ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

สาธุเห็นดวงธรรมที่สุกสว่างนี้แล้วโดยเฉพาะที่่วัดวรเชษฐ์ สักวัน ต้องมีสักวัน วัดนี้คงจะได้รับการบูรณะและปกป้องให้เป็นโบราณสถานสำคัญ(ที่สุด)แห่งชาติ วงเล็บคำว่าที่สุดไว้เพราะพูดในใจค่ะ ที่จริงโบราณสถานก็ถือว่าสำคัญทุกที่ จึงไม่สามารถเขียนคำว่าที่สุดได้ แต่ใจอยากพูดว่า ที่นี่สำคัญที่สุด ค่ะ

 

เมื่อวานคุยโทรศัพท์กับพี่ธนันชพัทธ์ เกี่ยวกับเรื่องราวในตำหนักแห่งนั้น แลกเปลี่ยนกันคุยแล้วทำให้คิดถึงพระองค์ท่านกับพระนาง คิดถึงพระโอรสและพระธิดาของพระองค์ท่านทั้งสองตอนที่ทรงพระเยาว์ พี่ธนันชพัทธ์กับทางสายธาตุเห็นตรงกันว่าที่นี่เป็นตำหนักที่สามารถเรียกว่าบ้านได้เต็มปาก home sweet home ค่ะ

-------------------------------------------------------------------------------

ขีดเส้นใต้ไว้เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ น้ำท่วมปากเกร็ด เกราะเกร็ดจมน้ำทั้งวันแล้วตอนนี้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะยิ่งแย่ไปกว่านี้หรือไม่ค่ะ

 

สำหรับที่ตั้งตำหนักหลังนั้น ในความเข้าใจของทางสายธาตุและการตามหาหลักฐานเท่าที่หาได้ ก็คงน่าจะตั้งอยู่ใกล้ๆกับวัดชุมพลนิกายารามแห่งนี้ค่ะ ตอนนี้วัดกำลังซ่อมแซมหาปัจจัยซ่อมแซมหลังคาโบสถ์ ทางสายธาตุได้รับกับหลวงเตี่ยว่าจะขอจัดกองผ้าป่ามาถวาย น่าจะราวๆปลายปีหรือไม่เกินมกราคม ตอนนี้คุณรุ้งและทางสายธาตุ ขอเป็นประธานกิตติมศักดิ์ ซึ่งบริจาคคนละ 5,000 บาท ท่านใดอยากเป็นประธานกิตติมศักดิ์เพิ่มก็เชิญได้ค่ะ คุณรุ้งบอกบุญไปทางเพื่อนร่วมงานได้เยอะแล้ว ทางสายธาตุบอกบุญไปทางบ้านตนเองได้มาอีก พี่สะใภ้ทางสายธาตุบอกบุญไปทางเพื่อนๆคงได้อีกจำนวนหนึ่ง กำลังรวบรวมรายชื่อค่ะ

ประธานกิตติมศักดิ์ ท่านละ 5,000 บาท
ประธาน ท่านละ 1,000 บาท
รองประธาน ท่านละ 500 บาท
หรือบริจาคตามกำลังศรัทธา

จะรวบรวมรายชื่อหนึ่งเดือนค่ะ แล้วจะไปวัดชุมพลนัดวันทอดผ้าป่า แล้วค่อยพิมพ์ซองค่ะ

ทำบุญครั้งนี้ร่วมกับพระมหากษัตริย์โบราณสมัยอยุธยาบูรณะวัดเก่าแก่ที่ไม่โดนพม่าเผาในสมัยเสียกรุงฯ

ประสบการณ์ลึกลับจากคำบอกเล่าของหลวงเตี่ยบอกว่า พม่ามองไม่เห็นทั้งวัดและวัง เพราะวัดชุมพลฯและพระราชวังบางปะอินเดิมสมัยอยุธยานั้น ได้รับการพรางไว้ด้วยคาถาบังไพรค่ะ

 

เรียนเชิญพี่จงรักภักดี คุณไก่เหลือง น้องโมเย คุณFort คุณศรัทธา_พิสุทธ์ คุณพี่ดอกไม้เมืองบน คุณพี่ธนันชพัทธ์ คุณพระราชมนู ร่วมบุญสร้างส่ิ่งที่สูงคือโบสถ์หลังคาค่ะ ถือว่าเป็นการสร้างโบสถ์สร้างวิหาร บุญกุศลหนุนนำแรงนะคะ ขอบอกบุญหน้ากระทู้ตรงนี้เลยนะคะ ร่วมบุญกันค่ะ

 

<TABLE id=post3964528 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>เมื่อวานนี้, 01:11 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #3052 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->krongkamons<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3964528", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Nov 2008
ข้อความ: 316
Groans: 8
Groaned at 3 Times in 3 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 6,256
ได้รับอนุโมทนา 6,170 ครั้ง ใน 1,060 โพส
พลังการให้คะแนน: 169


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3964528 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->จะมาเล่าเรื่องสมเด็จฯ ต่อค่ะ.....
เมื่อคืนมีเรื่องเฮฮา มากมาย ที่วัดสระสี่เหลี่ยม
เหมือนพวกเราได้อยู่กับสมเด็จจริงๆ....
หลังจากที่ทำวัตรเย็น เสร็จแล้ว....
ญาติโยมทั้งศาลาการเปรียญก็ได้พูดคุยกับสมเด็จฯพระนเรศ
โดยผ่านการสื่อจากแม่ชี มโนราห์ ....
....
สนุกมากเลยค่ะ หัวเราะกันเสียงดัง
มีความสุขทั้งพระ เณร ชี ชาวบ้าน รวมทั้งสมเด็จฯด้วย
น่าจะเป็นครั้งแรก ที่มีการสื่อแบบไม่ตั้งใจ เลย โดยมี...<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ขอให้เจริญทางโลกและทางธรรม<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post3964594 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead> เมื่อวานนี้, 01:29 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #3053 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->krongkamons<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3964594", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Nov 2008
ข้อความ: 316
Groans: 8
Groaned at 3 Times in 3 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 6,256
ได้รับอนุโมทนา 6,170 ครั้ง ใน 1,060 โพส
พลังการให้คะแนน: 169


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3964594 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->หลังจากทำวัตรเย็นเสร็จ ท่านครูบาฯ ก็มาทักทายคุยกัน
เล่นเกมส์ สมเด็จฯชอบทานอะไร ให้ เสนอมา 5 อย่าง
มีเงินรางวัล โดยกรองนเป็นคนแจกตังค์ อิอิอิ...
......
แย่งกันตอบเสียงดังลั่น ศาลา เลย
ทีนี้ก็ถึงคราว เฉลย แม่ชีก็ได้ ตอบตามที่สื่อกับสมเด็จฯ
แม่ชี .. แซวว่า .. โหยย อยากให้ลูกหลานในศาลาการเปรียญ
มาเห็นพระองค์เวลานี้จังเล้ย ... พระองค์ยิ้มอย่างมีความสุข
ได้ไกล้ชิด ลูกหลาน ที่ สองแคว แท้ๆ ... ครื้นเครงมาก...
....
อาหารอย่างที่ 1....ที่ทรงโปรด...
1.ปลาร้าสับ แม่ชีหันไปฟังท่านอีกรอบว่าใช่ไหม ...
แต่ต้องโรยด้วย พริก ตะไคร้ ผักชีใบเลื่อย..
2.ปลาช่อนเผา
3.ไก่ต้มน้ำปลา (ต้องเป็นตัวผู้)
4.กล้วยน้ำว้า
5.น้ำปลาร้าต้ม ใส่ปลาดุกทั้งตัว โรยพริกป่น ผักชีใบเลื่อย
6.ขนมจีนน้ำยา
7.สัปปะรด
8.ส้มโอ
9.หมากพลู
10.บายศรี 1 คู่
** พอมาถึงบายศรี ท่านพระครู แกล้งยิงมุข ฮา เอ่อออ...
ท่านมหาบพิตร อาหารโปรดพระองค์เกิน 5 อย่างแล้วนะขอรับ
**แม่ชีหันมาตอบกลั้วหัวเราะ ว่า ก็เราเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ในยาม
สงบศึกสงคราม เราเสวยตามนี้...
**เสร็จแล้วมีต่ออีก....^^
<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อ่านแล้วเห็นว่าเขียนได้น่ารักดีค่ะ อ่านแล้วยิ้ม เอามาฝากคนในกระทู้ค่ะ

เมื่อคืนนั่งคุยโทรศัพท์กับพี่โหน่ง(ธนันชพัทธ์) หนูหัวเราะตรงที่พี่บอกว่าพระนางทรงเก่งกล้าหลายอย่างแต่ว่าในด้านงานครัวกับงานบ้านเรือน ไม่ค่อยถนัด ร้อยมาลัยโย้ๆไปถวายพระมหาเถรด้วยพระหัตถ์เอง หรือทรงทำพระกระยาหารบางอย่างด้วยพระหัตถ์เอง ถวายสมเด็จฯ รสชาติดีหรือไม่สังเกตุได้ที่พระอากัปกิริยาของสมเด็จฯ พี่โหน่งเห็นพระองค์ท่านทรงเสวยเข้าไปแล้วก็ทรงนิ่งอึ้งไม่เอ่ยไม่มีสีหน้า พระนางทรงสงสัยจึงทรงตักเสวยเองบ้าง เมื่อเสวยแล้วพระนางก็ออกโอษฐ์เองว่า ดีกว่ากินดินหน่อยนึง สมเด็จฯก็ทรงรับสั่ง นั่นเจ้าบอกเองนะ .... ฟังเรื่องนี้แล้วขำกลิ้ง ขำทั้งพระองค์กับพระนาง เรื่องนี้เป็นปัจจัตตัง ต่างคนต่างรู้ เล่าสู่กันฟังค่ะ โปรดใช้วิจารณญานค่ะ

 

ยินดีที่รู้จักเช่นกันจ้ะ ขอบคุนค่ะ

 

โมทนา สาธุ สาธุ
ยินดีร่วมสร้างบุญด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ พี่ก้อจะบอกบุญทางเพื่อน ๆ พี่ด้วย

ตกลง งานนี้ผ้าป่าสามัคคี หรือ Reunion party จ๊ะคุนน้อง อิอิอิ ที่เอ่ยมาแต่ละนามอ่ะ . . . . .คนกันเองท้างน้านนนนนนน 55+++

แล้วชื่ออิชั้นน่ะ "ธนัญชพัทธ์" เจ้าค่ะ อย่าเพิ่งเปลี่ยนรออีกอึดใจ ชื่อใหม่แบบอลังการงานสร้างกะลังจะประทานมา 555555

 

อนุโมทนาจ้ะ ขออนุญาติ เปิดประมูลวัตถุมีค่าทางจิตใจเพื่อบุญด่วนอันดีนี้ ให้เฉพาะผู้ที่มีศรัทธาในสมเด็จพระนเรศวรและสมาชิกที่มีใจมอบถวายเท่านั้นจ้ะ ได้เท่าไหร่อาตมา ก็คงขอรับเท่านั้นจ้ะ

ขออนุญาติ สหายและญาติธรรมในกระทู้นี้ เปิดประมูลด่วนของ ของมีค่าน่าเก็บตามภาพ ให้เฉพาะผู้ที่มีศรัธาที่ดีและต้องการร่วมสร้างบารมีกับสมเด็จท่านเท่านั้น เพื่อหาปัจจัยฉุกเฉินในการบวชพระ และชำระหนี้สงฆ์ ให้กับร้านจำหน่ายเครื่องบริขารและสังฆภัณฑ์ ปิดรายการที่ ๑๘.๐๐ น. วันนี้ ขอบารมีพระองค์ท่านจงเป็นพยาน และช่วยอำนวยชัยให้ลุล่วงด้วยเทอญ

๑. เสาหลักเมือง (จำลอง) ของหลวงปู่โง่น สรโย เกจิอาจารย์ผุ้ที่มีความรอบรู้ ในสรรพศาสตร์ สรรพวิชาทั้งปวงที่กำเนิดมาจาก เมตตา ไมตรี กรุณา มุฑิตา อย่างแท้จริง เป็นหลักและเป็นพลังอันล้นพ้น อันนี้หลวงปู่นำมาให้โยมบิดาถึงที่บ้านพักที่ จ.ตาก สมัยนั้น

๒. เหรียญพระมาลาเบี่ยง ปี ๒๕๒๐ ด้านหน้าเป็นพระพุทธชินราช เนื้อทองแดง สภาพสวยมากเพราะเก็บอยู่ที่บ้านมา(อยู่ในหีบเหล็ก)

๓. แผ่นภาพพระพุทธชินราช พิธีบรวงสรวงใหญ่ พิธีจักรพรรดิ์ ปี ๒๕๑๕ มีติดผนังบ้านมาตั้งแต่อาตมายังมิเกิด

๔.รูปหล่อขาดห้อยคอต้นแบบ รุ่นย้ายโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม มีโค๊ต ก จัดสร้างในกลุ่ม ผู้รักและห่วงใย ศาลสมเด็จ เพียง ๙๙ องค์

๕. พระบูชาพระพุทธชินราช ปี ๒๕๐๐ เข้าพิธี ปลุกเสกพระกริ่งวังจันทร์ ปี ๐๗ รุ่นโด่งดัง

๖.เหรียญหลวงพ่อภูหางแมงป่อง วัดท่าฬ่อ (เลี่ยมทองคำแท้เป็นทองเก่าโบราณจาก ญาติธรรมผู้ล่วงลับไปก่อนอาตมาจะเกิดเสียชีวิตในพระราชวังจันทร์ขณะศึกษาที่นั่น)

วัตถุมงคลที่ระลึกนี้นั้น เป็นของที่อาตมาและบิดาบูชาใว้ ด้วยความศรัทธาและเคยหวงแหน

แต่บัดนี้ ความยึดติดใดๆคงไม่มีแล้ว อยากขอความร่วมมือช่วยกันประมูล ก่อน ๑๘.๐๐ น วันนี้ อาตมามีความจำเป็นต้องชำระหนี้ของสงฆ์ และเพื่อบุญงสนบวชพรุ่งนี้ และต่อๆไป
ขอเรียนเชิญ........เริ่มเปิดราคาประมูลตามใจของผู้มีจิตเมตตาได้เลยจ้ะ หากมีผู้ที่สนใจประมูลแล้ว อาตมาอาจปิดก่อนเวลา และแจ้วให้ทราบ หรือหากไม่มีใครสนใจอาตมา จะนำเก็บใว้ตอบแทนญาติธรรมผู้มีน้ำใจต่อไป

ได้เท่าไหร่ก็ขอรับเท่านั้นจ้ะ

ขอเชิญเริ่มประมูล




<!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- attachments -->

 

อ้าวอาตมาลืมอัพโหลดภาพ รอสักครู่หรือไปดูกระทู้อื่นของอาตมาก่อนได้จ้ะ

เพิ่มเติม ภาพพระพุทธชินราช พิธีจักรพรรดิ์ จ้ะ

 

ขอช่วยกัน ประมูลโดย ตั้งกระทู้ตอบ และส่งพีเอ็มแจ้งอาตมาจ้ะ เพื่อบุญอันไพศาล

(ได้เท่าไหร่ ก็เท่านั้นจ้ะ) ประมูลรวมทุกชิ้นราคาเดียวจ้ะ ไม่แยก

รายการที่๖ เป็นทองคำแท้ๆจ้ะตั้งแต่ สมัยทองบาทละไม่ถึง ๔๐๐๐ จ้ะ ใช้ทองมากเป็นพิเศษ

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่าน ครับ

....จากธรรมใน มหาสติปัฎฐานสูตร ในส่วนของ จิตตานุปัสสนาสติปัฎฐาน พอจะสรุปได้ความว่า

เมื่อจิตมีกิเลสเกิดขึ้น ก็ให้รู้ชัดว่าจิตมีกิเลส ดังนั้นคนเมืองที่แต่ละวันจิตมีกิเลสอยู่เรื่อยๆ หากสามารถรู้ชัดต่อจิตที่มีกิเลสได้บ่อยๆ ก็เท่ากับได้ปฏิบัติธรรมบ่อยๆ โดยไม่ต้องหลบไปอยู่ตามป่าตามเขาก็ได้

ปัญหาสำคัญของผู้เริ่มต้นคือ การรู้ชัดจิตที่มีกิเลสนั้นเป็นอย่างไร หรือทำอย่างไรจึงจะรู้ชัดจิตที่มีกิเลสได้ เพราะโดยหลักการแล้ว จิตที่เคยหลงเพลิดเพลินกับกิเลสมานานเท่าไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆจะสามารถมารู้ชัดจิตที่มีกิเลสได้ทันที โดยเฉพาะหากไม่เคยได้ฝึกสติ-รู้สึกตัวมาก่อน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะฝึกกันไม่ได้ จะต่างกันก็ตรงที่จะฝึกให้ได้ผลย่อมต้องใช้เวลาที่ไม่เท่ากัน

การฝึกสติ-รู้สึกตัวด้วยการสังเกต (รู้สึก )จิตที่มีกิเลสนี้ มีหลักอยู่ว่า เมื่อเกิดจิตมีกิเลสขึ้นแล้ว (ต้องเกิดจิตมีกิเลสขึ้นก่อน) ก็ให้สังเกต (รู้สึก) จิตที่มีกิเลสไปสบายๆ ไม่ต้องมีการกระทำทางใจอะไรมากกว่าสังเกต (รู้สึก) (ส่วนทางกาย จำเป็นต้องมีความสำรวมกาย วาจา หรือให้รักษาศีลไว้ เพื่อไม่ให้มีการแสดงออกที่เป็นการก่อบาปกรรม ก่ออกุศลขึ้น)

เมื่อสังเกต(รู้สึก)จิตที่มีกิเลสไปสบายๆ แล้วก็ไม่ต้องคาดหวังว่า กิเลสต้องดับไป ไม่ต้องแทรกแซงให้กิเลสดับ ปล่อยให้สภาวะธรรมที่เป็นกิเลสนั้นเป็นไปตามเหตุปัจจัยของมัน

ถ้ากิเลสจะดับ ก็ให้ดับเพราะหมดเหตุปัจจัย หากกิเลสไม่ดับ ก็ให้สังเกต(รู้สึก)จิตที่มีกิเลสต่อไปสบายๆ แต่ถ้าการสังเกต(รู้สึก) จิตที่มีกิเลสดำเนินไปได้อย่างเป็นกลาง จิตที่มีกิเลสจะดับลงไปเองในทันทีที่เกดสติ-รู้สึกตัว

แหล่งที่มา : "ฝึกสติ-รู้สึกตัว ธรรมไม่ยาก" โดย สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา

.......................................

อนุโมทนา สาธุ นำมาฝากกันครับ

 

หนุกหนานเลยพี่โหน่ง ถ้าเจอคนที่เคยทำงานรับใช้ ข้ารองพระบาทที่ทำหน้าที่อยู่แถวนั้นมาร่วมกันอีกครั้ง หนุกหนานๆ

หนูว่านอกจากนางสนองพระโอษฐ์ ขอเรียกให้หรูหน่อยนะคะ ก็อายุอานามสาวรุ่นๆกันทั้งนั้น นอกนั้นมันจะเป็นพวกเด็กเล็กอายุไล่ๆพระโอรส พระธิดาพระองค์ท่านเป็นส่วนใหญ่เพราะที่นี่เหมือนสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า พ่อแม่ไปออกรบพาลูกๆมาถวายฝากไว้ในอุปการะของพระนางแล้วก็ไปรบ ได้กลับมาบ้างไม่ได้กลับมาบ้าง พวกพ่อแก่แม่แก่ที่หง่อมแล้วออกรบไม่ไหวก็เยอะ มาอยู่รวมกันที่นี่หลายร้อยคน นอกนั้นก็จะเป็นทหารของสมเด็จฯที่ให้มารักษาความปลอดภัย ทหารนอกเครื่องแบบ นุ่งห่มแบบชาวบ้าน Reunion ครั้งนี้จะได้เจอกันอีกมากน้อยแค่ไหนหนอ

 

อย่างนี้ก็ถือว่าได้ปฎิบัติธรรมแล้วหรือคะพี่ หนูฝึกตามความคิดตัวเองอยู่ค่ะ บางทีตามความคิดไม่ทัน ความคิดมันตกตะกอนเป็นความวิตกไปแล้ว ก็ต้องมาพิจารณความวิตกว่าเกิดจากเหตุใด ถึงจะสาวถึงต้นเหตุว่าเกิดจากความคิดอะไร แล้วดึงเรื่องที่คิดนั้นมานั่งคิดพิจารณหาทางออกอีกที ทีนี้หนูจะใช้ปรัชญาฝรั่งของเดล คาร์เนกีมาประกอบว่า ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ ซึ่งที่เลวร้ายที่สุดจะเป็นอย่างไร เสียหายแค่ไหน แล้วทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นหากเลวร้ายที่สุด ตรงนี้จะทำให้หายวิตก พอหายวิตกแล้วจิตมันก็ผ่องใสขึ้น ค่อยหาวิธีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นตามสติกำลังของตนเองต่อไป

อย่างนี้จะเปรียบได้เหมือนการปฎิบัติธรรมในความหมายเดียวกับบทความที่พี่จงรักภักดีเสนอมาหรือไม่คะ

 

"บางทีตามความคิดไม่ทัน " ลองอ่านตรงนี้อีกครั้งนะครับ "ก็ให้สังเกต(รู้สึก)จิตที่มีกิเลสสบายๆ ไม่ต้องมีการกระทำทางใจอะไรมากกว่าสังเกต(รู้สึก) (ส่วนทางกายจำเป็นต้องมีความสำรามกาย วาจา หรือให้รักษาศีลไว้ เพื่อไม่ให้มีการแสดงออกที่เป็นการด่อบาปกรรม ก่ออกุศลขึ้น)

จำได้ว่าหลวงพ่อเทียนท่านกล่าวว่า "คิดเหมือนหนู รู้เหมือนแมว" นัยนี้คุณทางสายธาตุคงเข้าใจนะครับ ลองหาธรรมของท่านมาอ่านดูนะครับ

การที่ตามความคิดไม่ทันอาจเป็นเพราะเราหลุดจากสติคือเป็นหลงนั่นเอง เมื่อเรารู้ตัวกลับมาคิดใหม่ก็กลายเป็นเรื่องอดีตซึ่งก็คือการหลงอีกนั่นเอง เราถึงต้องอยู่กับปัจจุบัน(ให้ได้)ไงครับ ทำไปบ่อยๆ สติก็จะเกิดขึ้นเองเราไปบังคับให้เกิดไม่ได้ พระอาจารย์ทั้งหลายท่านกล่าวไว้ว่าสติจะเกิดเมื่อจิตจำสภาวะได้

 

พระมหากรุณาฯล้นพ้น'ทฤษฎีแก้น้ำท่วม'

วันศุกร์ ที่ 29 ตุลาคม 2553
สมบัติล้ำค่ายิ่งของไทย

พระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อพสกนิกรไทยใต้เบื้องพระยุคลบาท เป็นที่ประจักษ์ชัดมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งกับสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในหลายพื้นที่ที่เกิดขึ้นในปีนี้ แม้พระองค์จะยังทรงประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช แต่ก็ทรงเปี่ยมพระเมตตา ทรงติดตามสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น และพระราชทานแนวพระราชดำริแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน

“ได้น้อมรับพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงสถานการณ์น้ำ” ...เป็นการเปิดเผยของทางกรมชลประทาน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งก็สะท้อนชัดเจนถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อพสกนิกรไทย โดยเฉพาะกับ “ปัญหาเรื่องน้ำ” น้ำท่วม-น้ำแล้ง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจนปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระเมตตาพระราชทานแนวพระราชดำริเพื่อการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำมาโดยตลอด ซึ่งรวมถึง ทฤษฎีการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามแนวทาง การบริหารจัดการด้านน้ำท่วมล้น (Flood Management) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการที่แสดงถึงสายพระเนตรที่ยาวไกล พระปรีชาสามารถ และพระมหากรุณาธิคุณ ต่อพสกนิกรไทย

สำหรับทฤษฎีดังกล่าวนี้ ข้อมูลของมูลนิธิชัยพัฒนาอธิบายไว้ดังนี้คือ เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตมรสุม มีฝนตกชุกและปริมาณน้ำฝนสูง จึงเกิดปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่เกือบทุกภูมิภาค พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระปริวิตกห่วงใยในปัญหาที่เกิดขึ้น ทรงวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ที่ประสบปัญหา และทรงคำนึงถึงการเลือกใช้วิธีการต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพท้องที่และเจ้าหน้าที่ ด้วยวิธีการต่าง ๆ

อาทิ... การก่อสร้างคันกั้นน้ำ ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมแต่โบราณ โดยก่อสร้างคันดินกั้นน้ำขนาดที่เหมาะสมขนานไปตามลำน้ำห่างจากขอบตลิ่งพอสมควร เพื่อป้องกันมิให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ ต่าง ๆ ด้านใน เช่น โครงการมูโนะและโครงการปิเหล็งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นราธิวาส, การก่อสร้างทางผันน้ำ เพื่อผันน้ำทั้งหมดหรือบางส่วนที่ล้นตลิ่งให้ออกไป โดยก่อสร้างทางผันน้ำหรือขุดคลองสายใหม่เชื่อมต่อกับลำน้ำที่มีปัญหาน้ำท่วม โดยให้น้ำไหลไปตามทางผันน้ำที่ขุดขึ้นใหม่ไปลงลำน้ำสายอื่น หรือระบายออกสู่ทะเลตามความเหมาะสม เช่น การแก้ไขปัญหาจากแม่น้ำโกลกที่ใช้การขุดคลองมูโนะเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมไร่นา.....

 

...การปรับปรุงและตกแต่งสภาพลำน้ำ เพื่อให้น้ำที่ท่วมทะลักสามารถไหลไปตามลำน้ำได้สะดวก หรือช่วยให้กระแสน้ำไหลเร็วยิ่งขึ้น เพื่อบรรเทาความเสียหายจากน้ำท่วมขัง โดยใช้วิธีการดังนี้คือ ขุดลอกลำน้ำตื้นเขินให้น้ำไหลสะดวกขึ้น ตกแต่งดินตามลาดตลิ่งให้เรียบมิให้เป็นอุปสรรคต่อทางเดินของน้ำ กำจัดวัชพืช และรื้อทำลายสิ่งกีดขวางทางน้ำไหลให้ออกไปจนหมดสิ้น ขุดคลอง ใหม่ในกรณีลำน้ำคดโค้งมาก, การก่อสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำ เป็นมาตรการป้องกันน้ำท่วมที่สำคัญประการหนึ่งในการกักเก็บน้ำที่ไหลท่วมล้นในฤดูน้ำหลาก ซึ่งปัจจุบันมีการดำเนินการตามพระราชดำริมากมายหลายแห่ง ทั้งนี้ การป้องกันน้ำท่วมใหญ่นั้น ขณะนี้มีการดำเนินการหลายจุด อาทิ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสักอันเนื่อง มาจากพระราชดำริ, โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ, โครงการพัฒนาลุ่มน้ำนครนายกตอนบน จ.นครนายก

สำหรับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ และปริมณฑลตามพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแนวพระราชดำริให้มีระบบการบริหารจัดการน้ำ ด้วย โครงการ “แก้มลิง” ชักน้ำให้รวมกันแล้วเก็บไว้ในจุดพักน้ำอันเปรียบได้กับแก้มลิง แล้วจึงระบายน้ำลงทะเลเมื่อปริมาณน้ำทะเลลดลง

ขยายความคือ... 1. ดำเนินการระบายน้ำออกจากพื้นที่ตอนบนให้ไหลไปตามคลองในแนวเหนือ-ใต้ ลงคลองพักน้ำขนาดใหญ่ที่บริเวณชายทะเล ซึ่งทำหน้าที่เป็นบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2. เมื่อระดับน้ำทะเลลดต่ำลงกว่าระดับน้ำในคลอง ก็ทำการระบายน้ำจากคลอง ออกทางประตูระบายน้ำโดยใช้หลักทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของโลกตามธรรมชาติ 3. สูบน้ำออกจากคลองที่ทำหน้าที่แก้มลิง ให้ระบายออกในระดับต่ำที่สุดออกสู่ทะเล เพื่อจะได้ทำให้น้ำตอนบนค่อย ๆ ไหลมาเองตลอดเวลา ส่งผลให้ปริมาณน้ำท่วมพื้นที่ลดลง 4. เมื่อระดับน้ำทะเลสูงกว่าระดับน้ำในลำคลอง ก็ทำการปิดประตูระบายน้ำเพื่อป้องกันมิให้น้ำย้อนกลับ โดยยึดหลักน้ำไหลทางเดียว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริเพื่อให้การระบายน้ำท่วมออกทะเลทำได้เร็วขึ้น อาทิ โครงการแก้มลิงแม่น้ำท่าจีนตอนล่าง ควบคุมน้ำในแม่น้ำท่าจีนโดยเปิดระบายน้ำจำนวนมากลงสู่อ่าวไทยเมื่อระดับน้ำทะเลต่ำ ปิดกั้นไม่ให้น้ำจากด้านท้ายน้ำไหลรุกล้ำเข้าไปในแม่น้ำเมื่อน้ำทะเลมีระดับสูง ซึ่งนอกจากช่วยบรรเทาน้ำท่วมให้พื้นที่บางส่วนทางตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ยังช่วยป้องกันการรุกล้ำของน้ำเค็มเข้าสู่แม่น้ำท่าจีนช่วงฤดูแล้ง สามารถนำน้ำไปใช้ประโยชน์ทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรม และอุปโภคบริโภค

พระราชดำริแก้ปัญหาน้ำ...คือสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งของไทย

ประดุจน้ำทิพย์...ที่ดับทุกข์เข็ญให้คนไทยมาโดยตลอด

โดยมิมีการแบ่งแยก...ว่าเป็นทุกข์คนไทยหมู่เหล่าใด!!.


ขอขอบคุณ: Daily News Online > หน้าการเมือง > สกู๊ปหน้า 1 > พระมหากรุณาฯล้นพ้น'ทฤษฎีแก้น้ำท่วม'



ด้วยพระปรีชาสามารถและสายพระเนตรอันยาวไกล เป็นพระมหากรุณาธิคุณของพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย จะประทับตราตรึงอยู่ในดวงหทัยของทวยราษฎร์ใต้เบื้องพระยุคลบาทตราบชั่วนิจนิรันดร์

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เรื่องที่น่าสนใจกว่า “ค่าเงินหยวน” ของจีน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>14 ตุลาคม 2553 16:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


....นักวิเคราะห์มองว่า ขณะนี้ธงแห่งการพัฒนาประเทศของจีนเริ่มเปลี่ยนทิศ เมื่อจีนกำลังเริ่มภารกิจที่ท้าทาย เช่น การยกระดับตนเองเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าที่จะต้องอาศัยศักยภาพ และทักษะที่สูงขึ้นกว่าเดิม

พูดง่ายๆ ก็คือ ยกระดับจาก “โรงงานผลิตของโหล” มาเป็นแหล่งผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ และมากคุณค่าขึ้นกว่าเก่า และนั่นก็ทำให้จีนต้องหันมาเริ่มการลงทุนใน “ทรัพยากรบุคคลให้มากขึ้น” รูปแบบเดียวกับที่ครั้งหนึ่งจีนเคยทุ่มงบสร้างถนนหนทางอย่างเอาเป็นเอาตายมาแล้ว

นักวิเคราะห์ท่านเดียวกันนี้บอกว่า อันที่จริงแล้ว การทุ่มงบด้านการศึกษาของจีน เริ่มมีสัญญาณมาตั้งแต่ ปี 2541 เมื่อเริ่มมีการลงทุน ขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับประชาชน ด้วยงบประมาณจำนวนมาก และในทศวรรษต่อจากนั้นก็เริ่มเห็นตัวเลขสถานศึกษา และวิทยาลัยที่ผุดขึ้นในจีนในปริมาณที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว

ขณะที่จำนวนนักศึกษาที่เข้าสู่การเรียนรู้ในรั้วมหาวิทยาลัยของจีน ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าจากเดิมเมื่อปี พ.ศ. 2540 มีเพียงระดับ 1 ล้านคน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 5 ล้าน 5 แสนคน ในปี 2550 ซ้ำจีนยังหันไปจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำ 9 อันดับแรกของประเทศ จัดกลุ่มและหมวดหมู่คล้ายไอวี่ลีก หรือกลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชนระดับแถวหน้า 8 แห่งของสหรัฐฯ ที่ผลิตบัณฑิตระดับหัวกะทิออกสู่สังคมตลอด 75 ปีที่ผ่านมา

มหาวิทยาลัยในจีนกำลังเร่งพัฒนา ในช่วงที่สถาบันการศึกษาในสหรัฐฯ และยุโรปกำลังติดกับดักวังวนผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้งบประมาณในหลายๆ ด้านหดหายไปด้วย ถึงขนาดที่ ริชาร์ด เลวิน ประธานมหาวิทยาลัยเยล เอ่ยปากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาด้วยความตกใจว่า จีนกำลังสร้าง “ภาคส่วนของสังคมการเรียนรู้ และการศึกษาขั้นสูงที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทำให้มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด ในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี”

สุดท้ายการลงทุนด้านการศึกษาจะให้อะไรกับจีนบ้าง นี่คือคำถามบทความที่อ้างถึงนี้ได้ตั้งไว้ โรเบิร์ต โฟเกล นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบิล จากมหาวิทยาลัยชิคาโกบอกว่า แรงงานมีทักษะฝีมือ มีโอกาสจะทำให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างยั่งยืนได้ และมีโอกาสทำให้จีดีพีของจีนเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 123 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2040 ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ในอีกไม่กี่สิบปีหรืออาจจะไวกว่านั้นก็ได้ จีนกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็น มหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งแซงหน้าสหรัฐฯ แล้ว

สิบยี่สิบปีสำหรับการพัฒนาโครงสร้างประเทศ กับสิบปีสำหรับพัฒนาคน กำลังทำให้จีนประเทศเพื่อนบ้านทางตอนเหนือของไทยไปไกลโขทีเดียว....

Daily News - Manager Online - ����ͧ������ʹ㨡��� ������Թ��ǹ� �ͧ�չ


เรื่องของพญามังกร (อีกแล้ว ) เรื่องนี้น่าสนใจนะครับ การยกระดับเป็นประเทศผู้ผลิตจะต้องอาศัยศักยภาพ และทักษะที่สูงขึ้นกว่าเดิม จีนจึงได้ทุ่มงบด้านการศึกษาซึ่งเริ่มมีสัญญาณมาตั้งแต่ ปี 2541 เริ่มมีการลงทุน ขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับประชาชน ด้วยงบประมาณจำนวนมาก

 

^_^ ทางสายธาตุจะไม่เขียนอะไรให้ออกนอกร่องนอกรอยมากนัก ที่เขียนไปนั้นเพื่อตามหาเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขที่เคยเจอกันมาสมัยนั้น อย่างน้อยทางสายธาตุก็ไม่ได้เพ้ออยู่คนเดียวอย่างที่ผ่านมา ที่มักจะบอกว่าตำหนักหลังนั้นเป็นเรือนไทยขนาดใหญ่ เป็นตำหนักที่มีกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน และกลิ่นหอมอบอวลทั่วบริเวณยังมาจากไม้หอมรอบๆพระตำหนักอีกด้วย พูดไปก็ไม่มีใครเห็นเหมือนเราในตอนโน้น แต่ตอนนี้อย่างน้อยก็อุ่นใจว่าเริ่มมีคนเห็นพระตำหนักหลังนี้แล้ว อย่างน้อยที่วัดท่าใหม่อิได้จำลองเรือนไทยไว้แล้วเขียนว่า เรือนพระนางมณีจันทร์ตั้งอยู่ในอยุธยาไว้ที่ศาลาสักการะพระนางเธอ ก็พอเป็นกระสายในการแสดงออกถึงความดีใจที่ไม่ได้เพ้อเรื่องนี้อยู่คนเดียวค่ะ และขอยุติเรื่องที่รู้ได้ก็รู้ได้เฉพาะตนอันไปเกี่ยวเนื่องกับพระนางไว้แต่เพียงเท่านี้ค่ะ

ป.ล.ขอออกตัวนิดหนึ่งไว้ก่อนว่า ในอนาคตหากได้เจอผู้ที่จำได้เกี่ยวกับพระตำหนักหลังนี้ได้อีก ทางสายธาตุไม่รับปากว่าจะเงียบนะคะ เพราะมันดีใจเราไม่ได้เพ้อเจ้ออยู่คนเดียว ... โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านค่ะ