หลวงพ่อเป้า เขมกาโม วัดถ้ำพรสวรรค์ ตอน ภายใต้ร่มธงธรรมจักรแห่งวัดถ้ำพรสวรรค์

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย อดุลย์ เมธีกุล, 7 ตุลาคม 2010.

  1. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,793
    หลวงพ่อมีคติประจำใจอยู่ว่า....

    ตายเมื่อเป็น เหม็นมากกว่าซากศพ
    กลิ่นตลบเพราะคำฉิน หมิ่นเหยียดหยาม
    เป็นเมื่อตาย วายชีพชื่อกลับลือนาม
    ทุกเขตคาม กล่าวขวัญ สิ้นวันลืม...

    [​IMG]

    หลวงพ่อเป้า เขมกาโม หรือพระครูนิมิตสิทธิการ อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำพรสวรรค์ ตำบลลำพยนต์ อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๙ บิดาชื่อ นิ่ม มารดาชื่อ ยิ้ม นามสกุล ทองแฉล้ม หลวงพ่ออุปสมบทเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๔ ณ.วัดลาดยาว ตำบลลาดยาว อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์

    คงเป็นเพราะครอบครัวของผมให้ความนับถือหลวงพ่อเป็นอย่างมาก ดังนั้นลูกหลานของครอบครัว เมื่อได้อุปสมบทคุณปู่คุณย่าจึงมักจะส่งพวกเราไปอยู่จำพรรษากับท่าน และก็แน่นอน....ไม่พลาดครับชีวิตน้อยๆของผม กับพินัยกรรมมรดกชิ้นนี้

    [​IMG]

    พูดถึงจังหวัดนครสวรรค์ถือเป็นเขตอิทธิพลทางคาถาอาคมของ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค หลวงพ่อโอด วัดจันเสน สำหรับหลวงพ่อเป้าของผม ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากนัก แต่ถ้าเป็นตลาดลำพยนต์แล้วละก็ ขอบอกว่าบารมีท่วมท้นครับ จะว่าไปแล้วเรื่องราวความมีชื่อเสียงของหลวงพ่อเป้า เริ่มต้นจากการเป็นพระที่เก่งทางด้านเมตตามหานิยม บรรดาพ่อค้าและแม่ค้ามักนิยมมาขอของดีจากหลวงพ่อ จำพวกผ้ายันต์ สีผึ้ง ซึ่งรายไหนได้ไปมักจะค้าขายดี ไปไหนมีคนรักใคร่ แต่ที่ทำให้ชื่อเสียงของท่านโด่งดังขึ้นมามากเกิดจากลูกสุนัขป่าตัวหนึ่งได้หนีตายเข้ามาพึ่งใบบุญของหลวงพ่อ ท่านก็เลี้ยงด้วยข้าวก้นบาตรและตั้งชื่อให้มันว่าเจ้าป่าเนื่องจากมันเป็นสุนัขป่า มันจึงมีนิสัยชอบกินของสดและที่พอจะหาได้ง่ายก็คือการขโมยไก่ของชาวบ้านมากิน บ่อยครั้งที่มันถูกชาวบ้านรุมยิงแต่ก็ยิงไม่ออก หรือออกก็ไม่ถูก หลายๆครั้งเข้าจึงเป็นที่เล่าลือของชาวบ้านกันว่า สุนัขของหลวงพ่ออยู่ยงคงกระพัน เรื่องของความอยู่ยงคงกระพันของเจ้าป่า ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลมาขอดูมันถึงที่วัด หลวงพ่อเองก็ได้แต่แปลกใจว่าคนเหล่านั้นเมื่อมาถึงวัดแทนที่จะสนทนาธรรมในเรื่องของพระพุทธศาสนากลับมาสอบถามเรื่องของหมาหลวงพ่อท่านเล่าว่า ท่านได้เตือนสติคนเหล่านั้นว่าตัวท่านเองไม่เชื่อในเรื่องเหล่านี้ มันคงไม่ได้คงกระพันอย่างตามที่เขาเล่าลือ อย่างไรก็แล้วแต่ด้วยพฤติกรรมอันเลวร้ายของเจ้าป่า โดยการแอบเข้าไปขโมยไก่ ขโมยลิงของชาวบ้านมากินทำให้มันถูกรุมทำร้ายจนช้ำใน แต่กว่าที่มันจะตาย ตัวมันต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการช้ำในอยู่เกือบปี..

    [​IMG]

    แม้จะมีวิชาอยู่ยงคงกระพัน หากทำตัวไม่ดีลักขโมยเขา ปล้นเขา ประพฤติชั่ว อันเป็นทางแห่งความเสื่อม จึงไม่อาจรักษาวิชาคงกระพันให้คงอยู่ได้ เพราะฉะนั้นคนเราแม้มีวิชาความรู้หรือจะมีของดีติดตัวก็ตาม หากมีความประมาทไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ชีวิตก็จะมีแต่ความตกต่ำอย่างเช่นหมาตัวนี้....”พวกเราที่เป็นพระบวชใหม่ ชอบที่จะให้หลวงพ่อเล่าถึงเรื่องราวเก่าๆ และเรื่องที่หลวงพ่อเล่าและประทับใจพวกเรา ทำให้สภาพจิตตกที่เกิดจากการไกลบ้านต้องหมดไปก็คือเรื่องเหตุจูงใจที่ทำให้หลวงพ่อคิดบวช อัตตาหิ อ้ตตโนนาโถ” คือมูลเหตุครับ

    สมัยที่ท่านยังศึกษากับท่านอาจารย์เฟื่อง ท่านอาจารย์ได้ถามหลวงพ่อว่า
    บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ของหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่สุขสบายดีหรือเปล่า
    ท่านจึงตอบว่าได้ตายไปหมดแล้ว อาจารย์เฟื่องจึงถามหลวงพ่อต่อว่า
    ท่านไม่ได้รักเขาหรือ จึงได้ปล่อยให้เขาตาย
    หลวงพ่อตอบว่า รักแต่เรื่องอย่างนี้มันเป็นเรื่องที่ช่วยกันไม่ได้ เรื่องราวทั้งหมดจึงมาสรุปอยู่ที่
    คนเราเมื่อถึงคราวตาย ไม่มีใครสามารถช่วยเราได้
    อะไรล่ะจะเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากความตาย....คำตอบที่หลวงพ่อเป้าได้ค้นพบคือธรรม ท่านว่า
    พวกท่านจงจำไว้ การที่จะไม่ให้ตายนั้นก็คือการที่ไม่ต้องเกิด วิธีที่จะไม่ต้องมาเกิดมีอยู่เพียงทางเดียวเท่านั้น คือทางแห่งธรรมะ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงชี้แนะทางสว่างอันแสนประเสริฐให้แก่พวกเราชาวพุทธเพื่อให้เจริญรอยตามแนวทางของพระองค์....”
    ว่ากันว่ามนุษย์เราหากคิดจะตัดใจต่อสิ่งใดแล้วไม่ใช่เรื่องอยากที่จะทำ อย่างเช่นการตั้งใจจะตัดกิเลสถือศีล ๕ ผมเชื่อว่าเพื่อนๆทุกท่านก็คงจะทำได้ แม้แต่การออกบวช หากเราตั้งใจจริงเราก็สามารถทำได้ แต่สิ่งที่ตัดออกยากจากจิตใจมนุษย์กลับเป็นเรื่องใกล้ตา ใกล้ตัว คือ..
    การตัดความรัก ความเป็นห่วงครอบครัว
    จริงอยู่เรื่องพวกนี้ตัดยาก แต่พวกท่านลองคิดดูสิ คนรักของท่านตายไป ท่านต้องตายตามไปหรือเปล่า พ่อแม่ของท่านตายไป ท่านต้องตายตามไปหรือเปล่า หรือแม้แต่ถ้าเราตายไป คนรัก หรือพ่อแม่เราคงไม่ตายตามเราไปหรอก...มีเยอะแยะไปที่คนอื่นเมื่อพ่อแม่เขาตายไป ลูกๆเขาก็สามารถครองตัวจนมีความเจริญรุ่งเรือง...”

    [​IMG]

    วัดถ้ำพรสวรรค์ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาตะบองนาค ในสมัยที่หลวงพ่อธุดงค์เข้ามาจำพรรษา ยังคงเป็นป่ารกทึบและอยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก บนเทือกเขาตะบองนาคจะมีถ้ำอยู่หลายแห่ง ซึ่งเป็นถ้ำรกร้างว่างเปล่าตลอดจนเป็นที่อยู่อาศัยของพวกค้างคาวและงู มีอยู่ครั้งหนึ่งหลังจากหลวงพ่อบิณฑบาตกลับมา ขณะที่ท่านกำลังนั่งฉันข้าวอยู่ที่หน้าผาปากถ้ำตะบองนาค ได้มีงูจงอางขนาดใหญ่มาชูคอแผ่แม่เบี้ยอยู่ตรงหน้าท่าน หลวงพ่อบอกพวกเราว่าท่านตกใจและกลัวมาก มีสองทางให้ท่านเลือกคือ
    "กระโดดหน้าผาเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้ากับนั่งรอเวลาให้งูจงอางตัวนั้นเข้ามากัดท่าน..." ภาวะช่วงนั้น ทำให้จิตของเราตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว กำลังคิดอยู่ว่าการตายแบบไหนจะทรมานน้อยกว่ากัน...ก็ได้คิดว่าคนเราเกิดมาก็ตายทั้งนั้น บางคนคิดว่าเกิดมาแล้วก็ต้องเจริญเติบโต แต่พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสว่า คนเราเกิดมาล้วนเดินไปสู้ความตาย”....”

    ครับในความเป็นจริง ความตายนั้นเราจะต้องการหรือไม่ต้องการ สวรรค์เขาก็กำหนดให้เรามาแล้วตั้งแต่เราเกิด ในความเชื่อชาวพุทธท่านว่าเมื่อคนเราปฏิสนธิ มันก็เริ่มต้นเดินทางไปสู่ความตายอยู่แล้ว เรียกว่าไม่ต้องไปเร่งวันเร่งคืนความตายก็มาเยือนอยู่แล้ว สิ่งที่ควรคำนึงคือขณะที่อยู่สิครับ เราควรจะทำอะไรกันดี..
    ในระหว่างนั้นท่านมีความรู้สึกว่า.. ความตายจะช่วยให้ท่านพ้นทุกข์พ้นกรรม”..จึงได้แผ่เมตตาอยู่ในใจว่า หากท่านและงูจงอางตัวนั้นไม่เคยเป็นอริกันมาก่อน ขอให้งูจงอางตัวนั้นจงไปตามทางของเขาเถิด เมื่ออธิษฐานจบแล้วท่านจึงลืมตาขึ้น ก็พบว่างูจงอางตัวนั้นได้หายไปแล้ว ท่านจึงได้ฉันอาหารตามปกติแล้วจึงกลับเข้าไปในถ้ำเพื่อแผ่ส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ทำบุญใส่บาตรและสรรพสัตว์ทั้งหลายตามกิจของสงฆ์ต่อไป.. หลวงพ่อเล่าอดีตย้อนหลังให้พวกเราฟังถึงสาเหตุที่ท่านได้มาอยู่ที่เขาตะบองนาคแห่งนี้ว่า สมัยที่ท่านออกเดินธุดงค์ ท่านได้พบกับหลวงพ่อเลิน เจ้าอาวาสวัดน้ำวิ่ง อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ในระหว่างการสนทนาสมภารเลินได้แนะนำว่าที่เขาตะบองนาคแห่งนี้เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม เพราะมีความสงบและเป็นที่วิเวกดี เพราะคำว่าดี ทำให้ท่านสงสัยว่า ดี นั้นคือดีอย่างไร...

    [​IMG]

    สมภารเลินได้ให้ลูกศิษย์พาหลวงพ่อมาที่ปากถ้ำเขาตะบองนาค เมื่อมาถึงลูกศิษย์ของสมภารเลินต่างรีบลากลับกันหมด ทิ้งให้ท่านอยู่เพียงลำพัง... หลวงพ่อจึงได้ตัดสินใจเข้าไปอยู่ในถ้ำ ซึ่งมีปากทางเข้าถ้ำที่แคบและเตี้ยมาก แต่เมื่อเข้าไปถึงกลางถ้ำกลับรู้สึกเย็นสบาย จึงได้ทดลองนั่งทำสมาธิ ก็รู้สึกชื่นฉ่ำ จิตของท่านดิ่งสู่สมาธิอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ออกมาจากถ้ำ เมื่อพบชาวบ้านที่เข้ามาหาของป่า จึงทราบว่าในถ้ำแห่งนี้เคยมีพระธุดงค์เข้ามาอยู่ แต่ก็ไม่เคยมีองค์ไหนที่อยู่รอดสักราย บางรายออกมาแล้วก็รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว บางรายก็ออกมาเล่าว่าพอเข้าไปอยู่แล้วมีความรู้สึกว่าถูกรบกวนจากสิ่งลึกลับบางอย่างจนมีความรู้สึกว่ากลัวทำให้อยู่ไม่ได้...
    คนเรานี้ที่กลัวอะไรต่อมิอะไรต่างๆนาๆนั้น หาได้กลัวในสิ่งเหล่านั้นไม่ แต่แท้จริงแล้วกลัวความตายนั่นเอง พวกท่านจงฟังไว้เมื่อเราบวชเป็นศิษย์ตถาคตแล้ว และตั้งใจจะออกเดินธุดงค์ด้วยความบริสุทธิ์ หากจะต้องตายด้วยเหตุใดๆก็ตาม เราก็จะต้องยอมรับความตายนั้นโดยดี และหากกุศลผลบุญของเรามีเท่านี้จะตายไปก็สมควรแก่กาลแล้ว...”

    ปิดตาสองรู ปิดหูสองข้าง
    ปิดปากเสียบ้าง จะได้นั่งนอนสบาย
    อันจิตมนุษย์ดุจดั่งลิงนิ่งไม่ได้
    จงเตรียมจิตไว้เมื่อไม่สมอารมณ์หวัง
    ปากอย่าพูด ตาอย่าดู หูอย่าฟัง
    สติรั้งช่างเถิดประเสริฐนัก.....


    เชื่อว่าคำกลอนบทนี้เพื่อนๆหลายท่านคงจะเคยผ่านตา แต่สำหรับที่วัดถ้ำพรสวรรค์ คำกลอนบทนี้ถือว่าเป็นคาถาอาคมบทแรกสำหรับพระบวชใหม่ ที่หลวงพ่อจะมอบให้ไว้ป้องกันตนเองจากภัยอันตรายต่างๆ คาถาบทนี้หลวงพ่อบอกว่าจะไม่บังเกิดผลอันใดเลยหากพระทุกองค์ไม่ยอมปฏิบัติ หลวงพ่อท่านบอกว่า " การที่พระบวชใหม่หลายๆรูปมาอยู่รวมกัน มันเป็นการเอาลูกของชาวบ้านเขามาเลี้ยง ต่างคนต่างจิตต่างใจต่างความคิด การสำรวมและระมัดระวังตัวอยู่ทุกอิริยาบถ จะช่วยให้บรรเทาความบาดหมางหรือหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง "..อย่างที่ผมพ่นให้ฟังแหละครับว่า ในระหว่างที่หลวงพ่อจำศีลปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำ ชาวบ้านแถบนั้นต่างมีศรัทธาอุปถัมภ์หลวงพ่อ ก็คงจะเป็นจังหวะเรื่องของ เจ้าป่า ที่อยู่ยงคงกระพัน หรือการที่หลวงพ่อสามารถอยู่ร่วมกับบรรดางูทั้งหลายโดยไม่มีอันตราย จะว่าไปแล้วคำเล่าลือดังกล่าวได้ขยายวงออกไปอย่างกว้างขวาง ทำให้ผู้ที่มีคตินิยมในด้านความขลัง มักจะแวะเวียนเข้ามากราบหลวงพ่ออยู่เป็นประจำ...

    คนเราต้องการที่พึ่ง จึงต้องออกหาที่พึ่งพา วัตถุมงคลเป็นนามธรรมและรูปธรรม เป็นที่พึ่งทางใจให้กับญาติโยมได้เคารพนับถือ หากคิดให้ดีแล้ววัตถุมงคลจึงเป็นบ่อเกิดของกำลังใจ เหมือนกับคนเราอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ก็ต้องมาจากการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน...”

    [​IMG]

    หลวงพ่อสร้างเหรียญรุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ เพื่อเป็นที่ระลึกในการสร้างศาลาการเปรียญ จากการสร้างเหรียญรุ่นแรกขึ้นแล้ว มันก็มีเหตุให้ท่านต้องสร้างเหรียญรุ่นอื่นๆต่อมาอีก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าวัตถุมงคลที่หลวงพ่อแจกจ่ายออกไปนี้ ได้ก่อให้เกิประสบการณ์มากมายถึงความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ บางคนนำเอาไปลองยิงไม่ออก บางคนก็ไปประสบอุบัติเหตุแต่ก็แคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆนาๆ โดยเฉพาะเรื่องเมตตาหรือค้าขายแล้วต้องยกนิ้วให้ คนที่ยกนิ้วไม่ใช่ผมนะครับแต่เป็นบรรดาพ่อค้าแม่ค้าแถวตลาดปากน้ำโพ โดยเฉพาะบรรดานายห้างร้านขายผ้า ต่างมาขึ้นหลวงพ่อมาก พวกผมเองได้แต่เก็บข้อสงสัยว่าทำไม คนต่างชาติ ต่างความเชื่อ ถึงได้เข้ามาศรัทธาหลวงพ่อขนาดขอจองเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน ทราบต่อมาว่านายห้างเหล่านี้นิมนต์หลวงพ่อไปเจิมร้านและได้รับคาถาจากหลวงพ่อพร้อมวิธีปฏิบัติ เมื่อไปทำตามที่ท่านบอก การค้าเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว แอบถามหลวงพ่อได้ตัวคาถาดังนี้ครับ

    มีสติ รู้ปฏิบัติดี รู้ปฏิบัติชอบ มีเมตตาและรู้อภัย..”
    ของทุกอย่างขึ้นอยู่กับคนที่เอาไปว่ามีจุดประสงค์ในการนำไปใช้ดีหรือไม่ วัตถุมงคลเป็นนำไปใช้ในทางที่ผิดของก็จะเสื่อม แต่หากนำไปใช้ในทางที่ดี รักษาศีล ๕ ของก็จะเกิดความขลังและก่อให้เกิดผลดีแก่ผู้ที่ปฏิบัติ....”
    ถึงตอนนี้ไม่ต้องแปลกใจครับว่าทำไม บรรดานายห้างขายผ้าตลอดปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ถึงได้อาราธนาศีล ๕ ได้อย่างคล่องแคล่ว....อย่างที่ทราบกันหรือใครที่ยังไม่ทราบก็ควรทราบโดยทั่วกันว่า..
    กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตอบสนอง ไม่ภพนี้ก็ภพหน้า...”
    คือคำสอนที่หลวงพ่อชอบบอกกับบรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลายให้ได้สติว่า
    อย่าได้ประมาท ว่าบาปกรรมนั้นไม่มีจริง
    ซึ่งตัวท่านเองยืนยันได้ว่า
    บาปนั้นมีจริงและตอบสนองได้ทันตาเห็น...”
    เรื่องมีอยู่ว่าในสมัยที่หลวงพ่อยังไม่บวช ช่วงนั้นสงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งจะสิ้นสุดลงไปไม่นาน ข้าวปลาอาหารค่อนข้างหายาก เครื่องใช้ เครื่องเรือนก็แพงมากในตอนนั้นหลวงพ่อมีเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกันกลุ่มหนึ่งแต่ละคนก็เลี้ยงหมูกันคนละตัวสองตัว เพื่อนๆก็มีความคิดว่าน่าจะฆ่าหมูมาเป็นอาหารดีกว่า เพราะข้าวที่จะให้คนกินก็ยังไม่ค่อยจะพอ ยังต้องเจียดบางส่วนมาเลี้ยงหมูอีก สู้เรามาฆ่าหมูแบ่งกันกินดีกว่าทุกคนลงความเห็นดีงามกับความคิดอันเจริดจรัสครั้งนี้ จึงได้เริ่มผลัดเปลี่ยนกันฆ่าหมูเรื่อยมา ในที่สุดวงโคจรมหาสนุกก็เวียนมาถึงรอบของหลวงพ่อ เมื่อถึงคราวต้องฆ่าหมูของตัวเอง ท่านว่าเราก็นึกสงสารมัน เลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็กๆ แต่จะทำอย่างไรได้ของคนอื่นเราก็กินไปเสียแล้ว หากไม่ทำเขาก็จะหาว่าเราเบี้ยวเขา อีกอย่างก็คือหมูมันเกิดมาเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ ถึงเราไม่ฆ่าคนอื่นเขาก็ต้องฆ่าบทสรุปของเหตุการณ์นั้นผมคงไม่ต้องเล่าให้ยืดยาว เอาเป็นว่าหลวงพ่อท่านต้องทุบหมูถึงสองครั้ง ครั้งแรกท่านเล่าว่าหมูตัวนั้นโดนทุบที่ศรีษะจนเป็นแผลเลือดไหล อย่างมากมาย แต่มันยังไม่ตาย ท่านเห็นว่าหากปล่อยไว้มันคงจะทรมานหากมันตายช้า เมื่อทำมาถึงขั้นนี้แล้ว สู้ช่วยให้มันตายไปอย่างรวดเร็วอย่าทรมานต่อไปอีกเลยจะดีกว่า ท่านว่าหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ท่านก็ไม่ได้ใส่ใจจำเรื่องนี้อีกเลยและในที่สุดท่านก็ลืมเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง....คำว่าปัจจุบันเป็นอนาคตของอดีต ความนึกฝันของวันวานอาจจะกลายเป็นจริงหรือไม่เป็นจริงในวันนี้ก็ได้แต่สิ่งที่ติดตัวมาตลอดของมนุษย์คือ กรรม..” ว่ากันว่า “กรรม” นั้นคือ...สิ่งสำคัญที่มนุษย์ไม่เคยหลุดพ้นจากการกระทำของตน..”

    วันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อกับลูกศิษย์กำลังจะนำพระพุทธรูปไปประดิษฐานบนชะง่อนหินในถ้ำ หลวงพ่อได้ช่วยจับบันไดไว้เพื่อไม่ให้มันลื่นล้ม ท่านเล่าว่าขณะที่ลูกศิษย์คนนั้นกำลังปืนบันไดอยู่ยังไม่ถึงชะง่อนหินที่จะวางพระพุทธรูป ปรากฏว่ามีก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นหล่นลงมา ถูกหน้าผากท่านพอดี ทำให้หน้าผากแตกเลือดไหลทะลักทันทีขณะนั้นท่านรู้สึกหน้ามืด ภาพของหมูตัวหนึ่งลอยอยู่ต่อหน้าท่านในลักษณะนั่งชันขา หลวงพ่อท่านจำได้ว่ามันเป็นภาพเดียวกับหมูตัวที่ท่านฆ่ามันเมื่อหลายสิบปีก่อน.... น้ำเสียงของหลวงพ่อค่อนข้างดังกังวานเมื่อเล่าถึงตอนนี้ ท่านว่าสายตาของมันมองมายังท่านด้วยความเจ็บปวดและความเจ็บปวดจากบาดแผลของท่านก็ไม่น้อยไปกว่าภาพที่ท่านมองเห็นเลยหลวงพ่อบอกว่า ท่านเข้าใจทันทีว่ามันได้มาทวงหนี้กรรมที่ท่านได้ก่อไว้กับมันแล้ว ท่านจึงได้กำหนดจิตแผ่เมตตา จนภาพหมูตัวนั้นหายไป หลังจากนั้นท่านได้ตั้งจิตอุทิศแผ่ส่วนกุศลที่ท่านได้สร้างสมมาตลอดเวลาที่ครองผ้ากาสาวพัสตร์ให้แก่หมูตัวนั้น
    กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง กรรมที่ฉันได้ก่อเอาไว้ไม่ต้องรอให้นานไปจนถึงภพหน้า มันได้ตามมาตอบสนองฉันได้ทันในชาตินี้แล้ว....”ปกติแล้วผมจะเป็นคนขี้ลืม เรื่องราวส่วนใหญ่ในชีวิตที่รับรู้บางทีแค่วันคืนลอยผ่านไปผมก็มักจะลืม"แต่ไม่มีคนขี้ลืมคนไหนหรอกครับที่จะลืมเสียทุกเรื่อง..." บทมันจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ฝังใจให้จดจำ ผมก็จะจดจำมันอย่างขึ้นใจ ยิ่งโดยเฉพาะกับเรื่องที่หลวงพ่อเป้าได้เล่าให้ฟัง เหตุผลเหรอครับ เพราะผมจำได้ว่ารอยแผลเป็นที่หน้าผากของหลวงพ่อ มันเป็นเครื่องยืนยันเรื่องเล่าและความเชื่อของหลวงพ่ออย่างแท้จริง....”เป็นความจริงครับที่กล่าวว่า คนเราชอบพูดถึงแต่ความผิดพลาดของผู้อื่น แต่ไม่ยอมเล่าความผิดพลาดของตัวเองให้ผู้อื่นฟังซึ่งหลวงพ่อเองท่านกลับเล่าความผิดพลาดของท่านให้กับพวกเราฟัง...นอกจากท่านจะว่าเรื่องเวรกรรมนี้มันน่าเก็บไว้สอนใจแล้ว ท่านยังได้ทิ้งบทสรุปที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าไว้ด้วยครับคนเราชอบรู้เรื่องผิดพลาดของคนอื่น...” ครับคำพูดธรรมดาที่ไม่ใช่ราชาศัพท์พิลึกพิลั่นมาจากไหน...ว่ากันว่าความกลัวทุกอย่าง ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่สามารถส่งพลังผลักดันให้เกิด ความเชื่อ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ดังนั้นคนเราจึงมักอธิบายระบบความเชื่อกันไปต่างๆนานา โดยเฉพาะเรื่องของ ไสยศาสตร์
    คำว่าไสยศาสตร์มันมีมานานแล้ว แต่ทุกอย่างก็อยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคน ฉันคงไม่สามารถบอกให้ใครมาเชื่อหรือไม่เชื่อได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วฉันเชื่อว่า มันมีอยู่จริง ท่านลองคิดดูสิ เรื่องปาฏิหาริย์ เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านคิดเอาเองว่ามันมีไหม....ฉันว่าเรื่องเหล่านี้มีพระเกจิอาจารย์ที่ทรงคุณธรรม ทรงวิชาหลายรูปที่สามารถพิสูจน์ได้เหมือนกัน แต่ว่าองค์ไหนจะมีความเก่งขนาดไหน ฉันไม่สามารถบอกได้ ไม่มีใครรู้อะไรดีไปกว่าเรารู้ตัวเราเอง...แถวๆจังหวัดเราก็มี หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อพรหม หลายๆอย่างที่ท่านสามารถทำให้พวกเราเห็นได้...จะว่าไปแล้วความกลัวและความไม่รู้ต่างๆเหล่านั้นทำให้เกิดความเชื่อ เชื่อว่าปรากฏการณ์ต่างๆในเรื่องเหนือจริงเกิดจากการกระทำของอำนาจเหนือธรรมชาติ..หากเราไม่หลอกตัวเองเกินไปนัก ผมมั่นใจว่าเรื่องของความเชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติ ล้วนมีอยู่ในสำนึกของคนแต่ละคน มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นลักษณะของ "นามธรรมมองก็ไม่เห็น จับต้องก็ไม่ได้.......ไสยศาสตร์เป็นนามธรรม คนที่ไม่เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์เขาจึงเห็นว่าเป็นเรื่องงมงาย ตรงนี้อธิบายได้ว่ามันเป็นเรื่องที่อยู่ในจิตใจของคนเรา ใครจะออกแสวงหาเครื่องรางของขลังมันก็เป็นความเชื่อของเขา ใครล่ะห้ามความคิดของใครได้ ท่านทำได้ไหมกับการห้ามความคิดตนเอง....”แต่ต้องไม่ลืม ไม่มีอะไรมาลบล้างกรรมที่ตัวเองกระทำไว้ได้ มีไว้ก็แค่ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา แต่ไม่ได้ช่วยให้คนไม่ตาย อย่างตัวฉันเองก็ยังมีกรรมเก่า หากเมื่อใดที่กรรมเก่าของฉันตามมาทัน ฉันอาจไม่ได้อยู่ตรงนี้....”เชื่อกันว่าการปลุกเสก อยู่ที่การกำหนดจิต แต่จะดีหรือไม่ดี ทั้งหมดนี้มันก็ขึ้นอยู่กับคำว่า จิต
    ฉันก็ใช้คาถาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ นั่นแหละ ยึดบารมีของพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ ถือว่าเป็นหลักในการปลุกเสก พวกท่านหรือคนธรรมดาก็สามารถสวดกันได้ ความแตกต่างอยู่ตรงที่ ใครจะใช้พลังจิตได้ดีขนาดไหน เพราะฉะนั้นจงอย่าละทิ้งความเพียรในการฝึกจิต...”
    จะว่าไปแล้วคำว่า จิต ถือว่าเป็นแก่นสำคัญของการปลุกเสกเลยทีเดียว วัตถุมงคลจะขลังหรือไม่ขลังขึ้นอยู่กับตัวผู้เสกต้องทำจิตใจให้แน่วแน่ ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งรอบตัวทั้งหลายทั้งปวงที่เข้ามากระทบ และถ้าต้องการให้มีสมาธิดีต้องหมั่นสวดมนต์และภาวนาครับ...จริงๆแล้วเรื่องราวของหลวงพ่อเป้า เขมกาโม ยังคงมีอีกมากมายหลายเรื่องครับ เช่นเรื่องของพระพรหม พระอาจารย์สุวรรณ(อาจารย์ของหลวงพ่อ) ฯลฯ ผมเองก็ลืมเลือนไปบ้าง คงต้องใช้เวลาตกผลึกทางความคิดสักนิดหนึ่ง...

    [​IMG]

    ปัจจุบันหลวงพ่อท่านได้มรณภาพไปนานหลายปีแล้ว วัดถ้ำพรสวรรค์แห่งนี้ทางจังหวัดได้ประกาศให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวบ้าน อีกทั้งยังเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของคณะสงฆ์และชาวบ้าน
    โดยเฉพาะ (สมัยที่ผมอยู่) ภายในถ้ำพรสวรรค์ใช้เป็นที่ลอยกระทง ในวันเพ็ญเดือนสิบสองและเป็นสถานที่ฝึกอบรม]วิปัสสนากรรมฐาน แก่ประชาชนทั่วไป ครับนานหลายปีแล้วที่ผมไม่ได้กลับไปเยือนวัดถ้ำพรสวรรค์แห่งนี้ นับจากวันออกพรรษา ผมและเพื่อนๆที่บวชอยู่ในพรรษาเดียวกัน ต่างก็แยกย้ายกันไป ชีวิตใครก็ชีวิตมัน..ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครลืมเหตุการณ์สำคัญของชีวิตไปได้หรอกครับ มันคงเป็นเรื่องความรัก ความเชื่อและความศรัทธา หรือจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ทำนองนั้น ที่เชื่อมโยงจิตใจของเราให้เข้ากันชีวิตเราเราจะเป็นอะไรก็ได้ถ้าเราให้โอกาสกับตัวเอง หากถามผมในวันนั้นผมคงตอบว่าอยากเป็นคนเก่งอาคมขลัง แต่มันก็เป็นเพียงความฝันที่เป็นไปไม่ได้ในวันนี้ เพราะทุกวันนี้
    มันมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าการได้เป็นหรือการได้ทำอะไรตามที่ฝัน...”ว่ากันว่าความฝันอันยิ่งใหญ่ ไม่ใช่การเดินทาง แต่คือจุดหมายปลายทางที่เราเชื่อและปรารถนาจะเกิดมามีชีวิตเพื่อสิ่งนั้นเหมือนกับเจตนารมย์ของหลวงพ่อครับ

    [​IMG]

    ไม่ประสงค์สิ่งใดอีกแล้วในชีวิตนี้ นอกจากได้มีโอกาสเห็นลูกศิษย์และชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข มีความสามัคคีกัน รู้จักอภัย อโหสิซึ่งกันและกัน และมีความเมตตาต่อกัน ภายใต้ร่มธงธรรมจักรแห่งวัดถ้ำพรสวรรค์นี้....เท่านั้นก็พอแล้วสำหรับหลวงพ่อ....” ....สวัสดีครับ
    กราบบูชาพระคุณของหลวงพ่อเป้า เขมกาโม
    ขอขอบคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย สำหรับข้อมูลบางส่วน เพื่อนต่อกับคำแนะนำดีดี และที่ลืมไม่ได้คุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี กับกำลังใจที่มีให้เสมอครับ

    ที่มา - http://www.oknation.net/blog/sitthi/2008/12/12/entry-1

    ขอขอบคุณนักเขียนปากกาทอง คุณศิษย์กวง เจ้าของบทความครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.7 KB
      เปิดดู:
      1,909
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.1 KB
      เปิดดู:
      1,650
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.5 KB
      เปิดดู:
      1,585
    • 12-horz-vert.jpg
      12-horz-vert.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.5 KB
      เปิดดู:
      1,900
    • 19.jpg
      19.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.4 KB
      เปิดดู:
      1,609
    • 24.jpg
      24.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.2 KB
      เปิดดู:
      1,591
    • 25.jpg
      25.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.9 KB
      เปิดดู:
      1,944
    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.1 KB
      เปิดดู:
      118
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2010
  2. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517

    _/\_ ขอบคุณครับสำหรับบทความที่นำมาให้อ่านอยู่เรื่อยๆครับ _/\_
     
  3. กำธร นครปฐม

    กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,201
    ขอบคุณครับป๋า สำหรับบทความดี ๆ อย่างนี้
     
  4. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,511
    ค่าพลัง:
    +9,015
    สาธุ...ขอบคุณนะครับที่นำบทความดีๆ มาให้อ่าน และ ทำให้ทราบว่าเหรียญที่เก็บสะสมไว้เป็นเหรียญรุ่นแรกของท่านนั่นเอง ครับ ขอบคุณครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. เมตตามหานิยม

    เมตตามหานิยม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +47
    :'( อ่านแล้วทำให้คิดถึงสมัยตอนบวชเป็นพระที่บ้านเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว คิดถึงวัด ข้อวัตรปฏิบัติ อุปัชฌาย์ พระที่บวชร่วมพรรษาที่สุด ยังจดจำและมีความสุขเสมอที่นึกถึงช่วงเวลาแห่งการครองผ้ากาสาวพัสต์นั้น..อนุโมทนาด้วยครับ
     
  6. pharm.taung

    pharm.taung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +432
    กราบหลวงพ่อครับ และขอบคุณอดุลย์มากครับสำหรับบทความดีๆ ^^
     
  7. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,511
    ค่าพลัง:
    +9,015
    ผมมีเหรียญรุ่นแรก ปี 14 ของท่านอยู่ 2 เหรียญ ด้านหลังจะมีรอยจารในร่องอักขระ เอามาให้ชมเป็นวิทยาทานครับ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 100_3425.JPG
      100_3425.JPG
      ขนาดไฟล์:
      137.4 KB
      เปิดดู:
      103
    • 100_3426.JPG
      100_3426.JPG
      ขนาดไฟล์:
      130.7 KB
      เปิดดู:
      114

แชร์หน้านี้

Loading...