เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตูนิเซียยังปะทะเดือด หลังผู้นำเผด็จการหนีออกนอกปท.

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]
    ตูนิเซียยังมีการปะทะกันอย่างดุเดือดในเมืองหลวง ขณะประชาชนเริ่มขาดแคลนอาหารและสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต

    เกิดเหตุยิงปะทะกันอย่างดุเดือด ที่ด้านนอกทำเนียบประธานาธิบดีตูนิเซีย ที่พาครอบครัวหนีไปต่างประเทศก่อนหน้านี้ รวมถึงบริเวณใจกลางกรุงตูนิส บริเวณ ด้านหน้าที่ทำการพรรคฝ่ายค้าน และที่อื่น ๆ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(16 ม.ค.)
    ตำรวจได้จับกุมประชาชนหลายสิบคน รวมทั้งหัวหน้ารักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดี ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้น ระหว่างชาวตูนิเซียที่พึงพอใจที่นายซีน เอล อาบีดีน เบนอาลี ผู้นำเผด็จการ ต้องหลบหนีออกจากประเทศ กับพวกที่ยังภักดีต่อเขา และกำลังจะสูญเสียผลประโยชน์
    ชาวกรุงตูนิสส่วนใหญ่ มีสีหน้าที่เต็มไปรอยยิ้ม บางคนพากันฉีกภาพขนาดใหญ่ของอดีตผู้นำที่บางภาพมีความยาวเท่ากับตึกหลายชั้น แขวนอยู่ตามเสาไฟถนน หรือตามป้ายบิลบอร์ด และมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ในช่วง 23 ปี ที่เขาครองอำนาจ
    ทางด้านนายกรัฐมนตรีโมฮัมเหม็ด กันนูชี แถลงผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า จะมีการประกาศตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติชุดใหม่ในวันนี้(17 ม.ค.) เพื่อเปิดศักราชใหม่ของประวัติศาสตร์ตูนิเซีย โดยจะมีพรรคฝ่ายค้าน 3 พรรค ที่อาจได้ร่วมรัฐบาล ภายใต้คำสั่งของนายฟูอัด เมบาซา ประธานาธิบดีเฉพาะกาล
    แม้สถานการณ์จะใกล้เข้ารูปเข้ารอย แต่ชาวตูนิเซียส่วนใหญ่ก็ยังคงวิตก อันเนื่องมาจากความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น และขาดแคลนสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต เช่น นม ขนมปังและปลาสด
    นอกจากนี้ยังต้องระวังความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ด้วยการสร้างสิ่งกีดขวางถนน และคอยจับตาดูคนเข้า-ออก เพราะเต็มไปด้วยอาชญากร
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    "นาฬิกาหนี้สาธารณะของสหรัฐ" / US National Debt Clock

    <!-- start zFacts Debt Gizmo --><TABLE id=zDebtBox cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><SCRIPT src="http://www.zfacts.com/giz/G05/debt.js" type=text/javascript></SCRIPT><STYLE type=text/css><!-- #zDebtBox td { padding: 2px 2px 2px 2px; } #zDebtBox { font-family:arial;} #zDebtBox { border: 1px solid #CCC;} #zDebtBox a { color:inherit; text-decoration:none; } #zDebtBox a:link {text-decoration:none; color: inherit;} #zDebtBox a:visited {text-decoration:none; color: inherit;} #zDebtBox td {text-align:center;}--></STYLE><IFRAME id=zDebtFrame name=zDebtFrame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://zfacts.com/giz/G05/debt.html?zWidth=140&zHeight=18&zSpeed=8&zFontSize=14&zFontColor=red&zBorderColor=%23CCC&zBackColor=&" frameBorder=0 width=140 scrolling=no height=18 allowTransparency></IFRAME></TD></TR><TR><TD>The Gross National Debt</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- end gizmo -->
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    'สุมโน ภิกขุ' พระฝรั่งศิษย์หลวงพ่อชา ทั้งชีวิตที่หรูหรา สู่วิถีแห่งความสันโดษ
    โดย : <!--MsgFrom=0-->Mr.Terran

    เป็นระยะเวลา 30 กว่าปีแล้วที่พระอาจารย์ สุมโน ภิกขุ พระฝรั่ง อดีตชาวเมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้สละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยสุขสบายในชีวิตฆราวาส แล้วหันเหตัวเองสู่เส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เพื่อดำเนินชีวิตในวิถีทางที่สันโดษและเรียบง่าย ภายใต้ร่มเงาของพระพุทธศาสนา

    สิ่งที่ทำให้อดีตนักศึกษาด้านกฎหมายและนักธุรกิจด้านตีราคาที่ดิน ทั้งของรัฐและเอกชน ผู้เคยใช้ชีวิตระดับไฮคลาส เดินทางไปต่างประเทศด้วยเครื่องบินชั้นธุรกิจ (Business Class) พักแต่โรงแรมระดับห้าดาว และมีเงินเหลือเฟือพอที่จะเที่ยวรอบโลก ได้ตัดสินใจทิ้งชีวิตที่หลายคนพยายามตะเกียกตะกายเพื่อจะไปให้ถึง เหตุเพราะเช้าวันหนึ่งเขาลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับความรู้สึกที่ว่าชีวิตช่าง น่าเบื่อ ไม่มีอะไรที่ทำให้ต้องตื่นเต้นอีกต่อไปแล้ว

    พระอาจารย์ สุมโน ซึ่งอดีตเคยนับถือศาสนายิว บอกเล่าว่า รู้จักพระพุทธศาสนาครั้งแรกเมื่อตอนที่กำลังศึกษา อยู่ในชั้นมัธยมปลาย ด้วยความที่มีนิสัยเป็นคนชอบอ่านหนังสือและแสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลา กระทั่งวันหนึ่งจึงได้ไปเจอหนังสือบางเล่มที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับพระพุทธ ศาสนาวางอยู่บนโต๊ะในห้องสมุด

    แรกเริ่มพระอาจารย์ให้ความสนใจเรื่องการนำหลักการฝึกสมาธิของทางพระ พุทธศาสนามาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาตัวเองมากกว่า ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาศึกษาศาสนาหลายศาสนาและหลายนิกาย โดยเคยเข้าคอร์สที่มีการอบรมด้านพระพุทธศาสนาอยู่หลายคอร์ส และใช้เวลาปลีกวิเวกอยู่แต่ในห้องโดยไม่ไปไหนเลย เป็นเวลานาน 2-3 ปี

    ในวัย 32 ปี เมื่อได้ทิ้งชีวิตการเป็นนักธุรกิจแล้ว และเริ่มมีใจลึกซึ้งในพระพุทธศาสนา พระอาจารย์เห็นว่า การฝึกสมาธิอย่างเดียวช่วยอะไรได้น้อยมาก จึงมีความสนใจ อยากจะศึกษาพระพุทธศาสนาให้มากขึ้น แต่เวลานั้นยังไม่ได้มีความคิดที่จะบวช
    ช่วงเวลาที่ท่านกำลังจะเดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาที่ประเทศอินเดีย นั้น ระหว่างทางได้ไปแวะที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพราะเพื่อนของพระอาจารย์ได้แนะนำให้รู้จักวัดแห่งหนึ่งที่นี่ ซึ่งเมื่อสมัยที่ท่านไปเยือนครั้งแรกนั้นยังไม่ได้เป็นวัด แต่ต่อมาได้กลายมาเป็น วัดจิตตวิเวก (วัดป่าสาขาวัดป่าหนองป่าพงแห่งแรกในประเทศอังกฤษ) ที่ช่วงเวลานั้นมี พระสุเมธาจารย์ หรือท่านสุเมโธภิกขุ เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก เมื่อเริ่มแรกตั้ง วัดในพ.ศ. 2522 <!--MsgFile=0-->


    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#204080 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#204080 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>พระอาจารย์ยังจำได้ว่า ทุกๆเย็น จะต้องนั่งรถลีมูซีนคันหรู พื่อไปสวดมนต์ที่วัด ก่อนจะตัดสินใจนุ่งขาวห่มขาวอยู่นานถึงสามปี จึงทำให้ความตั้งใจที่จะไปอินเดียในครั้งนั้นเป็นอันต้องล้มเลิก และในที่สุดจึงตัดสินใจบวชเมื่ออายุได้ 35 ปี

    นอกจากวัดจิตตวิเวก พระอาจารย์ได้มีส่วนร่วมในการสร้างวัดอีกแห่ง คือ วัดอมราวดี แต่ด้วยสเกลที่มีขนาดใหญ่ ต้องใช้เวลาในการสร้างนาน จึงไม่อยากใช้เวลาให้หมดไปกับการเป็นช่าง แต่อยากศึกษาหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนามากกว่า

    วันหนึ่งเมื่อเดินทางสู่ประเทศไทย ทำให้พระอาจารย์มีได้มีโอกาสแวะเวียนไปกราบไหว้ และเรียนรู้ธรรมะจากพระชื่อดังหลายรูปในประเทศไทย อาทิ ท่านพุทธทาสภิกขุ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงพ่อพุธ ฐานิโย และ หลวงพ่อชา สุภัทโท

    โดยเฉพาะหลวงพ่อชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ที่พระอาจารย์รู้สึกเลื่อมใสศรัทธามากเป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะเคยบวชและจำพรรษาอยู่ที่วัดสาขาของท่านที่อังกฤษ พระอาจารย์จึงไม่รีรอที่จะเดินทางสู่ภาคอีสาน ไปยังที่พำนักของหลวงพ่อชา เพื่อฝากตัวเป็นลูกศิษย์

    สิ่งที่พระอาจารย์ได้เรียนรู้จากหลวงพ่อชาและรู้สึกประทับใจคือ

    “ในทัศนะของหลวงพ่อ พระอาจารย์ชาเป็นพระที่มีจิตบริสุทธิ์มาก และสามารถระลึกรู้ในสิ่งต่างๆได้โดยไม่ต้องคิด ทำให้หลวงพ่อรู้สึกว่าทึ่ง

    มันจะมีคำว่าดี ถูกต้อง และความเหมาะสมใช่ไหม เวลาที่เราต้องเผชิญกับอะไรสักอย่าง เรามักจะคิดก่อนว่าต้องทำอย่างไรดี ทำอย่างไรถึงจะถูก พอเป็นอย่างนั้นมันจะเกิดการคิด เพราะเราต้องคิดถึงว่า ค่านิยม กาลเทศะ กับบุคคลเหล่านี้เราต้องทำอย่างไร พอมันเกิดการคิด มันต้องคำนึงถึงอดีต ไม่ใช่ปัจจุบันขณะแล้ว เราจึงคิดตัดสิน ว่าเราต้องทำอย่างไรจากสิ่งที่เราเคยได้ยินเคยได้เห็น แต่พระอาจารย์ชาท่านไม่ได้เป็นอย่างนั้น การแก้ปัญหาของท่านเป็นการรู้จากปัจจุบันขณะและใช้คำว่าเหมาะสม” <!--MsgFile=1-->

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    เมื่อหลวงพ่อชามรณภาพ พระอาจารย์จึงออกธุดงค์ไปตามพื้นที่ต่างๆทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ กระทั่งสุดท้ายได้เลือกพำนักอยู่ที่ สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำสองตา ในเขตพื้นที่เขาใหญ่ หลังจากที่เคยธุดงค์ไปพบเพียงแค่คืนเดียว ด้วยเห็นว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะต่อการปฏิบัติ การเดินทางเข้าออกค่อนข้างลำบาก แม้แต่รถยนต์ ก็เข้าไม่ได้ จึงทำให้ปลอดความวุ่นวายจากสิ่งต่างๆ นับ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เวลาก็ได้ล่วงเลยมากว่า 20 ปีแล้ว

    “ตอนนี้แก่แล้ว ไปที่ไหนไม่ได้แล้ว” พระอาจารย์บอก เล่าด้วยอารมณ์ขันเมื่อถูกตั้งคำถามว่าทำไมจึงเลิกธุดงค์และเลือกสำนัก ปฏิบัติธรรมถ้ำสองตาเป็นที่พำนักสุดท้ายของชีวิต

    วัตรปฏิบัติของพระอาจารย์ที่สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ ทุกวันจะต้องตื่นจากจำวัดตอนตีสี่ เพื่อนั่งสมาธิ อ่านหนังสือ เดินจงกรม และฟังธรรมะ แม้แต่ในยามที่ย่ำเท้าไปบนถนนสายเล็กๆที่ทุรกันดารสู่หมู่บ้าน เพื่อไปบิณฑบาต ระหว่างทางก็ยังต้องอาศัยฟังธรรมบรรยายผ่านเครื่องเล่น MP3

    ลูกศิษย์บางคนที่ใกล้ชิดพระอาจารย์บอกเล่าว่า

    “แม้หลวงพ่อจะมีความลึกซึ้งในหลักธรรมจนสามารถนำมาสอนผู้อื่นได้แล้ว แต่หลวงพ่อก็ยังต้องฟังธรรมบรรยายจากพระรูปต่างๆ เพื่อนำมาสอนผู้คนอยู่ และน้อยครั้งมากที่หลวงพ่อจะเดินทางเข้าเมือง ขนาดหมอนิมนต์ให้มาทำฟัน ท่านก็ยังไม่มา”

    แต่พระอาจารย์สุมโนได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับการเขียนหนังสือ เพราะเห็นว่า หน้าที่หนึ่งของพระคือการสืบทอดพระพุทธศาสนาและเผยแพร่หลักธรรมไปสู่ผู้คน ให้มากที่สุด ที่ผ่านมานอกจากท่านจะมีผลงานแปลธรรมเทศนาของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงพ่อพุธ ฐานิโย และหลวงพ่อชา สุภัทโท แล้ว ยังมีผลงานเขียนชื่อ ธรรมะจากพระภูเขา (Monk in the Mountain) จิตที่สว่างไสว (The Brightened Mind) และ พบลิงแค่ครึ่งทาง (Meeting the Monkey Halfway) โดยเป้าหมายที่เหมือนกันของผลงานเขียนทั้งสามเล่มคือ ต้องการสอนให้ผู้คนรู้จักการเจริญสติ รู้จักการใช้ปัญญา เพราะถ้าคนเราไม่มีปัญญา มีแต่ตัวตนเกิดขึ้น ก็จะเกิดความเห็นแก่ตัว

    ส่วนเหตุที่ควรต้อง “พบลิงแค่ครึ่งทาง” ผลงานเขียนเล่มล่าสุดของพระอาจารย์ ซึ่งแปลและเรียบเรียงโดย อานุภาพ ทัดพิทักษ์กุล และจัดพิมพ์โดย บริษัท ฟรีมายด์ พับลิชชิ่ง จำกัด ได้บอกเอาไว้ว่า

    ในปรัชญาธรรมอันเก่าแก่ของเอเชียตะวันออก ลิงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของจิตที่มีลักษณะไม่อยู่นิ่ง ยุกยิก คอยกระโดดจากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง ไม่เชื่อฟัง ผันแปรเปลี่ยนแปลงง่าย และด้วย “จิตที่เหมือนลิง” นี้ แนวทางการฝึกฝนจิตของโลกตะวันออก อาทิ การปฏิบัติกรรมฐาน โยคะ และการสวดท่องมนต์ ก็เป็นวิธีการต่างๆที่พยายาม จัดการกับจิตที่ซุกซน

    “ครึ่งทาง” หมายถึงอุบายอันชาญฉลาดในการบริหารจิต เป็นวิธีที่ไม่ตึงหรือแข็งกระด้างจนเกินไป และก็ไม่หย่อนยานจนเกินไป “ครึ่งทาง” เป็นทัศนคติที่ตั้งอยู่บนหลักการของความสมดุลเป็นกลาง ไม่ถูกกระทบโดยอาการไม่อยู่นิ่งของจิตที่กระโดดไปกระโดดมา

    “การพบ” แสดงออกถึงความอุตสาหะที่จะบรรลุเป้าหมาย มันหมายถึงความตั้งใจและความกระตือรือร้นในการทำจิตซึ่งเป็นสิ่งที่สงบได้ ยาก ให้เกิดความตั้งมั่นและเป็นกลาง และด้วยความพยายามที่มุ่งมั่นนี้ ประกอบกับความพากเพียร ซื่อตรง ภายใต้การกำกับดูแลของปัญญา ทำให้เราสามารถเข้าถึงการเจริญในธรรมที่นำไปสู่หนทางอันถูกต้อง เพื่อที่เราจะได้ “พบลิงที่ครึ่งทาง” นั่นเอง

    ในวันที่พระอาจารย์สุมโน ภิกขุ เดินทางออกจากสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำสองตา เพื่อมาบรรยายธรรมและเปิดตัวผลงานเขียน “พบลิงแค่ครึ่งทาง” ณ สวนโมกข์ กรุงเทพฯ หลังจากที่ละทิ้งความสุขทางโลกมา 30 กว่าปี พระอาจารย์ซึ่งตอนนี้พูดภาษาไทยภาคกลางได้มากแล้ว (แต่เว้าอีสานได้ชัดกว่า) ได้บอกถึงความแท้จริงในทัศนะของพระอาจารย์ให้ผู้คนได้ฟังว่า

    “ถ้าไม่มีความอยาก จะได้รับความสุขทันทีเลย” <!--MsgFile=2-->


    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>แล้วเราจะระงับซึ่งความอยาก ด้วยวิธีการอย่างไรบ้าง ? พระอาจารย์ได้กล่าวต่อไปว่า

    “ให้ รู้ว่าความอยากมีแต่ความทุกข์ มากกว่าความสุข เพราะถ้าเรามีความอยาก เราก็ต้องไปดิ้นรนไปหาไปทำมา ตอนที่เรากำลังหากำลังทำอยู่ เรามีความสุข อย่างเช่นการ สะสมเงิน เพราะอยากจะได้แหวนเพชรสักวง ตอนที่ใกล้จะได้มา เรารู้สึกดีใจ พอไปที่ร้านถอยมันมาได้ ความสุขก็จบแล้ว เพราะช่วงเวลาที่เราอยากได้มันหมดไปแล้ว ทีนี้ก็จะดิ้นรนไปอยากได้อย่างอื่นต่อ”

    และเมื่อถูกถามว่า ถ้าโลกนี้ไม่มีความอยาก มีแต่การปล่อยวาง โลกจะไม่หยุดพัฒนา หยุดการเจริญรุดหน้าหรืออย่างไร พระอาจารย์ตอบว่า

    “เคยมีคนถามหลวงพ่อว่า ถ้าทุกคนบวชเป็นพระกันหมด โลกนี้จะพัฒนาไปอย่างไร หลวงพ่อบอกว่าไม่ต้องห่วง มีคนที่สมัครใจบวชเป็นพระ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน เหมือนกับที่ไม่ใช่ทุกคนที่อยากเป็นช่างเสริมสวย(หัวเราะ)

    และในความเห็นของหลวงพ่อ โลกนี้ไม่ต้องเจริญ อีสานที่หลวงพ่อเคยอยู่ มีคนบอกว่าความเจริญเป็นสิ่งดี โอ้.. อยากให้เมืองนี้เจริญ วารินชำราบเจริญ อุบลฯ เจริญ แต่หลวงพ่อคิดว่า ความเจริญไม่ใช่สิ่งดีเสมอไป เพราะถ้าเจริญแบบไม่มีปัญญาก็จะมีปัญหามากขึ้น อย่างเมืองไทยเจริญขึ้น แต่ความสุขกลับน้อยลงตลอด ไม่เหมือนประเทศภูฏาน ประเทศเขาไม่เจริญ แต่มีความสุข”

    แม้พระอาจารย์จะเป็นตัวอย่างหนึ่งของชาวต่างชาติจากประเทศตะวันตก ที่เดินทางมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศตะวันออก เรียนรู้และศึกษาจิตวิญญาณตะวันออก โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา แต่พระอาจารย์ก็ไม่สามารถกล่าวได้ว่า ตนเองเป็นหนึ่งในคนตะวันตกจำนวนมากที่หันมาสนใจจิตวิญญาณตะวันออก เพราะอาจจะเป็นหนึ่งในคนจำนวนน้อยก็ได้ หรือแม้แต่เวลานี้ก็ตาม ถามว่าคนตะวันตกสนใจจิตวิญญาณตะวันออกมากขึ้นหรือไม่ พระอาจารย์ก็ไม่อาจทราบได้ เพราะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศตะวันตกมานานแล้ว

    “หลวงพ่อไม่ได้อยู่ในประเทศตะวันตกมาสามสิบกว่าปีแล้ว หลวงพ่อรู้แต่ว่าเมื่อก่อนคนตะวันตกอยากมาเมืองไทยเพราะสนใจในประเพณี วัฒนธรรม เป็นแบ็คแพ็คเกอร์มาเที่ยว หรือนั่งเครื่องบินไปเที่ยวทะเล เที่ยวเกาะสมุยโน่น แต่ไม่ค่อยมีใครมาวัด มาอีสาน มีแต่มาเอาอย่างเดียว ไม่มีใครอยากให้อะไร”

    หลายปีที่ผ่านมา อาจทำให้พระอาจารย์รู้จักประเทศไทย และเห็นความเป็นไปของประเทศไทยในหลายๆด้าน แต่พระอาจารย์ก็ออกตัวว่า ไม่อยากจะวิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทยหรือคนไทยมากเท่าใดนัก มีเพียงบางสิ่งที่ทำให้รู้สึกเป็นห่วงคนไทยคือ มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่กำลังตกอยู่ในวังวนของความอยากและการโฆษณา ชวนเชื่อ ที่ทำให้รู้สึกว่าชีวิตนี้ยังไม่พอ และยังไม่ดีพอเสียที

    “ทุกคนอยากมีรถคันใหม่ อยากมีโทรศัพท์ อยากมีโน่นอยากมีนี่ มีความอยากไปในทางโลกเสียมากกว่า และการโฆษณาก็ทำให้พวกเขาคิดว่าชีวิตฉันยังไม่พอ และรู้สึกว่าฉันยังไม่ดีพอ ฉันต้องรวยให้มากกว่านี้ หรือฉันต้องสวย ต้องขาวให้มากกว่านี้”

    ปี พ.ศ.2553 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ประเทศไทยต้องประสบ กับปัญหาภัยธรรมชาติเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเพราะมนุษย์นี่เองที่เป็นฝ่ายเบียดเบียนธรรมชาติ ซึ่งพระอาจารย์ได้แนะวิธีที่จะช่วยให้เราเบียดเบียนธรรมชาติให้น้อยที่สุด ว่า

    “ต้อง รักษาศีลห้าก่อน เพราะถ้าไม่รักษาศีลห้า เราก็จะเป็นฝ่ายเบียดเบียนธรรมชาติ ปัญหาที่อยากแก้ก็จะไม่สามารถแก้ได้ และอยากให้ทุกคนมีสมาธิ เพราะสิ่งเหล่านี้มันจะทำให้จิตใจของเราสบาย มีความอยากน้อยลง มีสติ แล้วปัญญาก็จะเกิดขึ้น

    ถ้าเราไม่มีปัญญา เราก็จะไม่เข้าใจอดีต และทำในสิ่งที่ ผิดพลาดเหมือนเดิมไปตลอด เหมือนเราเคยเสียใจ เพราะอกหักจากผู้ชายคนนี้ ถ้าเราไม่ใช้ปัญญาทำความเข้าใจว่าทำไม เราก็จะอกหักได้อีกเรื่อยๆ ดังนั้น ปัญญาช่วยให้เรา สามารถพิจารณาได้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว

    จริงๆ แล้วจิตเดิมของมนุษย์นั้นประภัสสร นั่นคือบริสุทธิ์ รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่เพราะว่าจิตของเรารับอะไรเข้ามาเยอะ กิเลสมันเลยเข้ามาทำให้จิตใจเราขุ่นมัว เราก็เลยไม่มีปัญญาพอที่จะมองเห็นเหตุของปัญหา แต่ไปหลงและยึดเอาค่านิยมภายนอกมากกว่า ภัยธรรมชาติ ที่มันเกิด มันเป็นเพราะความอยากของเราที่มันไปเป็นตัวเบียดเบียนธรรมชาติ ถ้าเราไม่อยากเบียดเบียนธรรมชาติ เราต้องถามตัวเราเองก่อนว่า เราพร้อมที่จะเสีย สละไหม เช่น ถ้าเราไม่มีโรงงานนิวเคลียร์ เราก็จะไม่มีไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงานนิวเคลียร์มาใช้นะ

    ทุกวันนี้เราพึ่งพาไฟฟ้าเพราะอะไร เพราะเราต้องการความสะดวกสบาย เวลาเราเบื่อ แทนที่เราจะนั่งสมาธิ เราต้องเปิดไฟ ดูทีวี หรือ อ่านหนังสือ ตอบสนองตัวเองด้วย สิ่งบันเทิง แต่ถ้าเราพยายามอยู่กับตัวเองให้ได้บ้าง บางครั้ง สิ่งบันเทิงเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เมื่อเราไม่ได้เปิดไฟ ใช้ มันน้อยลง เราก็จะเบียดเบียนธรรมชาติน้อยลงไปด้วย”

    ดังนั้นพรปีใหม่ที่พระอาจารย์อยากมอบคนไทย ไม่มีอะไรที่มากกว่าการลดความอยาก เพื่อความสุขที่แท้และใช้ปัญญาแก้ไขปัญหา

    “เพราะปัญญาเท่านั้นที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากตัวเราเอง”

    ที่มา หนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 122 มกราคม 2554
    โดย พรพิมล
    Dhamma and Life - Manager Online
    <!--MsgFile=3-->

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    PANTIP.COM : Y10134063 '
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นิมิตแผ่นดินไหวชิคาโกโดย Chuck Youngbrandt

    <!--Main-->In 1973 the Lord gave me a vision of a massive earthquake striking the Midwest U.S.A. centering in Chicago, Illinois on some day in July in the future. This destructive earthquake led directly to an all out nuclear attack on the U.S. by Russia, China with Japan and the start of World War III. In that vision I saw a huge jet airliner on a glide path to land at O’Hare Airport north of Chicago [after the quake] when Lake Michigan roared out of its lake bed and swept over the city in what was a wall of water 100 feet+ high. The huge jet airliner turned on its jets full blast and black smoke poured out of its engines as the pilot frantically worked to pull up and away from the wall of water that was destroying Chicago.
    ในปี 1973 พระเจ้าได้ให้นิมิตแก่ข้าพเจ้าเกี่ยวกับแผ่นดินไหวใหญ่โจมตีแถบตะวันตกกลางของอเมริกา มีศูนย์กลางที่ชิคาโก อิลลินอยส์ ที่จะเกิดขึ้นในวันหนึ่งในเดือนกรกฎาคมในอนาคต แผ่นดินไหวทำลายล้างนี้จะนำมาสู่การโจมตีอเมริกาด้วยนิวเคลียร์จากรัสเซีย จีน และญี่ปุ่น เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 3 นิมิตนี้ข้าพเจ้าเห็นเครื่องบินเจ็ตใหญ่มากลำหนึ่งที่บินอยู่ในเส้นทางบินได้ลงที่สนามบิน โอแฮร์ ทางตอนเหนือของชิคาโก (หลังจากแผ่นดินไหว) และเมื่อทะเลสาปมิชิแกนคำรามพ่นน้ำออกมากวาดเมืองมันจะเป็นกำแพงน้ำสูงกว่า 100 ฟุต และเครื่องบินเจ็ตลำใหญ่ก็ติดเครื่องเต็มกำลังอีกครั้ง จนมีควันไหม้พุ่งออกมาจากเครื่องยนต์เพราะนักบินได้ตื่นกลัวอย่างเสียสติที่จะนำเครื่องขึ้นหนีกำแพงน้ำที่จะมาทำลายชิคาโก

    I was puzzled at the time [July 2, 1973] because the aircraft I saw was a massive two stories high, unlike anything I’d ever seen. [In 1973 the Jumbo Jet had not yet arrived, it was being designed].
    ข้าพเจ้างุนงงมากในตอนนั้น (วันที่ 2 กรกฎาคม) เนื่องจากเครื่องบินที่ข้าพเจ้าเห็นนั้นใหญ่มากเท่าตึกสองชั้น ไม่เหมือนที่ข้าพเจ้าเคยเห็นมากก่อน (ในปี 1973 เครืองบินจัมโบ้เจ๊ตยังไม่มี เพราะกำลังออกแบบสร้างอยู่)

    While the Jumbo Jet [747-400] with its two story bubble in the front of the aircraft looks “like” what I saw in 1973, this new airliner, the A3XX, shown in the June 24, 2000 newsclip [The Dallas Morning News, Saturday, June 24th 2000, 2F, Airbus gives green light to superjumbo jetliner] “is” 2 stories high and looks more like what I saw in the 1973 vision.
    ในขณะที่เครื่องบินจับโบ้เจ็ต (747-400) ที่มีห้องสองชั้นด้านหน้าของเครื่องบินดู “คล้าย” กับที่ข้าพเจ้าเคยเห็นในปี 1973 ที่เป็นรุ่นใหม่ A3XX อย่างที่เคยเห็นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2000 (ออกข่าวเช้าของดัลลัส ในวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน เครืองแอร์บัส 2F เป็นเครื่องบินเจ็ทยักษ์ไอพ่นสีเขียวอ่อน) “คือ” สูง 2 ชั้นและดูคล้ายกับที่ข้าพแห็นในนิมิตปี 1973 มาก

    I make these observations, as they surface, only to keep track of developments that tell us we are entering “that time period” when such aircraft will exist. According to this news article the AEXX superjumbo jets will be ready for delivery to airlines by the year 2005.
    ข้าพเจ้าได้ตามสังเกตุดูในขณะที่พวกเขายังเพิ่งเริ่มต้นพัฒนา เพราะการติดตามพัฒนาการนี้เป็นหนทางเดียวที่จะบอกเราว่าเรากำลังเข้าสู่ “ช่วงเวลานั้น” เมื่อเครื่องบินแบบนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว จากข่าวนี้ที่มีหัวข้อว่า AEXX เครื่องบินเจ็ตซุปเปอร์จัมโบ้พร้อมที่จะนำมาใช้บินในปี 2005

    This is the vision of the earthquake that swept me up from July 2, 1973 to July 5, 1973. I didn’t know why I’d seen it or what I was to do with this vision… I typed up my notes, filed them, and tried to forget the vision, albeit unsuccessfully.
    นิมิตแผ่นดินไหวนี้ได้มาถึงข้าพเจ้าตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 5 กรกฎาคม 1973 ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เห็นสิ่งนี้หรือเพราะอะไรจึงได้เห็นนิมิตนี้ ข้าพเจ้าได้เขียนโน้ต และทำเป็นไฟล์ไว้ และพยายามจะลืมมันเสียแต่ก็ไม่สำเร็จ

    First, I saw the Chicago earthquake, then an overview of the mid-western and north-eastern United States. I saw smoldering ruins from nuclear attack. When looking at the Midwest, I saw caked, drying mud and ruins everywhere. However, many small cities and towns were intact. I saw many injured people. Many were hospitalized. Confusion and fear gripped the land.
    สิ่งแรกคือข้าพเจ้าเห็นแผ่นดินไหวที่ชิคาโก และเห็นบริเวณทั่วทั้งแถบตะวันตกกลางและตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกา และเห็นซากปรักหักพังมีไฟคุกรุ่นจากการโดนระเบิดนิวเคลียร์ และเมื่อมองไปที่แถบตะวันตกกลาง ก็ได้เห็นชิ้นก้อน โคลนแห้ง ของซากหักพังทุกที่ อย่างไรก็ตาม เมืองเล็ก ๆ จำนวนมากในเมืองใหญ่ก็ยังไม่ถูกทำลาย ข้าพเจ้าเห็นผู้คนบาดเจ็บจำนวนมากถูกนำเข้าโรงพยาบาล ความสับสนและความกลัวเข้ามากลืนกินแผ่นดินนี้

    Then I saw a great Russian fleet steaming out past Western Europe towards the United States. Western Europe cringed in fear, for God’s Spirit held them and they were terrified to move or to intervene. I saw a lone but great United States Aircraft carrier capsized in a bay on the East Coast, half sunk in the mud. Then I saw the invasion, at the Bay of Delaware, and on the coast of Virginia.
    และทันใดนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นกองกำลังรัสเซียเคลื่อนผ่านยุโรปตะวันตกอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้ามายังอเมริกา ยุโรปตะวันตกต้องยอมให้ผ่านเพราะกลัว เนื่องจากพระวิญญาณพระเจ้าได้ตรึงเขาไว้ทำให้พวกเขาอยู่ในความกลัวต่อการนี้ ข้าพเจ้าไม่เห็นอะไรอีกนอกจากเครื่องบินบรรทุกลำใหญ่ของอเมริกาได้ตกลงที่อ่าวแห่งหนึ่งในชายฝั่งตะวันออกจมโคลนลงไปครึ่งลำ และทันใดนั้นก็เห็นการบุกรุกเข้ามาที่อ่าวเดลาแวร์ และตลอดชายฝั่งของเวอร์จิเนีย

    THE START OF THE VISIONS...
    เริ่มต้นนิมิต

    It was a beautiful sunny, warm day at a around 10:30 am, and I was reading my bible in the lobby during my coffee break. I had a feeling of uneasiness all morning -- jittery with no apparent reason. The tenseness that plagued me made me eager to seek consolation in the Word, which I knew would relax me. I had been reading for a moment or so when an odd thing happened. The sunlight which lit up the room suddenly seemed brighter than normal, but I dismissed this and continued reading. I then glanced outside again, and noticed something strange. Although I could clearly see fluffy clouds in that morning sky, I also saw simultaneously a clear blue sky with no clouds and a much brighter sunlight. Then I heard a very sharp, loud, and terrible cracking noise, and was aware that the ground was moving under me. The building all around me was wavering; the wall split at some points, and I heard a deep rumbling sound. It was an earthquake!
    มันเป็นวันที่บรรยากาศสดใสอบอุ่น ช่วงสายเวลาประมาณ 10:30 ข้าพเจ้ากำลังนั่งอ่านพระคัมภีร์ที่เฉลียงในช่วงพักดื่มกาแฟ ข้าพเจ้ารู้สึกไม่สบายตัวตลอดช่วงเช้า มีอาการกระวนกระวายโดยไม่มีเหตุผล ความตึงเครียดทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกกระวนกระวายที่อยากจะพกสงบในพระวจนะพระเจ้าเพราะเป็นสิ่งที่ช่วยข้าพเจ้าได้ ขณะที่อ่านอยู่นั้นชั่วครู่ก็มีบางสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้น แสงอาทิตย์ก็สว่างไปทั่วห้องอย่างฉับพลันดูเหมือนจะสว่างกว่าปกติ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้สังเกตุอะไรและอ่านพระคัมภีร์ต่อไป และก็ได้ชำเลืองดูไปข้างนอกอีกครั้งและเห็นสิ่งแปลกประหลาดบางสิ่ง แม้ว่าข้าพเจ้าจะเห็นปุยเมฆอย่างชัดเจนในท้องฟ้า แต่ในเวลาเดียวกันก็เห็นท้องฟ้าใสปราศจากเมฆที่ดูสว่างกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก และทันใดนั้นข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงแหลมดังมาก เป็นเสียงแตก ๆ ที่น่ากลัว และรู้สึกว่าพื้นดินเคลื่อนไหวข้างใต้ข้าพเจ้า ตึกต่าง ๆ รอบก็เอนไหวโยกไปมาและกำแพงตึกก็ปริแตกออกมาบางส่วน และข้าพเจ้าได้ยินดังลั่นจากข้างล่าง มันคือแผ่นดินไหว

    I looked around, amazed, while the chandelier pulled out of the ceiling and crashed to the floor. As the walls swayed, the two-story high windows exploded into thousands of glass fragments as their frames twisted and bent. The outside pillars around the door fell almost immediately, and the walls themselves were breaking up with many loud, snapping, and crackling sounds. A piece of ceiling about four feel long fell to the floor, crushing a chair. Everything was weaving so violently that I couldn't move. I heard a woman screaming. I was surprised that the building was holding up so well; for the earth was moving suddenly, sharply, and fast. Suddenly, it stopped! I shook my head in unbelief and looked, seeing the wreckage and clouds of dust super-imposed on that beautiful day. In the next moment, I saw only the lobby as it had been before, untouched, with no sign of the earthquake. Bewildered, I tried to dismiss it all as my imagination, because I didn't know what else to do with the experience. I left the lobby and returned to work.
    ข้าพเจ้ามองไปรอบ ๆ อย่างประหลาดใจ โคมไฟห้อยบนกำแพงก็หลุดตกมาที่พื้น ในขณะที่กำแพงแกว่งเองไปมา หน้าต่างของตึกสูง 2 ชั้นก็แตกระเบิดมีเศษกระจกเป็นพันชิ้นหลุดออกมาในขณะที่กรอบหน้าต่างบิดเบี้ยวไป ต้นเสาหลักภายนอกรอบ ๆ ประตูก็หักลงในทันที กำแพงแตกพังลงเสียงดังอย่างมาก เป็นเสียงแตกปะทุ ชิ้นส่วนเพดานสูงประมาณ 4 ฟุตจากพื้นก็ถล่มมาที่เก้าอี้ ทุกสิ่งแกว่งไปมาอย่างรุนแรงจนข้าพเจ้าเดินไปไหนไม่ได้ ข้าพเจ้าได้ยินผู้หญิงคนหนึ่งร้องกรี๊ด ข้าพเจ้าประหลาดใจที่อาคารยังทรงตัวอยู่ได้ในขณะที่พื้นดินเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและรุนแรง และทันใดนั้นมันก็หยุด ข้าพเจ้าสั่นหัวด้วยความเชื่อเมื่อมองดูไปรอบ ๆ เห็นเศษซากหักพังและมีฝุ่นควันปกคลุมวันอันสดใสไป ต่อมาข้าพเจ้ามองเห็นเพียงเฉลียงที่นั่งอยู่ก่อนนั้นไม่เป็นอะไรเลยเหมือนไม่มีแผ่นดินเกิดขึ้น รู้สึกงงงวยและพยายามลืมมันเหมือนเป็นแค่จินตนาการ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้กับสิ่งที่พบเจอนี้ ข้าพเจ้าก็กลับไปทำงานต่อ

    This experience, it turned out, was just the opening revelation of many by the Holy Spirit. On that first day and for days to come, in various placed, at various times, the Lord continued to reveal to me the earthquake happening over and over again. Each time I saw that bright clear-blue sky with no clouds and the bright sunlight. I heard that same sharp cracking noise which sounded so fierce, so deadly, that one could almost taste it; then came the fast and sudden movement of the earth. At that time I did not know what was happening nor understand much, except that I not only saw the earthquake and heard it, but I also felt it and was aware of what people were thinking of at that time. I could even smell a difference in the air. As the days passed and the revelation unfolded, I began to suffer from emotional shock and pure horror. As the revelations all happened over an extended period of time, I will share them with you as it was given to me by the Holy Spirit.
    ประสบการณ์ก็เป็นเหมือนหลาย ๆ เรื่องที่ถูกเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในวันแรกและหลายวันต่อมา ในหลาย ๆ พื้นที่ หลาย ๆ เวลา พระเจ้าได้เปิดเผยต่อข้าพเจ้าอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับแผ่นดินที่จะเกิดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งที่ข้าพเจ้าได้เห็นนั้นเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใสไม่มีเมฆ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงแตกแหลมน่ากลัว ร้ายกาจอย่างมาก และที่เกิดมานั้นก็เช่นกัน มันเกิดการเคลื่อนของแผ่นดินอย่างรวดเร็วและทันทีทันใด ในเวลานั้นข้าพเจ้าไม่รู้ว่าเกิดอะไร ไม่เข้าใจอย่างมาก คิดว่าไม่ได้เห็นและได้ยินแต่แผ่นดินไหวอย่างเดียวแต่ก็รู้สึกรับรู้ว่าคนอื่น ๆ คิดว่ามันคืออะไรด้วยในเวลานั้น ข้าพเจ้ายังได้กลิ่นแปลก ๆ ในอากาศ ขณะที่วันผ่านไปและความลับก็ถูกเปิดเผยขึ้น ข้าพเจ้าก็เริ่มรู้สึกช๊อคและกลัวขึ้นเมื่อทุกสิ่งถูกเปิดเผยออกมาตลอดช่วงเวลานั้น และจะบอกพวกเขาและท่านในสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์บอกข้าพเจ้า

    It was now lunch time that same day. Everyone else was eating and I was at my desk covering the phones. My desk sat next to a window that faced east, overlooking the southern end of a small lake (called O'Hara Lake), past sister buildings built around the lakefront. Just east of the office buildings was the Tri-State Tollway and east of the Tri-State Tollway stood the Xerox factory and what looks like a water tower with the Xerox name on it; beyond Xerox one could see woods. It all started again. That day was super-imposed on the day I was in, and the prelude of bright sunlight, a sky with no clouds, and the sharp crack of the earth.
    ในเวลาอาหารเที่ยงในวันเดียวกันนั้น ทุก ๆ คนก็กำลังรับประทานอาหารในขณะที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ที่โต๊ะ โต๊ะอยู่ถัดจากหน้าต่างที่หันหน้าไปทิศตะวันออก มองไปทิศใต้จะเห็นทะเลสาปเล็ก ๆ เรียกว่าทะลสาป โอฮาร่า ผ่านตึกคู่กันที่สร้างอยู่รอบ ๆ หน้าทะเลสาป ไปทางทิศตะวันออกเล็กน้อยของอาคารคือถนน ไตรสเตท โทลเวย์ และทางตะวันออกโทลเวยร์คือโรงงาน ซีร๊อก และมีบางสิ่งดูเหมือนอาคารเก็บน้ำที่มีชื่อ ซีร๊อก ตั้งอยู่เลยโรงงานซีร็อกไปก็เป็นป่า และมันก็เริ่มอีกครั้ง นับแต่เริ่มวันมาก็เกิดสิ่งนี้ไปทั้งวันนั้น คือเริ่มต้นด้วยแสงอาทิตย์สดใส ท้องฟ้าไร้เมฆ และแผ่นดินไหวแตกทิ่มแทงพื้นดิน

    With that, the whole building began to move under me. I watched a crack start and spread from the other end of the office to my area in the twinkling of an eye. The plaster wallboards popped, crumbled, and came undone as the walls buckled. The floor on my end sagged down about five or six feet, sending file cabinets and furniture sliding. Again I heard the screams and felt the panic and terror of the quake in others. I heard a thunderous roar in the tumbling earth, and noted that the movement was east to northwest in direction. I looked out of my window, and saw the Xerox water tower swaying back and forth, then the base gave way and the tower fell. I then saw flames rise from the Xerox building itself as the huge crumbling water tower hit the roof. In a few moments, the earth stopped shaking and I was struck by the utter quiet now of this future day, for I saw no living being at all, not even birds. Smoke arose from the Xerox building like a black pillar. The water in O'Hara Lake sloshed out of the lake in massive waves and then ran back into the lake bed.
    และนั้นก็ทำให้ตึกทั้งหมดเริ่มเคลื่อนที่ ข้าพเจ้าเห็นการแตกและขยายตัวจากที่หนึ่งของอาคารมายังที่ ๆ ข้าพเจ้าอยู่ในชั่วพริบตา ผนังปูนฉาบแตกปะทุและโน้มตัวพังลงมาในขณะที่กำแพงโค้งตัวลงมา พื้นที่ยื่นอยู่ก็ทรุดตัวลงไปประมาณห้าหรือหกฟุต ทำให้เฟอร์นิเจอร์และตู้เอกสารเลื่อนไถลลงไป อีกครั้งที่ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดและรู้สึกวิตกกลัวถึงการไหวที่อื่นด้วย ข้าพเจ้าได้ยินเสียงคำรามเหมือนฟ้าผ่าของแผ่นดินที่พลิกตลบไปมา และสังเกตุได้ว่าการเคลื่อนไหววิ่งจากทิศตะวันออกไปตะวันตกเฉียงเหนือ ข้าพเจ้ามองออกไปที่หน้าต่างเห็นอาคารเก็บน้ำชื่อซีร๊อกแกว่งไปมา และฐานก็เคลื่อนจนอาคารล้มลง ทันใดนั้นก็เห็นเปลวไฟพุ่งออกมาจากอาคารในขณะที่อาคารเก็บน้ำยักษ์กระแทกลงที่หลังคาอาคารซีร๊อก ในชั่วขณะหนึ่งแผ่นดินก็หยุดไหวและข้าพเจ้าก็หยุดชะงักด้วยความเงียบสงัดที่จะมีไปตลอดวัน ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใด ๆ เหลืออยู่แม้กระทั่งนก กลุ่มควันลอยขึ้นจากอาคารซีร๊อกเหมือนแท่งเสาสีดำ น้ำในทะเลสาปโอฮาร่ากระฉอกสาดออกมาจากทะเลสาปเป็นคลื่นยักษ์และก็ไหลกลับไปที่เดิม

    I knew this was once again a vision of some future event, a massive earthquake. By this time I was emotionally caught up by the experience, but who could I tell? Who would believe me? At this point, I was the only one who had seen it, and I had no understanding what the purpose of the vision was.
    ข้าพเจ้ารู้ว่านี่เป็นอีกครั้งที่เป็นนิมิตเกี่ยวกับเหตุการณ์อนาคต คือแผ่นดินไหวใหญ่ ในเวลานี้ความรู้สึกของข้าพเจ้าก็ถูกสะกดด้วยสิ่งที่ได้ประสบ แต่ใครที่ข้าพเจ้าจะบอกเล่าได้ ใครจะเชื่อสิ่งนี้ นี่คือประเด็นเพราะข้าพเจ้าได้เห็นแต่เพียงผู้เดียวและไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์ของนิมิตนี้

    It was now 3:00 pm, that same day. Again the "prelude" of the bright sunlight. This time the vision began where the last one left off. The destruction lay on every hand. I could literally feel the deadly quiet of that future day. Then the silence was broken by a terrible and different roaring sound that sent shivers down my spine. I turned to look out my window, my eyes glanced over the ruined terrain and up toward the woods beyond the Xerox building. There, over the tree tops, I was in the far distance a massive wall of water, clear and blue, that was moving westerly. It did not seem to be coming at this place, but seemed to be moving west and south. Yes, the wall of water was definitely south of my location in Des Plaines, Illinois. A wall of water from Lake Michigan, the roar so thunderous, so ominous, that it made me tremble. It was at this point that I realized that I was witnessing the destruction of Chicago by a monstrous earthquake, followed by a huge, destructive wall of water.
    มันเป็นเวลาบ่าย 3 โมงในวันเดียวกัน อีกครั้งที่เริ่มต้นด้วยแสงอาทิตย์สดใส ในช่วงนี้นิมิตเริ่มต้นที่จุดสุดท้ายของครั้งก่อน การทำลายล้างเกิดขึ้นกับทุกที่ ข้าพเจ้าสามารถรู้สึกได้อย่างจริงจังว่ามันจะเป็นวันที่เงียบสงัดไปทั้งวัน และความเงียบก็สิ้นสุดด้วยเสียงคำรามที่น่ากลัวที่ต่างออกไปทำให้เสียวไปถึงกระดูกสันหลัง ข้าพเจ้าหันหลังกลับไปมองที่หน้าต่าง และได้เหลือบมองข้ามไปยังพื้นที่ที่พังถล่มเหนือป่าไปยังอาคารซีร๊อก ที่นั่นมีต้นไม้ตั้งยืนต้นอยู่ ข้าพเจ้าเห็นในระยะไกลว่ามีกำแพงน้ำยักษ์สีน้ำเงินใส กำลังเคลื่อนที่ไปทิศตะวันตก มันดูเหมือนไม่ได้วิ่งมาที่ข้าพเจ้าอยู่แต่ดูเหมือนเคลื่อนที่จากตะวันตกไปทิศใต้ ใช่แล้ว กำแพงน้ำยักษ์พุ่งไปที่ ๆ ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ใน เดสเพลน อิลลินอยส์ กำแพงน้ำมาจากทะลสาปมิชิแกน ดังสนั่นเหมือนฟ้าผ่า ช่างเลวร้าย ทำให้ข้าพเจ้ากลัวจนตัวสั่น นี่เป็นจุดแรกที่ข้าพจะต้องระลึกไว้ว่าข้าพเจ้าจะได้เป็นพยานเกี่ยวกับการทำลายล้างชิคาโกด้วยแผ่นดินไหวใหญ่และตามมาด้วยกำแพงน้ำยักษ์ถล่ม

    Later I was driving from Des Plaines to Villa Park, Illinois. As I drove toward the Tri-State Tollway, I clearly saw the aftermath of the quake-homes destroyed or heavily damaged, roads broken up, underpasses collapsed, trees uprooted and lying everywhere. On the Tri-State moving south toward the O’Hare Airport exit and nearing the Oasis underpass, I again felt the prelude getting my attention. The earth rumbled and roared as before, and I watched from about 300 feet away as a huge section of underground granite or similar material just jutted through the Tri-State road and plowed through the Oasis. Its upward movement stopped about 20-30 feet above the roof of the Oasis; all told, the wall of stone appeared to be about four or five stories high. The massive ridge of stone that jutted in the air appeared to be sliding east-west in movement, moving back and forth. I seemed to know that south of that ridge of stone the ground had dropped much lower than the ground on the north side of the ridge and facture. I seemed to know then and now that this was the fault line.
    หลังจากนั้นข้าพเจ้าขับรถจาก เดสเพลน ไปวิลล่าพาร์ค อิลลินอยส์ ขณะที่ขับไปมุ่งไปที่ ไตรสเตท โทลเวย์ ก็ได้เห็นคลื่นระลอกแผ่นดินไหวทำลายบ้านและถนนพังอย่างชัดเจน ถนนทางลอดใต้ก็พังถล่ม ต้นไม้โค่นล้มถอนรากออกมาอยู่ทุกที่ทุกแห่ง ไตรสเตท โทลเวยร์ นั้นวิ่งจากทิศใต้ไปยังสนามบิน โอแฮร์ และออกไปถึงทางลอดใต้ โอเอซิส ที่อยู่ใกล้ ๆ อีกครั้งที่จะเริ่มต้นด้วยใจจดจ่อ แผ่นดินพลิกเคลื่อนเสียงคำรามเหมือนครั้งก่อนและข้าพเจ้ามองออกไปประมาณ 300 เหมือนจะมีชิ้นส่วนของหินแกรนิตขนาดใหญ่จากใต้พื้นดินหรือวัตถุที่คล้ายกันนี้พุ่งทะลุโผล่ที่ถนน ไตรสเตท และทะลุกวาดไถไปจนถึงทางลอด โอเอซิส มันพุ่งทะลุขึ้นมาจากดินสูงถึง 20-30 ฟุตสูงกว่าเพดานของทางโอเอซิส กำแพงหินนี่ดูจะเหมือนตึกสูงสี่หรือห้าชั้นเลย ร่องหินยักษ์เหล่านี้พุงทะลุขึ้นไปอากาศดูเหมือนจะมีแนวเอียงจากตะวันออกไปตะวันตกในการเคลื่อนตัว และเคลื่อนที่ไป ๆ มา ข้าพเจ้ารู้ว่าทิศใต้ของแนวร่องหินนี้ฐานพื้นดินจะอยู่ต่ำกว่าทิศเหนือมาก ข้าพเจ้ารู้ได้ดังนั้นทันทีว่านั้นคือแนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหว

    When the wall of stone rose through the Tri-State and through the Oasis, it happened so fast and caught me so much by surprise that I jammed on my brakes to avoid hitting that wall of stone before I realized that it was only a vision not the real thing. Past the O’Hare Oasis going south on the Tri-State there is an air bridge. I clearly saw this completely destroyed after the earthquake. In every direction I could see raging fires, pillars of black smoke, wrecked houses and factories. The destruction was so great that it defies description. I came upon a building, 15 stories high standing on the east side of the Tri-State, called the O’Hare-port Hotel of North Lake. I saw the wall of water move over the city, and when it hit that 15-story building, the water was just above the roof of that hotel.
    ตอนที่กำแพงหินเหล่านี้พุ่งขึ้นมาที่ถนน ไตรสเตทไปถึง โอเอซิส มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากทำให้ข้าพเจ้าตะลึงอย่างมากทำให้ต้องเหยียบเบรคอย่างกระทันหันเพื่อหลบแท่งกำแพงหินนี้ก่อนที่จะนึกได้ว่ามันเป็นเพียงนิมิตเท่านั้นไม่ใช่เหตุการณ์จริง เมื่อผ่าน โอแฮร์ และโอเอซิส แล้วก็ไปทิศใต้ตามถนน ไตรสเตท ก็จะพบสะพานขาด ข้าพเจ้าเห็นได้ชัดเจนว่ามันพังทะลายสิ้นเพราะแผ่นดินไหว ไม่ว่าทิศไหนก็เห็นแต่ไฟลุกลาม ท่อควันสีดำพวยพุ่ง บ้านและโรงงานพังทะลาย การทำลายล้างช่างยิ่งใหญ่เกินบรรยายได้ ข้าพเจ้าได้มาถึงตึก 15 ชั้นแห่งหนึ่งที่ยังคงทรงตัวอยู่ในทิศตะวันออกของไตรสเตท คือโรงแรมของสนามบิน โอแฮร์ แห่ง นอร์ทเลค ข้าพเจ้าเห็นกำแพงน้ำเคลื่อนมาเหนือเมืองและถล่มตึก 15 ชั้นนี้ โดยกำแพงน้ำสูงกว่าเพดานโรงแรมนี้

    In that vision of a future day, I also saw a jet airliner coming in for a landing at O’Hare airport just at the time this wall of water made its appearance. The pilot also noticed it and from the black smoke I saw coming out of the jet exhausts, I knew he was accelerating to get up and out. I wondered where the aircraft could land. I thought of Milwaukee, but then I saw that this city, too, was flooded and being destroyed. I thought of St. Louis and saw it also broadly flooded and drowned out of existence. It was then that I began to realize some of the real scope of this future destruction, and only later realized that there has been no parallel in history for what is apparently coming upon us.
    ในนิมิตของอนาคตนั้น ข้าพเจ้ายังเห็นเครื่องบินที่กำลังมาลงจอดที่สนามบินโอแฮร์ ในช่วงเวลาที่กำแพงน้ำปรากฎตัวขึ้นมา นักบินก็สังเกตุเห็นมันด้วย และมีกลุ่มควันสีดำที่ข้าพเจ้าเห็นออกมาจากเครื่องยนต์เจ๊ตที่เผาไหม้ ข้าพเจ้ารู้ได้ว่านักบินได้พยายามเร่งเครื่องเพื่อบินขึ้นออกไป ข้าพเจ้าประหลาดใจว่าเครื่องบินจะไปลงจอดที่ไหน ข้าพเจ้าก็คิดถึงเมือง มิลวากี้ และทันใดนั้นข้าพเจ้าก็ได้เห็นเมืองนี้ถูกน้ำท่วมและกำลังถูกทำลาย ข้าพเจ้าก็นึกถึงเมือง เซนต์หลุย และได้เห็นน้ำท่วมไปทั่วเมืองทุกสิ่งจมน้ำสิ้น คือในทันทีที่ข้าพเจ้าเริ่มนึกถึงสถานที่ใดก็จะเห็นภาพการทำลายล้างจริงในอนาคตที่จะเกิดกับที่นั่น และก็รู้ได้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ใด ๆ ที่ผ่านมา ที่จะเทียบเคียงกับสิ่งเหล่านี้ที่จะเกิดกับเราในอนาคตได้




    I noticed that the wall of water was deepest through the heart of Chicago and that further south the depth tapered off, and further north also it was not nearly as deep.
    I noticed the overpasses and underpasses will collapse, and be buried and blocked; that roads will be buckled and broken in so many places that all traffic will be at a standstill. Escape after the quake, if one survives it, will prove to be almost impossible.
    ข้าพเจ้าสังเกตุว่ากำแพงน้ำนั้นพุ่งลึกเข้ามาถึงศูนย์กลางของชิคาโกและพุ่งเป็นปลายเรียวเลยไปถึงทิศใต้ก็หยุด และเลยไปทิศเหนือด้วยแต่มันไม่ลึก ข้าพเจ้าสังเกตุได้ว่าทางยกระดับและทางลอดใต้จะพังทลาย มีซากหักพังถล่มเป็นทับถมก้อนปิดเส้นทางถนนขาดจากกันในหลาย ๆ ที่และการจราจรก็หยุดชะงัก การหนีจากแผ่นดินไหวเพื่อรอดชีวิตนั้นดูเหมือนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

    I suddenly saw the Loop area in a vision. By the way the shadows fell, it seemed to be twelve noon. I could see traffic moving through the downtown area; however, my attention was focused on the base of a huge building. Again came the prelude and the earthquake. Autos were literally flung off the streets into buildings by the violent movements of the earth. A horrible chorus of creaking, scraping, and grating sounds filled the air, not unlike masts of great sailing ships in a storm, as the skyscrapers swayed to and fro. The giant building began to shear off from its base about 20 feet from the sidewalk but surprised me by not falling. Brick, stone, glass, debris of every sort fell into the streets below like hail driven by a storm wind. As the quake ended, I heard many voices speaking of their ‘great luck to be alive.’ Many awaited rescuer parties, but none were giving thanks to God.
    และทันใดนั้นข้าพเจ้าก็เห็นพื้นที่ของ ลูป ในนิมิตดูจากเงาที่ทอดลงมาก็ได้ดูเหมือนเป็นเวลาเที่ยงวัน ข้าพเจ้าเห็นการจราจรพลุ่กพล่านในย่านดาวทาวน์ แต่ว่าความสนใจของข้าพเจ้าอยู่ที่ชั้นล่างของตึกใหญ่แห่งหนึ่ง และอีกครั้งที่เริ่มต้นด้วยแผ่นดินไหว รถยนต์จำนวนมากก็ปลิวไถลจากถนนเข้าไปยังตึกต่าง ๆ อย่างแรงเพราะแผ่นดินเคลื่อน เสียงประสานที่น่ากลัวพร้อม ๆ กันทั้งเสียงดังลั่นเอี๊ยด เศษกระจาย เสียงครูดเต็มไปทั่วเหมือนกับเสียงของเสาของเรือใหญ่ที่แล่นอยู่กลางพายุ และตึกสูงระฟ้าก็โยงเอนไปมา ตึกยักษ์ก็เริ่มเลื่อนไถลออกจากตัวฐานประมาณ 20 ฟุตจากทางเดินแต่น่าทึ่งที่มันไม่พังลงมา อิฐ หิน แก้ว และเศษชิ้นส่วนต่าง ๆ ก็ตกลงมาที่ถนนข้างล่างคล้ายลูกเห็บที่ลมพายุพัดมา และเมื่อแผ่นดินไหวหยุด ข้าพเจ้าได้ยินเสียงคนจำนวนมากพูดว่า “โชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่” หลายคนรอหน่วยกู้ภัยมาช่วย แต่ไม่มีใครขอบคุณพระเจ้าเลย

    Suddenly my view shifted to the lake front. After the earthquake ended, the waters of Lake Michigan swiftly calmed down; lying still in a strange and ghostly silence. The calm water then seemed to tremble or beadup, and as I watched, the level of the water began to drop quickly. There was a ‘whooshing’ sound as the water literally disappeared in a northeasterly direction, leaving only some large puddles, here and there.
    ทันใดนั้นภาพที่ข้าพเจ้าเห็นก็เปลี่ยนไปอยู่หน้าทะเลสาป หลังจากแผ่นดินไหวหยุด น้ำในทะเลสาปมิชิแกนก็หยุดนิ่งสงบอย่างรวดเร็ว และนอนแน่นิ่งสงบอย่างกับป่าช้า ในทันใดน้ำนิ่งนี้ก็ดูเหมือนจะเขย่าหรือสั่นไหวในขณะที่มองดูอยู่ ระดับน้ำก็เริ่มลดลงอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียงแล่นของน้ำอย่างรวดเร็วพุ่งหายไปในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เหลือทิ้งไว้เป็นบ่อโคลนที่ต่าง ๆ

    A period of time then passed in that same day; but how much time I do not know. From a vantage point at street level in the Loop, I suddenly heard a terrible roaring sound. The sunlight was totally blotted out and everything was engulfed in a suffocating darkness. Later I was to see an aerial view of Chicago’s downtown area, when the returning wall of water from Lake Michigan would crash into the Loop with unbelievable force, surrounding the greater skyscrapers still standing. They would withstand the waters for a moment; then they would slowly twist around to fall and vanish forever in the churning waters. I clearly received an impression that the buildings north of the Loop, [at least past the fault line] would survive somehow. The wall of water was not a wave, not a tidal force, nor a crest -- it was the whole of Lake Michigan -- moving in a massive body westward with irresistible, terrifying unbelievable, force. Everything in its path would be pulverized — totally obliterated. Although the water was over 15 stories high [using the Eisenhower Expressway as a central measuring point], the depth of the water dropped sharply once one traveled — 12 miles to the south or north — however, the shallowest I was shown was still about 20 feet of water.
    ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านไปในวันนั้น เป็นเวลาเท่าใดข้าพเจ้าไม่ทราบมากได้ จากจุด ๆ ที่อยู่สูงแห่งหนึ่งที่ถนนใน ลูป ทันใดนั้นข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างน่ากลัว แสงอาทิตย์หายไปหมดสิ้นและทุกสิ่งถูกกลืนกินด้วยความมืด ต่อมาข้าพเจ้าเห็นภาพทางอากาศของพื้นที่ดาวทาวน์ของชิคาโก เมื่อกำแพงน้ำจากทะเลสาปมิชิแกนได้พัดมาถล่มเข้าไปที่ ลูป อย่างแรงแบบไม่น่าเชื่อ แต่ตึกระฟ้าต่าง ๆ ยังคงทรงตัวอยู่แต่มันตั้งยันคลื่นน้ำเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็เริ่มบิดตัวทรุดลงมาอย่างช้า ๆ และหายไปสิ้นในน้ำที่พัดวนอยู่ ข้าพเจ้าเห็นภาพนี้ติดตรึงชัดเจน ตึกทางตอนเหนือของ ลูป (มีส่วนผ่านแนวรอยเลื่อน) ดูเหมือนจะปลอดภัย กำแพงน้ำนี้ไม่ใช่คลื่น ไม่ใช่คลื่นน้ำขึ้นน้ำลง ไม่ใช่ปลายยอดคลื่น แต่มันคือน้ำทั้งหมดของทะเลสาปมิชิแกนที่เคลื่อนมาทั้งก้อนไปทางทิศใต้โดยไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ รุนแรงน่ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อ ทุก ๆ สิ่งในทิศทางที่น้ำเคลื่อนไปจะถูกบดขยี้ทำลายล้างอย่างหมดสิ้น แม้ว่าน้ำจะสูงกว่าตึก 15 ชั้น (ใช้ทางด่วน ไอเซนโอเวอร์ เป็นจุดศูนย์กลางวัด) แต่ความลึกของระดับน้ำก็ลดลงอย่างเร็วในทิศที่เคลื่อน โดยไป 12 ไมล์ทางใต้และเหนือ แต่จุดที่ตื้นที่สุดที่ข้าพเจ้าเห็นก็ถึงประมาณ 20 ฟุต

    Since 1973, we have realized that the earthquake will cause a geographic depression in the land, turning much of the city into a cause-way for this flood of water; while in places north of the fault line, some land areas will be elevated above the water. The Lord showed me that Calumet City, Illinois; Hammond, Indiana; East Chicago, Indiana and other places on the southern tip of Lake Michigan will be under as much as 60 feet of water. At Lake Michigan’s southern tip, I saw a vast plain of water, with no buildings showing above the water’s surface. But on July 5, 1973 in Des Plaines, I saw the water up over the speed limit sign on Ballard Road, and the water there appeared to be at least five feet deep, or deeper. The Tri-State bridge on Ballard Road had collapsed, and I saw cars piled up on either side, with water running through the broken concrete-like rapids as the water surged west. Here, the Tri-State mound or road was higher than the water.
    นับแต่ปี 1973 เรารู้ว่าแผ่นดินไหวที่จะเป็นเหตุเปลี่ยนแปลงแผ่นดิน และเปลี่ยนเมืองหลายเมืองให้เป็นเส้นทางเดินของน้ำที่จะไหลท่วม ขณะที่พื้นที่ทิศเหนือของแนวรอยเลื่อนบางพื้นที่จะถูกยกสูงกว่าระดับน้ำ พระเจ้าให้ข้าพเจ้าเห็นเมือง คัลลูเม็ต อิลลินอยส์ ฮัมมอนด์ อินเดียน่า ชิคาโกตะวันออก และพื้นที่อื่น ๆ แถวปลายตะวันตกของทะเลสาปมิชิแกนที่จะต้องไปอยู่ใต้ระดับน้ำถึง 60 ฟุต ที่ส่วนปลายตะวันตกของทะเลสาปมิชิแกนที่ข้าพเจ้าเห็นแต่ผืนน้ำใหญ่โต ไม่มีตึกโผล่เหนือน้ำเลย วันที่ 5 กรกฎาคม 1973 ใน เดสเพลน ข้าพเจ้าเห็นน้ำระดับน้ำพุ่งขึ้นมาเหนือป้ายบอกความเร็วบนถนน บัลลาด และระดับน้ำตรงนั้นดูเหมือนจะลึกอย่างน้อย 5 ฟุตหรือลึกกว่า สะพานคอนกรีต ไตรสเตท บนถนน บัลลาด จะพังอย่างรวดเร็วในขณะที่น้ำซัดไปทิศใต้ตรงนี้เป็นเนินบน ไตรสเตท หรือถนนที่อยู่สูงกว่าน้ำ

    July 4, 1973
    4 กรกฎาคม 1973

    I was driving east on the Eisenhower Expressway. Again I saw the aftermath of the earthquake. Autos were piled up bumper to bumper, exit ramps were either broken up or blocked, bridges were down everywhere. It was a warm day and a number of drivers were blowing their horns [which didn’t much help the chaotic situation], when suddenly the wall of water appeared in the east. Some people just froze, most ran to the right or left trying to hid or escape. One man got out of his car and knelt down to pray. He was the only smart one, for he would meet his Maker on his knees. The water engulfed them all. Houses were pulverized into nothing in an instant. Concrete and asphalt were peeled back, the road bed was swept away in a moment, and then I saw 10 or 20 feet of earth flushed away in a instant.
    ขณะที่ข้าพเจ้าขับรถไปตะวันออกบนทางด่วน ไอเซนโอเว่อร์ อีกครั้งที่ได้เห็นคลื่นระลอกแผ่นดินไหวตามมา รถยนต์ต่าง ๆ ก็ชนกันกองสุมเป็นกอง ส่วนทางออกลาดชันต่าง ๆ ไม่พังลงมาก็ถูกปิด สะพานต่าง ๆ ก็พังลงทุกที่ มันเป็นวันที่อบอุ่นและคนขับรถก็บีบแตร (ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรจากความวุ่นวายนี้ได้) และทันใดนั้นกำแพงน้ำก็ปรากฎในทิศตะวันอก คนบางคนก็ตะลึงแน่นิ่ง แต่ส่วนใหญ่จะรีบวิ่งหนีไปมาหรือหาที่ซ่อน มีชายคนหนึ่งออกจากรถและคุกเข่าอธิษฐาน เขาเป็นคนเดียวที่ฉลาดเพราะเขาจะได้พบกับพระเจ้าเมื่ออธิษฐาน น้ำได้พุ่มโอบล้อมพวกเขาทั้งหมด บ้านต่าง ๆ ถูกบดขยี้จนไม่มีอะไรเหลือในทันที ถนนคอนกรีตและราดยางก็ถูกเลาะออกมา พื้นถนนถูกกวาดหายไปในเวลาสั้น และต่อมาข้าพเจ้าได้เห็นพื้นดิน 10 ถึง 20 ฟุตถูกชะล้างพัดไปในทันที

    In a nearby cemetery, I watched the headstones, the dirt, the concrete boxes and the coffins as well as the clay beneath them, torn quickly and successively away by the force of the water. Then the water moved over me, and my view shifted to the top of the water. There was that man who had knelt to pray; bobbing on the surface like a cork, unharmed. The Lord God saved him right out of the midst of destruction, because the man trusted in Him.
    บริเวณสุสานใกล้ ๆ ข้าพเจ้าเห็นแท่งหินหลุมศพที่เป็นคอนกรีตเลอะสกปรก และโลงศพมีก้อนดินอยู่ภายในก็ถูกพัดลากไปอย่างรวดเร็วโดยแรงของน้ำ และน้ำก็เคลื่อนมาเหนือข้าพเจ้าและภาพที่เห็นก็เปลี่ยนไปอยู่เหนือน้ำ ก็ได้เห็นชายคนที่คุกเข่าอธิษฐาน ลอยขึ้น ๆ ลง ๆ บนผิวน้ำเหมือนจุ๊กค๊อกและไม่เป็นอะไร พระเจ้าได้ช่วยชายผู้นี้ที่อยู่ท่ามกลางการทำลายล้างเพราะเขาวางใจในพระเจ้า

    Then suddenly, just after the terrible earthquake in the Midwest, I saw ministers, priests, elders and Christians who had rejected the prophecy… these now seemed like dead men — all their strength was gone, and many fell on their faces before God crying for forgiveness.
    และทันใดนั้นหลังจากแผ่นดินไหวที่น่ากลัวในแถบตะวันตกกลาง ข้าพเจ้าเห็นคณะประกาศกิตติคุณ พวกพระ ผู้อาวุโส และคริสเตียนที่ปฏิเสธคำพยากรณ์ คนเหล่านี้ดูเหมือนคนที่ตายแล้ว ความเข็มแข็งของพวกเขาหายไปสิ้น หลายคนล้มหน้าลงพื้นร้องไห้ขอให้พระเจ้ายกโทษให้พวกเขา

    During the first of the visions I was a stunned observer, hardly believing what I saw; but July 4, 1973, the reality of this future disaster reached my heart. I thought of all the people who would be destroyed, and I shuddered at the carnage. Then, for the first time since July 2, I turned to the Lord God in my spirit and asked: “Oh Father, will it be? must it be? might it be avoided?” In that very instant of prayer, I was swept into the Spirit and found myself over looking the whole city of Chicago. An angel of the Lord had his hand on me; below I saw the massive-saving Hand of God placed between the city and the lake, and I heard this loud, strong voice say, “This will I do if My children turn back to me!”
    ในช่วงแรกของนิมิต ข้าพเจ้าเป็นผู้สังเกตุที่อยู่ในความตะลึง ยากที่จะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น แต่วันที่ 4 กรกฎาคม 1973 ความจริงของหายนะในอนาคตนี้ก็ได้มาสัมผัสจิตใจข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดถึงคนทุกคนที่จะถูกทำลายและข้าพเจ้ากลั่วจนตัวสั่นที่ได้เห็นการล้มตายจำนวนมาก ดังนั้นในครั้งแรกนับแต่วันที่ 2 กรกฎาคม ข้าพเจ้าก็ได้เข้าหาพระเจ้าและถามว่า “โอ้ พระบิดา มันจะเกิดขึ้นจริงหรือ? จะหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?” ในชั่วขณะที่อธิษฐานนั้น ข้าพเจ้าก็ได้ถูกพระวิญญาณพระเจ้าพัดมาแตะต้องและได้มองเห็นเมืองชิคาโกทั้งเมือง และฑูตสวรรค์ของพระเจ้าได้วางมือบนข้าพเจ้า เบื้องล่างที่ข้าพเจ้าเห็นคือมือของพระเจ้าที่ช่วยคนจำนวนมากที่วางลงไปยังเมืองและทะเลสาป และข้าพเจ้าได้ยินเสียงสั่งมากพูดว่า “นี่คือสิ่งที่เราจะทำถ้าเด็ก ๆ ของเราหันกลับมาหาเรา”

    Later, I remembered that throughout human history, no major natural disaster ever came upon man without man having first been warned by prophets of the Lord God. Now, by the Holy Spirit I saw an old colored man with a bell in his hand moving through the black neighborhoods, ringing the bell and calling the people to repentance. The old man was cursed by many and spit upon. I saw him crying, crying for those hard hearted people. At one point a band of young toughs with murderous intent circled him and closed in on him from every side. A band of angels appeared about him and the would-be killers fled in fear. Those who would kill him could not, for he was commissioned to warn many. At the time, my heart went out to him, for his mission was so difficult, but also rewarding, for I saw many repenting of their sins.
    ต่อมาข้าพเจ้าจำได้ว่าตลอดช่วงประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ไม่มีเหตุการ์ภัยพิบัติใหญ่ใด ๆ ที่เคยเกิดกับมนุษย์โดยปราศจากการเตือนในครั้งแรกจากผู้พยากรณ์ของพระเจ้าเลย และบัดนี้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ข้าพเจ้าได้เห็นชายแก่ผิวสีคนหนึ่งถือระฆังในมือกำลังเดินทางไปยังพี่น้องคนผิวดำ สั่นกระดิ่งและเรียกร้องให้ทุกคนกลับใจ ชายแก่ก็ถูกคนด่าแช่งและถ่มน้ำลายใส่ ข้าพเจ้าเห็นเขาร้องไห้เพื่อประชาชนที่จิตใจแข็งกระด้าง และที่แห่งหนึ่งก็มีแก๊งวัยรุ่นอันธพาลก็มาล้อมรอบเขาและตั้งใจจะฆ่าเขา กลุ่มฑูตสวรรค์ก็ปรากฎรอบ ๆ เขาและพวกแก๊งก็หนีไปด้วยความกลัว คนเหล่านั้นไม่สามารถฆ่าเขาได้เพราะเขาได้ทำพันธกิจในการเตือนคน ในเวลานี้ จิตใจข้าพเจ้าก็เป็นเช่นกับเขา แม้พันธกิจที่เขาทำช่างยากเย็น แต่ก็ได้รางวัลตอบแทนคือข้าพเจ้าได้เห็นหลายคนกลับใจจากบาปของตน



    Though I’ve never met him in the flesh, in my vision the old black man was striking in appearance. He was almost bald except for a patch of white hair on the sides and back of his head. He was cocoa-colored, his eyes brown and full of kindness and love, and he had the kind of Christ-presence that makes a person strong, resilient and impressive. His face was lovely to look upon — full of years and blessed by the grace of Jesus Christ. He was wearing a cape of light gray. In his right hand he held a brass bell with a wooden handle and in his left hand, and old black leather-bound Bible. Although he was old and moved slowly, his voice was clear, distinct and strong. I heard him say ‘The Hand of God’s wrath is upon thee; turn from thy wickedness and repent or the wrath of God will soon fall upon you and destroy you for your evil ways. Hear this, for it is from the Lord thy God …” So it is, so it shall be-for now I know and see many prophets bringing ‘final warnings.’ Some are killed, some are injured, the warning is delivered. Let those who hear, heed the warning.
    แม้ว่าข้าพเจ้าไม่เคยเห็นตัวจริงของเขา แต่ในนิมิตนั้นชายแก่ผิวดำนี้มีจุดเด่นเมื่อปรากฎ เขามีศรีษะเกือบล้านแม้จะมีผมขาวแซมด้านข้างและด้านหลังของศรีษะบ้าง เขามีผิวสีโกโก้ ตาสีน้ำตาล และเต็มด้วยใจดีและความรัก และเขาเป็นตัวแทนสำแดงของพระคริสต์นั่นทำให้เขาเป็นผู้เข็มแข็ง อ่อนโยนและน่าประทับใจ ใบหน้าของเขาน่ารักน่ามอง ตลอดปีของเขาเต็มไปด้วยการอวยพรจากพระคริสต์ เขาสวมเสื้อคลุมสีเทาอ่อน ในมือขวาถือกระดิ่งทองเหลืองและไม้เท้าในมือซ้าย และมีพระคัมภีร์สีดำเล่มเก่า ๆ ผูกติดไว้ด้วยเชือก แม้ว่าเขาจะแก่และเดินช้า แต่เสียงใส ชัดเจน และดัง ข้าพเจ้าได้ยินเขาพูดว่า “มือแห่งพระพิโรธของพระเจ้าจะมายังพวกท่าน จงหันกลับจากความบาปของท่าน และกลับใจก่อนที่การลงโทษของพระเจ้าจะมายังท่านในไม่ช้าและทำลายท่านเนื่องจากความชั่วร้ายที่ท่านเดินอยู่ ฟังสิ่งนี้ที่มาจากพระเจ้าของท่าน…” และเป็นดังนั้น และจะเป็นต่อไป จนบัดนี้ข้าพเจ้ารู้และเห็นผู้พยากรณ์จำนวนมากกำลังนำการเตือนครั้งสุดท้ายมา บางคนถูกฆ่า บางคนบาดเจ็บ เมื่อคำเตือนได้ส่งออกไป ผู้ใดได้ยินก็เฝ้าระวังคำเตือนนี้

    July 3rd and 4th, 1973
    วันที่ 3 และ 4 กรกฎาคม 1973

    After the wall of water had engulfed the city and swept it away, I observed what seemed to be an endless flow of water moving steadily westward. Because I had seen St. Louis swamped and drowned out of existence by a broad body of water, I assumed that the water would connect somewhere with the Mississippi River, and move southward, causing the Mississippi River to swell greatly beyond its banks. Again, I watched the water roar westward for days; I lost track of how long it moved like this, but was aware that the larger part, if not the whole of Lake Michigan was emptying out. Farther from the city, to the west, I did see areas that were above water and intact except for earthquake damage, and some years after these first visions was able to identify the Chicago suburb of Woodridge as one of those areas that will be partly or wholly above the flooding waters. I did see ditches here and there, with water running over them, and in the ditches, I observed masses of canned goods stripped of labels but largely intact, in the water and mud.
    หลังจากกำแพงน้ำได้เข้ามาท่วมเมืองและกวาดไปสิ้น ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นบางสิ่งดูเหมือนเป็นการไหลของน้ำที่ไม่สิ้นสุดอย่างต่อเนื่องไปทิศตะวันใต้ เพราะข้าพเจ้าได้เห็น เซนต์หลุย เป็นหนองน้ำและจมน้ำหมดสิ้นจากกระแสน้ำที่พัดไปทั่ว ข้าพเจ้าสันนิษฐานว่าน้ำนั้นน่าจะเชื่อมต่อกับแม่น้ำมิสซิปซิปปี้ตรงไหนสักแห่ง และเคลื่อนลงไปทิศใต้ เนื่องจากแม่น้ำมิสซิปซิปปี้เอ่อท่วมล้นตลิ่งอย่างมาก อีกครั้งที่ได้เห็นน้ำทะลักไปทิศใต้หลายวัน ข้าพเจ้าตามดูไม่ทันว่ามันเคลื่อนไปยาวเท่าไรแต่รู้ว่ามันกว้างขึ้น ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นทะเลสาปมิชิแกนทั้งหมดจะเหือดหายไปหมด ห่างไกลออกมาจากเมืองไปยังทิศใต้ข้าพเจ้าเห็นพื้นที่ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำและไม่ถูกน้ำยกเว้นแผ่นดินไหวทำลาย และหลายปีหลังจากนิมิตครั้งแรกนี้ก็สามารถระบุได้ว่าของชิคาโกแถวชานเมืองของ วูดริจ คือพื้นที่หนึ่งที่จะเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดที่ไม่ถูกน้ำท่วม ข้าพเจ้าเห็นท่อระบายน้ำที่ต่าง ๆ และมีน้ำพัดเหนือท่อและภายในท่อด้วย ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นอาหารกระป๋องจำนวนมากที่ฉลากหลุดออกแต่ไม่เสียหายจมอยู่ในน้ำและโคลน






    I also saw the bodies of the dead, human and animal, floating everywhere. Dismembered bodies covered in the disaster area; thankfully, most were buried in the churning tide of mud that moved beneath the water. When the water subsided, I could see corpses caught in the branches of uprooted trees through all the widespread wreckage. When the water actually subsides, after the real earthquake, we will view a vast mud plain with islands of refuge. The stench of rotting flesh, decomposing vegetation and the stinking stagnant water in the hot, humid weather will be unbearable.
    ข้าพเจ้ายังได้เห็นศพ ทั้งมนุษย์และสัตว์ลอยน้ำทุกที่ เศษซากศพที่กระจายเป็นชิ้นมีอยู่เต็มในพื้นที่ภัยพิบัติ แต่ยังดีที่ศพเหล่านี้ส่วนมากจะถูกฝังในกระแสของโคลนที่ไหลใต้น้ำ เมื่อน้ำลดลงข้าพเจ้าเห็นหลายศพติดอยู่ตามกิ่งไม้หรือรากของต้นไม้ไปทั่วพื้นที่ที่พังทลาย น้ำจะลดจริง ๆ หลังจากแผ่นดินไหวแท้จริงผ่านไปแล้วเราจะเห็นจะทะเลโคลนและเกาะแก่งลี้ภัยมากมาย และกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งของเนื้อที่เปื่อยย่อย พืชผักที่เปื่อยย่อยสลายและน้ำนิ่งเน่าเหม็น อากาศชื้นแฉะต่าง ๆ ล้วนยากจะทนได้

    Almost immediately after the worst part of the destruction, in a vision, I saw flying overhead U.S. aircraft of various types dropping supplies by parachute to stranded survivors. Later, the airplanes stopped coming, but I did not then know why.
    เกือบในทันทีทันใดหลังจากความเลวร้ายที่สุดของการทำลายล้างผ่านไป ในนิมิตข้าพเจ้าได้เห็นเครื่องบินอเมริกาบินข้ามหัวเราไปทิ้งเสบียงโดยร่มชูชีพที่ต่าง ๆ ให้ผู้รอดชีวิตที่ติดค้างอยู่ ต่อมาเครื่องบินก็หยุดบินไม่มาอีก ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าทำไม

    (ต่อ)
    <!-- End Comment 1-->

    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">โดย: 1p2m [​IMG] วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:21:09:06 น. </TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    <TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" bgColor=white border=2><TBODY><TR><TD id=2><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%"></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- Comment 2-->After the flooding waters passed a given area, I saw survivors coming out of the water, some adults and many children, all injured and half naked or altogether naked and in shock. They were received by certain Christian communities; clothed, tended to and later given places to live. I was not clearly aware of it at the time, but today know that these ‘communities’ or isles, spared from the wastes destruction will be peopled by Christians who have prepared to some extent. When I saw so many young children, I couldn’t help but wonder how a three or four-year old child could survive the waters, when their parents did not. The Lord would later tell me, “Because they are innocent.”
    หลังจากน้ำท่วมได้พื้นที่ต่าง ๆ เหล่านั้นแล้ว ข้าพเจ้าได้เห็นผู้รอดชีวิตโผล่ออกมาจากน้ำ บางเป็นผู้ใหญ่และเด็กจำนวนมาก มีคนเจ็บและเปลือยกายครึ่งหนึ่งหรือทั้งหมดอยู่รวมกันและรู้ในอาการช๊อค พวกเขาได้ถูกรับไว้โดยชุมชนคริสเตียนต่าง ๆ และได้เสื้อผ้า การดูแลให้ที่อาศัย ข้าพเจ้าไม่ทราบชัดเจนนักในเวลานั้น แต่วันนี้รู้ว่าชุมชนหรือที่พักพิงเหล่านั้นถูกจัดหามาจากสิ่งต่าง ๆ ที่พังทลาย และจะมีการรวบรวมประชาชนโดยคริสเตียนที่ได้จัดเตรียมล่วงหน้า เมื่อข้าพเจ้าเห็นเด็ก ๆ จำนวนมาก ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แต่แปลกใจว่าเด็กอายุสามหรือสี่ขวบรอดชีวิตจากน้ำได้อย่างไรแต่ผู้ปกครองนั้นไม่รอด พระเจ้าบอกข้าพเจ้าภายหลังว่า “เพราะพวกเขายังไร้เดียงสา”






    I also observed others emerging from among the survivors; those I would later identify as ‘marauders.’ These men, hoping for gain, would search among the corpses, taking rings, gold and other jewelry and even look for gold fillings in teeth. They were armed, and when they came upon the surviving communities, would take them by force, raping torturing and killing as they wished. With no government or police in organized operation, these men followed their basic natures. I realized then and now that the Christians would need to be prepared to defend themselves. My knowledge seemed to indicate that it would be almost a year before troops arrived. When they finally came they were bearded, tired, dirty, hungry and tattered. They quickly disarmed the marauding men, killing all of them on the spot, then marched on. That sequence of events puzzled me at the time of the vision — I did not understand why U.S. troops would be on foot; why they would be so ragged, and why they shot the marauders immediately, with no hint of due process of law.
    ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นคนอื่น ๆ โผล่ออกมาจากกลุ่มผู้รอดชีวิต พวกคนเหล่านั้นที่ต่อมาข้าพเจ้าขอเรียกว่าเป็น “กองโจรปล้นสะดม” พวกคนเหล่านี้หวังจะหาทรัพย์สินที่จะหาได้จากศพต่าง ๆ จะเอาแหวน ทองและเครื่องเพชรพลอยแม้กระทั่งฟันทอง พวกนี้มีอาวุธและจะมายังชุมชนที่รอดชีวิต จะใช้กำลังบังคับ ข่มขื่น ทรมานและฆ่าคนอื่นตามที่พวกเขาต้องการ ไม่มีรัฐบาลหรือตำรวจที่จะเข้ามาดูแล พวกคนเหล่านี้จะทำตามสัญชาติดิบของตน ข้าพเจ้านึกถึงทันทีและตอนนี้ว่าคริสเตียนเหล่านั้นจำเป็นต้องตระเตรียมในการป้องกันตนเอง จากที่ข้าพเจ้ารู้นั้นดูเหมือนจะบอกให้รู้ว่าเกือบหนึ่งปีก่อนที่กองทัพจะเข้ามา และเมื่อพวกทหารมาถึงก็พบเห็นประชาชนมีหนวดเครารุงรัง อ่อนล้า สกปรก หิวโซและเสื้อผ้ารุ่งริ่ง พวกกองทัพจะเข้ามาปลดอาวุธพวกโจรโดยเร็วและฆ่าพวกนี้ทั้งหมดทันทีเมื่อเห็นและก็เคลื่อนกำลังต่อไป ลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้ข้าพเจ้างงตอนที่ได้นิมิต ข้าพเข้าไม่เข้าใจว่าทำไมกองทัพอเมริกาถึงเดินทางด้วยเท้า ทำไมพวกเขาถึงเดือดดาลนัก ทำไมพวกเขาถึงยิงพวกโจรทิ้งในทันทีโดยไม่ไต่สวนทางกฎหมาย

    I looked over the Chicago land area after the waters subsided and the mud dried; and I was astonished. Lake Michigan was gone, only a hilly lake bed remained to be seen. Mud everywhere-dried mud stretched over a vast expanse of what was once a great city. Bleached bones of the long-dead protruded in places. The toll of the dead was beyond estimation. There were no trees, no grass, just a dead silence. To the north I saw ruins of buildings. In the northwest areas here and there, were desolate skeletons of homes and buildings.
    ข้าพเจ้ามองอยู่เหนือชิคาโกบริเวณพื้นที่ที่น้ำลดแล้วและมีโคลนแห้ง และก็ประหลาดใจคือทะเลสาปมิชิแกนหายไป มีเพียงแอ่งทะเลสาปเนินเขาแห่งหนึ่งเหลืออยู่ให้มองเห็นได้ โคลนแห้งเกาะอยู่ทุกที่กระจายไปทั่วอย่างกว้างขวางของพื้น ๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองใหญ่ กระดูกสีขาว ๆ ของศพคนที่ตายมานานโผล่ในหลาย ๆ ที่ ความสูญเสียของคนที่ตายนั้นมากเกินกว่าจะประมาณได้ ไม่มีต้นไม้ ไม่มีหญ้า มีเพียงความตายเงียบสงัด ไปทางทิศเหนือข้าพเจ้าเห็นซากปรักหักพังของอาคาร ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือไม่ว่าที่ไหนก็ถูกทิ้งร้างด้วยโครงซากของบ้านและตึกที่พังทลาย

    I arrived at some conclusions about this future disaster, from what I was allowed to see in those July days of 1973. The day of the earthquake would be bright and warm with no clouds. The earthquake would strike late in the morning, very near noon — I was sure it would take place in the summer months. One impression hit me; one should watch for birds — when they go, the quake is near. I felt that the disasters would strike on a weekend, but of this I was not sure. The Lord did not give me a precise date at that time, but I knew ‘it is near but not yet.’ I noticed after the flooded land dried, that the entire area was engulfed in a dead calm. No wind blew; and with the heat and the stench, the air seemed to turn blue-green. A few survivors hid in closed rooms to escape the stench. The stillness was awesome. It seemed as if the whole world was holding its breath.
    ข้าพเจ้ามาถึงข้อสรุปเกี่ยวกับหายนะในอนาคตนี้ว่า จากสิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับอนุญาติให้เห็นนี้ในหลาย ๆ วันของเดือนกรกฎาคม 1973 วันแห่งแผ่นดินไหวนี้จะเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆอากาศอบอุ่น แผ่นดินไหวจะโจมตีในช่วงสาย ๆ ใกล้ ๆ เที่ยง ข้าพเจ้าแน่ใจว่ามันจะเกิดในเดือนของฤดูร้อน สิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าจำไม่ลืมคือเราควรจะสังเกตุดูพวกนก เมื่อเราเห็นมันอพยพไปนั้นแผ่นดินไหวก็ใกล้จะเกิดแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกว่าหายนะนี้จะโจมตีในช่วงปลายสัปดาห์แต่ก็ยังไม่แน่ใจในเรื่องนี้ พระเจ้าไม่ได้บอกวันเวลาที่แน่นอนตายตัวแก่ข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้ารู้ว่ามันใกล้แล้วแต่ก็ยังไม่ถึงเวลา ข้าพเจ้าสังเกตุได้ว่าหลังจากน้ำท่วมและพื้นแผ่นดินแห้งแล้ว พื้นที่ทั้งหมดจะปกคลุมไปด้วยความตายอันเยือกเย็น ไม่มีลมพัด ความร้อนและกลิ่นเหม็นคลุ้งทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปเป็นความเศร้าสลด มีผู้รอดชีวิตเล็กน้อยที่ซ่อนตัวในห้องเพื่อหนีจากกลิ่นเหม็นคลุ้ง ความเงียบจะน่ากลัวอย่างยิ่ง ดูเหมือนราวกับว่าทั้งโลกนี้หยุดหายใจทีเดียว










    On July 5, 1973, I could bear no more of the vision and cried unto God to take it from me, and He lifted it from my seeing. Later I turned to the Lord and asked Him when all of this would happen. I was given a vision of the number 17, made up of what looked like fluffy white clouds. I did not know if that meant 17 days, weeks, months, years, or centuries, I had no understanding. Over the years since 1973, the Lord by His Holy Spirit has continued to give us a deeper understanding of this disaster of disasters. Today, we know that Chicago will be the center of an earthquake that will have an approximate destruction radius of 300 miles — we believe it will be the worst earthquake in recorded human history. The cities that will be the worst flattened by this earthquake will be Chicago, Illinois; St. Paul, Minnesota; Milwaukee, Wisconsin; St. Louis, Missouri; Louisville, Kentucky; Indianapolis, Indiana; Detroit, Michigan; Toledo, Cleveland, Columbus and Cincinnati, Ohio; and Kansas City, Missouri. Southern Ontario, Canada and parts of southwestern Quebec, Canada will be obliterated by the waters of the Great Lakes as they ‘backwash’ and just before they return as a wall over Chicago and other areas. The Lord by the Holy Spirit revealed that the sound of the ‘cracking’ of the ground or fault will be so fierce that windows will be shattered in Des Moines, Iowa, some 316 miles from Chicago. When the earthquake hits Chicago, people will be knocked off their feet in Detroit and trees will fall out of the ground in St. Louis, Missouri, some 269 miles from Chicago. The sound of the crack will be heard as far away as Denver, Colorado – literally, the whole continental mass will tremble.
    ในวันที่ 5 กรกฎาคม 1973 ข้าพเจ้าไม่สามารถทนรับนิมิตได้อีกและร้องต่อพระเจ้าว่าเอามันไปจากข้าพเจ้า และพระเจ้าก็ได้นำมันไปจากข้าพเจ้า ต่อมาข้าพเจ้าก็กลับมาหาพระเจ้าอีกและถามว่าเมื่อไรสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ข้าพเจ้าได้รับนิมิตของเลข 17 โดยตัวเลขเกิดมาจากสิ่งที่ดูเหมือนปุยเมฆสีขาว ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามันจะหมายถึง 17 วัน หรือสัปดาห์ หรือปี หรือศตวรรษ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ นับแต่ปี 1973 ผ่านมาพระเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ให้เรามีความเข้าใจที่ลึกขึ้นเกี่ยวกับหายนะของหายนะโดยตลอด วันนี้เรารู้ว่าชิคาโกจะเป็นศูนย์กลางของแผ่นดินไหวและมีรัศมีทำลายล้างประมาณ 300 ไมล์ เราเชื่อว่ามันจะเป็นแผ่นดินไหวที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เมืองต่าง ๆ จะพินาศราบเรียบโดยแผ่นดินไหวนี้ ทั้ง ชิคาโก อิลลินอยส์ เซนต์เปาโล มินนิโซต้า มิลวากี้ วิสคอนซิน เซนต์หลุย มิสซูรี่ หลุยวัลลี่ เคนตั๊กกี้ อินเดียนาโปลิส อินเดียน่า ดีทรอยส์ มิชิแกน โทเลโด เคลบแลนด์ โคลัมบัส และซินซิเนติ โอไฮโอ และเมืองแคนซัส มิสซูรี่ ออนตาริโอตอนเหนือ แคนาดาและบางส่วนของคิวเบกตอนใต้ แคนาดาจะถูกทำลายโดยน้ำจากทะเลสาปใหญ่ในขณะที่มันไหลย้อนกลับเหมือนที่มันเป็นกำแพงน้ำกวาดชิคาโกและพื้นที่ต่าง ๆ พระเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้สำแดงว่าเสียงของการแตกร้าวของพื้นดินหรือรอยเลื่อนจะรุนแรงจนทำให้กระจกหน้าต่างที่อยู่ใน เดส มอยเนส ไอโอวา ที่ห่างจากชิคาโก 316 ไมล์แตกละเอียด เมื่อแผ่นดินไหวโจมตีชิคาโกประชาชนจะถูกน๊อคล้มลงกับพื้น ในดีทรอยส์ต้นไม้จะถูกขุดออกมาจากพื้นดินใน เซนต์หลุย มิสซูรี่ ที่ห่างจากชิคาโก 269 ไมล์ เสียงแผ่นดินแตกนี้จะได้ยินไปไกลถึง เดนเวอร์ โคโลราโด จะว่าไปแล้วทั้งทวีปจะถูกเขย่าทั้งหมดก็ได้

    ต้องการบทความนี้และบทความอื่น ๆ ในบล็อกรวมกันในแบบไฟล์ pdf ที่สมบูรณ์และเพื่อสะดวกในการอ่านติดต่อขอมาได้ที่
    jesuscomingthailand@gmail.com




    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    BlogGang.com : : 1p2m -
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2011
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การบุกอเมริกาหลังแผ่นดินไหวชิคาโก สงครามโลกครั้งที่ 3 และการล่มสลายของอเมริกา

    <!--Main-->INVASION OF THE USA
    Chuck Youngbrandt, 1977
    การบุกอเมริกา และการล่มสลายของอเมริกา
    โดย ชัค ยังก์แบรนท์ 1977 แปลโดย 1p2m

    กลางปี 1977 รอยเลื่อนแผ่นดินไหว ชิคาโก อิลลินอยส์ กลางปี 1977รอยเลื่อนแผ่นดินไหวชิคาโกอิลลินอยล์ ช่วงกลางปี 1977 ข้าพเจ้าได้พบพี่น้องในพระคริสต์ที่ได้บอกเล่าบางสิ่งในช่วงที่เขาทำงานก่อสร้างในชิคาโก เป็นงานตอกเสาเข็มสร้างฐานรากของอาคารมารินา พวกเขาได้พบรอยเลื่อนแผ่นดินแตกที่มีแนวพาดจากตะวันออกไปตะวันตก ข้าพเจ้าตกตะลึงอย่างมากเพราะเคยรู้เรื่องรอยเลื่อนนี้ในปี 1973 ซึ่งต่อกับรอยเลื่อนที่พวกเขาบอกข้าพเจ้า
    กลางปี 1977 นิมิตแผ่นดินไหวชิคาโก พวกเราได้พบและพูดคุยกับคริสเตียนจำนวนมากที่ได้รับนิมิตเกี่ยวกับแผ่นดินไหวทำลายล้างชิคาโก หรือนิมิตของกำแพงน้ำยักษ์พัดกวาดเมืองชิคาโก นักประกาศคนหนึ่งบอกว่าช่วงกลางปี 1977 เขาอยู่ในชิคาโกขณะกำลังอธิษฐานนั้นก็ได้รับนิมิตเป็นภาพของตึกที่เขาอยู่ และกำแพงตึกก็แตกร้าว ทุกสิ่งพังทลายลงมา เขาได้ยินเสียงดังปึงปัง และเห็นท่อน้ำแตกออกอย่างรุนแรง ต่อมาเขาได้ยินเสียงคลื่นน้ำและทันใดนั้นก็มีกระแสน้ำพัดถล่มกำแพงตึกด้านทิศตะวันออก เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่บางคนที่ได้ฟังเรื่องนี้ก็แนะนำเขาให้มาพบเรา และเขาก็มา สิ่งที่กระแทกเขานั้นเหมือนกับกำแพงน้ำพัดมาซึ่งมีแรงดันสูงเข้ามาในท่อน้ำในเมืองขนาดทำให้ท่อน้ำแตกได้

    Vision Of The Invasion Of The United States Of America
    นิมิตเกี่ยวกับการบุกรุกอเมริกา

    ชัค ยังก์แบรนท์ ประมาณวันเวลาว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่ชิคาโก และหลังจากนั้นไม่นานก็จะมีการบุกรุกขึ้นอเมริกา วันที่ 28 มีนาคม เผ้าดูเหตุการ์ด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ วันที่ 3 มิถุนายน 67 วันหลังจากเหตุการณ์ใหญ่ที่เขย่ารัฐต่าง ๆ
    วันที่ 5 มิถุนายน วันหนึ่งในฤดูร้อน ตอนเที่ยงวัน แถบตะวันตกกลางจะถูกทำลายโดยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่เคยมีมา หลังจากแผ่นดินไหวจะเกิดน้ำท่วมกลายเป็นทะเลสาปใหญ่ บางอย่างยังไม่พังทลาย ชุมชนคริสเตียนทั้งหมดดูเหมือนเป็นเกาะท่ามกลางทะเลแห่งการทำลายล้าง ผู้รอดชีวิตต่างตื่นตระหนก คริสเตียนหลายคนบาดเจ็บ ต้องรักษาตนเองและหิวอาหาร ในตะวันตกกลางหลังจากแผ่นดินไหวผู้รอดชีวิตส่วนมากเป็นเด็ก แผ่นดินไหวทำลายเมืองชิคาโก อิลลินอยล์ และแถบตะวันตกกลาง (นี้จะเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ข่าวสารจะถูกเตือนไปทั่ว) และหลังจากนั้น 37 วัน รัสเซีย จีน และญี่ปุ่น จะบุกโจมตี ใครก็ตามที่อยู่ภายในพื้นที่ที่มีฐานทัพอากาศ ฐานทัพเรือ หรือฐานยิงขีปนาวุธ ควรรีบออกมาจากพื้นที่เหล่านี้ พระเจ้าจะเตือนเรา ส่วนใหญ่มาทางฑูตสวรรค์ และผู้ที่ดำเนินชีวิตในพระคริสต์ที่ได้รับข่าวสารจากพระคริสต์โดยตรง เรา(อเมริกา)จะไม่สามารถหรือไม่มีทางชนะสงครามนี้ได้เลยเพราะพระเจ้าได้ต่อสู้กับชนชาติ(อเมริกา)นี้ เราต้องถ่อมใจและยอมรับความพ่ายแพ้ถูกยึดครองดินแดน คนจำนวนมาก
    วันที่ 4 สิงหาคม ฑูตสวรรค์ของพระคริสต์ได้เตือนเด็ก ๆ ให้หนีออกมาจากเมืองต่าง ๆ
    วันที่ 11 สิงหาคม รัสเซียและจีนจะโจมตีอเมริกาด้วยเทอร์โมนิวเคลียร์เต็มรูปแบบ
    ฤดูใบไม้ร่วง วันที่ 21 เดือนตุลาคม สงครามภายใน
    ทหารราบ 132,427 นายจะบุกขึ้นฝั่งตะวันออกที่หาดสลอเทอร์ อ่าวเดลาแวร์ และรุกอย่างรวดเร็วสู่ทางหลวงที่ 13 ขึ้นตามแนวคาบสมุทรไปยังวิลมิงตัน เมืองเดลาแวร์ แต่หลายชั่วโมงก่อนหน้านั้น กองกำลังติดอาวุธใหญ่กลุ่มหนึ่งจะขึ้นฝั่งเวอร์จิเนียด้วยความกล้าเพื่อสร้างความสับสน กองกำลังนี้จะกระจายข้ามไปยังชานเมืองและสร้างความพินาศ ทำให้ทั้งเมืองเต็มไปด้วยไฟทำลายล้างไปทั่ว กองกำลังนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหัวหน้ากองทัพของอเมริกาออกจากหาดสลอเทอร์ ซึ่งเป็นจุดหลักของการขึ้นฝั่ง หมอกหนาทึบและการปฏิบัติการอย่างยอดเยี่ยมของกองกำลังรัสเซีย ประมาณ 48 ชั่วโมงก่อนหน้าที่กองทัพอเมริกาจะรู้ว่าหาดสลอเทอร์นั้นคือจุดหลักของการบุก
    ที่หาดสลอเทอร์ ทหารราบรัสเซียจะรุกชายฝั่งอย่างรวดเร็วข้ามไปยังเมืองเล็ก ๆ ของมิลฟอร์ด เดลาแวร์ จากจุดนี้รถถังและรถบรรทุกกองพลและปืนใหญ่เคลื่อนที่ได้ก็ยังคงเต็มเนื่องแน่น จากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกเคลื่อนที่อย่างเร็วไปที่ทางหลวงที่ 13 เข้าสู่โดเวอร์ เมืองหลวงของเดลาแวร์ภายในชั่วโมงเดียวโดยไม่มีการยิงต่อสู้ จากนั้นที่ใกล้ ๆ รอยเชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 301 และ 40 อยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองวิลมิงตัน เดลาแวร์ กองรถถังอเมริกา (M60) จะปะทะกับกองรถถังรัสเซียสะเทินน้ำสะเทินบน (T-62) ที่นำฝูงมา
    วันที่ 23 ตุลาคม ทหารอเมริกาประมาณ 1.8 ล้านนายจะเข้าต่อสู้ต้านกองกำลังรัสเซียที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รอบ ๆ เมืองวิลมิงตัน เดลาแวร์ แม้ว่ากองกำลังอเมริกาจะต่อสู้ด้วยความกล้าหาญและไม่ยอมแพ้ แต่กองกำลังรัสเซียก็ยึดที่มั่นของตนไว้ได้จนทำให้ขวัญของคนอเมริกาเสียไปหนึ่งสัปดาห์หลังจากการต่อสู้อย่างหนักหน่วง กองกำลังรัสเซียจำนวนมากมหาศาลจะเริ่มการบุกอย่างคาดไม่ถึงสู่จุดศูนย์กลางกองกำลังอเมริกาจนกระจัดกระจายไป และบุกทะลุทะลวงสู่ชานเมือง ความโกลาหลวิตกวุ่นวายจะกวาดต้อนกองทัพอเมริกาด้วยกองกำลังทิ้งระเบิดจำนวนมาก ความพินาศกำลังเข้ามา รัสเซียจะบุกไปทิศตะวันตกขณะที่กองทัพอเมริกาส่วนหนึ่งจะถอนกำลังจากการป้องกันวอชิงตันดีซี แต่จุดประสงค์ของรัสเซียไม่ใช่วอชิงตันดีซี แต่เป็นฟิลาเดเฟีย เพนซิลวาเนีย และก็ขึ้นไปทางทิศเหนือ กองทัพรัสเซียจะโอบล้อมฟิลาเดเฟียและรอใกล้ ๆ กองทัพอเมริกาที่มีประมาณ 1 ล้านคน รัสเซียทำการขนกองกำลังทางอากาศและยุทธปกรณ์ตามมาเป็นจำนวนมาก การป้องกันของอเมริกาจะล้มเหลวอย่างรวดเร็วภายใต้การกดดันอย่างต่อเนื่องจากรัสเซีย ส่วน วอชิงตันดีซี จะถูกผ่านเลยไป
    การต่อสู้อย่างสุดกำลังของกองกำลังอเมริกาก็เริ่มเชื่องช้าเนื่องจากเห็นว่าไม่สามารถหยุดยั้งการรุกคืบหน้าของรัสเซียได้ และกองกำลังทิศใต้ก็ถูกทำลายลง รัสเซียและเยอรมันตะวันออกก็รุกอย่างรวดเร็วผ่านเวอร์จิเนียไปสู่นอร์ทแคโรไลน่า หน่วยกองกำลังพิทักษ์ชาติก็ต่อสู้อย่างยิ่งยวดในทิศใต้ทำให้กองกำลังรัสเซียช้าลง และเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวหฤโหด สเบียงถูกตัดขาดทำให้กองกำลังรัสเซียก็หยุดชะงักในแถบภูเขาอัลปาเชี่ยน ช่วงกลางระหว่างพิตส์เบิร์กและแฮริสเบิร์ก รัสเซียได้หยุดอยู่ที่ทิศใต้ซึ่งผ่านเมืองฟอร์เรนต์เล็กน้อย แถบเซาท์แคโรไลน่าเพื่อรวบรวมกำลังและเสบียง ชายฝั่งตะวันตก หนึ่งเดือนหลังจากการบุกของรัสเซียด้านชายฝั่งตะวันออก จีนและญี่ปุ่นพร้อมด้วยการช่วยเหลือของกองทัพเรือรัสเซีย จะบุกชายฝั่งตะวันตกตลอดแนวโดยมีจุดหลัก ๆ 3 จุด จุดแรกคือกองกำลังจีนจะขึ้นฝั่งที่อ่าววิลล่าปา ในวอชิงตัน จุดที่สองกองกำลังใหญ่จะขึ้นฝั่งแถว ๆ ตอนใต้ของซานฟรานซิสโก และจุดที่สาม จีนและญี่ปุ่นจะขึ้นฝั่งตอนใต้ 5 ไมล์ใกล้เขตแดนเม็กซิโกแถว นอร์ทบาจา แคลิฟอร์เนีย การป้องกันชายฝั่งตะวันออกจะขาดไปเพราะกองกำลังทางอากาศและภาคพื้นดินถูกส่งไปยังชายฝั่งตะวันออก เป็นการยากอย่างมากที่จะควบคุมกองกำลังจีนและญี่ปุ่นที่มาหลายทิศทาง
    นิมิตซานฟรานซิสโก ทหารจีนไม่ได้รับคำสั่งให้มีเชลย ดังนั้นพลเมืองและทหารอเมริกันจำนวนมากจะต้องถูกฆ่าในขณะที่กองทหารจีนได้ทำการบุกเข้ามา พระเจ้าบอกข้าพเจ้าว่าได้เตือนคริสเตียนจำนวนให้ออกไปจากซานฟรานซิสโกไปยังทิศเหนือและตะวันออก แต่พวกเขาไม่สนใจคำเตือนของผู้พยากรณ์และนั่นทำให้พวกเขาต้องอยู่ในพื้นที่เวลาที่มีการบุกรุกและต้องตกอยู่ในพื้นที่ที่มีกองกำลังจีนที่ล้อมรอบและถูกตัดขาดจากกองกำลังอเมริกาจากส่วนกลาง กองกำลังจีนแข็งแกร่งมากพอที่จะกดดันกองกำลังอเมริกาให้อยู่แต่ตะวันออกและในเวลาเดียวกันก็วางกับดักทหารและข่มขวัญพลเมืองไปด้วย
    คริสเตียนจำนวนมากมารวมกันอธิษฐานและของการช่วยเหลือจากพระเยซู พระเจ้าได้ให้ข้าพเจ้าเห็นนายพลดาวเดียวคนหนึ่ง ชื่อว่า จอห์น เป็นพวกคริสเตียนกลุ่มคาริสเมติก พระเยซูได้บอกกับจอห์นให้กล่าวว่า “เรียกพวกทหารมารวมกันและอธิษฐาน” นายพลจอห์น สั่งหน่วยทหารที่เหลืออยู่ประมาณ 5,200 คนหลังจากการต่อสู้อย่างหนักไม่กี่สัปดาห์ และสั่งให้ถอนกำลังให้ถอยออกมา 30 ไมล์จากตะวันออกไปยังแนวป้องกันใหม่
    ข้าพเจ้าเห็นนายพลจอห์น พูดกับทหารที่อยู่เต็มห้อง โดยยืนบนโต๊ะในอาคารแห่งหนึ่งที่เขาได้บัญชาการอยู่ เขากล่าวว่า “เหตุที่สงครามนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเราได้ถอยห่างจากการเชื่อฟังพระเจ้า ข้าพเจ้าของสั่งให้ทุกคนไม่ว่าท่านจะเป็นคริสเตียน ยิว หรือเป็นอะไรก็ตาม ให้คุกเข่าและอธิษฐานต่อพระเยซูเพื่อขอการช่วยเหลือ ” มีนายพันคนหนึ่งได้คัดค้านว่า เขาไม่ได้เชื่อในพระเยซู และพวกเขาควรจะสนใจที่สงคราม นายพลจอห์นพูดเสียงดังชัดว่า “ถ้าทหารคนใดไม่เชื่อฟังคำสั่งนี้จะต้องถูกนำตัวออกไปและถูกยิง” ทุกคนจึงเงียบและทุกคนจึงคุกเข่าลงและอธิษฐานต่อพระเยซู พระเยซูบอกกันนายพลจอห์นว่า “จอห์น , เราได้มอบชัยชนะเหนือทหารจีนแก่ท่านเพราะเห็นแก่เด็ก ๆ ของเรา จงสั่งกองกำลังออกไปยังสนามรบและร้องเพลงสรรเสริญพระเยซู ไว้ชีวิตและปฏิบัติต่อทหารจีนที่ยอมแพ้อย่างดี แต่ถ้าเขาต่อสู้ก็อย่าให้พวกเขามีชีวิตต่อไป”
    คำสั่งของจอห์นสร้างความตกตะลึงกับทหารเหล่านั้น เขากล่าวว่า “พระเยซูได้มอบชัยชนะแก่พวกเราแล้ว และเราจะบุกโจมตีโดยพระเจ้า” มีบางสิ่งอยู่ในจิตวิญญาณของเขา ใบหน้าหลายคนมีหวัง คำสั่งได้ถูกส่งไปและเป็นการสื่อสารที่ไม่เชื่อไปยังฐานต่าง ๆ ที่หน่วยต่าง ๆ กำลังเครียดและเหนื่อยล้าที่ขาดการสนับสนุนทางอากาศและปืนใหญ่ และต้องพบกับกองกำลังจีนประมาณ 2 แสนคน กองกำลังทั้งหมดเคลื่อนที่ไปตามถนนสายหลักเป็นกลุ่มเดียว เคลื่อนย้ายตรงไปยังกองกำลังจีนซึ่งดูเหมือนกำลังไปฆ่าตัวตาย เครื่องบิน MIG โผ่ลมาในอากาศและยิงจรวดโจมตี แต่ไม่ความสูญเสียเกิดขึ้น ยิงปืนใหญ่ของจีนก็ยิงเป็นแนวป้องกันแต่ก็ไม่มีผลอะไร กองกำลังได้โจมตีกองกำลังของจีนจากแนวด้านหน้าซึ่งทำให้กองกำลังจีนเสียขวัญยิงปืนและอาวุธต่าง ๆ และก็วิ่งหนี ภายในไม่กี่ชั่วโมงพวกเขาก็เข้าจับทหารจีนได้มากกว่า 1 แสนคนแต่ส่วนใหญ่ถูกฆ่าตายเกือบหมดไม่มีหน่วยใดเหลืออยู่ และได้ปลดปล่อยพวกคริสเตียนที่ติดอยู่ในพื้นที่ นายพลจอห์น ได้พูดอย่างดุดันว่าพระเยซูได้บอกเขาว่าให้แจ้งกับพวกเขาว่าให้ขึ้นเหนือและตะวันออก และพระเยซูได้บอกกับจอห์นหลังจากสงคราม “จอห์น ,เราได้มอบประชาชาตินี้ไว้ในมือพวกเขา แต่เราจะไม่ละทิ้งเด็ก ๆ ของเรา” นับแต่ครั้งแรกมานั้น กองกำลังจีนก็จะไม่สนใจต่อคำสั่งให้ฆ่าทหารและพลเรือน
    นายพลจอห์น เป็นทหารแห่งการอธิษฐาน เมื่อเขาอธิษฐานก็จะสร้างปัญหาให้กับกองกำลังที่บุกรุกเข้ามาที่จะต้องจ่ายราคาสูงยิ่งสำหรับพวกเขา แต่จริง ๆ แล้วเขาดำเนินชีวิตเพื่อจะได้เห็นคำสัญญาของพระเจ้าที่จะเป็นจริงหลังจากเสร็จสิ้นงาน

    The General War
    สงครามโดยทั่วไป

    หลังจากกองทัพอเมริกาได้เข้าสู่แถบภูเขาอัลปาลาเชี่ยนเพื่อต่อต้านกดดันรัสเซีย และไปยังแถบภูเขาร๊อกกี้เพื่อต่อต้านกองกำลังจีนและญี่ปุ่น ก็เข้าสู่สภาวะยุติสงครามชั่วคราวอันเนื่องจากฤดูหนาวหฤโหด โดยทั้งสองก็พักเพื่อซ่อมแซมความเสียหาย รัฐบาลอเมริกาได้เริ่มต้นเกณฑ์ทหารจำนวนมาก ตั้งแต่เด็กอายุ 15 ปีจนถึงผู้ใหญ่อายุ 55 ปี และคริสตจักรก็ไม่เรียกร้องให้คนในชาติอธิษฐานและกลับใจอีกด้วยแต่เรียกร้องให้เข้าสู่สงครามและต่อสู้ ผู้มีอำนาจในคริสตจักรก็ท้าทายให้คนอเมริกันเอาชนะสงครามนี้โดยกล่าวว่า “พระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา” จริง ๆ แล้วแม้พระเจ้าอยู่ฝ่ายเราแต่เราจะไม่สามารถชนะสงครามนี้ได้เลย เพราะพระเจ้าได้ต่อสู้ชนชาตินี้
    พระเยซูได้บอกให้เราเตือนพวกท่านว่าโดยปกติแล้วผู้ที่ต่อสู้จะต้องต้องตาย นั้นเราควรยอมแพ้และใช้ชีวิตเพื่อรับใช้พระคริสต์ นี่คือกฎปกติ แต่ในทุก ๆ กรณีแล้วเราต้องค้นหาด้วยการอธิษฐานด้วยใจเพื่อจะได้รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำ การต่อต้านกฎของผู้มีอำนาจอย่างตรงไปตรงมานั้นคือการไม่รักษากฎหมาย ดังนั้นเราต้องกลับมาหาพระเจ้าในการอธิษฐานในเรื่องที่เราถูกแจ้งผ่านทางพี่น้องของเรา อันดับแรกการโจมตีจากการบุกรุกด้วยนิวเคลียร์ไปสู่การล่มสลายของสหรัฐ ชัยชนะทางทหารเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เราถูกมอบไว้ในมือของกองกำลังคอมมิวนิสต์ที่บุกเข้ามา การต่อต้านผู้บุกรุกด้วยความหวังว่าจะชนะก็เหมือนกับการต่อต้านพระประสงค์พระเจ้า ไม่มีหนทางจะชนะไม่ว่าจะมองจากด้านไหน
    ต่อมาก็คือ ทั้งพวกพ่อและแม่ก็เก็บตัวลูกของตนไว้ที่บ้านไม่ออกมาร่วมกับกองทัพ ไม่มีอาสาสมัครเพื่อเป็นกองกำลัง และถ้าคุณอยู่ในพื้นที่ปกครองโดยกองกำลังคอมมิวนิสต์ ก็ไม่ควรจะทำอะไรที่จะให้ตัวเองต้องมีส่วนร่วมกับกองกำลังที่บุกเข้ามา อย่ายกมือต่อสู้กับชาวบ้านแม้จะกลัวตาย
    ถ้าคุณถูกเกณฑ์ไปก็ควรไปที่โบสถ์เพื่ออธิษฐานและแสวงหาพระเจ้า ถ้าพระเยซูเห็นชอบกับการเกณฑ์นี้ก็จงไป ทหารที่เป็นคริสเตียนยังคงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอและถืออดอาหาร และไปโบสถ์เป็นประจำ คุณต้องพยายามอย่างเต็มที่ทั้งทางกายและจิตวิญญาณในการร่วมกับกองกำลังถ้าพระเยซูส่งคุณไป ถ้าหน่วยของคุณถูกตัดขาดก็ให้พยายามกลับมาที่ฐาน ถ้าเป็นเป็นไปได้ก็ไปยังหุบเขา หรือป่า หรือภูเขา และต่อสู้ต่อไปแม้ว่าจะพ่ายแพ้แล้วในความเป็นจริง หรือกล่าวว่าอย่ายอมแพ้ ไม่มีสนธิสัญญาสันติหรือยอมแพ้ใด ๆ สงครามจะดำเนินต่อไปและชนะในที่สุด ถ้าคุณยอมแพ้และไม่สามารถหนีไปหลบซ่อนได้ ให้รู้ว่าพระเจ้าอยู่กับท่าน นึกถึง โรม 8:28
    จะมีบางคนควรหลีกเลี่ยงการเข้ากองกำลังทหาร แต่บางคนก็ไม่ควร บางคนควรจะต่อสู้ต่อไป และบางคนก็ควรยอมแพ้ ในบางกรณีเราต้องจำไว้ว่าเราเป็นกายของพระคริสต์ที่ต่างกันและต้องถ่อมใจของเรา แสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเราในการอดอาหารและอธิษฐาน เชื่อฟังพระเยซูเหนือความรู้สึกของเขาและเหนือคำสั่งของมนุษย์
    พลเมืองจะถูกแนะนำให้ไม่ต่อต้านผู้บุกรุก อธิษฐานสำหรับการปกป้องจากพระเจ้าต่อครอบครัวของท่าน บ้านของท่าน และให้ความรักของพระเยซูเป็นกำแพงล้อมรอบคุณ ง่ายที่จะตายเพื่อพระคริสต์แต่ะไม่ง่ายที่จะมีชีวิตเพื่อพระคริสต์ รับการทรงเรียกและมีชีวิตเพื่อรับใช้พระเจ้า ทั้งผู้ที่เป็นทหารและไม่ใช่ เมื่อทหารรัสเซียได้โจมตีต่อการป้องกัน อย่ายอมแพ้ต่อกองกำลังที่โจมตี พวกเขาไม่ได้รับคำสั่งให้มีเชลยแต่จะฆ่าทุกคนที่ยอมแพ้

    The Arm Of Flesh Will Fail
    ทหารฝ่ายเนื้อหนังจะพ่ายแพ้

    พระเยซูได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นนิมิตของสมรภูมิใหญ่และบอกว่า “ทหารฝ่ายเนื้อหนังจะพ่ายแพ้ในที่สุด” นั่นคือตลอดช่วงเวลาที่พระเจ้าได้แสดงต่อข้าพเจ้า หลังจากฤดูหนาวหฤโหดได้เข้ามาแล้ว ก็มีการรวบรวมกองกำลังที่เหนื่อยล้า และขยายเส้นทางเสบียง มีการเดินหน้าต่อต้านกองกำลังอเมริกาทุก ๆ แนว ขณะที่ฤดูหนาวสร้างความลำบากต่ออเมริกาก็สร้างความลำบากต่อรัสเซีย ยุโรปตะวันออก จีน และญี่ปุ่นด้วย ขณะที่ข้าพเจ้ามองเห็นอเมริกา ก็ได้เห็นยอดมนุษย์คนหนึ่งพยายามจะทำทุกวิธีทางเพื่อให้สังคมของเรากลับมา ในเมืองเล็ก ๆ ต่าง ๆ ที่ไม่ถูกทำลาย โรงงานและโกดังต่าง ๆ เริ่มเปิดออกและเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั้งสติปัญญา ความรู้ แหล่งข้อมูล ต่าง ๆ ก็ถูกนำมารวมกันเพื่อผลิตอาวุธทันสมัยจำนวนมาก รถถังชนิดใหม่ ปืนใหญ่ เครื่องบินรบ จรวด กระสุน และอาวุธเล็ก ๆ ต่าง ๆ นำออกมาที่ศูนย์ฝึกที่น้ำท่วมและกองทัพใหม่ ๆ เริ่มรื้อฟื้นสิ่งต่าง ๆ ด้านการฑูตก็ได้พยายามดึงยุโรปตะวันตกเข้าสู่ความขัดแย้งกับรัสเซีย แต่ก็ต้องเหน็ดเหนื่อยและสิ้นหวังที่จะหาประโยชน์ได้ รัสเซียที่มีกับจีนแดงและญี่ปุ่น รัสเซียยังคงมีกองกำลังด้านยุโรปตะวันตกและชายแดนจีน กองกำลังของเราได้ประเมิณว่ารัสเซียไม่สามารถนำกองกำลังทหารมาที่อเมริกาได้มาก โดยไม่ต้องกังวลถึงกองกำลังป้องกันชายแดนตนเอง ประธานาธิบดีและกองกำลังก็เห็นโอกาสที่จะขับไล่กองกำลังรัสเซียออกไปจากทวีปได้ ทุกสิ่งขึ้นกับการบุกยึดเมืองฟิลาเดเฟียที่พังพินาศ ซึ่งรัสเซียใช้เป็นฐานหลักในการขนเชื้อเพลิง และวางอาวุธโธปกรณ์หนัก ฟิลาเดเฟียถูกเปลี่ยนให้เป็นเมืองท่าสำหรับเสบียง ถ้าอเมริกาสามารถยึดได้ กองทัพรัสเซียจะหมดเชื้อเพลิง ปืนใหญ่และสนับสนุนเสบียงที่จำเป็นจะถูกกำจัดออกไปโดยง่าย
    ขณะที่ข้าพเจ้ามองดูก็เห็นการสร้างกองกำลังต่าง ๆ และรถถัง ที่อยู่แนวหลังได้ขยายตัวออกมาจากครึ่งทางระหว่างพิตส์เบิร์กและแฮริสเบิร์ก ทางใต้ผ่านเพนซิลวาเนีย เวอร์จิเนียตะวันตกและเวอร์จิเนีย กองกำลังก่อตัวขึ้นอย่างสม่ำเสมอตลอดพื้นที่แนวหน้า หลายเดือนผ่านไป หุบเขาและป่าไม้เป็นที่อาศัยของกองกำลังอเมริกา รถถัง ปืนใหญ่ และจรวด มันเป็นช่วงปลายฤดูหนาวใกล้ฤดูใบไม้ผลิ กองทัพอากาศอเมริกาปรากฎตัวต่อต้านกองทัพอากาศรัสเซียจนทำให้รัสเซียหวาดกลัวที่จะบิน และกองทัพอากาศอเมริกาก็ข่มขวัญในเขตน่านฟ้าของตน เมื่อวันหนึ่งมาถึงในตอนเช้าที่ยังคงมืดอยู่ ในป่าที่สงบเงียบของหุบเขาในเพนซิลวาเนียและเวอร์จิเนียตะวันตก กองกำลังนับล้านของอเมริกาพร้อมรถถัง ปืนใหญ่ และอาวุธพิเศษต่าง ๆ ก็เคลื่อนอย่างรวดเร็วอย่างรีบเร่ง เวลาดูเหมือนหยุดโดยที่ข้าพเจ้ามองไม่ทันในนิมิต แต่ความรู้สึกคือ “จงไปจัดการมัน”
    หมอกจาง ๆ อยู่เหนือยอดไม้ในขณะความมืดเริ่มจางหายไป และก็ดูเหมือนกับว่ากลางคืนก็เปลี่ยนเป็นกลางวันในทันที โดยมีปืนใหญ่และจรวดถูกยิงออกมาเป็นพัน ๆ ไปยังแนวป้องกันของรัสเซีย หุบเขาเหมือนกับติดไฟและเสียงดังสนั่นการเขย่าจากการยิงปืนใหญ่จากแนวป้องกัน ทหารนับล้านที่เกรียดกราดทำให้กองกำลังรัสเซียตกตะลึง หลุมกว้างเป็นร้อยไมล์ถูกขุดขึ้นตามแนวป้องกันของรัสเซียและทหารอเมริกาก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเข้าสู่กองทัพรัสเซีย บดขยี้กวาดกองทัพรัสเซีย กองกำลังสำรองรัสเซียถูกเรียกมาจากพื่นที่ที่ยังมีเหลืออยู่ส่วนหนึ่งจากเขตหนาวบนฝั่งตะวันออกให้เข้ามาต่อต้านกองกำลังอเมริกา การวิเคราะห์ของฝ่ายอเมริกานั้นถูกคือรัสเซียไม่มีกองกำลังสำรองเหลือ และพวกเขาต้องนำกองทัพมาจากรัสเซีย แต่ก็เสี่ยงต่อประเทศตนเองหรือโอกาสที่จะถูกขับออกจากอเมริกา สิ่งที่เราไม่รู้คือผู้ที่มีอำนาจในยุโรปตะวันตกผู้หนึ่งได้รับประกันต่อรัสเซียว่าจะไม่มีการแทรกแซงโดยยุโรปตะวันตก
    กองทัพอเมริกากลุ่มหนึ่งมีเป้าหมายที่จะยึดวอชิงตันดีซีกลับมา และฟิลาเดเฟียด้วย ซึ่งเป็นภารกิจอันดับแรก กองกำลังอเมริกาได้ต่อต้านรัสเซียอย่างไม่หยุดหย่อนทำให้กองทัพรัสเซียร่อยหล่อลง กำลังพลของรัสเซียเริ่มอ่อนแอ พวกเขาเคยมีมากกว่า แต่ย่ำแย่ กำลังถูกทำลายและเริ่มถดถอยตลอดเวลา แต่ในทันใดนั้นพระเจ้าทรงเคลื่อนบนพวกเขา ณ ที่ ปรัสเซีย เพนซิลวาเนีย ที่พวกเขาเริ่มหยุดถอยกองกำลังและหันกลับมายืนหยัดตรึงอยู่ ผลที่ตามมาของการรบนั้นยากจะบรรยาย ทหารอเมริกาโจมตีกองกำลังรัสเซียเหมือนคลื่นน้ำ และบ่อยครั้งที่การต่อสู้นั้นอยู่ใกล้กันมาก แต่แม้ว่าจะมีความพยายามอย่างไรกองกำลังรัสเซียก็ยังคงยึดที่มั่นไว้ได้ และนี้เป็นการขนส่งกำลังพลทางอากาศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ รัสเซียได้ขนกำลังพลทางอากาศจากรัสเซียมาที่อเมริกาจำนวนมหาศาล การต่อสู้ของกองกำลังอเมริกาก็ต้องล้มเหลวต่อการพยายาม จากนั้นมาทำให้กองกำลังอเมริกาต่อสู้ด้วยความเสียสติ กองกำลังฝ่ายเนื้อหนังพ่ายแพ้ในที่สุด
    วันที่ 14 พฤษภาคม กองกำลังต่อต้านรัสเซียก็ตรึงกำลัง และเริ่มต้นทำลายวอชิงตันดีซีด้วยระเบิดนิวเคลียร์ คนจำนวนมากตายและจำนวนมากก็เป็นเชลย วันที่ 14 พฤษภาคม รัสเซียจะเริ่มการบุกใหญ่ซึ่งจะทำให้ลดจำนวนกองกำลังอเมริกาที่อยู่ตรงจุดเชื่อมระหว่างกองกำลังจีนและญี่ปุ่นในแถบตะวันตกกลางของแคนซัส มิซซูรี่ และไอโอวา ไม่มีการเจรจายอมแพ้ ประเทศอเมริกาจะสูญสิ้นไปในฤดูร้อนด้วยสงครามเกือบทั้งหมด และ แผ่นดินไหว ความอดอยาก โรคระบาดที่ฆ่าคนอเมริกันประมาณ 197 ล้านคน (โดยประมาณ)
    ชาวอเมริกันทุกคนจะหนีไปยังแคนาดาและตายที่นั่นเมื่อสงครามได้เข้ามายังแคนาดาในเวลาต่อมาด้วย ในสงครามผู้บุกรุกจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แก๊สพิษ และอาวุธชีวภาพในการต่อสู้ รัสเซียจะไม่ใส่ใจต่ออาวุธชีวภาพเมื่อมันถูกใช้กลับมายังพวกเขา
    คำแนะนำ ถ้าคุณเห็นกองกำลังอเมริกาที่ดูเหมือนจะขุดหลุมตั้งฐานที่มั่นสำหรับพวกเขาใกล้เมืองของคุณแล้ว ให้รีบเก็บข้าวของและย้ายออกไปเสีย ถ้าเป็นไปได้ก็หลีกเลี่ยงเขตสงคราม สำหรับพลเมืองนั้นสงครามจะมี 2 รูปแบบคือ 1. เขตต่อสู้ 2.เขตตัดผ่าน เขตต่อสู้ก็คือแนวเส้นที่กองกำลังบุกรุกได้เดินทางผ่านไป เป็นแนวที่กองทัพอเมริกาได้ตั้งกองกำลังต่อต้าน ไม่ต้องสงสัยถึงความรุนแรงในการเขตต่อสู้ พื้นที่และสิ่งก่อสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เช่น บ้าน โรงงาน จะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงในทุก ๆ ที่ภายใน 50 ไมล์ของเขตต่อสู้ ส่วนเขตตัดผ่านคือพื้นที่เลยจาก 50 ไมล์ไปเล็กน้อยของเขตต่อสู้ซี่งจะมีการต่อสู้เพียงเล็กน้อยหรือไม่มี เป็นเขตที่คาดเดาว่ากองกำลังบุกรุกจะมาถึงทั้งช่วงระหว่างและหลังสงคราม พลเมืองไม่ควรต่อต้านกองกำลังบุกรุก ควรจะไปยังฐานหลบภัย รอจนกว่ากองกำลังจะผ่านไป อยู่ในหลุมหลบภัยและเมื่อได้ยินกองทัพเข้าไปในบ้านคุณให้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าเสียงดัง อย่าเคลื่อนย้ายไปไหน พื้นที่ต่อสู้ กองกำลังรัสเซียจะแบ่งกองกำลังเป็นสองส่วน ด้านหน้าผ่าน วิลมิงตัน เดลาแวร์ กองกำลังหลักจะเคลื่อนจากฟิลาเดเฟียตะวันตกสู่แฮริสเบิร์ก เพนซิลวาเนีย และจากพิตส์เบิร์กสู่เคลบแลนด์ โอไฮโอ และจากเคลบแลนด์ตะวันตกทุกที่ กองกำลังที่สองจะเคลื่อนจากตะวันตกของพิตส์เบิร์กไปโคลัมบัส โอไอโอ สู่อินเดียนาโปลิส อินเดียนา ไปยังเซนต์หลุยส์ มิสซูรี่ กองกำลังรัสเซียจะเคลื่อนทางใต้จากฟิลาเดเฟียไป บัลติมอร์ แมรี่แลนด์ ไปวอชิงตันดีซี ไป ริชมอนด์ เวอร์จิเนียร์ ไป เรเลย์ นอร์ทคาโรไลน่า ไป โคลัมเบีย เซาท์คาโรไลน่า ไป น็อกวิลลี่ เทนเนสซี่ และไป แนชวิลล์ เทนเนสซี่ กองกำลังที่สองจะเคลื่อนจาก กรีนวิลล์ไปแอตแลนต้า จอร์เจียและไปสู่ มอนโกเมอรี่ อัลลาบาม่า
    ทางฝั่งตะวันตก กองกำลังจีนจะเคลื่อนจากชายฝั่งของรัฐวอชิงตันไป โอลิมเปีย เคลื่อนจากทิศใต้ของพอร์ตแลนด์ โอเรกอน และจากเพนเลตัน โอเรกอน และไป บอยส์ ไอดาโฮ กองกำลังจีนและญี่ปุ่นจะขึ้นฝั่งที่ บาจา แคลิฟอร์เนีย เม็กซิโก เคลื่อนที่ผ่านชายแดนเม็กซิโกไปยังลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย และจากตะวันออกไปยังฟินิกซ์ อาริโซน่า สู่ ทัสคอน อาริโซน่า ไป ลาส ครูซ นิวเม็กซิโก ไป เอล ปาโซ่ เท็กซัส กองกำลังจีนจะถูกส่งไปที่อื่น ๆ จากลอสแองเจลิสขึ้นไปซานฟรานซิสโก และต่อไปยังรีโน เนวาดา ไป วินนูมัคคา เนวาดา ไปซอลเลคซิตี้ ยูท่าห์ ไป ร๊อค สปริง ไวโอมิง สู่ เชเยนนี่ ไวโอมิง ไป นอร์ท เพลต เนบรัสก้า ไป แกรนด์ไอแลนด์ เนบราสก้า เหล่านี้คือพื้นที่ต่อสู้ โดยตรวจสอบจากแผนที่เดินทาง คุณจะเห็นทางหลวงหลักที่พวกเขาจะเดินทางไป และไม่ว่าคุณจะอยู่ในพื้นที่ต่อสู้หรือไม่ หรืออยู่เขตตัดผ่าน แม้จะมีทางอื่น ๆ อีกแต่นี้คือทางหลักซึ่งสมรภูมิจะเกิดขึ้นได้มากที่สุด ไม่มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในพื้นที่ที่ถูกทำลายโดยแผ่นดินไหว
    ผู้ยึดครองดินแดนจะใช้กองกำลังตำรวจที่มีอยู่แล้ว พนักงานดับเพลิง และเจ้าหน้าที่ของรัฐและสหพันธรัฐต่าง ๆ ทำงานในช่วงแรก แต่จงระวังภายในหนึ่งปีที่มีการยึดครองดินแดนนั้น ฝ่ายคอมมิวนิสต์จะใช้เจ้าหน้าเหล่านี้ในการจับกุมและฆ่า
    ในระหว่างสงครามจะมีโบสถ์ใต้ตินขึ้นมา สำหรับเป็นที่หลบซ่อนจากผู้ยึดครอง และให้การช่วยเหลือกองกำลังกองโจรอย่างลับ ๆ และก็ได้รับความยินยอมจากกองกำลังพลเรือนที่มาจากคนอาชีพต่าง ๆ อย่างดี กองทัพผู้บุกรุกเข้ามาจะไม่รวมกันเป็นกลุ่มอย่างที่เราคิด แต่กล่าวได้ว่าหญิงอเมริกันจะกลัวกองทัพของตนเองมากกว่า อย่าต่อสู้กับขัดขวางการเข้าปล้นจากกองกำลังผู้บุกรุกหรือจากกลุ่มโจรปล้นสะดม ปล่อยไปเสีย ถ้ากองกำลังเข้าไปหาพวกผู้หญิงให้ทั้งหมดอธิษฐานต่อพระเยซูอย่าต่อต้านเพราะท่านจะถูกฆ่า
    พระเจ้าให้กองกำลังจากพลเรือนในการดูแลเด็ก ๆ ของพระเจ้าอย่างดี คุณจะพบว่ากองกำลังเหล่านี้ส่วนใหญ่คนรุ่นหนุ่มสาว บางคนก็เป็นโรคคิดถึงบ้าน ส่วนมากจะสงสัยอยากรู้เกี่ยวกับคนอเมริกัน และให้ความช่วยเหลือเป็นมิตร ชาวอเมริกันจะแตกกระจัดกระจายไปทั่วประเทศ ธงชาติจะปกคลุมไปด้วยฝุ่นควัน เราจะต้องเศร้าโศกถึงความตายการฝังศพและจิตใจสลาย เพราะเหตุที่เราเข้าสู่การถูกยึดครองและเข่นฆ่า สงครามความยากลำบากจะเป็นสิ่งทดสอบหลัก
    เราไม่สามารถใช้ชีวิตโดดเดี่ยวอย่าง หรือไม่สามารถอยู่เพียงสองคนหรือกลุ่มเล็ก ๆ ได้ เราต้องการพระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์ ของพระบิดา และต้องการกันและกัน อนาคตของอเมริกาหรือประชาชาติใหม่อยู่ในการดูแลของพระเจ้า นับจากเด็ก ๆ จนเกิดเป็นประชาชาติออกมา เราต้องรับผิดชอบต่ออนาคตของอเมริกาที่อยู่ในมือเรา นี่คือการทรงเรียกของพระเจ้า
    พระเยซูได้แสดงให้เราเห็นในช่วงที่มีการถูกครอบครอง อเมริกันคริสเตียนจะซ่อน 2 สิ่งนี้คือ พระคัมภีร์ และ ธงชาติอเมริกา พระเยซูกล่าวว่า “และเนื่องจากประชาชาติ ที่เราจะยกขึ้นมาอีก จะต้องมองไปที่ธงและรู้ว่าลายเส้นของธงนี้เปรียบเหมือนการเยียวยารักษา และดวงดาวเปรียบเหมือนพันธสัญญาต่ออับราฮัม ซึ่งลูกหลานของท่านจะมากมายเหมือนดวงดาวในท้องฟ้า”
    เมื่อสงครามสิ้นสุดลง กองทัพรัสเซียจะเต้นรำและดื่มฉลองอย่างสนุกบนถนน กองกำลังจีนจะแสดงความดีใจต่อการยุติสงครามที่คาดไม่ถึงนี้ด้วย
    คริสเตียนจะสูญเสียทรัพย์สมบัติทางโลก อย่ารีรอที่จะทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง ไม่มีที่ใดจะมีค่าเหมือนความรักในพระเยซูและความรักในการเป็นหนึ่งในพระคริสต์ บางคนยังยึดติดกับที่ ๆ ตนเคยอยู่ บางคนก็ย้ายหรือถูกส่งไปที่อื่น
    เมื่อการยิงยุติก็มีสงครามอย่างอื่นเกิดขึ้นตามมา คือสงครามฝ่ายวิญญาณซึ่งไม่ได้เกิดอย่างที่คาดไว้ มันจะรุนแรง คริสเตียนจะเริ่มมีอิสระ ปิติยินดีในพระคริสต์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คริสเตียนจำนวนมากจะปลอดภัยภายใน “ทุ่งหญ้าอันเขียวสด” ที่พระเยซูได้เตรียมไว้สำหรับพวกเขา กองทัพผู้ปกครองจะมีจำนวนประมาณ 10 ล้านคน และกองกำลังอเมริกาก็จะล่มสลายและยุติการต่อสู้
    ในช่วงเวลาแห่งการปกครอง กองกำลังต่างชาติจะมีความสงสัยและอยากรู้ชาวอเมริกัน พวกเขาจะเป็นมิตรกันแบ่งปันอาหารและยา ในบางที่ก็แปลกไปก็คือทหารคริสเตียนรัสเซียจะร่วมอธิษฐานกับชาวอเมริกัน
    กองกำลังจีนและญี่ปุ่นจะเคลื่อนไปยังอินเดียและส่วนต่าง ๆ ของเอเซียด้วย เพื่อรวมรวบเอเซียให้เป็นอาณาจักรเดียว และโดยเหตุนี้ทำให้ต้องถอนกำลังออกจากอเมริกา กองกำลังพลเรือนจะลดลงเหลือ 3 ล้านคนในหนึ่งปี และเหลือเพียง 2 ล้านคนในปีถัดไป เจ้าหน้าที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์ระดับสูงจะเริ่มเดินทางเข้ามาภายใน 6 เดือนหลังสงครามยุติ และจะใช้เวลาอีก 6 เดือนถัดไปเพื่อเริ่มควบคุมจัดการเมืองต่าง ๆ ที่มีพลเรือนอเมริกันรอดชีวิตเหลืออยู่ โดยใช้เวลาอีกหนึ่งปีถัดไปกว่าที่จะรวบรวมดินแดนทั้งหมดเข้าสู่การดูแล
    แต่เนื่องจากหลายเมืองพังทลาย ทั้งถนน สะพาน การสื่อสาร ทางรถไฟ ทำให้ต้องใช้เวลาสองปีเพื่อควบคุมจัดการได้ครอบคลุมทั้งทวีป แม้กระทั่งโบสถ์ใต้ดินและกองกำลังกองโจรก็ต้องรอเพื่อจะเริ่มขบวนการออกสู่ภายนอกได้ รัสเซียจะดูแลส่วนอุตสาหกรรมเครื่องจักรและแหล่งแร่ธาตุธรรมชาติ จีนและญี่ปุ่นและแสวงหาแร่ธาตุหายาก เครื่องบริภค และช่างเทคนิคต่าง ๆ
    ช่วงการปกครองนั้น ถ้าคุณกำลังปิดบังซ่อนพี่น้องจากพวกผู้ปกครองที่ถามคุณว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ตอบง่าย ๆ ว่า “เอาอะไรไปก็ได้อะไรถ้าคุณหาได้” แต่อย่าทรยศต่อผู้อื่นไปสู่การถูกขังหรือตาย จะดีกว่าที่จะบอกปัดพวกคนเหล่านั้นที่ขอความช่วยเหลือจากคุณมากกว่ารับไว้และบอกปัดทีหลัง
    และถ้าถูกถามว่าคุณจะเป็นคริสเตียนหรือไม่ อย่าปฏิเสธแต่ให้รับว่าคุณเชื่อในพระคริสต์ และผู้มีชื่อในสวรรค์ไม่จำเป็นต้องแสวงหาความตายเพื่อความเชื่อ อย่าไปหาคณะผู้ปกครองคอมมิวนิสต์และตระโกนว่าคุณเชื่อในพระคริสต์ นั่นเหมือนกับการไปฆ่าตัวตาย
    จงตระเตรียมเสเบียงตามความต้องการ แต่อย่าจำกัดพระเจ้า พระเจ้าสามารถจัดเตรียมตามความต้องการของเราได้ทั้งแบบปกติหรือเหนือธรรมชาติ เราต้องเตรียมเสบียงของเราก่อนล่วงหน้าตามที่พระเจ้านำเรา และวางใจในพระคริสต์ในทกสิ่ง คริสเตียนส่วนมากจะสับสนในเรื่องการตระเตรียม และคิดว่าการตระเตรียมล่วงหน้าคือการขาดความเชื่อแต่ก็ยึดติดกับสิ่งต่าง ๆ มากกว่ายึดติดกับพระคริสต์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ในเดือนมกราคม 1979 ข้าพเจ้าได้ยิน คอรี่ เทน บูน พูดในทีวีคริสเตียนว่า “มองไปรอบ ๆ และก็รู้สึกหดหู่ เมือมองลึกลงไปก็เป็นทุกข์ จงมองไปที่พระเยซูและพักสงบ”
    เมื่อการยึดครองมาถึง ชีวิตพวกเราจะเหมือนอยู่ในความมืดมิด ไม่มีทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ แม็กกาซีนอีกต่อไป ชุมชนคริสเตียนใน “ทุ่งหญ้าเขียวสด” และโบสถ์ใต้ดินจะเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารเดียวเท่านั้น คริสเตียนจะพบกว่าตนเองนั้นต้องพึ่งพาในคำพยากรณ์และพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างมากเพื่อจะรู้ว่าต้องทำอะไร ตัวอย่างเช่น บางคนต้องการกลับไปบ้านที่ทิ้งมา ทำให้พวกเขาต้องแสวงหาพระเจ้าด้วยการอดอาหารอธิษฐาน แถบชนบทในพื้นที่ต่าง ๆ ของอเมริกาจะเป็นพื้นที่เสียหายเนื่องจากกัมมันตรังสีไปยาวนานหลายปี เราต้องเชื่อวางใจในคำพยากรณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรอย่างมากในเวลานี้ พระเจ้าจะบอกเรา และให้ทิศทางที่ชัดเจนแก่เรา ต้องถ่อมใจยอมรับอำนาจการปกครองของกองกำลังพลเรือนในคริสตจักร
    ในระหว่างการปกครอง เราต้องถูกทดสอบที่เป็นการทดสอบด้วยไฟ สำหรับคริสเตียนอเมริกันจะถูกทรยศดังนี้ หนึ่งคือถูกทรยศให้ไปสู่มือคอมมิวนิสต์โดยผู้นำบางคริสตจักร สองคือถูกทรยศให้ไปสู่มือคอมมิวนิสต์โดยสมาชิกบางคนในครอบครัว สามคือถูกทรยศให้ไปสู่มือคอมมิวนิสต์โดยพี่น้องในพระคริสต์บางคน โดยเราต้องระวังอย่างเต็มที่ต่อผู้ที่เรากำลังไว้วางใจอยู่ เราต้องอดทนทุก ๆ การทดสอบ และทุก ๆ การปฏิเสธด้วยความรักและการให้อภัย ไม่ว่าจะเจออะไร เราต้องไม่ปฏิเสธพระคริสต์ เราต้องรักษาความเชื่อไว้แม้กระทั่งชีวิต
    การปกครองนี้ไม่ใช่การไปเที่ยวปิกนิก ถ้าคุณคิดว่านี่คือการผจญภัยมันก็เป็นการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความเศร้า และการทดสอบต่าง ๆ ที่ครอบคลุมด้วยสันติสุขและความรักของพระคริสต์ เราต้องเตรียมตัวเตรียมใจแต่ตอนนี้ด้วยการอธิษฐานวางใจเต็มที่เพื่อให้ผ่านทุก ๆ การทดสอบไปได้ด้วยความรักของพระคริสต์ จงอย่าจำกัดความจำกัดในพระเจ้าและความดีของพระเจ้า
    ผู้ที่ไม่เตรียมตัวโดยการอธิษฐานและไม่ยึดติดที่พระคริสต์ จะต้องถูกเคี่ยวเข็ญในการทดสอบผ่านการถูกฆ่าและพบความสับสนวุ่นวาย ทำให้พวกเขาคิดว่าพระคริสต์ได้ละทิ้งพวกเขาแล้ว พวกเขาจะออกไปจากกลุ่มสมาชิกโดยกลัวที่จะไว้วางใจใคร ๆ ความรักพวกจะเยือกเย็นลง
    นี่คือเหตุผลที่โบสถ์ใต้ดินต้องถูกจัดเตรียมไว้สำหรับองค์กรที่จะถูกตั้งขึ้นบนความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งในพระคริสต์และการรับใช้คริสตจักร คริสตจักรที่มองเห็นได้นี้จะต้องอยู่ภายใต้การถูกฆ่าทำลาย และดำเนินไปผ่านผู้แจ้งข่าวสาร ซึ่งจะถูกจำกัดโดยกฎเกณฑ์ที่ไร้ขอบเขตจากผู้ปกครอง สมาชิกในโบสถ์ใต้ดินที่เป็นกบฎจะถูกลงโทษถึงตาย แม้กระนั้นโบสถ์ก็จะเติบโตแข็งแรงขึ้นโดยไม่ถูกทำลาย โบสถ์ใต้ดินจะถูกสร้างบนศิลาหรือพระคริสต์ คริสเตียนคณะต่าง ๆ ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ ความรักของพระคริสต์และอีกความเป็นหนึ่งโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้ความรักเป็นสิ่งแรกของโบสถ์ใต้ดินนี้
    พระคัมภีร์จะเป็นกฎของโบสถ์ใต้ดิน โดยทุก ๆ การตัดสินใจจะต้องมาโดยการอดอาหารอธิษฐาน พระคริสต์จะเป็นผู้นำของคริสตจักรใต้ดิน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นผู้นำทิศทางของกระบวนการต่าง ๆ ขององค์กร สมาชิกโบสถ์ใต้ดินต้องตัดสินใจเรื่องใหญ่ร่วมกันและควรอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอในทุกสิ่งและเพื่อกันและกัน
    เมื่อสงครามมาถึง คริสเตียนแต่ละคนต้องค้นหาพวกจดหมาย โน้ต รูปภาพต่าง ๆ จากคริสเตียน ให้นำมารวมกันในที่หนึ่ง ๆ และทำลายสำเนาทั้งหมด ทำลายให้หมดไปหรือซ่อนไว้ บันทึกนี้ถ้าถูกค้นพบมันอาจนำไปสู่สมาชิกของโบสถ์ใต้ดินได้ ใช้ชื่อแรกเท่านั้นตลอดเวลาเวลามีประชุม
    เมื่อคณะผู้ปกครองคอมมิวนิสต์ระดับสูงมาถึง พวกเขาจะ “พูดในนามของพระคริสต์” ซึ่งเป็นการโกหก การประกาศข่าวประเสริฐพระคริสต์จะต้องถูกลงโทษติดคุก 30 ปีและถูกฆ่า กองกำลังจีนจะจัดการพวกที่เปลี่ยนศาสนาดังเช่นพวกปฏิวัติโดยลงโทษประหารชีวิตโดยการตัดศรีษะหรือฝังทั้งเป็น

    Occupation will last about seven years
    การปกครองจะกินเวลานาน 7 ปี

    การอธิษฐานจะช่วยย่นระยะเวลาในการปกครองได้ กองกำลังอเมริกาย่อย ๆ จะถูกตัดขาดจากกองกำลังหลักในระหว่างสงคราม หรือถูกตัดผ่านให้โดดเดี่ยวเป็นเรื่องที่คิดพิจารณา กองกำลังหลักไม่สามารถช่วยเหลือได้ทำให้ต้องเปลี่ยนเป็นกองโจรหลบซ่อน หรือกลับสู่ชุมชนเมืองและหาทางกลับบ้าน การยอมแพ้จะเกิดขึ้นทันทีเมื่อมีการขนย้ายพลเมืองไปยังค่ายแรงงานนอกอเมริกา กองกำลังกองโจรจะมีไม่เกิน 14 คนต่อหนึ่งกอง พระเยซูได้เราว่าอย่าพวกทำให้กองกำลังกองโจรท้อถอย แต่ให้ช่วยเหลือสนับสนุน และนั่นคือการมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลางทั้งจุดประสงค์และท่าที
    คอมมิวนิสต์ในช่วงแรกคิดที่จะทำลายประชากรอเมริกันทั้งหมด แม้จะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติแต่ก็ยังเป็นแผนการในอนาคตของพวกเขาอยู่ พวกเขาพยายามที่จะออกกฎหมายที่จะเปลี่ยนอเมริกาให้เป็นรัสเซีย และจะเปลี่ยนชื่อของเมืองต่าง ๆ เป็นชื่อรัสเซีย หรือเป็นการถอนรากวัฒนธรรมอเมริกันทั้งหมด และแยกชุมชนต่าง ๆ ไปยังรัสเซียและบางส่วนของตะวันออก และก็สร้างชุมชนรัสเซียที่อเมริกา คริสเตียนอเมริกันที่เป็นกองกำลังกองโจรจะสร้างความยากลำบากแก่ครอบครัวรัสเซียจนพวกเขาต้องหนีไปเขตรัสเซียเพื่อความปลอดภัย เมื่อรัสเซียยึดครองนั้นจะขนย้ายชายอเมริกันไปเป็นทาสแรงงานในบางส่วนของรัสเซีย เหลือทิ้งไว้บางส่วนเพื่อทำงานหนัก หญิงอเมริกันจะถูกบังคับใช้แรงงานหนักด้วย
    ผู้นำรัสเซียวางแผนที่จะลบล้างและจมวัฒนธรรมอเมริกันทิ้งทั้งหมด โดยแนะนำให้ทหารของเขานำหญิงอเมริกันมาเป็นภรรยา หญิงโสดจะถูกบังคับให้เป็นของเล่นของชายรัสเซีย หญิงคริสเตียนจะรวมกลุ่มเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีเด็กอยู่ด้วยมาก(ส่วนมากคือเด็กกำพร้า) และมีผู้ชายหนึ่งคนเป็นหัวหน้าครอบครัว สิ่งนี้จะสร้างความยุ่งยากให้แก่แผนเปลี่ยนประเทศให้เป็นรัสเซีย เด็ก ๆ จะนึกถึงพระสัญญาของพระเจ้าสำหรับที่จะนำการรื้อฟื้นอย่างสมบูรณ์กลับมา
    จีนจะเยาะเย้ยรากเหง้าของชาวอเมริกันและตัดสินลงโทษนับหมื่นคนต่อต้านชาวอเมริกัน โดยใช้ข้อหาอาชญากรรม เช่นว่า การเป็นนายพลกองทัพ หรือการเป็นเจ้าของร้ายขายของชำ หรือการเป็นคณะประธานาธิบดี หรือนายกเทศมนตรี และอื่น ๆ จะต้องถูกลงโทษถึงตาย จีนและญี่ปุ่นจะออกโปรแกรมการเรียนใหม่ตามที่รัสเซียต้องการ อเมริกันบางคนจะต้องถูกให้ความรู้ใหม่และกลายเป็นผู้สนับสนุนกองกำลังปกครอง ตลอดสิ่งเหล่านี้จะมีการหนุนใจเนื่องจากพระเจ้าอยู่กับเรา และพระเยซูบอกกับเราว่า “เราไม่เคยปฏิเสธชัยชนะ”
    ครอบครัวอเมริกัน พวกทหารที่ถูกจับ และผู้ชายจะถูกส่งไปที่ยุโรปตะวันออกหรือรัสเซียหรือจีน และจะถูกสร้างให้เป็นคริสเตียนบังเกิดใหม่มากมาย แม้ว่าพวกเขาจะถูกส่งไปโดยมีโซ่ตรวนผูกมัด แต่ก็เป็นอิสระในพระคริสต์และเต็มไปด้วยฤทธิเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์สำหรับการทำงาน หลายปีผ่านไปในการถูกปกครองแต่ก็มีอิสรภาพในพระคริสต์ที่ต่อต้านไม่ได้ ดาวเทียมของรัสเซียและของเอเซียจะถูกใช้เพื่อสื่อสารพระกิตติคุณขอพระคริสต์ บางคนจะถูกฆ่า สิ่งนี้จะเผยแพร่นำหน้าเราไปด้วยความรักของพระคริสต์ สำหรับเราความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัวและผู้ที่ถูกส่งมาโดยการเนรเทศจะถูกส่งกลับไปอเมริกา นี่คือพระสัญญาของพระคริสต์ที่จะให้กลับมาก่อนที่พระคริสต์จะรื้อฟื้นแผ่นดินนี้เพื่อเรา
    เมื่อคณะผู้ปกครองคอมมิวนิสต์มาถึงในช่วงปีแรกของการปกครอง ก็รู้สึกได้ถึงอิสระภาพจากเครื่องผูกมัดสู่ความตายและการทำลายสังคมอเมริกาที่จะถึงการล่มสลายทันที ลึกลงไปดูเหมือนหมอกของลางร้ายแห่งความกดดันและความความกลัวจะปกคลุมอเมริกา รู้สึกได้ทางกายภาพเช่นกัน เวลาแห่งการอธิษฐานนั้นจะยากลำบากขึ้น เราจะเสียความสนใจต่อการอ่านพระคัมภีร์และอธิษฐานทุกวัน ความสงสัยจะโจมตีเรา นี่คือการครอบงำโดยซาตาน การกดดันโดยซาตานจะหน่วงเหนี่ยวความกระตืนรือร้นของคริสเตียนจำนวนมากที่ยึดติดกับความรู้สึก เราต้องเรียนรู้ที่จะมีความเชื่อในการอธิษฐานไม่ใช่ความรู้สึก รู้จักพระวจนะพระเจ้าและรู้โดยความเชื่อในพระคริสต์ เพื่อที่จะรู้ว่าพระเจ้ารับฟังคำอธิษฐาน อยู่ภายใต้พระโลหิตพระคริสต์และพักสงบภายใต้พระโลหิตพระคริสต์ รักษาความไว้วางใจอย่างมั่นคง มีวินัยในการอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน อธิษฐานและจดจ่อที่พระวจนะพระเจ้า อธิษฐานต่อผู้อื่นอย่างพากเพียร
    สงครามและการปกครองจะเป็นเหมือนเตาหลอมที่ร้อนแรง เพื่อชำระล้างคริสตจักรของพระคริสต์ในส่วนต่าง ๆ ที่เป็นส่วนร่วมของจิตวิญญาณ ชำระคำสอนแห่งความอาฆาต ความแตกต่าง การกบฏ ทั้งหมดนี้หรืออื่น ๆ จะถูกเผาผลาญโดยการถูกลงโทษประหารชีวิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่ในพวกเราทั้งหมดไม่ใช่คนอื่น แต่โดยพระเกียรติของพระเจ้า คริสตจักรของพระคริสต์จะรวมเป็นหนึ่งสู่ความรักพระคริสต์และสู่กันและกัน เชื่อฟังพระเจ้าและเอาใจใส่ต่อจุดประสงค์ที่เราได้ถูกเรียกนี้
    แท้จริงแล้ว พวกเราสามารถยึดถือความเห็นของตนเอง หลักคำสอนของตนเอง ความดื้อรั้นของตนเอง และเรายังสามารถพบกับการพิพาษาอื่น ๆ ได้อีก
    ในช่วงการปกครองนี้ เราจะเห็นด้วยตัวเองโดยเมื่อเปิดเผยทุกสิ่งที่เราเคยรู้คือรู้ว่าพระคริสต์คือสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริง
    พระเยซุกล่าวกว่า “เราเป็น วันนั้นใกล้เข้ามาเมื่อท่านมองขึ้นมาจะเห็นการปลดปล่อยอยู่แค่เอื้อม ซึ่งเราจะมาด้วยเสียงและบรรดาผู้สถิตบนสวรรค์ และพวกเขาจะรอบล้อมตัวท่านและบ้านของท่าน แม้แต่แผ่นดินของท่าน และท่านจะมาด้วยกันกับเราเป็นหนึ่งเดียวกับเรา เช่นเราและพระบิดาที่เป็นหนึ่งเดียวกัน คำของเราจะอยู่ในใจท่าน มือของเราจะวางบนศรีษะท่าน เราจะขับไล่กองทัพที่ปกครองออกไปจากตอนกลางของแผ่นดินและขับพวกเขาลงทะเล ตรงหน้าพวกเขาคือทะเลตะวันออกและหลังพวกเขาคือทะเลตะวันตก”
    คริสเตียนจำนวนมากได้สันนิษฐานว่าการพิพากษนี้คือ “กลียุคเวทนาครั้งใหญ่” แต่มันไม่ใช่กลียุค มันคือการพิพากษาอเมริกาเนื่องจากบาป มีเรื่องเกี่ยวกับ Rapture มากมายที่เป็นผลมาจากความเกียจคร้านของเราหรือไม่ต้องการที่จะพบการทดสอบ งานของเราคือการเป็นคริสเตียนที่เชื่อฟังพระเจ้าทุก ๆ วัน
    เมื่อถึงช่วงปลายแห่งการปกครอง ชาติคอมมิวนิสต์ก็วางแผนที่จะฆ่าทุกคนที่รู้จักหรือคริสเตียนที่น่าสงสัยภายใต้กฎของพวกเขา พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เคลื่อนไปบน เจฟฟรีย์ (ชื่ออ้างอิงของนายทหารที่ได้นำกองกำลังกองโจรที่จะยึดอเมริกากลับมา) เจฟฟรีย์จะนำกองกำลังคริสเตียนทั้งหญิงและชายต่อสู้กองกำลังรัสเซียที่ตั้งฐานในหุบเขาโอไฮโอ พวกเขาจะไปด้วยการสรรเสริญพระเจ้าอย่างเต็มที คริสเตียนรัสเซียจะร่วมกับพวกเขา ศัตรูทั้งหมดอื่น ๆ จะต้องกลัวและหนีไป
    กองกำลังกองโจรที่ดูสกปรกเสื้อผ้ารุ่งริ่งจะค่อย ๆ ออกมาจากหุบเขาและป่าเข้าร่วมกับกองกำลังเล็ก ๆ และเพิ่มจำนวนกองทัพขึ้นอย่างมากจนเป็นกองทัพใหญ่โต โอกาสแรกที่พวกเขารวมกันในแถบหุบเขาสักแห่งในโอไฮโอ ในวันที่อากาศสดใสมีเมฆบนท้องฟ้า พื้นดินที่แห้งผากเป็นสีน้ำตาลเพราะขาดฝน กองกำลังคริสเตียนเหล่านี้ได้คุกเข่าอธิษฐาน แสวงหาหนทางจากพระเจ้าเพื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอันน่ากลัวทางอากาศของรัสเซียด้วยระเบิดนิวเคลียร์ ขณะที่อธิษฐาน พระเจ้าพระบิดาได้กล่าวเป็นเสียงที่ได้ยินได้ว่า “มองดูมือของเรา”ด้วยเหตุนี้ ก็เกิดลมพัดแรงมากพุ่งขึ้นมาจากตะวันตก และเมฆหน้าทึบได้เริ่มปรากฎออกมาจากท้องฟ้าที่สดใสปลอดโปร่ง และลมก็พัดอย่างแรงมากจนทำให้คนที่ยืนล้มหกคะเมนลง หมอกพัดปลิว เสียงลมคำรามอย่างดังสนั่นอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ แผ่นดินโลกดูสั่นไหวได้ เครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียก็ถูกพัดตกไปและระเบิดเป็นเปลวไฟ เครื่องบินตกในทิศตะวันออกพลิกคว่ำไปมาและพัง ข้าพเจ้าเห็นเครื่องบินฉีกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ปีกขาดออก และเห็นกวาดต้นไม้จนถูกถอนรากออกมา
    และก็มีสายฟ้าพุ่งออกมาจากท้องฟ้า สายฟ้าเป็นร้อย เป็นพันสายฟ้าที่พุ่งลงมา และฆ่าทหารจำนวนมากทำให้เกิดความพินาศอย่างมาก ต่อมาก็มีฝนตกหนักและลูกเห็บใหญ่ พื้นที่ตะวันออกทั้งหมดของอเมริกาดูเหมือนถูกถล่มด้วยพายุที่บ้าคลั่ง รัสเซียไม่เพียงแตกกระเจิงแต่ขวัญเสียอีกด้วย กองกำลังอากาศรัสเซียในอเมริกาถูกทำลาย แต่ยังเห็นบ้านของคริสเตียนในส่วนนี้อยู่ซึ่งไม่มีอะไรพังเสียหาย แต่บ้านที่อยู่ข้างซ้ายและขวานั้นพังทลายหรือเสียหาย
    เราตระหนักถึงความจริงได้อย่างชัดแจ้งว่ามันเป็นมาจากพระเจ้าแน่นอน มีอานุภาพยิ่งใหญ่จนทำให้ศัตรูอยู่ในมือเรา นั้นคือเวลาที่เราต้องเผชิญกับการตัดสินใจว่าเราจะเชื่อฟังพระเจ้าเมื่อพระเจ้าบอกเราให้ขับไล่พวกศัตรูลงทะเลไปหรือไม่ หรือเราจะโต้เถียงพระเจ้าในเรื่องนี้ กองทัพเหล่านี้ได้เข้ามาปกครอง เราจะเชื่อฟังพระเจ้าเมื่อพระเจ้าสั่งว่า “ขับไล่พวกเขาลงทะเล” หรือไม่ พวกเขาจะเชื่อฟังพระเจ้าและแผ่นดินนี้จะเป็นอิสระ หลังจากนี้ชนชาตินี้จะถูกรื้อฟื้น ที่เราจะเริ่มต้น ในท้ายที่สุดคือการพิพากษาตนเองและประเทศของเราตามพระวจนะพระเจ้า กฎของโลกนี้จะอยู่บนพระวจนะพระเจ้า และความรักของพระเจ้า และเราจะแสดงความเมตตาต่อผู้ที่มีความเมตตา และแสดงความยุติธรรมต่อผู้มีจิตใจแข็งกระด้างต่อต้านพระเจ้า ไม่ว่าใครที่เกี่ยวข้องกับเวทมนต์หรือบูชาซาตานจะต้องถูกนำตัวมาต่อหน้าประชาชนและจัดการดังเช่นที่พระเจ้าได้สั่งประชาชนของพระเจ้าบนภูเขาซีนาย เราต้องไม่อนุญาติให้มีความชั่วร้านเพิ่มเข้ามาท่ามกลางพวกเราอีกต่อไป
    ในเวลานี้เรากำลังได้เห็นความแตกต่างอย่างสมบูรณ์แบบของซาตานและบาป พระเจ้าได้นำความยากลำบากมาต่อต้านความชั่วร้าย พระเจ้าเมตตาต่อผู้ที่แสวงความเมตตา เป็นพระเจ้าที่ยุติธรรมและเป็นพระเจ้าแห่งความรัก แต่เนื่องจากเราถูกอนญาติให้ซาตานครอบครองดินแดนนี้ และเพราะเราได้หนุน และมีความเมตตาต่อซาตานผู้ที่ถูกพิพากษาไปแล้ว โดยเหตุนี้คนประมาณ 197 ล้านคนในประเทศนี้ต้องตายในการพิพากษาที่กำลังมานี้ (ในปี 2000 มีประชากรประมาณ 260 ล้านคนในอเมริกา) เมื่อให้ซาตานเข้าสู่ชีวิตคุณวันนี้และพรุ่งนี้ คุณจึงต้องเก็บเกี่ยวผลแห่งความตาย
    ในการรื้อฟื้นนี้ เราจะเห็นโบสถ์มากขึ้นและผู้นำที่เข้มแข็งเพียงเล็กน้อย หรือแม้จะมีผู้นำมากก็ตามเราจะเห็นโบสถ์ถูกรื้อฟื้นซึ่งจะทำงานต่าง ๆ เหมือนเป็น พระ และคณะผู้รับใช้ต่าง ๆ ของพระเจ้า หัวหน้าของผู้หญิงจะเป็นผู้ชาย และหัวหน้าของผู้ชายจะเป็นพระคริสต์ที่จะเป็นผู้เลี้ยงแกะ และผู้ปกครองของเรา พระคริสต์จะเป็นหนทางของเรา เป็นความจริงและชีวิต เราจะรายงานพระเจ้าเกี่ยวกับคำสั่งสอนของเรา และต้องรักษาพันธสัญญาแห่งความรักต่อคริสตจักรของพระคริสต์ให้เป็นหนึ่งเดียวโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
    งานของการรื้อฟื้นจะดำเนินไป ซึ่งสิ่งแรกคือ สถาปนาอาณาจักรของพระเจ้าบนโลกนี้ และสองคือ ขับไล่ซาตานไปยังหลุมลึกไม่สิ้นสุด
    นอกจากสงครามนี้ การปกครอง และการประหารชีวิต จะเป็นปรากฎตัวของกองทัพจากสมรภูมิฝ่ายวิญญาณที่รุนแรงนั้นคือกองทัพคริสเตียนแห่งความรักที่สวมอาวุธครบชุดของพระเจ้า อามารเกดดอน….. ซาตานได้ถูกนำออกไปและโยนทิ้งลงไปในหลุมลึกไม่สิ้นสุด อาณาจักรสวรรค์จะสถาปนาบนแผ่นดินโลกและสันติสุขจะดำรงอยู่ไปเป็นเวลาพันปี (เปรียบเหมือนหนึ่งวันของพระเจ้า)
    รายละเอียดการบุกรุก จากแผนที่อเมริกา

    [​IMG]

    ให้สังเกตุเป็นพิเศษตรงพื้นที่หลักห้าแห่งที่เป็นเขตปลอดภัย : นิวยอร์กตอนเหนือ ดาโกต้าตอนเหนือ รัฐวอชิงตันตอนเหนือ อาคันซาตอนกลาง และฟอริดาตอนเหนือ เขตเหล่านี้พระเจ้าจะช่วยรักษาชีวิตคนจำนวนมาก ข้อมูลเหล่านี้มาจากหนังสือและวีดีโอของ ชัค ที่เขาทำออกมาสำหรับ “สโมสรพยากรณ์”
    พื้นที่ปลอดภัย ดูที่แผนที(เส้นแนวนอน) หมายเลข 1,2,3,4 และ 5 นี่คือพื้นที่ทั่วไป ที่พระเจ้าได้รอบล้อมไว้ด้วยนิ้วมือของพระเจ้าในระหว่างนิมิตบนภูเขาแห่งที่สูงสุด หมายถึงว่าพระเจ้าจะจัดเตรียมอาหารและที่พักสำหรับชาวอเมริกันจำนวนมากระหว่างสงคราม แต่อย่าสับสนกับ “ทุงหญ้าเขียวสด” ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กกว่าพื้นที่ปลอดภัยนี้ (บางแห่งมีพื้นที่ไม่กี่เอเคอร์) ที่อยู่กระจัดกระจายไปทั่วประเทศ คนจำนวนมากจะถูกไปโดยการดลใจและฑูตสวรรค์ไปยังพื้นที่นี้เมื่อมีความต้องการอย่างแรงกล้า
    พื้นที่แผ่นดินไหว (เส้นแนวเฉียงจากเหนือไปตะวันออกเฉียงใต้) ทุก ๆ เมืองภายในพื้นที่นี้คาดว่าจะถูกทำลายหรือเสียหายอย่างหนักจากแผ่นดินไหว พื้นที่ใต้น้ำ(เส้นไขว้กากบาท) รัฐฟอริดาตอนใต้ครึ่งหนึ่งจะจมอยู่ใต้น้ำ
    พื้นที่ต่อสู้ (เสนทึบหนามีหัวลูกศร) กล่าวโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว ทุก ๆ สิ่งภายในระยะ 50 ไมล์จากเส้นเหล่านี้จะถูกทำลายจากการบุกรุกคืบหน้าของกองกำลังบุกรุก พื้นที่เหล่านี้จะเป็นสมรภูมิ เส้นทางการรบ ด้วยเหตุนี้มีฐานที่ตั้งมากมายจึงมีอยู่ในเขตนี้ เว้นแต่ว่าพระเจ้านำท่านแตกต่างไปให้พักในที่ใดที่หนึ่งในเขตนี้แล้ว ก็จะเป็นแผนการเคลื่อนย้ายไปยังที่ปลอดภัยซึ่งจะเริ่มหลังจากแผ่นดินไหวชิคาโก
    ที่มั่นสุดท้ายของอเมริกา (เส้นแนวเฉียงจากเหนือไปตะวันตกเฉียงใต้) ตรงนี้คือกองทัพอเมริกาจะถูกล้อมรอบโดยรัสเซีย จีนและญี่ปุ่น และกองกำลังติดอาวุธชาตือื่น ๆ ที่จะมีการต่อสู้จนถึงยุติ ฮัทคิซัน แคนซัส เหมืองเกลือที่ดูเหมือนจะเป็นฐานบัญชาการของรัฐบาลอเมริกาและประธานาธิบดีในช่วงสงครามหลังจากการล่มสลายของวอชิงตันดีซี
    พระเยซูกล่าวว่ากองกำลังรัสเซียจะบุกมาทางชายฝั่งตะวันออก มีสองจุดของตอนเหนือของนิวยอร์กและสามจุดของตอนใต้ของนิวยอร์ก และที่แสดงก็คือเส้นทางหลักในการบุกของรัสเซียเพื่อยึดหาดสลอเทอที่อ่าว เดลาแวร์ โดยกองทหาร 132,427 คน และการบุกที่อื่น ๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากกองกำลังแข็งแกร่งที่ขึ้นฝั่งที่ชายฝั่งเวอร์จิเนีย ที่จุด ๆ อื่น ๆ (เครื่องหมายคำถาม) ยังไม่รู้ว่าเราได้สงสัยว่ารัสเซียอาจมีแผนบุกทางอากาศ โดยรัสเซียจะใช้ประโยชน์จากทางอากาศที่จะนำทหารและเครื่องมือเข้ามาในช่วงแรกของการบุกและสนับสนุนทางพื้นดิน
    การบุกของจีนและญี่ปุ่นจะกระจัดกระจายไปอย่างกว้างขวาง อันเนื่องจากจากแทรกแซงโดยพระเจ้านั้นหัวหาดของซานฟรานซิสโกจะหายไป ต่อมากองกำลังบุกรุกจะยึดเมืองทางการเดินทางบนพื้นจาก ลอสแองเจลิส ท่านจะสังเกตุเห็นว่ากองกำลังจีนจะมาขึ้นฝั่งในเม็กซิโกและข้ามฝั่งอเมริกามาที่ ซานดิเอโก ท่านอาจลองลากเส้นดูในเทือกเขาร็อกกี้ และในแถบภูเขาอัลปาเชี่ยน (ประมาณครึ่งทางระหว่าง พิตส์เบิร์กและแฮริสเบิร์ก เพนซิลวาเนีย) จะแสดงเส้นทางปกติที่กองทัพอเมริกาจะตรึงเพื่อต่อต้านการบุกรุกในฤดูหนาวของปีที่เกิดสงคราม เมื่อจีนและญี่ปุ่นทำสร้างความยากลำบากให้แก่เรานั้น ก็จะมีรัสเซียที่เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดที่ต้องเผชิญในสงครามและเป็นผู้เดียวที่สามารถจะนำความล่มลสายมายังกองกำลังแห่งสหรัฐได้
    ขณะที่พระเจ้าต่อต้านเราในฐานะของประชาชาตินี้ และประชาชนชาตินี้ จะไม่มีความหวังใด ๆ ที่จะชนะสงครามนี้ได้ ทางเดียวที่เป็นความหวังของประชาชาตินี้คือการกลับใจ เปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ และหันกลับมาสู่พระคริสต์ทั้งหมด

    ต้องการบทความนี้และบทความอื่น ๆ ในบล็อกรวมกันในแบบไฟล์ pdf ที่สมบูรณ์และเพื่อสะดวกในการอ่านติดต่อขอมาได้ที่
    jesuscomingthailand@gmail.com<!--End Main-->

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%" colSpan=3>Create Date : 06 เมษายน 2553</TD></TR></TBODY></TABLE>
    BlogGang.com : : 1p2m -
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2011
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นิมิตของพระธรรมวิวรณ์บทที่ 18 อเมริกามหานครบาบิโลนลึกลับที่ต้องล่มสลาย

    <!--Main-->A VISION OF REVELATION 18
    By Gene Anderson , Late 1980s
    นิมิตของวิวรณ์บทที่ 18
    โดย ยีน แอนเดอร์สัน , ปลายปี 1980 แปลโดย 1p2m

    I was asleep one night some six years ago when I awoke in the middle of the night. I got up and looked down and my wife was lying by side but there I was too. I can only say I was fully conscious, wide-awake yet looking at my self in my bed.
    เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้วขณะที่ข้าพเจ้าหลับอยู่ในคืนหนึ่ง ข้าพเจ้าก็ตื่นมากลางดึก และลุกขึ้นก้มมองไปที่ภรรยาของข้าพเจ้าที่นอนอยู่ข้าง ๆ ด้วย ข้าพเจ้าสามารถบอกได้ว่าข้าพเจ้ายังมีสติรู้ตัวอยู่เต็มที่คือเมื่อลืมตาโพลงตื่นตัวก็มองตัวเองในเตียงนอนด้วย

    I walked outside and stood about fifty feet out in the pasture, in front of my home. I looked back and a man with a long beard looked at me, yet we said nothing to each other. I turned from looking at him and I gazed up into the night sky. At that moment the whole sky from one end of the horizon to the other became like a big drive-in movie screen, in color.
    ข้าพเจ้าเดินออกไปข้างนอกบ้านและยืนอยู่ห่างไป 15 ฟุตในสนามหญ้าที่อยู่หน้าบ้าน ข้าพเจ้ามองไปด้านหลังเห็นชายคนหนึ่งมีเครายาวและเขาก็มองมาที่ข้าพเจ้า เราต่างไม่พูดอะไรต่อกันและกัน ข้าพเจ้าหันจากการมองเขาและเพ่งมองไปยังท้องฟ้าตอนกลางคืน ในทันใดนั้น ท้องฟ้าทั้งหมดจากปลายขอบฟ้าด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งก็เปลี่ยนไปคล้ายกับจอภาพยนต์ฉายหนังกลางแปลงขนาดใหญ่ และเป็นจอสี


    This is what I saw:
    นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็น

    A man who looked Mideastern was standing in a uniform. The uniform looked like a Russian officer, yet he was definitely Mideastern.
    ขายคนหนึ่งดูเหมือนคนตะวันออกกลางกำลังยืนอยู่ในชุดทำงานเต็มรูปแบบ ชุดนี้ดูเหมือนชุดเจ้าหน้าที่รัสเซีย แต่เขาก็ยังดูเหมือนคนตะวันออกกลางอยู่ดี

    Bubbles were rising around him and I surmised he was under water (a submarine?). The sky then turned back to night, and then another scene appeared.
    มีฟองอากาศลอยออกมารอบ ๆ ตัวเขา และข้าพเจ้าเดาว่าเขาต้องอยู่ใต้น้ำ (เรือดำน้ำหรือไม่?) และท้องฟ้าก็เปลี่ยนกลับไปเป็นท้องฟ้ากลางคืนปกติ และต่อมาก็ปรากฎภาพฉากต่อไป

    The sky was daytime and all of a sudden hundreds of jet streams went across the sky, people came out of their houses crying and screaming for their worst nightmare had actually come to pass. They were missiles going to the major cities.
    ท้องฟ้าแสดงภาพในตอนกลางวัน และในทันใดนั้นจรวดเจ๊ตไอพ่นนับหลายร้อยลูกได้บินข้ามท้องฟ้า ประชาชนก็ออกมาจากบ้านของตนส่งเสียงร้องและตะโกนหวาดกลัว เนื่องจากฝันร้ายที่สุดของเขาได้มาถึงแล้วจริง ๆ มันคือมิสไซร์ที่พุ่งไปที่เมืองใหญ่ ๆ หลายเมือง

    At this I awoke from the vision and in the flesh I went outside, awake in the body and kneeled down in the same spot where I saw this vision and began to weep for what seemed like hours. I went into the house, pleading with God, and I opened my Bible, to the page and chapter of Revelation 18. I felt a surge that I would call a 'witness' that God was speaking to me.
    เมื่อถึงตอนนี้ข้าพเจ้าก็ตื่นจากนิมิตและกลับสู่โลกจริงที่ข้าพเจ้าเดินออกมาจากบ้าน โดยรู้สึกตัวอยู่และได้คุกเข่าลงตรงที่ยืนอยู่ที่ข้าพเจ้าได้เห็นนิมิตและเริ่มต้นร้องไห้กับสิ่งที่เห็นที่ดูเหมือนหลายชั่ว ข้าพเจ้ากลับเข้าบ้าน อ้อนวอนต่อพระเจ้า และข้าพเจ้าเปิดพระคัมภีร์ไปยังหน้าหนึ่งคือ วิวรณ์บทที่ 18 ข้าพเจ้ารู้สึกถูกช๊อตด้วยกระแสไฟและนั่นคือสิ่งที่ข้าพเจ้าเรียกว่าเป็นพยานซึ่งพระเจ้าได้พูดกับข้าพเจ้า ดังนี้

    Who rules over the kings of the earth? We do (the USA). Who has all the abundance of delicacies? We do. Who says we're all gonna be raptured "out of here" and we will see no sorrow? We do. I believe without a doubt that God showed me the USA will be destroyed in one hour and then the sun shall be darkened... shipmasters shall stand afar off for fear of her torment. Yes… God is going to judge us and it may be any day.
    ใครเป็นเจ้าปกครองเหนือกษัตริย์ทั้งหลายในโลกนี้ ? คือพวกเรา(อเมริกา) และใครมีอาหารมากมายอุดมสมบูรณ์? คือพวกเรา และใครที่กล่าวว่าเราทั้งหมดกำลังจะถูกพระเจ้ารับไปจากโลกนี้ ออกไปจากที่นี่ และพวกเราจะไม่ต้องพบกับความทุกข์ ? ก็คือพวกเรา ข้าพเจ้าเชื่อโดยไม่สงสัยเลยว่าพระเจ้าได้สำแดงให้ข้าพเจ้ารู้ว่า อเมริกานั้นจะถูกทำลายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงและหลังจากนั้นดวงอาทิตย์ก็จะ มืดมิด พวกนายเรือจะยืนอยู่แต่ไกลเพราะกลัวความทุกทรมานของเธอ (วิวรณ์ 18:17) ใช่แล้ว พระเจ้ากำลังจะพิพากษาเราและมันอาจเป็นวันใดก็ได้

    I had this vision before the fall of the USSR and now more than ever, despite what the President tells us, a nuclear war is our biggest threat we have today as a nation. Before I had that dream I never asked or thought about the end times yet I feel strongly we are at the hour.
    ข้าพเจ้าได้รับนิมิตนี้ก่อนการล่มสลายของสหภาพโซเวียตและได้รับมากกว่าที่เคย แม้ว่าประธานาธิบดีจะบอกเราว่า สงครามนิวเคลียร์คือการข่มขู่คุกคามที่ใหญ่โตที่สุดต่อเราในวันนี้ในฐานะ ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าได้ฝันแต่ข้าพเจ้าไม่เคยถามหรือคิดเกี่ยวกับเรื่องช่วงเวลาสิ้นยุคเลย ข้าพเจ้ารู้สึกอย่างแรงกล้าว่าเราอยู่ใน่ช่วงเวลานั้นแล้ว

    I wrestled with it each day. What was I to do? What could I do? I wondered, Was I deceived? Could it be the enemy? What was going on? I would share my vision with everyone I came in contact with. I wrote 300 letters to every church within a hundred miles warning of the judgment to come.
    ข้าพเจ้าได้ปล้ำสู้กับมันในแต่ละวัน ข้าพเจ้าจะต้องอะไร ข้าพเจ้าสามารถทำอะไรได้บ้าง ข้าพเจ้าแปลกใจ ข้าพเจ้าถูกหลอกหรือไม่ อะไรกำลังจะเกิดขึ้น ข้าพเจ้าจะแบ่งปันนิมิตนี้ให้กับทุกคนที่ข้าพเจ้าติดต่ออยู่ด้วย ข้าพเจ้าเขียนจดหมด 300 ฉบับไปยังทุกคริสตจักรภายในรัศมีหลายร้อยไมล์เพื่อเตือนถึงการพิพากษาที่จะมาถึง

    Two years later, after settling down and serving the Lord in many different ways over time, I was on my way home one day, very excited to have the house to myself. My wife was in Los Angeles. I would praise the Lord and thank Him for the wonderful life He had given me without any interruptions.
    สองปีต่อมา หลังจากไปตั้งหลักและรับใช้พระเจ้าในหลาย ๆ ที่ทางได้ยุติลง ข้าพเจ้าก็กลับไปยังบ้านของข้าพเจ้าในวันหนึ่งและก็ตื่นเต้นมากที่จะได้มีชีวิตครอบครัวให้ตัวเอง ภรรยาของข้าพเจ้าอยู่ที่ลอสแองเจลิส ข้าพเจ้าสรรเสริญพระเจ้าและขอบคุณพระเจ้าสำหรับความอัศจรรย์ในชีวิตที่พระเจ้าให้ข้าพเจ้าโดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง

    I was on my knees playing my guitar praising Jesus when the power of God came in the house. I began to shake and I felt that surge I felt before only this time it was in three specific areas of my body. My foot, my knee, and my hip. It was like rushing water. Days later I realized I had been healed from three chronic illnesses. I was not asking to be healed; I was just thanking God for life. A large bone spur on my heel was gone, a chip in my knee I was to have surgically removed was gone and my constant sore hip was all gone!
    ข้าพเจ้าคุกเข่าและเล่นกีต้าร้องเพลงสรรเสริญพระคริสต์ และเมื่อฤทธานุภาพของพระเจ้าเข้ามาในบ้านของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็เริ่มสั่นและรู้สึกถึงคลื่นอำนาจนั้นได้ ข้าพเจ้ารู้สึกก่อนจากบางส่วนที่สำคัญของร่างกาย 3 ส่วน คือที่เท้า เข่า และตะโพก มันเหมือนการพุ่งของกระแสน้ำ หลายวันต่อมาข้าพเจ้าก็นึกได้ว่าข้าพเจ้าเคยรับการรักษาให้หายจากโรคเรื้อรังสามโรค ข้าพเจ้าไม่ได้ร้องขอการรักษา ข้าพเจ้าเพียงแต่ขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตของข้าพเจ้า กระดูกใหญ่ที่งอกที่ส้นเท้าก็หายไป อาการร้าวที่หัวเข่าที่ข้าพเจ้าเคยไปผ่าตัดก็หายไปและอาการปวดเรื้อรังที่ตะโพกก็หายไปหมด



    While I sat in the chair , basically blown away , I heard a voice clearly say , "Isaiah 10."
    I turned and picked up my Bible and opened it to the exact verse. Don’t let anyone tell you God does not open the Book to the verse He wants to say to you; He has the power!!!
    ขณะที่ข้าพเจ้านั่งบนเก้าอี้ ซึ่งก็จะมีลมพัดผ่านไป ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงที่ชัดเจนมากพูดว่า “อิสยาห์ 10” ข้าพเจ้าหันไปหยิบพระคัมภีร์และเปิดดูไปตรงที่บทนั้นเลย อย่าให้ใครมาบอกท่านว่าพระเจ้าไม่เปิดพระคัมภีร์เพื่อบอกข้อพระคัมภีร์ พระเจ้าต้องการพูดกับท่าน พระเจ้าทรงมีอำนาจ

    I began to read, Oh Assyrian... I will send him against a hypocritical nation. "Oh God," I yelled. "Why are you doing this to me?" I cried.
    ข้าพเจ้าก็เริ่มอ่านถึงตอนที่กล่าวว่า โอ้ ชาวอัสซีเรีย….เราจะใช้เขาไปสู้ประชาชาติอันหน้าซื่อใจคด ข้าพเจ้าก็ร้องตะโกนว่า “โอ้ พระเจ้า” และข้าพเจ้าร้องว่า “ทำไมพระเจ้ากำลังจะทำสิ่งนี้ต่อข้าพเจ้า”

    This is my testimony and I believe the USA is the Great Whore. The beast shall hate the whore and shall burn her utterly with fire. In one hour the great city shall come to naught. I do not debate eschatology. I’m just sharing my testimony. Take it to the Lord is all I can say. I do not know what anyone can do.
    นี่เป็นคำพยานของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเชื่อว่า อเมริกาคือมหานครบาบิโลนลึกลับหรือหญิงแพศยา (วิวรณ์ 17-18) สัตว์ร้ายจะเกลียดชังหญิงแพศยานี้และจะเผาหญิงนี้ด้วยไฟอย่างรุนแรงถึงที่สุด และในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง เมืองใหญ่จะกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ข้าพเจ้าไม่เคยโต้วาที ข้าพเจ้าเพียงแต่แบ่งปันคำพยาน รับสิ่งนี้หันกลับไปพระเจ้านี่คือทั้งหมดที่ข้าพเจ้าอยากจะพูด ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าใครจะทำอะไรได้บ้าง

    I have come to the conclusion the best thing I can do is daily lead everyone I can to the love of Jesus, that is my most fruitful and biblical response I can have to please the One who gave Himself for me.
    ข้าพเจ้าได้มาถึงบทสรุปถึงสิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าพเจ้าสามารถทำได้คือ นำพาผู้คนในทุก ๆ วันตามที่ข้าพเจ้าสามารถทำได้ไปสู่ความรักของพระคริสต์ นั่นคือสิ่งที่เกิดผลมากที่สุดของข้าพเจ้าและเป็นการตอบสนองตามพระคัมภีร์ที่ข้าพเจ้าสามารถทำได้ให้พระเจ้าผู้ที่ให้ชีวิตของพระองค์เพื่อข้าพเจ้าพอพระทัย

    In Love, In Jesus Name,
    Brother Gene
    ด้วยรักในนามพระคริสต์
    จากพี่ชาย ยีน

    ต้องการบทความนี้และบทความอื่น ๆ ในบล็อกรวมกันในแบบไฟล์ pdf ที่สมบูรณ์และเพื่อสะดวกในการอ่านติดต่อขอมาได้ที่
    jesuscomingthailand@gmail.com<!--End Main-->

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%" colSpan=3>Create Date : 13 พฤษภาคม 2553</TD></TR></TBODY></TABLE>

    BlogGang.com : : 1p2m -
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2011
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ปี 2011 จงเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสิ่งเหล่านี้

    ในปี 2011 นี้ จงเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสิ่งเหล่านี้ครับ ซึ่งจะทยอยเกิดขึ้นโดยลำดับ :

    1.จับตาดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มสหภาพยุโรปเป็นระยะๆ เงินยูโรจะ "ล้ม" ก่อน และโอกาสที่กลุ่มสหภาพยุโรปจะแตกออกมีสูงมาก ความพยายามเข้าไปให้ความช่วยเหลือของจีนและญี่ปุ่นอาจจะช่วยซื้อเวลาได้ บ้าง

    2.ทันทีที่เงินยูโรล้มแล้ว ไม่เกิน 1 เดือน ดอลล่าสหรัฐจะล้มตาม ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์จะกลายเป็นเรื่องเดียวกัน และต่อเนื่องกัน

    3.หลังจากเงินดอลล่าล้มแล้ว โลกจะเข้าสู่ " The Great Darkness " หรือยุคมืด หรือ "ยุคเข็ญ" ในทุกๆ ด้าน

    4."เงินสกุลใหม่ของโลก" ซึ่งจะเป็นเงินสกุลเดี่ยว สกุลกลาง หรือ One World Currency อยู่ในระหว่างการประชุมจัดตั้งที่กรุงมอสโคว โดยมีการประชุมในเรื่องนี้ทุกๆต้นเดือน มาอย่างน้อย 18 เดือนแล้ว โดยขั้นตอนนี้มีนาย ซาโคซี่ ปธน.ฝรั่งเศษเป็นผู้ดูแล ในฐานะประธานกลุ่ม G20 ในช่วงเวลาดังกล่าว

    หมายเหตุ : โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้ามารับตำแหน่งประธานกลุ่ม G20 ในครั้งนี้ วาระ "ที่สำคัญที่สุด" ของนายซาโคซี่คือการปรับโครงสร้างระบบการเงินของโลกใหม่ การวางพื้นฐานระบบการเงินใหม่ และเงินสกุลใหม่

    5.เงินสกุลใหม่ และระบบการเงินใหม่จะมีความคืบหน้าออกมาในการประชุม G20 หรือ "อาจจะ" มีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการในเดือน มีนาคม-กรกฏาคม ปี 2011 นี้ หรืออาจจะเป็นช่วงเดียวกับการประชุม G20 ที่จะมาถึงในช่วงเดือนดังกล่าว

    6.US Dollar Super Devaluation เงินดอลล่าสหรัฐจะถูก "ลดค่า" ลงอย่างน้อย 50%-70% หลังการประกาศใช้เงินใหม่ดังกล่าว ในขั้นตอนนี้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายซาโคซี่ได้เยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการเพื่อพูดคุยกับนายโอบาม่าเพื่อให้ ..."ยอม"... ถอนเงินดอลล่าสหรัฐ ออกจากการเป็น World Reserve Currency หรือเงินสกุลกลางของโลก

    7.ผลของการลดค่าเงินดอลล่าดังกล่าวจะส่งผลให้ ราคาสินค้า เชื้อเพลิง อาหาร และทุกอย่างที่นำเข้าไปในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นอย่างน้อย 1 เท่าตัว หรือมากกว่านั้นซึ่งขึ้นอยู่กับว่าลดค่าเงินลงเท่าไหร่ ( แต่คงไม่ต่ำกว่า 50% )

    8.จะมีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ออกมาจากองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น ในปี 2011 นี้ เพื่อวางโครงสร้างการจัดระเบียบโลกใหม่ หรือ New World Order เพื่อจะให้มีการประกาศจัดตั้ง "อย่างเป็นทางการ" ในปี 2012 นี้

    9.โลกกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร หรือ Food Crisis เนื่องจากภัยพิบัติร้ายแรงที่เกิดขึ้นตามที่ต่างๆ ในหลายๆ มุมโลก ซึ่งกำลังประทุขึ้น รวมทั้งภาวะเงินเฟ้อที่ก่อตัวขึ้นพร้อมๆกันทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลให้ราคาอาหาร แร่ธาตุและพลังงานถีบตัวสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก และจะเริ่มเข้าสู่วิกฤติและเป็นปัญหาของหลายๆ ประเทศทั่วโลก ในเดือนเมษายน 2011 นี้

    และบางประเด็นข้างต้นก็กำลังเป็นหัวข้อข่าวที่ชัดเจนอยู่แล้วในขณะนี้ครับ

    ที่มา
    Jimmy Siri


     
  8. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    เปรียบเทียบราคาทองคำกับปีที่แล้วนะครับ ( ราคารับซื้อบาทละ )


    .........................วันที่16/1/2010......วันที่17/1/2011
    ทองคำแท่ง96.5% ..17,600 ................19,700 .........+ 2,100

    ทองรูปพรรณ96.5% 17,343.04 ............19,419.96 ....+ 2,077.96

     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “หู” ชี้ควรยุติสงครามเย็น “US-จีน” ลั่นหมดยุค “ดอลลาร์” กุมชะตาโลก
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 มกราคม 2554 20:03 น</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน มีกำหนดการจะไปเยือนสหรัฐฯ ในวันพุธ (19) นี้ ซึ่งถือเป็นการเยือนแดนลุงแซมแบบรัฐพิธีครั้งแรกของเขา

    วอลล์สตรีท เจอร์นัล/รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ของจีน ให้สัมภาษณ์สื่อดังแดนลุงแซม รบเร้าให้สหรัฐฯ ร่วมกันยุติความสัมพันธ์แบบสงครามเย็นต่อกันในลักษณะที่มองฝ่ายใดเมื่อได้ประโยชน์ ฝ่ายหนึ่งจะต้องเสียประโยชน์ร่ำไป พร้อมกับเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศกระชับความร่วมมือกันเพิ่มขึ้นในด้านต่างๆ ไล่ตั้งแต่ภาคพลังงาน ไปจึงถึงด้านอวกาศ อย่างไรก็ตาม ในประเด็นอ่อนไหวเรื่องค่าเงิน เขาระบุว่า ระบบเงินตราที่อาศัยสกุลดอลลาร์เป็นตัวกำหนดค่าเงินระหว่างประเทศนั้นเป็นผลิตผลที่ล้าสมัยไปแล้ว และถึงเวลาที่จะผลักดันให้เงินหยวนเป็นทางเลือกใหม่สำหรับเป็นแหล่งสำรองเงินตราระหว่างประเทศ

    ก่อนหน้าที่ผู้นำแดนมังกรจะออกเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ในแบบรัฐพิธีในวันพุธที่จะถึงนี้ (19) ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ซึ่งน้อยครั้งจะตอบคำถามจากสื่อต่างชาติโดยตรง ได้เขียนตอบข้อซักถามต่างๆ ของหนังสือพิมพ์วอลล์สตีท เจอร์นัล และ วอชิงตัน โพสต์ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในฉบับวานนี้ (17) โดย หู กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจเบอร์หนึ่งและสองของโลกเวลานี้ ระบุว่า “เราทั้งคู่ต่างยืนอยู่บนจุดที่จะได้รับผลประโยชน์จากภาวะความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่มีสุขภาพดี และในทางกลับกันเราทั้งคู่จะเสียประโยชน์หากอยู่ในภาวะที่เผชิญหน้ากัน”

    หู กล่าวว่า ประเทศทั้งสองควรละเลิกความคิดแบบยุคสงครามเย็นซึ่งมีลักษณะของ “ซีโร่-ซัม” หรือ การมองว่าหากฝ่ายใดได้ประโยชน์ อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องเสียประโยชน์เสมอ โดยที่สองประเทศควรให้ความเคารพซึ่งกันและกันต่อทางเลือกหรือหนทางในการพัฒนาของอีกฝ่ายหนึ่ง

    หู ยอมรับว่า “มีความแตกต่างและประเด็นอ่อนไหวบางประการระหว่างเรา (2 ประเทศ) ทว่า จุดยืนของผมก็คือการประนีประนอม และหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงประเด็นขัดแย้งที่ฉุดรั้งความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ให้เลวร้ายลงตลอดปีที่ผ่านมา” ซึ่งรวมถึงประเด็นที่เพนตากอนขายอาวุธล็อตใหญ่แก่ไต้หวัน

    หู ยังเรียกร้องที่จะกระชับความร่วมมือต่างๆ กับสหรัฐฯ ให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นทั้งในแนวกว้างและแนวราบ อาทิเช่น การพัฒนาแหล่งพลังงานใหม่ๆ, พลังงานสะอาด, โครงสร้างพื้นฐาน, อุตสาหกรรมการบิน ตลอดจนโครงการด้านอวกาศ

    อย่างไรก็ตาม ในด้านของเศรษฐกิจ หู ไม่เห็นด้วยกับหนึ่งในข้อโต้เถียงที่สหรัฐฯ พยายามยัดเยียดให้ว่า จีนควรปรับขึ้นค่าเงินหยวนด้วยจังหวะฝีก้าวที่รวดเร็วกว่านี้เพื่อที่ว่ามันจะสามารถช่วยให้รัฐบาลปักกิ่งควบคุมอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศที่กำลังพุ่งสูงลิ่วได้ นอกจากนี้หู ยังคัดค้านข้อกล่าวหาจากฝั่งอเมริกาที่ว่า จีนพยายามกระตุ้นภาคการส่งออกของตนด้วยการกดค่าเงินหยวนให้ต่ำกว่าความเป็นจริง

    ผู้นำแดนมังกร ยังวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาถึงมาตรการของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในปีที่ผ่านมา โดยการประกาศรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลขนานใหญ่หมายจะกระตุ้นเศรษฐกิจของตน ทั้งนี้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวถูกจีนตำหนิ ว่า เป็นการหว่านเมล็ดเพาะพันธุ์ภาวะเงินเฟ้อให้แก่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่รวมทั้งจีนเองด้วย สืบเนื่องจากนโยบายที่ว่านี้ทำให้ปริมาณดอลลาร์ล้นตลาดและเกิดกระแสเงินร้อนไหลทะลักเข้าไปเก็งกำไรระยะสั้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ต่างๆ ซ้ำร้ายยังส่งผลให้ค่าเงินของประเทศเหล่านั้นแข็งค่าขึ้นสวนทิศทางกับดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงอีกด้วย โดยประธานาธิบดี หู เตือนว่า นโยบายด้านการเงินของพญาอินทรีส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสภาพคล่องและระบบการไหลเวียนของเงินทุนในตลาดโลก ด้วยเหตุนี้ สภาพคล่องของเงินสกุลดอลลาร์จึงควรอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล และมีเสถียรภาพ

    “ระบบเงินตราระหว่างประเทศที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้คือผลิตผลในอดีตกาล” หู บอก โดยระบุว่า ที่ผ่านมาเงินดอลลาร์คือสกุลเงินหลักที่ใช้เป็นแหล่งสำรองเงินทุนของแต่ละประเทศ รวมถึงใช้เป็นสื่อกลางในการชำระหนี้การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ทว่าโครงสร้างระบบการเงินโลกดังกล่าวควรมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคตามสถานการณ์

    นอกจากนี้ ประธานาธิบดีจีน ยังแสดงความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดของผู้ว่าการแบงก์ชาติแดนมังกร โจว เสี่ยวชวน ซึ่งเคยออกมาเรียกร้องในเดือนมีนาคมปี 2009 ให้มีการจัดตั้งระบบเงินตราสำรองระหว่างประเทศขึ้นมาใหม่อีกสกุลหนึ่ง เพื่อไว้เป็นทางเลือกนอกเหนือจากเงินสกุลดอลลาร์ โดย หู ระบุว่า แนวคิดดังกล่าวเป็นเจตนารมณ์ของจีนที่หมายจะขยับขยายบทบาทของเงินหยวนให้เป็นที่แพร่หลายและยอมรับมากขึ้นในตลาดโลก ด้วยการผลักดันให้เงินหยวนเป็นสื่อกลางในการทำการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หู ยอมรับว่า กระบวนการดังกล่าวยังคงต้องใช้เวลาอีกยาวไกล

    Around the World - Manager Online -
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จีนคุมราคาบ้านได้ผล เดือนธ.ค. 70 เมืองใหญ่ขยายตัวเพียง 0.3%
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 มกราคม 2554 13:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เอเยนซี - สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน รายงานในวันจันทร์ที่ 17 ม.ค.ว่า เดือนธ.ค. ปีที่ผ่านมา ราคาบ้านใน 70 เมืองใหญ่ของจีนขยายตัวเพียง 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งเป็นผลมาจากการประกาศใช้มาตรการควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์ ของรัฐบาลจีน

    สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน รายงานในวันจันทร์ที่ 17 ม.ค.ว่า ในเดือนธ.ค. ราคาบ้านใน 70 เมืองใหญ่ของจีนขยายตัวเพียง 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และขยายตัว 6.4% เมื่อเทียบเป็นรายปีลดลงน้อยกว่าเดือนพ.ย. ที่ ขยายตัวถึง 7.7% ซึ่งเป็นผลมาจากการประกาศใช้มาตรการควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลจีน

    สนง.สถิติฯ รายงานผ่านเว็บไซต์ว่า ยอดขายอสังหาริมทรัพย์เดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.5% จากปีก่อน (ขนาดพื้นที่) แตะที่ระดับ 218.08 ล้านตารางเมตร และยอดขายอสังหาริมทรัพย์เดือนธ.ค. (มูลค่า) เพิ่มขึ้น 21.9% อยู่ที่กว่า 1.02 ล้านล้านหยวน โดยที่ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ตลอดปี 2553 เพิ่มขึ้น 10.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ที่ระดับ 1,040 ล้านตารางเมตร มีมูลค่าการขายอสังหาริมทรัพย์ 5.25 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 18.2%

    ในส่วนของการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 5.57 แสนล้านหยวน โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมฯ ปี 2553 ที่ 4.83 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 33.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี

    รายงานข่าวกล่าวว่า ตลอดปีที่ผ่านมา จีนได้ออกชุดมาตรการอย่างต่อเนื่อง อาทิ ตั้งแต่การกำหนดให้ผู้ซื้อบ้านหลังที่สองต้องวางเงินดาวน์ 50 เปอร์เซนต์ คุมสินเชื่อผู้ซื้อบ้านหลังที่สาม หยุดให้ต่างชาติซื้อห้องชุด และหันไปส่งเสริมการลงทุนในที่ดินเพื่อการสาธารณูปโภค มากกว่าโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป จนถึงการ ออกนโยบาย ‘1 ครัวเรือน 1 บ้าน ’

    China - Manager Online -
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ปธน.จีนเผยผลกระทบจากดอลลาร์ ก่อนเยือนสหรัฐฯไม่กี่วัน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 มกราคม 2554 15:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    แฟ้มภาพ – ภาพถ่ายเมื่อ 11 พ.ย. 2553 ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ (ซ้าย) จับมือกับประธนานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน (ขวา) ระหว่างการพบปะทวิภาคีในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำจี 20 (ภาพเอเอฟพี)

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอเอฟพี - ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ของจีนวิจารณ์นโยบายการเงินของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ (16 ม.ค.) ก่อนการพบปะกับประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ เพียงสองวัน ชี้ “มะกันพิมพ์ดอลลาร์อัดฉีดระบบเศรษฐกิจตนเอง กระทบการส่งออกหลายประเทศ และเงินหยวนยังมีบทบาทน้อยในการค้าระหว่างประเทศ แม้จีนประสบความสำเร็จเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก

    ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ให้สัมภาษณ์ลงหนังสือพิมพ์วอล สตรีท เจอร์นัล และวอชิงตัน โพสต์ ในประเด็นข้อพิพาททางเศรษฐกิจที่กระทบสัมพันธ์สองมหาอำนาจโลก

    หู เผยว่า “ระบบเงินตราโลกผูกติดอยู่กับดอลลาร์มานาน เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ตัดสินใจปั๊มเงินดอลลาร์เข้าไปพยุงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถึง 600,000 ล้านดอลลาร์ ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกฯ สภาพคล่องและการไหลเวียนของเงินทุนในหลายประเทศอย่างกว้างขวาง ดังนั้นสหรัฐฯ ควรรักษาสภาพคล่องดอลลาร์ให้เหมาะสมและมีเสถียรภาพ”

    ขณะเดียวกัน หู เรียกระบบเงินตราแบบเก่าว่า “ผลิตผลในอดีต” พร้อมแนะว่า อย่างไรก็ตามประเทศต่าง ๆ ควรมีดอลลาร์ไว้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศบ้าง ก่อนที่เงินหยวนของจีนจะขึ้นมามีบทบาทแทนที่

    หู เสริมว่า “แม้จีนประสบความสำเร็จเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก แต่เงินหยวนกลับมีบทบาทเล็กน้อยในการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากยังมีข้อจำกัดในการแลกเปลี่ยนเงินหยวนเป็นเงินสกุลอื่น ๆ อยู่มาก”

    อย่างไรก็ตาม เมื่อ ต.ค. 2553 สภาสหรัฐฯ ได้ประชุมไต่สวนค่าเงินหยวนเพื่อออกมาตรการลงโทษจีน ขณะที่จีนตอบโต้ว่า เหตุที่สหรัฐฯไม่ทนต่อการปรับค่าเงินหยวนอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น เป็นยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่ต้องการกีดกันสินค้าจีน

    หู จิ่นเทา จะเยือนสหรัฐฯ ในคืนวันพรุ่งนี้ (อังคาร 18 พ.ย.) ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี โดยประธานาธิบดีโอบามาจะจัดพิธีต้อนรับที่ทำเนียบขาว มีการยิงสลุตจำนวน 21 นัดเพื่อเป็นเกียรติยศแก่ประมุขแห่งรัฐ และพร้อมจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ อย่างไรก็ตามสำหรับพิธียิงสลุต 21 นัด อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บูช เคยลั่นว่าจะสงวนให้สำหรับประเทศประชาธิปไตยเท่านั้น
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ พูดถึงสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ พร้อมเรียกร้องให้จีนปล่อยตัวนักโทษการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล เมื่อ 14 ม.ค. ณ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ (ภาพเอเอฟพี)

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 ม.ค.) นางฮิลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องจีนให้ปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลจีน พร้อมให้จีนพัฒนาการดูแลชนกลุ่มน้อย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่ หู จิ่นเทาไม่ใส่ใจข้อเรียกร้องเหล่านี้ เพราะสหรัฐฯ ก็ละเมิดจีนหลายเรื่อง อาทิ ขายอาวุธทางทหารให้ไต้หวัน ยอมให้ทะไลลามะเดินทางเยือน โจมตีจีนเรื่องเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต แถมแสดงแสนยานุภาพทัพเรือในแปซิฟิกโดยไม่เกรงใจจีน

    หู ยอมรับว่า “ปฏิเสธไม่ได้ว่าระหว่างเรา (จีน-มะกัน) มีเรื่องอ่อนไหวอยู่มาก”

    3 วันก่อนการเยือน หูลั่นว่า ในช่วงที่ผ่านมาแม้จีน-สหรัฐฯ มีเรื่องไม่เข้าใจกัน แต่ไม่ได้กระทบต่อความสัมพันธ์อย่างร้ายแรง และยังมีแนวโน้มของมิตรภาพอยู่มาก “พวกเราต้องรักษาสัมพันธ์ที่ดีเพื่อประโยชน์ร่วมกัน พร้อมหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เราควรจะเคลื่อนไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยหันมาเน้นการแลกเปลี่ยนด้านต่าง ๆ เชื่อใจกันมากขึ้น แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง จัดการเรื่องอ่อนไหวอย่างเหมาะสม และสนับสนุนความร่วมมือในระยะยาว”

    ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ โรเบิร์ต เกตส์พบปะกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา (11 ม.ค.) ที่มหาศาลาประชาคม กรุงปักกิ่ง ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของการซ่อมแซมสัมพันธภาพทางทหารระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ที่ชะงักงันมาปีกว่า หลังจากที่จีนประกาศแขวนความสัมพันธ์ทางทหารโต้ตอบกรณีที่สหรัฐฯรับรองการซื้อขายอาวุธแก่ไต้หวัน

    China - Manager Online - <!-- google_ad_section_end -->
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    Subliminal Messages.......7 of


    ถ้าผมจะบอกว่าภาพของการทำนายเหตุการณ์ช๊อคโลกโดยการก่อการร้ายและการระเบิดครั้งสำคัญๆ ทั้งหมด 5 ครั้ง ของสหรัฐถูกซ่อนเป็น SM ไว้ในกระเป๋าสตางค์ของคุณเอง คุณจะเชื่อไม๊ครับ???


    ในปี 1994 ธนบัตรชนิด 20 ดอลล่ารุ่นใหม่ ได้ถูกออกแบบพิมพ์และแพร่กระจายสู่มือประชาชนคนอเมริกัน และหลังจากนั้น 7 ปี ก็เกิดเหตุการณ์ช๊อคโลก คือเหตุการก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ของโลก ซึ่งก็คือเหตุการณ์ 911 ในปี 2001 นั่นเองครับ


    หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นได้ไม่นาน ก็มีการค้นพบภาพบางอย่างที่ดูคล้ายกับ Aftermath หรือภาพเหตุการณ์หลังการชนของเครื่องบินเข้าที่ตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ ตีพิมพ์อยู่บนธนบัตรชนิดนี้อย่างไม่ผิดเพี้ยน โดยการนำธนบัตรชนิด $20 มาพับให้เป็น "ปิระมิด" แล้วคว่ำหัวของรูปดังกล่าวลง

    ***โปรดสังเกตุและเปรียบเทียบกลุ่มควันที่อยู่บนยอดตึกของทั้งสองภาพ จะอยู่ในจุดเดียวกันครับ***



    [​IMG][​IMG]






    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/dPtn-glZfc4?fs=1&hl=en_US&rel=0&color1=0x5d1719&color2=0xcd311b width=480 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>

    ไม่เพียงเท่านั้น หากเรานำธนบัตรใบเดียวกันนี้กลับหลังเพื่อดูอีกด้านหนึ่ง เราจะได้เห็นภาพบางอย่างที่ดูคล้ายกับ Aftermath หรือภาพเหตุการณ์หลังการชนของเครื่องบินเข้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือ เพนตากอน อยู่บนธนบัตรชนิดนี้อย่างไม่ผิดเพี้ยนอีกเช่นกัน

    ***โปรดสังเกตุและเปรียบเทียบตำแหน่งของกลุ่มควัน และบริเวณหน้าต่างด้านข้างของทั้งสองภาพ จะอยู่ในจุดเดียวกันครับ***




    [​IMG]
    [​IMG]



    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/Co4wPKeuQUY?fs=1&hl=en_US&rel=0&color1=0x5d1719&color2=0xcd311b width=480 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>



    คำถามคือทั้งสองเหตุการณ์นี้เป็นความบังเอิญหรือไม่??? หรือ "Subliminal Messages" ในธนบัตรนี้ได้ถูกซ่อนไว้เมื่อนานมาแล้ว??? ยังจำได้ไม๊ครับว่าธนบัตรชนิด $20 นี้เป็นธนบัตรรุ่นใหม่ที่จัดพิมพ์ขึ้นในปี 1994


    ทีนี้เราลองมาดูความต่างระหว่างธนบัตรรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ โดย 2 ใบด้านบนจะเป็นธนบัตรรุ่นใหม่ที่มองจากด้านหน้าและด้านหลัง และ 2 ใบที่อยู่ด้านล่างจะเป็นธนบัตรรุ่นเก่าที่มองจากด้านหน้าและด้านหลังเช่นกันครับ




    [​IMG]



    เมื่อเราเอาธนบัตรชนิด 20 ดอลล่ารุ่นเก่า มาทำในลักษณะเดียวกันคือพับให้เป็นรูป "ปิระมิด" แล้วคว่ำหัวลง เราจะได้เห็นภาพบางอย่างที่ดูคล้ายกับ Aftermath หรือภาพเหตุการณ์หลังการก่อวินาศกรรมวางเบิดตึกที่ทำการเอฟบีไอ หรือ Federal Building ณ เมืองโอคลาโฮม่าซิตี้ รัฐโอคลาโฮม่า เมื่อวันที่ 19 เมษายน 1995 เวลา 9.02 น.(มีการประทับลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐานคือ 9+2=11) จึงมีการเรียกชื่อเหตุการณ์นี้ว่า "OKBomb" เพราะการก่อวินาศกรรมครั้งร้ายแรงกับที่ทำการรัฐบาลนี้เกิดขึ้นที่รัฐโอคลาโฮม่านั่นเองครับ



    [​IMG]
    [​IMG]




    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/VMrYeMTXifc?fs=1&hl=en_US&rel=0&color1=0x5d1719&color2=0xcd311b width=480 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>



    ทีนี้เราลองมาเปรียบเทียบภาพทั้ง 2 ภาพนี้ในรายละเอียดอีกครั้งครับ โดยให้สังเกตุวงสีแดงที่ด้านซ้าย เราจะเห็นส่วนของ "หน้าต่าง" ของตึกที่เหลืออยู่หลังจากการระเบิด ซึ่งก็ดูคล้ายกันมันมากครับ และที่วงสีเหลืองด้านขวา ก็คือซากของตึกที่เหลือจากการระเบิดซึ่งก็ดูคล้ายกันอีกเช่นกันครับ




    [​IMG]
    [​IMG]



    และทั้งหมดนี้จะเป็นความบังเอิญหรือไม่ ขอให้ทุกท่านเป็นผู้ตัดสินครับ และผมยังมีอีก 2 เหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ในลักษณะของ SM แบบนี้ ที่ปรากฏอยู่ในธนบัตรอีก 2 ใบ ที่ "ยังไม่เกิดขึ้น" ครับ และเหตุการณ์นั้นก็ไปตรงกับคำพยากรณ์ต่างๆ จากผู้พยากรณ์หลายๆคน ถึงเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตกับประเทศนี้ ซึ่งความรุนแรงและความเสียหายจะหนักหนาสาหัสกว่าเหตุการ 911 และ OKBomb อย่างมากมายมหาศาล และจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ไปอย่างสิ้นเชิงครับ ไม่เท่านั้น หนึ่งในสองเหตุการณ์ในอนาคตนั้นยังเป็นไปปรากฏอยู่ในไพ่ 2 ใบในเกมส์ไพ่อิลลูมินาติอีกต่างหาก ก็ยิ่งทำให้ความชัดเจนมากขึ้นไปอีก ในโพสต์ต่อไปครับ...



    โพสต์โดย What's going on in America
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

    Subliminal Messages 13 of 14....... " เขื่อนแตก "


    ***หากท่านที่เข้ามาเริ่มอ่านเรื่องนี้เป็นโพสต์แรก คงจะต้องย้อนกลับไปดูที่นี่ก่อนเพื่อความต่อเนื่องครับ

    Subliminal Messages 7 of 14....... 5 U.S. Mojor Bombing

    ในโพสต์นี้เรามาดูการเปิดเผย "คำพยากรณ์" โดยนายโจนาธาน เคล็ก ถึงหายนะหรือภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐ ซึ่งดูเหมือนกับว่าจะมีการซ่อน "Subliminal Messages" หรือ SM ไว้อีก 2 จุดบนบัตรดอลล่าในส่วนที่เหลือ และภาพเหตุการณ์เหล่านั้นก็ปรากฏอย่างชัดเจนอยู่บนธนบัตรดอลล่าชนิด $10 และ $50 อย่างน่าประหลาดใจครับ ซึ่งก็คือ


    1.เขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ "ขนาดใหญ่" ที่กั้นขวางทะเลสาบจะแตกหรือพังลง แล้วจะกลายเป็นกำแพงน้ำขนาดยักษ์ท่วม ทำลายเมืองใหญ่น้อยของสหรัฐ "ด้วยการลอบวางระเบิด"


    2."ซุปเปอร์ซึนามิ" หรือ "Tidal Wave" ที่มีความสูงเท่ากับตึกหลายชั้นจะพัดถล่มเมืองชายฝั่งของสหรัฐ อันเนื่องมากจากการก่อวินาศกรรมโดยการจุดระเบิดนิวเคลียร์ใต้มหาสมุทร


    โดยในเหตุการณ์แรก ซึ่งปรากฏอยู่ในธนบัตรชนิด $50 ที่มีการใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยธนบัตรรุ่นนี้มีการออกแบบและพิมพ์ออกมาใช้ในปี 2004 หรือเมื่อ 6 ปีมาแล้ว ซึ่งก็คือใบนี้ครับ


    [​IMG]


    และถ้าเราทำในแบบเดียวกันคือนำธนบัตรใบนี้มาพับเป็นแบบสามเหลี่ยม "ปิระมิด" แล้วคว่ำหัวลง ภาพที่เราจะได้เห็นก็คือภาพเขื่อนที่ไม่มีกำแพงหรือ "ผนัง" กั้นน้ำและกำลังมีน้ำไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง


    [​IMG]


    ซึ่งก็อาจจะดูไม่น่าแปลกอะไรใช่ไม๊ครับ ฉะนั้นผมจะผมจะนำธนบัตรชนิด $50 "รุ่นเก่า" มาพับในลักษณะเดียวกันคือเป็นรูปสามเหลี่ยม "ปิระมิด" แล้วคว่ำหัวลง ภาพที่เราจะได้คือ ภาพของเขื่อนเดียวกันครับ แต่มี "ผนัง" กันน้ำอยู่


    [​IMG]


    ทีนี้เรามานำภาพทั้ง 2 มาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนขึ้นครับ


    [​IMG]


    ลูกศรด้านบนแสดงให้เห็นถึงกำแพงหรือผนังกั้นน้ำ "ที่หายไป" นั่นเองครับ คำถามคือทำไมและอะไรที่ทำให้ผนังกั้นน้ำหายไปในธนบัตรรุ่นใหม่ ซึ่งออกเผยแพร่ในปี 2004 ???


    ลองกลับมาดูที่ภาพของธนบัตรทั้งสองใบอีกครั้งครับ ลองดูที่ "สีพื้น" ของธนบัตรรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปที่ด้านขวา หรือนั่นจะเป็นท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงและเต็มไปเศษชิ้นส่วนต่างๆที่เกิดจาก "กลุ่มควัน" จาก "การระเบิด" ผนังเขื่อนกั้นน้ำในครั้งนี้


    แล้วเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่...ถ้าเราลองกลับไปดูเหตุการณ์ 911 ก็มีการเปลี่ยนแบบธนบัตรชนิด $20 ในลักษณะเดียวกัน คือธนบัตรชนิด $20 รุ่นใหม่ที่มีภาพของเหตุการณ์ถล่มตึกเวิลด์เทรดนั้นออกมาในปี 1994 และหลังจากนั้นอีก "7 ปี" เหตุการณ์ 911 ก็อุบัติขึ้นในปี 2001


    ถ้าผมลองเอา "7 ปี" บวกเข้าไปจากปี 2004 เราก็จะได้ปี "2011" ที่จะถึงนี่เองครับ และทั้งหมดก็เป็นคำพยากรณ์โดยนายโจนาธาน เคล็ก ซึ่งเค้ายังพยากรณ์ในเหตุการณ์นี้เพิ่มอีกว่า


    "And behold the great wall which holds back the abundance of the rivers, shall burst forth bringing the hand of the oppressor against you, for I have seen it. For mighty is the enemy which has risen within your own borders. "



    "เวลา" เท่านั้นจะเป็นผู้ตอบคำถามของเราครับ




    มัทธิว 24 : ความทุกข์เวทนาใหญ่ยิ่ง (มก 13:14-23)

    24:16 "เวลานั้นให้ผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภูเขาทั้งหลาย
    24:16 Then let them which be in Judaea flee into the mountains:

    24:17 ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาบ้าน อย่าให้ลงมาเก็บข้าวของใดๆออกจากบ้านของตน
    24:17 Let him which is on the housetop not come down to take any thing out of his house:

    24:18 ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่าให้กลับไปเอาเสื้อผ้าของตน
    24:18 Neither let him which is in the field return back to take his clothes.

    24:19 แต่ในวันเหล่านั้น วิบัติจะเกิดขึ้นแก่หญิงที่มีครรภ์ หรือหญิงที่มีลูกอ่อนกินนมอยู่
    24:19 And woe unto them that are with child, and to them that give suck in those days!

    24:20 จงอธิษฐานขอเพื่อการที่ท่านต้องหนีนั้นจะไม่ตกในฤดูหนาวหรือในวันสะบาโต
    24:20 But pray ye that your flight be not in the winter, neither on the sabbath day:

    24:21 ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง อย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มโลกมาจนถึงเวลานี้ และจะไม่มีต่อไปอีกเลย
    24:21 For then shall be great tribulation, such as was not since the beginning of the world to this time, no, nor ever shall be.

    24:22 และถ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีเนื้อหนังใดๆรอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้ที่เลือกสรรไว้ จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า
    24:22 And except those days should be shortened, there should no flesh be saved: but for the elect's sake those days shall be shortened.

    โพสต์โดย What's going on in America
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2011
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

    Subliminal Messages 14 of 14....... " ซุปเปอร์ซึนามิ "

    และแล้วเราก็มาถึงโพสต์สุดท้ายของเรื่อง "Subliminal Messages" ครับ ในตอนนี้เราลองจะมาดู "คำพยากรณ์" ภัยพิบัติครั้งร้ายแรงอีกครั้งหนึ่ง โดยนายโจนาธาน เคล็ก (Jonathan Kleck) ซึ่งถ้าเกิดขึ้นแล้ว น่าจะถูกบันทึกว่าเป็นภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุดอีกครั้งของมนุษยชาติก็ว่า ได้ครับ

    ถ้า เป็นการเขียนคำพยากรณ์โดยทั่วไปซึ่ง ที่ไหนก็มีให้อ่านก็ไม่น่าจะแปลกใจอะไรครับ แต่บังเอิญคำพยากรณ์ต่อไปนี้ไปตรงกับไพ่อีก 2 ใบในเกมส์ไพ่อิลลูมินาติ ที่เราก็พอจะทราบถึงความแม่นยำในอดีตที่ผ่านมาได้ดี โดยเฉพาะเหตุการณ์การก่อการร้าย "สะท้านโลก" ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นและแสดงให้เราได้เห็นไปแล้วครับ

    หรือ ก็คือ "ไพ่ Tidal Wave และไพ่ Atomic Monster" ซึ่งระบุสถานที่การโจมตีไว้ในไพ่ คือรัฐใหญ่ชายฝั่งด้านตะวันตกของสหรัฐคือแคลิฟอเนีย "หรือ" เกาะญี่ปุ่น ในลักษณะ "จมหายไปในน้ำ" ครับ ซึ่งภาพเหตุการณ์เหล่านี้เราคงเคยผ่านตามาบ้างจากหนังฮอลลีวูดหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะ "2012"

    [​IMG] [​IMG]






















    [FONT=&quot]โดยมีข้อความระบุไว้ใต้ภาพดังนี้ [/FONT]​


    [FONT=&quot]"Disaster! This is an Instant Attack to Destroy any Coastal Place. It does not require an action. Its Power is 16 against a Huge Place, 20 against any other Place, but 24 against Japan or California. If the attack succeeds, the Target is Devastated. If it succeeds by more than 6, the target is destroyed. Or play at any time to give +10 to any attack to destroy the Robot Sea Monsters or the Nuclear Power Companies" [/FONT]



    [​IMG]



    [FONT=&quot]"Behold the hand of the oppressor has been lifted against you. Out of the sea shall come fire and smoke and a devouring wind [nuclear explosion]. Waters high as the walls of JERUSALEM, shall cover the city by the sea and great shall be the destruction of that city."[/FONT]

    [FONT=&quot][FONT=&quot]ถ้า ท่านมีธนบัตรชนิด $10 สหรัฐรุ่นปัจจุบัน(ตามภาพ)ซึ่งถูกออกแบบและพิมพ์ขึ้นในปี คศ.2006 ลองพับให้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม "ปิระมิด" แล้วคว่ำหัวธนบัตรที่พับได้ลง ท่านจะเห็นรูปต่อไปนี้ครับ[/FONT][/FONT]




    [​IMG]



    วงกลม ที่ลูกศรชี้ก็คือกลุ่มควันรูปเห็ด หรือ "Mushroom Cloud" ที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีของ "ระเบิดนิวเคลียร์" เมื่อสัมผัสกับอากาศ ซึ่ง "ระเบิดนิวเคลียร์" จะถูกจุดขึ้นจากใต้มหาสมุทรนอกชายฝั่งด้านหนึ่ง ทำให้นี้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงและเกิดเป็น "ซุปเปอร์ซึนามิ" ที่มีความสูงไม่ต่ำกว่าตึก 8 ชั้น พัดเข้าสู่เมืองท่าชายฝั่งของ กรุง "JerUSAlem"



    [​IMG]


    ลูกศรสีแดงชี้ให้เห็นคลื่น "ซุปเปอร์ซึนามิ" ที่มีความรุนแรงและสูงมากพอที่จะท่วมหลังคาตึกสูงขนาดนี้ได้



    [​IMG]




    [FONT=&quot]และอีกภาพต่อไปนี้จะแสดงให้เห็นบริเวณส่วนฐานล่างของตึกที่จมอยู่ใต้น้ำและทำให้เห็นเงาสะท้อนของตัวตึกได้อย่างชัดเจน[/FONT]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]





    [FONT=&quot]และ ภาพทั้งหมดนี้จะเป็นภาพ "Aftermath" หรือภาพหลังเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นจริงอย่างชัดเจน ดังที่เกิดขึ้นแล้วกับเหตุการณ์ 911 และตึกที่ทำการ FBI หรือไม่ ผมคงไม่มีคำตอบให้ครับ เพราะทั้งหมดคงเป็นเรื่องของอนาคตที่ "อาจจะ" เกิดขึ้นกับประเทศแห่งนี้หรือสถานที่ที่กล่าวถึง หรือพวกเค้าได้ "บอกใบ้" ให้แล้วก็ไม่ทราบได้ เช่นเคยครับคงต้องให้ "เวลา" เป็นผู้ตอบคำถามเหล่านี้ และธนบัตรชนิด $10 รุ่นใหม่นี้ได้จัดพิมพ์ขึ้นในปี 2006 ที่ผ่านมาครับ.....[/FONT]



    จากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงเจมส์
    มัทธิว 24 : ความทุกข์เวทนาใหญ่ยิ่ง (มก 13:14-23)



    24:16 "เวลานั้นให้ผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภูเขาทั้งหลาย
    24:16 Then let them which be in Judaea flee into the mountains:



    24:17 ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาบ้าน อย่าให้ลงมาเก็บข้าวของใดๆออกจากบ้านของตน
    24:17 Let him which is on the housetop not come down to take any thing out of his house:



    24:18 ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่าให้กลับไปเอาเสื้อผ้าของตน
    24:18 Neither let him which is in the field return back to take his clothes.



    24:19 แต่ในวันเหล่านั้น วิบัติจะเกิดขึ้นแก่หญิงที่มีครรภ์ หรือหญิงที่มีลูกอ่อนกินนมอยู่
    24:19 And woe unto them that are with child, and to them that give suck in those days!



    24:20 จงอธิษฐานขอเพื่อการที่ท่านต้องหนีนั้นจะไม่ตกในฤดูหนาวหรือในวันสะบาโต
    24:20 But pray ye that your flight be not in the winter, neither on the sabbath day:



    24:21 ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง อย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มโลกมาจนถึงเวลานี้ และจะไม่มีต่อไปอีกเลย
    24:21 For then shall be great tribulation, such as was not since the beginning of the world to this time, no, nor ever shall be.



    24:22 และถ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีเนื้อหนังใดๆรอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้ที่เลือกสรรไว้ จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า
    24:22 And except those days should be shortened, there should no flesh be saved: but for the elect's sake those days shall be shortened.

    โพสต์โดย What's going on in Americ<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชิลีอพยพผู้คน-นักท่องเที่ยวหลายพันหนีจลาจลประท้วงขึ้นราคาก๊าซ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>18 มกราคม 2554 04:01 น</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ชิลีตกอยู่ท่ามกลางความโกลาหลจากการประท้วงต่อเนื่องมาแล้ว 6 วัน หลังจากรัฐบาลแถลงขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติอีกร้อยละ 17

    เอเอฟพี - ตำรวจและทหารถูกส่งเข้าช่วยอพยพประชาชนกับชาวต่างชาติราว 3,000 คน ที่ติดค้างอยู่ทางใต้ของชิลี สืบเนื่องจากการประท้วงรุนแรงคัดค้านการขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติ

    ในแคว้นมากายาเนส โดยเฉพาะในปุนตา อาเรนัส เมืองหลวงของแคว้น ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงซันติอาโก ไปทางใต้ราว 3,000 กิโลเมตร ตกอยู่ท่ามกลางความโกลาหลจากการประท้วงต่อเนื่องมาแล้ว 6 วัน หลังจากรัฐบาลแถลงขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติอีกร้อยละ 17

    เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าทหารบก ทหารเรือและทหารอากาศ ถูกส่งเข้าไปอารักขานักท่องเที่ยวที่ติดค้างซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอาร์เจนตินา ขณะที่ ลอเรนซ์ โกลบอร์น รัฐมนตรีเหมืองแร่ชิลี ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของประชาชนจากภารกิจก้องโลกช่วยเหลือคนงานเหมืองที่ติดอยู่ใต้ดิน เมื่อวันจันทร์(17) ก็ถูกส่งเข้าไปเจรจากับผู้นำท้องถิ่น ในความพยายามยับยั้งการประท้วงรุนแรงดังกล่าว หลังจากผู้ชุมนุมได้ปิดกั้นถนนหลวงสายหลักทุกเส้นที่มุ่งหน้าสู่แคว้นแห่งนี้ เช่นเดียวกันสนามบินและท่าเรือต่างๆ

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์(16) ประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงเพื่อเปิดทางให้รัฐบาลใช้กำลังทหารเข้าดูแลความสงบเรียบร้อยและเพิ่มบทลงโทษผู้ชุมนุมเป็น 3 เท่า ในความพยายามปราบปรามเหตุวุ่นวายนี้

    ทั้งนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 รายในปุนตา อาเรนัส ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ประท้วงไป 34 คน
    Around the World - Manager Online -
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    'อัลกออิดะห์'ฝึกอบรมนักรบญิฮัดที่เป็น'ฝรั่งผิวขาว'
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด และ ตอฮีร์ อาลี</TD><TD class=date vAlign=center align=left>14 มกราคม 2554 23:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์Asia Times Online :: Asian news hub providing the latest news and analysis from Asia)

    Al-Qaeda to unleash Western jihadis
    By Syed Saleem Shahzad and Tahir Ali
    14/01/2011

    แหล่งข่าวหลายรายบอกกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ว่า นักรบมุสลิมที่เป็นฝรั่งผิวขาว (Caucasian) ชาวแคนาดาจำนวน 12 คน กำลังได้รับการฝึกอบรมเพื่อเป็นนักรบญิฮัด อยู่ตามค่ายของอัลกออิดะห์ในเขตนอร์ทวาซิริสถาน (North Waziristan) ของปากีสถาน เพื่อเตรียมตัวสำหรับการกลับไปทำการโจมตีก่อการร้ายในประะเทศบ้านเกิดของพวกเขาเอง โดยที่ก่อนหน้านั้นพวกเขาได้เคยเดินทางไปพำนักในอัฟกานิสถานมาแล้ว เพื่อรับการฝึกฝนสอนสั่งในระดับพื้นฐาน ชาวแคนาดาเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของกองทัพชาวผิวขาวของอัลกออิดะห์ซึ่งกำลังขยายเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ โดยพวกเขามีภารกิจนำเอาไฟสงครามของสมรภูมิแห่งเอเชียใต้ เข้าไปกระจายลุกลามแผ่กว้างในโลกตะวันตก

    อิสลามาบัด - สงครามในอัฟกานิสถานกำลังเดินหน้าย่างเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว ชนิดท้าทายฝ่ายอเมริกันที่เพียรพยายามอย่างหนักในการส่งอากาศยานไร้พลขับเข้ากระหน่ำโจมตีบริเวณพื้นที่ริมชายแดนของชาวชนเผ่าในปากีสถาน ในสภาพการณ์เช่นนี้เอง ทางฝ่ายอัลกออิดะห์ก็กำลังตรวจตราดูแลความเรียบร้อยขั้นสุดท้ายในแผนการของพวกตน ซึ่งมีการระดมจัดหา และฝึกอบรมฝรั่งผิวขาวชาวตะวันตก แล้วส่งกลับไปเริ่มการปฏิบัติการในประเทศของพวกเขาเอง จุดมุ่งหมายก็คือเพื่อกระจายเปลวเพลิงร้อนแรงของสมรภูมิสงครามแห่งเอเชียใต้ให้ลุกลามแผ่กว้างไปในโลกตะวันตก

    อัลกออิดะห์เริ่มวางแผนการปฏิบัติการดังกล่าวนี้มาตั้งแต่ปี 2002 ภายหลังการล่มสลายในปลายปี 2001 ของระบอบปกครองตอลิบานในอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นดินแดนที่กลุ่มอัลกออิดะห์ได้อาศัยใช้เป็นที่พำนักหลบภัย อัลกออิดะห์ได้กลับมารวมกลุ่มกันใหม่ในพื้นที่ชาวชนเผ่าเขตเซาท์วาซิริสถาน (South Waziristan) ของปากีสถาน ซึ่งประชิดติดต่อกับอัฟกานิสถาน และใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นฐานสำหรับการพัฒนาโครงสร้างสื่อโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อใช้ระดมหาสมัครพรรคพวกใหม่ๆ จากโลกตะวันตก (ดูเรื่อง The legacy of Nek Mohammed, Asia Times Online, July 20, 2004.)

    ปัจจุบันนี้ หลังจากเวลาผ่านพ้นไป 8 ปี ภาพที่กำลังปรากฏให้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ ความล้มเหลวของวงการข่าวกรองฝ่ายตะวันตกในการประเมินให้ทราบชัดเจนถึงจังหวะชีพจรอันแท้จริงของสังคมของพวกเขาเอง และการไร้ความสามารถของกองกำลังสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organization หรือ NATO) ในการขัดขวางป้องกันไม่ให้อัฟกานิสถานกลายสภาพเป็นศูนย์รวมประสาทส่วนกลางแห่งการปฏิบัติการก่อการร้ายของอัลกออิดะห์อีกคำรบหนึ่ง

    **ชาวแคนาดามุ่งหน้าสู่นอร์ทวาซิลิสถาน**

    แหล่งข่าวฝ่ายตอลิบานซึ่งอยู่ในฐานะที่ควรต้องทราบเรื่องดีหลายๆ ราย บอกกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ว่า เวลานี้มีพวกนักรบมุสลิมชาวแคนาดากลุ่มหนึ่งกำลังเข้ารับการฝึกอบรมการเป็นนักรบญิฮัด อยู่ตามค่ายของอัลกออิดะห์ในเขตนอร์ทวาซิลิสถาน (North Waziristan) เพื่อที่จะไปเปิดการโจมตีก่อการร้ายในแคนาดา ทั้งนี้ แคนาดาเป็นหนึ่งในชาติซึ่งส่งกองทหารเข้าไปร่วมอยู่ใน กองกำลังช่วยเหลือการรักษาความมั่นคงระหว่างประเทศ (International Security Assistance Force หรือ ISAF กองกำลังนานาชาติที่นำโดยองค์การนาโต้) ในอัฟกานิสถาน

    อาริฟ วาซีร์ (Arif Wazir) นักรบมุสลิมผู้หนึ่งที่เป็นคนท้องถิ่นตำบลดาร์ปาเคล (Darpakhel) ของเขตนอร์ทวาซิลิสถาน บอกกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ว่า “ในขั้นแรกของการเดินทางของพวกเขา ชาวแคนาดาเหล่านี้เข้าไปในอัฟกานิสถานในเดือนกุมภาพันธ์ 2010 พวกเขามีทั้งหมด 12 คนด้วยกัน หลังจากเวลาผ่านไปอีก 9 เดือน พวกผู้นำอัลกออิดะห์ก็ตัดสินใจให้ส่งตัวคนเหล่านี้ไปยังนอร์ทวาซิลิสถาน แล้วพวกเขาก็มาถึงดาร์ปาเคลในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

    “ในอัฟกานิสถาน พวกเขาได้รับการฝึกอบรมเบื้องต้นเกี่ยวกับการเป็นนักรบญิฮัด ขณะที่ในเวลานี้พวกเขากำลังวุ่นอยู่กับการเข้ารับการฝึกฝนในหลักสูตรพิเศษบางหลักสูตร เรื่องสำคัญๆ ในการเรียนรู้ของพวกเขาก็คือ วิธีใช้อาวุธที่สลับซับซ้อนชนิดต่างๆ, และวิธีที่จะติดต่อกับพวกเครือข่ายลักลอบขนของเถื่อนระดับท้องถิ่นในอเมริกาเหนือ พวกเขายังกำลังเรียนรู้ถึงวิธีในการใช้พวกวัสดุธรรมดาสามัญ อย่างเช่น น้ำตาล และสารเคมีพื้นๆ ต่างๆ เพื่อนำมาทำเป็นวัตถุระเบิดอานุภาพรุนแรง จากนั้นนักรบมุสลิมเหล่านี้ก็จะเดินทางกลับประเทศของพวกเขา เพื่อปฏิบัติตามแผนการของอัลกออิดะห์ซึ่งเล็งเป้าหมายไปที่พวกเมืองใหญ่ๆ ในแคนาดา” นักรบมุสลิมชาวท้องถิ่นผู้นี้บอก

    ตามข้อมูลที่เอเชียไทมส์ออนไลน์ได้รับมา ชาวแคนาดาเหล่านี้เข้าร่วมอยู่ในองค์กรนักรบมุสลิมชาวอียิปต์ที่ใช้ชื่อว่า ญิฮัด อัล-อิสลามี (Jihad al-Islami หรือ JAI) จากนั้นองค์กรนี้ก็ช่วยเหลือพวกเขาจนกระทั่งไปถึงอัฟกานิสถาน หัวหน้าของชาวแคนาดากลุ่มนี้ใช้นามแฝงว่า อาบู ชาฮิด (Abu Shahid) เขาอยู่ในวัย 30 ปี ไว้เคราสีทอง เข้ารีตเปลี่ยนศาสนามานับถืออิสลามในปี 2007 เขาเข้าร่วมอยู่ในองค์กร JAI โดยทำหน้าที่จัดหารวมรวมเงินทุน ชาฮิดเป็นผู้รับผิดชอบกิจกรรมทุกๆ อย่างของชาวแคนาดากลุ่มนี้ในนอร์ทวาซิลิสถาน จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวตอลิบานหลายๆ ราย บุคคลทั้ง 12 คนนี้จะยังอยู่ในพื้นที่ชาวชนเผ่าของปากีสถานที่ประชิดติดพรมแดนอัฟกานิสถานเช่นนี้ไปอีกระยะหนึ่ง กระทั่งเป็นที่มั่นใจกันว่าพวกเขาได้รับการฝึกอบรมจนเพียงพอที่จะดำเนินกิจกรรมก่อการร้ายได้อย่างประสบความสำเร็จในแคนาดา ชาฮิดดูเหมือนจะมีความมั่นอกมั่นใจว่าเขาสามารถที่จะระดมหาชาวแคนาดาเข้ามาเป็นสมัครพรรคพวกได้เพิ่มมากขึ้นอีก

    แหล่งข่าวหลายรายเหล่านี้ยังให้ชื่อของชาวแคนาดาที่กำลังเข้ารับการฝึกอบรมบางคน ชื่อเหล่านี้ไม่สามารถที่จะหาแหล่งข่าวอิสระอื่นๆ มาตรวจสอบยืนยันความถูกต้องได้ โดยเท่าที่ได้รับแจ้งมานั้นประกอบด้วย จีม เพาล์ ใช้ชื่อท้องถิ่นว่า ซอดิก อัลเลาะห์ (Jeam Paull - Sadiq Ullah), เลอมาน ลังลัวส์ ชื่อท้องถิ่นว่า ซอนา อุลเลาะห์ (Leman Langlois - Sana Ullah), เจมส์ ริชาร์ด ชื่อท้องถิ่น อับดุร์ เรห์มาน (James Richard - Abdur Rehman), ออตโต พอล ชื่อท้องถิ่น อาบู อุสมาน (Otto Paul - Abu Usman), ธอมัส ชื่อท้องถิ่น อับดุลเลาะห์ (Thomas – Abdullah), และ พอล กอล ชื่อท้องถิ่น ฮาฟิซ อุลเลาะห์ (Paul Gall - Hafiz Ullah))

    ในนอร์ทวาซิลิสถาน ซึ่งน่าที่จะเป็นพื้นที่ไร้ขื่อแปไร้กฎหมายที่สุดของปากีสถาน ยังมีนักรบมุสลิมที่เป็นคนสัญชาติอื่นๆ อีกจำนวนมาก ที่กำลังเข้ารับการฝึกอบรมอยู่เช่นเดียวกัน โดยนอกเหนือจากนักรบมุสลิมที่เป็นชาวอาหรับและที่มาจากเอเชียกลางแล้ว ยังสามารถพบนักรบญิฮัดซี่งมาจากสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, และเยอรมนีอีกด้วย

    เมื่อเดือนตุลาคม 2010 มีชาวต่างชาติ 8 คนถูกสังหารตอนที่อากาศยานไร้พลขับของสหรัฐฯทำการโจมตีบริเวณแถบนี้ คนเหล่านี้ได้แก่ บรุสลี ใช้ชื่อท้องถิ่นว่า ฟายัซ (Brusly – Fayaz), กาการิน กิลล์ ชื่อท้องถิ่น ซิรัจ (Gagarin Gill – Siraj), สมิธ ชื่อท้องถิ่น จามัล (Smith – Jamal), แอนเดอร์สัน ชื่อท้องถิ่น วากัส (Anderson - Waqas), ปีเตอร์สัน ชื่อท้องถิ่น ชาฮีน (Peterson – Shaheen), วอลช์ ชื่อท้องถิ่น มุสตอฟา (Walsh – Mustafa), จอห์นสัน ชื่อท้องถิ่น วิซอล (Johnson – Wisal), และ ปีเตอร์สัน แมคเคนซี ชื่อท้องถิ่น อุสมาน (Peterson McKenzie – Usman) ก่อนหน้าเหตุการณ์โจมตีเดือนตุลาคมดังกล่าว เมื่อเดือนกันยายน 2010 นักรบมุสลิมอาวุโสชาวเยอรมันที่ใช้ชื่อว่า อับดุล กัฟฟาร์ (Abdul Ghaffar) ก็เสียชีวิตจากการถูกอากาศยานไร้พลขับโจมตีเช่นกัน

    วันที่ 15 ธันวาคม 2010 จรวดที่ยิงจากอากาศยานไร้พลขับก็สังหารบุคคลสัญชาติอังกฤษไป 2 คนที่ตำบลดาร์ปาเคล พวกเขาถูกระบุชื่อว่า คือ สตีเฟน (Stephen) ผู้มีอายุ 48 ปี และ ดาร์รี สมิธ (Darry Smith) อายุ 25 ปี สตีเฟน (ใช้ชื่อท้องถิ่นว่า อาบู บัคคาร์ Abu Bakkar) ภายหลังเปลี่ยนศาสนามานับถืออิสลามแล้ว ได้เดินทางสู่อัฟกานิสถานในปี 2009 และเข้าร่วมกับอัลกออิดะห์ เขามีผู้ติดตามคือ สมิธ (ใช้ชื่อท้องถิ่นว่า มันซูร์ อาเหม็ด Mansoor Ahmed) ซึ่งก็ถูกฆ่าตายในคราวเดียวกันกับตัวเขา

    ก่อนหน้านั้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ยังมีนักรบมุสลิมอาวุโสชาวอังกฤษอีกผู้หนึ่งซึ่งใช้นามว่า อับดุล จับบาร์ (Abdul Jabbar) ได้ถูกสังหารจากการโจมตีของอากาศยานไร้พลขับในเขตนอร์ทวาซิลิสถาน เขากำลังอยู่ระหว่างการวางแผนจัดตั้งกลุ่มตอลิบานในอังกฤษขึ้นมา เพื่อปฏิบัติการโจมตียุโรป

    ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด เป็นหัวหน้าโต๊ะปากีสถานของเอเชียไทมส์ออนไลน์ เขาเป็นผู้เขียนหนังสือที่กำลังจะออกจำหน่ายในเร็วๆ นี้ซึ่งใช้ชื่อ Inside Al-Qaeda and the Taliban 9/11 and Beyond จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ Pluto Press สหราชอาณาจักร สำหรับที่อยู่ทางอีเมล์ของเขาคือ saleem_shahzad2002@yahoo.com ส่วน ตอฮีร์ อาลี เป็นผู้สื่อข่าวพิเศษด้านกิจการชนเผ่าให้แก่เว็บไซต์AsiaDespatch.com </STRONG>
    Around the World - Manager Online - '
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    น้ำท่วมออสซี่หนักสุดในรอบ 200 ปี-ลามลงใต้ถึง “วิกตอเรีย"
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 มกราคม 2554 10:54 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ซากบ้านเรือนและทรัพย์สินที่เสียหายจากน้ำท่วมยังรอการเก็บกวาด ที่เมืองบริสเบน ในวันเสาร์(15)ที่ผ่านมา

    เอเอฟพี - ประชาชนในเมืองต่างๆ ของรัฐวิกตอเรียเร่งขนประสอบทรายมาป้องกันบ้านเรือนให้พ้นจากอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 200 ปี ขณะที่หน่วยกู้ภัยยังคงค้นหาร่างผู้เสียชีวิตตามซากอาคารทางภาคตะวันออกของประเทศ

    ประชาชนในรัฐวิกตอเรียต่างหาวิธีป้องกันบ้านเรือนของตนเอง เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกรงว่าพวกเขาจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปของหายนะทางธรรมชาติครั้งนี้

    เมืองฮอร์แชม ซึ่งอยู่ห่างจากนครเมลเบิร์นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 300 กิโลเมตร คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรุนแรงที่สุด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สั่งอพยพประชาชนใน 40 หมู่บ้านเสี่ยงภัยแล้ว

    “นี่อาจเป็นอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 200 ปี เราคาดว่าแม่น้ำจะเอ่อล้นตลิ่งจนแบ่งเมืองออกเป็น 2 ส่วน และถนนหลวงก็อาจถูกตัดขาด ดังนั้นชาวเมืองจึงต้องเตรียมรับมืออย่างดีที่สุด ด้วยการนำกระสอบทรายมาป้องกันบ้านเรือนกว่า 500 หลังที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม” โฆษกหน่วยบริการในสถานการณ์ฉุกเฉินประจำรัฐวิกตอเรียระบุ ขณะที่น้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากอิทธิพลของปรากฎการณ์ “ลานีญา” ที่ทำให้ฝนตกหนักต่อเนื่อง

    เจ้าหน้าที่คาดว่า ระดับน้ำในแม่น้ำวิมเมอราซึ่งไหลผ่านเมืองฮอร์แชม จะถึงจุดสูงสุดในช่วงเย็นวันนี้ (17) หรือวันอังคาร (18)

    กระแสน้ำที่ไหลลามมาถึงรัฐวิกตอเรียช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้บ้านเรือนกว่า 1,400 หลังจมอยู่ใต้บาดาล หลังจากที่อุทกภัยได้คร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 29 คนในรัฐควีนส์แลนด์

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มวลน้ำที่มีความรุนแรงราวกับ “สึนามิ” ได้ไหลเข้าท่วมหุบเขาทางตะวันออกของเมืองบริสเบน เมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 คน ส่วยตัวเมืองบริสเบนก็กลายสภาพเป็นทะเลสีโคลน หลังจากแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและย่านอุตสาหกรรม
    [​IMG]

    ชาวเมืองบริสเบนช่วยกันทำความสะอาดเมืองหลังน้ำเริ่มลดระดับ เมื่อวันเสาร์(15)ที่ผ่านมา

    [​IMG]

    คาเรน นีลสัน เจ้าหน้าที่ดูแลอาวุโส กำลังปลอบประโลมโคอาลาน้อยที่พลอยได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ที่ศูนย์ดูแลหมีโคอาลา โลน ไพน์ เมืองบริสเบน

    Around the World - Manager Online -
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    360 องศา : ปารีสคิดแผนปลุกใจสาวตกงาน จับแต่งแปลงโฉมฟื้นความมั่นใจ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>13 มกราคม 2554 21:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    หน่วยงานฝรั่งเศสพยายามชักชวนผู้หญิงที่ตกงานนานเป็นปีให้หายท้อและลุกขึ้นมาหางานใหม่ ด้วยแผนการริเริ่มเติมแต่งความงามเพื่อฟื้นความเชื่อมั่น

    เอเจนซี - หน่วยงานสวัสดิการคนว่างงานแดนน้ำหอมกล่อมสาวตกงานคืนกลับตลาดแรงงานอีกหน ด้วยการขอแบ่งเงินภาษีมาเป็นงบปรุงโฉมสาวเหล่านี้เพื่อฟื้นความมั่นใจในตัวเอง

    การแปลงโฉมที่เริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์นี้โดยหน่วยงานสวัสดิการคนว่างงานของฝรั่งเศส โปล อองปลอย มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในหมู่ผู้หญิงที่ตกงานมานานแรมปี และยุ่งเกินกว่า หรือขลาดอายเกินกว่าจะใยดีกับรูปลักษณ์ของตัวเอง

    “นี่คือการคืนความสวยงามให้ผู้หญิงเหล่านี้ การแต่งหน้าเป็นการเปลี่ยนชีวิตที่ง่ายดายและรวดเร็ว” เรจีน แฟร์แรร์ เมกอัพอาร์ติสต์ที่ดูแลสตูอิโอแปลงโฉมบอกและว่า “การสัมผัสและพูดคุยทำให้คนเรารู้สึกดีขึ้นได้มากกว่าการกินยาหรือไปพบนักบำบัดจิต”

    ในวันแปลงโฉมวันแรก มีผู้หญิง 10 คนยอมให้เมกอัพอาร์ติสต์และสไตลิสต์มืออาชีพดูแล ผู้หญิงเหล่านี้ยังได้รับคำแนะนำทั้งเคล็ดลับความงาม การพูดจาอย่างร่าเริง สโลแกนกระตุ้นความฮึกเหิมในการออกไปลุยหางานทำ

    ผู้หญิงบางคนเข้าร่วมการเสวนาที่เป็นเพียงขั้นทดลองเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความท้าทายในการเลี้ยงลูก การหางานทำ และการพยายามรักษาภาพลักษณ์ที่ดูดีไปด้วยพร้อมกัน

    “ตกงานไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลย ฉันหางานทำมาสองปีแล้ว บางครั้งก็ท้อ ฉันยังต้องเลี้ยงลูกอีก 3 คนเลยไม่มีกะจิตกะใจจะมาดูแลตัวเอง” ลาติฟา เบฮาลี พนักงานต้อนรับวัย 40 ปีเล่า

    ลอเร่ เซแรน ดีไซเนอร์วัย 28 ปี บอกว่าหางานมากว่าปี “การแปลงโฉมครั้งนี้ถือเป็นโบนัสสำหรับฉัน สิ่งที่ยากที่สุดคือการรอหลังจากสัมภาษณ์งาน ตอนนี้บริษัทต่างๆ รับสมัครงานน้อยมาก”

    ข้อมูลในไตรมาส 3 ปีที่แล้วระบุว่า อัตราว่างงานของฝรั่งเศสปักหลักอยู่ที่ 9.7% หรือเท่ากับคนวัยทำงานเกือบ 1 ใน 10 ไม่มีงานทำ ทางการพยายามอย่างหนักที่จะชุบชีวิตตลาดแรงงานด้วยการนำกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดกลับเข้าสู่ตลาด

    หนุ่มสาวอายุ 18-25 ปี ที่ 1 ใน 3 ไม่มีงานทำ คือกลุ่มหนึ่งที่มีปัญหา แต่ที่สำคัญพอๆ กันคือการนำคนที่เตะฝุ่นอยู่นานหลายปีกลับสู่ตลาดแรงงาน

    แผนการริเริ่มในการแปลงโฉมนี้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์กลุ่มใหญ่ เป็นความพยายามหนึ่งที่มีเป้าหมายที่ผู้หญิงที่ชีวิตการทำงานตกรางหลังมีลูก

    ปาสกาล ดูมงต์ ผู้อำนวยการโปล อองปลอยในปารีส บอกว่าการหางานเป็นประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับทุกแง่มุมชีวิต

    “ทักษะคือเหตุผลหลักที่ทำให้คนเราได้งาน แต่หน้าตาก็มีส่วนส่งเสริม ความประทับใจเมื่อแรกเห็นที่เกิดขึ้นกับนายจ้างมีความสำคัญมาก”

    ดูมงต์ยังบอกอีกว่า แผนการริเริ่มนี้คือสะพานนำผู้หญิงตกงานไปสู่ภาคเอกชน และหากสำเร็จจะมีการต่อยอดจัดการแปลงโฉมเดือนละครั้ง และที่สุดอาจเชิญชวนผู้ชายตกงานมาร่วมด้วย

    แต่สำหรับฌอง-ฟรังซัวส์ ยอน โฆษกกลุ่มรณรงค์เพื่อพิทักษ์สิทธิ์ผู้ตกงานและแรงงาน วิจารณ์ว่าการแปลงโฉมเป็นแค่เล่ห์กลของทางการ

    “สิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการไม่ใช่การแต่งหน้าทำผม แต่เป็นการต้อนรับและความช่วยเหลือที่ต่อเนื่องในการฝึกฝนอบรมและหางานทำ”
    Around the World - Manager Online - <b><font color=blue>360 ͧ
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ยอดตายอุทกภัย-โคลนถล่มบราซิลพุ่ง640/กังวลโรคระบาดหลังศพเริ่มเน่า
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>18 มกราคม 2554 03:02 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัยและโคลนถล่มในเขตภูเขาของบราซิล พุ่งแตะ 640 ศพแล้วเมื่อวันจันทร์(17)

    เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัยและโคลนถล่มในเขตภูเขาของบราซิล พุ่งแตะ 640 ศพแล้วเมื่อวันจันทร์(17) ขณะที่ทหารเร่งมือพยายามเข้าไปให้ถึงชุมชุนห่างไกลใกล้เมืองรีโอเดจาเนโร

    อุทกภัยและโคลนถล่มครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบราซิลครั้งนี้ ส่งผลให้ทางการระดมพลเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินทั้งทหารบก ทหารอากาศ ตำรวจและหน่วยดับเพลิงมากกว่า 1,500 คนเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย

    ทั้งนี้ด้วยความกังวลต่อโรคระบาด ทางการจึงเร่งมืออย่างเต็มกำลังในปฏิบัติการค้นหาศพที่เน่าเปื่อย แต่ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่บอกว่าชาวบ้านท้องถิ่นที่รอดชีวิตก็กำลังผจญปัญหาใหม่นั่นคือขาดแคลนน้ำสะอาดสำหรับบริโภค

    เมื่อวันจันทร์(17) รัฐรีโอเดจาเนโร เริ่มต้นไว้อาลัยแก่เหยื่อผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 7 วัน หลังจากก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีดิลมา รุสเซฟฟ์ ได้ประกาศไว้ทุกข์ทั่วประเทศแก่เหยื่อผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมหนักและดินโคลนถล่มไปแล้ว 3 วัน

    คาดหมายกันว่ายอดผู้เสียชีวิตน่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังมีการเคลียร์ถนนจนรถปรายหน้าดินสามารถเข้าถึงซากหักพังที่ถูกทับถมด้วยโคลน 6 วันหลังหายนะภัยครั้งร้ายแรง ขณะที่หนังสือพิมพ์แห่งหนึ่งอ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นว่ามีประชาชนอีกราว 120 คนที่ยังสูญหายและเบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว

    นายกเทศมนตรีจากเขตเทศบาลเมืองโนวา ฟริเบอร์โก เตเรโซโปลิส และเปโตรโปลิส เข้าหารือกัยเพื่อหาแนวทางว่าจะฟื้นฟูดินแดนที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเหล่านี้อย่างไร

    หายนะครั้งนี้นับเป็นความท้าทายแรกของประธานาธิบดี รุสเซฟฟ์ ซึ่งเข้ารับตำแแหน่งต่อจากนายลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา เมื่อวันที่ 1 มกราคม

    หลังจากเธอเดินทางเยือนพื้นที่ประสบภัยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลรุสเซฟฟ์ ได้จัดสรรเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน 60 ล้านดอลลาร์ในทันทีและจากนั้นอีกไม่นาน 390 ล้านดอลลาร์ก็ตามมาสมทบ นอกจากนี้แล้วเธอยังมีคำสั่งให้จัดส่งยาและเครื่องมือทางการแพทย์หลายตัน พร้อมกับบุคลากรทางทหารกว่า 700 นายเข้าร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือและฟื้นฟู

    อีกด้านหนึ่งชาวบ้านบราซิลจำนวนมากก็ต่างร่วมมือร่วมใจออกมาช่วยเหลือ โดยทั้งส่งเสื้อผ้าและอาหารบริจาคไปยังพื้นที่ประสบภัยหายนะ อย่างไรก็ตามสำนักข่าวท้องถิ่นรายงานว่าด้วยหีบห่อสิ่งของเหล่านั้นถูกเก็บไว้ในที่แจ้งในเตเรโซโปลิส ทำให้สิ่งของบริจาคเหล่านั้นเปียกน้ำ

    รถบรรทุกแช่เข็งจอดอยู่ด้านหน้าโรงเก็บศพชั่วคราวภายในโบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองเตเรโซโปลิส เพื่อมารับศพไปส่งยังโรงเก็บศพถาวรท่ามกลางความกังวลต่อสภาพเน่าเปื่อยและโรคระบาด
    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000006736
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชาวตูนีเซียประท้วง-ปะทะตำรวจ'กริ้ว'พรรครบ.เดิมร่วมปกครองต่อ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>18 มกราคม 2554 00:29 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    กองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลใช้เครื่องฉีดน้ำ และแก๊สน้ำตา รวมทั้งยิงปืนขึ้นฟ้าเมื่อวันจันทร์(17) เพื่อขับไล่ผู้ประท้วงที่ออกมาชุมนุมกันตามท้องถนน เรียกร้องให้ขับไล่ล้มล้างพรรคการเมืองของ ซิเน เอล อาบิดีน เบน อาลี อดีตประธานาธิบดีที่เพิ่งถูกเตะออกจากอำนาจ

    เอเอฟพี/เอเจนซี - สถานการณ์ในตูนิเซียยังคงปั่นป่วน กองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลใช้เครื่องฉีดน้ำ และแก๊สน้ำตา รวมทั้งยิงปืนขึ้นฟ้าเมื่อวันจันทร์(17) เพื่อขับไล่ผู้ประท้วงที่ออกมาชุมนุมกันตามท้องถนน เรียกร้องให้ขับไล่ล้มล้างพรรคการเมืองของ ซิเน เอล อาบิดีน เบน อาลี อดีตประธานาธิบดีที่เพิ่งถูกเตะออกจากอำนาจ ในเวลาเดียวกันนั้น พวกนักการเมืองจากฝ่ายต่างๆ ก็กำลังเตรียมการจัดตั้งคณะรัฐบาลสามัคคีแห่งชาติขึ้นมาปกครองประเทศ

    ผู้คนจำนวนร่วมๆ 1,000 คนได้ออกมาชุมนุมกันบนถนนสายหลักของเมืองหลวงตูนิส เพื่อแสดงการคัดค้านพรรคอาร์ซีดี ของเบน อาลี พวกเขาพากันตะโกนว่า “อาร์ซีดี ออกไป” และ “พรรคจอมเผด็จการออกไป”

    นอกจากนั้นยังมีการประท้วงทำนองเดียวกันนี้ที่เมืองซิดี โบซิด และเมืองเรเกบ ในภาคกลางของตูนิเซีย โดยที่ 2 เมืองหลังนี้เป็นพื้นที่หัวใจของขบวนการที่รณรงค์ต่อสู้จนสามารถบังคับให้เบน อาลียอมลาออก และหลบหนีจากประเทศไปในวันศุกร์(14)ที่ผ่านมา ภายหลังครองอำนาจอยู่เป็นเวลาถึง 23 ปี

    ตำรวจปราบจลาจลได้ยิงแก๊สน้ำตาและใช้เครื่องฉีดน้ำขับไล่ผู้คนที่ประท้วงอยู่ในกรุงตูนิส โดยที่การชุมนุมในเขตเมืองหลวงเป็นสิ่งต้องห้ามภายใต้ภาวะฉุกเฉิน ซึ่งเบน อาลีประกาศใช้เพียงไม่นานนักก่อนที่เขาจะยอมถอย นอกจากนั้นมีรายงานว่าได้ยิงเสียงยิงปืน รวมทั้งเครื่องเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกก็บินวนอยู่บนท้องฟ้า

    การชุมนุมประท้วงระลอกใหม่บังเกิดขึ้น ในขณะที่คณะผู้นำประเทศชั่วคราวเร่งเตรียมการเพื่อจัดตั้งคณะรัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ

    ภายหลังเบน อาลีลาออกและไปลี้ภัยที่ซาอุดีอาระเบียแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎร ฟูเอ็ด เมบาซา ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีชั่วคราวด้วยการหนุนหลังของกองทัพ ขณะที่นายกรัฐมนตรีโมฮัมเหม็ด กานนูซี ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดมานานของเบน อาลี ทำท่าว่าจะได้อยู่ในตำแหน่งต่อไป โดยมีแหล่งข่าวที่ทราบเรื่องดีบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ มีการดึงผู้นำพรรคฝ่ายค้าน 3 พรรคเข้ามาร่วมในคณะรัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ ขณะที่รัฐมนตรีมหาดไทย และรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลเดิม ก็จะได้นั่งเก้าอี้ตัวเก่าต่อ

    ตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันของประเทศในแอฟริกาเหนือแห่งนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภา จะต้องจัดขึ้นภายในเวลา 2 เดือน แต่พวกฝ่ายค้านระบุว่า พวกเขาอาจต้องใช้เวลาถึง 6 เดือนในการเตรียมตัวหาผู้สมัครและรณรงค์หาเสียง ซึ่งจะทำให้การลงคะแนนที่จะเกิดขึ้นมาเป็นการโหวตแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

    นอกจากการชุมนุมประท้วงวานนี้แล้ว เมื่อคืนวันอาทิตย์(16) ยังเกิดการยิงต่อสู้อย่างดุเดือดทั้งในกรุงตูนิส และบริเวณใกล้ๆ ทำเนียบประธานาธิบดีในเมืองคาร์เธจ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ เมืองหลวง

    กองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลระบุว่า กองทัพได้ต่อสู้กับพวกสมาชิกหน่วยองครักษ์ประธานาธิบดีของเบน อาลี ที่บริเวณใกล้ๆ ทำเนียบในคืนวันอาทิตย์ ระหว่างช่วงเวลาห้ามออกนอกเคหะสถานยามวิกาลซึ่งประกาศบังคับใช้ในเมืองคาร์เธจ

    การประท้วงของชาวตูนีเซียโค่นล้มเบน อาลี นับเป็นเหตุการณ์ลุกฮือโค่นผู้เผด็จการครั้งแรกที่เกิดขึ้นในบรรดารัฐอาหรับแถบตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ทำให้ผู้ปกครองของประเทศเหล่านี้เกิดความวิตกกังวลกันมาก ขณะที่ทางฝ่ายประชาชน ได้มีการลอกเลียนสิ่งที่เกิดขึ้นในตูนีเซีย

    มีรายงานว่าชายผู้หนึ่งได้จุดไฟเผาตัวเองในกรุงไคโร เมืองหลวงของอียิปต์ ซึ่งเป็นการเลียนแบบบัณฑิตมหาวิทยาลัยชาวตูนีเซียที่เผาตัวเองประท้วง หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ห้ามเขาขายผักผลไม้เพื่อหาเลี้ยงชีพ แล้วเหตุการณ์สะเทือนใจนี้ได้กลายเป็นชนวนสำคัญทำให้เกิดการลุกฮือต่อต้านเบน อาลี

    ส่วนในแอลจีเรียช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ก็มีผู้พยายามฆ่าตัวตายในที่สาธารณะทำนองนี้รวม 4 ราย
    Around the World - Manager Online -
     

แชร์หน้านี้

Loading...