูจน์ได้ แต่ไม่ละเอียดขนาดนั้น ตกลงเรามี 3 อย่างคือ หยาบ ละเอียดและละเอียดอย่างยิ่ง นี่คือหลักการสำคัญขององค์ความรู้ ที่ให้วิธีคิดและวิวัฒนาการมาตลอด

    ชุดความรู้มาจากไหน มาจากวิธีคิดของเรา วิธีคิดมาจากไหนมาจากจิตและจินตนาการ มีวิวัฒนาการตามลำดับมาตลอด เป็นการเปลี่ยนแปลง ต่อเนื่อง เชื่อมต่อ เสื่อมสลาย เกิดใหม่ เป็นหลักปฏิจจสมุปบาททั้งนั้น เพราะฉะนั้นหากเราจะเข้าใจเรื่องอย่างนี้ได้ถ่องแท้ต้องทำใจว่า ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลง ต่อเนื่องและเสื่อมสลายและเกิดใหม่ได้ตลอดเวลา กายก็เช่นนั้น จิตก็เช่นนั้น จนกระทั่งถึงละเอียดที่สุด ถึงระดับจิตวิญญาณจึงจะหลุดพ้น เพราะระดับจิตวิญญาณนั้นจะคงที่ นิพพานนั้นคงที่ตายตัว คำว่าจิตวิญญาณคือเส้นทางที่เราเดินไปสู่ตรงนั้น นิพพานเป็นสิ่งที่คงที่ ไม่มีอะไรจะหยั่งลงไปได้ทั้งนั้น เพราะเหตุว่าอยู่ในอีกมิติหนึ่งแล้ว มิติแห่งความคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่หากเรายังอยู่ในวัฏสงสารเราจะเปลี่ยนแปลง เกิดใหม่ตลอดเวลา วิทยาศาสตร์ก็เป็นอย่างนั้น วิทยาศาสตร์กับศาสนาในวิทยาศาสตร์ใหม่ไม่ได้แตกต่างกัน เพียงแต่ลงไปไม่ได้ละเอียดขนาดนั้น แต่ว่าลงไปในเส้นทางเดียวกับจิต ขึ้นละเอียดเฉยๆ ไม่ใช่ละเอียดอย่างยิ่ง เส้นทางที่เราไปในที่สุดเราจะได้ใช้เส้นทางสืบเนื่ององค์ความรู้ของเราไปเรื่อยๆ

    ต่อไปเราต้องปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าสอน พระพุทธเจ้าบอกว่าให้เรารู้สิ่งที่ถูกต้อง ระดับนั้นคือระดับที่ละเอียดอย่างยิ่ง ซึ่งระดับละเอียดไม่สามารถดำเนินการด้วยห้องทดลองหรือเหตุผล แต่ต้องปฏิบัติ ศาสนาพุทธสอนอย่างเดียวคือปฏิบัติ ปริยัติมีความหมายจริง แต่ต้องปฏิบัติเท่านั้น ทำสมาธิ เข้าฌานหยั่งรู้ การรู้แจ้ง เส้นทางที่เราจะอยู่รอดในอนาคตคือตรงนี้ เราต้องอยู่โดยหาเส้นทางภายใน ทิ้งความหยาบ หรือแม้แต่สิ่งที่ละเอียดอย่างระดับควอนตัมก็ต้องทิ้งบางส่วนเพื่อแสวงหาเส้นทางภายใน การทำสมาธิ การทำจิตเมื่อเราทำไปถึงขั้นหนึ่งเราจะรู้เองว่าอะไรคือถูกผิด โดยไม่ต้องมีใครมาสอนอีกแล้ว เป็น ปัจจัตตังธัมเวทิตัปโพ เป็นประสบการณ์ตรงที่ทุกคนต้องได้รับ

    สนธิ - อย่างนิวตันฟิสิกส์ที่ถูกสอนมาว่า 2+2 ต้องเท่ากับ 4 แต่ควอนตัมฟิสิกส์บอกว่ามันอาจเป็น 3.999999 หากเราไปยึดว่าเป็น 4 ตลอดจะเป็นการปิดกระบวนทัศน์ในการทำความเข้าใจ ทุกอย่างมีการเริ่มต้นและเปลี่ยนตอนกลางและล่มสลายในตอนปลาย ถ้าจะยกกรณีหวัดนกเป็นกรณีนิวตันฟิสิกส์กับควอนตันฟิสิกส์ อ.เทียนชัยบอกว่า การฆ่าไก่ 60 ล้านตัว คือการแก้ปัญหาแบบนิวตันฟิสิกส์ แต่หากมองแบบควอนตันฟิสิกส์ต้องมองย้อนว่านี่คือวิถีชีวิตของเรา ที่ให้เกิดหวัดนก เพราะระบบต้องการเร่งการผลิตไก่ให้ไก่เจริญเติบโต 2-3 เดือนแล้วฆ่า คือจับไก่มาอยู่ในโรงงาน และให้กินผสมฮอร์โมนเพื่อเร่งให้ไก่นั้นโตขึ้น นั่นผิดธรรมชาติของไก่ เพราะไก่เป็นสัตว์ปีกที่ต้องมีเนื้อที่วิ่งเล่น ทำให้ไก่อ่อนแอและง่ายต่อการติดเชื้อ ทำให้เกิดหวัดนก การแก้หวัดนกก็ต้องแก้วิถีชีวิตพวกเรา

    หากจะมองแบบควอนตัมฟิสิกส์เราต้องใช้พระราชดำรัสของสมเด็จญาณสังวร อ.เทียนชัยบอกให้ใช้ธรรมชาติเป็นศูนย์ เราเคยเอะใจบ้างหรือไม่ ที่รัฐบาลชุดนี้บอกว่าจะใช้ประชาชนเป็นศูนย์รวม ใช้ประชาชนไม่ได้เพราะประชาชนมีกิเลส ประชาชนอยากกิน อยากใช้ อยากรวย อยากมีรถ เมื่อใช้ประชาชนเป็นศูนย์รวมก็เป็นการส่งเสริมทำร้ายและทำลายธรรมชาติทุกอย่างเท่าที่มีอยู่ เร่งผลิตไก่ เพิ่มปริมาณรถยนต์ สร้างถนน ธรรมชาติสอนให้มีขันติ 1.ให้รู้จักพอ 2.ให้มีขันติ 3. เคารพธรรมชาติ ธรรมชาติให้ผลไม้ออกปีละ 1 ครั้ง เราก็มีความสุขกับการออกผลปีละ 1 ครั้ง แต่คนพยายามเอาชนะธรรมชาติ ทำให้ผลไม้ออกตลอดปี ส่งเสริมกิเลสของคน มีคำถามว่าเมื่อรู้ว่าพระพุทธเจ้าปฏิบัติจนมรรคผลนิพพาน ทำไมคนไม่ปฏิบัติอย่างพระพุทธเจ้า

    น.พ.ประสาน – มันมีพื้นฐานสิ่งมีชีวิตคืออยู่รอด การอยู่รอดต้องประกอบด้วยกิเลส และวิทยาศาสตร์ยังติดเขี้ยวเล็บให้กิเลสหวือหวา เราไม่ยอมผ่านจากรู้รอดไปอยู่รู้และรู้แจ้ง พระพุทธเจ้าก็บอกว่าเราเกิดมาเกิดทุกข์ วิธีปฏิบัติที่จะหลุดทุกข์ต้องทำอย่างนี้ แต่วิทยาศาสตร์หรือการเมือง โดยเฉพาะระบบการศึกษาที่ให้เราหาเงินอย่างเดียว โดยไม่ต้องทำอะไรเลย เราไปติดบ่วงที่เราเองสร้างขึ้นมา เราก็ให้บ่วงนั้นรัดคอจนขยับไม่ได้ เราจึงไม่ยอมทำตามพระพุทธองค์ เพราะที่เราคิดเทคโนโลยีเราต้องการเอาชนะธรรมชาติ แต่ความจริงเราอยู่ในธรรมชาติหากเราออกนอกธรรมชาติเมื่อไหร่ คือเราพัง

    เทียนชัย - มนุษย์เป็นลูกของธรรมชาติ และให้เรากลับไปสู่การเป็นตัวเรา การเป็นมนุษย์ เราเกิดขึ้นมาบนกระแสธรรม ความจริงมนุษย์อยู่ในยุคชุมชนนานมาก ชุมชนเป็นฐานกระแสธรรม หลักของชุมชนคือ มีชีวิตอย่างเรียบง่าย สงบ รักสันติภาพ คือหลักนิพพานของพระพุทธเจ้า ความสงบเย็น ในใจของคุณมีความสงบเย็นดำรงอยู่ หลักที่ 2 ของชุมขน คือเมตตากรุณา ช่วยเหลือกันและกัน เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ศาสนาอื่นก็เช่นกัน หลักต่อไปคือหลักธรรมชาติ คนโบราณนับถือธรรมชาติเรียกน้ำว่าแม่ แผ่นดินก็เรียกแม่พระธรณี บูชาต้นไม้ คนโบราณเรียนรู้กฎธรรมชาติ เราศึกษากฎแห่งธรรมตั้งแต่โบราณ ความจริงอารยธรรมของมนุษย์ทุกจุดของโลก มีพื้นฐานอยู่ที่ธรรม เราเกิดมาด้วยหลักความดี ลึกๆ ในใจของเรามีความดี สายพุทธบอกว่า จิตเดิม หากจะเข้าถึงพุทธเข้าถึงจิตเดิมก่อน ตกแต่งความดีความงามที่อยู่ภายในที่มีอยู่เต็มเปี่ยม แม้แต่อารยธรรมผ่านมา 2-3 พันปีทุกคนยังติดอยู่กับศาสนา เรายังมีความดีความงามอยู่

    หมอประสานได้พูดถึงโลกแห่งความจริง ก็มีประโยชน์ทำให้เราเข้าใจกฎเกณฑ์ต่างๆ เพราะวิทยาศาสตร์ทำให้เราเข้าใจทุกจุด เรียกโลกทางกาย ทางวัตถุ แต่โลกปัจจุบันกำลังพาเราก้าวผ่านวิทยาศาสตร์หยาบสู่วิทยาศาสตร์ละเอียด เริ่มเห็นการคืนสู่สามัญเหมือนกัน คุณต้องเข้าใจพื้นฐานของจิตเดิม เข้าใจธรรมชาติ รักธรรมชาติ ใกล้ความสงบความเย็น วิทยาศาสตร์สมัยใหม่กำลังดึงเรากลับสู่โลก และเข้าใจโลกที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิมด้วย อาจจะซับซ้อนมากกว่ายุคพระพุทธเจ้าด้วย เป็นการเกิดของแนวคิดของโลกบูรณาการ ความสมัยใหม่ที่จะซับซ้อนขึ้นและจะยกระดับการเรียนรู้ของเรา แต่ต้องพยายามเข้าใจเรียนรู้วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ และจะก้าวออกไปสู่สิ่งที่เรียกว่านิพพาน

    น.พ.ประสาน – ชีวิตของมนุษย์นั้นแต่ละบุคคลประกอบไปด้วยจิตกับกาย หรืออาจจะอธิบายว่าเป็นนามรูป นามนั้นคือความรู้สึกสิ่งอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบของจิต ส่วนกายนั้นความสัมพันธ์สิ่งที่พระพุทธเจ้าพูดก็คือ ส่วนกายประกอบด้วยแรงธรรมชาติ ซึ่งเป็นแรงวัตถุรวมกับคุณภาพ ตรงนี้เองหากมองเฉยๆ อาจจะไม่ทราบ แต่ที่ผมติดตามผมถึงบอกว่าทำไมพระพุทธเจ้ารู้เช่นนี้ เพราะเหตุว่าทุกคนมีความดีกับความชั่ว ทุกคนมีทั้ง Evil และ Goodness อยู่ในตัวเอง นั่นคือคุณภาพ วิทยาศาสตร์ขณะนี้พิสูจน์ 2 อย่าง ตามพระพุทธเจ้ามาทั้งหมด คือ กายนั้นประกอบด้วย 2 อย่าง อันที่ 1 คือแรง เช่น แรงโน้มถ่วง อีกอันหนึ่งที่ละเอียดลงไปที่ระดับของเซลล์ของอะตอม โปรตอน อิเลคตรอน ทั้งหมดมีคุณภาพ อิเลคตรอนมีดีและไม่ดี ประกอบเป็นตัวเรา เซลอยู่ในตัวเรา พระพุทธเจ้าบอกว่าคุณภาพเป็นสิ่งหนึ่งขององค์ประกอบของกาย เรียก qualia คือสิ่งที่เป็นคุณสมบัติของอิเลคตรอน

    เทียนชัย – เต๋า จะบอกว่าพลังที่เป็นธรรมชาติมีสิ่งที่เรียกว่าหยาง หยางคือความเป็นผู้ชายก้างร้าว แข็งกระด้าง กับความเป็นหยินประกอบกัน แต่ธรรมชาติของชีวิตมีหยินเป็นฐานนะ เวลาที่พลังธรรมชาติผสานกันหยิน-หยางได้อย่างมีดุลภาพ คือพลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่ จะเกิดการแตกตัวไปทุกด้านจาก 1 ไป 2 3 4 ถ้าเราเข้าใจกิเลสก็จะตรัสรู้ได้ กิเลสทั้งหลายเป็นทั้ง 2 ด้าน ด้านที่สอนธรรมกับเรา เมื่อเรารู้กิเลสได้เราก็ตรัสรู้ได้ ทุกมิติของสังคมล้วนให้คุณค่ากับเราหากเราเข้าใจ

    สนธิ – ช่วงสุดท้ายนะครับเราจะเริ่มต้นที่คำถาม อ.เทียนชัย ปัญหาเรื่องกรีนเฮาว์เอฟเฟ็กจะทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายรุนแรงจนทำให้น้ำทะเลท่วมหลายประเทศจะเกิดเมื่อไหร่ แถบไหน

    เทียนชัย – กระทบกับโลกแต่บอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ แล้วก็ตอบไม่ได้ว่าการละลายจะเป็นแบบไหน มันอาจจะมีได้ 2 แบบ คือ แบบที่ละลายไปเรื่อยๆ ปัจจุบันอยู่ในช่วงละลายไปเรื่อยๆ สมัยก่อนมีนักหนังสือพิมพ์อยู่ตรงไหนก็ถ่ายได้ แต่สมัยนี้จะยืนถ่ายตรงไหนต้องระวังต้องหาจุดตั้งให้ดี ถ้าจุดตั้งไม่มีมันยุบลงไปเลย เพราะฉะนั้นนี่เป็นยุคที่น้ำแข็งละลายค่อนข้างมาก อีกสักพักจะเกิดการเสียสมดุลใหญ่แต่บอกไม่ได้ แต่มีแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้น แต่เรื่องที่เป็นอันตรายกว่าน้ำแข็งละลาย คือ ผลเอฟเฟ็กที่จะมีให้อุณหภูมิโดยทั่วไปของโลก แต่รุนแรงแค่ไหนบอกไม่ได้เหมือนกัน แต่จะทำให้ร้อนขึ้นหรือเย็นลง ซึ่งดุลความร้อนของโลกจะเกิดการเคลื่อนตัวครั้งใหญ่เป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของระบบ

    น.พ.ประสานอาทิตย์ที่แล้วช่องบีบีซีเวิลด์ลงข่าวว่านักวิทยาศาสตร์ที่กรีนแลนด์ไปทำการสำรวจและตามติดที่นั่นเป็นปีๆ แล้วสรุปผลการละลายของน้ำแข็งเฉพาะที่กรีนแลนด์อย่างเดียวมีปริมาณเท่ากับ 1 ตันต่อวัน ถ้าคำนวณการใช้น้ำของคนในนิวยอร์กในเวลา 1 เดือนจะท่ากับน้ำที่ละลายในกรีนแลนด์ 1 วัน น้ำทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกก็จะละลายหมดหรือใกล้หมดในช่วงเวลาประมาณ 5-7 ปี หากมองว่ากรีนแลนด์ที่อยู่ไกลๆ ขั้วโลกเหนือเป็นการการละลายของน้ำในแก้ว นั้นก็หมายความว่าจะมีน้ำจำนวนมากขึ้นมากกว่าเก่า แล้วบนน้ำแข็งบนยอดเขาหิมาลัย หรือบนยอดเขาต่างๆ รวมทั้งที่ขั้วโลกใต้ซึ่งก็ละลายเช่นเดียวกัน

    ขณะที่อุณหภูมิที่ขั้วโลกเหนือและใต้สูงกว่าปกติถึง 6 องศาเซลเซียส ปีที่แล้ว 2.5 องศาก็แย่แล้วแต่นี่ขึ้นถึง 6 ถ้ารวมทั้งหมดแล้วน้ำแข็งก่อนยุคอุตสาหกรรมเรามีน้ำแข็ง19 ร้อยล้านตัน ถ้าละลายออกไปวันละ 1 ล้านตัน จะใช้เวลาตามที่ผมคำนวณ 5-7 ปี คือ ประมาณปี 2012 ตัวเลขตรงนี้หน้าคิด ซึ่งเป็นตัวเดียวกับตัวเลขที่ชาวเผ่ามายาคำนวนขึ้น (ชาวมายา ได้ทำปฏิทินจำนวน 22 เดือน โลกหมุนเวียนพระอาทิตย์ 365.222 ตรงกับทุกอย่าง ดาราศาสตร์ตรงกับของชาวมายาพอดี แต่พอปี 2012 ทุกอย่างหยุดทั้งหมด) ขณะเดียวกันผู้แสวงหาความรอด ความดีงาม ถ้าไม่มีกิเลส ไม่มีวิกฤตจะมีอกิเลสหรือ เป็นเพราะเราแสวงหาต่างหาก สิ่งนั้นจะกระทบจิตใจของเรา ว่าเรารับได้หรือไม่ เราต้องเรียนรู้ครับ เราเกิดมาเพื่อเรียน โคจรไปเรื่อยๆแต่อย่าเพิ่งตื่นเต้น ทุกสิ่งมันยืดได้และหดได้ ซึ่งนี่เป็นความโชคดี

    สนธิ – ปัญหาการตกค้างของสารพิษในเนื้อสัตว์หรือพืชผักทำให้เกิดโรคต่างๆ กับมนุษย์ เช่น มะเร็ง เบาหวาน หัวใจวาย ไตวาย จะแก้อย่างรวดเร็วได้อย่างไร

    เทียนชัย – การแก้ไขอย่างรวดเร็วไม่ได้หรอก เราต้องเข้าใจว่าโรคเกิดจากการเสียดุลธรรมชาติ สังคม เรื่องสุขภาพไม่ใช่เรื่องของตัวเรา มันเป็นเรื่องของสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม ที่เสียดุลกันทั้งหมด อาจไม่ได้แก้เฉพาะร่างกายของเราให้แข็งแรงเท่านั้น เพราะหากไปเดินตามถนนในกรุงเทพยังไงร่างกายเราก็ต้องทรุด เหลือต้นไม้อยู่เท่าไหร่ มันมีแต่มลภาวะ รถยนต์กับต้นไม้เหีบ่ยวๆ กลางถนน ซึ่งรถยนต์เป็นแหล่งผลิตโรคที่มากมายมหาศาลยิ่งกว่าบุหรี่ เกือบทุกโรคที่เป็นอยู่พันกว่าชนิด

    สนธิ - เราอยู่ในระบบทุนนิยมที่รุมเร้ามา เราจะซื้อของอะไรก็ตามจะหาความปลอดภัยไม่ได้ สิ่งที่ระมัดระวังตลอดช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมานี่คือเรื่องอาหารการกิน อาหารถ้ากินไม่เป็นกินไม่ดีก็จะทำให้เราขาดภูมิต้านทาน พวกเรายังทานอาหารกันไม่เป็นอยู่มาก วันนี้ถ้าเราหลีกเลี่ยงหมู ได้ก็เลี่ยง จะทานปลาแม่น้ำอย่างเดียว และที่สำคัญต้องทานอาหารสดๆ จากกระทะ ดีกว่าทานอาหารสำเร็จรูป แน่นอนไม่ต้องใส่ผงชูรส การซื้อผักมาล้าง ผักนั้นมีเชื้อโรค ยอมเสียค่าน้ำเปิดแช่ทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยทาน 2 การทานผลไม้ก็ต้องระวังเพราะผมไม้สมัยนี้แช่ฟอร์มาลีนทั้งนั้น สมัยก่อนผมนิยมทานมะละกอ พอมีจีเอ็มโอก็เลิกเดี๋ยวนี้เลยทานแต่สับปะรด พวกแตงจะฉีดยาหมด มันไม่ได้เกิดขึ้นภายในวัน 2 วัน แต่ถ้าลองทานไป 1 ปี หรือ 2 ปี ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานโดยปริยาย อาหารบนถาดเยอะๆ ทิ้งไว้ทั้งวันอย่าทานเด็ดขาด

    สนธิ – ปัญหาข้อสุดท้ายเรื่องวิกฤตทางอารมณ์ทำให้สังคมวิบัตินั้นเกิดเพราะคนขาดศีลธรรมควบคุมจิตใจควรจะแก้ไขให้รวดเร็วได้อย่างไร การโกงกินคอรัปชั่นระบาดรวดเร็วไปทั่วทุกชุมชนแล้ว

    เทียนชัย – น่าจะถาม “คุณทักษิณ” ซึ่งจริงบ้านเมืองนี้ไม่ใช่ของ “ทักษิณ” แต่เป็นของเราทุกคนที่ต้องแสดงบทบาทที่สำคัญในการรักษาประเทศและสังคม พวกเราต้องมีส่วนร่วมนอกจากเราต้องสร้างชุมชนสุขภาพโดยการพึ่ง ตัวเองแล้วชุมชนก็ควรจะมีบทบาทที่จะแสดงทิศทางทางการเมืองในเรื่องของคอรัปชั่นที่เราไม่เห็นด้วย หนังสือพิมพ์ผู้จัดการก็เป็นคลังความรู้และปัญญาที่เป็นส่วนหนึ่งที่ต้านกระแสคอรับชั่นได้ แต่ถ้าจะแก้รวดเร็วก็คงทำไม่ได้ ปัญหาแต่ละอย่างมันมีความสลับซับซ้อนของปัญหาสูงมาก หรือว่าจะแก้อย่างไรให้คนเป็นคนดีปุปปักทำไม่ได้แต่หากเราจะสร้างชุมชนทางปัญหาเล็กๆ สร้างหน่วยองค์ความรู้ขึ้นมา เช่น หน่วยครอบครัว จะเป็นการเรียนรู้นอกระบบ โดยพ่อแม่จะเข้าไปมีส่วนดูแลลูก เราคงต้องช่วยกันสร้างขึ้นมา ซึ่งการเมืองในเชิงพื้นที่เพราะถ้าเราสร้างชุมชนแบบนี้ขึ้นมาในทุกๆ จุดของสังคม สร้างให้มากที่สุดก็จะเป็นแหล่งแพร่ระบาดของความรู้ เช่น การใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกอย่างไร การรับประทานอาหารให้ได้ประโยชน์ทำอย่างไร เยาชนอาจจะได้เรียนรู้ของการมีชีวิตในยุคใหม่อย่างไร ชุมชนจะมีส่วนช่วยสังคมและโลกได้ เล็กบ้างใหญ่บ้างแล้วมาเชื่อมประสานกัน ในแง่ความรู้แลกเปลี่ยนกัน ในที่สุดก็เกิดพัฒนาการการรับรู้ของแต่ละชุมชนเล็กๆ ในสังคม

    สนธิ - เมื่อทุกคนรู้ว่าทุกข์เป็นสิ่งไม่ดี เร้าร้อนทรมานอยากเสวยสุขทั้งนั้น แต่ทำไมสังคมยังส่งเสริมด้วยอบายมุข ให้คนวิ่งเข้าหากิเลสอย่างเมามัน

    น.พ.ประสาน – ระบบการศึกษาตั้งอยู่บนพื้นฐานของบ่วง 2 อย่างคือ บ่วงแห่งกิเลสและบ่วงแห่งระบบความรู้ที่ใช้กันอยู่แล้วเข้าใจว่าจริงแล้ว ซึ่งก็คือ วิทยาศาสตร์ ซึ่งความจริงมีแค่หนึ่งคือวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ต่อมาเป็นฟิสิกส์ โตขึ้นเคมีและเป็นชีววิทยา วิทยาศาสตร์มีแค่ 3 แต่ก็แบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ ได้แก่ หมอ วิศวะเพื่อสร้างเทคโนโลยีเพื่อให้เราอยู่ด้วยความสุข สะดวกสบาย นั้นคือ ความเร่าร้อน อีกกลุ่มคือ วิทยาศาสตร์สังคม ซึ่งตั้งอยู่ในกลุ่มชีววิทยาเป็นส่วนใหญ่ โดยลอยตัวอยู่ มนุษย์ด้วยกันเข้าข้าง ชีววิทยาที่ใช้อยู่ผิดทั้งหมด แต่มันอยู่ได้เพราะมนุษย์มักเข้าข้างตัวเอง มีความคิดเป็นอัตตาคือมนุษย์ถูกเสมอ เราจึงติดบ่วงของเราเอง

    ขณะนี้เรากำลังต่างยุคจากความดี ความจริงทางวิทยาศาสตร์ เรากำลังจะไปสู่ยุคใหม่คือยุคแห่งความงาม ความดีพร้อมคือเรื่องของจิต ความละเอียด แต่ก็อย่าไปกลัว อย่างเรื่องน้ำแข็งอาจจะหยุดละลายก็ได้ ส่วนคำทำนายของเผ่ามายาก็อย่ากลัว เพราะเราไม่ได้ตาย เพราะเราตายเพียงบางส่วนคือในส่วนของโลก 4 มิติเราก็คืนเขาไป แต่ส่วนของจิตที่ไม่ได้อยู่เฉพาะโลกนี้แต่อยู่ในทุกๆโลกทุกจักวาลไม่มีวันตาย ฉะนั้นเราอย่าไปกลัว การที่ตาเราไม่เห็นแล้วไม่มี เพราะมีหลายสิ่งที่ขณะมีชีวิตอยู่เราก็ไม่สามารถมองเห็นหรือรับรู้ได้

    ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 30 พฤษภาคม 2548

    <!-- Message body -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD bgColor=#efefef>Back to Top</TD><TD class=text bgColor=#efefef></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2006
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เทศกาลนับศพ

    [​IMG]

    นับแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 4 มกราคม 2550 ถือเป็น 7 วันอันตราย สัปดาห์นับศพของพี่ไทยที่โด่งดังข้ามประเทศ

    "โด่งดัง" เพราะไม่มีบ้านเมืองไหนที่ฤดูกาลหยุดยาวประจำปี จะทำให้มีคนตายมากมายและคึกคักมันหยดเหมือนประเทศนี้​

    สาเหตุของการเกิดเทศกาลนับศพในบ้านเรา คงจะมาจากคนไทยส่วนใหญ่ใจร้อน ไร้วินัย ไม่รักษากฎจราจร อยากเป็นนักซิ่งแต่ไม่ใช่มืออาชีพ บวกกับ "เมาแล้วขับ หลับแล้วเหยียบคันเร่ง" ดังนั้นจึงไม่อาจพาชีวิตรอดพ้นจากสนามนรกแห่งการแข่งความเร็วได้ ​

    เทศกาลนับศพทุกปีที่ผ่านมา รัฐบาลมักจะตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะต้องมีคนตายต่ำกว่าปีก่อน เพื่อรักษาภาพลักษณ์ว่าสามารถคุมโควตาการไล่ล่าความตายของพญามัจจุราชได้ ​

    เอาเข้าจริงคุมไม่ได้นะครับ มัจจุราชยังทำหน้าที่ได้จ๊าบกว่าคนคุม ข้าราชการจึงมีการหมกเม็ดเก็บตัวเลขแบบมั่วๆ เพื่อไม่ให้ความตายเกินโควตาจนรัฐบาลหน้าแตก ​

    เพิ่งจะมีปีนี้เป็นปีแรก รัฐบาลขิงแก่ผู้รับความจริงจึงไม่มีโควตาในการนับศพ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติชนิด "พวกเอ็งขยันตายมากแค่ไหน ก็ให้เจ้าหน้าที่นับไปตามศพที่เห็น"​

    จึงคาดหมายไม่ได้ว่าสถิติความตายในเทศกาลนับศพปีนี้จะมากกว่าปีเก่าๆ หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ องค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลนับศพเริ่มรณรงค์กันอย่างเต็มสูบ โดยออกมาบอกเคล็ดลับแก่นักขับขี่ทั้งหลาย ทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นผู้หนึ่งที่กลายเป็นศพให้นับ​

    เคล็ดลับที่สำคัญที่สุดคือ "เมาไม่ขับ หลับในไม่เหยียบคันเร่ง"​

    เคล็ดลับต่อมาคือ "ซิ่งไม่ทำ แข่งกันไม่ประพฤติ" และ "เช็ครถอย่างดี เมื่อมีปัญหาอย่าใช้รถ" ​

    บางองค์กรก็แนะนำว่าให้ "ขับรถอย่างมีน้ำใจ อภัยให้ผู้ร่วมใช้ถนน" เพราะนอกจากจะลด"ไข้โครม" แล้ว ยังเป็นยาลด "ไข้โป้ง" อีกต่างหาก​

    สำหรับคอลัมน์นี้อยากมีคำแนะนำเพิ่มเติมคือ "เต่าทำใจได้แซงไปเลยพี่" และ "เย็นไว้โยม ไม่ชนไม่ม่องเท่ง"​

    เอาเป็นว่า 7 วันอันตรายนี้ ถ้าใครท่องคาถาเหล่านี้ได้ขึ้นใจก่อน "ล้อหมุน" รับรองจะเป็นผู้แคล้วคลาดจากการถูกนับศพ ​

    กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม
    ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า
    http://www.naewna.com/news.asp?ID=41861

    <CENTER></CENTER>
     
  17. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622
    สื่ออาหรับรายงาน "ซัดดัม" ถูกแขวนคอแล้ว

    10:45 น. สำนักข่าว CNN รายงานว่า สื่อภาษาอาหรับ รวมทั้งอัล อาราบิยา ของซาอุดิอาระเบีย และอัล เฮอร์ร่า ที่สหรัฐสนับสนุนด้านการเงิน รายงานว่า อดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ของอิรัก ได้ถูกประหารชีวิตแล้ว ก่อนเวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 10.00 น. ตามเวลาในไทย เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ด้านสำนักข่าวอิรักกิยา ของทางการอิรัก รายงานว่า อาชญากรซัดดัม ถูกแขวนคอแล้ว นอกจากนี้ทางสถานียังได้บรรเลงเพลงชาติและแพร่ภาพอนุสาวรีย์ และอื่นๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของชาติประกอบด้วย

    ซัดดัมและจำเลยร่วมอีก 2 คน คือ นายบาร์ซาน ฮัสซัน อัล-ทิริกติ น้องชายของเขา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการข่าวกรอง และนายอาวัด อาห์เหม็ด อัล-บันดาร์ ผู้พิพากษาศาลปฏิวัติ ได้ถูกศาลสูงตัดสินเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนว่า พวกเขามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ การแขวนคอซัดดัมและจำเลยร่วม สร้างความพอใจให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นูรี อัล มาลิกี ที่ต้องการแก้แค้นซัดดัม ที่ปกครองประเทศอย่างโหดเหี้ยมตลอดระยะเวลา 24 ปีที่อยู่ในอำนาจและพวกชาวสุหนี่ที่ยังคงภักดีต่อซัดดัมและพยายามก่อเหตุนองเลือดต่อต้านรัฐบาล
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ข่าวนี้ มีผลด้านจิตวิทยาต่อชาวอาหรับที่มองซัสดัมเป็นวีรบุรุษ

    อีกไม่นาน จะมีการโต้กลับอย่างรุนแรงแน่นอน ครับ

    และถ้ามี

    งานของพวกเราในการรับมือกับภัยพิบัติก็ยิ่งต้องเร่งมือขึ้นครับ
     
  19. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    ผมว่าจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเลยครับ
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ตอนนี้เกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นแล้วครับ ดังนั้นขอทุกท่านอย่าได้ประมาท และขอให้เตรียมตัวเตรียมเร่งปฏิบัติในความดีตามกำลัง ตามคุณธรรมที่ตน พึงมีพึงได้ เริ่มศึกษา หาความรู้ข้อมูลต่างๆที่เพื่อนๆเสียสละตั้งใจรวบรวมไว้ให้แล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...