นอกจากดูที่วาจาแล้วจะพิจารณาจากอะไรคะว่าผุ้นั้นเป็นคนดีมีศีลธรรม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย makigochan, 12 พฤศจิกายน 2010.

  1. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,038
    คืออยากทราบหลัก เกี่ยวกับการพิจารณาคนที่เป็นคนดีมีศีลธรรมค่ะ
    นอกจากดูที่วาจา แล้ว ยังจะดูจากสิ่งอื่นหรือไม่คะ
    ขอท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ
     
  2. one_heart

    one_heart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +648
    อันนี้ไม่แน่ใจนะคะ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว

    ดูที่การกระทำค่ะ ----------> ถ้าจิตใจดี ย่อมส่งผลต่อการกระทำด้วย
     
  3. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    เอ...
    ของอย่างนี้บางคนเค้าก็ดูง่าย บางคนก็ว่ารู้ได้ยาก

    แต่ถ้าเรารู้จักตนเองดีพอว่าดีร้าย ตามที่เป็นจริง
    เราก็อาจจะพอเข้าใจความดีร้ายในหัวใจคนอื่นได้บ้างนะคะ

    แต่เอาเข้าจริงพระท่านว่า ศีลจะคุ้มครองรักษาให้เรารอดปลอดภัยพาลค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2010
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    พระอาจารย์ท่านบอกว่า ต้องกิน นอน อยู่ด้วยกันอย่างน้อย 7 วันค่ะ
     
  5. เลิกตาย

    เลิกตาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +416
    ขอเสริมด้วยคนครับ.
    เคยถามอาจารย์ที่สอนจิตวิทยาเกี่ยวกับการดูนิสัยคนจากลักษณะภายนอกได้คำตอบประมาณว่าการจะดูว่าใครมีนิสัยอย่างไรมีศีลธรรม มีปัญญาหรือไม่ ดูจากหน้าตา ลักษณะภายนอกหรือกิริยาอาการคงบอกไม่ได้ในเวลาอันสั้น ต้องอาศัยการคบหา การพูดคุยกันในระยะเวลานานพอสมควรจึงจะทราบตัวตนที่แท้จริง (deejai)
     
  6. ปีกแพร

    ปีกแพร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +17
    มีศีลห้าครบทุกคนเป็นคนดีครับ
     
  7. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    จริงๆแล้ว การเป็นคนดีมีศีลธรรมนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายระดับ และเมื่อมีหลายระดับ ก็จะมีวิธีการดูได้หลายวิธี เช่น ดูจากคำพูด ดูจากการกระทำ ดูจากความคิด แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้มันปลอมแปลงกันได้ คือ ไม่ดีจริง หรือดีเป็นพักๆ

    อยากแนะนำวิธีที่จะดูว่าคนไหนดีจริงหรือไม่ดีจริง คือ ให้ดูว่า
    - เมื่อคนนั้นอยู่ในสภาวะที่กดดันที่สุด แล้วยังเป็นคนดีอยู่หรือเปล่า
    - เมื่อคนนั้นโดนยั่วยวนมากที่สุด แล้วยังจะเป็นคนดีอยู่หรือเปล่า
    - เมื่อคนนั้นพบเห็นสิ่งล่อตาล่อใจ หรือถูกเสนออามิสสินจ้าง อย่างมากที่สุด แล้วยังจะเป็นคนดีอยู่หรือเปล่า
    - เมื่อคนนั้นโดนทำร้าย ด่าทอ นินทา ใส่ร้ายป้ายสี หรือถูกเข้าใจผิด แล้วยังจะเป็นคนดีอยู่หรือเปล่า

    ถ้าผ่านหมด นั่นแหละ ดีจริง สมดั่งคำกล่าวว่า "ทองแท้ ย่อมไม่กลัวการพิสูจน์"

    แต่ถ้าผ่านมั่ง ไม่ผ่านมั่ง ก็เป็นปกติของมนุษย์อย่างเราๆท่านๆ คือ ดีมั่ง ไม่ดีมั่ง มันเป็นเรื่องธรรมดา

    คนดีจริงนั้น ต้องเป็น "พระ" คำว่า "พระ" ไม่จำเป็นต้องนุ่งเหลืองห่มเหลืองเสมอไป แต่คำว่า "พระ" นั้น อยู่ที่ "ใจ" ก็คือ ใจเป็นพระนั่นเอง นั่นแหละเป็นคนดีจริง.......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2010
  8. รัก_D

    รัก_D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,096
    แค่วาจา ยังหยังไม่รู้ถึงจิตใจ คนจะดีได้ก็ต้องดี ทั้งกาย วาจา ใจ ครับ
     
  9. ขวัญดาว

    ขวัญดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +577
    เราคิด..(เอาเองนะ)...เราสัมผัสได้ค่ะ..
    คือ เรา...เริ่มฝึกตนเองก่อน คือ พยายามรักษาศีล อภัยทาน กำหนดสติ
    พอเวลาเข้าสังคม...เราเหมือนสัมผัสคลื่นความถี่ของผู้อื่นได้ค่ะ...
    บางคนเราสามารถคุยด้วยได้ทั้งวัน กับอีกคนนึงไม่อยากพูดด้วย ไม่อยากอยู่ใกล้
    (แรกๆก็ไม่รู้นะ...ว่าทำไมเป็นแบบนั้น เหมือนตัวเองเป็นคนไม่มีมารยาท)

    พอเวลาผ่านไปสักพัก...เราได้ไปกราบพระสงฆ์ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ รูปนึง..
    ถึงบางอ้อเลยค่ะ...เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้ไปกราบพระสงฆ์ที่วัดแถวๆบ้านนี้เหมือนกัน..
    สิ่งที่สัมผัสได้ คือ ความแตกต่าง (บอกไม่ถูกอ่ะแต่รู้ว่าไม่เหมือนกัน) ..
    เราได้คำตอบแล้วค่ะ...ว่าทำไม?

    มีใครเป็นเหมือนเรามั่งอ่ะ...
     
  10. skygolo

    skygolo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +149
    ยึดหลักการเดียวกับกฏธรรมชาติ

    คนอยู่สูงกว่าย่อมมองเห็นสมรภูมิพื้นที่ต่ำกว่าได้อย่างชัดเจน

    ความลับไม่มีในโลก คนเราแต่ละคนนี่เหมือนมีแผ่นดิสติดตัว
    ถือพกพาอยู่ติดตัวประจานตนเองอยู่ตลอดเวลา
    รอคนที่มีความสามารถที่มีจิตที่สูงด้วยมีวีธีการประมวลผล
    หัดอ่านแผ่นดิสมาแล้ว ก็สามารถอ่านแผ่นดิสของแต่ละคนได้
    เหมือนอ่านดิสตนเอง (จิต)

    ความลับในโลกของจิต จึงไม่มี
    ไปหลอกไปลวงได้ สำหรับคนที่ไม่รู้วิธีอ่านดิสเท่านั้น...
     
  11. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    อย่าลืมนะ ! คนดีพร้อมนั้นหายากมากค่ะ....

    อิอิ....จะเอาดีแค่ไหนคะ....เอาแบบง่าย ๆ นะคะ....

    ถ้าเป็นทางโลกก็....คิดดี....พูดดี....ทำดีค่ะ....

    -คิดดี คือ การเห็นชอบในทางที่ถูกต้อง

    -พูดดี คือ การไม่พูดจา ส่อเสียด เพ้อเจ้อ หยาบคาย

    -ทำดี คือ การไม่ประพฤติผิดศีล 5 ข้อค่ะ...ในถานะที่เป็นฆาราวาส....


    ถ้าเป็นทางธรรมก็ต้องดีตาม อริยมรรคมีองค์ 8 ค่ะ ตามนี้เลยค่ะ

    ยาวมากค่ะ....ถ้าอธิบายเองก็เกรงว่า....อาจจะผิดเพี้ยนไปได้ค่ะ....

    ปฏิบัติได้ทั้งฆารวาส และ นักบวช ค่ะ.....




    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=549 align=center bgColor=#ffffcc border=0><TBODY><TR><TD colSpan=4>มรรค 8 ( อัฏฐังคิกมรรค )




    </TD></TR><TR><TD></TD><TD colSpan=4>..(มรรค = อริยมรรค = มัชฌิมาปฏิปทา = มรรคแปด = ทางดำเนินชีวิตอันประเสริฐ = ทางสายกลาง)

    ..........แนวทางดำเนินอันประเสริฐของชีวิตหรือกาย วาจา ใจ เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์
    .....เรียกว่า อริยมรรค แปลว่าทางอันประเสริฐ เป็นข้อปฏิบัติที่มีหลักไม่อ่อนแอ จนถึงกับ
    .....ตกอยู่ใต้อำนาจ ความอยากแห่งใจ แต่ก็ไม่แข็งตึงจนถึงกับเป็นการทรมานกายให้เหือด
    .....แห้งจากความสุขทางกาย เพราะฉะนั้นจึงได้เรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา คือทางดำเนินสาย
    .....กลาง ไม่หย่อนไม่ตึง แต่พอเหมาะเช่นสายดนตรีที่เทียบเสียงได้ที่แล้ว


    ..........คำว่ามรรค แปลว่าทาง ในที่นี้หมายถึงทางเดินของใจ เป็นการเดินจากความทุกข์
    .....ไปสู่ความเป็นอิสระหลุดพ้นจากทุกข์ซึ่งมนุษย์หลงยึดถือและประกอบขึ้นใส่ตนด้วย
    .....อำนาจของอวิชชา


    ....มรรคมีองค์แปด คือต้องพร้อมเป็นอันเดียวกันทั้งแปดอย่างดุจเชือก

    .....ฟั่นแปดเกลียว องค์แปดคือ :-

    ..........1. สัมมาทิฏฐิ ิคือความเข้าใจถูกต้อง
    ..........2. สัมมาสังกัปปะ คือความใฝ่ใจถูกต้อง
    ..........3. สัมมาวาจา คือการพูดจาถูกต้อง
    ..........4. สัมมากัมมันตะ คือการกระทำถูกต้อง
    ..........5. สัมมาอาชีวะ คือการดำรงชีพถูกต้อง
    ..........6. สัมมาวายามะ คือความพากเพียรถูกต้อง
    ..........7. สัมมาสติ คือการระลึกประจำใจถูกต้อง
    ..........8. สัมมาสมาธิ คือการตั้งใจมั่นถูกต้อง
    .....การปฏิบัติธรรมทุกขั้นตอน รวมลงในมรรคอันประกอบด้วยองค์แปดนี้ เมื่อย่นรวมกัน
    .....แล้วเหลือเพียง 3 คือ ศีล - สมาธิ - ปัญญา สรุปสั้น ๆ ก็คือ
    ...............การปฏิบัติธรรม(ศีล-สมาธิ-ปัญญา)ก็คือการเดินตามมรรค
    ....











    </TD></TR><TR><TD width=12 bgColor=#ffffff></TD><TD bgColor=#ffffff colSpan=4>.สัมมาทิฏฐิ(ปัญญา) (หัวข้อ)

    .....คือความเข้าใจถูกต้อง ย่อมต้องการใช้ในกิจการทั่วไปทุกประเภททั้งทางโลกและ
    .....ทางธรรม แต่สำหรับฝ่ายธรรมชั้นสูงอันเกี่ยวกับการเห็นทุกข์หรืออาสวะซึ่งจัดเป็น
    .....การเห็นอริยสัจจ์นั้นย่อมต้องการฝึกฝนอย่างจริงจังเป็นพิเศษ ความเข้าใจถูกต้อง
    .....คือต้องเข้าใจอย่างทั่วถึงว่าทุกข์นั้นเป็นอย่างไร อย่างหยาบๆ ที่ปรากฎชัดๆ เป็นอย่างไร
    .... อย่างละเอียดที่แอบแฝงเป็นอย่างไร เหตุให้เกิดทุกข์เป็นอย่างไร ความดับสนิท
    .....ของทุกข์มีภาวะอย่างไร มีลำดับอย่างไร ทางให้ถึงความดับทุกข์คืออะไร เดินให้ถึงได้
    .....อย่างไร สัมมาทิฏฐิมีทั้งที่เป็นโลกิยะคือของบุคคลที่ต้องขวนขวายปฏิบัติก้าวหน้าอยู่
    .....และสัมมาทิฎฐิที่เป็นโลกกุตตระ คือของพระอริยบุคคลต้นๆ ส่วนของพระอรหันต์นั้น
    .....เรียกเป็นวิชชาไปและไม่เรียกว่าองค์แห่งมรรค เพราะท่านถึงที่สุดแล้ว



    </TD></TR><TR><TD width=12></TD><TD colSpan=4>สัมมาสังกัปปะ(ปัญญา) (หัวข้อ)

    .....คือความใฝ่ใจถูกต้อง คือคิดหาทางออกไปจากทุกข์ตามกฎแห่งเหตุผล ที่เห็นขอบมาแล้ว
    .....ข้อสัมมาทิฏฐินั่นเอง เริ่มตั้งแต่การใฝ่ใจที่น้อมไปในการออกบวช การไม่เพ่งร้าย การ
    .....ไม่ทำทุกข์ให้แก่ผู้อื่นแม้เพราะเผลอ รวมทั้งความใฝ่ใจถูกต้องทุกๆอย่างที่เป็นไปเพื่อ
    .....ความหลุดพ้นจากสิ่งที่มนุษย์ไม่ประสงค์



    </TD></TR><TR><TD width=12 bgColor=#ffffff></TD><TD bgColor=#ffffff colSpan=4>.สัมมาวาจา (ศีล) (หัวข้อ)

    .....คือการพูดจาถูกต้อง ไม่เป็นโทษต่อตนเอง และผู้อื่น




    </TD></TR><TR><TD width=12></TD><TD colSpan=4>.สัมมากัมมันตะ (ศีล) (หัวข้อ)

    .....คือการกระทำถูกต้อง ไม่เป็นโทษต่อตนเอง และผู้อื่น



    </TD></TR><TR><TD width=12 bgColor=#ffffff></TD><TD bgColor=#ffffff colSpan=4>.สัมมาอาชีวะ (ศีล) (หัวข้อ)

    .....คือการดำรงชีพถูกต้อง ไม่เป็นโทษต่อตนเอง และผู้อื่น




    </TD></TR><TR><TD width=12></TD><TD colSpan=4>.สัมมาวายามะ (สมาธิ) (หัวข้อ)

    .....คือความพากเพียรถูกต้อง เป็นส่วนของใจที่บากบั่นในอันที่จะก้าวหน้า ไม่ถอยหลังจากทาง

    .....ดำเนินตามมรรค ถึงกับมีการอธิษฐานอย่างแรงกล้า



    </TD></TR><TR><TD width=12 bgColor=#ffffff></TD><TD bgColor=#ffffff colSpan=4>.สัมมาสติ (สมาธิ) (หัวข้อ)

    .....คือการระลึกประจำใจถูกต้อง ระลึกแต่ในสิ่งที่เกื้อหนุนแก่ปัญญาที่จะแทงตลอด

    .....อวิชชาที่ครอบงำตนอยู่ โดยเฉพาะได้แก่กายนี้ และธรรมอันเนื่องเกี่ยวกับกายนี้ เมื่อ
    .....พบความจริงของกายนี้ อวิชชาหรือหัวหน้าแห่งมูลทุกข์ก็สิ้นไป



    </TD></TR><TR><TD width=12></TD><TD colSpan=4>.สัมมาสมาธิ (สมาธิ) (หัวข้อ)

    .....คือการตั้งใจมั่นถูกต้อง ได้แก่สมาธิ เป็นของจำเป็นในกิจการทุกอย่าง สำหรับในที่นี้เป็น

    .....อาการของใจที่รวมกำลังเป็นจุดเดียว กล้าแข็งพอทีจะให้เกิดปัญญา
    .....ทำการแทงตลอดอวิชชาได้ และยังเป็นการพักผ่อนของใจ ซึ่งเป็นเหมือนการลับให้
    .....แหลมคมอยู่เสมอด้วยฯลฯ



    </TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD width=12></TD><TD colSpan=4>....cอองค์มรรคบางองค์ เป็นส่วนหยาบและสะสมขึ้นในตัวเราได้โดยง่ายคือ สัมมาวาจา
    .....สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สามองค์นี้ถูกอบรมให้สำเร็จเป็นวิรัติเจตสิกจำพวกกุศล
    .....เจตสิกเป็นเชื้อนอนนิ่งอยู่ในสันดาน เตรียมพร้อมที่จะมาผสมจิตคราวเดียวกันกับ
    .....มรรคองค์อื่นๆ เมื่อได้โอกาสอันเหมาะ แม้องค์มรรคที่ยากๆ เช่นสัมมาทิฏฐิ-สติ-สมาธิ
    ..... ก็เหมือนกัน ได้ฝึกอบรมมาเท่าใดก็เข้าไปนอนเนื่องติดอยู่ในสันดานเป็นกุศลเจตสิก
    .....อยู่อย่างเดียวกัน รอคอยกันจนกว่าจะครบทุกองค์และมีสัดส่วนพอดีกัน ก็ประชุมกัน
    .....เป็นอริยมรรคขึ้น ตัดกิเลสหรือสัญโญชน์ให้หมดไปได้คราวหนึ่งตามกำลังหรือชั้นของ
    .....ตน อาการสะสมกำลังแห่งองค์มรรคนี้ตรัสเรียกว่า "การอบรมทำให้มาก"
    .....สัมมาทิฏฐิเป็นตัวนำ เกิดขึ้นอ่อนๆก่อน เกิดขึ้นเท่าใดก็จูงองค์อื่นๆ ให้เกิดขึ้นตามส่วน
    .....องค์ที่เกิดขึ้นนั้นกลับช่วยสัมมาทิฏฐิให้คมกล้าขึ้นไปอีก สัมมาทิฏฐินั้นก็่จูงองค์นั้นๆให้
    .....กล้าขึ้นอีก และส่งเสริมชักจูงกันไปอีกทำนองนี้ จนกว่าจะถึงขีดที่เพียงพอและสามัคคี
    .....พร้อมกันได้ครบองค์ การอบรมทำให้มากอยู่เสมอนี้เองคือระยะแห่งการปฏิบัติธรรม
    .....ยิ่งมากก็ยิ่งเร็ว ยิ่งอธิษฐานใจกล้าก็ยิ่งแรง ยิ่งที่วิเวกก็ยิ่งสุขุมลึกซึ้ง ยิ่งชำนาญก็ยิ่งคมกล้า



    </TD></TR></TBODY></TABLE>​


    ������ä 8
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2010
  12. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    มีอย่างหนึ่งค่ะ....ความกตัญญู....คือเครื่องหมายของการเป็นคนดีค่ะ....( หายากมากค่ะ )

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=549 align=center bgColor=#ffffcc border=0><TBODY><TR><TD colSpan=4>ความกตัญญู

    </TD></TR><TR><TD width=12> </TD><TD colSpan=4>
    ความกตัญญู
    พระพุทธศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี
    คนดีย่อมเป็นที่ปราถนาที่ต้องการในที่ทุกหนทุกแห่งในทุกกิจการ และใน
    ทุกยุคทุกสมัย คนดีทำให้ครอบครัวเจริญ โรงเรียนเจริญ ชุมชนเจริญ สังคมและประเทศชาติเจริญ คนดีอยู่ใน
    ครอบครัวใด โรงเรียนใดและสังคมใด ครอบครัว โรงเรียน และสังคมนั้นๆ ย่อมมีความสุข ความกตัญญู คือ คุณสมบัติและสัญลักษณ์ของคนดี กตัญญูกับกตเวทีรวมเป็นกตัญญูกตเวที เป็นคุณธรรมคู่กันเสมอ เป็นหลักถือปฏิบัติใน
    การดำเนินชีวิตของสัตบุรุษ คือ คนดี หรือคนในอุดมคตินั่นเอง ในสังคมชาวพุทธ คนมีกตัญญูกตเวทีย่อมเป็น
    ผู้ควรค่าแก่ความรัก เกียรติ ศักดิ์ศรี และการยกย่องสรรเสริญจากผู้อื่น เพราะได้ปฏิบัติธรรมอันถือเป็นมงคลยิ่ง
    ข้อหนึ่ง คือ ความกตัญญู บุคคลย่อมมีชีวิตประสบแต่ความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง

    ความคิดและความเชื่อตามวัฒนธรรมไทยนั้น สรรเสริญผู้มีความกตัญญูและตำหนิผู้ที่ไม่รู้จักบุญคุณคนอื่นเป็นอย่างมาก คนไทยมีความเชื่อว่าผู้ที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ครูอาจารย์ จะมีความเจริญรุ่งเรืองประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนผู้ที่เนรคุณนั้นจะประสบความวิบัติเป็นที่รังเกียจในสังคม ได้มีการเปรียบเทียบว่า คนที่เนรคุณนั้น
    เป็นคนไร้ค่ามีจิตใจกระด้างดังเนื้อหิน เขาจะกรุณาคนอื่นได้อย่างไรในเมื่อคนที่มีบุญคุณต่อเขา ยังทำให้เขา
    สำนึกไม่ได้

    กตัญญู เป็นธรรมอันเป็นมงคลที่ 25 ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้โดยเน้นให้นำไปพัฒนาคุณสมบัติของคนดีแปลตาม
    ตัวหนังสือคือผู้รู้ว่า คนอื่นทำความความดีอะไรไว้แก่ตนบ้าง เอาความหมายสั้นๆ ว่าา "ผู้รู้คุณคน" การรู้บุญคุณคน
    หรือรู้อุปการคุณที่ผู้อื่นทำให้ตนเองนับถือเป็นหลักแห่งความยุติธรรมและความเป็นธรรมอย่างหนึ่งในสังคมมนุษย์ เพราะเป็นการสอดคล้องกับหลักคำสอนว่า การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ มีคนทำดีให้
    กับเราแล้ว และเราได้รับผลประโยชน์จากการทำดีของเขา เป็นต้นว่า ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ และความสุข แต่เรารับรู้แต่ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นแก่ตน ไม่รับรู้คุณความดีของเขา ย่อมถือได้ว่าไม่ยุติธรรมต่อกัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


     
  13. รัศมีธรรม

    รัศมีธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2007
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +330
    เป็นเหมือนคุณขวัญดาวค่ะ เหมือนกันเลย แต่ในส่วนตัวก็ยังเป็นปุถุชนธรรมด๊า ธรรมดา ยังเหลือรัก โลภ โกรธ หลง ทำให้เศร้าโศก ทำให้ทุกข์อยู่มากเลยค่ะ
     
  14. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    พอดี...เพิ่งฟังธรรมของภิกษุณีนันทญานี....เรื่อง พรหมของลูก

    แล้วมีหัวข้อ...บุคคลที่หาได้ยากมากในโลกมี 5 ประเภท....มีดังนี้ค่ะ....

    1.พระพุทธเจ้า

    2.บุคคลที่นำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาแสดง

    3.บุคคลที่ได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้วเข้าใจ บรรลุธรรม โดยที่ไม่ต้องปฏิบัติธรรม

    4.บุคคลที่ฟังธรรมแล้วไม่เข้าใจ ต้องมาปฎิบัติธรรม

    5.คนกตัญญู
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2010
  15. qillip

    qillip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +366
    คนสมัยนี้ มองแต่ คำพูด ไม่เคยคิดถึงจุดประสงค์ของคำพูด
    พูดไม่เพราะ ก็คือ คนเลว
    พูดไม่ถูกใจก็คือ คนไม่ดี

    พระสงฆ์ บางรูป ตามที่เคยอ่านมาในการโพสบางกระทู้ ท่านก็ไม่ได้ พูดเพราะ บางทีถ้าใครยึดมั่นถือตัว ก็จะทำให้เกิดอาการหน้าชา ตัวสั่น ทนไม่ไหว ถ้าปัญญาคิดตามไม่ทัน คำพูด

    แล้วเอาอะไรล่ะ มาตัดสิน จะแบนข้อความของ พระสงฆ์ รูปนั้นหรือ หรือท่านเป็นพระ admin ก็เลยต้องเกรงใจ หรือเปล่า เลยต้องยกเว้น

    แต่ถ้าเป็นสมาชิก ก็ แบน ไปเลย หรือเปล่า ไม่ต้องไปคิด อย่างนั้นหรือ

    อันนี้ก็แค่ตัวอย่างที่ผมยกมาเท่านั้นเอง ว่า ให้คุณลองเป็น admin เว็บนี้

    จิตใจดี การกระทำ เหมือนคนชั่ว ก็มีถมไป
    จิตใจเลว พูดจาดี กระทำเหมือนคนดี มีให้เห็นมากมาย

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงตรัสไว้ดีแล้ว ให้ปล่อยวาง แล้วใช้ปัญญาแทนความคิดความรู้สึก
    แหม พูดมาเหมือนผมเก่งเลย แต่จริงๆ ก็ทำไม่ได้อย่างที่พูดเหมือนกัน
    ห้า ห้า ห้า
     
  16. เทพสำราญ

    เทพสำราญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    308
    ค่าพลัง:
    +888
    ...การดูคนที่วาจาถือเป็นด่านแรกคับ หากเขาพูดดีดูมีศิลธรรมก็โอเคผ่านครับ..
    แต่ถ้าจะให้ดูลึกซึ้งกว่านั้นก็คง เป็น ทางกายและการวางตัวคับ
    .....หากต้องการมั่นใจว่าเขาคนนั้นไว้เนื้อเชื่อใจก็ลองคบหาดูนานๆซิคับ ...
    (คุณธรรมวัดได้ด้วยศิลธรรมทางกาย วาจา และใจ)​
     
  17. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ต้องหาวิธีลองใจครับ

    ตัวอย่างนะครับ นาย A และ นางสาว B กำลังจะแต่งงานกัน แต่ก่อนแต่งงาน พ่อแม่นางสาว B จ้างนางสาว C ที่สวยมาก และมีทุกอย่างพร้อม มาทดสอบนาย A (นาย A ไม่รู้ ก็นึกว่ามีคนมาสนใจจริง ๆ) นอกจากนั้นยังให้นางสาว C บุกไปที่บ้านผู้ชาย และพร้อมจะมีอะไรด้วย ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่มักพ่ายด่านสาวงาม

    แต่ผู้ชายคนนั้นปฏิเสธและบอกว่า "ผู้มีผู้หญิงที่ผมรักแล้ว และกำลังจะแต่งงานกัน ดังนั้นเชิญคุณออกไปจากห้องผมได้แล้ว"

    เมื่อผู้ชายพูดจบ และนางสาว C ออกจากห้องไป

    ครอบครัวนางสาว B ที่แอบดูอยู่ ก็เผยตัวออกมาและพ่อนางสาว B บอกกับนาย A ว่า

    "ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวเรา และขอฝากนางสาว B ให้นาย A ดูแลด้วย"

    ส่วนนางสาว B ก็ยินร้องไห้ (ดีใจ) ที่นาย A รักจริงและไม่หวั่นไหว

    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ศีล 5 สำคัญมาก

    *******************************************

    ก็ไม่อยากให้ไปลองใจใครนะครับ แต่อยากให้สังเกตเวลาเขาเผลอ เพราะ "หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน"

    อย่างตัวผมเอง หลาย ๆ คนชมว่า พูดจาดี แต่ก็ใช่ว่าผมจะเป็นคนดีนะครับ เพราะความเลวของผมมีเยอะ แต่ยังไม่ได้แสดงออกมาครับ

    ดังนั้น อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง

    ถ้าจะคบคนดี ก็ต้องหาจากสถานที่ที่ดีนะครับ เช่น ห้องสมุด วัด ฯลฯ แต่ถ้าจะไปหาในคลับ บาร์ หรือสถานที่เที่ยวกลางคืน โอกาสเจอคนดีก็น้อย เพราะศีล 5 เขาไม่ค่อยมีกัน

    โมทนา
     
  18. Mupuii

    Mupuii Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +38
    นู๋เห็นด้วยกะความเห็นของคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->qillip<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4034741", true); </SCRIPT> ที่ว่า
    จิตใจดี การกระทำ เหมือนคนชั่ว ก็มีถมไป
    จิตใจเลว พูดจาดี กระทำเหมือนคนดี มีให้เห็นมากมาย

    คือนู๋อยากบอกว่า คนเราจะตัดสินที่คำพูด วาจา อย่างเดียวไม่ได้หรอกค่ะ ต้องใช้เวลาดูกันไป คนเราสมัยนี้ใส่หน้ากากเข้าหากันแยะ เพื่อผลประโยชน์ ฯลฯ

    จารู้ว่าเป็นคนยังไง ก้ออย่างเช่น เวลาลำบาก หรือเราเดือดร้อน หรืออะไรทำนองวัดใจดูซิยังจะ พูดดี ทำดี เป็นกำลังใจ ช่วยเหลือกันอยู่มั้ย หรือจะไม่คุยกะเราไปเลย หลายอย่างค่ะ ต้องดูกันไป นู๋พูดจากประสบการณ์ส่วนตัว ทำให้คิดได้หลายอย่างค่ะ

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4034741", true); </SCRIPT>
     
  19. รัก_D

    รัก_D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,096
    คนที่ดีพร้อม จริงๆแล้ว ไปบวชหมดแล้วครับ :cool:
    เหมือนกันที่ชายหนุ่มจะหาหญิงสาวที่ดีพร้อม ทั้งกาย วาจา ใจ ซึ่งเขาเหล่านั้นก็บวชชีไปหมดแล้วเช่นกัน :cool:
    ชีวิตไร้คู่เหมื่อนจะจืด แต่จริงๆแล้วมันอิสระที่เราจะปฏิบัติธรรม เพราะหลายคนที่มีคู่แล้วมักจะบอกว่าไม่น่ามี หรือ อยากจะเลิก แต่ก็ทำไม่ได้ ส่วนคนที่ไม่มีคู่ก็ถวินหา ไข่วคว้า เพื่อที่จะได้มาซึ่งความทุขก์แอบแฝง
     
  20. john2518

    john2518 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +561
    นอกจากจะดูด้วยวาจาแล้วจะรู้ว่าผู้ใดนั้นดีมีศีลธรรมหรือไม่นั้น คำตอบที่ได้จากประสบการณ์ที่ปฎิบัตินะครับคือ..........
    ทุกคนมีสิทธิ์ผิดพลาดหมดครับ...เพราะอนุสัยคือจิตวิญญาณเดิมของคนๆนั้นต้องผุดมาวันหนึ่งแน่นอนดูง่ายๆคนที่เรารักกันตอนแรกก็ดีด้วยกายวาจาใจแต่วันหนึ่งก็หลุดได้เช่นกัน..
    ดังนั้นไม่ต้องไปหาครับว่าดูเช่นไร...ให้ปฎิบัติธรรมให้ดีครับแล้วบุญนี่แหละจะจัดสรรให้คุณเอง..ตามวาระกรรมครับ ทุกอย่างต้องมีสติและมีเมตตาและรู้จักให้อภัย....พูดง่ายๆว่าคนที่มีศีลคือคนปกติ กายวาจาใจก็บริสุทธิ์เสมอ ผู้ผิดศีลหากสำนึกได้ปลงอาบัติ หรือขอขมาก็ถือว่าเขาเหล่านั้นพร้อมที่จะล้างใจเสมอ...ดังนั้นเราต้องล้างใจเราให้สะอาดก่อนกวาดบ้านเราให้สะอาดก่อนครับแล้วเราก็จะรู้ว่าบ้านเขาเป็นเช่นไรครับ.....
    ต้นไม้ผลงามย่อมมีเหตเสมอ..

     

แชร์หน้านี้

Loading...