ใครไปเที่ยวงานมหกรรมทางจิตครั้งที่ 11 บ้าง

มหกรรมทางจิตได้จัดมาจนถึงครั้งสุดท้าย เมื่อ 8-9-10-11 ธค. 2549 ที่ผ่านมา นับได้เป็นครั้งที่11
ก่อนหน้านั้นการจัดเร่ร่อนไปตามสถานที่ต่างๆ
มหาวิทยาลัยเกษตร/ ห้างใหญ่ที่หัวหมาก/ ม.จักพงษภูวนาถ ฯลฯ

ผมเริ่มเข้ามาร่วมงานตั้งแต่ครั้งที่ 7
จนถึงปัจจุบัน จึงได้ร่วมมา 5 ปีติดต่อกัน
มาทั้งออกบูธ/มาบรรยายวิชาการเล่าสู่กันฟัง
จึงมีข้อมูลที่น่าจะเล่าสู่กันฟัง เพื่อประโยชน์ในการมาเที่ยวงานทั้งที่ 12 ระหว่างเดือน ธันวาคม 2550 ให้ได้ค่าสูงสุด

1. คนที่มางาน
คนที่มาจะมีประมาณ 2000 -2500 คน ต่อ ครั้งที่จัด

เป็นคนเก่าที่เคยมา ร้อยละ 70 ที่เหลือคือหน้าใหม่ ที่เพิ่งรู้และมาร่วม

ปกติในสถานที่ทั่วไป ตามท้องถนน จะมีคนที่มีพลังจิต มีอภิญญา
ไม่เกิน2 คนใน ร้อยคน
แต่ในงานมหกรรมทางจิต จะมีคนที่มี พลังจิตมามากกว่า
ร้อยละ80 เพราะงานแบบนี้ คนธรรมดาจะไม่มา ต้องพวกสุดๆๆ จึงจะมา

เวลาผมตรวจออร่า ตามบูธข้างนอก (จตุจักร/ซอยละลายทรัพย์)
จะสะบายใช้พลังน้อย แต่ในงานมหกรรมที่ว่า จะเหนื่อยมาก เพราะทุกคน
ที่จะมาให้ตรวจ ล้วนเป็นคนพิเศษ ทั้งนั้น

มีทั้ง พลังจิตสูงมากๆ/ คนทรง/ คนมีองค์ใน/คนมีอภิญญา/คนมีคุณไสย/คนที่อยากจะมาทดลอง
ทอสอบ วัดพลังเทียบ...จึงทำให้เหนื่อยมากเป็นพิเศษ

 

2. ชนิดของคน

ปกติในงานชุมนุม /งานมหกรรม/ตลาดนัดจตุจักร ฯลฯ
จะมีผู้คนไปกันมากมาย มีทั้งคนรวย/คนจน/คนดี/คนไม่ดี

เวลาไปตลาดนัด คนแน่นๆ เบียดๆกัน คนบาป ล้วง/วิ่งราวกระเป๋า/ กรีดกระเป๋า ลักเอาทรัพย์ คนสามร้อยคน ก็อาจจะโดนกรีดกระเป๋า สัก 1 คน ก็นับว่าไม่มากนัก ใครโดนก็ถือว่า เคราะห็ร้ายไป

ในงานมหกรรมทางจิตก็เช่นกัน เรามีนักพลังจิต ที่ดี และไม่ดีคิดอกุศลเช่นกัน
คนที่มีพลังจิตดีก็มาก ที่มีพลังจิตไม่ดี ขี้ขโมยเช่นกัน

คนพลังจิตที่ไม่ดี ถ้าใครเผลอ เขาก็จะมาขโมยดูดพลังของเรา ถ้าเราไม่ระวัง
ผมเองเวลานั่งที่ บูธ จะมีคนระวังหลังให้ เพราะ ในปีแรกๆๆ ไม่รู้มาก่อน จึงถูกขโมยพลังหลายครั้ง จึงต้องป้องกันไว้

ใครก็ตามที่อยู่ๆๆก็มีใครมาข้างหลัง แล้วมาตบบ่า 3 ครั้งเหมือนทักทาย
แต่พอหันกลังไปมอง เขาก็แกล้งอุทานว่า " โอ๊ย ขอโทษ ผมจำคนผิด"
นั่นแหละ ดูดพลังไปเรียบร้อย

เขาดูดพลัง เพราะเขาสร้างพลังเองไม่พอ จึงต้องขโมยคนอื่น
เหมือนพวกล้วง/กรีดกระเป๋า เขาหาเงินไม่เป็นจึงต้อง ขโมยและกลายเป็นกาฝากพลังจิต ในสังคมมนุษย์

 

.3. หัวใจของการไปงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิต

ในงานมหกรรม หัวใจสำคัญคือ การบรรยายทางวิชาการ
ถ้าดูจากตารางการบรรยาย จะพบว่ามีผู้มาบรรยายมากกว่า 100 ท่าน
และจะบรรยาย 3 ท่านในเวลา ชั่วโมงที่พร้อมกัน บางที ก็เสียดายต้องเลือก เอาอย่าง ต้องทิ้งอีกอย่าง เพราะมีการบรรยายพร้อมกัน 3 ห้อง เราคนฟังแบ่งแยกตัวไม่ได้

ผู้บรรยาย 100 ท่าน จะเป็นวิชาเฉพาะตัว
100 ท่านก็ ร้อยอย่าง ตามตำราที่ท่านถนัด/ที่ท่านได้ฝึกปฏิบัติมา
เป็นวิชาเน้น พลังจิต/อภิญญา/อภินิหาริย์/กำลังภายใน
/พลังในโลก นอกโลก/การเข้าอีกมิติ/การเปิดตาที่สาม
/การเห็นผี/การดูกายทิพย์/พลังบู๊ตึ้ง ฯลฯ
สารพัดอย่าง

ในประเทศอังกฤษมีการสอนการเรียนวิชาประเภทนี้ คล้ายกันนี้ ที่เรียกว่า
"โรงเรียน แฮรี่ ป๊อตเตอร์" หรือ โรงเรียนแนวทางแม่มด
ที่เราได้เห็นจากภาพยนต์เรือง "แฮรี่ ป๊อตเตอร์"
หรือจากหนังสือ ขายดี ของ เจ อาร์ โรลลิ่ง

และที่มีผู้มาบรรยายในงานมหกรรมทางจิตในประเทศไทย
ทั้งหมด 100 กว่าท่าน มากกว่า 100 วิชา พิศดาร
ถ้าใครได้เข้าฟังหมด และทำได้หมด.
.ก็เท่ากับได้เรียน วิชา "แฮรี่ ป๊อตเตอร์" ในไทย ฟรี โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว ทั้งที่ ในอังกฤษคนที่จะเรียนต้องเสียเงิน นับ กว่า แสนบาท

และเท่าที่ดู พวกเราบางคนมาเที่ยวงานครบ 4 วัน แต่เดินวนไปเวียนมา ตามโต๊ะ ตามเต้นท์ ตามบู๊ธ ดูโน่น ชมนี้ ช๊อปปิ้งไปในตัว โดยไม่ได้เข้าฟังบรรยายวิชาที่ สุดเลิศแม้แต่วิขาเดียว

การเดินดูตามโต๊ะ ตาม บูธ ควรจะเป็นผลผลอยได้ เวลาว่าง ชั่วโมง ในวิชาที่ไม่น่าสนใจ
การมาเที่ยวงามมหกรรมคือการมาเรียนรู้ฟังบรรยาย เป็นหลัก เดินดู เป็นเรื่องรอง เดินไปเดินมา ขาดทุนเสียอีก ถูกดูดพลัง พลังในตัวแฟบเสียอีกด้วย

ปีหน้าเอาใหม่ครับ..ทำให้ถูก
เข้าฟัง เรียน วิชา " แฮรี่ ป๊อตเตอร์ " ฟรี
ไม่ต้องไปที่อังกฤษให้เสียเวลาเสียเงิน เสียทอง
เขายก โรงเรียน แฮรี่ ป๊อตเตอร์ เอามา ไว้ที่นี่แล้ว
ใครฉลาด น้อยก็ตามใจ ครับ

 

อาจารย์ชอบทำเซอร์ไพร้ แบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
โมทนาสาธุครับ

 

สวัสดีค่ะอาจารย์

คิดทึ้ง คิดถึง (f) เห็นโดนล้อมเยอะมาก เลยเกรงใจ ไม่รู้จะแหวกไปสวัสดียังไง

ไปฟังบรรยายบางรายการมา เค้าเชิญพลังจากเทพดึกดำบรรพ์ลงด้วย แล้วก็รู้สึกมีพลังลงมาจริง ๆ แล้วลองขอพลังก็ขอเองได้ พวกเทพสมัยอียิปต์น่ะค่ะ จะดีไหมคะ แล้วจะเป็นอะไรกับพลังหลวงปู่ทวดที่ชอบขอรับพลังไหมคะ?

 

งานนี้ ไม่ได้ไปช่วย อาจารย์ เลยครับ เลยต้องขอโทษอาจารย์ด้วยครับ เพราะติดภาระกิจ บางประการ เลยไม่สามารถมาหาอาจารย์ได้ครับ เลย อดไปงานด้วย T-T เศร้าเลยครับ

 

The Third Eyes<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_420609", true); </SCRIPT>
สมาชิก GOLD



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 11:42 PM
วันที่สมัคร: Mar 2005
ข้อความ: 451 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 28 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 3,404 ครั้ง ใน 411 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน



สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งมวลในโลก ของ ทุกศาสนา ที่มีผู้บูชา จะมีพลังทั้งสิ้น
เพราะ พื้นฐานมาจาก การทำสมาธิ ถ้าไม่ด้วยวิธีใด ก็วิธีหนึ่ง

แต่คนไทยจะเป็นชาวพุทธ จึงชินกลับ พลังของพระสงฆ์ที่ ปฏิบัติดี
พระสงฆ์ที่ พวกเรานับถือ มี มาก มาย เช่น หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ หลวงปู่ โต พรหมรังสี หลวงปู่ ศุข วัดมะขามเฒ่า ฯลฯ

มีบ่อยครั้งมากที่ ตรวจ ชาวไทยที่นับถือ ศาสนส อิสลาม และ คริสเตียน/
คาธอลิค พลังที่ออกมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ แรงมาก เช่นกัน
เท่าที่จำได้
พลังพระจิตของ ศาสนา คริสต์ จะร้อนและให้พลังในการทำงาน ให้กำลังใจ
พลังของ ไม้กางเขน และพระเยซู เป็นสีคราม ซึ่งเน้น ความสงบ และเย็น
พลังจาก พระแม่มารีอา ให้ตวามเย็นสงบ เมตตาเหมือนพลังจาก พระแม่กวนอิม

พลังจาก ศาสดา มูฮัมหมัด แรงมาก เป็นสี น้ำเงินเข้ม เป็นพลังที่ช่วยมนุษย์ได้ ดีมาก เข้มจนสามารถ ส่งไปรักษา คนป่วยได้ และโดยเฉลี่ยผู้ที่เป็นอิสลาม จะมีพลังจิตสูงกว่า คนธรรมดา เพราะ พวกเขาปฏิบัติ สวด ทุกวัน วันละหลายๆๆ ครั้ง เท่ากับนั่งทำสมาธิวันละนับชั่วโมง พลังจิตจึงแรงกว่า คนไทยพุทธธรรมดา ที่ สวดมนต์ ก่อนนอน เพียง3-5นาที ยกเว้นคนที่สวด ชิณบัญชร หลายๆๆ รอบ จึงจะเทียบเท่าได้

ศาสนา ทุกศาสนา สอนให้คนเป็นคนดี ด้วยกันทั้งนั้น
คำสอนดี ถ้าจะเพี้ยนก็อยู่คนที่ ทำ เพราะ คิดเอาเอง
เอาจิตใต้สำนึก มาตัดสินเอง จะยิ่งเพี้ยนมาก ถ้ามีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง

The Third Eyes
(วันนี้ มาเยี่ยมร้าน คุณ เม้า-ตา-อิน พบว่า เป็นไฮสปีด เข้าง่าย เลยถือโอกาสยืมจอ เข้ามาเขียน..ครับ)

 

ผมชอบมากเลยออรัลเนี่ยะ