อยากขอความกรุณาเกี่ยวกับการปฏิบัติกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย boy_kmutt, 22 ธันวาคม 2010.

  1. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ดีๆ เวลาถาม หากเอา นัยยะที่เห็นได้ในการปฏิบัติ บรรยายออกมาได้
    แล้วไม่สับสน ตรงตามที่เห็น ไม่ใช่คิดไปล่วงหน้า แต่เล่าเท่าที่เสมอกับ
    ที่เห็นที่เป็น อันนี้ เรียกว่า ปฏิบัติได้ผลดี

    จะเห็นว่า ดี คำนี้ไม่แปลว่า Good แต่หมายถึง Efficiancy คือมี ศักยภาพ

    หากปฏิบัติได้มา ศักยภาพมากๆ ความเป็น ศักยะ หรือ พลังงานที่จะปล่อย
    ออกมาเป็นสมมติบัญญัต คำพูด คำเสวนา มันจะมี ข้อเท็จจริง เข้ามารอง
    รับ ซึ่งจะต่างจาก คำพูดคำถามที่คิดไปล่วงหน้า มันจะไม่มีพลังผลักดันและ
    ยืนยันคำพูดนั้นๆ คำพูดนั้นคำถามนั้นมันก็จะลอยๆ แล้วผลิกไปไหนต่อไหนได้
    อย่างไม่มีศีลมีธรรมรองรับ

    ขอให้คุณ พิจารณาคำพูด คำถาม ที่สร้างออกมา มองให้เห็น ข้อเท็จจริง
    ที่มันมีรองรับเป็น "ศักยภาพ" ไว้ อันนี้จะเรียกว่า ปฏิบัติได้ผลดี แน่นหนา
    มั่นคง เป็นหลักเป็นเกณฑ์เข้ามา

    อย่าง คุณเห็นความจรดจ่อลงไปที่ สะดือ แต่มันทื่อๆลงไป(คุณเรียกตรงนี้ว่า
    มันไม่อยากภาวนา) ก็ความทื่อลงๆ นี่แหละ เรียกว่า ความหนัก ความถูกปัก
    เป็นจุด เป็นดวง ขึ้นมา ตรงนี้คุณเกิดการตั้งข้อสงสัยขึ้น ทำให้ ความเป็นดวง
    เป็นจุด มันผลิกไปในเรื่องของการเห็น กสิณ เข้า ตรงนี้จะเป็นเรื่องของจิตปริวัตรไป
    เนื่องจากทิฏฐิเข้ามาแทรก

    หากจะทำกรรมฐานเดิม ให้รู้ทันอาการเกิดเป็นจุดปักเข้ามา แล้วแกะออก หมายถึง
    กลับไปดูยุบหนอ พองหนอต่อ อย่าปักเข้ามา ให้พลังของจิตถ่ายออกไปที่กรรม
    ฐานยุบหยอพองหนอกรรมฐานเดียวเหมือนปล่อนน้ำในท่อ ให้มีท่อเดียว อย่ามีข้อต่อ
    ข้อคด อย่าให้พลังรั่วไหลไปทางอื่น

    แต่ถ้ามันจะปักเข้ามา อันนี้ก็ห้ามไม่ได้ ให้กำหนดรู้ก่อนว่า จิตจะเปลี่ยนกรรมฐาน
    จากนั้นคุณค่อย พิจารณาเพ่งลงไปให้มันเป็นดวงจริงๆ นึกภาพนิมิตอะไรก็ได้ให้
    มันเป็นดวง แต่อย่าให้มันตั้งอยู่นอกกาย พระท่านจะไม่ว่า จริงๆจะตั้งนอกกายก็ได้
    แต่สุดท้ายก็ต้องน้อมเข้ามา เอาใส่เข้ามาที่กายอยู่ดี ดังนั้น เราข้ามไปที่น้อมเข้า
    ไปในกายไปเลย

    แต่ต้องรู้นะว่า เปลี่ยนกรรมฐานไปแล้ว มีความแปรเปลี่ยนปรากฏ ต้องดูไว้ด้วย

    ที่ต้องดู คือ ต้องระลึกไว้ว่า มันเป็น ช่องทางเปลี่ยนกรรมฐาน แล้วกำหนดรู้
    ว่าอาการนั้นคือ ช่องทางเปลี่ยนอารมณ์กรรมฐาน

    หลังจากนั้นก็ขึ้นกับว่า คุณจะเดินกรรมฐานแบบไหนได้เป็นส่วนมาก ก็รู้ว่ากรรม
    ฐานใดสามารถทำได้เป็นส่วนมาก คือ ไม่ต้องไปเลือกมันหลอกว่าจะทำอะไร แต่
    ให้จิตเขาปริวัตรของเขาไป แล้วเราตามรู้ตามดูความแปรปรวนนั้นไว้ด้วย

    หากมีการปักแน่น ไม่มีน้ำไม่มีนวล แข็งทื่อเกินไป ก็ระลึกไปเลยว่าจิตมีราคะ
    หรือจิตมีอัตตา

    พอแกะออกได้บ้าง ออกมาพิจารณาได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเห็นกรรมฐานไหน
    ก็ระลึกไปเลยว่า จิตไม่มีราคะ จิตไม่มีอัตตา เป็นสุญญตาปรากฏ

    พอเห็นว่า เราคลายจากราคะได้ มีสุญญตาปรากฏ แล้วมันกลับไปมีอีก แน่น
    เข้ามาอีก เกิดเจตนาจะแปรเปลี่ยนกรรมฐานด้วยเจตคติ มายาคติใด ก็ให้แล
    เห็นไปเลยว่ามันมีความไม่เที่ยงของการมีนิมิตหมาย หรือไม่มีสิ่งให้นิมิตหมาย

    เมื่อแลเห็นจิตมีนิมิตหมาย เดี๋ยวก็ไม่มีนิมิตหมาย เมื่อไหร่มีนิมิตหมาย จิตถูกปัก
    แน่นดั่งต้องศรปักอก ก็ให้พิจารณาไปเลยว่า มีทุกข์เกิดขึ้น เมื่อไหร่ไม่มีนิมิตหมาย
    จิตอิสระ ไม่มีตัวตน สัตว์บุคคล เราเขา มีแต่เรื่องเหตุปัจจัย แปรเปลี่ยนไม่เที่ยง
    มีทุกข์ ก็พิจารณาเห็น คุณและโทษ พร้อมพิจารณาความจางคลาย สลัดคืน
    ไว้เนืองๆ ไปพลางๆ

    คุณก็จะทำกรรมฐานพองยุบ สลับ กับการทำกสิณ เก็บมันสองงานไปเลย
    แล้วการพิจารณาตามรู้ตามดูกองกรรมฐานทั้งสองปรากฏ แปรเปลี่ยนอันนี้
    เก็บงานวิปัสสนาไว้ด้วย จะทำให้ว่องไว ฉับไว ในการเห็นช่องเข้าช่องออก
    เข้าไวออกไว ด้วยการระลึก แล้วเพียงน้อมไปแล้วเข้าได้เลย ก็เรียกว่ามีความ
    ชำนาญในกรรมฐานนั้นๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2010
  2. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    มันต้องมีแบบแผน แผนที่..สัมมาสังกัปโป มรรคมีองค์8..ยังไง
    รึเอาแบบนี้ ดี-ไว มีเซกส์เสร็จจิตก็สงบไว..ลัทธิตันตระยังไงเอาไม๊ พี่กระวีรืกระวาด..ต้องสั่งสม ต้องสั่งสม.. ต้องสั่งสม ชีวิตไม่ใช่ "ไว ไว มาม่า " นะครับ:'(
     
  3. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    เหลวไหล..วาสนาบารมีอะไร..มันเกิดจาก สภาพแวดล้อมที่อาศัย ที่คลุกคลีมานาน ถูกสั่งสอนมานาน ตั้งแต่เล้กยัน 6 ขวบ "คำโบราณ" กะลามสูตร10 อ่านมั่งจี่ๆๆๆๆ.:':)':)':)':)':)'( ฝังหัวเลยน๊าๆๆ.
     
  4. สูร

    สูร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +31
    ท่านว่า ถ้าได้อานาปานสติกรรมฐานแล้วกสินจะได้ไม่เกิณ3วัน
    และท่านว่า ถ้าอานาปานสติกรรมฐานล้มแล้ว กรรมฐานอื่นก็ล้ม
    เพาะอานาปานสติกรรมฐานเป็นฐานของกรรมฐานอื่นๆ
     
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    มั่ว.....กสินเขาต้องมีนิมิตกำหนด.....เพื่อเจริญฌานไปตามลำดับ......

    ไม่ใช่พิจารณานึกเอาแบบนี้......อย่างที่คุณพิจารนามันถ้าจะนับเข้าได้จะอยู่ใน กรรมฐานธาตุ ๔ ในกรรมฐาน ๔๐ และ จตุธาตุวัฏฐาน ใน สติปัฏฐานสูตร.......

    ทำอย่างนี้เขาไม่เรียกว่ากสิน......เรียนสำนักใหนมาเนี่ย....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2010
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    มั่วตรงไหน ก็ เกริ่นออกโต้งๆว่า ประยุกต์

    ส่วน กสิณ ที่ให้น้อมนึกนิมิต ก็กล่าวนะ ไม่ใช่ไม่กล่าว อ่านดูให้ดีสิ เออ

    อ่านภาษาไทยไม่ออกบอกนะ จะส่งไปเรียนภาษาฟรั่งเศษ

    ฝึกคำแรกเลย "ลามองดูวัว"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2010
  7. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [​IMG] อ่าน! ดู! ให้ดี! สิเออ!<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ในส่วนของเจ้าของกระทู้นะครับ.......

    ตามที่คุณถามว่า ระหว่างยุบหนอพองหนอ......กับ.... กสิน นั้น.......อย่างใหนดีกว่ากัน.......ผมตอบได้เลยครับว่า......ไม่มีอย่างใหนที่จะดีกว่ากัน.......แต่ถ้าถามถึงความเหมาะสมที่ผู้ฝึกจะพัฒนาไปได้ไวนั้น......อันนี้ไม่แน่ครับ.......ผมบอกได้ว่าแต่ละคนนั้นมันไม่ได้เหมือนกันหลอกนะครับ......นิสัยต่างกัน.......จริตต่างกัน......รูปแบบ พระพุทธเจ้าสอนไว้ตั้ง ๔๐ แบบ(ที่เรียกว่ากรรมฐาน ๔๐) ......ถ้าทำได้อย่างเดียวพระองค์ก็คงตรัษสอนกรรมฐานเบ็ดเสร็จเพียงอย่างเดียวแล้วหละครับ......ท่านจะสอนทำไมมากมาย.......

    คุณต้องหากรรมฐานที่เหมาะสมกับตนเองให้ได้ครับ......คุณถึงจะพัฒนาได้ไว......เหมือนคนที่กินยาให้ถูกกับโรค......

    นิสัยที่ไม่ค่อยดีอย่างหนึ่งของนักปฏิบัติก็คือ โลภกรรมฐาน .....จับปลาพร้อมกันหลายมือ.......หรือเป็นคนหูเบาเชื่อคนง่าย.....เขาว่าอะไรดี....ก็เอาหมด.....ก็คิดว่ามันดี......มันก็เลยเปลี่ยนใหม่อยู่ตลอด.....สุดท้ายมันเลยไม่ได้ดีกับเขาสักอย่างเดียว.....

    ให้หัดเป็นคนรักเดียวใจเดียวเข้าไว้ครับ......ให้มีความมุ่งมั่นบ้าง......ครูบาอาจารย์ที่เชี่ยวชาญกรรมฐานจริงๆท่านจะไม่แนะนำให้ศิษย์เปลี่ยนกรรมฐานบ่อยหลอกครับ.....

    คุณไปเลือกอันใดอันหนึ่งก่อนนะว่าคุณทำสิ่งใดแล้วคุณรู้สึกดี.....มีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี....คุณเอาอันนั้นหละครับ.....แล้วเอาให้มันถึงที่สุด.....ไม่ใช่เขาว่าดีก็ไปตามเขา....ดีของเขาอาจไม่ดีของคุณก็ได้......

    ผมจะไม่แนะนำอะไรมากเพราะว่าถ้าคุณมีนิสัยใฝ่รู้เป็นนักปฏิบัติจริง....ไม่ต้องให้ใครเขามาบอกมาสอนมาก.....ศึกษาเองครับ.....

    ลองไปหาตัวคุณเองให้พบนะ.....ไม่ต้องไปเชื่อใครมาก....แม้แต่ผมก็ตาม.....ลองพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองให้ประจักษ์ชัดด้วยตัวคุณเอง.......

    สุดท้ายจะยกธรรมของพระอริยเจ้าท่านหนึ่งคือ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ด้านการฝึกกรรมฐานเล็กน้อย.....ข้างล่าง.....ศึกษาเอานะครับ......
     
  9. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    วิธีรวบรวมจิตให้สงบเร็ว และทรงอยู่นานๆ

    [​IMG]


    หลวงปู่หล้า

    <O:pปุจฉา วิสัชนา : หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต
    </O:p


    <O:p๔.ดิฉันอยากจะขอเรียนถามหลวงปู่ถึงเรื่องการควบคุมจิตใจให้มีความสงบอยู่นานๆและขออุบายหรือวิธีการในการทำสมาธิเพื่อให้จิสงบเร็วขึ้นด้วยค่ะ


    <O:p</O:p





    หลวงปู่ การภาวนาอยากจะให้จิตจดจ่ออยู่นานๆก็ต้องตัดความละโมบอารมณ์อื่นที่มาเกยมาพาด ต้องตั้งสติไว้กับอาจารย์เดิม (คือกรรมฐานเดิมที่ตั้งไว้) ยินดีในกรรมฐานที่ตั้งไว้นั้นอย่าไปยินดีในกรรมฐานอื่นที่ยังไม่ได้ตั้ง นึกหรือบริกรรมกรรมฐานอันเดิมนั้นแหละ

    ตั้งสัจจะไว้ในที่นั้น ตั้งอธิษฐานไว้ในที่นั่นถ้ามันลืมไปก็ดึงมาอย่าได้เสียใจเพราะความสำเร็จอยู่กับความอดทนและความเพียรเพราะเอากรรมฐานเดิมที่ตั้งเป็นตัวประกันยอมเป็นยอมตายกับกรรมฐานเดิมนั้น คำว่า "ศีล" คำว่า "ปัญญา" ก็รอบรู้ในกรรมฐานที่ตั้งไว้นั้นอย่าไปวอกแวกเคลื่อนที่ไปทางอื่นเพราะเรารวมคำสอนของพระองค์แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์มาไว้ที่เป้ากรรมฐานที่เราตั้งไว้นั้นแล้ว

    ตลอดทั้งพระพุทธ พระธรรมทั้งหลายอันหาประมาณไม่ได้เราก็เอามารวมไว้ที่เป้าอันเดียวนั่นแล้วเราไม่สงสัยจะส่งส่ายไปหาอันอื่นเลยถ้าไม่ขนาบทิฏฐิของตนอย่างนั้นมันก็ไปคว้าอันนั้นอันนี้อยู่ จิตของเราก็ไม่รวมความเห็นชอบของเราก็ไม่รวมอยู่ที่แห่งเดียวที่มันไม่ยอมอยู่ที่แห่งเดียวเพราะอุบายของเราไม่ทันกับกิเลสของเราเพราะกิเลสของเรามันหลุกหลิกๆ อยู่เหมือนลิง กระโดดนั้นกระโดดนี้กระโดดถูกกิ่งไม้ผุก็ตกตูมตาย

    เหตุนั้นจึงให้สันโดษยินดีในกรรมฐานเดิมที่ตั้งไว้เปรียบเหมือนทิศเหนือ เมื่อทิศเหนือมีอำนาจในแม่เหล็ก เข็มทิศใดๆย่อมชี้ไปทางทิศเหนือทั้งนั้น เป็นเมืองขึ้นทิศเหนือก็ว่าได้ ฉันใดก็ดีเมื่อเราตั้งมั่นไว้ในกรรมฐานใดๆ เป็นหลักแล้ว กรรมฐานอื่นๆมีตั้งหมื่นตั้งแสนย่อมเป็นเมืองขึ้นของกรรมฐานที่เราตั้งไว้

    จะเป็นวิปัสสนากรรมฐานกรรมฐานที่เกี่ยวกับปัญญาก็ดี หรือสมถกรรมฐาน กรรมฐานที่เกี่ยวกับจิตใจก็ดีก็มารวมพลกันอยู่กับเป้าเดิมที่เราตั้งไว้ไม่ส่งส่ายนั่นเอง แม้มรรคผลนิพพานก็อยู่ในที่นั้นด้วย แม้เราจะกระจายออกจากเป้าเดิมที่นั้นเราก็ไม่สงสัยอีกให้ถือว่ามันแตกออกจากเป้าเดิม ก็คือศีล สมาธิ ปัญญา อันเก่านั่นเอง ให้เข้าใจว่าสมาธินี้เหมือนเชือกเส้นยาวๆ ที่เราขึงไปทั่วไตรโลกธาตุแต่เราสาวเข้ามาให้มันรวมเป็นกองเดียวจะโตเท่าฟ้าเท่าแผ่นดินก็ตามหรือจะเล็กลงเท่าปลายเข็มก็ตามก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องเดียวกันนั่นเอง<O:p</O:p


    </O:p
     
  10. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ผู้ที่ฝึกกรรมฐานมาเขาย่อมรู้วิธีการที่จะฝึก....เขาย่อมรู้ชัดว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด......

    ผมไม่อย่างที่จะเถียงกับคุณ.....เพราะแต่ใหนแต่ไรมา.....คุณไม่เคยที่จะศึกษา...และเอาวิธีการที่ผิดไปจากพระพุทธเจ้ามาแนะนำ......หรือดัดแปลงจากพุทธพจน์ด้วยวิธีการประยุกต์ที่คุณกล่าว......เป็นเหตุผลว่าทำไมผมต้องตามอ่านและแก้ไขที่คุณโพส.....

    ผมกล่าวไว้ในที่นี่เลยสำหรับใครก็ตามที่จะศึกษาด้านกสิน......คุณไปศึกษาด้วยตัวคุณเองก็ได้ว่า....ผม....พูดผิด....หรือไม่ตรงแบบแผนอย่างไร.....ผมท้าให้ไปพิสูจน์......(แม้แต่เจ้าของกระทู้เอง..)

    แล้วคุณจะรู้ว่า.....ใครกันแน่ที่แนะนำผู้ปฏิบัติให้ผิดทาง.....
     
  11. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เออ แปลก ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า วิธีฝึกกสิณของคุณมันมีกฏเกณฑ์เพียงไหน

    เท่าที่ผมทราบ พระท่านหนึ่ง เมื่อก่อนฝึกมโนยิทธิ เสร็จแล้วไปฝึกกับพระป่า
    กลับมาท่านบอกว่า ท่านทำสมาธิดูความแน่นในกะโหลกศรีษะ

    เสร็จแล้วท่านก็สำทับว่า ให้เกาะกะโหลกไว้ เวลามันแน่นๆ ก็ดูไป

    ท่านบอกว่าสุดท้ายจะได้ทิพย์จักขุ เพราะว่า กะโหลก เป็น สีขาว
    คือได้ กสิณขาว

    นี่ ก็แปลว่า กสิณหนะ ไม่ต้องเพ่งอะไรนอกตัวก็ได้

    ทีนี้ คุณ phanudet ผู้ปรารภหนักหนาว่า ยึดมั่นพุทธพจน์มาตลอด

    ไหนไปเอา วิโมกข์8 มาบรรยายสิว่า กสิณ เขาได้กันกี่แบบอย่างไรได้บ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2010
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    บอกอีกครั้งนะครับ....ว่าผมมาตอบกระทู้นี้หวังสิ่งเดียวคือให้เจ้าของกระทู้.....ได้เข้าใจในสิ่งที่เขาถาม.....แล้วผมก็ตอบ.....

    เพราะผมจะตอบอย่างนี้เป็นส่วนใหญ่...และ...เลือกที่จะตอบคนที่พอที่จะศึกษาและปฏิบัติได้......

    ใครก็ตามที่ผมตอบไปแล้วไม่เกิดประโยชน์.....เพราะหวังเพียงแค่ชนะ....แต่ไม่ก่อไปเพื่อการปฏิบัติ.....ผมไม่ตอบ....เพราะไม่เกิดประโยชน์.....และรกกระทู้เขา......

    เอาเป็นว่าผมไม่ตอบคุณ....เพราะทุกคนย่อมศึกษาเองได้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งใด..อยู่แล้ว.....ผมเพียงแค่แนะ..เท่านั้น.....


    อย่าไปประยุกต์ให้มันมาก.....มันจะเป็นสัทธรรมปฏิรูป......สิ่งนี้หละครับที่จะทำให้พระศาสนาล่ม......

    เอาเป็นว่าผมท้าให้ไปศึกษาด้วยตนเองครับ....เช่น พระไตรปิฏก , วิสุทธิมรรค(อรรถกถา)...และครูบาอาจารย์ที่น่าเชื่อถือ(ที่เชี่ยวชาญในกรรมฐานกองนั้นๆ)...ด้วยตัวคุณเอง นะครับ....

    บอกอีกที่ว่าที่สำคัญที่สุดคือการปฏิบัติให้เห็นผลประจักษ์ด้วยตนเอง..

    กระทู้นี้ผมตอบจบแล้ว.....สวัสดี.....
     
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    แปลกประหลาด

    จขกท ถาม ว่า อะไรอย่างไหนดี อย่างไหนไว

    เขาไม่ได้มาถามว่า ทำอย่างไร

    สิ่งที่ผมตอบไป ก็ไม่ได้ตอบว่า ทำอย่างไรจึงจะถูก แต่ก็เน้นคล้ายๆกันว่า ให้ปฏิบัติ
    แล้วพิจารณาผลที่เกิดกับตน

    ที่พูดให้ประยุกต์ คนที่เขารู้กรรมฐานพองยุบดี เขาก็รู้ว่า กรรมฐานนี้ผลิกแผลงได้
    หรือ ประยุกต์ได้นั้นแหละ

    การกล่าวไปให้เขาทราบว่า มันผลิกแพลงได้ ก็เพื่อให้เขาเห็นทาง

    ทางไหนหละ

    ก็ กรรมฐานกองเดิม คือ พองยุบ นั้นแหละ ผมยังไม่ได้พูดเพื่อให้เขา
    เปลี่ยนกรรมฐานเลย เนาะ

    * * * *

    ไอ้ประเภทเข้ามา เห็นคนหน้าหมั่นไส้ ไม่ทันอ่านให้ได้ความ ก็แย้งเย้วๆ เสร็จ
    แล้วก็อธิบายเป็นคุ้งเป็นแคว ซ้ำกับคนอื่นที่ตนเองว่ายังกับแกะ แบบนี้นะ เชิญ
    แสดงความเก่งกาจของคุณไปเถอะ

    ผมว่า มันก็น่ารักไปอีกแบบแหละ พอเก้อๆ แล้วหายไป เสร็จแล้วก็มาโต้งๆใหม่
    ก็นะรักกันไปตามวาระ เนาะ

    * * * *

    ว่าแต่ว่า ไปอ่าน วิโมกข์8 มาหรือยัง หรือจะทำเจื่อนๆ หายไปเงียบๆแบบเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2010
  14. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ dangcarry [​IMG]
    เอ๊ะ รู้สึกว่าเคยถามท่านเก่ง ไปครั้งหนึ่ง ที่ห้องพุทธภูมิ ว่าท่านปราถนาพุทธภูมิหรือ
    วันนี้จะขออนุญาติถามว่าท่านปราถนาพุทธภูมิ หรือเปล่าค่ะ
    ถ้าไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรน่ะค่ะ แค่อยากถามอ่ะค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    รู้แล้วช่วยให้อะไรๆมันดีขึ้นก็ดีอยู่นะ แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยเพราะเรื่องแบบนี้ใครคิดเองได้ก็เท่ากับว่าเสียรู้กิเลส เหมือนกับไอ้พวกที่ปฏิบัติพออ่านออกเขียนได้สักหน่อยมันก็จะคิดว่าตนเองเป็นอริยะบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีเท่าไรสำหรับผลการปฏิบัติ เหมือนกับคนที่บอกว่าผมนั้นปราถนานรกภูมินั่นแหละ พ่อแม่เขาไม่ได้สั่งไม่ได้สอน ครูบาอาจารย์เขาก็ไม่ได้สั่งไม่ได้สอน ว่าควรทำตัวอย่างไร แถมยังเอารูปหลวงตาบัวมาใช้แล้วยังปฏิบัติตัวอย่างคนขาดการอบรมสั่งสอนเที่ยวไปสอนคนนั้นคนนี้ด้วยโวหารต่างๆนานา แต่ที่จริงปัญญาและภูมิธรรมนั้นมีเท่าหางมด คงรู้นะหางมดคืออะไร(มันไม่มีไง) คุณแดงผมจะปราถนาอะไรก็ตามถ้าต้องการรู้ว่าอะไรอย่างไรก็ใช้การพิจารณาด้วยตนเองดีกว่า เพราะถึงผมบอกว่าผมปราถนาแต่การกระทำต่างๆมันไม่ใช่ก็ไม่น่าจะเกิดประโยชน์อะไรกับคุณ เช่นเดียวกับไอ้พวกมารศาสนาทั้งหลายที่ปากก็บอกว่าตนนั้นดุจดังอริยะบุคคลมากล้นด้วยปัญญา แต่ทั้งการกระทำ คำพูดจิตใจล้วนอยู่ในอเวจีทั้งนั้น จึงไม่มีความดีที่เป็นของตนจริงๆเลย คงไม่ต้องบอกนะว่าใคร คนที่ดีแต่พูด และใช้คำพูดเพื่อให้คนอื่นเสียหายนั้นมันก็เป็นเพียงภูมิหนึ่งที่ต้องรอส่วนบุญส่วนกุศลเท่านั้นเอง เพราะหลงคิดว่าทำสมาธิด้วยมิจฉาทิฐิจะได้กุศล อกุศลกรรมทั้งหลายไม่อาจตามได้ นั่นเพราะมันเป็นพวกมิจฉาทิฐิมันจึงได้ไม่รู้ตัวว่า มันเป็นอยู่และเป็นไปด้วยความหลงในสิ่งต่างๆ ด้วยตัวของมันเองเท่านั้น คุณแดงก็อย่าประมาทแล้วกันนะฟังได้แต่อย่าเชื่อให้พิจารณาเอาครับ ไอ้คนนั้นหนะที่ใช้รูปหลวงตามาบังหน้าหนะถ้าอยากจองเวรให้ถึงชาติสุดท้ายก็อธิฐานเอานะ ถ้าไม่อยากทำอย่างนั้นก็ไปกราบหลวงตาบ้างนะความชั่วในใจที่เป็นเหมือนหอกคอยทิ่มแทงคนอื่นมันจะได้หายไปบ้าง (วิญญาณไม่ดีๆ มันจะได้ออกไปจากจิตใจบ้าง)<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...