พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. Natachai

    Natachai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +937
    ทำอะไรเหมือนกับพวกอีแอบ

    การเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมหรือไม่ ช่างมีปัญหาเหลือเกินจริงๆนะ ผ่านมาเกือบเดือนยังไม่ลืมอีก คนพาลแบบนี้ต่อให้เชิญก็ไม่สนใจจ๊ะ

    สรุปให้อีกครั้งนะจะได้ไม่ลืม เคยไปร่วมด้วยช่วยกันในงานล้างพระ 4 ครั้ง จำไว้นะคราวหน้าจะได้ไม่ต้องทำเป็นอีแอบอีก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โครงการฝนหลวง
    "...กิจการฝนเทียมก็เป็นผลที่ดี เพื่อให้กิจการฝนเทียมได้ผลดียิ่ง จะต้องอาศัยหลายอย่าง
    นอกจากเงินสำหรับค่าใช้จ่ายนั้นก็ต้องมีความร่วมมือกันระหว่างทุกฝ่าย ทางด้านวิชาการก็
    ต้องค้นคว้าอยู่เสมอว่าลักษณะใดจะทำฝนเทียมได้เป็นผลสำเร็จ และต้องพยายามหาความรู้
    เพิ่มเติมอยู่เสมอ..."
    พระราชดำรัส
    พระราชทานแก่คณะชาวสวนจันทบุรี
    ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
    ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๕
    แนวพระราชดำริเกี่ยวกับโครงการฝนหลวง
    จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในจังหวัดต่างๆ เป็นประจำ ได้ทรงพบเห็นปัญหาทุกข์ยากของพสกนิกร
    อันเนื่องจากสภาวะแห้งแล้งดังกล่าวข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูเพาะปลูก เกษตรกรจะประสบความเดือดร้อนทุกข์ยากมาก เนื่องจาก
    สภาวะแห้งแล้งดังกล่าวข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูเพาะปลูก เกษตรกรจะประสบความเดือดร้อนทุกข์ยากมาก เนื่องจากบางครั้งฝนได้
    ทิ้งช่วงนานหรือภาวะฝนทิ้งช่วงเกิดในระยะวิกฤตของพืชผล คือ พืชอยู่ในระยะที่ผสมพันธุ์และกำลังให้ผลผลิต ซึ่งเป็นช่วงสำคัญที่พืช
    ต้องการน้ำมาก หากขาดน้ำในระยะดังกล่าวนี้ จะให้ผลผลิตต่ำหรืออาจไม่มีผลผลิตให้เลย ดังนั้นภาวะฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วงในแต่ละครั้ง/
    แต่ละปี จึงสร้างความเดือดร้อนและความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างสูง นอกจากนี้ภาวะความต้องการใช้น้ำมันนับวันจะทวี
    ปริมาณความต้องการเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราการเพิ่มของประชากร การขยายพื้นที่เกษตรกรรมและการเจริญเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรม
    ดังนั้น เป็นเวลาเกือบ 10 ปีก่อนที่จะเริ่มโครงการพระราชดำริฝนเทียม หรือฝนหลวง ในปี พ.ศ.2512 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ได้ทรงทุ่มเทเวลาคิดค้นและวิจัยเพื่อที่จะนำเทคโนโลยีการทำฝนในประเทศไทยซึ่งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อนมาใช้เป็นมาตรการหนึ่งในการ
    ป้องกันและบรรเทาสภาวะแห้งแล้งนอกเหนือจากการบำรุงรักษาต้นน้ำลำธาร การปลูกป่า และการสร้างระบบชลประทาน เพื่อให้ครบวัฏจักร
    ของน้ำ
    กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวงได้ดำเนินการสนองพระราชดำริในการจัดตั้งโครงการค้นคว้าทดลอง
    การทำฝนเทียมและการทดลองกับเมฆในท้องฟ้าเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2512 โดยการโปรยน้ำแข็งแห้ง (คาร์บอนไดออกไซด์แข็ง) จาก
    เครื่องบินเข้าสู่ยอดของเมฆคิวมูลัส ซึ่งเป็นเมฆชนิดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปฏิบัติการให้เกิดฝน โดยขึ้นบินปฏิบัติการทดลองครั้งแรก
    เมื่อวันที่ 20 กรกฏาคม พ.ศ.2512 ณ บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เมฆที่ทดลองเป็นเมฆคิวมูลัส ฐานสูงประมาณ 3,900 ฟุต ยอดสูง
    ประมาณ 5,600 ฟุต ปรากฎว่า หลังการปฏิบัติการประมาณ 15 นาที ก้นเมฆรวมตัวกันหนาแน่น ก่อยอดสูงและมีขนาดใหญ่ขึ้น สีของฐาน
    เมฆได้เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเทาเข้ม พร้อมที่จะตกเป็นฝน แต่ไม่สามารถสังเกตเห็นฝนตกได้เพราะยอดเขาบัง
    ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงแนะนำให้เปลี่ยนสถานที่ทดลองจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัด
    นครราชสีมา ไปใช้บริเวณศูนย์โครงการพัฒนาชนบทไทย-อิสราเอล อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และศูนย์โครงการพัฒนาหมู่บ้านเขาเต่า
    อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นสถานที่เป้าหมายทดลอง เพราะบริเวณพื้นที่ทั้งสองแห่งดังกล่าวได้ประสบความแห้งแล้งติดต่อกัน
    มาหลายปี การติดตามสังเกตการทดลองทำได้ดีกว่าเพราะสามารถขอความร่วมมือจากตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนว
    เทือกเขาตะนาวศรีด้านตะวันตก บริเวณเหนือลมของพื้นที่เป้าหมายทดลองและรายงานผลได้อย่างรวดเร็ว โดยผ่านข่ายสื่อสารของกรม
    ตำรวจ และหากมีฝนตกมากเกินความต้องการก็สามารถระบายลงสู่ทะเลได้ ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดอุทกภัยทำความเสียหายแก่ราษฎรด้วย
    ดังนั้น สถานที่สำหรับดำเนินการทดลองปฏิบัติการในระยะต่อมาจึงเป็นบริเวณพื้นที่ดังกล่าวข้างต้น และผลการทดลองต่อๆ มา ก็
    สามารถทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่เป้าหมายได้
    โครงการฝนหลวง (ต่อ)
    การดำเนินงาน
    การทำฝนเป็นเทคโนโลยีที่ยังใหม่ต่อการรับรู้ของบุคคลทั่วไป ในประเทศไทยยังไม่มีนักวิชาการ
    หรือผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ในระยะแรกเริ่มของโครงการฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงเป็นกำลัง
    สำคัญและทรงร่วมในการพัฒนากิจกรรมนี้ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม ทรงวางแผนการทดลอง
    ปฏิบัติการ การติดตามและประเมินผลปฏิบัติการทุกครั้งอย่างใกล้ชิดและรวดเร็ววันต่อวัน ในการวางแผน
    ทดลองปฏิบัติการแต่ละครั้ง นอกจากข้อมูลการรายงานผลปฏิบัติการประจำวันแล้ว ยังทรงนำข้อมูลด้าน
    สภาพอากาศ สภาพภูมิประเทศประจำถิ่น ข้อมูลอุตุนิยมวิทยา หลักวิชาด้านเคมีและฟิสิกซ์ของเมฆ
    ประกอบการวางแผนปฏิบัติการ รวมทั้งทรงกำหนดเป้าหมายหวังผลอย่างถี่ถ้วน ก่อนที่จะพระราชทาน
    แผนแก่คณะปฏิบัติการในเวลา 01.00 น. หรือ 02.00 น. เพื่อให้ปฏิบัติการในตอนเช้าของแต่ละวัน
    นอกจากนั้นยังทรงปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างในการประสานงานขอความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญ
    และองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนกิจกรรม อาทิเช่น กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กองบิน
    ตำรวจ กองการสื่อสารกรมตำรวจ และกองทัพอากาศ ในรูปของศูนย์อำนวยการฝนหลวงพิเศษ สวนจิตรลดา และกระทรวงเกษตรและ
    สหกรณ์ในรูปของคณะกรรมการดำเนินการทำฝนหลวง รวมทั้งทรงห่วงใยต่อผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งสัมผัสใกล้ชิดกับสารเคมีที่ใช้ปฏิบัติการอย่างที่สุดด้วย
    ในปีพ.ศ. 2514 เกษตรกรในจังหวัดพิจิตรและจังหวัดนครสวรรค์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอให้ทำฝนช่วยเหลือนาข้าวของทั้งสอง
    จังหวัด ซึ่งกำลังประสบภาวะแห้งแล้งอย่างรุนแรงใกล้เสียหาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำการทดลองปฏิบัติการช่วยเหลือพื้นที่
    เกษตรกรรมเป็นครั้งแรก และประสบความสำเร็จสามารถรักษานาข้าวของทั้งสองจังหวัดให้รอดพ้นความเสียหายได้อย่างสมบูรณ์นับแต่นั้น
    มาก็ได้ปฏิบัติการช่วยเหลือตามการร้องเรียนที่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับควบคู่กับการพัฒนากรรมวิธีมาตลอด
    นอกจากจะทรงร่วมวางแผนปฏิบัติการโดยทางข่ายวิทยุสื่อสารและโทรศัพท์ทางไกลจากห้องทรงงานส่วนพระองค์และศูนย์
    อำนวยการฝนหลวงพิเศษ สังเกตการณ์และติดตามผล รวมทั้งทรงพระกรุณาพระราชทานข้อแนะนำทางเทคนิคและวิชาการผู้ปฏิบัติโดยตรง
    ณ ฐานปฏิบัติการต่างๆ บ่อยครั้ง และที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ ในช่วงระหว่างวันที่ 16-22 ตุลาคม พ.ศ.2515 คณะผู้แทนจากสาธารณรัฐสิงคโปร์
    ได้มาขอศึกษาและดูการทำฝนหลวงของประเทศไทย ซึ่งทรงรับอำนวยการสาธิตด้วยพระองค์เองโดยทรงกำหนดสนามบินบ่อฝ้าย ซึ่งอยู่ใน
    เขตอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดต่ออำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรีให้เป็นฐานปฏิบัติการ กำหนดให้พื้นที่ลุ่มรับน้ำของเขื่อนแก่ง
    กระจาน ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายที่เล็กที่สุดที่ประเทศไทยหรือต่างประเทศเคยปฏิบัติการมา จึงเป็นเป้าหมายที่ท้าทายในการสาธิตอย่างยิ่ง
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแผน โดยข่ายวิทยุตำรวจในเวลาประมาณ 01.00 น. เพื่อให้ลง
    มือปฏิบัติการตั้งแต่เช้าของวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2515 และในตอนสายของวันเดียวกัน ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงอำนวยการปฏิบัติการ
    ด้วยพระองค์เองทุกขั้นตอนที่เขื่อนแก่งกระจาน จนกระทั่งสามารถบังคับให้ฝนตกลงสู่อ่างเก็บน้ำที่เขื่อนแก่งกระจานได้ภายในเวลาไม่เกิน 5
    ชั่วโมง นับตั้งแต่เริ่มลงมือปฏิบัติการภารกิจแรก ด้วยเหตุนี้กิจกรรมฝนหลวงจึงพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มี
    ภารกิจด้านเดียวกันนี้ กล่าวคือ ในปี พ.ศ.2516 ทรงสามารถสรุปกรรมวิธีการทำฝนหลวง แล้วพระราชทานให้ใช้เป็นหลักในการปฏิบัติการฝน
    หลวงตราบเท่าทุกวันนี้และเป็นแนวทางที่จะพัฒนาให้ก้าวหน้าในอนาคตสืบไป
    โครงการฝนหลวง (ต่อ)
    กรรมวิธีฝนหลวง
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาสรุปกรรมวิธีฝนหลวงไว้เป็น 3 ขั้นตอนคือ ก่อกวน เลี้ยงให้อ้วน โจมตี ซึ่งและขั้นตอน
    เป็นการดัดแปรสภาพอากาศตามขั้นตอนของขบวนการเกิดฝนตามธรรมชาติคือ การเกิดเมฆ การเจริญของเมฆ การตกเป็น
    ฝน ตามลำดับ กล่าวคือ
    ขั้นตอนที่ 1 ก่อกวน เป็นการดัดแปรสภารพอากาศโดยก่อกวนสมดุล หรือ เสถียรภาพของมวลอากาศที่จุดต่างๆ ในท้องฟ้าบริเวณ
    เหนือลมของพื้นที่เป้าหมายในช่วงเช้า เพื่อเสริมกิจกรรมของการเกิดเมฆให้เร็วขึ้นและมีปริมาณมากกว่าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและให้เมฆ
    ที่ก่อเกิดขึ้นมีโอกาสเจริญจนแก่ตัวเต็มที่จะบังคับหรือโจมตีให้ฝนตกลงสู่เป้าหมายหวังผลซึ่งอยู่บริเวณพื้นที่ใต้ลม ตามแผนปฏิบัติการประจำ
    วันที่วางไว้ โดยการโปรยสารเคมีจากเครื่องบิน ด้วยจุดประสงค์ที่จะเสริมสร้างแกนกลั่นตัวที่มีอยู่ตามธรรมชาติให้มีปริมาณและคุณสมบัติที่
    พอเหมาะกับปริมาณความชื้นและสภาวะของมวลอากาศขณะนั้น เพื่อให้เกิดการลอยตัวขึ้นของมวลอากาศเนื่องจากการไหลพาความร้อนอัน
    เกิดจากปฏิกิริยาของสารเคมีที่ให้ความร้อนและความร้อนแฝงที่เกิดจากการกลั่นตัวของไอน้ำรอบอนุภาคสารเคมีซึ่งเป็นแกนกลั่นตัว ซึ่งเมื่อ
    มวลอากาศที่ประกอบด้วยไอน้ำ ถูกยกตัวให้ลอยสูงขึ้น อุณหภูมิจะลดลงจนถึงระดับของจุดน้ำค้าง ไอน้ำในมวลอากาศนั้นจะกลั่นตัวบนอนุภาค
    ที่เป็นแกนกลั่นตัวและเกิดเมฆขึ้น
    ขั้นตอนที่ 2 เลี้ยงให้อ้วน เป็นการดัดแปรสภาพอากาศโดยก่อกวนสมดุล หรือ เสถียรภาพของมวลอากาศให้มีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งในด้าน
    ความกว้างและความสูง รวมทั้งเพิ่มปริมาณและขนาดของเม็ดน้ำในก้อนเมฆให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วและหนาแน่นพร้อมที่จะตกเป็นฝนก่อนที่จะ
    เคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย โดยการโปรยสารเคมีสูตรร้อนสลับกับสารเคมีสูตรเย็น ด้วยจุดประสงค์ที่นอกจากจะเป็นการเพิ่มปริมาณเม็ดน้ำ
    ให้กับก้อนเมฆแล้วยังจะทำให้เกิดการคลุกเคล้ากันของมวลอากาศอันเนื่องมาจากความแตกต่างของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาของสารเคมี
    สูตรร้อนและสูตรเย็น ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของขบวนการชนกันและรวมตัวกันของเม็ดน้ำในก้อนเมฆ ทำให้การเพิ่มจำนวน
    ของเม็ดน้ำขนาดใหญ่เป็นไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้อุณหภูมิของมวลอากาศในก้อนเมฆที่สูงขึ้นเนื่องจากปฏิกิริยาของสารเคมีและการคาย
    ความร้อนของการกลั่นตัวจะมีผลให้เกิดกลไกทางไดนามิคส์ในเมฆ ทำให้ยอดเมฆก่อตัวสูงขึ้น ยิ่งก้อนเมฆมียอดสูงขึ้นเท่าใด โอกาสที่จะตก
    เป็นฝนและให้ปริมาณน้ำฝนสูงก็มีมากขึ้นเท่านั้น
    ขั้นตอนที่ 3 โจมตี เป็นการดัดแปรกิจกรรมในเมฆเพื่อกระตุ้นหรือบังคับให้กลุ่มเมฆที่เจริญเติบโตและหนาแน่น ซึ่งกำลังเคลื่อนตัว
    เข้าปกคลุมพื้นที่เปาหมายให้ตกเป็นฝน รวมทั้งเพิ่มปริมาณและขนาดเม็ดน้ำในเมฆนั้น ให้ได้ปริมาณน้ำฝนสูงขึ้น การโจมตีเมฆทำได้หลายวิธี
    เช่น โปรยสารเคมีโดยตรงที่ฐานเมฆ หรือทับยอดเมฆ หรือกระทำพร้อมกันแบบแซนด์วิช ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลดียิ่ง นอกจากนั้นกระทำได้โดยการ
    ดัดแปรบรรยากาศระหว่างฐานเมฆกับพื้นดินโดยการโปรยสารเคมีสูตรเย็นจัดที่มวลอากาศใต้ฐานเมฆ ซึ่งจะทำให้มวลอากาศมีอุณหภูมิลดลง
    และความชื้นสูงขึ้น ทำให้เกิดการกลั่นตัวอย่างรวดเร็ว เสริมให้ปริมาณเม็ดน้ำที่ฐานเมฆหนาแน่นและเมฆหนักยิ่งขึ้น นอกจากนี้การลดอุณหภูมิ
    ใต้ฐานเมฆจะทำให้กระแสลมปรวนแปรทั้งแนวตั้งและแนวราบอ่อนตัวลง ก้อนเมฆมก็จะลดฐานต่ำลง และเกิดเป็นฝนตกลงสู่พื้นที่เป้าหมายได้
    เร็วขึ้น
    สารเคมีที่ใช้ในปัจจุบันมีทั้งหมด 8 ชนิด ซึ่งอาจใช้ได้ทั้งในรูปอนุภาคแบบผงและแบบสารละลาย คุณสมบัติโดยทั่วไปของสารเคมีที่ใช้
    ส่วนใหญ่จะเป็นสารเคมีที่สามารถดูดซับความชื้นได้ดีซึ่งเมื่อหมดปฏิกิริยาแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นแกนกลั่นตัวของเม็ดน้ำในอากาศ ซึ่งผลของ
    การกลั่นตัวนี้จะคายความร้อนแฝงทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางไดนามิคส์ของมวลอากาศและเมฆอีกด้วย สารเคมีที่ใช้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
    คือ
    กลุ่มที่ 1 เป็นสารเคมีที่เมื่อดูดซับไอน้ำแล้วเกิดปฏิกิริยาที่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น ได้แก่ แคลเซียมคลอไรด์แคลเซียมคาร์บายด์ และ
    แคลเซียมออกไซด์
    กลุ่มที่ 2 เป็นสารเคมีเมื่อดูดซับไอน้ำแล้วเกิดปฏิกิริยาที่ทำให้อุณหภูมิลดต่ำลง ได้แก่แก่ยูเรีย แอมโมเนียมไนเตรท และน้ำแข็งแห้ง
    กลุ่มที่ 3 เป็นสารเคมีดูดซับความชื้น ทำหน้าที่เป็นแกนกลั่นตัว และไม่ทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเนื่องจากปฏิกิริยาเคมี แต่จะทำ
    ให้เกิดการคายความร้อนแฝง เนื่องจากขบวนการกลั่นตัวของไอน้ำกลายเป็นหยดน้ำที่อนุภาคของสารเคมี ได้แก่โซเดียมคลอไรด์ และ ท.1
    สรุป จากผลความสำเร็จของการปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่ปี 2514 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่เป็นการปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือพื้นที่
    เกษตรกรรม และได้รับการร้องเรียนขอความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ประมาณ 40-63 จังหวัดต่อปี ซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสภาวะแห้ง
    แล้งในแต่ละปีถึงแม้ว่ามีข้อจำกัดที่อุปกรณ์ เจ้าหน้าที่ และปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ ซึ่งมีไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการของประชาชนได้
    ทั้งหมดในแต่ละปีแต่ก็นับได้ว่าโครงการฝนหลวงนี้ได้ช่วยเหลือเกษตรกรไทย และลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยส่วนรวมของประเทศไว้
    ได้เป็นอย่างมาก นอกจากนั้นประโยชน์ที่ได้รับควบคู่กับการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเกษตรกรรม คือ การเพิ่มปริมาณน้ำฝนให้แก่อ่างและเขื่อน
    เก็บกักน้ำเพื่อการชลประทานและผลิตกระแสไฟฟ้า แหล่งน้ำและต้นน้ำลำธารธรรมชาติ ช่วยทำนุบำรุงป่าไม้และการปลูกป่าทดแทน รวมทั้งใน
    บางช่วงฤดูกาลยังช่วยลดการเกิดไฟป่าด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้รวมอยู่ในพื้นที่เป้าหมายเกษตรกรรมที่ปฏิบัติการช่วยเหลืออยู่แล้ว นอกจากนั้นยัง
    ปฏิบัติการบรรเทามลภาวะของสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำเน่าในแม่น้ำลำคลอง โรคระบาด อหิวาตกโรค การระบาดของศัตรูพืชบาชนิด เช่น เพลี้ย
    ตั๊กแตนปาทังก้า เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เคยปฏิบัติการได้รับความสำเร็จมาแล้วทั้งสิ้น
    นอกจากนี้ จากความก้าวหน้าและความสำเร็จของกิจกรรมฝนหลวงนี้ในกลุ่มประเทศสมาชิกขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่ง
    สหประชาชาติที่มีกิจกรรมด้านการดัดแปรสภาพอากาศที่ขึ้นทะเบียนไว้รวม 27 ประเทศ ที่รับรู้ว่าการทำฝนหลวงเป็นกิจกรรมดัดแปรสภาพ
    อากาศในภูมิภาคเขตร้อน รวมทั้งกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน นอกจากจะรับรู้แล้วยังยอมรับและมอบให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางกิจกรรมการ
    ทำฝนในเขตร้อนของภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย มีประเทศที่ยอมรับกรรมวิธีฝนหลวงไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติการแล้วหลายประเทศ เช่น อินโดนิ
    เซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา และบังคลาเทศ มีปลายประเทศที่ขอความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูลและเทคโนโลยีระหว่างกัน ได้แก่
    ออสเตรเลีย อิตาลี ฝรั่งเศส สาธารณรัฐประชาชนจีน และมีประเทศที่ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านนี้ที่จะให้ความร่วมมือและช่วยเหลือที่จะทำ
    การวิจัยและพัฒนากิจกรรมนี้ร่วมกัน คือ แคนาดา และสหรัฐอเมริกา

    http://www.udru.ac.th/newudru/km/story/story02_royalrains.pdf

    .



    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มันผู้ใดที่คบกับคนชั่วที่คิดไม่ดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    หรือมันผู้ใดที่คิดไม่ดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    มันผู้นั้น เป็นคนระยำ หนักแผ่นดินแท้ๆ

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="border: 1px inset;">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง

    จากสวนทิพย์โลกอุดร

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    มีท่านที่ถวายตู้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 4 พระองค์ ,พระธาตุพระอรหันต์ และ พระธาตุนิมิตคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ก่อนที่คณะกองทุนหาพระถวายวัดได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 4 พระองค์ ,พระธาตุพระอรหันต์ และ พระธาตุนิมิตคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ถวายพระอาจารย์รูปหนึ่งครับ


    .
    </td></tr></tbody></table>

    ผมขอโมทนาบุญกับคุณnongnooo ที่ได้ร่วมทำบุญผ้าป่าสามัคคีกับสวนทิพย์โลกอุดรครับ



    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ ผมและคุณnongnooo ได้ไปปิดบัญชีของชมรมรักษ์พระวังหน้าเรียบร้อยแล้ว

    ยอดเงิน ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2553 มีอยู่จำนวน 18,502.19 บาท

    ปิดบัญชีวันนี้ มีดอกเบี้ยจำนวน 50.76 บาท

    รวมเป็นยอดเงินทั้งหมด 18,552.95 บาท

    ผมรอแจ้งจากสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้าก่อนว่า จะนำเงินไปทำบุญที่ไหนอย่างไร

    วันที่ 22 พฤศจิกายน 2553 ผมจะแจ้งให้ทราบในมติอีกครั้งครับ

    ขอบคุณครับ


    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 30 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 26 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, sittiporn.s+, chaiyaput, ปฐม+</td></tr></tbody></table>

    ผมไปพักผ่อนก่อนนะครับ

    พรุ่งนี้งานยังอีกเยอะมาก

    สำหรับเงินของน้องปฐม ,คุณธวัช และพี่ประทีป ที่ได้มอบเงินไว้ให้ผมเพื่องานบุญต่างๆที่แล้วแต่ผมจะนำเงินไปทำบุญอะไรก็ได้

    พรุ่งนี้ผมจะถอนเงินบางส่วนออกมาร่วมทำบุญผ้าป่าที่สวนทิพย์โลกอุดรครับ

    เมื่อผมถอนเงินใส่ซองแล้ว ผมจะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ

    ผมรู้สึกภูมิใจมาก ที่มีหลายๆท่านโอนเงินมาให้ผม เพื่อฝากผมทำบุญในที่ต่างๆ ซึ่งผมทำหรือไม่ ไม่มีใครรู้แน่นอน นอกจากตัวผมเอง เมื่อหลายๆท่านมอบความไว้วางใจให้ผมขนาดนี้ ผมต้องทำให้ดีที่สุด ท่านที่โอนเงินมาให้ผมเพื่อให้ผมทำบุญแทนท่าน ท่านได้บุญเต็มร้อย ผมก็ได้กับท่านในฐานะที่ผมได้มีส่วนลงแรงในการทำบุญให้ และมีส่วนในการโมทนาบุญ

    โมทนาบุญทุกประการ
     
  7. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    เรียน พี่หนุ่มครับ
    ผมขอทำบุญผ้าป่าสวนทิพย์โลกอุดรด้วยครับ จำนวน 500 บาทครับ อีเมล์เลขที่บัญชีมาที่อีเมล์แอดเดรสผมก็ได้นะครับ
    ขอบพระคุณครับ
    อ๊อด
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ได้ครับ ไว้ผมแจ้งเลขที่บัญชีให้ทางEmail ครับ

    โมทนาบุญทุกประการ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รู้ไหมว่า? “ข้าว" เป็นพืชตระกูลหญ้า <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">2 พฤศจิกายน 2553 10:57 น.</td></tr></tbody></table> “ข้าว" จัด เป็นพืชล้มลุกตระกูลหญ้า (Gramineae) อยู่ในสกุลออไรซ่า (Oryza) ซึ่งปัจจุบันมีข้าวชนิดต่างๆ อยู่ 23 ชนิด แต่มีข้าวที่เราปลูกเพื่อบริโภคอยู่ 2 ชนิด คือ ข้าวปลูกเอเชีย (Oryza sativa Linn.) และ ข้าวปลูกแอฟริกา (Oryza glaberrima Steud.) ส่วนที่เหลือเป็นข้าวป่า สำหรับข้าวที่ปลูกเพื่อบริโภคนั้นมีมากกว่า 120,000 พันธุ์ โดยข้าวที่ปลูกในไทยคือข้าวปลูกเอเชีย

    ทั้งนี้ มีหลักฐานว่าไทยปลูกข้าวมานานมากกว่า 5,500 ปี เป็นร่องรอยข้าวเปลือกหรือแกลบที่ฝังอยู่ในหลุมศพ โดยแหล่งปลูกข้าวที่มีหลักฐานว่าเก่าแก่ที่สุดคือ โนนนกทา อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น

    เมื่อปี 2476 ไทยได้ส่งข้าวประกวดข้าวโลกที่เมืองเรไยนา ประเทศแคนาดา และ "ข้าวปินแก้ว" ของไทยคว้ารางวัลอันดับที่ 1 จากการประกวดดังกล่าว โดยที่รางวัลอันดับ 2 และ 3 เป็นข้าวไทยเช่นเดียวกันคือ "ข้าวราชบุรี" และ "ข้าวจำปาดะ" ตามลำดับ

    อย่างไรก็ดี จากการตามรอยข้าวปิ่นแก้วซึ่งมีอยู่กว่า 30 สายพันธุ์นั้น นักวิจัยไม่สามารถตอบได้พันธุ์ไหนที่ชนะเลิศการประกวด เนื่องจากข้าวชนิดนี้มีความหลากหลายสูงและมีขนาดเมล็ดทีแตกต่างกันมาก แต่ไม่มีการเก็บตัวอย่างเมล็ดจากการประกวดไว้

    “อ้างอิง : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับข้าวไทย (ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ)

    Science - Manager Online -
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อรุณสวัสดิ์ยามเช้าวันพุธสุขใจ


    .
     
  12. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    ขอบคุณครับ เมื่อโอนเงินแล้ว ผมจะแจ้งให้ทราบครับ
    ขอขอบพระคุณอีกครั้งที่ช่วยเป็นสะพานบุญให้ทุกๆ ท่าน พี่หนุ่มต้องสละเวลาส่วนตัวที่สมควรเป็นเวลาแสวงหาความสุขสบายของชีวิตมาทำงานส่วนนี้แทนทุกๆ ท่าน ตัวผมเองยังไม่สามารถเสียสละได้ขนาดนี้เลย โมทนาบุญทุกประการครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ยินดีมากครับ

    เรื่องของงานบุญ ลุยเต็มที่.

    ผมเองเคยเมื่อก่อนคิดเสมอว่า พวกที่เป็นสัมภเวสีต่างๆ หรือเปรต หรืออื่นๆ ที่ต้องคอยให้คนอื่นๆ ทำบุญให้ ทำไมเวลามีชีวิตอยู่ ถึงไม่ยอมทำความดี ทำบุญ ทำทานกัน มัวแต่ทำชั่วกัน

    ผมก็เลยตั้งใจในการลุยงานบุญเต็มที่ครับ

    บุญทุกประเภท ผมทำหมด

    เรื่องที่คุณอ๊อดบอกมา ผมก็ยินดีทำครับ เพราะว่าเราเองก็ได้บุญในส่วนของการบอกบุญ ซึ่งเรื่องนี้ที่ทราบมา จะได้เรื่องของบริวาร แต่ไม่ใช่ว่า จะได้ใครมาเป็นลูกน้องนะครับ แต่เป็นเรื่องของเรามีกัลยาณมิตรที่ดีเพิ่มมากขี้นเรื่อยๆ และผมยังได้ในส่วนที่เวลาที่ผมทำ(แทน)ให้แล้ว ผมก็ได้โมทนาบุญ ณ เวลานั้นด้วยครับ

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง

    จากสวนทิพย์โลกอุดร

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    มีท่านที่ถวายตู้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 4 พระองค์ ,พระธาตุพระอรหันต์ และ พระธาตุนิมิตคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ก่อนที่คณะกองทุนหาพระถวายวัดได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 4 พระองค์ ,พระธาตุพระอรหันต์ และ พระธาตุนิมิตคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ถวายพระอาจารย์รูปหนึ่งครับ


    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมขอโมทนาบุญกับผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ที่ร่วมทำบุญ จำนวน 100 บาทครับ

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นิทานเซน : หมู่บ้านเบญจมาศหอม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 พฤศจิกายน 2553 15:37 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    《一村菊香》

    [​IMG]

    <CENTER>ภาพจาก www.nipic.com</CENTER>
    วันหนึ่ง อาจารย์เซนนำต้นเบญจมาศจากป่ามาปลูกไว้ในลานกว้าง ณ อารามเซน ซึ่งตั้งอยู่บนเขา สามปีผ่านไป ดอกเบญจมาศบานสะพรั่งเต็มบริเวณ ทำให้ลานโล่งในอารามเซนกลายเป็นสวนดอกเบญจมาศที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง

    กลิ่นหอมของดอกไม้ตลบอบอวลไปจนถึงหมู่บ้านเชิงเขา ส่งผลให้ชาวบ้านในหมู่บ้านพากันเดินทางขึ้นเขาเพื่อมาชื่นชมความงามของสวนเบญจมาศอย่างไม่ขาดสาย และเมื่อมาเห็นด้วยตา ชาวบ้านต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "ดอกไม้เหล่านี้ช่างงดงามยิ่ง" ทั้งยังเอ่ยปากขอแบ่งต้นเบญจมาศกลับไปปลูกยังบริเวณบ้านของตนอีกด้วย ซึ่งอาจารย์เซนก็อนุญาตโดยไม่ขัดข้อง

    จากนั้นเป็นต้นมา ชาวบ้านที่ตามกลิ่นหอมขึ้นเขามาชมสวนเบญจมาศ แทบทุกคนล้วนนำต้นเบญจมาศติดไม้ติดมือกลับลงไปปลูกยังที่อยู่ของตน ณ หมู่บ้านเชิงเขา เวลาผ่านไปไม่นานนัก ต้นเบญจมาศในอารามเซนก็ถูกถอนไปจนเหี้ยนเตียน บริเวณรอบอารามกลับเป็นลานโล่งดังเดิม

    อารามเซนที่ไม่มีสวนเบญจมาศอีกต่อไป ให้ความรู้สึกเงียบเหงาวังเวง จนศิษย์เซนอดไม่ได้ที่จะปรารภกับอาจารย์เซนว่า "น่าเสียดายนัก แต่เดิมที่นี้ควรจะเป็นอารามที่มีสวนเบญจมาศหอมฟุ้ง"

    เมื่ออาจารย์เซนได้ฟัง เพียงแต่ยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวสั้นๆ ว่า "เช่นนี้กลับดียิ่งกว่า ท่านรอดู อีก 3 ปีถัดไป ณ เบื้องล่าง จะกลายเป็นหมู่บ้านเบญจมาศหอม"

    ได้ฟังดังนั้น เหล่าศิษย์ต่างกระจ่างในใจ พลันเห็นรอยยิ้มของอาจารย์เซนแจ่มจ้าอยู่กลางลานโล่ง

    ปัญญาเซน ความสุขเพียงลำพัง มิอาจเทียบความสุขของคนหมู่มาก



    ที่มา : หนังสือ 《禅的故事精华版》, 慕云居 เรียบเรียง, สำนักพิมพ์ 地震出版社, 2006.12, ISBN 7-5028-2995-4



    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000161353


    .



    .



    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    โอนให้แล้วครับ เมื่อเวลา 12.46 จำนวน 500 บาทครับ เลขอ้างอิง A297 หรือ Seq 5331
     
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันนี้ขอให้คะแนนท่านเลขา--> +1 แต้ม สะสมให้ครบ 10 แต้มนะครับ....:cool:
     
  18. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    sithiphong, :::เพชร::: & บุคคลทั่วไป 26 คน
    สวัสดีทุกท่านครับ

    อาทิตย์นี้ยุ่งมากเรยครับ วันจันทร์มีงานที่วัดพระราม9 วันอังคารโอนที่ วันนี้เคลียร์งาน พรุ่งนี้ประชุม ศ-ส-อ ไปกฐินที่จังหวัดเลย แน่นเอี๊ยดทุกวันเรยครับ :(

    ปล. ขอตามคุณเพชรให้อีก 1 คะแนนครับ อิอิ (ใจเย็นขึ้นมากเรยครับ)
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ครบแล้วมีพระแจกช่ายมั้ยคร๊าบ s6 s6
     
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ครบ 10 แต้มแล้ว นอกจากจะไม่มีพระแจกแล้ว ผมคิดว่า ท่านเลขาฯน่าจะแจก"พระปิดตาสังฆาฏิ"ฉลองชัยซะหน่อยนะ เอาฤกษ์เอาชัย เพราะถือว่า สอบผ่านในหลักสูตรขั้นต้น วันไหนทำไม่ได้ ถือว่า สอบตก ผมหัก 1 แต้ม s6s6
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...