อุบายแก้ไขจริตนิสัยตัวเองให้ดีขึ้น

ทันสติใจจะนิ่งได้ ก็ต้องอาศัยสติ

ลมหายใจเข้าออกเป็นทางเดินของความคิด
พระบรมศาสดาจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
พระองค์ทรงเจริญอานาปานสติ​

ที่ทรงให้เจริญพระกรรมฐานอื่นก็เพราะ ให้ตรงกับจริตแต่ละคน
บางคนก็ราคะจิต มีความรักความใคร่เป็นเจ้าเรือน
บางคนก็โทษะจริต โกธรง่าย นิสัยฉุนเฉียวเป็นเจ้าเรือน
บางคนก็โมหะจริต หลงลืมบ่อยๆ พิจารณาอะไรก็ไม่แจ่มแจ้ง
บางคนก็ศรัทธาจริต เชื่อง่าย งมงาย
บางคนก็วิตกจริต ชอบวิตก วิจารย์ เรื่องอะไร ก็เก็บเอามาวิจารย์ฟุ้งซ่าน
บางคนก็พุทธิจริต มีความรู้มาก แต่ไม่สามารถเอาตัวเองพ้นทุกข์
ความรู้มาก ก็จะหลอกหลวงคนอื่นเขามาก คือสัญญา ไม่ใช่ปัญญา​

สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้
ใครที่ตรวจแล้วก็มาเจริญอานาปานสติ ก็จะย่อมรู้จริตตัวเอง
จะไปในข้อไหนหรือมีหลายข้อ ก็ให้เจริญ กรรมฐานคู่ปรับ​

ตัวความประพฤติเรียกว่า จริยา บุคคลผู้มีความประพฤติอย่างนั้นๆ เรียกว่า จริต
๑. ราคจริต (ผู้มีราคะเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางรักสวยรักงาม — one of lustful temperament) กรรมฐานคู่ปรับสำหรับแก้ คือ อสุภะและกายคตาสติ
๒. โทสจริต (ผู้มีโทสะเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางใจร้อนหงุดหงิด — one of hating temperament) กรรมฐานที่เหมาะ คือ พรหมวิหารและกสิณ โดยเฉพาะวัณณกสิณ
๓. โมหจริต (ผู้มีโมหะเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางเขลา เหงาซึมเงื่องงง งมงาย — one of deluded temperament) กรรมฐานที่เกื้อกูล คือ อานาปานสติ และพึงแก้ด้วยมีการเรียน ถาม ฟังธรรม สนทนาธรรมตามกาลหรืออยู่กับครู
๔. สัทธาจริต (ผู้มีศรัทธาเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางมีจิตซาบซึ้ง ชื่นบาน น้อมใจเลื่อมใสโดยง่าย — one of faithful temperament) พึงชักนำไปในสิ่งที่ควรแก่ความลื่อมใส และความเชื่อที่มีเหตุผล เช่น พิจารณาอนุสติ ๖ ข้อต้น
๕. พุทธิจริต หรือ ญาณจริต (ผู้มีความรู้เป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปในทางใช้ความคิดพิจารณา — one of intelligent temperament) ๖. วิตกจริต (ผู้มีวิตกเป็นความประพฤติปกติ, ประพฤติหนักไปทางนึกคิดจับจดฟุ้งซ่าน — one of speculative temperament) พึงแก้ด้วยสิ่งที่สะกดอารมณ์ เช่น เจริญอานาปานสติ หรือเพ่งกสิณ เป็นต้น​

Md 359,453; Nd 138; Vism. 101 ขุ.ม.๒๙/๗๒๗/๔๓๕; ขุ.จู.๓๐/๔๙๒/๒๔๒; วิสุทธิ. ๑/๑๒๗

บุคคลที่ฝึกตนตามสัญญา ย่อมไม่ใช่ทาง ผู้ใดมีความเห็นแบบนี้ ก็ทรมาร
ร่างกายเปล่า เหมือนฤษี ชีไพร หากทำแบบนี้ จิตใจจะขุ่นมัว
เป็นการเดินทางผิดทรมารให้เหนื่อยเปล่า ​

ให้เดินทางสายกลาง คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
ให้จิตใจที่เป็นปัจจุบัน มาพิจารณาธรรมในทุกขณะ
เราสามารถเว้นละ ความชั่วได้เลย ให้ทวนกระแสความอยาก
พิจารณาก่อนว่าจะทำอะไร ว่า คุณหรือโทษ
เมื่อรู้ว่าคุณก็ทำ เป็นโทษ ก็หยุด
พุทธพจน์ นิสมฺม กรณํ เสยฺโย ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำดีกว่า ​

เมื่อรู้ตัวย่อมมีทางแก้ไข ยกเว้น อนัตริกรรม ต้องรับกรรมสถานเดียว
อเวจีมหานรกเป็นเรือนนอน​

อายตะภายนอกเป็นตัวที่เร่งเราทำกรรม
เข้ามาสู่อยตะภายใน ​

พระศาสดาทรงให้สำรวมอายตนะ เพื่อไม่ให้เกิดความยินดี ยินร้าย
เพื่อให้จิตใจเป็นกลาง ไม่สร้างกรรมชั่ว
เพียร ละ โลภ ด้วยการให้การบริจาคทาน​

เพียร ละ ความโกธร ด้วยความเมตตา
เพียรละ ความหลง ด้วยการไหว้พระ นั่งสมาธิ ภาวนา
เจริญปัญญาให้วิปัสนาฌาน ให้เกิดขึ้น
ให้มองเห็นธาตุ 4 ขันธ์ 5 เพื่อให้ปรากฏ ตามความเป็นจริง​

พระอริยะ ท่านเกิดฌาน ความรู้ในปัจจุบัน
คือสิ่งใดเกิดเป็นธรรมดา สิ่งนั้นก็ดับไปเป็นธรรมดา
เมื่อเห็นตามความเป็นจริงแล้วก็เกิด นิพพิทา คือ ความเบื่อหน่าย
จึงเพียรละ ได้อย่างหมดจด​

หลบภัยทอดเทป​

 

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1218618/[/MUSIC]


อุบายแก้ไขจรินนิสัยตัวเองให้ดีขึ้น หลวงปู่เหรียญ

 

ขอบคุณครับ ขอเซฟหน่อยนะครับ จะเอาไว้ฟังตอนนั่งสมาธิ อนุโมทนาสาธุครับ

 

จริต กับ มานะทิฏิ เหมือน หรือ แตกต่างกัน อย่างไรครับ

 

ขอตอบตามปัญญา เท่าหัวไม่ขีด(มานะ)
หากตอบไม่เข้าใจ ก็อย่าโกธรกันล่ะ (โทษะจริต)
หรืออธิบายไปแล้ว ก็อาจ จะงงได้ (โหมะจริต)
เมื่ออธิบายเสร็จแล้ว อืม ตอบไม่ได้เรื่องเลย (มานะ) เราเข้าใจกว่านี้อีก

จริต คิอนิสัย ที่กระทำมานานจนยากเกินจะถอน พระพุทธเจ้าถึงให้เจริญ
อานาปาน เพื่อมาให้เห็นจริตของตัวเองก่อนอย่างไงล่ะ

ส่วน มานะ คือ เราปล่อยให้ฐานะผู้อื่น เข้ามาครอบงำจิตใจ การถือว่าตัวว่าตน ถือว่าเขา ว่าเรา

ถ้าจะชี้กิริยากรรมใกล้ๆ ตัวให้ดู ก็ คือ

เมื่ออ่านกระทู้เสร็จแล้ว ก็สังเกตุว่า เราเป็นไง โทษะ โมหะ โลภะ
ตัวไหนมันเด่น หากจะ เห็นจริตเราก็ได้ ถ้าสังเกตุใจได้เป็นขณะ

สักพักหนึ่งอ่านกระทู้ จบ เราไปสมัคร ID ใหม่มาดีกว่า (november)
อันนี้คือมานะทิฐิ อันนี้ชี้กิริยากรรมที่อยู่ใกล้ๆ ตัว

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้รู้ทันการยินดี ยินร้าย จะได้ไม่เผลอทำอกุศล
เพื่อ ลด ทิฐิ มานะ และจริต เพื่อให้มาซึ่งความปกติ คือศีล


ปล เจ้าของกระทู้มี โทษะจริต และมาตอบด้วย มานะทิฐิแระ ใช่ไหมคะ คุณองค์ลง