เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สไตล์เท่ของ คนไร้บ้าน


    ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ 22-09-2009
    [​IMG]

    Scott Schuman บล็อกเกอร์แฟชั่นระดับโลกชาวอเมริกัน หลงเสน่ห์คนไร้บ้าน ตระเวนถ่ายรูปชายเร่ร่อนแต่งตัวมีสไตล์ สะท้อนไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
    เมื่อ พูดถึง "คนเร่ร่อน" หรือ "คนไร้บ้าน" ผมแน่ใจว่า ทุกคนต้องนึกถึงคนที่เดินอย่างไร้จุดหมายอยู่ข้างถนน แต่งตัวสกปรกมอมแมม บางคนที่เร่ร่อนมานานเสื้อผ้าก็จะขาดวิ่น รุ่งริ่ง ซึ่งมันก็แน่นอนอยู่แล้วที่จะเป็นแบบนั้น เพราะคนเร่ร่อนที่ไหนจะไปมีกะจิตกะใจคิดเรื่องแฟชั่น เพราะแต่ละวันของชีวิตแค่คิดเรื่องหาเงินมาซื้อข้าวกินอย่างเดียวก็ครบ 24 ชั่วโมงแล้ว
    อย่างไรก็ตาม แฟชั่นก็พร้อมเสมอที่จะทำหน้าที่เป็น "ตัวช่วย" เพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้สวมใส่ เพราะในที่สุด โลกก็ได้ค้นพบ "คนไร้บ้าน" ที่มีกะจิตกะใจคิดเรื่อง "แฟชั่น" พอๆ กับเรื่องหาเงินมาซื้อข้าวกิน ซึ่งคนไร้บ้านคนนี้ทำให้เราได้รู้ว่า บนโลกนี้ ก็ยังมีคนไร้บ้านอยู่คนหนึ่งที่ไม่คิดยอมแพ้กับสิ่งเลวร้ายในชีวิตที่เขา กำลังเผชิญ
    โดยมีคนไปค้นพบคนไร้บ้านคนนี้ "นั่งเฉยๆ" อยู่กลางกรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่แม้เขาจะนั่งเฉยๆ โดยไม่ยอมพูดยอมจากับใคร แต่เขาก็สามารถใช้ "เสื้อผ้า" เป็นตัว "ส่งสาร" ให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา (ที่เป็นคนช่างสังเกตหน่อย) รับรู้ได้ว่า คนไร้บ้านอย่างเขานั้น เป็นคนไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมอันเลวร้ายในชีวิตของตัวเอง
    แต่ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับ "คนไร้บ้านผู้นำแฟชั่น" คนนี้ เรามาทำความรู้จักกับคนที่ค้นพบเขากันก่อนดีกว่า เพราะถ้าปราศจากสายตาอันแหลมคมของผู้ชายคนนี้ เราก็คงไม่มีโอกาสได้รู้ว่า จริงๆ แล้ว คนไร้บ้าน (บางคน) เขาก็ให้ความสำคัญกับเรื่องการแต่งเนื้อแต่งตัวเหมือนกัน
    ผู้ชายคนที่ว่าก็คือ Scott Schuman บล็อกเกอร์แฟชั่นระดับโลกชาวอเมริกัน จากมลรัฐอินเดียน่า ที่เขาสร้างบล็อกแฟชั่นชื่อว่า "The Sartorialist" จนโด่งดังในหมู่แฟชั่นนิสต้าทั่วโลกที่นิยมเสพแฟชั่นทางอินเทอร์เน็ต
    จุดเด่นในบล็อก The Sartorialist ที่ทำให้ชื่อของ Scott Schuman กลายเป็นหนึ่งใน "ผู้สร้างแรงบันดาลใจทางแฟชั่น" คนสำคัญของโลก ก็มาจากสายตาอันแหลมคมของเขาที่สอดส่ายหา "คนเดินถนน" ในนิวยอร์กที่แต่งตัวดี แล้วก็ถ่ายรูปมาโพสต์ลงบล็อก ซึ่งบางครั้งรูปถ่ายก็มาพร้อมคำวิจารณ์สั้นๆ ถึงที่มาที่ไปหรือเทรนด์การแต่งตัวที่ Scott มองเห็นจากสิ่งที่ผู้คนเดินถนนสวมใส่
    Scott Schuman เริ่มสร้างบล็อก The Sartorialist ครั้งแรก เมื่อเดือนกันยายน ปี 2005 ซึ่งก่อนหน้าที่เขาจะตัดสินใจสร้างบล็อก Scott เคยทำงานในวงการแฟชั่นมานานถึง 15 ปี โดยเขาเป็นถึงระดับผู้บริหารฝ่ายการตลาดของโชว์รูมแบรนด์แฟชั่นชั้นสูงหลาย แห่งในนิวยอร์ก รวมทั้งเปิดโชว์รูมของตัวเองเพื่อทำการตลาดให้กับกลุ่มดีไซเนอร์หน้าใหม่ แต่เมื่อแปดปีก่อน Scott ตัดสินใจอำลาวงการแฟชั่น เพราะอยากทุ่มเทเวลาให้กับการเลี้ยงลูก
    อย่างไรก็ตาม ด้วยความชอบส่วนตัวในเรื่องการถ่ายภาพพอๆ กับที่เขาชอบแฟชั่น Scott จึงตัดสินใจสร้างบล็อกเพื่อโพสต์ภาพถ่ายแฟชั่นของตัวเองลงในอินเทอร์เน็ตทำ เป็นงานอดิเรกยามว่าง
    แต่ Scott ไม่เคยอยากเป็นช่างภาพแฟชั่นและไม่เคยเรียกตัวเองว่าช่างภาพแฟชั่น เพราะการถ่ายภาพ "คนเดินถนนที่แต่งตัวดี" ของ Scott ทำไปเพื่อช่วยดีไซเนอร์สรรหา "แรงบันดาลใจ" นำไปใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองโดยที่ Scott ไม่คิดเงินแม้แต่เหรียญเดียว
    แต่ปรากฏว่าสิ่งดีๆ ที่ Scott ทำให้กับวงการแฟชั่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน กลับส่งให้ชื่อบล็อก The Sartorialist ของ Scott Schuman ประสบความสำเร็จในระดับโลก เป็นบล็อกที่แฟชั่นนิสต้าและคนในวงการแฟชั่นจากทั่วโลกต้องเข้ามาดู จนทำให้ Style.com เว็บไซต์แฟชั่นระดับหัวแถวของโลก เจ้าของเดียวกับนิตยสาร Vogue ต้องติดต่อ Scott เพื่อจ้างให้เขาทำอย่างเดียวกันโพสต์ลงใน Style.com โดยให้ Scott ไปตะลุยถ่ายรูป "คนเดินถนนแต่งตัวดี" ในนิวยอร์กแฟชั่นวีค ก่อนจะขยายไปถึงลอนดอนแฟชั่นวีค มิลานแฟชั่นวีค และปารีสแฟชั่นวีค
    ความโด่งดังของบล็อก The Sartorialist ทำให้ในปี 2007 ที่ผ่านมา Scott Schuman ติดอันดับ "Men Of The Year" ของ Askmen.com ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความหล่อเหลาของตัว Scott เอง ทำให้ในฤดูหนาวปี 2008 ที่ผ่านมา Scott ยังถูกจ้างให้เป็น "นายแบบโฆษณา" ให้กับแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังอย่าง Gap อีกด้วย และล่าสุดปี 2009 Scott ยังถูกจ้างให้ถ่ายภาพให้กับโฆษณา DKNY Jeans และปัจจุบันนิตยสาร Time ยังเลือกบล็อก The Sartorialist ให้เป็น 1 ใน 100 สิ่งที่มีอิทธิพลต่อวงการออกแบบโลก พร้อมๆ กับที่ Vogue อังกฤษ ฉบับล่าสุด กันยายน 2009 ยังมีสกู๊ปพิเศษเกี่ยวกับบล็อก The Sartorialist และตัว Scott Schuman ยาวถึงสี่หน้าเต็มๆ
    บล็อก The Sartorialist กับตัว Scott Schuman ยิ่งใหญ่คับโลกแฟชั่นขนาดนี้ แล้ว Scott มองเห็นอะไรในการแต่งกายของ "คนไร้บ้าน" อย่างที่ผมเกริ่นไว้ตอนต้น จน Scott ต้องถ่ายรูปชายเร่ร่อนข้างถนนคนนี้มาโพสต์ลงในบล็อก The Sartorialist ของเขาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2009 ที่ผ่านมา
    โดย Scott เขียนบอกไว้ว่า ปกติแล้วเขาจะไม่ถ่ายภาพคนเร่ร่อน เพราะมันไม่มีความโรแมนติกหรือน่าดึงดูด เพราะ Scott รู้ว่า คนเร่ร่อนกำลังเผชิญกับความลำบากและไม่มีความสุขกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน ชีวิต แต่ Scott ก็รู้สึกแปลกใจตัวเองที่เขากลับอยากถ่ายภาพชายไร้บ้านคนหนึ่งที่เขาพบโดย บังเอิญอยู่ข้างถนนมาโพสต์ลงบล็อก The Sartorialist ให้ทุกคนได้ดู เพราะ Scott รู้สึกได้ถึงพลังและเสน่ห์ดึงดูดของชายเร่ร่อนคนนี้ แต่ในขณะที่เขากดชัตเตอร์ Scott ก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าพลังและเสน่ห์ดึงดูดของชายเร่ร่อนคนนี้อยู่ตรง ไหน?
    แต่เมื่อ Scott กลับบ้านมานั่งพิจารณารูปถ่ายของชายไร้บ้านคนนี้อีกครั้ง เขาจึงเริ่มเข้าใจตัวเอง ว่าทำไมเขาถึงอยากถ่ายรูปชายไร้บ้านคนนี้นักหนา เพราะ Scott มองว่า คนเร่ร่อนทั่วไปน่าจะเป็นคนจำพวกที่ "หมดหวัง" กับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไปแล้ว แต่ปรากฏว่า ชายไร้บ้านคนที่ Scott พบเจอ เขากลับใช้ "เสื้อผ้า" เป็นตัว "ส่งสาร" ให้โลกเห็นว่า เขายังไม่หมดหวังกับชีวิตของตัวเองเหมือนกับคนเร่ร่อนทั่วไป
    ซึ่งถ้าเราลองสังเกตการแต่งตัวของชายไร้บ้านผิวดำคนนี้ให้ดีๆ จะเห็นว่า เขาจับคู่ "สีดำ" และ "สีฟ้า" มารวมอยู่บนตัวเขาได้อย่างลงตัว ทั้งรองเท้าบูตสีฟ้าอ่อน ถุงเท้าสีฟ้า ถุงมือสีดำปักประดับด้วยลวดลายสีฟ้า แว่นตากรอบสีฟ้า กางเกงยีนส์ขาสั้นสีฟ้าสวมทับกางเกงขายาวสีดำ และสวมเสื้อถักสีดำสวมทับด้วยแจ๊คเก็ตสีดำ
    การแต่งกายของชายไร้บ้านผิวดำคนนี้ทำให้ Scott Schuman รู้สึกว่า ภาพถ่ายของเขาภาพนี้เป็นมากกว่า "แฟชั่น" เพราะมันเป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นคน "ไม่มีวาสนา" แต่ก็ยังไม่มีวัน "ยอมแพ้" ต่อโชคชะตาอันย่ำแย่ของตัวเอง โดยใช้สิ่งที่เรียกว่า "สไตล์" เป็นตัว "ส่งสาร" และ "แสดงออก" ให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความรู้สึก”ไม่ยอมแพ้” ของตัวเอง
    นั่นคือ ความรู้สึกของ Scott Schuman แต่สำหรับตัวผมเอง คราวนี้ผมได้ไอเดียแต่งตัวไปทำเท่แถวสยามวันอาทิตย์นี้แล้วล่ะ เพราะในตู้เสื้อผ้าของผมมีกางเกงยีนส์ขาสั้นสีฟ้ากับกางเกงขายาวสีดำอยู่พอ ดี

    เครดิต สไตล์เท่ของ คนไร้บ้าน : Fashion ผู้หญิง แฟชั่น : Media Thai
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <CENTER>ไปอเมริกา เอามาม่าไปมั่กมาก

    </CENTER>


    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ชีวิตในกรุงวอชิงตัน ดีซี นั้น ค่าใช้จ่ายไม่ถูกเลย [/FONT]
    เช่นโรงแรม HAMILTON ห่างกัน 100 เมตร ที่พักปกติ 250 ดอลล่าร์ ต่อคืน โชคดีที่ผมหาที่พักเป็น HOSTEL ได้ในราคา 24 ดอลล่าร์ต่อคืน แต่พักรวม ห้องละสิบคนเตียงสองชั้น 5 เตียงต่อห้อง คนมาใช้บบริการไม่ขาดเลย ชื่อโรงแรม HI WASHINGTON HOSTEL จองได้ล่วงหน้าทาง internet หาที่นอนถูกๆประหยัดได้โขทีเดียว
    [​IMG]
    บรรยากาศห้อง[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]อาหารเช้า 1 ดอลล่าร์[/FONT]ที่โรงแรมนี้

    พวกเราที่ไปจากเมืองไทยหรือแม้แต่ชาติเอเชียทั้งหลาย นอกจากที่พักแล้ว ต่างมองหากันอย่างใจจดใจจ่อว่า ร้านอาหารที่ไหนถูกที่สุด รสชาติพอกินได้ หรือรับประทานแล้วไม่มีเลือดออกจากร่างกาย ร้านที่ไหนที่จะซื้อของใช้ส่วนตัวได้สะดวก จะนั่งรถแบบไหนดีนะ จะโทรศัพท์กลับบ้านได้อย่างไรหนอ ส่งจดหมายได้ที่ไหน จะจับจ่ายที่ไหนดีที่จะไม่ทำให้ หรือกระเป๋าฉีกขาด

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]HI LIGHT[/FONT] ของวันนี้ผมขอแนะนำด้วยใจจริงเลยว่า พวกเราที่เบี้ยน้อยหอยน้อย ถ้าจะหาซื้อของฝาก แบรนด์เนมทั้งหลายแล้ว ขอฝากชื่อ Potomac mills ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของท่านเป็นชื่อที่ 1 และไม่มีชื่ออื่นอีกเด็ดขาด


    Potomac mills อยู่ทางตะวันออกของวอชิงตัน ข้ามแม่น้ำโปโตแมคไปรัฐแมรีแลนด์ ฟังดูเหมือนไกล แต่ความจริงเหมือนข้ามจากจุฬาไปฝั่งธน ผ่านสนามบินโรนัลด์รีแกน ผ่านเขตชานเมืองไปอีกราวสี่สิบกิโลเมตร ชมวิวทิวทัศน์ และป่าไม้สองข้างทางสวยงามดีไม่น้อย ไปได้ไม่ยากเลย ไกลหน่อยเท่านั้นแต่ไปไม่ยากครับรับรอง ผมกับพี่หม่อมออกจาก Ronald Reagan Building ไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินจากสถานี Metro center ไปลงสถานี Franconia-Springfield คนละ 2 ดอลล่าร์ แล้วไปนั่งรอรถบัสที่ระบุปลายทาง ว่า OmniRide ที่นี่เราได้พบกับน้องนักเรียนชาวไทยที่พาพี่สาวมาซื้อของเช่นกัน เขาแนะนำว่าถ้าชอบนาฬิกาอย่าลืมแวะร้านชื่อ FOSSIL ขายถูกมาก ตั้งแต่ 19 ดอลล่าร์ก็มีสวยๆแล้ว เอาล่ะครับ...รถบัสมาแล้ว ก็ขึ้นไปจอดป้าย potomac ก็ลงได้เลย
    ที่นี่เป็นร้าน OUTLET ที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุด ดีที่สุดในอเมริกา เดินทั้งวันก็ไม่ทั่วหรอกครับ มีเกือบหมดที่ท่านอยากได้ น้อยมากที่จะไม่มี มีของแบรนด์เนมที่ขายถูกที่สุด ผมก็ซื้อนาฬิกา GUESS ราคา 69 ดอลล่าร์ และ FOSSIL ราคา 19 -29 ดอลล่าร์มาแล้ว รวม 7 เรือน ผมเชื่อว่าถ้าเป็นของวางขายที่เมืองไทยและราคาที่เมืองไทย ผมคงไม่กล้าควักสตางค์ซื้อแน่ ราคาถูกกว่าที่บ้านเรามากโข มองหาตำหนิก็ไม่ปรากฎ
    พี่หม่อมซื้อนาฬิกาอะดิดาส 29 เหรียญก็ประมาณ 1000 บาท แบบเดียวกันเลยครับที่ร้านปลอดภาษีสนามบินนาริตะ ขาย 8900 เยนตกเกือบ 3000 บาท กล้อง nikon D 40 เมืองไทย 23500 บาท นาริตะ 29000 ที่นี่ถามแล้ว 21000 บาทเท่านั้นแต่ไม่แน่ใจว่าส่วนประกอบปลีกย่อยจะต่างกันหรือไม่นะครับ แต่ความรู้สึกมันบอกตัวเองชัดว่าที่นี่ถูกกว่าจมเลย
    อย่างอื่นที่น่าซื้อก็มีมากกระเป๋าสุภาพสตรี เข็มขัด และเสื้อผ้า แต่สำหรับท่านที่มองหาลีวายส์ หวังว่าจะติดตราเมดอิน USAแล้ว ต้องหงายหลังเหมือนผมแน่ครับท่าน เมดอินแกมโบเดีย กัวเตมาลา ไชน่า อะไรทำนองนั้นทั้งสิ้น สรุป....สินค้าที่มีขายน้อยมากที่ทำในอเมริกา แรงแพงมาก อาจจะมีบางรุ่นหรอกที่ทำ แต่น้อยกว่าน้อยครับท่าน...


    [​IMG]

    การเดินทางนั้นขอแนะนำให้ท่านใช้เมโทรหรือรถไฟฟ้าใต้ดินเถิด เนื่องจากมีโครงข่ายครอบคลุมมากทั้งนอกเมืองและโครงข่ายใต้ดินในใจกลางเมือง เขามีแผนที่แจกทั่วไปฟรี มีสถานีที่ไหนท่านจะสังเกตเสาสี่เหลี่ยมสูงราวสองเมตรสีน้ำตาลเข้มริมถนน เขียน M หรือ Metro เป็นที่สังเกต มีห้าสายห้าสี ถ้าสายไหนไปไม่ถึงจุดหมายของท่าน ก็สามารถต่ออีกสายได้เลยในราคาที่จ่ายแล้วไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีก สะดวก สะอาดและปลอดภัย ราคาถูกที่สุดแล้ว เท่าที่ใช้บริการมาจ่ายครั้งละ 1 เหรียญ จนถึง 3 เหรียญกว่าเท่านั้น ผมว่าเผลอๆถูกกว่านั่งแท็กซี่บ้านเราอีก

    แต่ท่านอย่าเผลอไปนั่งแท็กซี่โดยไม่จำเป็นนะครับ ที่นี่แพงกว่าเมืองไทยมาก ยิ่งไกลยิ่งข้ามเขตยิ่งแพง แล้วยังต้องให้ทิปคนขับด้วย 1 เหรียญ
    ที่นี่เรียกแท็กซี่ว่าแคบ CAB โบกได้ข้างถนนเหมือนกันกับบ้านเรา
    การขับรถเที่ยวเองนั้น ต้องเผื่อการจอดริมถนนสาธารณะด้วยนะครับท่าน ค่าจอดคิดรายชั่วโมงทีเดียว ที่นี่ไม่ค่อยมีการใช้รถยนต์ส่วนตัวกันมากนัก เนื่องจากหาที่จอดลำบาก แพงและไม่พอกันจอด เมโทรหรือรถไฟฟ้าใต้ดินนั่นดีที่สุด ส่วนรถบัสประจำทางก็มีให้บริการครับ อย่าพยายามขึ้นกลางคืนนัก อาจไม่ค่อยปลอดภัยจากการจี้ ปล้น ป้องกันไว้ก่อนนะครับ




    [​IMG]

    ตามประสาคนชอบกาแฟครับ ผมมองอยู่นอนสองนาน ทำไมคนที่นี่กินกาแฟยี่ห้ออื่นไม่เป็นเอาเสียเลย วันก่อนไปร่วมการประชุม AAO HNS 2007 ที่ convention hall ของวอชิงตัน เขาก็เลี้ยงสตาร์บักส์ กาแฟบันลือโลก ฟรี พร้อมขนมปัง กินไว้ก่อนแหละครับ ประหยัดเงินบ้านเรา อะไรที่พอประหยัดได้ก็ต้องทำ พวกเราที่มาประชุมก็พูดเหมือนกัน บางรายห่อข้าวและห่อกับแบบกระป๋องมาด้วย บางท่านเอามาม่ามามั่กมากเลยก็มี มาอุ่นกินที่หอพักก็ได้...อย่างพี่อัญชลี ที่มาชมและวิจารณ์หนังเรื่องแหยม ยโสธรที่มาฉายในเทศกาลหนัง..ที่สถาบันสมิธโซเนี่ยน ก็ชอบที่จะทำวิธีนี้.. แต่ต้องเอาชนิดบรรจุในกระป๋องมิดชิดนะครับ ไม่งั้นอาจถูกยึดไว้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง อดกินแน่นอน การทำแบบนี้ช่วยประหยัดค่าอาหารได้อื้อๆทีเดียว
    มาเรื่องกาแฟต่อ..... อดใจไม่ไหว ขอไปเข้าแถวซื้อตอนเช้าๆกับเขาเสียหน่อย ร้านสตาร์บักส์จะมีเกือบทุกสองสามบล็อก โดยเฉพาะใกล้ๆโรงแรม พวกนี้จะตื่นแต่เช้าไม่กินข้าว แต่งตัวเสร็จออกจากบ้าน มาแล้วต่อแถวซื้อกาแฟร้อน 2-3 เหรียญกับขนมปัง 1.5 เหรียญ แล้วพวกก็เดินดุ่ยๆไปที่ทำงานกัน ราคากาแฟสตาร์บักส์ที่นี่ใกล้เคียงกับที่กรุงเทพ ทั้งๆที่อยู่คนละซีกโลก ได้แล้วก็มาชิมดูซิว่ารสชาติจะน่าอภิรมย์ สมกับที่นั่งเรือบินมา 18 ชั่วโมงเพื่อกาแฟถ้วยนี้มั้ย คาตอบคือ โอจอร์จ ...มันเยี่ยมยอดมาก แต่พี่หม่อมชิมแล้ว...ส่ายหน้า...ขนมน่ะใช่.... แต่กาแฟน่ะไม่..


    [​IMG]

    ริมถนนรนแคมกลางวอชิงตัน แม้แต่ถนนเพนซิลเวเนีย ที่ขึ้นชื่อนักว่าสวยสดหยดย้อย ยังมีรถเข็นขายเครื่องดื่ม และขนมกรอบกรุบขบเคี้ยวอยู่เป็นระยะ เกือบร้อยละร้อยขายโดยเถ้าแก่ผิวดำ หรือคนผิวดำมาส่งให้ผิวเหลืองขาย มีทั้งน้ำอัดลม นมสด นมกล่อง น้ำผลไม้ น้ำแร่ น้ำเปล่า 1 ดอลล่าร์ ฝาปิดของเขามิดชิดดีมาก และต้องบีบเพื่อดื่มคล้ายนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีกดื่มกัน



    [​IMG]
    ร้านขายเสื้อผ้าราคาประหยัดริมทาง 3 ตัว 10 ดอลล่าร์เท่านั้น หรือถูกกว่าก็มี เชิญเลือกได้ตามสบาย ของที่ระลึกก็มีขาย คนขายหน้าตาคล้ายคนจีนหรือเอเชียมากที่เดียว อย่างว่าแหละครับ คนที่ชอบของราคาประหยัดก็ย่อมมีเป็นธรรมดา คนไม่ได้รวยล้นฟ้าหรือมีห้าหกแสนล้านไปเทียวซื้อทีมฟุตบอลไปซะทุกคนเสียเมื่อไหร่ ที่นี่เมืองประชาธิปไตย มีรวย มีจน ที่ต้องทนลำบากกินอดๆอยากๆก็มีทุกที่แหละ ที่นี่เรายังเห็นขอทานข้างถนน หรือคนไร้บ้านนอนตามที่นั่งบาทวิถีก็มีให้เห็นตอนเช้ามืดมีไม่น้อย


    [​IMG]

    ถ้าจะกินซีฟู้ด ที่นี่ถึงผมจะไม่ใช่ลูกและไม่ใช่หลานแม่ช้อยนางรำ แต่ขอแนะนำว่าร้านบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดของมิสเตอร์ฟิลลิป แถวท่าเรือยอช์ทนั้นไม่เลวทีเดียว ท่านอาจเดินลัดเลาะริมน้ำจากไทดัลเบซินไปทางเหนือสักสิบห้านาที ผ่านสี่แยก มุดใต้สะพานต่างระดับ ไปจนถึงย่านร้านอาหาร ที่นี่เพียงท่านจ่าย 26 เหรียญไม่รวมค่าน้ำดื่ม ที่อาจรวมเป็น 34 เหรียญได้ในสองแก้วสไปรต์ ท่านจะได้ลิ้มรสชาติของอาหารทะเลนานาชนิดแบบบุฟเฟ่ต์ ไม่อั้นบอกเลยว่าไม่อั้น ปูอลาสก้าตัวโตๆ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวอวบอ้วน และอื่นๆอีกมากมายหลายสิบเมนู ท่านจงนั่งลงแล้วค่อยๆเพลิดเพลินกับการรับประทานเถิด...ไปตักได้เรื่อยๆ ...แต่สำหรับผมคนชอบกินข้าว ก็ไม่พ้นข้าวผัดกับเนื่อหมูย่างร้อนๆ อยู่ท้องกว่ากันเยอะน่ะ...ร้านนี้พนักงานมีแต่คนผิวสี อัธยาศัยดี และหมั่นเสิร์ฟจริงๆ ไปตอนสี่ห้าโมงเย็นกำลังพอดีครับ พอทุ่มหนึ่งล่ะก็ คนเริ่มแน่น แสดงว่าขึ้นชื่อลือชาเรื่องการกินได้ไม่อั้น แต่รสชาติจะประเสริฐกว่านี้ลิบลับถ้าได้น้ำจิ้มทะเลจากระยองหรือจันทบุรี..พับผ่ายสิ

    แนะนำอีกสองที่แล้วกันครับคือฟู้ดคอร์ตชั้นใต้ดินอาคารโรนัลด์ รีแกนประมาณถนน 12 ใกล้กับ THE MALL มีร้านอาหารเกือบยี่สิบร้าน ท้ายสุดมีร้านอาหารจีน เมนูและรสชาติคล้ายตามสั่งบ้านเรา อร่อยมาก ราคาจานใหญ่ๆเลย 4 - 5 เหรียญ จานเดียวแบ่งกันหรือกินด้วยกัน กินอิ่มสองคนได้เลย น้ำเปล่าอีกหนึ่งเหรียญ รวมแล้วเกือบสองร้อยบาท แค่นี้ก็สบายท้องแล้ว มากินสามเวลาตกวันละเกือบหกร้อยทีเดียว ที่นี่ผมชอบมากินมากเวลาเที่ยงกับเย็น เขาปิดทุ่มตรงครับ ซื้อห่อไปกินโรงแรมก็ได้นะครับ แต่ถ้ากินแต่มาม่าที่ห่อมาทุกมื้อก็จะอืดไปหน่อย....
    อีกที่คือ ย่านไชน่าทาวน์ ไม่ไกลจากดีซี คอนเวชั่นฮอลล์เท่าใดนักไปทางเหนือ เดินไปได้ในห้านาที ประมาณถนน 6-7 มีร้านอาหารหลายร้าน ร้านอาหารเม็กซิกันจำพวกโทปาสที่ประกอบด้วยเนื้อบดต้ม หมู หรือไก่ ถั่ว ผัก ซ้อสตักวางบนแผ่นแป้งแล้วห่อเป็นก้อนโตๆเหมือนโรตี กัดคำใหญ่ๆรสชาติอร่อยใช้ได้เลย ราคา 2-3 เหรียญ ไม่รวมน้ำดื่ม มีที่นั่งกินด้วยคล้ายร้านเคเอฟซี หรือแมคดอนัลด์บ้านเราล่ะครับ ที่นี่ตอนกลางคืนท่านอาจได้เห็นบรรยากาศคล้ายพัฒน์พงษ์บ้านเราบ้าง โดยเฉพาะสีสันจากสาวน้อยผิวดำและสาวประเภทสอง แต่หวือหวาน้อยกว่าที่กรุงเทพมาก ย่านนี้มีร้านอาหารที่บริกรสาวๆนุ่งน้อยห่มน้อยให้เห็นอยู่บ้างประปราย

    มีอยู่วันหนึ่ง....ไปกินกลางวันที่ร้านหรูหน่อย หน้าดีซีคอนเวนชั่นฮอลล์ ใกล้ที่พัก ร้านชื่อ ACADIANA มีรายการ อาหารชุดเรียก บรั้นช brunch ท่านอาจพอเดาได้ว่ามาจาก breakfast + lunch ที่นี่ 32 เหรียญครับ เลือกเมนูได้ เริ่มด้วยน้ำเปล่าขนมปังกรอบนุ่มทาครีมอร่อยมาก ทางร้านบอกว่านี่ฟรีครับ จานที่ 1 ซุปเต่า โอมายก้าด...มีเหล้าจีนถ้วยเล็กมาให้จิบๆนำทางก่อนด้วย รสชาติซุปเต่าเข้มข้นออกเค็มนำมาโด่งเลย ตามด้วยกุ้งอบซ้อสที่ไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเค็มของทางร้าน แม่ครัวผิวสีออกไปทางโอเชี่ยนเนี่ยน อุตส่าห์เดินมาจากครัวบอกว่า please enjoy ผมเหงื่อตก ต้องทนฝืนป้อนตัวเองได้เกือบครึ่งจาน คิดว่าคงอร่อยเต็มสูบของทางร้านเขาเลยล่ะ ไม่งั้นคงไม่ภูมิใจเสนอหรอก ตบท้ายด้วยไอสกรีมผลไม้สดสามก้อน ต่างชนิดกัน อันนี้สิครับช่วยกู้วิกฤติของมื้อเที่ยงไปได้ รสชาติหอมหวาน เจือเค็มนิดๆที่อุตส่าห์โรยผิวก้อนไอติมมาด้วย ข้างฝ่ายพี่หม่อมที่อุตส่าห์บรรจงเลือกร้านแล้วว่านี่น่าจะโดนสุดแล้วถึงกับออกปากเลย....ถ้ารู้อย่างนี้นะกินแต่ขนมปังที่เสิร์ฟฟรีไหม... ฮา....ผมขำก๊ากเลย ของแพงอาจไม่ไอร่อยเสมอไปจริงๆนะท่าน









    [​IMG]
    รถไฟใต้ดิน มุดดินเฉพาะในเมือง ออกนอกเมืองโผล่อยู่บนดิน
    สรุปว่า การกินอยู่ประหยัดสุดอาจคิดอย่างนี้ครับ วันหนึ่งต้องจ่ายค่าที่พัก 24 เหรียญคือประมาณ 700 ร้อยบาท ค่าอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ห้าอย่างที่โรงแรม 1 เหรียญ กลางวันที่ฟู้ดคอร์ท 5 เหรียญ ตอนเย็นที่ฟู้ดคอร์ท 5 เหรียญ ค่ารถไฟฟ้าใต้ดิน 5 เหรียญแล้วแต่ว่าใกล้ไกลหลายเที่ยวหรือเปล่า ค่า internet 2 เหรียญยี่สิบนาที รวมแล้ววันละ 42 เหรียญ คูณ 34 บาทเท่ากับ 1400 บาทต่อวัน ไม่รวมค่าซื้อของฝากทุกขนิด
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]อยู่ที่นี่หนึ่งอาทิตย์ใช้เงินไปหมื่นเดียว[/FONT]
    และถ้าท่านหิ้วเสบียงมาเองจากเมืองไทย พวกมาม่า อาหารกระป๋อง กาแฟทรีอินวัน ข้าวกระป๋อง กระเพราไก่ แกงกะหรี่ แกงมัสมั่น แจ่วบอง พวกนั้นน่ะครับ เชื่อได้เลยว่าถูกมาก เพราะไม่ต้องซื้ออะไรเท่าไหร่เลย
    แต่ยังไม่รวมกับค่าเครื่องบิน 55000 บาทนะครับ
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

    ถอดเปลือก Federal Reserve และระบบธนาคารกลาง(ลวง)โลก


    หลายวันก่อนมีโอกาสได้คลิกเข้าไปดูเวบที่มีการโพสต์เกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจของสหรัฐบ้างครับ มีเรื่องนึงที่น่าสนใจมาก แต่คนรู้กลับมีน้อย นั่นก็คือ "ทองคำสำรอง 8,000 ตัน" ของสหรัฐ ผมจะเขียนเรื่องนี้ในอีกมุมมองหนึ่งซึ่งคุณอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่สิ่งนี้อาจจะทำให้คุณเกิดมุมมองใหม่ แล้วเห็นอะไรชัดเจนขึ้นครับ ผมอ่านบทความของนักวิชาการหลายๆท่านที่เขียนถึง fundamental หรือจะเรียกว่าโครงสร้างพื้นฐาน แต่ผมจะเรียกง่ายๆ ว่า "ใส้ใน" ของสหรัฐก็เแล้วกันครับ


    หนึ่งในความเชื่อมั่นที่โลกใบนี้มีต่อสหรัฐก็คือ ทองคำสำรอง 8,000 ตัน ที่สหรัฐ "ไม่เคย" อ้างว่าถือครองอยู่ แต่ทั่วโลกกลับยึดถือตัวเลขนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลกครับ แต่.......


    ถ้าลองศึกษาประวัติศาสตร์การกำเนิดของ Federal Reserve หรือ ธนาคารกลางสหรัฐ ในปี 1912-1913 และสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมาจนถึง ปี 1928-1932 คือช่วงปีที่เกิด The Great Depression เลยไปจนถึงอีกช่วงหนึ่งคือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1939-1945 ในด้านเศรษฐกิจของสหรัฐ ทำให้เข้าถึงข้อมูลบางอย่างซึ่งทั้งหมดคือเรื่องเดียวกันและต่อเนื่องกันครับคือ


    ทองคำจำนวน 8,000 ตันนี้ "อาจจะ" ยังอยู่ในสหรัฐ แต่ความจริงคือ เจ้าของ "ไม่ใช่" รัฐบาลสหรัฐหรือประเทศอเมริกาครับ


    หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ความเป็นมหาอำนาจของโลกถูกเคลื่อนมายังประเทศสหรัฐ โดยกลุ่มทุนเดิมคือกลุ่มนายธนาคารสากล หรือ International Banker ที่มีฐานอยู่ในประเทศอังกฤษและยุโรปเกือบทั้งหมดครับ จนกระทั่งในช่วงคริสมาสของปี 1913 สหรัฐผ่านกฏหมาย Federal Reserve Act ก็คือการจัดตั้ง Federal Reserve, CIA และ IRS ในคราเดียว องค์กรทั้ง 3 นี้ถูกจัดตั้งขึ้นมา โดยการยัดเยียดจากกลุ่มนายธนาคารสัญชาติยุโรปเหล่านั้น ประวัติศาสตร์ในช่วงนี้คงพอจะทราบกันดีครับจากที่ผมเขียนไปแล้วครั้งหนึ่ง นานพอสมควรครับ


    หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สหรัฐอเมริกา เข้มแข็ง และยิ่งใหญ่ในทุกๆ ด้านครับ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการคลัง แต่หลังจากการจัดตั้ง Federal Reserve ขึ้นมาเป็น "กาฝาก" ในระบบการเงินและเศรษฐกิจแล้ว "หายนะ" ทั้งหลายก็เริ่มก่อตัวขึ้นครับ เพราะจุดประสงค์จริงๆ ของนายธนาคารสัญชาติยุโรปเหล่านั้นก็คือ การเข้ายึดครองระบบเศรษฐกิจ การเงิน และประเทศสหรัฐอเมริกาในที่สุด


    พวกเค้าทำสำเร็จครับ โดยการควบคุมระบบการเงินการธนาคารซึ่งเปรียบได้กับเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงประเทศอเมริกาโดยรวม โดยมีการควบคุมปริมาณเงินและดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือ และด้วยสิ่งนี้เองที่ทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของสหรัฐและของโลกนั่นก็คือ "The Great Depression" ซึ่งทำให้สหรัฐอยู่ในสภาวะล้มละลายทางงบประมาณและการคลัง ในสภาพเดียวกับที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ครับ (แต่ทองคำสำรองยังมีอยู่ในมือ ณ ขณะนั้น) เช่นเดียวกัน การที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศได้ต้องกู้ยืมเงินจำนวนมหาศาลเพื่ออัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ หรือที่ถูกเรียกว่า " The New Deal " คำถามคือเงินจำนวนมหาศาลเหล่านั้นมากจากไหน ในขณะที่สหรัฐเองเป็นมหาอำนาจใหม่ และถือครองทองคำมากที่สุดในโลก


    คำตอบก็ Federal Reserve นั่นเองครับ การจัดตั้ง Federal Reserve ในทางกฏหมายแล้วไม่ได้มีสถานะเป็นรัฐ หรือเป็นหน่วยงานของรัฐ เพียงแต่ให้ "บริษัทเอกชน" แห่งนี้มีหน้าที่ควบคุมดูแลการจัดพิมพ์ธนบัตร กระแสเงินสด และดอกเบี้ย ซึ่งจริงๆแล้วทั้งหมดนี้รัฐบาลสหรัฐสามารถที่จะทำเองได้ทั้งหมดเหมือนนาๆ ประเทศ เช่นประเทศไทยเป็นต้น แต่การผ่าน Federal Reserve Act ในครั้งนั้นอย่างที่บอกครับว่าเป็นการ "ยัดเยียด" โดยสิ้นเชิง โดยความร่วมมือระหว่างนายธนาคารข้ามชาติและนักการเมืองที่ถูกกว้านซื้อในสภาคองเกรส


    หลังจากการที่ใช้เงินกู้จาก FED แล้ว ก็ต้องใช้คืนเค้าสิครับ ก็คือทองคำทั้งหมดที่สหรัฐนั่นแหละครับ ที่ราคา 35ดอลล่าต่อออนซ์ และขั้นตอนทั้งหมดก็ถูกควบคุมโดย FED, นักการเมือง และประธานาธิบดีในสมัยนั้น ก็คือ "ทองหมด" ครับ เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ที่ไปเอาตัวเลขเหล่านี้มา ยกมาได้ครับ แต่ในความเป็นจริง ทองคำเหล่านี้ ซึ่ง "อุปโลก" ว่ายังมีอยู่ และเก็บอยู่ที่ฟอร์ทน๊อก ไม่ได้มีการ Audit หรือตรวจสอบจากหน่วยงานใดๆ แม้แต่หน่วยงานเดียวของโลกตั้งแต่ ทศวรรษที่ 50 เป็นต้นมา แต่กลับมีทองคำสำรองเก็บไว้จำนวนมหาศาลที่ สำนักงานของ FED สาขานิวยอร์ค ซึ่งก็คงมีคนจำนวนมากที่สงสัยแต่ใครล่ะจะไปถาม นั่นคือประเด็นมากกว่าครับ




    [​IMG]หลังจากที่หมดตัวแล้วสหรัฐก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดครับ เพราะครั้งที่แล้วที่ร่ำรวยมาได้ก็เพราะสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะฉะนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็คือ "คำตอบ" ของปัญหาครับ เป็นแบบ Win Win Solution คือทุกฝ่ายได้ประโยชน์ คือสหรัฐก็ได้ทำมาหากินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสงคราม ฮิตเล่อร์ก็ได้ลุ้นทวงตำแหน่งคืน พวกไซออนนิสแบงค์เกอร์เหล่านี้ก็ได้ปล่อยกู้ทั้ง 2 ฝ่าย โดยที่กลุ่มธนาคารกลางยุโรปก็คือกลุ่มเดียวกันที่เป็นเจ้าของ FED สนับสนุนเงินทุนให้ฮิตเล่อร์ทั้งหมดในการเคลื่อนไหวในยุโรป เพื่อช่วยฮิตเล่อร์ทวงสิ่งที่พวกเค้าสูญเสียไปในสงครามโลกครั้งที่ 1 คืนมา และนี่ก็คือจุดกำเนิดของสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ แต่จะให้เป็นสงครามโลกได้อย่างไหร่ถ้าแค่พรรคนาซีเยอรมันรบกับสหรัฐอเมริกา


    ในอีกฟากโลกหนึ่งคือเอเซียแปซิฟิก ญี่ปุ่นบุกโจมตีสหรัฐ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงครับ แต่อะไรที่ทำให้ให้ญี่ปุ่นตัดสินใจบุกสหรัฐ ซึ่งน้อยคนที่จะทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไม "ตัวหมัดถึงกล้าลุกไปต่อยกับช้าง" ก็เพราะสหรัฐเจ้าเก่าแทรกซึมและบ่อนทำลายเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างย่อยยับก่อนนั่นเองครับ ซึ่งทั้งหมดก็คือแผนการที่ถูกวางไว้ก่อนแล้ว จนปัจจัยต่างๆเหล่านี้ผลักดันให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในที่สุด


    ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวหรือประวัติศาสตร์ ที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือเล่มต่างๆ และเก็บอยู่ในห้องสมุดที่หาอ่านได้ทั่วไป หรือแม้ในกระทั่งอินเตอร์เน็ตครับ.......


    และยังมีโศกนาฏกรรมอีกมากมายที่ก่อขึ้นโดยคนกลุ่มนี้หรือ International Banker ตั้งแต่ปี 1913 เป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็น สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม การลอบสังหารบุคคลสำคัญต่างๆ การล้มอเมริกาในรอบแรกด้วย "หนี้" โครงการสตาวอร์ โครงการอวกาศต่างๆ ทั้งหมดถูกจัดฉากขึ้นเพื่อให้สหรัฐ "กู้เงิน" ให้มากที่สุดครับ แล้วสุดท้ายก็จบลงด้วยการจ่ายหนี้คืนด้วย "ความเป็นเอกราช" ของสหรัฐทั้งหมด ลองเอาเรื่องราวเหล่านี้มาเปรียบเทียบหรือเรียงต่อกับสิ่งที่สหรัฐกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ คุณก็จะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นครับ โดยเฉพาะประเด็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของ FED ที่จะทำให้ถึงทางตันในอนาคต


    แล้วคุณจะเห็นครับว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาและคนอเมริกัน ไม่ได้มีความหมายหรือมีคุณค่าใดๆ เลย สำหรับกลุ่มทุนระดับโลกเหล่านี้ (ซึ่งเคลมตัวเองว่าเป็น "ยิว" (ปลอม)จากทวีปยุโรป หรือที่เรารู้จักในชื่อ "ไซออนนิส") สำหรับคนอเมริกันนอกจากการมีชีวิตอยู่ หาเงินเพื่อจ่ายภาษี และประสบชะตากรรมในสิ่งที่กำลังจะมาถึง ถ้าคุณเข้าใจในเรื่องราวเหล่านี้แล้วคุณคงจะมองเห็นแล้วนะครับว่า ทำไมผมถึงกล้า "ฟันธง" ว่าประเทศสหรัฐอเมริกาต้อง "ล้ม" ชะตากรรมคนอเมริกันจะเป็นอย่างไร แล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง คงไม่ต้องถามผมหรอกครับ เพราะคุณก็คงตอบคำถามเหล่านี้ได้ด้วยตัวคุณเองแล้ว ใช่ไม่ครับ


    แต่ปัญหาก็คือมันไม่ได้จบอยู่แค่ในอเมริกาครับ เพราะผลกระทบจะเปรียบเสมือนคลื่นยักษ์ซึนะมิ ที่จะกระแทกใส่ทุกประเทศทั่วโลกอย่างรุนแรง และร้ายแรงกว่าครั้งไหนๆ ในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจการเงินโลก และทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร คุณคงจะต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้กับตัวคุณเองครับ


    ในขณะที่คุณรับรู้เรื่องราวเหล่านี้แล้ว ยังมีคนอีกหลายพันล้านคนครับ ที่ยังคิดว่า อเมริกา "ล้มไม่ได้" เพราะมีทองคำตั้ง 8,000 ตัน คุณลองเอาตัวเลข 8,000 ตันตั้งแล้วคูรด้วยราคาทองคำ ณ ปัจจุบันที่ $1,400 ก็คือ 8,000ตัน x 1,000กิโล x 2.2ออนซ์ = 17,600,000 ออนซ์ x $1400 = $24,640,000,000 หรือ 24.64 Trillion


    ในขณะที่หนี้สาธารณะของสหรัฐอยู่ที่ 14 Trillion ณ ปัจจุบัน ซึ่งไม่รวมกับหนี้ผูกพันธ์ในอนาคตที่คาดว่าจะต้องจ่ายแน่นอน หรือที่เรียกกันว่า Unfunded Liability ซึ่งถ้ารวมเข้าไปแล้วก็จะอยู่ 75 Trillion เข้าไปแล้วครับ ซึ่งจะทำให้ตัวเลข 24.64 Trillion แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลยครับ

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ FED เลือกวิธีปั๊มเงินมาจ่ายหนี้ต่างๆ ซึ่งก็คงเป็นความตั้งใจที่จะทำอย่างนั้น และถ้ามองกลับไปตอน The Great Depression ซึ่งสหรัฐก็อยู่ในสภาพไม่ต่างจากตอนนี้ แต่หนักหนาสาหัสกว่ามากๆ ครับ และถ้าตอนนั้นเค้าหมดตัวแล้วก็เลือกทางออกด้วยการ "ก่อสงคราม" โลกครั้งที่ 2


    ในครั้งนี้เค้าจะใช้วิธีไหนแล้วกลุ่มมือที่มองไม่เห็นหรือคือพวกพวกไซออนนิส หวังจะให้สหรัฐทำอะไร คำตอบง่ายๆก็คือตัวอักษรภาษาอังกฤษ 3 ตัวเท่านั้นครับก็คือ " NWO " นั่นเอง


    โพสต์โดย What's going on in America โพสต์เมื่อ <A class=timestamp-link title="permanent link" href="http://jimmysiri.blogspot.com/2010/12/federal-reserve.html" rel=bookmark><ABBR class=published title=2010-12-09T15:56:00+07:00>3:56 หลังเที่ยง</ABBR> 0 comments [​IMG] [​IMG]






    <SCRIPT type=text/javascript>if (window['tickAboveFold']) {window['tickAboveFold'](document.getElementById("latency-2996590448399436522")); } </SCRIPT>CRASH JP Morgan BUY SILVER !!!.......Update


    ดูเหมือนคงต้องเอาป้าย "CRASH JP Morgan BUY SILVER !!!" ลงชั่วคราวก่อนครับ เพราะตอนนี้กลับกลายเป็น " CRASH SILVER by JP Morgan" ไปแล้วครับ ถ้าสังเกตุให้ดี สื่อในเครือข่ายของพวกเค้า เช่น รอยเตอร์ และบลูมเบิร์ก ปล่อยข่าวการทุบออกมาเป็นระลอกครับ เริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา ที่รอยเตอร์ปล่อยเรื่องที่จีน "อาจจะ" ขึ้นดอกเบี้ยในปลายสัปดาห์นี้ โดยใช้คำว่า "May" หรือ "อาจจะ" ในการพาดหัวข่าว ส่งผลให้ตลาดฮ่องกง "หงอย" ไปทั้งวันครับแรงซื้อเหือดหายไปในทันทีเพราะต้องระวังเรื่องสภาพคล่อง ทั้งที่จริงพอเข้าไปอ่านแล้ว กลับเป็นแค่ทางการจีนจะมีการประชุมในเรื่องอัตราดอกเบี้ยในปลายสัปดาห์นี้เท่านั้น คนประชุมเองอาจยังไม่รู้เลยครับว่าจะไปทางไหนหรือมีข้อสรุปอย่างไร แค่เป็นการคาดการณ์และเจอ RTR ใส่ไข่เข้าไปก่อนแล้ว (ทิศทางและแนวโน้มก็มีความเป็นไปได้สูงครับ ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดในสัปดาห์หน้า)


    [​IMG]


    ในความเป็นจริงคือ [ame="http://www.youtube.com/watch?v=oWFhfoAvkmc&feature=related"]"สำนักข่าวรอยเตอร์และAP"[/ame] เป็นของ[ame="http://www.youtube.com/watch?v=USGSOViaulc&feature=related"]ครอบครัวรอธไชล์[/ame] สิ่งที่คนไม่ค่อยรู้ก็คือพวกเค้าก็คือหนึ่งใน[ame="http://www.youtube.com/watch?v=-gpdlfZDn70"]เจ้าของ[/ame] FED หรือ [ame="http://www.youtube.com/watch?v=_She8KfelRg"]Federal Reserve[/ame] ที่คนทั่วไปเข้าใจว่ามีสถานะเป็น "รัฐ"(รัด-ถะ) หรือเป็นหน่วยงานหนึ่งของรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่ง "ผิด" อย่างที่สุดครับ อีกทั้งยังเป็นกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มธนาคาร HSBC และ JP Morgan และสื่อ Bloomberg ของสหรัฐ ที่ซื้อสัญญาช๊อตในตลาดไว้นั่นเอง พวกนี้แหละครับที่ในตลาดโลหะเค้าเรียกกันว่า [ame="http://www.youtube.com/watch?v=oWFhfoAvkmc&feature=related"]" Gold Cartel "[/ame] และเรามาลองดูข่าวที่ประโคมออกมาเพื่อทุบราคาตลาดครับ

    RTR: SPDR Gold Trust holdings "slip***" to 1,297.726 tonnes

    BB: Russian Central Bank "May***" Raise Interest Rates as Focus Shifts to Inflation


    และยังมีอีกหลายๆ ข่าวในลักษณะเดียวกันที่ผ่านตาไป


    และถ้าสังเกตุให้ดี ช่วงนี้ข่าวสงครามของ 2 เกาหลี จะเงียบไปเลยครับ เพราะถ้าขืนมารบกันตอนนี้ อาจจะยังไม่มีใครเสียชีวิตครับ นอกจาก "กลุ่มขาใหญ่" เหล่านี้ที่ช๊อตไว้ แล้วทองคำและเงินมาขึ้นจากกระแสข่าวของสงคราม ใครที่รอลุ้นสงคราม คงต้องรอหน่อยครับ ขอให้เค้าปิดสัญญาช๊อตให้เสร็จไปก่อนคือหลังวันที่ 24 ไปแล้วครับ หรือถ้าในที่สุดแล้วต้อง [ame="http://www.youtube.com/watch?v=U82JCgvKBkM"]Default[/ame] หรือเบี้ยวสัญญาส่งมอบจริงๆ ก็อาจจะออกมาอีกภาพนึง เพราะฉะนั้นช่วงนี้เป็นรอยต่อที่สำคัญที่น่าจับตามองครับ


    เมื่อวานที่ผมเข้าไปที่ร้านทอง มีลูกค้าเข้ามาช้อนซื้อมากพอสมควรครับ คงจะคิดว่า "สุดแล้ว" คุณป้าข้างๆ มาช้อนไป 3 แท่ง 150 บาท ตามมาด้วยพี่ผู้ชายอีก 1 คน เก็บไปอีก 35 บาท ผมอยากเข้าไปกระซิบพวกเค้ามากครับ ว่า พี่ๆ มัน "เพิ่งจะเริ่ม" เองครับ ก็เกรงว่าอาแปะอาจจะให้คุณตำรวจที่เฝ้าอยู่มาหิ้วออกไปก่อน


    [​IMG]


    เมื่อไม่นานมานี้ ร้านทองต่างๆทั้งเล็กและใหญ่เริ่มดิ้นรนและปรับตัวให้เข้ากับกระเสโดยการเปิดให้มีการโทรจองทางโทรศัพท์และตัดราคาได้ถึงสามทุมบ้าง หรือเที่ยงคืนบ้างครับ แต่ต้องวางเงินค้ำประกันไว้ล่วงหน้าบางส่วนคือประมาณ 5% ครับ และการโอนจ่ายเงินเป็นลักษณ T+3 หรือสั่งวันนี้แล้วอีก 3 วันค่อยจ่าย ถ้าติดเสาร์-อาทิตย์ก็ได้เป็น 5 วันเลย เอาเข้าไป ในอดีตที่ผ่านก็มีทำกันครับคือสั่งปุ๊บโอนตาม แต่จะไม่โฉ่งฉ่างจะเอาเฉพาะที่ซี้ๆกัน แต่ตอนนี้กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางของการลงทุนที่น่าสนใจครับ คือการซื้อขาย-ทองคำแท่งขยับเข้าใกล้โกลด์ฟิวเจอร์เข้ามาอีกหน่อย ก็เป็นอะไรที่ต้องเอามาฝากกันครับ สำหรับใครที่ต้องวิ่งไปซื้อไปขายลองเช็คกับร้านที่คุณซื้อขายอยู่ดู แต่ก่อนจะทำสัญญาใดๆ ต้องศึกษากฏ กติกา มารยาทให้ดีก่อนทุกครั้งครับ


    คำแนะนำสำหรับมือใหม่คือ ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงครับ เพราะฉะนั้นต้องลงทุนด้วยข้อมูล "สติ" และมี "ระเบียบวินัย" และมีเป้าหมายในการลงทุน และที่สำคัญที่สุดคือต้อง "ไม่โลภ" ครับ บางครั้งเราเห็นคนอื่นว่าทำไมเค้าได้เยอะ นั่นก็เป็นเพราะเราไม่เคยเห็นตอนที่เค้าเสียไงครับ...


    อย่าลืมครับ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดไม่มีตลาดนะครับ ถ้าระหว่างสัปดาห์เค้ายังทำได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นวันศุกร์ที่ตลาดอื่นๆ ทั่วโลกปิดไปหมดแล้ว แรงรับและวอลุ่มจะต่ำ ถ้าโดนล่ะก็ "คางเหลือง" เลยล่ะครับ.......


    ...เข้ามาอ่านถึงบล๊อกนี้แล้วต้องไม่มี "ดอย" ครับ !!!...


    โพสต์โดย What's going on in America

    Dec 8 2010, 1:55 PM
    Maalaachi (guest): ช่วงนี้ทองขึ้นลงหวาดเสียว<WBR>ได้ใจจริง ๆ .<WBR>.<WBR>สำหรับตลาดเงิน จะถือ
    ยาวดีไหมครับ คุณจิมมี่ หรือว่าเล่นไปตามทอง

    [​IMG]
    [​IMG]
    Dec 8 2010, 1:58 PM
    Maalaachi (guest): อยากถามคุณจิมมี่เรื่อง ตลาดของเกษตรต่อไปครับ ดูจาก
    สถานการณ์ ผมมองว่าน่าจะเริ่มได้แล้ว<WBR>ใช่ไหมครับ เพื่อเตรียมรับการกันดารอา<WBR>หาร เพราะ
    การเกษตร มันต้องใช้เวลา สองถึงสามปีถึงจะเก็บเกี่ย<WBR>ว ถ้าเริ่มตอนนี้ น่าจะเก็บเกี่ยวช่องปี
    2012 ได้งาม ๆ

    [​IMG]
    [​IMG]

    Dec 8 2010, 1:58 PM
    Maalaachi (guest): และราคาที่ดิน ยังถูกอยู่ ก่อนที่ต่างชาติ จะมาครอบครองหมด

    [​IMG]
    [​IMG]

    Dec 9 2010, 1:02 AM
    Guest734 (guest): http://www.pakalertpress.c<WBR>om/<WBR>2010/<WBR>12/<WBR>08/<WBR>24-signs-that-all-of-ameri<WBR>ca-is-becoming-just-like-d<WBR>etroit/<WBR>

    [​IMG]
    [​IMG]

    Dec 9 2010, 3:34 AM
    JimmySiri: ถ้าใครที่ต้องการรู้ความเป<WBR>็นไปของคนอเมริกัน ณ เวลานี้ ข่าวจาก
    pakalert ของคุณ 734 เป็นอะไรที่ต้องรู้จริงๆ ครับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    Dec 9 2010, 6:45 AM
    Maalaachi (guest): เป็นไปไหมครับว่าทองจะลงไป<WBR>ถึง $<WBR>1364

    [​IMG]
    [​IMG]

    Dec 9 2010, 9:08 AM
    JimmySiri: ผมมองไว้ที่ $<WBR>1,<WBR>331 และหวังว่าคงจะไม่หลุดลงไป<WBR>ที่ 1,<WBR>296 ครับ ที่
    ฮ่องกงไม่ขายตามเพราะเค<WBR>้ามีแต่เหตุผลให้ซื้อครับ เช่นเดียวกันกับยุโรปที่กำ<WBR>ลังเดือดอยู่
    ขณะนี้ ปัจจัยต่างจากช่วงเดียวกัน<WBR>ของปีที่แล้วมากพอสมควร คาดเดายากครับ เช่นวันนี้ฝั่ง
    สหรัฐทุบ เอเซียและยุโรปกลับไล่ขึ้น<WBR>คืน คงต้องระวังมากหน่อยครับ เพราะทั้งวันหยุดที่จะ
    สลับ<WBR>กันไปมา และสภาพตลาดที่ต่างกัน

    [​IMG]
    [​IMG]

    Dec 9 2010, 9:13 AM
    JimmySiri: ถ้าใครที่พอร์ทยังว่างหรือ<WBR>หาโอกาสซื้อก็เป็นโอกาสที่<WBR>ดีครับ แต่ถ้าถืออยู่แล้ว
    ต้องดูหน<WBR>่อยครับ ถ้าเค้าประโคมข่าวบวกมากๆ ตลาดก็อาจจะเป๋ไปได้ คงต้องคิดเผื่อไว้ทั้ง
    2 ทางครับ ช่วงนี้ให้น้ำหนักในการดูส<WBR>ัญญานเทคนิคครับว่าหลุดลงไ<WBR>ปแค่ไหน ปัจจัยพื้นฐาน
    ก็เหมือนเดิม เพียงแค่การทุบราคาจะกำหนด<WBR>ตลาดในระยะนี้ไปจนถึงปลายเ<WBR>ดือนครับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    Dec 9 2010, 9:43 AM
    JimmySiri: แต่คงจะไม่ใช่การทุบลงรูดไ<WBR>ปทีเดียวครับ จะมีการเว้นวรรคให้เด้งเพื<WBR>่อเรียก
    ลูกค้าที่คิดว่า "<WBR>สุดแล้ว"<WBR> เข้าไปเพิ่มบ้าง ไม่เช่นนั้นลูกค้าหนี้หมด ก็ไม่มีใครให้จับกินอีก ทีนี้
    ละเดือดร้อนครับ.<WBR>.<WBR>.<WBR>555

    [​IMG]
    [​IMG]

    Welcome!!
    ....."The Gold War phase II" by Jimmy Siri
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Dec 9 2010, 9:50 AM
    JimmySiri: เรื่องตลาดเกษตรหรืออาหารก<wbr>ารกิน บ้านเราคงไม่น่าจะเดือดร้อ<wbr>นมาก แต่คง
    ต้องดูๆไว้ครับ เพราะแค่น้ำท่วมก็ต้องรอกิ<wbr>นข้าวกล่องกันแล้ว ถ้ามีอะไรที่รุนแรงกว่าซัก<wbr>หน่อย
    ลองนึกภาพสิครับ เรื่องอาหารตอนนี้ผมยังมอง<wbr>ว่าโอเค แต่ครึ่งหลังของปี 2011 คงต้อง
    เตรียมพร้อมมากขึ้นค<wbr>รับ ส่วนตัวผมคงเคลียร์ทุกอย่า<wbr>งให้ลงตัว พร้อมหมดทุกด้านภายใน
    กลางป<wbr>ี 2011 หรือสิ้นเดือน 3 ของปีหน้าได้เป็นดี ถ้าติดตามสถานการณ์ช่วงนี้<wbr>ดูแล้วมัน
    วุ่นวายไปหมดครับ เพียงแต่ยังมาไม่ค่อยถึงบ้<wbr>านเราเท่านั้นเอง แต่ยังไงก็ต้องมาครับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    Dec 9 2010, 9:54 AM
    JimmySiri: เรื่องที่ทาง ถ้าอาหารน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ซื้อได้ถูกก็เก็บๆ ไว้เลยครับ เมื่อเกิด
    เหตุการณ์แล้วเขต<wbr>เมืองคงอยู่ลำบาก หรืออาจจะอยู่ไม่ได้เพราะค<wbr>วามหนาแน่นที่จะต้องแย่งทุ<wbr>ก
    อย่างกันเพื่อเอาตัวรอด อันนี้คงต้องเกิดครับ ถึงวันนั้นแล้วสัญชาติญานด<wbr>ิบๆ ของมนุษย์โดย
    เฉพาะการเอาตั<wbr>วรอดคงจะปล่อยออกมากันเต็ม<wbr>ที่ แค่วันนี้ที่ยังปกติเราก็ใ<wbr>ห้ได้อยู่ทุกวันอยู่แล้วคร<wbr>ับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    Dec 9 2010, 9:59 AM
    JimmySiri: ส่วนบ้านและที่ดินผมคิดว่า<wbr>จะถูกลงอีกมากครับ เพราะเมื่อเกิดอะไรขึ้นจนก<wbr>ลาย
    เป็น Panic แล้ว น่าจะเห็นการล้มเป็นใบไม้ร<wbr>่วงครับ จากการเรียกหนี้คืน หรือตัดเครดิตใน
    ลักษณะโดมิ<wbr>โน่ คนสุดท้าย "<wbr>ตาย"<wbr> คือคนที่อยู่ฐานล่างสุด ยิ่งไม่รู้เรื่องเลย นึกภาพไม่ออกจริงๆ ครับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    Dec 9 2010, 10:06 AM
    JimmySiri: อีกจุดหนึ่งทีสำคัญคือ การพึ่งตนเองครับ อย่าหวังว่ารัฐบาลจะช่วยอะ<wbr>ไรได้
    เพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์ใน<wbr>ลักษณะที่ไม่มีใครเคยเจอเห<wbr>มือนกัน ก็คิดก็คุยกันไว้ก่อนนะครั<wbr>บ
    คิดว่าเรายังมีเวลา หรืออาจจไม่มีอะไรก็ได้ ยังคงต้อง Look for the Best,<wbr> But
    prepare for the worst อยู่ครับ
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

    LONDON Battle Ground !!!
    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/PRKcPZt61SQ&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/PRKcPZt61SQ&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/fbzAWmH3SEs&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/fbzAWmH3SEs&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/ln0B7CRNPRs&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/ln0B7CRNPRs&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    โพสต์โดย What's going on in America
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <object height="390" width="640">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/lYNA9ivrLpg&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always" height="390" width="640"></object>

    <object height="390" width="640">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/sGj8zcNWq5Y&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always" height="390" width="640"></object>

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Yi3kpLNcZl4&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/Yi3kpLNcZl4&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2010
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ผู้ประท้วงขึ้นค่าเทอมอังกฤษโจมตีรถพระที่นั่ง “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์-พระชายา”
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 ธันวาคม 2553 11:19 น.
    [​IMG]
    <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="584"><tbody><tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">สภาพรถยนต์พระที่นั่งของเจ้าฟ้าชายชาร์ลสและพระชายา หลังถูกกลุ่มนักศึกษาทุบกระจกและนำสีขาวมาป้าย </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เอเอฟพี - กลุ่มผู้ประท้วงแผนขึ้นค่าเทอมของรัฐบาลอังกฤษปะทะกับตำรวจนอกรัฐสภา และบุกเข้าทำลายรถยนต์พระที่นั่งของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ และพระชายาคามิลลา ขณะที่รัฐบาลผสมชนะโหวตแผนขึ้นค่าเทอมในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline"> เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และพระชายาทรงตกพระทัยอย่างยิ่ง เมื่อกลุ่มผู้ประท้วงโยนระเบิดและนำสีมาป้ายรถยนต์พระที่นั่ง ขณะเสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงละครแห่งหนึ่งเมื่อค่ำวานนี้ (9)

    กระจกรถยนต์พระที่นั่งบานหนึ่งถูกทุบจนแตก แต่พระราชวงศ์อังกฤษทั้งสองไม่ทรงได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

    นักศึกษาที่ออกมาประท้วงใจกลางกรุงลอนดอนเริ่มใช้ความรุนแรงเมื่อ รัฐบาลได้ชัยชนะในการโหวตอย่างเฉียดฉิว จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ประท้วงบาดเจ็บหลายสิบราย

    สมาชิกรัฐสภาลงมติ 323 ต่อ 302 เสียงให้ผ่านแผนขึ้นค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยอังกฤษตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ค่าเทอมปัจจุบัน 3,290 ปอนด์ต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ปอนด์ และสูงสุด 9,000 ปอนด์ต่อปี

    กลุ่มผู้ประท้วงบุกเข้าทำลายรถยนต์พระที่นั่งโรลส์รอยซ์ซึ่งเจ้าฟ้า ชายชาร์ลส์และพระชายาประทับอยู่ บนถนนสายหลักแห่งหนึ่งกลางกรุงลอนดอน แถลงการณ์จากพระตำหนักคลาเรนซ์เฮาส์ ระบุ

    พยานผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า รถยนต์พระที่นั่งรุ่นเบอร์กันดี 1977 แฟนทอม 7 ถูกขวางจนหลุดออกจากขบวนรถตำรวจที่ตามเสด็จฯ จากนั้นก็ถูกนักศึกษาที่แยกออกมาจากกลุ่มใหญ่บริเวณหน้ารัฐสภาเข้ารุมล้อม

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="568"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="568"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> “ตอนแรกพวกเขาแค่ต้องการเข้าไปกราบทูลเรื่องขึ้นค่าเทอม” หนังสือพิมพ์ เดลี เทเลกราฟ อ้างคำกล่าวของ แมทธิว แม็คลาแคลน

    “แต่เมื่อคนเริ่มรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ยิ่งมีคนไหลเข้ามาอีก บางคนก็ขว้างขวดแก้ว บ้างก็หยิบถังขยะมาปาใส่รถยนต์พระที่นั่ง เสียงดังลั่นเลยครับ”

    เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และพระชายาไม่ทรงได้รับบาดเจ็บ และเสด็จพระราชดำเนินถึงโรงละครตามกำหนดการเดิม โดยทั้งสองพระองค์ทรงชมการแสดง รอยัล วาไรตี้ เพอร์ฟอแมนซ์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

    อย่างไรก็ตาม กระจกรถบริเวณที่ประทับของเจ้าชายถูกทุบจนแตก และรถพระที่นั่งถูกนักศึกษานำสีขาวมาป้ายจนเลอะทั้งคัน

    ด้านนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ตำหนิว่า ความรุนแรงในครั้งนี้ “รับไม่ได้อย่างที่สุด”

    “เห็นได้ชัดว่าผู้ประท้วงกลุ่มน้อยเหล่านี้จงใจใช้ความรุนแรงทำร้าย เจ้าหน้าที่ และสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” คาเมรอนกล่าว

    หนังสือพิมพ์เดอะซัน ตั้งคำถามว่า “เราจะยอมให้รถพระที่นั่งของเจ้าฟ้าชาร์ลส์และคามิลลาถูกโจมตีโดยพวกอันธพาล ขี้ขลาดเช่นนี้หรือ?”

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="540"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="540"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="570"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="570"> [​IMG]</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Around the World - Manager Online -
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2010
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ออสซี่นับร้อยชุมนุมสนับสนุนวิกิลีกส์-วอนรัฐบาลปกป้องสิทธิ์ “แอสซานจ์”
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 ธันวาคม 2553 15:33 น.
    [​IMG]

    ชาวออสเตรเลียหลายร้อยคนชุมนุมสนับสนุนเวบไซต์วิกิลีกส์และ จูเลียน แอสซานจ์ หน้าศาลากลางเมืองซิดนีย์วันนี้(10) พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องสิทธิของ แอสซานจ์
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">เอเอฟพี - ชาวออสเตรเลียหลายร้อยคนเดินขบวนสนับสนุนเวบไซต์วิกิลีกส์และ จูเลียน แอสซานจ์ วันนี้(10) พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องสิทธิของอดีตแฮกเกอร์คนดัง วัย 39 ปี

    การเดินขบวนสนับสนุนวิกิลีกส์ถูกจัดขึ้นทั่วประเทศ โดยกลุ่มเคลื่อนไหว “เก็ทอัพส์!” กล่าวว่า มีผู้เข้าชื่อสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นแล้วกว่า 50,000 คน และรวบรวมเงินบริจาคได้กว่า 250,000 ดอลลาร์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการตีพิมพ์ข้อเรียกร้องดังกล่าวลงในหนังสือพิมพ์ของ สหรัฐฯ

    ผู้ประท้วงซึ่งรวมตัวกันในวันสิทธิมนุษยชนโลก วิจารณ์คำกล่าวของนายกรัฐมนตรี จูเลีย กิลลาร์ด ที่ว่า แอสซานจ์ทำผิดกฎหมายที่นำโทรเลขของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯหลายร้อยฉบับ ออกมาเผยแพร่

    “ดิฉันขอประณามการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้บนเวบไซต์วิกิลีกส์ การทำเช่นนี้ถือว่าไม่รับผิดชอบอย่างยิ่ง และขัดต่อกฎหมายอีกด้วย” กิลลาร์ด กล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

    นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียยังยืนยันคำพูดของตน พร้อมระบุว่า ตำรวจออสเตรเลียกำลังสืบสวนคดีดังกล่าว และการเผยแพร่ข้อมูลลับครั้งนี้มี “พื้นฐาน” จากการกระทำที่ผิดกฎหมาย

    อย่างไรก็ตาม ประชาชนราว 400 คนที่รวมตัวกันหน้าศาลากลางเมืองซิดนีย์ไม่เห็นด้วยกับกิลลาร์ด บางคนชูป้ายที่เขียนว่า “Merry Christmas – and a leaky new year” หรือ “ไม่เอาน่าจูเลีย แอสซานจ์ทำผิดกฎหมายข้อไหนหรือ?”

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="334"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="334"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ที่เมืองบริสเบน กลุ่มผู้ประท้วงหน้ากระทรวงการต่างประเทศเรียกร้องให้ส่งข้อความคัดค้านการ ดำเนินคดีต่อแอสซานจ์ไปยังรัฐบาลทั่วโลก

    เก็ทอัพส์! กล่าวว่า แอสซานจ์ ซึ่งถูกควบคุมตัวในอังกฤษตามหมายจับคดีล่วงละเมิดทางเพศของสวีเดน อาจถูกส่งไปดำเนินคดีในสหรัฐฯด้วยข้อหาเผยแพร่โทรเลขซึ่งเป็นความลับทาง ราชการ

    “ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไรกับวิกิลีกส์หรือ จูเลียน แอสซานจ์ แต่เราหวังอย่างยิ่งว่า รัฐบาลจะออกมาปกป้องหลักการพื้นฐานที่เรายึดมั่น นั่นก็คือ การพิจารณาคดีอย่างยุติธรรม และ ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าผิดจริง” พอล แม็คเคย์ โฆษกกลุ่มเก็ทอัพส์! เผย

    เวย์น สวอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออสเตรเลีย กล่าวว่า แอสซานจ์ได้รับความช่วยเหลือด้านกงสุลเช่นเดียวกับพลเมืองออสเตรเลียคนอื่นๆ ในสถานการณ์เดียวกัน แต่ไม่ระบุว่ากรุงแคนเบอร์ราจะช่วยไม่ให้ แอสซานจ์ ถูกส่งตัวไปยังประเทศที่สามหรือได้ไม่

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="560"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="560"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="420"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="420"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="525"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="525"> [​IMG]</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Around the World - Manager Online -
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ดัตช์รวบหนุ่มน้อยวัย 16 แฮกเว็บ “วีซ่า-มาสเตอร์การ์ด” แก้แค้นให้วิกิลีกส์
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 ธันวาคม 2553 13:34 น.
    [​IMG]
    <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"><tbody><tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">เว็บไซต์จอมแฉ วิกิลีกส์</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ตำรวจของเนเธอร์แลนด์เข้าจับกุมหนุ่มน้อยวัยเพียง 16 ปีรายหนึ่ง ซึ่งให้การยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีเว็บไซต์ ที่เป็นปรกักษ์กับเว็บไซต์จอมแฉ “วิกิลีกส์”

    วิม เดอ บรูอิน โฆษกสำนักงานอัยการแห่งชาติเนเธอร์แลนด์เผยว่า วัยรุ่นชายคนดังกล่าวให้การยอมรับว่าได้แฮกเว็บไซต์ของวีซ่า และมาสเตอร์การ์ด โดยยังระบุว่าเขาอาจเป็นสมาชิกของกลุ่มแฮกเกอร์ใหญ่กลุ่มหนึ่ง

    หนุ่มน้อยรายนี้จะขึ้นให้การในชั้นศาลเมืองรอตเทอร์ดามในวันศุกร์ (10) ตามเวลาท้องถิ่น

    การโจมตีทางไซเบอร์ในหลายๆ เว็บไซต์เมื่อวันพุธ (8) และวันพฤหัสบดี (9) ที่ผ่านมา เกิดขึ้นหลังจากจูเลียน แอสซานจ์ ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์ถูกจับ และกำลังถูกจองจำอยู่ในคุกของอังกฤษ ขณะที่สวีเดนต้องการตัวเขาในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนจากข้อกล่าวหาข่มขืนกระทำ ชำเรา

    กลุ่มแฮกเกอร์ เจ้าของฉายา “แฮกทิวิสต์” ก่อเหตุถล่มเว็บไซต์ต่างๆ ที่พวกเขามองว่าเป็นปรปักษ์กับเว็บไซต์จอมแฉ รวมถึงหลายบริษัท ที่ระงับช่องทางการให้บริจาคแก่วิกิลีกส์เมื่อไม่กี่วันมานี้

    ยิ่งไปกว่านั้น หลังถล่มเว็บไซต์วีซ่า มาสเตอร์การ์ด และเว็บไซต์อื่นๆ ผู้สนับสนุนวิกิลีกส์ยังพยายามจะโจมตีเว็บไซต์ Amazon.com ด้วยแต่ไม่สำเร็จ

    ด้านวิกิลีกส์ออกมาประกาศตัวว่าไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ ดังกล่าวแต่อย่างใด โดยชี้ว่านี่อาจเป็นภาพสะท้อนทางความคิดเห็นส่วนใหญ่ของสาธารณชน

    “วิกิลีกส์ทราบว่าหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นอัยการสวีเดน มาสเตอร์การ์ด เพย์พอล และกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ถูกโจมตีทางไซเบอร์ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จนทำให้ไม่สามารถติดต่อผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้” เว็บไซต์จอมปูดแถลง

    “การโจมตีเหล่านี้เชื่อว่าน่าจะมีต้นกำเนิดจากการรวมตัวกันทาง อินเทอร์เน็ตของกลุ่มอะโนนิมัส ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นสมาชิกของวิกิลีกส์ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ระหว่างทีมงานของวิกิลีกส์กับใครก็ตามในกลุ่มอะโนนิมัส”

    “วิกิลีกส์ไม่ได้รับแจ้งก่อนล่วงหน้าถึงการกระทำใดๆ ของกลุ่มอะโนนิมัสด้วย” ถ้อยแถลงดังกล่าวเสริม
    Around the World - Manager Online -
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    18 ประเทศไม่ร่วมพิธีมอบรางวัลโนเบล “หลิวเสี่ยวปอ”
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 ธันวาคม 2553 11:10 น.
    [​IMG]
    หลิวเสี่ยวปอ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2010 ซึ่งยังถูกทางการจีนคุมขัง
    เอเอฟพี - เกือบ 20 ประเทศทั่วโลกรวมถึงจีน ปฏิเสธเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพแก่ หลิวเสี่ยวปอ ที่นอร์เวย์วันนี้ (10)

    ประเทศที่ไม่เข้าร่วมส่วนใหญ่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน บ้างก็ไม่ต้องการทำให้จีนขุ่นเคือง หรือมีนโยบายจัดการกับผู้ต่อต้านรัฐบาลอย่างรุนแรงอยู่แล้ว ซึ่งได้แก่ อัฟกานิสถาน, แอลจีเรีย, จีน, โคลอมเบีย, คิวบา, อียิปต์, อิรัก, อิหร่าน, คาซัคสถาน, โมร็อกโก, ปากีสถาน, รัสเซีย, ซาอุดีอาระเบีย, ศรีลังกา, ซูดาน, ตูนิเซีย, เวเนซุเอลา และเวียดนาม

    ยูเครน และ ฟิลิปปินส์ เคยปฏิเสธคำเชิญของนอร์เวย์ก่อนหน้านี้ แต่ เกร์ ลุนเดสตัด ผู้อำนวยการสถาบันโนเบล ระบุวานนี้ (9) ว่า ทั้งสองประเทศเปลี่ยนใจมาร่วมงานแล้ว ส่วนเซอร์เบียซึ่งเคยแจ้งว่าจะไม่ร่วมพิธี ก็ตัดสินใจส่งตัวแทนมาในวันนี้ (10) เช่นกัน

    “เราเชื่อว่าอาร์เจนตินาจะไม่มา หรืออย่างน้อยก็คงจะไม่ส่งทูตมา” ลุนเดสตัดกล่าว

    ด้าน รัสเซีย ซึ่งลงนามในข้อตกลงการค้ากับจีนเมื่อเดือนที่แล้วเป็นมูลค่าราว 8,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เคยออกตัวล่วงหน้าว่าจะไม่ร่วมพิธีดังกล่าวแน่นอน

    ปากีสถาน และศรีลังกา มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและทหารกับจีนอยู่แล้ว ขณะที่อิรัก, อิหร่าน และซาอุดีอาระเบีย เป็นผู้ส่งออกน้ำมันให้แก่จีน

    อิหร่านยังต้องพึ่งแรงสนับสนุนจากจีนในคณะมนตรีความมั่นคงแห่ง สหประชาชาติ เพื่อสู้กับมาตรการคว่ำบาตรโครงการนิวเคลียร์ของตน และอิหร่านเองก็เคยมีประสบการณ์เดียวกันเมื่อ ชีรีน อีบาดี ทนายซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลอิหร่าน ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 2003

    65 ประเทศที่มีสถานทูตในกรุงออสโลล้วนส่งตัวแทนเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลในครั้ง นี้ เช่น ประเทศในสหภาพยุโรป, สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ซึ่งมีข้อพิพาทด้านดินแดนกับจีน

    กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ซึ่งอาจกลายเป็นคู่แข่งของจีน เช่น บราซิล, อินเดีย, อินโดนีเซีย, แอฟริกาใต้ และเกาหลีใต้ ก็ส่งตัวแทนเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลแก่หลิวเสี่ยวปอด้วย
    Around the World - Manager
    Online - 18

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="left" background="images/bg_comment.gif"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">ความคิดเห็นที่ 4</td> <td class="body4" align="right" background="images/bg_comment.gif" valign="baseline" width="100"> +5 </td> <td align="center" background="images/bg_comment.gif" valign="baseline" width="5">
    </td> <td align="center" background="images/bg_comment.gif" valign="baseline" width="25">
    [​IMG]</td> <td align="center" background="images/bg_comment.gif" valign="baseline" width="25">[​IMG]</td> <td align="center" background="images/bg_comment.gif" valign="baseline" width="55">[​IMG]</td> <td align="center" background="images/bg_comment.gif" valign="baseline" width="62">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="15">[​IMG]</td> <td class="body" align="left" valign="top"> ปีหน้าถ้า จูเลียน แอสแซงจ์ ได้เราถึงจะยอมรับ
    เชส</td></tr></tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="left" background="images/bg_comment.gif"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">ความคิดเห็นที่ 2</td> <td class="body4" align="right" background="images/bg_comment.gif" valign="baseline" width="100"> +2 </td> <td align="center" background="images/bg_comment.gif" valign="baseline" width="5">
    </td> <td align="center" background="images/bg_comment.gif" valign="baseline" width="25">[​IMG]</td> <td align="center" background="images/bg_comment.gif" valign="baseline" width="25">[​IMG]</td> <td align="center" background="images/bg_comment.gif" valign="baseline" width="55">[​IMG]</td> <td align="center" background="images/bg_comment.gif" valign="baseline" width="62">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" width="15">[​IMG]</td> <td class="body" align="left" valign="top"> รางวัลนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อไถ่บาปที่ได้เงินมาจากการผลิตอาวุธฆ่าคน ปัจุบันมีไว้ยุแหย่ให้คนในชาติที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับชาติตะวันตกไว้ฆ่า กันเอง
    คนกรุงเก่า</td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2010
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จีนยังแกร่ง ตัวเลขส่งออก - นำเข้าเดือนพ.ย.สูงหักปากกาเซียน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 ธันวาคม 2553 13:43 น.
    [​IMG]
    <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="650"><tbody><tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">คน งานกำลังควบคุมการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ ในท่าเรืออู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ล่าสุด ตัวเลขสินค้านำเข้า - ส่งออกในเดือนพ.ย. ของจีน ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินกันไว้ (ภาพเอเอฟพี) </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เอเอฟพี - จีนเผย มูลค่าการส่งออกและนำเข้าในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สูงเป็นประวัติการณ์ ตอกย้ำโอกาสในการเติบโตของขนาดเศรษฐกิจ เป็นอันดับสองของโลกอย่างชัดเจน

    ตัวเลขระบุว่า มูลค่าการส่งออกของจีนในเดือนพ.ย. อยู่ที่ 1.53 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 34.9 เปอร์เซนต์เทียบเป็นรายปี ด้านตัวเลขมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 1.304 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 37.7 เปอร์เซนต์ ซึ่งนอกจากจะสูงกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะอยู่ที่ 22.4 เปอร์เซนต์แล้ว ยังหักปากกาเซียนเศรษฐกิจเหล่านั้นด้วยตัวเลขที่สูงจนเป็นสถิติใหม่ด้วย

    ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นเศรษฐกิจจีนว่าอยู่ในสภาวะที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตรงข้ามกับสถานการณ์ของสหรัฐฯ และยุโรป โดยตัวเลขซึ่งเผยออกมาก่อนหน้าการประชุมการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ เพียงสองวันนี้ คงทำให้จีนเจอกับการวิพากษ์วิจารณ์อีกว่า เงินหยวนนั้นมีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงมากถึง 40 เปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จีนได้เปรียบในเรื่องราคาสินค้า

    สัปดาห์นี้ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ 32 คน ได้ยื่นจดหมายถึงรองนายกรัฐมนตรีจีน นายหวัง ชี่ซาน ระบุว่า เป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่ทั้งจีนและสหรัฐฯ จะได้หาแนวทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ก่อนที่ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา จะเยือนกรุงวอชิงตันในเดือนมกราคมปีหน้านี้ เรียกร้องข้อผูกมัดจากจีนในการปรับอัตราแลกเปลี่ยน

    จีนได้เคยประกาศว่าจะปล่อยค่าเงินหยวนลอยตัวยืดหยุ่น แต่เท่าที่ผ่านมามีความเปลี่ยนแปลงไม่ถึง 3 เปอร์เซนต์ ทางสหรัฐฯ จึงใช้การอัดทุ่มเงิน 600,000 ล้าน ดอลลาร์ เข้าไปในระบบเศรษฐกิจ ทว่าการทำเช่นนั้น บรรดานักวิเคราะห์การเงินวิจารณ์ว่า จะทำให้เงินทุนไหลเข้าไปในเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและอาจจะมีผลต่อภาวะการเงินโลก

    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (8 ธ.ค.) สื่อต่างประเทศได้รายงานอ้าง สำนักงานรัฐมนตรีในกรุงโตเกียว ว่า การเติบโตเศรษฐกิจไตรมาสสามของจีน กับญี่ปุ่น (ก.ค.-ก.ย.) มูลค่าจีดีพีจีนอยู่ที่ 1.415 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้าญี่ปุ่น มูลค่าจีดีพีของญี่ปุ่น อยู่ที่ 1.369 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และ ณ ขณะนี้ จีนกับญี่ปุ่นมีขนาดเศรษฐกิจรวมของทั้งปี (ม.ค. ถึง ก.ย.) ใกล้เคียงกันมาก โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศญี่ปุ่น (จีดีพี) ระหว่างเดือน ม.ค. ถึงเดือน ก.ย. อยู่ที่ 3.959 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ มูลค่าจีดีพี ของจีน ในช่วงเวลาเดียวกัน อยู่ที่ 3.946 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

    รายงานข่าวกล่าวว่า หากจีนสามารถรักษาอัตราเติบโตเศรษฐกิจจีนได้ทั้งปีนี้ นั่นหมายความว่า จีนจะแซงหน้าเศรษฐกิจญี่ปุ่น เป็นชาติมหาอำนาจเศรษฐกิจอันสองของโลก
    China - Manager Online -
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ส.ค้าทองคำเตือนระวังการลงทุน คาดราคาช่วงปลายปีไม่ขยับขึ้น
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 ธันวาคม 2553 16:04 น.
    [​IMG]

    ส.ค้าทองคำเชื่อปลายปีนี้ ราคาทองไม่ปรับขึ้นอีก หลังแนวโน้มผู้ประกอบการห้างร้านซื้อทองแจกพนักงานช่วงปีใหม่ลดลง 30-40% เตือนระวังการลงทุน

    นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า แม้ภาพรวมตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยสูงขึ้นกว่าร้อยละ 7 แต่ผู้ประกอบการห้างร้านขนาดใหญ่ กลับสั่งซื้อทองคำรูปพรรณ สำหรับมอบให้กับพนักงานในเทศกาลปีใหม่ลดลงกว่าร้อยละ 30-40 เนื่องจากราคาทองคำปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับภาพรวมยอดขายทองคำทั่วประเทศที่ลดลง ส่งผลให้ช่างทำทองต้องเลิกอาชีพไปแล้วไม่น้อยกว่า 40,000 คน จากทั้งหมดในระบบกว่า 1 แสนคน

    สำหรับสถานการณ์ราคาทองคำในช่วงปลายปีนี้เชื่อว่า จะไม่มีการปรับราคาขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์อีก เนื่องจากกองทุนเก็งกำไรขนาดใหญ่ กำลังรอโอกาสเทขายทำกำไรระยะสั้น หากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นถึงบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ และธนาคารกลางของจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศลดลง ต่ำกว่าบาทละ 20,000 บาท จากปัจจุบันทองคำแท่งขายออกบาทละ 19,000 บาท ส่วนทองรูปพรรณบาทละ 20,200 บาท

    นายพิชญา กล่าวต่อไปว่า นักลงทุนรายย่อยควรเพิ่มความระมัดระวัง ในการลงทุนทองคำในปีหน้า เนื่องจากอาจจะมีการออกผลิตภัณฑ์การลงทุนโลหะมีค่าในตลาดซื้อขายล่วงหน้า เพิ่มขึ้นอีก 14 รายการ ส่งผลให้กองทุนเก็งกำไรมีเครื่องมือปั่นราคาเพิ่มขึ้น และราคาทองคำผันผวนอย่างหนัก

    Stock Markets - Manager Online -
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ศาลจีนประหารชีวิต เจ้าหน้าที่ระดับสูงพรรคฯ คอร์รัปชั่น
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 ธันวาคม 2553 14:56 น.
    [​IMG]
    เอเยนซี - ศาลจีนพิพากษาประหารชีวิต อดีตประธานที่ปรึกษาการเมืองประจำมณฑลกุ้ยโจว ทุจริตรับสินบน และใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ โดยให้รอการประหาร 2 ปี

    สื่อจีนรายงานวันที่ 10 ธ.ค.ว่า ศาลประชาชน เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน รับฟังได้ว่า นายหวง เหยา วัย 62 ปี ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบระหว่างดำรงตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการพรรค คอมมิวนิสต์ประจำมณฑลกุ้ยโจว และเมื่อครั้งเป็นประธานที่ปรึกษาฯ ของมณฑลดังกล่าว ระหว่างปี พ.ศ. 2536 ถึง 2552 ด้วยการเรียกรับสินบนเป็นเงิน 9.54 ล้านหยวน

    ไชน่า บิสสิเนส วิว กล่าวว่า หวง เหยา เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตเสเพล มักมากในกาม เขาปรนเปรอและมีสัมพันธ์ทางเพศกับบุตรสาวบุญธรรมที่อยู่ในความอุปถัมภ์ถึง 13 คน หลายคนในจำนวนนั้นก็คือผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง

    หวงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ระดับสูงอีกหลายคน ให้ความคุ้มครองกิจการเหมืองทองคำ รวมทั้งกิจการเหมืองที่ผิดกฎหมายอีกหลายแห่ง นอกจากนั้น ยังได้นำโครงการแก้ปัญหาความยากจนของรัฐ ไปเอื้อประโยชน์มหาศาลให้กับนักธุรกิจรายหนึ่ง โดยใช้ชื่อว่า หยัง ซึ่งสุดท้ายโครงการนี้จบลงด้วยความสูญเปล่าของรัฐ

    ศาลพิเคราะห์เห็นว่า หวงมีความผิดจริงในการทุจริตใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มธุรกิจ ทั้งในการอนุมัติการดำเนินกิจการ และนโยบายที่ดิน อีกทั้งเรียกรับสินบนจากเจ้าหน้าที่หลายคนเพื่อการแต่งตั้งโยกย้าย

    ศาลระบุว่า หวงได้กระทำความผิดร้ายแรง และมีโทษประหารชีวิต แต่เนื่องจากให้ความร่วมมือในการสืบสวน รับสารภาพในทุกข้อหา และคืนผลประโยชน์ที่ได้มามิชอบ จึงพิพากษาให้รอการประหารไว้ 2 ปี พร้อมกับริบทรัพย์อันเป็นสมบัติส่วนตัวของเขาทั้งหมด

    China - Manager Online -
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ญี่ปุ่นถูกโห่กลางวงโลกร้อนหลังไม่รับรองพิธีสารเกียว

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]


    สุวิทย์ ” ยกภัยพิบัติไทยจากภาวะโลกร้อน ส่งผลจีดีพีหล่นวูบ วอนเวทีโลกเดินหน้าเจรจา สู่พันธกรณีรอบสอง คาดผลประชุมCop-16 ทำได้แค่ข้อตกลง
    “ สุวิทย์ ” ยกภัยพิบัติไทยจากภาวะโลกร้อน ส่งผลจีดีพีหล่นวูบ วอนเวทีโลกเดินหน้าเจรจา สู่พันธกรณีรอบสอง คาดผลประชุมCop-16 ทำได้แค่ข้อตกลง เตรียมส่งไม้ถกที่cop-17แอฟริกาใต้ ปีหน้า ขณะญี่ปุ่นถูกโห่กลางวงประชุม หลังประกาศจุดยืนไม่รับพิธีสารเกียวโตรอบสอง
    นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ กล่าวคำแถลงในที่ประชุม ภาคีสมาชิกอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ( Cop-16 ) ที่ เมืองแคนคูน ประเทศเม็กซิโก ตอนหนึ่งว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาประเทศไทย ต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่เกิดจากความแปรปรวนของสภาพอากาศอย่างมาก โดยเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในรอบ 60 ปี เกือบทั่วทุกภาคของประเทศ และยังคงมีปัญหาอยู่ในภาคใต้ในขณะนี้ ไม่เพียงแต่คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 215 รายแต่ยังส่งผลกระทบอัต ราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้หล่นลงมาจากเดิมที่วางเป้าไว้ 8.3% เหลือเพียง 7.1% เท่านั้น ดังนั้นจึงอยากให้ที่ประชุมหันมาสนใจเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของภัยพิบัติที่ กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า
    นายสุวิทย์ ย้ำว่า ต้องการให้สมาชิกโลกร่วมกันขับเคลื่อนการเจรจาให้ได้ผล และมีความก้าวหน้าของความร่วมมือระยะยาว ความช่วยเหลือทางการเงิน และด้านทรัพย์สินทางปัญหา ที่มีความสำเร็จผลสัมฤทธิ์ ไม่ใช่แค่การพูดกันเฉยๆ รวมทั้งยังคาดหวังจะเห็นพันธกรณีรอบใหม่ แต่ต้องอยู่ภายใต้ของกรอบของความร่วมมือภายใต้กรอบของยูเอ็นเอฟซีซี โดยคำนึงถึงความแตกต่างความรับผิดชอบจากประวัติการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน อดีต และควรเคลื่อนไปได้ตั้งแต่ปี 2012
    จากนั้นนายสุวิทย์ ให้สัมภาษณ์กรณีที่เม็กซิโก พยายามล็อบบี้ผู้นำจากชาติสมาชิก เพื่อให้สามารถหาข้อสรุปสำหรับการลงมติในวันปิดการประชุมวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ว่า มีการล็อบบี้จริง เนื่องจากทางประธานาธิบดีเ กรงว่าจะหาข้อสรุปอะไรไม่ได้ จึงพยายามหาข้อตกลงที่เรียกว่า Cancun Agreement ออกมา แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของการมีสมดุลย์ระหว่างการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือน กระจก การปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้นสิ่งที่อยากเห็นใน Cancun agreement คือ เรื่องการปรับตัว เรื่องเรดส์พลัสการถ่ายทอดเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม แต่ทุกประเทศ ยังมีความกังวลว่าอาจจะได้เห็นอะไรที่เซอร์ไพรส์หรือไม่ เนื่องจากกรอบเนื้อหาที่วางอยู่บนโต๊ะอาจจะเป็นเพียงเศษกระดาษ เหมือนคราวที่มีข้อตกลงโคเปนเฮเกน แอคคอร์ด ออกมาในวันสุด ท้ายของการประชุม Cop-15 อีกหรือไม่ ดังนั้นถ้าหากสามารถหาข้อยุติ โดยการได้แค่เพียงข้อตกลงแคนคูน เพื่อใช้เป็นกรอบเจรจาสำหรับที่แอฟริกาใต้ แต่ข้อตกลงนี้ต้องมาจากการรับรู้ของชาติสมาชิก และมีความเป็นธรรม จึงจะยอมรับได้
    ก่อนหน้าที่ นายสุวิทย์ จะกล่าวคำแถลง นาย Ryu Matsumoto รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น ได้กล่าวย้ำว่า ญี่ปุ่นประกาศไม่ยอมรับพิธีสารเกียวโต รอบสอง ด้วยเหตุผลที่ว่าถึงกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะต้องลดก๊าซเรือนกระจก แต่ก็จะลดได้แค่ 27% ของทั้งโลกเท่านั้น ซึ่งหลังการกล่าวคำแถลงดังกล่าวทำให้ในที่ประชุมถึงกับส่งเสียงโห่อื้ออึง กับท่าทีดังกล่าวทันที ขณะที่ทางสหรัฐอเมริกาก็ยังคงเรียกร้องให้ทั้งประเทศกำลังพัฒนาร่วมรับผิด ชอบในการลดก๊าซเรือนกระจก ทำให้เมื่อพูดยุติลงก็มีคนจำนวนมากต่างทยอยลุกออกจากห้องประชุมด้วยความผิด หวังกับท่าทีของผู้แทนอเมริกาในครั้งนี้
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ยูโร คือ หมูหัน

    โดย : ประวิทย์ เรืองศิริกูลชัย
    ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น...เงินยูโร นั้นเหมือนมีชะตากรรมที่เหมือนถูกสาปและต้องอายุสั้นกว่าที่ควรจะเป็น
    เพราะมีการถือกำเนิดแบบ ไม่มีตรรกะเหตุผลที่ดีพอมารองรับ แม้ว่าจะถูกสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนการค้า การลงทุนในยูโรโซนได้เป็นอย่างดีมาช่วงเวลาหนึ่งก็ตาม อย่างไรก็ดี ค่าเงินที่ควรจะสะท้อนสภาพเศรษฐกิจของแต่ละประเทศกลับไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ก็เพราะ "ระบบเงินยูโร" นี่เอง

    เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี คนทั่วโลกก็เริ่มเห็น "ด้านมืด" ของเงินยูโรอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ประเทศที่แข็งแรง เงินเฟ้อต่ำ และประเทศที่อ่อนแอ เงินเฟ้อสูง กลับใช้เงินสกุลเดียวกัน ยิ่งเวลาผ่านไป ประเทศที่อ่อนแอยิ่งไม่สามารถจะแข่งขันด้านการส่งออกได้เลย เมื่อส่งออกได้น้อยนำเข้ามาก ก็พบปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและติดหนี้กับต่างประเทศจำนวนมาก โดยในปี 2008 ที่ค่าเงินยูโรเคยแข็งค่าถึงระดับ 1.60 ดอลลาร์นั้น กรีซเคยขาดดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 15% GDP ส่วนสเปนและโปรตุเกสอยู่ระดับ 10% GDP ดังนั้น จะเห็นได้ว่าประเทศเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขด้วยการรัดเข็มขัดการคลังเท่านั้น เพราะต้นตอของปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ถึงจะรัดเข็มขัดจนเหลือขาดดุล 3% GDP ประเทศก็ยังไม่สามารถค้าขายให้ได้ดุลมาเพื่อลดหนี้ได้ ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ระดับอัตราแลกเปลี่ยน "ยูโร" ที่ไม่เหมาะสมกับประเทศอ่อนแอเหล่านี้ต่างหาก

    ประเทศที่ประสบปัญหาจนต้องขอความช่วยเหลือก่อนเพื่อน ก็คือ กรีซ (G) ถัดมา ก็คือ ไอร์แลนด์ (I) และน่าจะเป็นโปรตุเกส (P) คือรายต่อไป เมื่อเรียงลำดับอักษรจากหลังมาหน้า ก็จะได้คำว่า "PIG" นั่นเอง แล้วอีก 2 ประเทศขนาดใหญ่ที่จะตามมา ก็คือ สเปน (S) และอิตาลี (I) ก็ได้เป็นคำว่า "IS" ซึ่งหาก 2 ประเทศนี้ถูกโจมตีด้วยกองทุนเฮดจ์ฟันด์อย่างได้ผลจนผลตอบแทนพันธบัตรสูงลิ่ว เสียแล้วละก็ ในที่สุด ก็คงถึงเวลาล่มสลายของเงิน EURO ดังนั้น อาจเรียงประโยคได้ว่า "EURO IS PIG" เงินยูโร คือ หมูหัน ที่พร้อมถูกเชือด นี่คือ คำสาปจากสวรรค์

    Paradox of Euro หมายถึง "การขัดแย้งกันเองของเงินยูโร" ประเทศที่อ่อนแอ (PIIGS) ดอกเบี้ยและเงินเฟ้อสูง แถมด้วยขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ค่าเงินควรอ่อนลงในระยะยาว ขณะที่ประเทศแข็งแกร่ง (เยอรมนี) ดอกเบี้ยและเงินเฟ้อต่ำ ได้ดุลบัญชีเดินสะพัด ค่าเงินควรแข็งค่าขึ้นในระยะยาว แต่ 2 กลุ่มประเทศกลับใช้ค่าเงินเดียวกัน ดังนั้น ยูโรจึงควรทั้งแข็งค่า และอ่อนค่าในระยะยาว เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ได้เพราะมันขัดแย้งกันเอง สภาพเช่นนี้จะไม่สามารถคงอยู่ได้นานนักในอนาคต ในปี 2011 จึงควรเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของระบบเงินสกุลเดียวนี้

    "หมูหัน" ยังต้องมีการผ่าแบ่งซีกด้วยเช่นเดียวกันกับ "เงินยูโร" ทางแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการสร้างเงินอีกระบบหนึ่งขึ้นมารองรับ เพื่อแยกประเทศในยูโรโซน ออกเป็นอย่างน้อย 2 กลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มแข็งแรง และกลุ่มอ่อนแอ จะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้ และยังรักษาข้อดีของการใช้เงินสกุลร่วมกันได้ต่อไป

    ไทยควรแสดงบทบาทผู้นำโลกในการช่วยแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ ด้วยการให้ ธปท.รีบนำเอาข้อความ 2 ประโยคไปบอกกับธนาคารกลางของยูโรโซน (ECB) ดังนี้ "ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้มานานกว่า 10 ปี มันไม่แน่ว่ามันจะดีเสมอไป" และ "การยื้อพยายามรักษาระบบที่ผิดพลาดเอาไว้ จะทำให้ความเสียหายเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ" นี่คือ การสื่อสารว่า "ระบบตะกร้าเงินบาท" ในอดีต กับ "เงินยูโร" ในปัจจุบัน ต่างก็มีจุดบกพร่องและสมควรจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขโดยเร็วที่สุด "ระบบตะกร้าเงินบาท" นั้นใช้เวลา 12 ปีกว่าจะถูกยกเลิกไป ขณะที่เงินยูโร ก็จะครบรอบ 12 ปีในปี 2011 เช่นกัน

    หากประเทศที่แข็งแรงก็ใช้เงิน Eura ใช้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวด เช่น ขาดดุลการคลังไม่เกิน 3% GDP กลุ่มนี้จะมีเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยต่ำ และค่าเงินจะแข็งค่าในระยะยาว ส่วนประเทศอ่อนแอใช้ Euro กันต่อไป ปรับเกณฑ์ขาดดุลการคลังให้ยืดหยุ่นขึ้นเป็น 5% GDP เบื้องต้นอาจกำหนดให้ Eura มีค่าแข็งกว่า Euro ราว 10% หลังจากนั้น ก็เปิดเสรีให้ซื้อขายเป็นไปตามกลไกตลาด อาจเป็นไปได้ว่า Euro อาจดิ่งลงอย่างเร็วเหลือแค่เท่ากับ 1 ดอลลาร์ ขณะที่ Eura อาจแข็งค่าขึ้นเป็น 1.5 ดอลลาร์ นั่นหมายถึงว่า กรีซ ซึ่งฝืนใช้ค่าเงินเดียวกับเยอรมนี เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะค่าเงินที่เหมาะสมนั้นอาจแตกต่างกันได้ถึง 50%

    กลุ่ม PIIGS จะมีเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่า ค่าเงินจะอ่อนค่าลงในระยะยาว ซึ่งก็จะช่วยให้ภาระหนี้สินเป็น "ยูโร" ของประเทศกลุ่ม PIIGS นั้นด้อยค่าลง พร้อมๆ กับช่วยส่งเสริมการส่งออกและการท่องเที่ยวให้แข่งขันได้ดีขึ้น ช่วยประเทศลูกหนี้เหล่านี้ให้ทำมาค้าขายมีกำไรเพื่อมาลดหนี้ได้ วิธีนี้จะปรับเศรษฐกิจของยุโรปเข้าสู่สมดุลในที่สุด แม้ว่าประเทศเยอรมนี และประเทศเอเชียที่เป็นเจ้าหนี้ "เงินยูโร" จำนวนมาก อาจต้องมีสินทรัพย์เงินยูโรที่ด้อยค่าลงไปบ้างก็ตาม

    ในที่สุดแล้ว ผมคิดว่าค่าเงินที่เหมาะสมสำหรับยุโรป อาจต้องใช้เงินถึง 3 สกุลด้วยกัน Eura, Euri และ Euro เพื่อให้ประเทศที่แข็งแรง กลางๆ และอ่อนแอ ได้เลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศตนเอง ยังมีอีก 11 ประเทศใน EU ที่ยังไม่เข้าในระบบยูโรโซน ก็อาจได้ใช้จังหวะนี้เพื่อโดดเข้าใช้เงิน "สกุลร่วม" 1 ใน 3 สกุล ดังนั้น ทั้งยุโรปตะวันตก ตะวันออก รวมไปถึงแอฟริกาอีกหลายประเทศ อาจเหลือเงินแค่ 3 สกุลนี้เท่านั้น และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการ "แตกเพื่อโต" ของยุโรป และช่วยสร้างต้นแบบที่ดีให้กับค่าเงินในเอเชียด้วย

    สำหรับการป้องกันวิกฤติเศรษฐกิจอันเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน เช่น วิกฤติเตกีล่าในเม็กซิโก วิกฤติต้มยำกุ้งในไทย และวิกฤติในอาร์เจนตินา ซึ่งปล่อยให้ค่าเงินแข็งเกินระดับเหมาะสมเป็นเวลานาน ส่งผลให้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่องจนเกิดวิกฤตินั้น แนวคิดของนายไกธ์เนอร์ รมว.คลังอเมริกาถือว่าดีทีเดียว IMF และ WTO ควรมีหน้าที่เข้ามาดูแลประเทศที่มีดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งด้านได้ดุลและขาด ดุลเกินกว่า 3% GDP ติดต่อกัน 3 ปี เพื่อปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนให้เหมาะสมเกิดสมดุลขึ้นได้ หากมีการเตือนภัยเช่นนี้โลกคงลดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจต่างๆ ไปได้มาก รวมทั้ง "วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์" และ "วิกฤติหมูยูโร" ในครั้งนี้ด้วย


     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เก้าอี้ว่างตัวนั้น... สำหรับหลิวเสี่ยวโป

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    กาแฟดำ


    วันนี้ จับตาไปที่พิธีมอบรางวัลโนเบล ที่กรุงออสโล เพราะจะสะท้อนถึงการเผชิญหน้าระหว่างจีนกับ “โลกเสรี” อีกรอบหนึ่ง
    เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพคือ หลิวเสี่ยวโป ของจีนยังติดคุกอยู่ในข้อหา “บ่อนทำลายความมั่นคง” และถูกตัดสินจำคุก 11 ปี
    ขณะที่คณะกรรมการโนเบลยืนยันว่า เขาคือนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพที่ชาวโลกสมควรยกย่อง
    รัฐบาลจีนรณรงค์อย่างคึกคัก ไม่ให้ประเทศที่เป็นมิตรกับตนส่งตัวแทนไปร่วมพิธีมอบรางวัลนี้ อีกทั้งยังหาเรื่องไม่ให้คนที่คิกนอกกรอบรัฐบาลจีน หลายคนไม่ให้ออกนอกประเทศในช่วงนี้ เพราะกลัวว่าจะหลบไปร่วมพิธีมอบรางวัลที่ออสโล เช่นกรณีของศิลปินชื่อดัง “อ้ายเวยเวย” ซึ่งถูกห้ามบินออกไปเกาหลีใต้ เพื่อร่วมงานศิลปะระหว่างประเทศด้วยเหตุผลว่าอาจ “กระทบความมั่นคง”
    เจ้าตัวบอกว่าเหตุผลอย่างนี้ “งี่เง่าสิ้นดี” และวิเคราะห์ทันทีว่าการที่ทางการห้ามเขาออกนอกประเทศในช่วงนี้ คงไม่มีเหตุผลอะไรอื่นนอกจากเรื่องรางวัลโนเบลนี่แหละ
    เพราะกลัวเขาจะไปรับรางวัลแทนหลิวเสี่ยวโป หรืออะไรทำนองนั้น
    แต่แรงกดดันของจีนในต่างประเทศ ดูเหมือนจะได้ผลเกินกว่าที่คาดเอาไว้ เพราะล่าสุดที่ผมเห็นตัวเลขนั้น มีรัฐบาลอย่างน้อย 19 ประเทศ ที่ปฏิเสธไปร่วม และที่แจ้งยืนยันว่าจะไปนั่งร่วมเป็นสักขีพยานมี 44 ประเทศ
    จีนประกาศอย่างจะแจ้งว่าประเทศไหนส่งตัวแทนไปงานนี้ก็ถือว่าไม่เป็นมิตรกับตน
    ทำให้ผมคิดถึงคำขาดที่อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช เคยบอกกล่าวกับชาวโลกว่า “ถ้าคุณไม่ใช่มิตรของเรา คุณก็เป็นศัตรูของเรา” นั่นคือการขีดเส้นแบ่งระหว่างมิตรกับศัตรูของมะกัน ในการทำสงครามกับผู้ก่อการร้ายระดับสากล และนี่คือการแบ่งแยกเพื่อน และฝ่ายตรงกันข้ามของจีน ในประเด็นการกำหนดจุดยืนทางการเมือง ว่าด้วยการแสดงออกซึ่งความเห็นทางการเมือง ต่อระบอบการปกครองแบบของปักกิ่ง
    คณะกรรมการโนเบลจะตอกย้ำ สัญลักษณ์แห่งการยืนยันในคำตัดสินของตนว่าหลิวเสี่ยวโป คือผู้สมควรจะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ต่อสู้เพื่อสันติภาพด้วยการปล่อยให้ เก้าอี้ตัวหนึ่งว่างเปล่า พร้อมกับมีรูปของเจ้าของรางวัลที่มาร่วมพิธีไม่ได้วางเอาไว้
    ให้ชาวโลกได้เห็นความ “อ้างว้าง” ของหลิวเสี่ยวโป ที่ได้กลายเป็นประเด็นแบ่งแยกระหว่างสองค่ายของระบอบการปกครองอีกครั้งหนึ่ง
    ไม่ต่างกับกรณีปี 1936 ที่คณะกรรมการโนเบลมอบรางวัลนี้ให้กับนักหนังสือพิมพ์เยอรมันชื่อ Carl von Ossietsky ที่ถูกนาซีเยอรมันของ อด็อฟ ฮิตเลอร์ จับไว้ในค่ายกักกัน
    ปีนั้น ผู้ได้รับรางวัลก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากคุกมารับรางวัลนี้เช่นกัน
    การรณรงค์ต่อต้านรางวัลโนเบลของจีน คราวนี้ออกมาในทุกรูปแบบ ดุดันและรอบด้านอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นอกจากจะออกบทความ “แฉเบื้องหลังชีวิต” ของหลิวเสี่ยวโป ว่าเป็น “นักฉวยโอกาส” และ “ไม่ใช่นักต่อสู้ที่แท้จริง” แล้ว ทางการปักกิ่งยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น
    จีนประกาศตั้งรางวัล Confucius Peace Prize หรือรางวัล “ขงจื๊อสันติภาพ” มาเทียบเคียงให้เห็นอย่างท้าทาย พร้อมทั้งประกาศมอบรางวัลนี้ให้กับนายเหลียนจ้าน นักการเมืองจากไต้หวัน ที่ได้ส่งเสริมการปรองดองระหว่างจีน ไต้หวันกับปักกิ่งอีกด้วย
    เหมือนจีน จะสั่งสอนให้โลกตะวันตกได้รู้ว่า "รางวัลสันติภาพ" ควรจะสะท้อนถึงการสร้างความสมานฉันท์ มิใช่การยกย่องใครที่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกต่อต้านคัดค้าน จนเกิดบรรยากาศแห่งความตึงเครียดอย่างที่เห็นกัน
    ดูจากรายชื่อประเทศชาติที่ไม่ยอมไปร่วมงานวันนี้ก็พอจะรู้ว่าใครเป็น "มิตรแท้" หรือ "มิตรจำเป็น" ของจีน
    จีน รัสเซีย คาซัคสถาน โคลัมเบีย ตูนิเซีย ซาอุดีอาระเบีย ปากีสถาน เซอร์เบีย อิรัก อิหร่าน เวียดนาม อัฟกานิสถาน เวเนซุเอลา ฟิลิปปินส์ อียิปต์ ซูดาน ยูเครน คิวบาและโมร็อกโก
    เมื่อไม่เห็นชื่อประเทศไทยอยู่ในรายชื่อนี้ ก็ต้องสันนิษฐานว่าจะมีตัวแทนไปร่วม เพราะไม่ว่าเราจะเห็นด้วยกับการตัดสิน ว่าใครได้รางวัลโนเบลสาขา สันติภาพหรือไม่ ก็เป็นมารยาทสากลที่ควรจะให้เกียรติกับเจ้าภาพ และผู้ได้รับรางวัล หาไม่แล้ว เราจะต้องเรียกร้องสิทธิที่จะต้องกลั่นกรองรายชื่อ ผู้ได้รับรางวัลจากทั่วโลกเสียก่อนหรือกระไร?
    ยิ่งจีนแสดงอาการร้อนรนเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้หลิวเสี่ยวโป โด่งดังเท่านั้น เพราะแต่เดิมคนจีนรู้จักเขาไม่มากนัก วันนี้ไม่มีคนจีนคนไหนไม่รู้จักเขาอีกต่อไป


     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เตือนอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนปีหน้า

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]


    ยูบีเอสเตือนอัตราแลกเปลี่ยนปีหน้าผันผวนหนักขึ้น เหตุเศรษฐกิจเอเชียแข็งแกร่ง ส่วนตต.ยังอ่อนแรง
    ยูบีเอส ผู้ค้าเงินรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก คาดว่าความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยนจะเพิ่มขึ้นปีหน้า เพราะเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วยังเผชิญความไม่แน่นอนสืบเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ
    ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนอาจเพิ่มขึ้น 2 เท่าสำหรับเงินบางสกุล โดยค่าเงินยูโร อาจอยู่ที่ 1.1-1.5 ดอลลาร์ จาก 1.1877-1.4579 ในปีนี้ ส่วนเงินดอลลาร์อาจลงไปต่ำถึง 70 เยนและสูงถึง 100 เยน จาก 80.22-94.99 ในปีนี้ ยูบีเอสแนะด้วยว่าบริษัทต่างๆ ควรเพิ่มการประกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
    ด้าน ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ซึ่งคาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนแม่นยำที่สุดจากการรวบรวมข้อมูลของบลูมเบิร์ก กล่าวว่าการอ่อนตัวของเงินยูโรจะดำเนินต่อไปถึงปีหน้า เพราะวิกฤตหนี้จะบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเงินยูโรอาจอ่อนลงเหลือไม่ถึง 1.2 ดอลลาร์ภายในกลางปีหน้า จากประมาณ 1.3252 วานนี้ (9 ธ.ค.)
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ดาวโจนส์ร่วง หลังเฟดส่งสัญญาณพร้อมอัดฉีดศก.เพิ่ม

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    วันที่ 7 ธันวาคม 2553 05:54
    หุ้นสหรัฐปรับตัว ไร้ทิศทางชัดเจน เหตุนักลงทุนมีความรู้สึกแตกต่างกันไป หลังเฟดส่งสัญญาณพร้อมอัดฉีดเงินเพิ่ม หากเศรษฐกิจสหรัฐ ยังไม่ดีขึ้น
    ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดซื้อขายวานนี้ (6 ธ.ค.) ปรับตัวลง 19.90 จุด (0.17%) มาอยู่ที่ 11,362.10 จุด ขณะดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ลดลง 1.59 จุด (0.13%) ที่ 1,223.12 จุด สวนทางกับดัชนีแนสแด็ก ที่ไต่ระดับขึ้นมา 3.46 จุด (0.13%) ปิดตลาดที่ 1,223.12 จุด
    การซื้อขายเป็นไปอย่างไร้ทิศทางชัดเจนตลอดทั้งวัน เหตุนักลงทุนพากันตีความแตกต่างกันไป ถึงถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่ระบุว่า มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่เฟดอาจอัดฉีดเงินเข้าตลาดมากกว่าตัวเลข 600,000 ล้านดอลลาร์ ที่ประกาศออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว หากสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่กระเตื้องขึ้น
    เทรดเดอร์ ยังจับตาดูสถานการณ์ในสหภาพยุโรป (อียู) ที่มีการประชุมรัฐมนตรีคลังประเทศสมาชิก หารือถึงความเป็นไปได้ ที่จะมีการจัดทำแผนช่วยเหลือสำหรับประเทศสมาชิก ที่มีหนี้จำนวนมหาศาล หลังให้ความช่วยเหลือไอร์แลนด์ไปแล้ว
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไอเอ็มเอฟแนะรับมือวิกฤตยุโรปอย่างครอบคลุม

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    วันที่ 8 ธันวาคม 2553 10:38
    เอเธนส์ - ผอ.ไอเอ็มเอฟชี้ วิกฤตหนี้ยุโรปต้องอาศัยวิธีรับมืออย่างครอบคลุมมากกว่าคอยรับมือทีละประเทศ
    นายโดมินิก สเตราส์คาห์น กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ กล่าววานวิกฤตหนี้ยุโรปต้องใช้การแก้ปัญหาอย่างครอบคลุม มากกว่าวิธีแก้คอยปัญหาทีละประเทศ
    ยูโร โซนกำลังหาทางควบคุมวิกฤตหนี้ที่เริ่มจากกรีซเมื่อต้นปี จากนั้นก็เป็นไอร์แลนด์ และกำลังสั่นคลอนเสถียรภาพของประเทศสมาชิกที่มีปัญหา
    ด้านนัก เศรษฐศาสตร์มองว่าไอซ์แลนด์สามารถจัดการวิกฤตเศรษฐกิจได้ดีกว่าไอร์แลนด์ ด้วยการไม่เข้าอุ้มธนาคารที่ประสบปัญหา โดยธนาคารไอซ์แลนด์มีขนาดใหญ่อย่างไม่เหมาะสมเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจของ ประเทศ ด้วยสินทรัพย์มูลค่า 11 เท่าของจีดีพี ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้ธนาคารล้มละลาย
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

    The Conspiracy of The International Banker...by Louis Farrakhan

    [FONT=&quot]นาน มาแล้วที่ผมเคยนำเสนอเรื่องที่ลูอิส ฟาร์ราคาห์น เปิดโปงเบื้องหลังธุรกิจค้าน้ำมันของครอบครัวอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอย่างถึง แก่นครับ ลูอิส ฟาร์ราคาห์น เป็นหนึ่งในผู้นำของชาวมุสลิมในอเมริกา และเป็นเป้าของ "การลอบสังหาร" มาตลอด ในระนาบเดียวกับ MLK หรือ ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิงส์ ที่ถูก "เก็บ" ไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยสาเหตุของความพยายามต่อต้านสงคราม และไม่เห็นด้วยที่คนผิวดำจะถูกส่งไปตาย เพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ภายใต้หน้าฉากของการต่อสู้หรือ "สงคราม" เพื่อปกป้อง "ประชาธิปไตย" [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]

    [FONT=&quot]เนื่อง ด้วยวันนี้เป็น "วันรัฐธรรมนูญ" ครับ ระบอบประชาธิปไตยมีความเป็นมาอย่างไร และทำไมต้องมีศัตรูเป็น "คอมมูนิสต์" ชนิดที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ "สงครามเย็น" ที่ปกคลุมโลกอยู่หลายทศวรรษ และอีกหลายๆ สงคราม และความขัดแย้งเหล่าถูกใครหรืออะไรเป็นตัวกำหนดขึ้นมา ใครสนับสนุนเงินทุน ใครจะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากสงครามและความขัดแย้งเหล่านี้ [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]

    [FONT=&quot]สงครามโลก ครั้งที่ 2 สงครามเวียดนาม สงครามเกาหลี โครงการสตาวอร์ โครงการระดับโลกต่างๆ ทั้งหมดที่นำไปสู่ความขัดแย้ง มีที่มาไม่ต่างกันเลยครับ วิดีโอต่อไปนี้จะเป็นการ "เปิดโปง" ขบวนการนายธนาคารสากลหรือกลุ่มธนาคารกลาง(ลวง)โลก "อย่างหมดเปลือก" ซี่งก็คือยิว "ปลอม" หรือก็คือยิวที่แปลกแยกออกมาเป็น "ไซออนนิสต์" ซึ่งเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่นิยมหรือบูชา "ซาตาน" เงินและอำนาจ...เป็นพระเจ้า [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]

    [FONT=&quot]โดย จะเริ่มจากเครือข่ายระดับโลกของ "ครอบครัวรอธไชล์" ที่เป็น "แกน" ของระบบธนาคารกลางของโลกมานับร้อยปี และเริ่มเข้ายึดครองอเมริกาตั้งแต่ปี 1913 เป็นต้นมาด้วยระบบ Federal Reserve มาจนถึงปัจจุบัน

    ตลอดเวลาของการปราศัยจะสังเกตุได้ว่าจะต้องมีบอดี้การ์ดคุมกันอย่างแน่นหนาอยู่ตลอดเวลาครับ อย่าพลาด!!! เพราะมันส์ส์ส์มากครับ[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/_She8KfelRg&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/_She8KfelRg&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/vbxG-S2QuDI&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/vbxG-S2QuDI&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/gsqhiH-96lc&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/gsqhiH-96lc&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/ZUXRSthM_hE&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/ZUXRSthM_hE&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>
    [FONT=&quot]
    The Gold War Phase II.<wbr>.<wbr>.<wbr>by Jimmy Siri บน Facebook http://www.facebook.com/<wbr>home.php?sk=group_17040824<wbr>6326805&ap=1[/FONT]


    โพสต์โดย What's going on in America โพสต์เมื่อ <a class="timestamp-link" href="http://jimmysiri.blogspot.com/2010/12/conspiracy-of-international-bankerby.html" rel="bookmark" title="permanent link"><abbr class="published" title="2010-12-10T13:44:00+07:00">1:44 หลังเที่ยง</abbr> 0 comments [​IMG] [​IMG]




    Stansberry Research

    [FONT=&quot]งาน วิจัย "ชิ้นสำคัญ" เรื่องอนาคตของเศรษฐกิจ การเงิน และการคาดการณ์ความเป็นไปได้ในการ "ล่มสลาย" ของสหรัฐ โดยนาย พอร์เตอร์ แสตนเบอรรี่ เจ้าของสำนักวิจัยและการลงทุน Stansberry & Associate เป็นข้อมูลเชิงตัวเลขที่เข้าใจได้ง่าย ครอบคลุมในหลายๆ ด้านครับ แถมท้ายด้วยทิศทางในการลงทุนในทองคำและเงินในช่วงหลัง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากวิฤติการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่อง Gold/Silver Ratio ที่น่าจะกลับมาอยู่ที่ 16 ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐและของโลกเข้าขั้นวิกฤติแล้ว

    เราก็รับรู้ไว้เป็นข้อมูล และนำคอนเซปต์เหล่านี้มาปรับใช้ตามความเหมาะสมในการป้องกันความเสี่ยงของเราครับ


    [/FONT]


    [FONT=&quot]An important piece of research done by [/FONT]
    [FONT=&quot]Porter Stansberry, Founder of Stansberry and Associate. It's an easy to understand numerical data for the coming "Catastrophe" of America. Also include an investment guide in gold and silver at the last past of the video.[/FONT]
    [FONT=&quot]<object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/KuAdnlfKbvw&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/KuAdnlfKbvw&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/60DrMUNHyYo&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/60DrMUNHyYo&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/EkIEeU47IPg&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/EkIEeU47IPg&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/_1_mhezelI8&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/_1_mhezelI8&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/rUREfZhjd5M&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/rUREfZhjd5M&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/TU44Xui7j_Y&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/TU44Xui7j_Y&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/p74K69TKdCQ&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/p74K69TKdCQ&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/yoSfK2xTga8&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/yoSfK2xTga8&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    [/FONT]
    The Gold War Phase II.<wbr>.<wbr>.<wbr>by Jimmy Siri บน Facebook
    http://www.facebook.com/<wbr>home.php?sk=group_17040824<wbr>6326805&ap=1

    โพสต์โดย What's going on in America
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...