กรณีนี้มีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ อยากได้คำตอบ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Mos@shi, 22 พฤศจิกายน 2010.

  1. Mos@shi

    Mos@shi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +12
    ดิฉันไปฝังใจคำพูดของคุณพ่อของดิฉันค่ะ
    ตั้งแต่ที่มีข่าวว่าพระกระทำกิจอันไม่สมควรกับสีกา เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ
    พ่อของดิฉันก็สบถถ้อยคำหยาบด่าออกมา แต่เป็นเฉพาะตอนที่ท่านเมาเท่านั้นนะคะ
    ดิฉันจำคำนั้นมาได้ไงไม่ทราบค่ะ
    เพราะเจอพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือศาลเจ้าต่างๆ ดิฉันจะพูดในใจแบบนั้น ขอย้ำว่าคิดในใจเท่านั้นนะคะ ไม่เคยพูดออกมา
    ดิฉันห้ามไม่ให้ตัวเองไม่ให้คิดไม่ได้ เพราะมันคิดไปได้เรื่อยๆ ซึ่งดูๆแล้วมันเหมือนกับการลองของ ซึ่งดิฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ
    แต่ดิฉันก็มักจะอธิษฐานต่อว่าสิ่งที่คิดไม่ดีหรือพูดอะไรไม่ดีออกไปขอให้จงอโหสิ ยกโทษให้ลูกด้วย
    เป็นอย่างนี้ประจำ ทำอย่างไรถึงจะหายจากอาการแบบนี้คะ
    ขนาดว่าเคยท่องคำพูดดีๆ ไว้เพื่อให้ตัวเองชิดกับคำๆนั้น
    แต่ไม่วายดิฉันยังนึกคำหยาบซ้อนเข้ามาได้อีกอะคะ
    ทำไมถึงเป็นแบบนั้น

    ดิฉันเลยไม่มั่นใจว่าต่อให้นั่งสมาธิ ดิฉันอาจจะนั่งนึกคำด่าอีกอยู่ดี
    สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้คือสวนมนต์ก่อนนอนค่ะ
    ขอคำแนะนำด้วยว่าควรสวดบทไหนที่ตรงมากที่สุด ตอนนี้สวดชินบัญชร อยู่ค่ะ

    ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้าค่ะ


    ปล. ถ้าเรากำลังนอนอยู่แล้วเผลอคิดลบหลุ่ไปอีกแต่ไม่ได้อยู่ต่อหน้าศาลหรือ อะไรแบบนี้ท่านจะรู้ไหมค๊ะ กลัวท่านโกรธ Y Y
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    หัวข้อ ครับ ข้อความ ค่ะ -.- ฝากถามฝากโพสหรอ



    จุดธูป 3 ดอก หาองค์พระ กล่าวคำขอขมา ต่อ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ แล้วก็ ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลาย

    ทั้งเรื่องวาจา เรื่องจิต

    แล้วก็ ตั้งใจ อธิฐาน ต่อ จิต ตัวเองว่า ต่อไป จะเลิก คิด เลิก ลบหลู่ บร๊าๆๆ . ... ก็ว่าไป

    แล้วก็แก้ โดยการ นั่งสมาธิ มี สติ มีคำภาวนา ฝึก จิต ตัวเอง จนกว่าจะเลิก อาการแบบนี้ ได้คับ

    สติ อย่าให้ขาด

    จิต มาร เข้าแทรกได้โดยไม่รู้ตัว ต้องใช้ สติ สมาธิ ให้ดีๆ คับ

    พ่อ ลูก มันมีสาย กรรม ร่วมกันมา

    ท่านรู้หมดคับ จิต นะ เป็น ทิพย์ ปิดไม่อยู่หรอก คิดอะไรในใจ รู้หมดทุกอย่างคับ หนักเบา ก็ว่ากันไป

    รีบๆ แก้ไวๆ นะคับ ยิ่งถ้าไปคิดกับ พระ เกิด องค์นั้น เป็น พระอริยเจ้า พระอรหันต์ กรรมหนักมากอีก

    ต้องไปขอขมา จัดของให้ครบ ขอขมาเป็น องค์ ๆ ไปเลยนะคับ


    แค่คิด ก็ผิดแล้ว อ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจไม่ได้

    เปรียบเหมือน เด็ก เอามือไปจับ หินที่ไฟเผาจนแดง เพราะความไม่รู้ มือเด็ก ก็ต้องย่อมเจ็บเป็นธรรมดา

    จะบอกว่า เด็กไม่ควรเจ็บ ความเจ็บไม่ควรมี เพราะ ความไม่รู้ ความไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้คับ

    เล่นเวปนี้ จขกท ก็คงพอมีรู้อะไรหลายๆอย่างในเรื่องพวกนี้เหมือนกัน

    กรรม มีอยู่ กฏแห่งกรรม ความจริงมีอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2010
  3. Nothing Eternal

    Nothing Eternal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +654
    เป็น อุปกิเลส ชนิดหนึ่ง ก็คล้ายๆตะกอนโทสะในใจแหละครับ ฝังในจิตใต้สำนึก

    คือ เวลาเรารู้ตัวเนี่ย จะไม่เป็น แต่พอจิตเริ่มคลายตัว ของที่หลบอยู่ในส่วนลึก

    มันก็จะสำแดงออกมาได้โดยรู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง


    เท่าที่เห็น ก็เป็นกันหลายคนครับ แต่ไม่ค่อยมีคนพูดกัน หรือบางทีกลัวคนจะหาว่าบ้า

    บางคนเค้าก็ฝ่าด่านนี้ไปได้เอง บางคนก็ต้องมีคนชี้แนะ แล้วแต่กรณีไป


    ผมเองก็เคยเป็นมาก่อน บางทีสวดคำบาลี ก็มีคำหยาบๆคายๆเด้งออกมาเองในจิต

    หรือ บางทีก้อมีอาการกราดเกรี้ยวแบบไม่รู้ที่มา อยากพูดคำหยาบคายร้ายกาจ ฯลฯ

    ก็ต้องยอมรับว่า นั่นเป็นกิเลสในใจชนิดหนึ่ง ไม่ต้องไปกลัวมัน แล้วพยายามเอาชนะมัน


    ตัวผมเอง ตอนนั้นใช้วิธีการแบบสติปัฏฐาน โดยการเฝ้าดูจิต กำหนดรู้ให้ทันจิต

    เวลาเกิดความรู้สึกแบบนั้น ก็ให้รู้ชัดในใจ ว่านั่นเป็นโทสะ เป็นอารมณ์หยาบ

    ควรละเสีย ไม่ควรให้มีในใจ เฝ้าดูอารมณ์ แล้วคอยแก้อารมณ์ไปเรื่อยๆ

    เมื่อทำบ่อยๆ จิตจะเริ่มเคยชิน พอหลังๆ มันออกมาปุ๊บ จิตก็จะรู้ทันมันในที่สุด

    เอาเข้าจริง ทำแบบนี้ ไม่เกิน ๓ วัน ถ้าขี้เกียจหน่อย ๗ วัน น่าจะเห็นผล


    ส่วนคำขอขมาพระรัตนไตร ก็ว่าดังนี้... (ตั้ง นะโมฯ ๓ จบ)

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
    อุกาสะ ทวารัตตเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
    อุกาสะ ขะมามิ ภันเต

    จุดธูป ๓ ดอก ส่วนจะมีดอกไม้หรือไม่ ก็ตามแต่ศรัทธา แต่ใจต้องขอขมาจริงๆ
    (ด้วยการขอขมาเขาใช้ใจเป็นหลัก) ก็สวดต่อหน้าพระประธานฯ ที่บ้านก็ได้ ที่วัดก็ได้
    เป็นการขอขมาต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
    อันนี้ก็มีผลครอบคลุมทั้งหมด จะทำทุกวันก่อนแผ่เมตตาก็ได้ ไม่มีข้อห้ามหวงแต่อย่างใด
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    ง่ายนิดเดียว อย่าไปให้น้ำหนัก ว่า การที่เราพูดนั้นเป็นสิ่งไม่ดี

    เพราะเป็นอำนาจ เวทนา จะเกิดตัณหา และ จะเกิดติดกับสิ่งนั้น

    แต่ถ้ามันเกิดอีก เราชั่งมัน เราก็คิดว่า เป็นเรื่องปกติไปเสีย เดี๋ยวมันก็เลิกเอง

    ถึงแม้ไม่เลิกเอง มันเป็นขึ้นมาอีก ก็ให้ราคามันเป็น 0 อีก สุดท้ายมันจะเลือนไป
     
  5. Mos@shi

    Mos@shi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +12
    ครับจะเอาไปแนะนำเพื่อนครับ

    เพราะว่าเคยคิดจะไปพบจิตแพทย์ด้วยนะครับ
     
  6. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    958
    ค่าพลัง:
    +3,168
    เจตนาบ่งชี้...... กระทำ
    ใจบ่อตั้งใจทำ...ช่างไว้
    ใจเป็นอย่างไรสำ.คัญที่ ใจรู้
    คัดแต่ดีเอาไว้....อื่นนั้น ช่างมัน
     
  7. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4,065
    เป็นกันทั้งนั้นทุกคน ที่จิตขาดกำลัง..จิตไม่มีกำลังจะตัดความคิดไม่ดีออกไปได้จากจิต..บวกกับความเคยชิน..ในการคิดปรุง ความคิดจึงผุดขึ้นเองบ่อยๆโดยไม่ต้องตั้งเจตนาเรียกใช้..

    วิธีแก้... ฝึกจิตให้มีกำลังก่อน เพื่อตัดสังขารการปรุงแต่งให้ได้ให้ทัน..โดยวิธี..อดน้ำ อดข้าว อดนอน หรือทำงานหนักๆ..
    เพื่อเป็นอุบายให้จิตมันหันมาห่วง "กาย" โดยอัตโนมัตแบบไม่ต้องเรียกใช้ ..เพราะความหิวจะมาก่อน..ความง่วงจะมาก่อน. ฝึกบ่อยๆนะจ้ะ ขอให้โชคดี ได้ทั้งงานและตื่นนอนมาสวยด้วย..เพราะหลับโดยไม่คิด !
     
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    มาดูกันครับ

    ก็แน่นอนหละว่า คำบรรยายรวมๆ ที่จะใช้นิยามะรื่องของคุณคือคำว่า "ปรามาส"

    คำว่า ปรามาส นี้ หากแปลแบบคนหนา ปัญญาทราม จะหยิบความ
    หมาย ดูถูก ดูหมิ่น มาใช้ ซึ่งจะไม่ถูกนัก แถมทำให้จนปัญญาเข้า
    ไปใหญ่ไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร เหตุเพราะ หยิบความหมายผิดมาแต่ต้นโดย
    ไม่รู้ตัว ทำให้ติดบ่วงมารทางความคิดเข้าไปอีก

    คุณต้องโยนคำว่า ดูถูก ดูหมิ่น ความหมายของ ปรามาส สองคำนี้ไป
    ให้ไกลๆก่อน

    แล้วมาดู ความหมายดั้งเดิมของมัน จะเอาให้ชัดๆ ก็ต้อง บรรยายไปถึง
    คำว่า "สีลลัพตรปรามาส" ก็จะเห็นว่า ก่อนเก่า หรือ คำในโบราณนั้น
    มีใช้มาเนิ่นนาน เมื่อทวนกระแสหาความหมายก็จะได้คำว่า "ลูบคลำ" "จับยึด"
    "ยึดมั่นถือมั่น" มาใช้

    คราวนี้มาดูครับว่า เกิดอะไรขึ้น เมื่อพ่อบริภาษสิ่งที่บัณฑิตเขานับถือ ไม่ใช่
    กรรมของพ่อที่ส่งต่อมายังลูก ไม่ใช่ลูกที่มีจิตไม่ชอบ เกิดการดูหมิ่น สิ่งที่
    บัณฑิตนับถือ และ รวมถึงการดูหมิ่นพ่อตัวเอง ด้วย

    แต่เป็นเพราะ คุณยึดจับ ยึดมั่นถือมั่น ในพ่อ นี้หนึ่งอย่าง คุณยึดจับ ยึดมั่น
    ถือมั่นในสิ่งที่บัณฑิตเขานับถือ นี้อีกหนึ่งอย่าง และเพราะยึดจับทั้งคู่ เลยไม่รู้
    ว่าจะปล่อยอันไหนดี สภาวะจิตจึงเหมือนอยากจะไปจับสิ่งหนึ่งแต่ก็ไม่อยากต้อง
    ปล่อยวางอีกสิ่งหนึ่ง

    กล่าวคือ ถ้าคุณจะยึดจับสิ่งที่บัณฑิตเขานับถือ คุณก็ต้องปล่อยการนับถือพ่อ

    และหากคุณจะยึดจับการนับถือพ่อ ก็เหมือนว่าคุณต้องปล่อยสิ่งที่บัณฑิตเขานับถือ

    สภาพอีกหลักอีกเหลือ(กร่อนเป็น อีหลักอีเหลื่อ) ทำให้ จิตของคุณแกว่งไปมา
    เพราะการยึดจับ ยึดมั่นถือมั่น(ปรามาส) [ จะเห็นว่า หากเราใช้ความหมาย
    ของปรามาสให้ถูกตัว เราจะไม่ไหลไปสู่ การตำหนิตัวเองด้วย ดังนั้น คำว่า
    ดูถูก ดูหมิ่น นั้นเป็น คำที่มารมาหลอกให้แปลเป็นความหมายนั้น ทิศทางจึง
    พาเราต่ำลง ดูถูกตน เกลียดตน เกลียดจิตตน ปิดทางออก เสร็จมัน!!
    หนักกว่านั้น มันจะพาเราไปติดอนุสัย ถ่อมตนจนติดปัฐพี พอถ่อมตนหรือ
    เอาแต่กราบกรานขอโทษขอโพยจนตัวต่ำติดดิน ก็จะคิดว่า ตัวมีศรัทธามั่น
    คงดั่งแผ่นดิน ก็จะเรียบร้อย คิดว่าตนเคารพสงฆ์ เคารพเจ้า เคารพธรรม
    ไม่คลอนแคลน แต่พฤตินัยยังเที่ยวกดข่มชาวบ้าน -- อาการคนมีมานะข้าง
    ถ่อมตัว(ภว)แต่พฤติกรรมจะคอยหาช่องตำหนิติเตียน(วิภว) ]

    เมื่อทำความเข้าใจได้แบบนี้ ก็ลองปล่อยดูสิครับ ใจเข้าไปใกล้ธรรมข้างใด
    จะข้าง พ่อ หรือ ข้างสิ่งที่เขานับถือ คุณก็เพียงอาศัยโต้ตอบไปพอเป็น
    ประโยชน์ ณ ปัจจุบันนั้น เมื่อผ่านปัจจุบัน หรือ สิ่งที่มากระทบในใจ
    ได้ผ่านไปแล้ว คุณก็ปล่อยไปเลย

    ทำอย่างนี้ก็จะเห็นว่า อาการยึดจับ(ปรามาส) อาการยึดมั่นถือมั่น(ปรามาส)
    มันก็เป็นสภาพธรรมที่ผ่านไปผ่านมาในจิต เมื่อเราไม่ฉวยขึ้นมา มันก็แค่
    เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป โดยที่เราไม่เผลอไปจับขึ้นมาเป็นเรา คุณก็จะเห็น
    ว่า จิตใจที่ไม่ถูกความเศร้าหมองจรมาครอบงำ มันมีอยู่

    ลองดูครับ

    ถ้าลองดูแล้ว ก็จะเห็นเลยครับว่า "ปรามาส" จริงๆแล้วความหมายของมันคืออะไร

    นอกจากนี้ ยังอาจจะแทงให้เห็นคำว่า "สีลลัพตรปรามาส" ได้อีกคำด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2010
  9. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    เป็นเรื่องธรรมดาครับ ยังไม่รู้ซึ้งถึงคุณพระศาสดา คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ จิตใจความเห็นมันก็แสดงออกมาเช่นนั้นครับ เป็นเป็นความรู้สึก บางทีก็ยอมเพราะกลัว บางทีก็ไม่ยอมข้าก็แน่ สลับไปมาอย่างนี้ครับ

    เป็นธรรมดา แต่ที่ว่าธรรมดานี้ มันไม่ใช่ของดีครับ แรก ๆ ควรหาอ่านประวัติพระศาสดา ประวัติพระอริยครูบาอาจารย์ ลองอ่านถึงวิธีทางของพวกท่านเหล่านั้นดู กว่าท่านจะชนะ แรก ๆ ก็เป็นเหมือนเจ้าของกระทู้ทั้งสิ้น

    ตัวผมเมื่อก่อนก็เป็นครับถือดีมาก แต่พอประสบกับความทุกข์มากมาย ประกอบกับที่เคยอ่านตำราพอสมควร จึงพบว่าไม่มีสิ่งใดเลยที่รอดไปจากข่ายญาณของพระพุทธเจ้าได้ ท่านกล่าวไว้ไม่มีสิ่งใดเลยที่ไม่เป็นความจริง หัวใจมันจึงยอม

    ส่วนเรื่องปรามาสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ค่อย ๆ สร้างสติไว้ครับ เมื่อใดที่รู้สึกว่ากำลังปรามาส ก็ให้ใช้ความอ่อนน้อมเข้าข่มเอา ค่อย ๆ ทำครับ

    ดีแล้วครับที่รู้ตัว ดีแล้วครับที่รู้สึกละอาย การมีหิริโอตัปะ ก็นับว่าได้ขัดเกลามาพอสมควร ลองศึกษาเรื่อง ปธาน เพิ่มเติมนะครับ

    เจริญธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2010
  10. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    หลวงพ่อฤาษีฯ ท่านเคยบอกว่า ถ้าทำสมาธิแล้วจิตเจริญขึ้น พอจะเลยเขตอำนาจของมาร

    มารก็จะมาดลใจ ที่เรียกว่า กิเลสมาร เป็นกันมากหลายคน
     
  11. meng2010

    meng2010 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +35
    ผมก็เป็นครับ แรกๆก็โทษตัวเอง แต่พอหลายครั้งเข้าก็คิดว่าทำไมถึงไปคิดอย่างนั้น 555 แต่ก็คิดไม่ออก ก็เลยต้องปล่อยไปครับ อยากคิดก็คิดไป หลังๆมันก็จางไปครับ มันเป็นปกติมั้งครับ อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ 555
     
  12. Mos@shi

    Mos@shi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบคุณทุก กำลังใจมากๆๆเลย จะพยายามลืมๆๆให้ได้เละก็จะสวดขอขมาพระรัตนตรัยบ่อยๆๆด้วย
     
  13. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,244
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    เข้าไปอ่านกระทู้นี้ได้เลยครับคุณ Mos@shi เข้าไปอ่านให้หมดนะครับ มีคลิปให้ฟังด้วย ยังไงลองอ่านให้จบทุกหน้าดูนะครับ จะได้เข้าใจเเละปฎิบัติตนได้ถูกต้องครับ มีคนเป็นอาการนี้เยอะครับ ไม่ต้องกังวลใจไปครับคุณ Mos@shi ผมก็เป็นเช่นกัน เข้าไปอ่านนะครับ

    กระทู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการปรามาส ผมรวบรวมมาให้หมดเเล้วในกระทู้นี้

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%AA-%E0%B8%9C%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89.225534/
     
  14. Mos@shi

    Mos@shi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +12
    ตอนนี้หมั่น ขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว ก็หวังว่าคงจะได้รับการอโหสิกรรมในเรื่องนี้ขอให้หายเร็วๆ ทีเถอะ จะได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นธรรมชาติ
     
  15. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +1,459
    เมื่อเราปฏิบัติธรรมไป
    ก็พอจะมีสติบ้าง
    ก็เห็นกิเลสมันแสดงตัวของมันน่ะครับ

    เหมือนกับกิเลสคือตะกอนที่ตกในแก้วน้ำ
    เพราะถูกกวนด้วยสารส้ม คือธรรม เช่นคำบริกรรม "พุทโธ"
    คือมีสติมากขึ้นทำให้เห็นกิเลส เหมือนตะกอนในน้ำที่กำลังตกตะกอนครับ

    บางทีกิเลสมันแสดงตัวมาก
    ทั้งที่มีสติอยู่นี่แหละครับ แต่มันเหยียบหน้าผมไปหน้าตาเฉย
    สู้มันไม่ได้....ผมก็ด่าโคตรพ่อโคตรแม่มัน
    สู้มันไม่ได้....ได้ด่าก็ัยังดี

    นิสัยผมมันหยาบเลยต้องใช้วิธีนี้ครับ...
     
  16. ลุงมหา

    ลุงมหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,092
    ขอยกเรื่องของ คุณลุงหวีด บัวเผื่อน มาให้พิจารนา

    ขออนุญาตครับ

    ขอยกคำตอบมาจากเรื่องของคุณลุงหวีด บัวเผื่อนมาให้เปรียบเทียบพิจารนา

    ปัญหาของคุณลุงในข้อนี้ก็คงเหมือนกับนักปฏิบัติทั่วไปที่เข้าวัดแล้วบางทีก็ อดตำหนิติเตียนครูบาอาจารย์อยู่ในใจ แม้จะห้ามไม่ให้คิดแล้วบางทียิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เมื่อนำปัญหานี้ไปปรึกษาครูบาอาจารย์ ท่านก็ได้แก้ไขปัญหาด้วยประโยคเดียว

    ทันทีที่ครูบาอาจารย์ตอบว่า “ไม่เป็นไรหรอกโยม เพียงแต่โยมอย่าไปคิดว่าสังขารความคิดเป็นโยมก็แล้วกัน” คุณลุงว่า “ความรู้สึกของข้าพเจ้าในขณะนั้นเหมือนยกภูเขาออกจากอกโล่งไปหมด เข้าใจได้ในทันทีว่า สังขารความคิดมีอาการและความจริงเช่นนี้ บังคับไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งถูกรู้ เป็นคนละอันกับจิต เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นไตรลักษณ์อยู่อย่างนั้น”

    ก็ลองพิจารนานำไปปฏิบัติเองดูนะครับ
    ขออนุโมทนาบุญร่วมกับญาติธรรมทุกๆท่าน
    ขอบพระคุณครับ
    ลุงมหา

    ขอเชิญอ่านรายละเอียดได้ในเว็บลิ้งค์ข้างล่าง

    http://palungjit.org/posts/3951851
     
  17. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    626
    ค่าพลัง:
    +574
    ขอขมาพระรัตนตรัย มารคือกิเลสกำลังพาท่านออกจากพุทธศาสนา หากปล่อยนานวันท่านจะเจริญกรรมฐานไม่ขึ้น สิ่งเหล่านี้คือ มโนกรรม เป็นกรรมละเอียด หากยังคิดอยู่กำหนดคำว่า คิดหนอๆ ความคิดจะหายไป
     
  18. Phusaard

    Phusaard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +349
    เป็นปกติของความคิดครับเหมือนจับปูใส่กระด้ง เป็นกำลังใจให้สำหรับการปฏิบัติ ครับ
    ขอ อนุโมทนา ครับ
     
  19. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    นักปฏิบัติจะเจอกันทุกคนและก็จะผ่านกันได้

    ที่ว่าทำไมเจอ ก็เพราะ เราเริ่มปฏิบัติ

    เมื่อก่อนไม่เคยปฏิบัติ จิตคิด อกุศล

    สติตัวรู้ไม่เคยใช้ ก็จะจับตัวคิดไม่ทัน หรือมองไม่เห็นตัวคิด

    ก็ปล่อยไปตามอารมณ์

    แต่พอเริ่มปฏิบัติ ฝึกสติ ทำให้ สติมองเห็น , จับตัวคิด นั้นได้ จึงนำมาพิจรณา

    โทษของตัวคิดนั้น ทำให้เรา วิตกจริตไปเองว่า เราคิดไม่ดี เพราะสติตัวรู้ มอง

    เห็นโทษของการปรามาส ครู-อาจารย์ (ปรามาสทุกอย่าง)

    แนะนำทำแบบ อ.ขันธ์ นะครับ คืออย่าไปให้น้ำหนัก กับ ตัวคิด

    (ทั้งกุศล และ อกุศล) ให้ใช้ตัวรู้ รู้ว่าคิด คิดแล้วรู้ รู้แล้วอุเบกขา

    ถ้าไปวิตกจริต กับ ตัวคิดนั้นมากไป จะทำให้ เสียสติได้

    ให้น้ำหนัก ตัวคิดนั้นๆ เป็น 0 ชั่งมัน แล้วปล่อยวางไปสะ

    เดียวมันเบื่อ มันก็เลิกคิดไปเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...