สะเทือนใจชาวพุทธ สำนักสงฆ์เตรียมถูกทุบทิ้งหลังทายาทผู้มอบที่ดินมาทวงสิทธิ์คืน

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 24 พฤศจิกายน 2010.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สะเทือนใจชาวพุทธ สำนักสงฆ์เตรียมถูกทุบทิ้งหลังทายาทผู้มอบที่ดินมาทวงสิทธิ์คืน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 พฤศจิกายน 2553 17:41 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; OVERFLOW: hidden; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; BORDER-BOTTOM: medium none; HEIGHT: 35px" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000166330&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ฉะเชิงเทรา - ชาวพุทธสุดสะเทือนใจอีกรอบ หลังสำนักสงฆ์ที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังศรัทธาด้วยเงินบริจาค ทำบุญเตรียมถูกทุบทิ้ง หลังทายาทผู้มอบที่ดินให้พลิกกลับยื่นฟ้องต่อศาลทวงคืนสิทธิ์บนผืนแผ่นดินสงฆ์ก่อนศาลมีคำสั่งให้ทุบทิ้ง ขณะเจ้าสำหนักวอนเมตตาฝากผู้ใจบุญพร้อมเจ้าของที่ดินเห็นแก่อานิสงส์ของผู้ตั้งใจบริจาคให้โดยขอให้ช่วยแบ่งขายให้เป็นทาน หวังรวบรวมเงินทุนในการขอซื้อคืน

    วันนี้ (24 พ.ย.) ที่สำนักสงฆ์นาคีทองคำ ตั้งอยู่เลขที่ 130 ม.2 ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ริมถนนสาย 331 หนองปลาตะเพียน-แปลงยาว พระมหาภควัฒน์ วรวฑฒโน อายุ 50 ปี พรรษา 18 เจ้าสำนักสงฆ์ดังกล่าว เปิดเผยถึงปัญหาสิ่งสะเทือนใจที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อชาวพุทธอีกครั้งในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ว่าขณะนี้สำนักสงฆ์แห่งนี้ซึ่งมีสิ่งก่อสร้างประกอบด้วยศาลาการเปรียญ 1 หลัง กุฏิ 2 หลังและห้องพักสงฆ์อีก 4 ห้อง กำลังจะถูกทุบทิ้งในวันที่ 5 มี.ค.54 ช่วงต้นปีหน้านี้แล้ว หลังจากศาลจังหวัดฉะเชิงเทราได้มีคำสั่งให้ทุบรื้อสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวทิ้งไป

    ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวสืบเนื่องมาจากทายาทเจ้าของที่ดินผืนนี้ได้ทำการยื่นฟ้องร้องเรียกคืนต่อศาล โดยกล่าวหาว่าพระเป็นผู้บุกรุก ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมานั้นที่ดินแปลงนี้ทางสำนักสงฆ์ได้รับการบริจาคจากเจ้าของที่ดิน คือ น.ส.นงลักษณ์ นาคีนพคุณ หรือ นาคีทองคำ ซึ่งเป็นนามสกุลดั้งเดิมของวงศ์ตระกูล ขณะนั้นอายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 สามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ในฐานะของผู้จัดการมรดก ในที่ดินแปลงนี้ ซึ่งมีอยู่กว่า 300 ไร่ โดย น.ส.นงลักษณ์นั้นเป็นคนโสดไม่มีบุตรหลาน มีแต่น้องสาวเพียง 2 คน จึงได้อนุโมทนาแบ่งที่ดินแปลงนี้ 6 ไร่ เพื่อต้องการบริจาคให้เป็นธรณีสงฆ์ และต้องการที่จะสร้างวัดขึ้นมาในที่ดินของตนเอง จึงได้เดินทางไปนิมนต์พระซึ่งเดิมนั้นบวชอยู่ที่วัดเทพนิมิต ในเมืองฉะเชิงเทรา ให้มาก่อตั้งเป็นวัด

    “ครั้งแรกอาตมาก็ได้เข้ามาดูพื้นที่ แต่เห็นว่าเป็นไปได้ยากเนื่องจากผู้บริจาคนั้นบริจาคแต่เพียงที่ดิน ซึ่งเป็นท้องทุ่งที่มีน้ำท่วมขัง แต่ไม่ได้บริจาคเงินทุนในการก่อสร้างวัดให้ด้วย จึงยังไม่ได้รับนิมนต์ พร้อมกับคืนที่ให้แก่เจ้าของไป ต่อมาโยมนงลักษณ์ก็ยังมีความประสงค์จะบริจาคที่ดินเพื่อที่จะสร้างวัดไว้เป็นของวงศ์ตระกูลตนเองอีกครั้ง ด้วยการไปติดตามอาตมาถึงยังที่สำนักสงฆ์แสงธรรมคีรีใน ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งขณะนั้นอาตมาได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่นั้น”

    “อาตมาจึงได้เดินทางธุดงค์มาปักกลดอยู่ยังที่นี่อีก แต่แล้วก็อยู่ไม่ได้เนื่องจากอาตมายังเห็นว่า ยังไม่พร้อมในเรื่องเงินทุนในการก่อสร้างจึงได้เดินทางกลับไปยังสำนักสงฆ์สุวรรณคีรีอีกครั้ง จนในที่สุด เมื่อวันที่ 25 ก.ย.45 โยมนงลักษณ์ ได้เดินทางกลับไปนิมนต์อาตมาให้เข้ามาสร้างสำนักสงฆ์แห่งนี้อีกครั้ง พร้อมกับได้ทำหนังสือการอนุญาตสร้างวัดอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร มอบไว้ให้ต่อหน้าเจ้าคณะจังหวัดรูปก่อนซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเทพนิมิตควบคู่อยู่ด้วย เป็นพยาน

    อาตมาจึงได้เดินทางกลับมาปักกรดอยู่ที่นี่ ก่อนที่จะถูกนิมนต์เข้าไปจำพรรษายังภายในตึกร้างใกล้กันหลังทำการก่อสร้างสำนักสงฆ์แล้วเสร็จ พร้อมเข้าพักอาศัยได้ในปี 2546 ได้มีบรรดาญาติโยม เข้ามาร่วมกันบริจาคสร้างศาลาการเปรียญ สร้างกุฏิ และที่พักสงฆ์ พร้อมทั้งห้องน้ำห้องครัว จนแล้วเสร็จ จากนั้นผ่านไป 5 ปีโยมนงลักษณ์ จึงได้เสียชีวิตลงด้วยวัยชราภาพ

    ต่อมาได้มีทายาท คือ น้องสาวของผู้บริจาค 2 คน พร้อมหลานอีก 4 คน ได้ร่วมกันยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อปี 2552 ร้องเรียกที่ดินผืนนี้คืนจากอาตมา ในข้อหาบุกรุก ซึ่งอาตมาไม่มีเงินที่จะนำไปจ้างทนายในการต้อสู้คดี จึงปล่อยให้ทนายความอาสา ประจำศาลจังหวัดเป็นผู้ว่าความต่อสู้คดีให้ จึงได้แพ้คดีความ จนถูกศาลมีคำสั่งให้ทำการรื้อถอนสำนักสงฆ์แห่งนี้ภายในวันที่ 5 มี.ค.54 ที่จะถึงนี้

    ทั้งที่ ก่อนหน้านี้ตั้งแต่แรกนั้นอาตมาได้ท้วงติงต่อทางผู้บริจาคว่า หากต้องการที่จะบริจาคที่ดินให้ ควรไปสอบถามต่อทางญาติพี่น้องก่อนว่าเขาจะยินยอมหรือไม่แต่ทางโยมนงลักษณ์กลับบอกว่า เขามีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจในการบริจาคได้แต่เพียงลำพัง เนื่องจากมีฐานะเป็นผู้จัดการมรดก อาตมาจึงได้ยินยอมที่จะเข้ามาสร้างเป็นสำนักสงฆ์เพื่อที่จะก่อสร้างเป็นวัดตามความต้องการของผู้บริจาคต่อไปพร้อมทั้งยังตั้งชื่อสำนักสงฆ์แห่งนี้ตามชื่อนามสกุลเดิมของผู้บริจาคอีกด้วย

    หากสำนักสงฆ์แห่งนี้ต้องถูกรื้อถอนทุบทำลายทิ้งลงไปจริงๆ ก็น่าเสียดาย เสียแรงศรัทธาของผู้ตั้งใจบริจาค ทั้งเงินและที่ดิน และยังเป็นสิ่งสะเทือนใจต่อชาวพุทธทั่วไปที่ได้มาพบเห็น จึงอยากวิงวอน ต่อเจ้าของที่ดินแปลงนี้ว่า อย่างไรก็ตามขอให้เห็นแก่ทางโยมพี่สาวที่ตั้งใจในการที่จะทำบุญ สร้างวัดเป็นของวงศ์ตระกูลตนเอง หากไม่บริจาคที่ดินให้ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้แบ่งที่ดินจำนวน 2 ไร่ ตรงพื้นที่บริเวณที่ได้ทำการปลูกสร้างอาคารไปแล้ว ขายให้แก่ทางสำนักสงฆ์ ญาติโยมผู้บริจาคเงินทุนในการก่อสร้าง และจะได้ช่วยกันหาเงินทุนมาทำการซื้อคืนต่อไป เพราะหากจะทุบทิ้งก็เสียดาย เสียความศรัทธา และเป็นสิ่งสะเทือนใจต่อผู้บริจาคโดยที่ผ่านมานั้นได้ใช้เงินทุนในการก่อสร้างไปแล้วถึง 5 ล้านบาท”

    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับพระมหาภควัฒน์ หรือหลวงพ่อแบงค์ เป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงในการจัดสร้างวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา จนมีลูกศิษย์ลูกหาเข้ามาร่วมกันทำบุญเป็นจำนวนมาก จนสามารถหาเงินบริจาคได้มากถึง 5 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี จนสามารถนำมาสร้างเป็นสำนักสงฆ์ได้ โดยเฉพาะตะกรุดหนังงูที่ล่ำลือกันว่ามีความขลังในทางมหาอุด


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    เหมืน กันกับที่ระยองเลย วัดนั้นอยู่ชายเขาทำเลดีมาก พ่อแม่ถวายให้สร้างวัดตั้งแต่ที่ดินไม่มีราคา สร้างจนเป็นวัด สร้างโบสถ์เสร็จ รุ่นลูก ลูกเป็นแพทย์ด้วย ฟ้องศาลขอคืน แต่โชคดีที่ศาลให้วัดเป็นฝ่ายชนะคดี

    กรณีนี้เป็นที่ธรณีสงฆ์ไปแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่สร้างโบสถ์เป็นที่สงฆ์ดเป็นเขตพัทธสีมา(เขตทำสังฆกรรมที่สงฆ์ผูกไว้แล้ว)แม้แต่พระเจ้าแผ่นดินก็ไม่อาจลุกล้ำได้ ถึงแม้จะคืนให้เจ้าของโดยที่สงฆ์ยังไม่ได้สวดถอนที่ตรงนั้นถึงจะรื้อถอนโบสถ์ไปแล้วก็ยังถือเป็นเขตพัทธสีมา ตอนฝังลูกนิมิตสงฆ์สวดยัดไว้ จะให้เป็นที่ดินของผู้อื่นก็ต้องสวดถอน สวดถอนนี่ไม่ใช่ของง่าย ต้องใช้พระจำนวนมากย่ำเท้าไปทุกตารางนิ้วสวดถอน

    มีที่วัดร้างที่เคยเป็นโบสถ์ แต่ร้างไปเป็นร้อย ๆ ปี โดยที่ยังไม่ได้มีการสวดถอน กลับเป็นป่าดง เป็นพงหญ้า แล้วคนที่ไม่รู้ไปจับจองเป็นเจ้าของ ใช้ทำการเพาะปลูก ปลูกบ้าน เป็นอันต้องประสพเคราะห์กรรมพินาศไปต่าง ๆ นา ๆ เพราะเท่ากับไปครอบครองที่พัทธสีมาของสงฆ์ เรื่องอย่างนี้ก็มีมาแล้ว

    แต่เรื่องของหมอคนนี้ กับเรื่องในกระทู้ เหตุจูงใจให้เรียกที่ดินคืนก็ คือ ความโลภ ถ้าที่ดินไม่มีราคาขึ้นมา ก็คงไม่อยากได้คืน กรณีในกระทู้ 6 ไร่ให้สร้างวัด จาก 300 ไร่ที่ตนดี นึกดูเอาก็แล้วกัน

    กรณีของที่ให้ไปแล้วอย่าว่าแต่ที่ดิน เงินบาทเดียวที่ให้ขอทานไป ไม่มีใครเขาเรียกคืนหรอก ที่ดินที่ให้ทำวัดไปแล้ว ถ้าเรียกคืนไป ที่นั้นก็ใช้ทำมาหากินปลูกบ้านสร้างเรือนอะไรไม่ได้หรอก ภัยและโทษเคราะห์กรรมจะตามมาคือทำอะไรก็ไม่ขึ้นและพินาศไปในที่สุด ทีนี้คนที่เขาไม่รู้ไม่เชื่อไม่ศรัทธาเขาก็กล้าจะทำ

    ประโยชน์กับพระพุทธศาสนาก็ถือเป็นประโยชน์สุขของคนหมู่มาก ความสุขของคนหมู่มาก ทั้งมนุษย์ เทวดา และ สัตว์ทั้งหลาย ค่ามันยิ่งใหญ่กว่าเอามาเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว เมื่อตายไปก็หาประโยช์อะไรให้ตนเองไม่ได้ เอาไปก็ไม่ได้
     
  3. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521
    เปรตกำลังร้อนรน กำเนิดปิตติวิสัยคงไม่อาจจะหลุดพ้นจากผู้กระทำนี้ไปได้แน่ น่าสงสารโยมจริงๆเลยหนอ ขอให้พ้นภัยใหญ่อันตนได้กระทำแล้วนั้นด้วยเถิด สาธุ


    เจ้าของเดิมเขายกให้แล้ว แม้จะไม่ได้โอนให้อย่างเป็นทางการแต่เขายกถวายให้ด้วยความจริงใจ สงฆ์ทั้งหลายรับทราบแล้ว กำหนดปลงใจแล้วว่าที่ตรงนั้นคือที่แห่งสงฆ์ทั้งปวง ที่นั่นย่อมตกเป็นของสงฆ์ด้วยความชอบธรรม นี่คือกฏแห่งกรรม

    ทางด้านกฎหมาย แม้กฎหมายเจ้าของที่คนใหม่จะสามารถฟ้องชนะได้ก็ตาม ก็ได้แค่ทางกฎหมาย เหมือนกับคนเราไปขโมยของเขามา แต่เขาหาหลักฐานไม่ได้ ขโมยจึงเป็นฝายได้ชัย

    แต่กฎแห่งกรรมไม่มีทางเอาชนะได้ด้วยกฏหมายบ้านเมือง กฎแห่งกรรมอยู่ที่กรรมคือการกระทำนั่นหละเป็นตัวกำหนดชี้วัด สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2010
  4. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    เราก็เคยเจอ....พวกลูกหลานคนรวย....ไปฟ้องศาลเอาที่ดินคืน....ทั้ง ๆ ที่ปู่ย่าตาทวดท่านยกให้วัดไปแล้ว....ให้วัดเก็บผลประโยชน์....แต่พอลูกหลานได้รับมรดกไป....ก็ไปฟ้องเอากลับคืนมาเป็นของตัวเอง.....เท่าที่เคยเห็นกับตานะ....คนคนนั้น...ถึงแม้ว่าจะดูรวยมากขนาดไหน....แต่ก็ร้อนรนเดือดร้อนเรื่องเงินอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ......ขายสมบัติเก่ากินจนแทบจะหมดตัวอยู่แล้วค่ะ....ชีวิตไม่มีความสุข.....เพราะลูก ๆ เอาเรื่องเดือดร้อนเอามาสู่ครอบครัวตลอดเวลาเลย.....

    อย่างในเรื่องนี้....ได้รับมรดกตั้ง 300 ไร่ จะยกให้วัดสัก 6 ไร่ไม่ได้เชียวหรือ....ที่จริง 6 ไร่ยังน้อยไป น่าจะยกให้เพิ่มเป็น 10 ไร่ไปเลย.....จะได้เป็นกุศลแก่วงค์ตะกูล.....
     
  5. ทหารเก่า

    ทหารเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3,027
    ค่าพลัง:
    +19,019
    พวกที่มาเอาที่ที่เจ้าของที่ต้องการทำบุญสร้างที่ปฏิบัติธรรมของสงฆ์ที่ที่เอาไปจะเป็นเสมือนไฟนรก เผาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของคนเหล่านั้นในที่สุดจะไม่เหลืออะไรเลย จะถูกสาปแช่งโดษเจ้าของผู้มอบให้ ชีวิตนี้จะไม่รู้จักคำว่าสุข เห็นมาหลายรายแล้วในที่สุดก็ฉิบหายวอดวายกลายเป็นคนเรร่อน กรรมใหญ่หลวงนัก
     
  6. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ที่ธรณีสงฆ์นะค่ะ อย่าทำเลย บาปมาก
     
  7. ขม

    ขม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +1,521
    ชอบมากครับ ผมขอสนับสนุนแนวคิดนี้ครับ:cool:
    ความโลภนี่มันบังตานอกตาในหมดเลยนะครับเนี่ย
     
  8. wee2010

    wee2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +122
    โลภะเป็นเหตุหนอคนเรา น่าสลด สังเวช
     
  9. กัณตา

    กัณตา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +28
    ความโลภไม่เข้าใครออกใคร บางทีเป็นพี่น้องกันเองยังแย่งสมบัติจนฆ่ากันก็ยังมี ความสุขความเจริญหาไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเขาคิดจะเอาที่ดินคืน ทั้งที่ยกให้วัดไปแล้ว
     
  10. sri_deang

    sri_deang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +11
    พุทธศาสนะสถานสมบัติ เป็นที่เรียกขานว่าธรณีสงฆ์ แปรว่าสงฆ์มีสิทธิในการใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยชอบธรรม อันที่จริงแล้วสงฆ์โดยธรรมย่อมไม่น้อมนำสะสมสิ่งอันเป็นวัตถุมาเป็นเครื่องเศร้าหมองแห่งการปฎิบัติเพื่อหลุดพ้น ที่ดินนี้โยมผู้มีจิตอันบริสุทธ์ได้อุทิศถวายเพื่อให้สงฆ์ได้มีที่ปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น ถือเป็นการกระทำกุศลที่เป็นทานบารมี ถึงวันนี้แม้ศาลทางโลกได้ตัดสินคืนให้แก่ผู้ฟ้องร้อง แต่ในทางธรรมถือว่าทานนี้ได้สำเร็จแล้วตั้งแต่มีใจเป็นกุศลบริจาคที่ดินนี้แด่สงฆ์ บุญนั้นย่อมได้แด่ท่านผู้บริจาค ทายาททั้งหลายที่มีส่วนฟ้องศาลขอคืนที่ดินผืนดี ขอท่านจงมีสติและพิจารนาว่าการกระทำครั้งนี้ท่านไม่ได้ขอคืนที่ดินเพียงอย่างเดียวนะ ท่านกำลังสั่นคลอนบุญกุศลแห่งการทำดีบริจาคทานเป็นศาสนสมบัติของผู้บริจาค อีกทั้งต้องทุบทิ้งทานกุศลแด่ผู้คนที่ศรัทธาบริจาคปัจจัยในการสร้างกุฎิที่พักเพื่อสงฆ์ได้ใช้ปฏิบัติธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ท่านต้องพิจารนาว่าผลแห่งการได้ที่ดินกลับมาเป็นสมบัติส่วนตนนั้นคุ้มกันกับผลแห่งกรรมที่ราชาวพุทธเชื่อมั่นว่ามีจริงมันจะคุ้มกันหรือไม่ ขอแสงสว่างแห่งปัญญาจงบังเกิดแก่จิตใจของท่านขอทานบารมีที่แท้จริงจงบังเกิดแด่ท่านทั้งหลายที่พบแสงแห่งปัญญา อนุโมทนา
     
  11. arayagood

    arayagood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +122
    ทำไมช่างบาปเช่นนี้ มองเห็นกาลข้างหน้าได้เลย ครอบครัวนี้จะประสบแต่ความวิบัติ ตายไปก็ทรมาน แล้วใช้กรรมเป็นเปรต
     
  12. หนีนรก

    หนีนรก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +666
    คิดแบบง่ายๆว่า มีพี่น้อง 3 คน มีที่ดิน 300 ไร่ มีสิทธิ์ในที่ดิน คนละ 100 ไร่ ผู้จัดการมรดก(พี่คนโต)มีสิทธิ์ในที่ดิน 100 ไร่ เช่นกัน เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ได้ให้ที่ดินแก่วัด 6 ไร่ ยังเหลือของตนอยู่ 94 ไร่ กับของน้องอีก200 ไร่ น้อง 2 คน ได้ไปคนละ 100 ไร่
    เมื่อพี่สาวเสียชีวิตลง ก็ได้ที่ดินของพี่เพิ่มไปอีกคนละ 47 ไร่ แต่ก็ยังโลภมาก ถือสิทธิ์ที่เป็นทายาท จะเอาของที่พี่ให้ผู้อื่นไปแล้วคืน ทำไมไม่รู้จักคิด ถ้าเขาอยากจะให้ที่ดิน 6 ไร่นี้แก่ พวกเธอทั้งสอง ตอนมีชีวิตอยู่เขาจะยกให้คนอื่นทำไม กลัวชีวิตมีความสุขความจะเจริญมากรึไง ถึงได้ตะเกียกตะกายหาทางไปเป็นเปรต พี่สาวสร้างบารมี น้องตัวดีหาทางไปอเวจีมหานรก

    อุทาหรณ์สอนใจ จำไว้ ใครมอบที่ดินให้แก่วัด แล้วไม่ได้ทำตามกฏหมายจนเสร็จสิ้นกระบวนการ ควรเขียนพินัยกรรมทิ้งไว้ด้วย ว่าหากตนเสียชีวิตลง ให้มอบอะไรให้ใครคนละเท่าไหร่ ส่วนที่ดินที่ยกให้วัดไปแล้ว หากใครทวงคืนถือว่าสละสิทธิ์จากกองมรดกส่วนที่ตนแบ่งให้ ให้ยกส่วนนั้นให้แก่วัดแทน (แน่นอนดี)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 ธันวาคม 2010
  13. wara99

    wara99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +892
    งานนี้ น่าจะตกนรกหลายคน ยิ่งเจ้าอาวาสเป็นพุทธะแท้ๆ บุคคลต่อไปนี้ยิ่งบาปหนัก

    ๑เจ้าของที่

    ๒ทนายฝ่ายโจทย์

    ๓อัยการ

    ๔ผู้พิพากษา

    ๕พวกที่เขียนกฎหมาย ฉบับนี้

    ท่านยมบาล คงต้องทำงานหนัก ไม่น่าเชื่อ บุคคลทั้ง ๕ กลุ่มนี้ เป็นคนมีการศึกษา

    และก็ไม่อยากจะเชื่อ บุคคลที่ทำประเทศชาติเสียหาย ศีลธรรมถดถอย ก็คนมีการศึกษาทั้งนั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...