อานาปานสติ กำหนดลมหายใจ หรือปล่อยรู้ไปตามธรรมชาติ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 14 พฤศจิกายน 2010.

  1. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    เอกวีร์.......มั่วอีกและ หัวใจของการตั้งมั่นคือ..การเพียรละลึกรู้ คือสติ..ต่างหาก ลมนั้นแค่วัตถุตัวล่อให้เกิดสติ..มั่วไปเรื่อยยยยยยยยยยยยยยเฉื่อยยยยยยยยย.
     
  2. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ต่างจิต ต่างใจ ต่างวัย ต่างวุฒิ ต่างนึก ต่างคิด ต่างผิด ต่างถูก ต่างแตก เลย แตกต่าง

    สิ่งที่ต่างแต่ไม่ต่าง คือ ทุกคนต่างทำอานาปานสติ เช่นเดียวกัน

    ต่างเริ่มทำ ดีกว่า ต่างเลิกทำ

    ต่างทำดี ดีกว่า ต่างทำชั่ว

    ต่างคนต่างทำ เพราะ ทำถึงจะดี
     
  3. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    การดื่มยายาคูลท์ 1 ขวดให้พลังงาน
    เท่ากับกินข้าวขาหมูจานพูน ๆ ถึง 3 จาน
     
  4. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    เคยถาม สาวยาคูลท์ ว่า กิน ยาคูลท์ 3-4 ขวด ต่อวันได้ไหม

    สาวยาคูลท์ ตอบว่า ไม่ได้ ........ถามทำไม?

    สาวยาคูลท์ ตอบว่า มันเปลือง

    (เรื่องจริงไม่อิงนิทาน)
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เอกวีร์ มีมุมมองที่ ยืดยาวกว่า งงกว่า ทำให้ปรากฎว่า งงอย่า่งชัดเจน
     
  6. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ดีนาคุณอวตาร ถามแล้วได้คำตอบ
    ผมเห็นโฆษณาทางทีวี อยากรู้อะไรให้ถามสาวยาคูลท์ซิค๊ะ

    พอผมถาม ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร แต่นี่สาวเจ้าอายปันจักรยานหนีซะนี่ จะไหวไหมนี่
     
  7. parasite_moll

    parasite_moll Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +79
    ผมก็ชอบฟังพี่ขันธ์ อธิบายธรรม มันมีรสชาติของธรรมได้ความเห็นแจ้งเยอะดี
    ส่วนท่านเอกวีร์ ธรรมอ่านยาก ยาวๆๆๆๆ แล้วไม่รู้จะมีกี่คนเข้าใจ
    บางทีผมยังต้องเกาหัวแคร๊กๆ เลย
    อนุโมทนากับพี่ขันธ์ ด้วย
     
  8. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    (1)ลุงครับ หลวงตาท่านก็บอกแล้วนี่ครับ ว่าตามลมน่ะ มันฟั่นเฝือ

    (2)ท่านพ่อลีสอนให้รู้ลมแคบ ลมกว้าง ท่านไม่ได้สอนตามลมนี่ครับ
    ท่านสอนให้ทำความรู้สึก กว้าง ๆ โปร่ง ๆ สบาย ๆ แล้วคอยดูลม
    ก็จะเห็นลมว่ากว้าง ว่าแคบ ว่ายาวอย่างไร แล้วก็ค่อยปรับไปตามความถนัด
    ของนักปฏิบัติแต่ละราย ละราย ไป

    (3)พระพุทธโฆษาจารย์ ท่านสอนว่าไม่จำเป็นต้องรู้ลมทั้ง 3 ฐาน ก็ได้นี่ครับ
    ผู้ที่จะรู้ได้ทั้ง 3 ฐาน ต้องเคยสั่งสมอบรมอานาปานสติ
    มามากมายหลายภพชาติครับ
    ส่วนท่านทีสั่งสมมาน้อย ก็รู้ได้ ฐานเดียวครับ
    ท่านสอนให้นักปฏิบัิติ พิจารณาตามความเหมาะสมของตนครับ
    และที่ท่านสอน...ไม่ได้สอนให้ตามลมด้วย

    ลุงอย่ามากล่าวหาผมว่าเป็นนกแก้วนกขุนทองเลยครับ
    ผมก็บอกแล้วไง ผมรู้หมดแหละ
    ว่าใครจำมาพูด หรือ ปฏิบัติแล้วรู้จริงมาพูด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2010
  9. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    เพิ่มเติม...

    ผมบอกตรง ๆ นะ ลุงนี่ติดตำรามากไป เพราะอะไรรู้มั้ย
    เพราะปฏิบัิติเองแล้วไม่เห็นผลไง
    สิ่งที่ลุงโพสต์มามันแค่ชั้นสัญญา

    ผมผ่านจุดที่ลุงยืนมาแล้ว

    เวลาผมโพสต์อะไรลุงถึงไม่ค่อยเข้าใจไง
    ก็เหมือนคนยังไม่เคยไปลอนดอนนั่นแหละ
    ถ้าคนที่ตนเชื่อถือ มาพูดให้ฟังถึงแม้เค้าจะไม่รู้จริงก็เชื่อดะไปหมด
    แต่คนที่รู้จริงเห็นจริงมาพูด แต่ดูเค้าเหมือนเด็ก ก็ไม่เชื่อ

    เพราะลอนดอนตนเองไม่เคยเห็น
    เหมือนธรรมะนั้นแหละ ไม่เคยเห็นก็ด้นเดาไม่ถูก
    เพราะธรรมะนั้นละเอียด ลึกซึ้ง เหลือเกิน
    คนที่ปฏิบัติไม่ถึง หยั่งถึงความจริงไม่ได้

    ถ้าใครมาพูดได้ตรงตามที่ตนคิดได้
    ก็ยอมรับว่าเค้าพูดถูก
    แต่ความจริงหารู้ไม่ว่า
    ธรรมะชั้นสูงนั้นยากนักจะใช้ความคิดชั้นสัญญาหยั่งได้ถึง

    พอผู้ที่รู้ธรรมะชั้นสูงมาพูด
    ตนเองไม่มีความสามารถจะหยั่งถึงได้
    ก็พาลไม่เชื่อท่าน
    และยิ่งไปกว่านั้นยิ่งคัดค้านต้านทานด้วยทิฎฐิมานะกล้าของตน
     
  10. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ไม่รู้สิครับท่าน00000พระอริยะเจ้ามีตั้งหลายองค์ องค์ไหนเหรอครับว่าเป็นอัตโนมัติ ต้องบอกด้วยครับ เพราะว่าท่านอาจสื่อความหมายเพื่อบางอย่างตามกาล ตามวาระที่ท่านเห็นควรก็ได้ แต่ถ้าเป็นคำอื่นนี่มีไหมต้องคงให้ท่านลองเอามาเปรียบเทียบดูอีกทีครับ
     
  11. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ครับท่านมหาปาด...ระยะนี้ไม่ค่อยได้พบได้เห็นท่านนะครับ

    ถ้ายังไม่ถึงขั้นอัตโนมัิติ
    ก็ยังเป็นอัตโนมัติไม่ได้หรอกครับ
    เพราะกิเลสย่อมไหลลงทางต่ำเสมอ

    ทำให้มากยังไงก็ชำนาญอยู่แล้วครับ
    แต่ในรายละเีอียดของคำว่าอัตโนมัตินี่
    มันมีอัตโนมัติแบบเสื่อมได้ กับ เสื่อมไม่ได้

    อัตโนมัติแบบเสื่อมได้
    ก็คือฌาณ นี่ เสื่อมได้ครับ
    ที่ครูบาอาจารย์ท่านว่าเป็นแบบนี้หรือเปล่าครับ
    ทำจนชำนาญมันก็เป็นไปเองโดยอัตโนมัติ
    เห็นพวกเล่นกายกรรมมั้ยครับ
    ยากก็ยากแต่ทำไมเค้าทำได้
    พอเค้าทำได้ชำนาญมันก็เป็นอัตโนมัติไปเอง
    ก็เหมือนอานาปานสตินี่ล่ะครับ
    เมื่อได้ฌาณรู้ทางเข้าทางออกอย่างชำนาญ
    ก็เป็นอัตโนมัติแต่เสื่อมได้
    นี่คือการได้ฌาณจากอานาปานสติ

    อัตโนมัติแบบเสื่อมไม่ได้
    ก็คือปฏิบัติอานาปานสติไป
    ก็รู้ธรรมเห็นธรรมเป็นขั้น ๆ ไป
    เช่น ขั้นโสดา ขอย้ำนะครับ โสดา ไม่ใช่โสเดา
    อานาปานสติของผู้นี้ เป็นผู้ที่ไม่เสื่อม
    คือจะเกิดอีกอย่างมากไม่เกินเจ็ดชาติ
    จิตหมุนตัวเพื่อหลุดพ้นเป็นอัตโนมัติ
    ด้วยการปฏิบัติอานาปานสติ แล้วรู้ธรรมเห็นธรรม

    หรือในขั้น อนาคา คือ ผู้ไม่มาเกิดอีก
    นี่ไม่เสื่อมครับ จะไม่กับมาเกิดในโลกอีก
    แต่ไปอยู่สุทธาวาส 5 ชั้น ถ้าตายไป
    ถ้ายังไม่ตาย จิตจะหมุนตัวขึ้นไป
    ด้วย สติปัญญา อัตโนมัติ ดังหลวงตามหาบัวบอกเอาไว้
    ท่านว่าเมื่อหมดกามราคะแล้ว
    สติปัญญา จะเป็นสติปัญญาที่ฆ่ากิเลสไปโดยอัตโนมัติ

    เหมือนกับปุถุชนคนหนาอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ขณะนี้
    ที่กิเลสหมุนตัวลากสัตว์โลกให้เป็นไปตามอำนาจของมัน โดยอัตโนมัติ
     
  12. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ปันจักรยานหนี เพราะ อาย ก็น่าภูมิใจ...

    ปันจักรยานหนี เพราะ กลัว นี่ซิน่าคิด...

    555
     
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    วิธีดู การรู้ลมอัจโนมัตินั้น ตรงนี้จะต้องผลิกแพลงเอา จะเข้าไปรู้ ว่าเรา
    รู้ลมอัตโนมัติหรือยัง จะพลาดและคลาดถึงขั้นวิปลาส

    การผลิกแพลง ก็ขอให้อาศัยการดูอานิสงค์ ยกตัวอย่างเช่น การทำ
    อานาปานสติมากๆจะส่งผลให้เป็นคนฉลาด มีปฏิภาณ ไหวพริบดี เรียนรู้เร็ว จด
    จำความได้มาก(โดยที่ไม่ใช่อาการท่องอาขยาน แต่เป็นแค่อ่านผ่านตา)

    ก็ลองเอาอานิสงค์ข้อนี้มากางออกดูว่า มีปรากฏในตนไหม ที่ยกข้อนี้มาเพราะ
    มันเป็นประโยชน์เบื้องต้น ที่มีประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรม

    เหตุปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่ง ที่ได้จากการ รู้ลมด้วยอารมณ์ยกขึ้นเพื่อ
    ดูการเกิดดับไม่เที่ยงแปรปรวน ก็คือ การปล่อยรู้ รู้ปล่อย หรือ สตินั้น
    แหละ อาการรู้ของสติจะไม่ใช่รู้เรื่องรู้ราว แต่เป็นการรู้การปรากฏของ
    สิ่งที่สังเกตุ

    พอมีสติดี เวลาเรียนหนังสือ เกิดหลับไป แล้วตื่นขึ้นมา บทเรียนหน้าชั้น
    จะกระโดดไปแล้ว หากเป็นคนรู้ไม่ปล่อยก็จะมึนตึบตีบตันตามไม่ทัน แต่ถ้า
    ปล่อยรู้ แล้วกระโดดตาม และตามเอาเฉพาะที่รู้ จิตมันจะสดชื่นขึ้นเพราะมัน
    เห็นว่ายังตามได้ ยังรู้ตามได้ ดีๆไม่ดีรู้ล่วงหน้าอีกว่าจะพูดถึงอะไร จิตก็จะ
    เบิกบานไม่ตีบตันเพราะยึดติดศัพย์(เรื่องราว) เพราะจิตสดชื่นแจ่มใสมีความ
    สุขสมาธิในการเรียนก็เกิดต่อทันที เป็นต้น

    ถ้าอาการปรากฏแบบนี้ ลองสังเกตุตัวเองแบบห่างๆ จะรู้ว่า หลังจากการ
    เขียน อ่าน พูด คิด กิน ทำ พอจิตว่างปั๊ป มันจะไปรู้อยู่ที่ลมเป็นวิหาร
    ธรรมทันที โดยไม่ต้องไปบอกมันว่า

    "เป๊ง!!! กำหนดรู้ลมได้"
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เตชพโล คุณ นี่เป็นคนที่หลง มากเอาการอยู่ ตัวรู้ ตัวเข้าใจคลาดเคลื่อนไปหมด

    เหตุผล ของคุณก็คลาดเคลื่อนไปหมด

    เอาแบบนี้ ผมจะอธิบาย คำว่า ตามลม ให้ฟัง

    ตามลม นี้ หมายถึง ให้รู้ชัดว่า ลมนั้น มีลักษณะอย่างไร วิ่งไปกระทบในส่วนใด

    จุดประสงค์ ก็เพื่อให้ เรารู้ กองลม ในอานาปานสติ ก็บอกอยู่แล้วว่า ให้รู้ในกองลมทั้งปวง เพื่อจะได้ระงับ กายสังขารได้ เป็นที่สบายแห่งตน

    รวมถึง คำว่า กายในกาย ก็หมายถึงลมนี้ก็ได้ ที่โคจรทั่วกาย

    คนที่ศึกษา ลม เท่านั้น จึงจะสัมผัสได้ในอาการ กายในกาย รู้อ่อนรู้แข็ง รู้ยาว รู้สั้น รู้ละเอียด หยาบ ในลม แล้วคุณจะให้ คำว่า ตามลม หมายถึงอะไรกันแน่

    แต่ คนที่ ไปฟังหลวงตามา คำสองคำ แล้วทึกทักเอา อย่างไม่น่าให้อภัย ก็เห็นจะมีแต่ เตชพโล นี้แหละ ที่ ไม่เคยปฏิบัติ แต่ไปขโมยธรรม คนอื่นมา พูด

    อ้างว่า ท่านพ่อลี สอนแค่ ลมกว้างลมแคบ ไม่ได้สอนให้ตามลม
    แล้ว ลมกว้าง ลมแคบ ลมทั่วกาย นั้นตามอะไร

    อ้างว่า พระพุทธโฆษาจารย์ บอกว่า ลมกระทบ 3 จุดเหมาะเฉพาะพุทธจริต ไม่ได้สอนให้ตามลม แล้ว ลมกระทบสามจุด นั้นตามอะไร

    อ้างว่า หลวงตาบอกว่า อย่าไปตามลม มันฟั่นเฝือ หลวงตาท่านกำลังสอนใคร สอนสภาวะอย่างไร และ ท่านถนัดพุทโธ กับ จิตภาวนา คุณก็ไม่ดู

    เรื่องนี้ เปรียบเทียบกับ หลวงปู่เจี๊ยะ ท่านก็ไม่สอนให้ใช้อานาปานสติ ท่านให้เริ่มต้นกับพุทโธ เร็วๆ

    เพราะอานาปานสติ ยาก ท่านว่าอย่างนั้น แบบนี้ คุณจะบอกว่า ท่านไม่ให้ใช้อานาปานสติด้วยอีกหรือเปล่า

    มาดูพระสูตรอีกครั้ง

    อานาปานสติ เหมาะกับ พุทธจริต คือคนชอบค้นคว้า จะทำให้เกิด ปัญญามาก เพราะเอาแค่ ลมตัวเดียว ก็มี สั้นมีหยาบ มีวิถีลม ที่แตกต่างกันไป

    การเข้าไปศึกษา เรื่องลม จึง เป็น วิปัสสนา ญาณไปในตัว เป็นการอบรมมหาสติปัฏฐานไปในตัว

    ด้วยเหตุนี้ การเข้าไปสังเกตุ เข้าไปดูลม จึงเป็นการฝึกในเบื้องต้น ที่จะพิจารณา กายคตสติปัฎฐาน
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เอาพระสูตรมาให้อ่าน แล้ว ทำความเข้าใจ โดยรวมให้เป็น ให้ศึกษาโดยอรรถ ตามความหมาย และ จุดประสงค์ โดยรวม

    ไม่ใช่ เอาตามแต่ พยัญชนะ หรือ ความหมายเฉพาะหน้า
     
  16. อโศ

    อโศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,689
    ค่าพลัง:
    +5,830
    ผมเองเคยได้มีโอกาสกราบเรียนหลวงปู่เจี๊ยะ เมื่อครั้งที่องค์ท่านยังมีชีวิตอยู่
    สาเหตุที่หลวงปู่ฯ ไม่สอนให้ใช้อานาปานสติ ท่านให้เริ่มต้นกับพุทโธ เร็วๆ

    หลวงปู่ฯ ท่านเอ่ยว่า...อานาปานสติเป็นกรรมฐานที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
    และพระมหาสาวกผู้มีบารมีทางพุทธภูมิมาก่อน...
    อานาปานสติเป็นเพชรยอดมงกุฏ เป็นกรรมฐานที่สุดยอดเหนือกรรมฐานทั้งปวง
    เป็นทั้งสมถและวิปัสสนาในตัว

    แต่เพราะอานาปานสตินั้น ลึกซึ้งยากเกินวิสัยคนทั่วไป จะปฏิบัติได้ดี...
    นอกเสียจากบุคคลผู้นั้น จะเคยสร้างสมบารมีอบรมอินทรีย์มาทางนี้เท่านั้น...
    ทำให้บางบุคคลเมื่อปฏิบัติเจริญกรรมฐานอานาปานสติไปจะไม่ก้าวหน้า
    ติดอยู่ในกองลมละเอียดสุขเวทนาบ้าง ตกภวังค์ หลับในสมาธิ แบบนี้เป็นต้น
    ไม่พลิกแพลงด้านปัญญา เอาแต่ติดในกองลม ขาดตัวผู้รู้...

    แต่หากผู้ใดปฏิบัติและเข้าใจในอานาปานสติได้พอสมควร
    หลวงปู่ฯท่านชี้แนะอุบายเรื่องพิจารณากายต่อไปตามลำดับ
    เนื่องเพราะหลวงปู่ฯท่านดูจริตนิสัย และการปฏิบัติของบุคลลนั้นด้วย
    มิได้ตำหนิ หรือให้เอาแต่....พุทโธ เร็วๆ ตามองค์ท่านแต่อย่างใด


    ด้วยเพราะพ่อแม่ครูจารย์นั้น จะมีประเพณีวินัยในการขอนิสัย..พ่อแม่ครูอาจารย์
    เมื่อเข้ามาขออยู่อบรมกับองค์ท่านฯ เราต้องปฏิบัติตามทุกสิ่ง
    หลวงพ่อสงบเอง ท่านเองก็เล่าให้ฟัง...
    หลวงพ่อฯ ออกจากหลวงตาฯไปอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ
    หลวงปู่ฯสั่งให้เลิกกรรมฐานที่เคยปฏิบัติมาทั้งหมด...
    เราเองก็ปฏิบัติตาม...เพราะเรามาอยู่มาขอนิสัยกับองค์ท่าน
    หลวงปู่ฯท่านปฏิบัติมาอย่างไร ได้ผลมาเช่นไร ท่านฯก็สอนแบบนั้น มิได้ด้นเดา
    เรามาศึกษาข้อวัตรการปฏิบัติกับหลวงปู่ฯ ไม่ได้มาโต้เถียงเอาชนะท่านฯ


    หลวงปู่ฯ เมื่อถึงคราววาระที่นิมนต์ขึ้นเทศน์ที่วัดอโศฯ
    ท่านฯจะเดินกระทืบเท้าดังๆ เพื่อให้คนที่นั่งสมาธิในวิหารสะดุ้งไม่หลับใน
    เป็นที่กล่าวขานกัน มาจนถึงทุกวันนี้...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2010
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ขอบคุณ คุณ อโศ ที่นำเรื่องราวดีๆ น่าฟัง มาให้อ่าน
     
  18. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ถึงท่านอโศ
    แสดงว่าความเหมาะสมของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันดังใบไม้แต่ละใบก็หาได้เหมือนกันหากพิจารณาดีๆ คนเรานั้นก็ไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียวแม้จะเป็นแฝดกัน แล้วทำอย่างไรจึงรู้ได้จริงๆละว่า ตนเหมาะสมกับสิ่งใดหากไม่ใช่การปฏิบัติแล้วพิจารณาผลว่าให้ผลเป็นเช่นใด สงบลงไหม หรือยิ่งเกิดความดิ้นรนเป็นต้น แม้กระนั้นพระศาสดาและพระสาวกทั้งหลายจึงให้หนทางการทำจิตให้สงบ ให้เป็นสมาธิ ไว้หลายๆลักษณะ เมื่อถูกทางตนก็จะเห็นผลได้เร็ว เมื่อไม่ถูกทางก็จะไม่เห็นผล อย่างนั้นใช่ไหมครับ
     
  19. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ถึงท่านอโศ

    แล้วโมหะจริต และ วิตกจริต ที่เป็นจริตเหมาะแก่ อานาปานุสสติกรรมฐาน ควรทำยังไงดี
     
  20. อโศ

    อโศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,689
    ค่าพลัง:
    +5,830
    ตอบ คุณ kengkenny

    ความเหมาะสมในการปฏิบัติภาวนากรรมฐานนั้นของแต่ละคนนั้นย่อมไม่เหมือนกัน
    เป็นเพราะจริตนิสัย วาสนาบารมีย่อมสร้างสมอบรมอินทรีย์มาแตกต่างกัน


    การที่เราจะรู้ว่า...แล้วทำอย่างไรจึงรู้ได้จริงๆละว่า ตนเหมาะสมกับสิ่งใด....
    ควรศึกษา แนวทางการปฏิบัติของครูบาอาจารย์ที่เรามุ่งยึดเป็นแนวทางปฏิบัติ
    ทั้งเรื่องข้อวัตรปฏิปทา และแนวทางคำสอนของท่านฯ
    ตลอดจนจริตนิสัยของครูบาอาจารย์กับตัวเราเข้ากันกับเราได้หรือไม่....
    เมื่อเราติดขัดปััญหาในการภาวนา ครูบาอาจารย์ท่านฯ มีอุบายแก้ไขอย่างไร
    เราปฏิบัติตามคำสอนของท่านแล้ว เราติดขัดหรือเจริญก้าวหน้าหรือไม่
    ทั้งนี้ เราต้องใข้เวลาในการศึกษากับครูบาอาจารย์แต่ละท่านพอสมควร


    หนทางการทำจิตให้สงบ ให้เป็นสมาธิ มีหลายลักษณะ
    เมื่อถูกทางตนก็จะเห็นผลได้เร็ว เมื่อไม่ถูกทางก็จะไม่เห็นผล
    แต่ทั้งนี้ เราต้องทุ่มเทให้เวลาในการปฏิบัติภาวนาพอสมควร
    สร้างเหตุให้มาก อย่าเพิ่งหวังผล...
    การสร้างเหตุ คือ การรักษาศีล ฝึกเจริญสติ และปฏิบัติภาวนาทำสมาธิ

    เมื่อการปฏิบัติของเราสมควรแก่เหตุ ผลย่อมตามมาโดยไม่ต้องสงสัย
    แต่หากว่า เราทุ่มเทการปฏิบัติอย่างเต็มที่ ผลที่ได้รับกลับไม่ดีเท่าที่ควร
    เราค่อยมาพิจารณา ถึงสาเหตุที่เราปฏิบัติอย่างเต็มที่ ผลที่ได้กลับไม่ดีขึ้น
    เราจึงจะรู้ชัดแจ้งตามลำดับ...เพราะสาเหตุอะไร

    ครูบาอาจารย์ที่ท่านมีสายตากว้างไกล....
    ย่อมจะรู้ว่า...เราทำจริง ทุ่มเทเต็มที่ ไม่ใช่ทำเล่น..
    ท่านฯจะชี้อุบายให้เราไปพิจารณาแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นตามลำดับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...