ประสบการณ์ เข้าผลสมาบัติ.......เล่าโดยคุณแม่สุ่ม

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 15 ธันวาคม 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    หลังจากที่ฉัน (คุณแม่สุ่ม) นั่งกรรมฐานที่บ้านตามคำสั่งของหลวงพ่อจรัล โดยเริ่มจาก 1 ชั่วโมง วันที่สองนั่ง 2 ชั่วโมง ไปถึง 10 ชั่วโมง แล้วก็ย้อนไป 1 ชั่วโมงอีก ทำอย่างนั้นอยู่ 4 ปี หลวงพ่อก็ได้สั่งให้ไปที่เรือนยายแต้ม เพื่อทดลองให้นั่งกรรมฐาน

    ในวันนั้นหลวงพ่อให้ฉันนั่งคนเดียว กำหนดจิตที่พองยุบ จิตดับที่พองยุบ พอจิตเข้าแล้วตัวแข็งหมดนั่งไปได้ 15 นาที หลวงพ่อให้แม่แพเอามือจับก่อน แล้วจึงเอาเข็มแทง ปรากฏว่าแทงไม่เข้า เลือดไม่ออก แข็งทั้งตัว ตอนนั้นมีคนนั่งดูหลายคนเป็นกลุ่ม หมอชลอก็นั่งอยู่ด้วย เขากำลังสูบยาอยู่ เขาสูบเสียแดง ที่เห็นเพราะแสงมาเข้าตา

    เขาก็เอาบุหรี่นั้นเข้ามาแหย่ไปที่รูจมุก ควันขึ้นเพดาน ก็อัดไว้ไม่ให้ขึ้น ควันก็ออกมาข้างนอกรู้สึกร้อนนิดหน่อย แต่ไม่สำลัก เขานั่งหันหลังให้หลวงพ่อ ท่านจึงไม่เห็นที่หมอชลเอาบุหรี่แหย่รูจมูกฉัน ฉันก็ไม่ได้บอกให้หลวงพ่อฟัง
    วันนั้นนั่ง 20นาที เป็นการทดลองกัน ก่อนหน้านี้ ฉันเคยเข้ามาหลายครั้งแล้ว ครั้งแรกที่เข้าสมาบัติไปได้ตอนที่ปวดเต็มที่ แล้วเจ็บก็ดับปุ๊ปไป รู้สึกตัวเหมือนนั่งอยู่ใต้ต้นโพธ์ เย็นสบาย สมัยอยู่วัดพรหมบุรี
    ครั้งต่อมาดับแบบดิ่งพสุธาเลยไปโผล่ที่เมืองบาดาล เห็นเป็นอุโมงค์และคูหาอยู่ข้างล่าง แลเห็นพระบรมสารีริกธาตุอยู่ใต้พื้นดิน มีไฟสว่างไสวแบบไฟนีออน ติดอยู่รอบสี่ทิศมองโล่งเข้าไป แลเห็นพระธาตุอยู่ทางทิศเหนือ ฉันก็เข้าเดินนมัสการ พอกราบเสร็จก็เลิกกรรมฐานพอดี
    ต่อมาหลวงพ่อให้มาปฏิบัติในโบสถ์ ท่านให้ยืนกำหนด ให้ฉันปฏิบัติคนเดียว ให้มีคนยืนสองข้างท่านกลัวว่าจะล้ม ปรากฏว่าไม่ล้ม ตอนที่ทดลองนั้นไม่ได้เดินจงกรม กำหนดยืนหนอ พอตั้งอธิฐาน ขอให้สมาธิแน่วแน่จิตเข้าผลสมาบัติกี่นาที เขาก็ดับไปตามที่กำหนด กำหนดพองหนอ ยุบหนอ 3-4 ครั้ง จิตก็เข้าเลย หลวงพ่อและคนอื่นๆได้แต่ยืนดูเฉยๆ
    ต่อจากนั้นหลวงพ่อท่านให้ทำที่บ้าน 20 ชั่วโมง 28 ชั่วโมง แล้วก็ออกมา อยู่วัดอย่างมาก 30 ชั่วโมง เวลานั่งกรรมฐานที่บ้าน ไม่มีใครกล้าเข้าไปดู ฉันจะอธิฐานที่บ้านคราวละ 30 ชั่วโมง พอครบกำหนดแล้ว จิตจะคลายออกเอง ก่อนเข้าจะบอกลูกหลานไว้ก่อน
    ขณะที่จิตเข้าอยู่ 30 ชั่วโมง ตอนนั้นไม่เห็นอะไร แต่มีสติอยู่กับตัวตลอด ไม่รับอารมณ์อะไรเลย มันซึ้งอยู่ในตัวเรา แรกๆ จะไม่ได้ยินเสียง แต่ตอนหลังได้ยิน

    พออายุ 45 ปี หลวงพ่อให้มานั่งที่วัด ศาลาหลังเก่า 30 ชั่วโมง ตั้งแต่6 โมงเย็น ถึง 6 ทุ่มของวันรุ่งขึ้น เห็นเจ้าของวัดเป็นพระมาบอกว่า พอแล้ว ให้เลิกได้ แต่ฉันบอกว่ายังไม่ถึง ท่านก็ให้เห็นนาฬิกาบอกเวลา 6 ทุ่ม แต่ฉันไม่เลิก พอครบกำหนดจิตจะออกเอง จะค่อยๆคลายออก แสดงว่าท่านมาทดลองเรา
    ต่อจากนั้นฉันก็ปฏิบัติมาจนแก่จนมาอยู่ที่กุฏิปัจจุบันนี้ ก็คิดว่าจะยังนั่งได้หรือเปล่า จึงได้นั่งดู ไม่ได้อธิฐานจิตว่า จะกำหนดเวลาเท่าไร จิตคลายออกเมื่อไรก็สุดแล้วแต่ปรากฏว่าฉันนั่งไป 36 ชั่วโมง ไม่มีปิติอะไร มาช่วงหลังอายุ 75 ก็นั่งอีกปรากฏว่านั่งไป 48 ชั่งโมง ปีนี้ อายุ 78 แล้วนั่งไป 40 ชั่วโมง นั่งโดยไม่ได้อธิษฐานจิต ให้เข้าออกของเขาเอง

    เมื่อปี พ.ศ. 2525 ตอนนั้นอายุ 75 ปี ขณะที่เข้าผลสมาบัติอยู่นั้น อายุ 75 ปี ขณะที่เข้าผลสมาบัติอยู่นั้น เห็นพระจุฬามณี มีดอกไม้ธูปเทียนเต็มไปหมด มีคนเฝ้าอยู่คนหนึ่งคอยเข็นรถนำไปทิ้ง เป็นเครื่องดอกไม้ธูปเทียนที่เขาใส่มือคนก่อนที่จะตาย เมื่อตายแล้วก็ไปไหว้ที่พระจุฬามณี
    ปี พ.ศ. 2535 เห็นพระจุฬามณีอีก ดูนั่นดูนี่จนทั่ว ไม่มีผู้คนไม่มีเครื่องดอกไม้ธูปเทียนเหมือนเมื่อก่อน ใจนึกว่าเมื่อก่อนทำไมมีดอกไม้ธูปเทียนมากมาย เดี๋ยวนี้ไม่มี ก็มีเสียงตอบมาว่า เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เครื่องบินตกตายก็มี ตายในโรงพยาบาลก็มี ถูกรถชนตายกลางถนนหนทาง ตายเรื่ยราดไปหมดแล้ว ไม่มีเตรียมของใส่มือหรอกที่นั่นถึงไม่มีเครื่องดอกไม้ธูปเทียนเหมือนเมื่อก่อน เมื่อหันหน้าไปทางทิศเหนือแลเห็นพระบรมสารีริกธาตุและเห็นมาลัยดอกพุดที่เคยร้อยถวายหลวงพ่อบูชาพระธาตุที่กุฏิท่าน คล้องอยู่ที่เจดีย์

    เมื่อตอนนั่งได้ได้ 48 ชั่งโมงก็เห็นดอกไม้ในห้องเต็มไปหมด กำหนดอย่างไรก็ไม่หาย พอออกจากกรรมฐานแล้วไปกราบหลวงพ่อ หล่วงพ่อไม่ได้ลงมาพบก็เลยกลับ ไม่ได้เล่าให้หลวงพ่อฟัง กลับมาที่ห้องก็สว่างโล่งไปทั้งห้อง เห็นเป็นตัวหนังสือข้างฝาผนังทั้งสี่ด้าน ตัวสวยไม่ใช่หนังสือไทย และไม่ใช่หนังสือขอมเขาบอกว่าเป็นหนังสือเทพ อ่านออกคำว่า "แล้ว" ตัวเดียว
    การเข้าผลสมาบัติจะมีกำลัง ไม่หิวโหย ไม่ปวดเมื่อย ไม่มีอะไรล้ำ ปิติก็ไม่ล้ำสมาธิ เสมอเท่ากันหมดเลย มีความสุขไม่ยินดียินร้าย เป็นขั้นอุเบกขา แต่รู้แล้วก็วาง จิตของเรามีจิตเดียว ไม่มีอะไรเข้ามากระทบเลย
    ขณะที่เข้าผลสมาบัติ มีความรู้ผุดขึ้นเป็นขั้นๆ ผุดแต่ที่ดี แต่ไม่มีปิติ เขาผุดขึ้นมาสอนเรา จิตที่รู้อยู่นั้นไม่ใช่รู้แค่ญาณเดียว มีขั้นหยาบ ละเอียด และละเอียดเข้าไปอีก ขั้นนิพพานละเอียดเข้าไป การเข้าผลสมาบัติอย่างหนึ่ง เข้านิโรธสมาบัติเป็นอีกอย่างหนึ่ง เสวยอารมณ์พระนิพพานเปีนอีกอย่างหนึ่ง เข้านิโรธสมาบัตินั้นไม่มีตัวตน

    ครั้งหนึ่งจิตเข้าไป 20 ชั่วโมง ก่อนเข้าจิตเขาจะรู้ของเขาเอง จิตจะรู้เองว่าเข้าญาณนี้แล้วนะ ญานหนึ่ง ญาณสอง ญาณต่อๆไป จิตยิ่งละเอียดลงไป เขาจะเข้าประมาณชั่วโมงหนึ่ง พอถึงชั่งโมงเขาก็คลายออก และบอกให้รู้ว่าจะออกจากญาณนี้แล้ว และจะเข้าญาณต่อไปเขาบอกชื่อญาณออกมาเลย แต่ฉันไม่ได้สนใจจำ ได้แต่รู้แล้วก็ผ่านไป

    ตอนเข้าผลสมาบัตินี้หยาบ เข้านิโรธละเอียด เข้าอารมณ์พระนิพพานยิ่งละเอียดเข้าไปอีก จิตเขาบอกขึ้นมาเอง เวลาออกเขาก็ออกของเขาเองเงียบๆ หลวงพ่อเทศน์สอนว่า เราควรปฏิบัติให้ถึงแก่น อย่าให้มีกระพี้ติดให้รู้ถึงแก่นว่าเป็นอย่างไร ฉันก็ตั้งใจปฏิบัติ กำหนดจิตละเอียดละออดี เกิดเห็นเป็นต้นชุงยาวเฟื้อยเลย มีแต่แก่น เหมือนอย่างที่หลวงพ่อว่าไว้
    ฉัน ก็ปฏิบัติไปไม่ให้มีกระพี้ติดเลยสักนิด ถึงได้รู้ได้เห็นว่าเข้าผลสมาบัติ แล้วยังเข้านิโรธ แล้วเข้าถึงอารมณ์พระนิพพาน เขาปรากฏอารมณ์ญาณนั้นญาณนี้ การเห็นไม่เหมือนกัน ละเอียดเข้าไปๆ ละเอียดยิ่ง มีจิตเดียวจิตใจไม่ต้องชำระแล้ว

    เล่าโดยคุณแม่สุ่ม และบันทึกโดย คุณสมพร แมลงภู่ ในหนังสือกฏแห่งกรรม ธรรมปฎิบัติ เล่ม 6 พระราชสุทธิญาณมงคล
    <!--msthemeseparator-->
     
  2. Kubigeri

    Kubigeri สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +20
    หนูอยากฝึกบ้างนะค่ะ ต้องเริ่มจากอะไร และต้องปฎิบัจิอย่างไรบ้างค่ะ
     
  3. Sunny

    Sunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    1,405
    ค่าพลัง:
    +8,071
    อุบาสิกาสุ่ม ทองยิ่ง หรือแม่ใหญ่ ท่านเป็นที่นับถือมากสำหรับผู้เข้าปฏิบัติธรรม ที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ซึ่งมีหลวงพ่อจรัล ท่านเป็นเจ้าอาวาส และเป็นเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรีด้วยครับ

    หากคุณ sendtoto ต้องการฝึกก็ไปที่วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ได้เลยครับ หากไม่เคยฝึกที่วัดอัมพวันมาก่อน ก็ให้ไปเริ่มฝึกได้ในวันโกน เพื่อจะได้รับกรรมฐานและทราบแนวทางปฏิบัติในเบื้องต้น

    การฝึกที่วัดอัมพวันเป็นการฝึกแนวสติปัฏฐาน 4 ศึกษาข้อมูลก่อนไปปฏิบัติจะทำให้ง่ายและได้ผลดีขึ้นในการปฏิบัติครับ ลองเข้าไปอ่านที่เว็บไซต์ http://www.jarun.org/v6/index.html ดูนะครับ

    อนุโมทนาครับ
     
  4. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +2,177
    บางทีนั่งนานๆ ถ้าปวดขาจะไม่เป็นอัมพาตเหรอ กลัวเหมือนกันนะ
     
  5. AJ_Purngkan

    AJ_Purngkan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +3,789
    เค้าเรียก นั่งสมาธิแข็งเหรอครับ ตบะแข็ง ไรเนี่ย ผมอ่านจากกระทู้คุณแม่บูญเรือน

    ไม่ทราบแบบเดียวกันรึเปล่าครับ
     
  6. matakalee

    matakalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +367
    โมทนาสาธุคะครั้งแรกดิฉันอธิษฐาน 5 นาทีก่อน และเพิ่มเป็น 10 นาที ตามลำดับ ความที่อยากทดลอง ก็ลองไปเรื่อย ๆ ลองอธิษฐาน 30 นาที และออกก่อน รู้สึกว่าตัวตึงหนัก แข็งไปทั้งตัว กำหนดว่าคลายหนอ คลายหนอ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องกำหนดว่าแข็งหนอ แข็งหนอจนหมดเวลา ดิฉันอธิษฐานสูงสุดได้แค่ 40 นาที จังหวะที่รู้สึกตัวว่าดับวูบไปนั้นไม่มีความรู้สึก ดับ ไปหมด มารู้สึกตัวอีกที่ ตัวก็ดีดกลับมานั่งท่าเดิม ค่อยกำหนดสติมองนาฬิกา เหลืออีก 20 นาที ตอนเข้าอธิษฐานครั้งแรก 72 ชั่วโมง เห็นอาการดับไม่ค่อยชัดเจน พอเข้าอธิฐานครั้งที่สอง 48 ชั่วโมง อาการดับชัดเจนละเอียดต้นแต่ต้น ตอนกลาง และตอนปลาย ก่อนอาการจะดับ ดิฉันได้ยินฟุ๊บ ฟุ๊บ เป็นอาณัติสัญญานก่อน จากนั้นความรู้ตัวทั่วพร้อมก็เกิดขึ้น อยากอธิบายเล่าสู่กันฟังให้มากกว่านี้ แต่บางครั้งบางตอนมันอธิบายไม่ได้ ต้องปฏิบัติเองรู้เอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...