ทำบุญต้องทำที่จิตใจ ไม่ได้ทำตามที่เค้าบอกกันมา !?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย markerkab001, 18 ธันวาคม 2010.

  1. markerkab001

    markerkab001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +780
    ผมเคยสังเกตุดูอยู่หลาย ๆ ครั้ง ว่า ทำบุญถวายสังฆทาน สร้างวัด สร้างพระพุทธรูป แล้วได้บุญเยอะ ก็จริงอยู่ แต่คุณไปสร้างวัดสร้างพุทธศาสนา เต็มบ้านเต็มเมือง เพราะความเชื่อที่คุณส่งต่อกันมา ว่าได้บุญเยอะ บ้างก็บอกว่า ทำบุญกับมนุษย์ได้บุญมากกว่าทำบุญกับสัตว์ ผมว่าเป็นความเชื่อที่โง่ ๆ สำหรับคน ๆ หนึ่ง ซึ่งแต่งเรื่องขึ้นมา เพื่อจะให้คนทำบุญ (หนักๆ)เยอะ

    บุญทั้งหลายจะมากหรือจะน้อยย่อมเกิดมาจาก ความอยากช่วย ความไม่หวังสิ่งตอบแทน ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยช่วยมนุษย์ด้วยกันเลย เป็นอะไรที่ผมเกลียดมาก (ยกเว้น พ่อแม่ ผู้มีพระคุณทั้งหลาย พระสงฆ์ และ ศาสนา ขอทาน ผู้อดทุกข์ได้ยาก และ ผู้กำลังจะตาย) เพราะผมเชื่อว่า ทำกับคนที่ไม่รู้จักบาป บุญ ก็เหมือน โยนเศษข้าวลงขี้หมา ไม่มีค่าอะไร มีแต่เสียกับเสีย

    บุญสำหรับผม ทำอะไรก็ได้ที่ดี และ คิดว่าได้บุญ โดยไม่ทำให้คน หรือ สัตว์ เดือดร้อน ปล่อยนก ปล่อยปลา บางคนว่าได้บุญน้อย มันรู้ได้ไงว่ะ ? คนที่ปล่อยสัตว์ให้พ้นจากความทุกข์ และ สัตว์ที่กำลังจะตาย ได้บุญยิ่งกว่าคุณไปช่วยเหลือคนอีก ได้บุญยิ่งกว่าสร้างเจดีย์มหาวิหารอีก คุณไม่คิดหรือ ว่าสัตว์ที่เราช่วยเค้าให้พ้นจากความทุกข์ เค้าต้องอนุโมทนากับเราเป็นแน่

    การทำบุญสำหรับผมอาจจะไม่ตรงกับใคร เพราะผมเป็นคนที่รักสัตว์มาก หมู หมา กา ไก่ ผมว่าเราควรจะช่วยเหลือสัตว์พวกนี้ มันไม่มีใครอยากเกิดมาให้เค้าฆ่าหรอกครับ คุณเกิดมาเป็นหมู คุณอยากให้เค้าฆ่าคุณหรือ ? คุณเกิดเป็นวัว-ควาย คุณอยากให้เค้าฆ่าคุณหรือ ? ไม่มีใครอยากได้รับความทรมานทั้งนั้น แม้แต่ตัวผมเอง ปัจจุบัน ผมยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าคือ ทาน ศีล ภาวนา และ ถือศีล 5 ตลอดชีวิต ไม่กล่าวร้ายผู้มีพระคุณ ควรเคารพผู้มีพระคุณอย่างสูงสุด

    การทำบุญของผม ผมไม่รู้ใครจะคิดยังไง ได้บุญมากหรือน้อย ไม่สนใจ แต่สิ่งที่สำคัญ ผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และ เป็นการสร้างบุญที่ได้ความสุขทั้งตนเองและผู้อื่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ธันวาคม 2010
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ผมขอแสดงความเห็นบ้างครับ ผมเห็นด้วยกับที่คุณว่า “บุญทั้งหลายจะมากจะน้อยย่อมเกิดมาจาก ความอยากช่วย ความไม่หวังสิ่งตอบแทน” เหมือนที่พระพุทธองค์ตรัสว่า “เรากล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม” เจตนาก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นที่ใจก่อน ดังคำพระท่านว่า กามาวจรัง กุสลัง จิตตัง อุปปันนัง โหติ จิตเรานี้แหละคือตัวบุญตัวกุศล ถ้าใจของเรามันดี มันเย็นก็เป็นบุญแล้วครับ แต่ถ้าจะกล่าวถึงเรื่องอานิสงค์ของการทำบุญจะต้องมองกันถึงผู้รับด้วยครับ รวมกับจิตใจของผู้ให้มันก็มีองค์ประกอบ 4 อย่าง คือ จิตใจของผู้ให้บริสุทธิ์ วัตถุหรือปัจจัยที่ให้บริสุทธิ์หามาโดยชอบ ผู้รับบริสุทธิ์มีคุณมาก เป็นพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติหมาดๆ แต่ถ้าไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องอานิสงส์อย่างที่คุณบอกว่า “ได้บุญมากหรือน้อย ไม่สนใจ” ก็สนใจกันที่จิตใจแบบที่คุณว่ามาก็ถูกแล้ว แต่การที่คนอื่นยังอยากได้อานิสงส์ก็ไม่ใช่เรื่องผิด ต้องจัดว่าเป็นบัณฑิต คือผู้ที่คือผู้ที่คำนึงถึงผลประโยชน์ในอนาคตคือรู้ว่าต้องตาย ต้องเกิด ก็มีความคิดที่จะเลือกชีวิตที่ดี ส่วนเรื่องการให้ทานนั้นเป็นสิ่งสำคัญถ้าไม่มีการให้กันแล้วอยู่ร่วมกันไม่ได้เลย ครอบครัวเดียวกันถ้าไม่มีการให้กันเลยอยู่ด้วยกันไม่ได้ต้องแยกกันไป ไม่ว่าเราจะอยู่ในสังคมแบบไหนถ้าไม่มีการให้อยู่ได้ไม่นาน ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ให้หรือผู้รับ ก็ควรมองตามหลักทิศ 6 อย่างพระสงฆ์นี่จัดเป็นเบื้องบน การปฏิบัติกับแต่ละทิศก็แตกต่างกัน ถ้าเราไม่ให้ทานกับพระสงฆ์เลยศาสนาพุทธอยู่ไม่ได้แน่นอนพระท่านหนึ่งว่า ไม่เกินหนึ่งเดือนพระเณรสึกหมด ศาสนาพุทธอยู่ได้ด้วยทานจริงๆ บางทีเขาทำทานแต่กับศาสนาพุทธไม่ทำกับสัตว์เลยก็จะไปว่าเขาไม่ได้เหมือนกันครับ มันขึ้นกับจุดประสงค์ของแต่ละคน
     
  3. poomdunn

    poomdunn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    270
    ค่าพลัง:
    +380
    <TABLE id=post4162790 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4162790 class=alt1>ผมขอแสดงความเห็นบ้างครับ ผมเห็นด้วยกับที่คุณว่า “บุญทั้งหลายจะมากจะน้อยย่อมเกิดมาจาก ความอยากช่วย ความไม่หวังสิ่งตอบแทน” เหมือนที่พระพุทธองค์ตรัสว่า “เรากล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม” เจตนาก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นที่ใจก่อน ดังคำพระท่านว่า กามาวจรัง กุสลัง จิตตัง อุปปันนัง โหติ จิตเรานี้แหละคือตัวบุญตัวกุศล ถ้าใจของเรามันดี มันเย็นก็เป็นบุญแล้วครับ แต่ถ้าจะกล่าวถึงเรื่องอานิสงค์ของการทำบุญจะต้องมองกันถึงผู้รับด้วยครับ รวมกับจิตใจของผู้ให้มันก็มีองค์ประกอบ 4 อย่าง คือ จิตใจของผู้ให้บริสุทธิ์ วัตถุหรือปัจจัยที่ให้บริสุทธิ์หามาโดยชอบ ผู้รับบริสุทธิ์มีคุณมาก เป็นพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติหมาดๆ แต่ถ้าไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องอานิสงส์อย่างที่คุณบอกว่า “ได้บุญมากหรือน้อย ไม่สนใจ” ก็สนใจกันที่จิตใจแบบที่คุณว่ามาก็ถูกแล้ว แต่การที่คนอื่นยังอยากได้อานิสงส์ก็ไม่ใช่เรื่องผิด ต้องจัดว่าเป็นบัณฑิต คือผู้ที่คือผู้ที่คำนึงถึงผลประโยชน์ในอนาคตคือรู้ว่าต้องตาย ต้องเกิด ก็มีความคิดที่จะเลือกชีวิตที่ดี ส่วนเรื่องการให้ทานนั้นเป็นสิ่งสำคัญถ้าไม่มีการให้กันแล้วอยู่ร่วมกันไม่ได้เลย ครอบครัวเดียวกันถ้าไม่มีการให้กันเลยอยู่ด้วยกันไม่ได้ต้องแยกกันไป ไม่ว่าเราจะอยู่ในสังคมแบบไหนถ้าไม่มีการให้อยู่ได้ไม่นาน ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ให้หรือผู้รับ ก็ควรมองตามหลักทิศ 6 อย่างพระสงฆ์นี่จัดเป็นเบื้องบน การปฏิบัติกับแต่ละทิศก็แตกต่างกัน ถ้าเราไม่ให้ทานกับพระสงฆ์เลยศาสนาพุทธอยู่ไม่ได้แน่นอนพระท่านหนึ่งว่า ไม่เกินหนึ่งเดือนพระเณรสึกหมด ศาสนาพุทธอยู่ได้ด้วยทานจริงๆ บางทีเขาทำทานแต่กับศาสนาพุทธไม่ทำกับสัตว์เลยก็จะไปว่าเขาไม่ได้เหมือนกันครับ มันขึ้นกับจุดประสงค์ของแต่ละคน<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2>[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("4162790")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right>[​IMG] [​IMG] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ผมขอแสดงความเห็นบ้างครับ ผมเห็นด้วยกับที่คุณว่า “บุญทั้งหลายจะมากจะน้อยย่อมเกิดมาจาก ความอยากช่วย ความไม่หวังสิ่งตอบแทน” เหมือนที่พระพุทธองค์ตรัสว่า “เรากล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม” เจตนาก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นที่ใจก่อน ดังคำพระท่านว่า กามาวจรัง กุสลัง จิตตัง อุปปันนัง โหติ จิตเรานี้แหละคือตัวบุญตัวกุศล ถ้าใจของเรามันดี มันเย็นก็เป็นบุญแล้วครับ แต่ถ้าจะกล่าวถึงเรื่องอานิสงค์ของการทำบุญจะต้องมองกันถึงผู้รับด้วยครับ รวมกับจิตใจของผู้ให้มันก็มีองค์ประกอบ 4 อย่าง คือ จิตใจของผู้ให้บริสุทธิ์ วัตถุหรือปัจจัยที่ให้บริสุทธิ์หามาโดยชอบ ผู้รับบริสุทธิ์มีคุณมาก เป็นพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติหมาดๆ แต่ถ้าไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องอานิสงส์อย่างที่คุณบอกว่า “ได้บุญมากหรือน้อย ไม่สนใจ” ก็สนใจกันที่จิตใจแบบที่คุณว่ามาก็ถูกแล้ว แต่การที่คนอื่นยังอยากได้อานิสงส์ก็ไม่ใช่เรื่องผิด ต้องจัดว่าเป็นบัณฑิต Anumotana satu satu.
     
  4. uchen

    uchen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +122
    ขอเสนอและช่วยพิจราณาฟังพุทธโอวาท ของพระพุทธองค์ 3 เดือน ก่อนพระปรินิพพาน ซึ่งช่วงหนึ่งบอกเกี่ยวการทำทาน
    -การทำทานทุกอย่างได้รับกศุลทุกอย่าง และยิ่งได้ครบองค์ 3 มี ทานที่หามาได้บริสุทธิ์ 1 จิตใจขณะให้ก็บริสุทธิ์ 1 ผู้รับก็บริสุทธิ์1 และจะให้ทานที่มีผลมากละก็ ให้ทานแก่ผู้ที่มีศิลบริสุทธฺ์ จะมีผลมาก ตามสำนัก สถานที่ที่เราเลื่อมใส...

    ลองเปิดฟังรายละเอียดเพิ่มเติมจะดีกว่า ครับ
    พุทธโอวาท 3 เดือนก่อนปรินิพพาน (ธรรมคีตะ)

    ขออนูโมทนาบุญทุกๆ คนที่คอมเม้น ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...