อยากรู้ว่า ถ้าศาสนาพุทธเกิดขึ้นที่อินเดียแล้วใครเอาวัดพระเชตวัน มาสร้างไว้ที่พม่า

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เอกอิสโร, 4 ตุลาคม 2010.

  1. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ใครพอจะรู้บ้างมั๊ยครับ ว่า "พระมาลีเจดีย์" ที่ กล่าวถึง ในพงศาวดารเหนือ ดังข้างล่างนี้ คือ พระเจดีย์องค์ใด ในปัจจุบัน ที่พม่า ครับ ขอความกรุณา ด้วย โดยเฉพาะ ชาวมอญ ที่รู้ประวัติ หรือ มีตำนานโบราณ อ้างอิงครับ

    เรื่องพระมาลีเจดีย์

    พระยาเชียงทอง เข้าเฝ้า สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ว่ายังมีพระอาจารย์องค์หนึ่งมาถวายพระพรว่า พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระอานนท์ว่า สืบไปเมื่อหน้าเมืองสาวัตถี จะกลายเป็นเมืองหงสาวดี จะมีกษัตริย์องค์หนึ่งพระนามว่า พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช จะสร้างพระมาลีเจดีย์องค์หนึ่งในกลางพระนคร ทุกวันนี้ยังปรากฏมีอยู่ พระมาลีเจดีย์นั้นอยู่ทิศอุดร พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา แจ้งพฤติเหตุแล้วก็มีพระทัยยินดีนัก ในปี จ.ศ.๔๑๓ จึงตรัสสั่งให้ขุนการเวก และพระยาศรีธรรมราชา ภูดาษราชวัตรมเมืองอินทร์ ภูดาษกินเมืองพรหม ยกกระบัตรนายเพลิงกำจาย นายทำนององค์รักษ์ นายหาญใจเพชร นายเด็จสงครามข้าหลวงแปดนาย กับไพร่ห้าร้อยคุมเครื่องบูชาขึ้นไปถวายพระมาลีเจดีย์ คณะดังกล่าวเดินทางไป สุพรรณบุรีถึงบ้านชบา เมืองพระยาเจ็ดตน บ้านรังงาม ด่านทราง เจ้าปู่หิน ถึงแม่น้ำชุมเกลียว ณ ที่นั้นมีพระพุทธไสยาสน์องค์หนึ่งเป็นทองสัมฤทธิ์ ยาวห้าเส้น คณะทั้งหมดเข้าไปนมัสการ แล้วเดินทางต่อถึงเขาฝรั่งยางหิน ถึงตำบลเขาหลวง พอสิ้นแดนกรุงศรีอยุธยา ไปถึง ด่านทุ่งเขาหลวง สิ้นเขตแดนนับได้ ๓๘ วัน จากนั้นขาดระยะบ้านไม่มีผู้คนเดินเลย บ่ายหน้าไปทิศอุดร เป็นป่าใหญ่ เดินไปไม่ต้องแดด เป็นทุ่งอยู่กลางเป็นป่าละเมาะ คนทั้งปวงสิ้นอาหารกินแต่ผลไม้ สิ้นหนทาง ๓๐ วัน จึงเข้า เมืองหงสาวดี มีด่านบ้านพราหมณ์รายไปบ้าง สิ้นหนทางนั้น ๓๐ วัน จึงถึงเมืองหงสาวดี สิ้นทาง ๒ เดือน กับ ๒๑ วัน ทั้งหมดพากันไปพระอาราม เข้าไปนมัสการพระสังฆราชา

    วันรุ่งขึ้น พระสังฆราชาให้ปะขาวนำข้าหลวงทั้งปวงเข้าไปในพระอาราม ทำประทักษิณพระระเบียงรอบหนึ่ง พระระเบียงเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสยาวยี่สิบเส้น ขื่อพระระเบียงยาวสองเส้นสิบวา มีพระพุทธรูปรายรอบ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งสิ้น เป็นพระพุทธรูปสูงสิบวา เสาพระระเบียงแปดเหลี่ยม แต่ละเหลี่ยมวัดได้เก้าศอก สูงถึงท้องขื่อวัดได้ยี่สิบวา ก่ออิฐกระชับรักแล้วถือปูน หุ้มด้วยทองแดงหนาสามนิ้ว แปกลอนระแนงระเบียง ทำด้วยไม้แก่น พื้นพระระเบียงดาษด้วยดีบุกหนาสิบสองนิ้ว

    วันรุ่งขึ้นปะขาวนำไปนมัสการพระมาลีเจดีย์ คือองค์พระมาลีเจดีย์ธาตุ เมื่อไปถึงตีนบันไดใต้พระมหาธาตุ วัดฐานได้สามสิบห้าเส้น ห้าวา ทั้งสี่ด้านยาว ร้อยสี่สิบเอ็ดเส้น บันไดขึ้นพระมาลีเจดีย์ทำด้วยทองแดงตั้งลงกับอิฐ แม่บันไดใหญ่รอบสามกำ ประตูพระมหาธาตุกว้างสองเส้น สูงห้าเส้น มีหงส์ทองสี่ตัว ประชุมกันเป็นแท่นรอง พระพุทธรูปบนหลังหงส์สองร้อยองค์ แต่ล้วนทองคำทั้งแท่ง สูงสองศอก ข้อเท้าสงส์รอบสิบเอ็ดกำ ตัวหงส์สูง สิบหกศอก ทำด้วยทองคำทั้งแท่ง องค์พระมหาธาตุแผ่ทองคำเป็นแผ่นอิฐ หนาสามนิ้ว กว้างสามศอก ยาวห้าศอก ทองคำหุ้มองค์พระมหาธาตุขึ้นไปจนถึงยอด แล้วเอาลวดทองแดงร้อยหูกันเข้าเอาสายโซ่คล้องเข้าเป็นตาข่าย หุ้มรัดข้างหน่วงขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง ยอดพระมหาเจดีย์มีลูกแก้วใหญ่ได้ห้าอ้อมมัชฌิมบุรุษ ข้าหลวงทั้งปวงขึ้นแต่เชิงบันไดตั้งแต่เช้า ถึงประตูพระมหาเจดีย์ได้เวลาเที่ยงนมัสการแล้วกลับลงมาถึงเชิงบันไดก็พอค่ำ พื้นพระมาลีเจดีย์ซึ่งรองหงส์เหยียบอยู่นั้น ดาษด้วยแผ่นเงินหนาสามนิ้ว กว้างสามศอกเป็นสี่เหลี่ยม เหล็กกระดูกพระมาลีเจดีย์ที่ร้อยลูกแก้วใหญ่รอบสิบเอ็ดกำ พระมาลีเจดีย์สร้างเมื่อ ปี พ.ศ.๒๑๑ พระเจ้าศรีธรรมาโสกราชเป็นผู้สร้างขึ้นไว้แต่เดิมก่อด้วยอิฐ แผ่นอิฐหน้าสี่ศอกหกนิ้ว กว้างห้าศอก ยาวห้าวาสองศอก

    วันรุ่งขึ้น ปะขาวนำไปนมัสการพระเชตุพนมหาวิหาร บันไดก่อด้วยอิฐกว้างได้สิบเจ็ดเส้นกับสิบวา แต่เชิงบันไดขึ้นไปบนถนนสิบห้าเส้น ถนนยาวได้สิบเจ็ดเส้นกับสิบวา ในพระเชตุพนชั้นในกว้างสามสิบเส้นกับสิบวา เสาก่อด้วยอิฐเป็นแปดเหลี่ยม แต่เหลี่ยมหนึ่งได้เจ็ดวา แต่ประตูพระเชตุพนเข้าไปจนถึงพระอาสนบัลลังก์ ที่ตรัสพระธรรมเทศนา วัดไว้ สิบเจ็ดเส้นกับสิบวา ด้านแปพระเชตุพนยาวได้ เจ็ดสิบห้าเส้น เสาสูงถึงท้องขื่อวัดได้ หนึ่งเส้นสิบวา พระรัตนบัลลังก์อยู่หว่างกลางห้อง พื้นบนดาษด้วยทองคำหนาสามนิ้ว มีพื้นลดลงมาอีกห้อง ดาษด้วยนากหนาสามนิ้ว พื้นลดลงมาอีกชั้นหนึ่งดาษด้วยเงินหนาสามนิ้ว รอบรัตนบัลลังก์ทั้งสี่ด้าน ที่อาสนสงฆ์กว้างสามเส้น พื้นดาษด้วยเงินหนาสามนิ้ว พื้นที่บริษัทนั่งดาษด้วยดีบุกหนาห้านิ้ว นับเสาพระเชตุพนได้ สามพันเสา มีกำแพงรอบพระเชตุพนสูงสิบวา จากพระเชตุพนมาถึงพระมาลีเจดีย์เป็นทางยี่สิบห้าเส้น

    พระสังฆราชาให้ปะขาวนำไปดูระฆังทองหล่อหนาสามสิบเอ็ดนิ้ว ปากกว้างห้าวาสองศอก สูงสิบเอ็ดวา ไม้ตีระฆังรอบสามกำ ยาวสามวา โรงระฆังสูงสิบห้าวา เสาไม้แก่น พระสงฆ์มีแต่อารามเดียวเท่านี้ มีบัญชีพระวรรณษาเป็นพระสงฆ์สองหมื่นกับสามองค์ พระสังฆราชาถามว่าพระสงฆ์ในกรุงศรีอยุธยามีผ้าอันใด เป็นผ้าพระสมณสำรวม ขุนการเวกทูลว่าฝ่ายคันถธุระทรงผ้ารัตตกัมพลแดง ฝ่ายวิปัสนาทรงเหลือง พระสังฆราชาว่าในเมืองหงสาวดีนั้นทรงผ้าแดงทั้งสิ้น
    ขุนการเวกกับข้าหลวงอยู่ได้ประมาณยี่สิบห้าวันก็กลับคืนมายังกรุงศรีอยุธยา แล้วไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแจ้งพฤติเหตุ ทรงพระราชทานรางวัล แล้วบรรดาผู้ที่มาด้วยกันทั้งสิ้นก็กราบถวายบังคมลาบวช
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2011
  2. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    906
    ค่าพลัง:
    +3,887
    พระเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ Great Golden God Pagoda นับเป็นเจดีย์ที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของเมืองหงสาวดี(Bago) พระเจดีย์องค์นี้แสดงสามารถมองเห็นได้ไกลออกไปนับ ๑๐ กิโลเมตรจากนอกเมือง องค์พระธาตุตั้งอยู่นอกเมืองเมืองด้านทิศตะวันออก มีหลายลักษณะหลายอย่างที่คล้ายกับพระเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งอันที่จริงพระเจดีย์องค์นี้สูงกว่าชเวดากอง คือมีความสูงถึง ๑๑๔ เมตร
    มีตำนานเล่าว่า มีพี่น้องสองคน คือ มหาศาล กับ จุลศาล ได้อัญเชิญพระเกศธาตุของพระตถาคตเจ้ากลับมาจากอินเดีย และได้สร้างสถูปเล็กๆ ครอบไว้ภายหลังได้มีการขยายต่อเติมให้ใหญ่โตขึ้นหลายครั้ง พระเจ้าสามล และพระเจ้าวิมล ซึ่งประวัติศาสตร์พม่าได้จารึกว่าเป็นผู้สร้างเมืองบะโคก็ได้มีการต่อเติมองค์สถูปขึ้นในปี พ.ศ. ๑๕๒๕ และได้บรรจุพระทันตธาตุลงไปด้วยในปี พ.ศ.๑๙๒๘ ต่อมาพระเจ้าธรรมเซดีได้มีพระบรมราชโองการให้หล่อระฆังขึ้นใบหนึ่ง และให้จารึกข้อความภาษาบาลีเอาไว้ ปัจจุบันระฆังใบนี้อยู่ที่ฐานระเบียงของพระเจดีย์


    พระเจ้าบุเรงนอง(บะยิ่นเนาว์) ทรงแกะเอามณีประดับมหามงกุฏพระราชทานให้ไปทำยอดเจดีย์ถวายเป็นพุทธบูชา ต่อมา พ.ศ. ๒๓๓๙ พระเจ้าโบดอพญาได้ทรงสร้างฉัตรอันใหม่ถวาย และเสริมยอดพระเจดีย์จนสูงถึง ๙๐ เมตร
    ชเวมอดอร์เคยได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวถึงสามครั้ง ครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ.๒๔๗๓ สร้างความเสียหายให้กับเจดีย์อย่างหนัก จนพระเจดีย์เกือบพังทั้งองค์ แต่ได้รับการบูรณะใหม่อย่างดีอีกครั้งในปี พ.ศ.๒๔๙๗ พร้อมยอดพระเจดีย์ใหม่ประดับด้วยเพชร
    ด้านข้างพระเจดีย์มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆประดิษฐานพระพุทธรูปไม ้และสำริด ตามลานระเบียงมีเสาพระเคราะห์ประจำอยู่ทั้งแปดทิศบันไดสู่องค์พระเจดีย์มี "ซินเต้" ที่ในปากมีพระพุทธรูปปางประทับนั่ง
     
  3. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ผมเองก็เคยคิดว่า "พระมาลีเจดีย์ คือ พระธาตุมุเตา หรือ ชเวมอดอร์" ด้วยความสำคัญ และถือ เป็น ๑ ใน ๕ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า

    แต่ ยังขาด หลักฐาน ที่จะยืนยัน เพราะ ประวัติเท่าที่หาอ่านได้ ตอนนี้ ของพระธาตุมุเตา ยังไม่มีเรื่องที่พระเจ้าอโสก มาสร้าง ดังที่บันทึกไว้ในพงศาวดารเหนือ

    หากท่านใด จะสามารถชี้แนะ ปรือ แนะนำ ให้ไปอ่าน คัมภีร์มอญโบราณ หรือคัมภีร์ล้านนา ที่จะมีเรื่องราว บ่งชัดว่า พระธาตุมุเตา คือ พระมาลีเจดีย์ ก็ขอได้โปรดชี้แนะด้วย

    เพราะการรู้ว่า พระเจดีย์องค์ใด คือ พระมาลีเจดีย์ จะเป็นกุญแจไขไปสู่การค้นหา ที่ตั้งของวัดพระเชตพน ซึ่งท่านอนาบิณฑิกเศรษฐี สร้างถวายพระพุทธองค์ ที่อยู่ห่างจาก พระมาลีย์เจดีย์ ๒๕ เส้น ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2010
  4. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ขอบคุณค่ะ...............
     
  5. Prompiriya

    Prompiriya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,081
    ขออวยพรให้ท่าน..ได้ค้นพบความจริงครับ..
     
  6. สุวรรณหงส์

    สุวรรณหงส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +572
    ขออนุโมทนาสาธุกับข้อความอันเป็นมงคลนี้ทั้งหมดทั้งมวลครับ
     
  7. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    น่าเสียดายว่า กระทู้ "ความลับหนังสือของคุณเอกอิสโร" ตามลิงค์นี้

    http://palungjit.org/threads/ความลับหนังสือของคุณเอกอิสโร.275748/


    ที่อาจารย์ gnungnun ตั้งกระทู้ไว้ และขณะนี้ไม่สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้อีก เพราะ ได้มีการล็อค ไม่ให้แสดงความเห็นไว้

    แต่เนื่องจาก สาระหลัก ในกระทู้ดังกล่าว มีความเกี่ยวพันกับ กระทู้นี้ ที่ผมได้ตั้งไว้ จึงอยากจะระดมความคิด และข้อมูล ที่ท่านใดจะมีเป็นพิเศษ ที่จะนำไปสู่ การค้นหา "พระมาลีเจดีย์" ตามพระราชพงศาวดารเหนือ ต่อไป

    เพราะ มีความขัดแย้ง ในพงศาวดาร ๒ ฉบับ โดย ฉบับหนึ่ง กล่าวถึง พระพุทธเจ้าพยากรณ์ว่า เมืองสาวัตถี จะกลายเป็นเมืองหงสาวดี" และอีกฉบับหนึ่ง กล่าวว่า เมืองหงสาวดี ในสมัยพุทธกาล เป็นท้องทะเลอยู่

    อ่านพระราชพงศาวดารเหนือ ได้ที่

    http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD

    ผม จึงจะขอความกรุณา ท่านที่มีข้อมูล ที่จะเชื่อมโยงไปสู่การ ค้นหา พระมาลีเจดีย์ และ การค้นหาซากวัดพระเชตวันมหาวิหาร ซึ่ง จะยืนยัน ได้ว่า พระราชพงศาวดารเหนือ ที่รวบรวมในสมัยรัชกาลที่ ๑ มีความถูกต้องหรือไม่?

    และที่สำคัญจะเป็นการพิสูจน์ว่า เมืองสาวัตถี ในสมัยพุทธกาล อยู่ที่ประเทศพม่า ไม่ใช่ที่ประเทศอินเดีย

    [​IMG]


    ซึ่ง เวลานี้ มีพระเจดีย์ ที่อยู่บริเวณ เมือง BAGO อย่างน้อย 2 องค์ ที่น่าสนใจ คือ Shwemawdaw Pagoda ซึ่งตั้งอยู่ 2 ที่มีชื่อเดียวกัน องค์หนึ่งอยู่ที่ BAGO องค์หนึ่งอยู่ที่ Payagyi และอยู่ห่างกันวัดแบบตรงๆ ประมาณ 15 กิโลเมตร หรือหากท่านมี ตำนานพระเจดีย์องค์อื่น ที่อยู่ในบริเวณรอบๆ เมือง BAGO ก็ขอได้โปรดแจ้งข้อมูลมาให้ผมได้รับทราบด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2011
  8. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ท่านใด มีตำนาน พระธาตุมุเตา แบบเต็มๆ โดยเฉพาะ ถ้าเป็นคัมภีร์มอญโบราณ เลย ช่วยสงเคราะห์ อนุเคราะห์ด้วยครับ

    อยากจะทราบด้วยว่า ๒ พี่น้อง นายมหาศาล กับจุลศาล ได้เชิญ พระเกศาธาตุ มาประดิษฐานไว้ที่นี่ ตั้งแต่ ครั้งสมัยพุทธกาล หรือ หลังจากนั้นครับ
     
  9. ปรสุ

    ปรสุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +838
    เจอภาพจากเวปวัดท่าขนุนท่านลพ.เล็กไปมาครับ
    เลยเอามาให้ดูกัน


    พระมหาธาตุชุยมอดอ กลางเมืองหงสาวดี

    พระมหาธาตุชุยมอดอ ตระหง่านอยู่กลางเมืองพะโค แค่สิงห์โตหินตัวมหึมาหน้าวัดคู่นั้นก็ใหญ่เหลือขนาดแล้ว ในปากสิงห์โตเขาสร้าง พระอุปคุตองค์ใหญ่เอาไว้ด้วย ด้านหน้ามีหอพระไตรปิฎกหลังมหึมา หน้าหอพระไตรปิฎกมีเรือการเวกจำลอง รถสามารถแล่นเข้าไปถึงรั้วเจดีย์ได้เลย…

    พระมหาธาตุองค์นี้เคยถล่มลงมาด้วยแผ่นดินไหว เมื่อ ๕ กรกฎาคม ๑๙๑๗ เขาบูรณะขึ้นมาใหม่ หุ้มด้วยทองคำทั้งองค์ เก็บเอาส่วนยอดเจดีย์ที่พังลงมาไว้ให้ดูเล่น ๑ ชิ้น มันใหญ่ขนาดสร้างเจดีย์เอาไว้ข้างบนได้ตั้งห้าองค์แน่ะ..! กราบพระมหาธาตุทั้งสี่ทิศ แล้วหามุมถ่ายรูป แดดกำลังจัด คงหาภาพดี ๆ ได้ยาก…
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...