เคยเจอเสียงถามเมื่อคิดไหม

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ตุ๊โต้ง, 14 พฤศจิกายน 2010.

  1. ตุ๊โต้ง

    ตุ๊โต้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +223
    มีอยู่คืนหนึ่งระหว่างที่สมองผมฟุ้งซ่านคิดไปว่าเมื่อไรหนอที่ทุกดวงจิต
    จะเข้าสู่นิพพานกันทั้งหมดพอเคลิ้มหลับเท่านั้นเห็นคนนุ่งขาววัยกลางคน
    ถามผมแบบภาษาสมัยพ่อขุนฯว่า
    ..._ึงจะไปได้สักกี่น้ำ(จะทนได้แค่ไหน)
    _ึงจะถามได้อีกกี่ชื่อ(รู้จักคนอีกเท่าไร)
    _ึงจะถือได้อีกกี่แม่(หมายถึงมีแม่อีกกี่คน)
    ที่เขาถามผมยังนี้เพราะผมแค่คิดว่าถ้าเราตั้งใจบำเพ็ญเพื่อโพธิญาณตั้งแต่วันนี้
    และช่วยขนสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์จะใช้เวลานานเท่าไรโดยขอตรัสเป็นองค์สุดท้ายของจักรวาลแค่คิดเขาก็มาเลยสงสัยเขาไม่อยากให้ผมทนรอนานถึงขนาดนั้นผมมีความรู้สึกตอนนั้นว่าพวกเขาคือดวงจิตที่กำลังจะพ้นจากอบายภูมิมาเกิดเป็นมนุษย์เพราะบรรยากาศในแดนที่ผมเห็นคล้ายแดนนรกพวกเขาเป็นพราหมณ์มาก่อนแต่ลงนรกผมก็เลยคิดว่าถ้าอย่างงั้นคงต้องมีผู้ปรารถนาพระโพธิญาณอีกมากนับไม่ถ้วนจึงจะขนทุกดวงจิตในจักรวาลนี้ได้ทั้งหมด...
     
  2. ตุ๊โต้ง

    ตุ๊โต้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +223
    ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยหากภาษาที่ใช้หยาบคายเกินไปครับแต่ผมแค่อยากให้ได้รับรู้กันไว้ครับ
    เพราะการคิดอะไรก็ตามอาจเจออย่างผม แค่คิดว่าพ่อพาจุดธูปลาพุทธภูมิแล้วไม่น่าจะบำเพ็ญเพื่อโพธิญาณต่อไปควรปฎิบัติไปนิพพานให้ได้ในชาตินี้เท่านั้นล่ะ มีภาพปรากฎให้เห็นเลยครับว่าในอดีตตัวเราเป็นยักษ์ในสมัยพระรามใกล้จะตายอยู่แล้วแต่มีท่านหนึ่งเดินมาบอกผม(ท่านบอกว่าท่านคือพ่อ) ไปฯอย่างงี่เง่านี้สิ(ในไปยาลน้อยทุกท่านคงรู้นะครับว่าผมอยากไปไหนถึงจะสุขที่สุดโดยไม่กลับมาทุกข์อีก)แต่อนิจจาผมก็โดนเขาสังหารในยุคนั้นด้วยเมื่อผมรู้แล้วจะขอทำความดีต่อไปจนกว่าจะสำเร็จตามที่ตั้งความปรารถนาไว้...
     
  3. Nothing Eternal

    Nothing Eternal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +654
    ที่จริง ด่าหยาบกว่านี้ บางคนก็เคยเจอนะครับ

    จริตของคนไม่เหมือนกัน เวลา "ท่าน" มา "สงเคราะห์"

    ท่านก็จะใช้ภาษาแตกต่างกันไปตามจริตของคนที่ท่านมาสงเคราะห์

    จริตบางคน ต้อง "โดนตีแสกหน้า" ถึงจะเข้าใจได้ดีขึ้น

    ในขณะที่บางคน ถ้าโดนตีแสกหน้า ก็จะเกิดความเหนื่อยหน่าย ท้อใจ

    จริงๆแล้ว ภาษาจิตเค้าไม่หยาบหรอกครับ เพราะเกิดจากเจตนาที่ดี

    แต่บางคนดื้อมาก ก็ต้องเล่นแรงๆหน่อย เหมือนเด็กดื้อ ก็ต้องไม้เรียว

    ปฏิบัติต่อไปนะครับ ได้ยินเสียงคนจากโลกทิพย์ได้นี่ ก็แสดงว่าปฏิบัติได้ดีระดับหนึ่ง

    ก็รักษาอารมณ์ใจ แล้วคงความเพียรไว้ครับ ขอให้เจริฐในธรรมนะครับ
     
  4. prapaisri

    prapaisri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +151
    เคยค่ะ ถ้าช่วงไหนสวดมนต์บ่อย ทั้งถาม ตอบ อธิบาย เหมือนหลายคนอยู่ในตัวเรา
     
  5. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,198
    ค่าพลัง:
    +3,380
    เคยค่ะ มาแบบน่ากลัวมาก แต่ไม่เห็นภาพหรอก แต่มีเสียงอยู่ในใจเรา เป็นเหมือนเวลาเราพูดในใจน่ะค่ะ แต่เป็นสำนวนคำพูดของคนอื่น โต้ตอบกับเรา แต่น่ากลัวมาก เหมือนมารเลย
     
  6. Dolfin

    Dolfin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +258
    ขออนุโมธนาค่ะ
    ดิฉันคงไม่มีบุญบารมีไปไกลได้ขนาดท่านทั้งหลายหรอกค่ะ เอาแค่สวดมนต์ นั่งสมาธิให้บังเกิดความสงบเงียบ และรู้สึกว่าตัวเบาๆ เกือบลอยได้นี่ก็บุญมากโขแล้ว บางครั้งนั่งนานๆ ไม่อยากจะออกจากสมาธิเลยเหน็บก็กินขา ฝืนทนนั่งต่อสักพักเพราะคิดว่านั่นคือมาร และแล้วมารก็สลายไปเอง เลยนั่งไปเรื่อยๆ รู้สึกตัวโอนไหวไปมา เหมือนมีมือใหญ่จับโยก ดิฉันเกิดความกลัวใจจิต ความรู้สึกเหมือนจะตกต้นไม้หรือตกจากที่สูง จิตเลยหลุดค่ะ จะเป็นอย่างนี้ทุกที ก็อยากจะรู้นะคะว่า ถ้าเราฝืนนั่งต่ออะไรจะเกิดขึ้นบ้าง จะพยายามลองดูค่ะถ้าเวลายังเอื้ออำนวย
     
  7. patuwan

    patuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +842
    ขอบคุณกับท่านเจ้าของกระทู้ เล่าอีกซิ อยากอ่านต่อ
     
  8. ตุ๊โต้ง

    ตุ๊โต้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +223
    จะเอาเรื่องของท่านผู้ใดหรือครับ(พระรามหรือท่านพ่อสมัยนั้น)เรื่องของผมเองตัวผมเองรู้ไม่มากนักหรอกครับแต่ที่แน่ๆนิมิตต่างที่ผมเห็นมันมีโอกาสทำให้ผมเป็นบ้าเอาได้ง่ายๆครับ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอนาคตหรืออดีตด้วยแต่รู้สึกสังหรณ์ว่ามันจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ และเคยฝันเห็นคนใส่ชุดนักรบท่านหนึ่งมายืนท่านบอกผมว่า"อย่าบังอาจกลับไปในคืนวันวาน"(คงไม่อยากให้เราคิดถึงอดีตที่ไม่ดี)ความรู้สึกตอนนั้นท่านดลใจผมให้รู้ว่าท่านชื่อ มเหสักขา ลูกศิษย์หลวงพ่อฯหลายท่านคงเคยได้ยินนามนี้ เอาไว้ผมนึกทวนก่อนครับว่านิมิตเห็นอะไรบ้างที่สมควรจะนำมาเล่าให้ทุกท่านได้รับรู้ (เรื่องที่ผมนำมาเล่าเป็นแค่นิมิตในเวลาใกล้จะหลับช่วงผมกำลังเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหงอยู่ครับ) ...ผมยังไม่เชื่อนักว่าจะเกิดขึ้นจริงในอนาคตแต่ทุกวันนี้ผมได้แค่สมาธิเล็กน้อยครับถ้าขืนหลงในระดับนั้นมีหวังไม่ได้ดีแน่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 พฤศจิกายน 2010
  9. ตุ๊โต้ง

    ตุ๊โต้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +223
    ครับท่านพูดถูกมีเยอะครับมาทั้งกวนประสาทแบบสุดๆหลบลู่แม้กระทั้งผู้หลุดพ้นไปแล้วและบุพการีของผมด้วยยกย่องพวกที่ไม่หวังดีกับตัวผมและพยายามให้เห็นและได้ยินในสิ่งที่ผมไม่อยากจะให้เกิดขึ้นเหมือนลองดูว่ากำลังใจเราแค่ไหนผมคิดว่าระดับนี้คงไม่ใช่ง่ายๆแน่ที่ผมจะผ่านด่านนี้ได้ง่ายๆแต่เมื่อระลึกถึงความดีที่ตัวผมเคยทำและคำสอนสายกลางพร้อมปัญญาไตร่ตรองดูแล้วผมต้องอดทนตอนที่ผมพิมพ์อยู่นี่ก็ได้ยินเสียงดนตรีแปลกๆคล้ายดนตรีอินเดีย+อาหรับครับแต่ผมถามพ่อ,แม่,และน้องดูแล้วผมได้ยินอยู่แค่คนเดียว งงเลย...หึหึ
     
  10. Nothing Eternal

    Nothing Eternal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +654

    ลองวางกำลังใจแบบ "สักแต่ว่า" ดูสิครับ น่าจะช่วยให้ผ่านด่านนี้ไปได้ง่ายขึ้น

    คือ สักแต่ว่าเห็น หรือ สักแต่ว่าได้ยิน (เป็นแต่ผู้เฝ้าดู ไม่ไปข้องเกี่ยว)


    จริงๆ พวกพุทธภูมินี่ โดนด่านนี้แล้วติดกันหลายคนนะครับ

    เพราะด้วยจริต เป็นพวกชอบโปรดสัตว์ ห่วงบริวาร ห่วงเยอะไปหมด

    ทีนี้ เวลาเค้าจะมา "แหย่" เค้าก็จะไม่เล่นตรงๆ เพราะรู้ว่าหมัดตรง ไม่เวิร์ค

    แต่เค้าจะไปเล่นบริวารบ้าง ครูบาอาจารย์บ้าง คือ ไม่แหย่บน ก็แหย่ล่าง

    ที่ท่านยังติดด่านนี้ ก็เพราะใส่ใจในสิ่งที่ "รู้" หรือ "เห็น" มากเกินไป

    ยิ่งรู้มาก เห็นมาก แล้วพาใจไปปรุงต่อเนี่ย เค้าจะยิ่งชอบแหย่


    หากลองใช้วิธี "สักแต่ว่า" คือ เห็น ก็สักแต่ว่าเห็น ไม่ปล่อยใจไปปรุงแต่ง

    ได้ยิน ก็สักแต่ว่าได้ยิน ไม่ปล่อยใจไปปรุงแต่ง พอทำบ่อยๆเข้า

    เค้าก็ชักไม่สนุกเสียแล้ว เค้าก็จะม้วนเสื่อกลับไปเอง (แล้วมาแบบอื่นทีหลัง)


    ถ้าอยากจะฝึกให้ชิน ก็ให้ลองดูหนังซัก ๒ - ๓ เรื่อง แนวบีบคั้นหัวใจ

    แล้วรักษาอารมณ์ใจให้ว่างเป็นปรกติ คือ ไม่ส่งใจไปกับตัวละครใดๆ

    ไม่ว่าเรื่องจะชวนให้เศร้า หรือ สุข ก็จะสงัดอยู่ในอุเบกขารมณ์เดียว

    เป็นแต่เพียง "ผู้ดู" เท่านั้น ให้มันสักแต่ว่าผ่านตาไป โดยใจไม่หวั่นไหว


    แรกๆจะแพ้บ้าง ก็เป็นธรรมดา แต่ให้รู้ชัดเสมอ ว่าอารมณ์อะไรเกิดขึ้น

    เช่น โลภะ โทสะ ราคะ ฯลฯ ก็ให้รู้ชัด แล้วสลัดอารมณ์หยาบออกให้ไว

    ทำได้บ่อยๆ จนชิน ในที่สุด ด่านนี้จะแค่ขี้ประติ๋วเลยละครับ


    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...