รูปดาวที่มือมันเพิ่มแฉกได้ด้วย

เสียใจจัง ไม่มีบุญวาสนาอ่ะ งิงิ

 

หลงอะไรกันอยู่ อย่าหลงในสมมุตินะจ๊ะ จุ๊บๆ

 

ลองพิจารณา "ทิฐิ" ตามแนวทางของ "โพชฌงค์" ดูนะครับ
ระวังตัวทิฐิมันจะสะสมมากจนกลายเป็น "ตัวกูของกู" ไปนะครับ
แล้วก็ลองพิจารณาไตรลักษณ์ให้มากๆ

ป.ล. ผมไม่ได้บอกโดยใช้กิเลสเข้ามามีส่วนร่วมนะครับ อย่าเข้าใจผมผิด

 

เรื่องบุญวาสนาอยู่ที่ตัวเรา เบื้องต้นเราพึงรักษาศีลให้พร้อม,กรรมบถ 10,(และพรหมวิหาร 4 เมื่ออยู่กลุ่ม) แล้วจึงพิจารณาตนเอง
กับสิ่งที่มากระทบกับเรามีทั้งดีและชั่วถ้าเราตั้งมั่นไว้ในจิตที่เป็นกุศลดี ธรรมะที่เป็นกุศลย่อมคุ้มครองเราเองทุกคนมีร่างกาย เนื้อหนัง เหมือนกัน อย่าได้หลงในสังขารของตน มีการตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา

น้ำหยดนึงยังมหาสมุทรให้เต็มได้ ท่านก็สามารถเป็นน้ำหยดหนึ่งได้ฉันนั้น

 

ไอ้พวกนี้มันคือริ้วรอยตามวัยไม่ใช่เหรอ ดูมือเท้าเด็กดิ ไ่ม่มีรอยเหี่ยวรอยย่นของผิวหนังเลย อันนี้เมื่อมีอายุมากขึ้นริ้วรอยตามวัยมันก็มากขึ้น จะไปใส่ใจอะไรกับมันนักหนา แล้วอีกอย่างไอ้เครื่องหมายที่บอกว่าเป็นพระพุทธอะไรนั้น ในหนังมันจะเป็นเครื่องหมายตรงข้ามกับสวัสดิกะไม่ใช่เหรอ และเกิดขึ้ันกลางฝ่ามือด้วย ไม่ได้เกิดตามเนินอะไร แล้วไอ้รอยแบบของคุณชาวบ้านชาวช่องทั่วไปเขาก็มี ไม่เห็นจะแตกต่างจากชาวบ้านคนอื่นเลย ผมสงสัยก็เลยขอดูมือชาวบ้าน ของคนอื่นก็มีเหมือนคุณหมด ไม่เห็นแตกต่างเลย ยิ่งคนแก่หน่อยก็มีร่องรอยการเสื่อมถอยของผิวหนังมากหน่อย

 

คนเรา มีมือมีเท้า แทนที่จาอยากทำไรที่เป็นประโยชน์มากกว่ามานั่งอวดดาวกันเห้อ แล้วคุยว่าบำเพ็ญมาเยอะ

 

...(รูปลักษณ์ภายนอกหลากหลาย พลังปัญญาบารมีนั้นไซร้สำคัญกว่า)

 

พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญผู้ที่ฝึกจิตดีแล้ว แล้วจิตท่านมีดาวกี่แฉกแล้วเล่า


อันรูปลักษณ์ สังขารขันธุ์ แตกต่างกันไปตามแรงบุญ แรงกรรม ของแต่ละบุคคล

ดูอย่างติรัจฉานบางเหล่า ที่มีรูปลักษณ์วิจิตรพิสดาร ก็มีอยู่เต็มหิมวันต์

ตัวท่านเองมีโอกาสเกิดเป็นคน มีโอกาสอบรมจิตใจให้ก้าวหน้า ก็พึงอบรมจิตใจเถิด

ด้วยรูปกายนับวันมีแต่จะเหี่ยว จะเฉา แล้วเสื่อมสลายไปในที่สุด

ไอ้ที่เห็นเป็นดาว เป็นจักร ลงท้ายมันก็ผุพังเท่ากันหมด


ส่วนองค์อัครสาวกซ้าย ขวา ของพระศรีอาริยเมตไตรย์ ท่านยืนยิ้มอยู่ชั้นดุสิตนานแล้ว

ถ้าได้มโนมยิทธิ ก็ไปกราบท่านดู


แต่ถ้าหวังเป็นอัครสวกภูมิ ก็บำเพ็ญต่อไป คงต้องอาศัยเวลาอีกหลายระยะทีเดียว

เพราะเท่าที่เห็น ปัจจุบันนี้ องค์อัครสาวกของ พระสุมังคละพุทธเจ้าท่านก็ลงมาบำเพ็ญอยู่

ซึ่งพระสุมังคละ จะตรัสรู้ถัดจากพระศรีอาริย์ฯ ไปอีกเก้าพระองค์ ก็คำนวณเอาว่ากี่กัปป์

 

พระไตรปิฎกเป็นเท็จมั้ง (พระไตรปิฎก= ถอยคำของพระพุทธเจ้า)
มีก็คือมีไม่มีก็คือไม่มี ทำก็คือทำ ไม่ทำก็คือไม่ทำ
ใครรู้ตัวว่าทำอะไรเพื่อใครเพื่อคนกี่คนมันรู้ตัวเองอยู่แล้ว พูดไม่พูดก็รู้กันอยู่
ถ้าอยากจะบอกว่าจริงหรือเท็จ ของจริงของเก๊รอโลกแตกก็รู้
คนไหนตายมันก็ชั่ว คนไหน รอดมันก็ดี ก็แค่นั้น
ชอบข่าวพม่าจังเยย555555555

 

โมทนาด้วย ครับ
ที่ท่าน จขกท....ยก พุทธโอวาสของพระพุทธเจ้ามานะครับ
เพราะในพระไตรปิฏกได้กล่าวถึง พ.ศ.๕,๐๐๐ ปี ไว้นะ ว่ามนุษย์ตอนนั้นเป็นยังงัย แต่งงานอายุเท่าไร แล้วมีสันดานมนุษย์ตอนนั้นเป็นยังงัย

สรุป โลกไม่แตกครับ(ในพระไตรปิฏกกล่าวไว้ = ถอยคำของพระพุทธเจ้า )

 

ลองดูครับ เผื่อว่าสิ่งที่ท่านบอกมาช่วยได้นะครับ
อิอิ
ขอให้เห็นนะครับ สาธุๆๆ

 

แยก 2 ประเด็น
1)รูปจักรบนมือ--------> พระไตรปิฎกระบุลักษณะมหาบุรุษ
2) การบอกว่าใช่ไม่ไช่---------> ไม่เชื่อ ก็ไม่ว่า เมื่อใดโลกใกล้แตกคนมันจะดิ้นรนกันหาทางรอดเป็นเรื่องปกติ บ้างก็เรียกหาผู้วิเศษบ้างก็ตั้งตัวเป็นผู้วิเศษ บ้างก็ต่อต้านความเชื่อทุกศาสนา แต่ท้ายสุดก็มีคนตาย กับคนที่รอด
ถ้ารอดก็เชื่อว่าเป็นคนดี ถ้าไม่รอดก็คือคนชั่วคือตายไปซะ ปัจจุบันทำอะไรไว้ก็น่าจะรู้ตัว ว่าทำอะไรไว้บ้างดีชั่วอย่างไร ไม่ใช่ให้เถียงหัวชนฝาว่ามันไม่จริง ไม่ถูก แค่ล้อเล่นน่า แค่ข่าวลือแล้วก็กลับไปทำชั่วเหมือนเดิม
ขนาดน้ำท่วมบ้าน นักวิทย์ยังมึนตึ๊บตั้งชื่อปรากฏการณ์ไว้มากมายจนจำไม่ได้
มันก็ยังไม่ยอมรับกันอีก น่าสงสารจริงๆ ยังไม่รวมสงครามที่จะเกิดขึ้นอีก
5555555555 สะใจจริงๆ

 

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า " สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม "
แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงอยู่ใต้กฎธรรมชาตินะครับ
ไม่มีใครช่วยใครได้หรอกครับ อิอิ

 

รู้สึกเหมือนกระทู้ล่อเป้า ยังไงก็อย่าเถียงกันเลยครับ ความเชื่อ ครับอย่าลบหลู่กันเลย ทางใครทางมัน ชีวิตเราเราเดินคนเดียวจริงๆ ครับ พิจารณา กันให้ถี่ถ้วนด้วยว่าประโยชน์อยู่ที่ใด

 

โห....ท่าน
ไม่โหดร้า...ขนาดนั้น หรอกครับ

 

ทฤษฎีทุจริตนิยม เชื่อว่าสันดานคนมันชั่วเหมือนกันหมด ถ้าให้แรงกระตุ้นไปเล็กน้อยเช่น
ทำให้ demand และ supply เข้าใกล้จุดวิกฤติ คนก็เริ่มโกงกันเอง ทำให้สังคมทั้งระบบต้องล่มสลาย และต้องล้มระบบใหม่ จากนั้นก็เริ่มสร้างระบบใหม่โดย โดยผู้เริ่มต้นล้มระบบ คือกลุ่มคนที่มีจิตสำนึกและมีความเชื่อว่าระบบใหม่สามารถสร้างได้ โดยการล้มและสร้างขึ้น
ก็อาจจะเป็นเหตุให้เกิดสงครามก็ตาม
โดยทุจริตนิยมมันจะเกิดกับ มนุษย์ทุกคน คือ
1.ทหาร
2.ชาวบ้าน
3.นักปกครอง
4.นักการเมือง
5.พ่อค้า
ให้ถือว่า พ่อค้า และนักการเมือง อาจเป็นพวกเดียวกัน และมีคติที่ชั่วที่สุดเพราะเป็นผู้ที่
หากินกับการล่มสลายของสังคมไม่ว่าจะเป็นก่อนสังคมถูกทำลาย หรือ สังคมล่มสลายไปแล้ว อันชื่อว่านักการเมืองคือผู้ที่เล่นการเมือง ดังนั้นพวกนี้จึงเป็นกลุ่มคนที่ทำให้ทิศทางสังคมดำเนินไปตามที่พวกมันกำหนด อาจดีขึ้นหรือเลวลง ก็ขึ้นกับว่าพวกนี้เป็นคนดีหรือชั่วมากน้อยแค่ไหน มีอำนาจมากน้อยอย่างไร ประชาชน (ประชาชนที่เป็นทหาร) ก็เป็นแค่
เครื่องมือของคนพวกนี้ทั้งนั้น ดังนั้นสังคมจะไม่มีทางหยุดนิ่งหรือเข้าสู่สันติสุข
ถ้ายังมีนักการเมืองคอยเติมเชื้อไฟเพื่อเผาผลาญสังคม และการที่นักการเมืองพวกนี้จะหยุดก็ต้องขึ้นกับว่าพวกมันพอใจในผลประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ถ้านักการเมืองมันเป็นคนดีมากกว่าชั่ว ผลประโยชน์จะตกกับคนส่วนมาก มากหน่อย
ทฤษฎีเกมการเมืองแบบมั่ว เชื่อว่าประชาชนกับนักการเมืองฉลาดเท่ากันแต่นักการเมืองมีอำนาจมากกว่า นักการเมืองจึงพยายามหาทางควบคุมเกมโดยอาศัยข้อได้เปรียบจากอำนาจที่ตนมีอยู่ แต่ถ้าเกมมันมั่วหมายถึงคาดการณ์ไม่ได้การใช้อำนาจของนักการเมืองที่มีอยู่เพื่อควบคุมเกมจะทำไม่ได้ จึงเป็นผลลัพธ์แบบสุ่มการตอบสนองประโยชน์เป็นแบบสุ่มใครก็มีโอกาสได้เท่าเทียมกันหมด ไม่เฉพาะเจาะจงที่ใครกลุ่มไหนเป็นสำคัญ
ถ้าเกมการเมือง มัน random ตั้งแต่ต้นนักการเมืองก็คาดการณ์ไม่ได้ ประชาชน ก็คาดการณ์ไม่ได้ สรุปใครก็เล่นเกมการเมืองไม่ได้เพราะเล่นไม่เป็น ดังนั้นการคานอำนาจระหว่างนักการเมือง และประชาชนอาจเกิดขึ้นได้ ถ้าคิดว่าประชาชนและนักการเมืองสามารถรับรู้ข้อมูลได้เท่าเทียมกัน และประชาชนและนักการเมืองฉลาดใกล้เคียงกัน แต่ต่างกันที่นักการเมืองมีอำนาจมากกว่า แต่ประชาชนมีอำนาจน้อยกว่า การหาอำนาจเพื่อมาคานกับอำนาจนักการเมืองคงต้องอาศัยแต่ ข้อกฏหมายเท่านั้นโดยข้อกฏหมายจะละเอียดพอหรือไม่ก็ขึ้นกับคนออกกฏหมายอีกที แต่นั่นก็ขึ้นกับนักการเมืองอีกเพราะนักการเมืองบางส่วนก็ทำหน้าที่ออกกฏหมาย ถ้าคนออกกฏหมายคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าไม่ได้แต่ เผอิญดันไปใส่ตรรกะควบคุมการกระทำผิดบางอย่างที่นักการเมืองไม่สามารถหาช่องกินได้หรือ ผู้ออกกฏหมายลืมใส่ตรรกะที่ครอบคลุมพอจะเอื้อประโยขน์แก่พวกตนเองเพราะไม่เข้าใจเกม และกฏหมายก็โชคดีผ่าน มันก็เลยเป็นห่วงผูกคอนักการเมือง ไปได้ซักระยะจนกว่านักการเมืองจะพัฒนาระบบ ของตัวเองจนโกงระบบได้ แต่นั้นก็มากพอที่ประชาชนจะพัฒนาตนเองเพื่อป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบได้ มันจึงเป็นแฟร์เกม ที่ผู้เล่นคือประชาชนกับนักการเมืองไม่สามารถใช้กฏหมายเอื้อผลประโยชน์ต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง(แต่เฉพาะส่วนนี้เท่านั้น)

 

ไร้สาระจริงๆอะไรก็ล่อเป้า
ว่าไง พวกคุณทำอะไรให้ใคร? ไว้บ้างหรือยัง

 

เริ่มมาแบบแปลกๆกันอีกแล้ว

 

เนอะๆๆๆๆๆ
เพื่อนๆๆ พี่ๆๆ น้องๆๆ กันทั้งนั้น อิอิ

 

มีดาว 7 แฉก ใหญ่ ตรงที่ราบอังคารกลางฝ่ามือ เมื่ออายุ 27 ปีื ตอนนี้ 36 แล้ว แปลว่าอะไรเอ่ย ใใใ