ขอคำแนะนำครับ สำหรับคนปฏิบัติธรรมแต่มีแฟนครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย prayut.r, 16 ตุลาคม 2010.

  1. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ถูกต้องที่สุด เพราะมันเป็นธรรมชาติไง และทางออกที่ดีที่สุดที่ไม่ต้องไปสร้างความเดือดร้อนนั้นมีทางเดียวเว้นเสียว่าจะเห็นสัจธรรมนั้นอย่างถ่องแท้จริงๆ แต่คิดว่าเป็นไปได้ไหมละท่านรอดมีเด็กแบบนั้นผมตีให้แสนละหนึ่งแล้วกันนะถ้ามี มันจึงต้องฝึกสร้างสติและรู้ให้ได้ก่อนว่าในตนของตนนั้นมีอะไรกันแน่ ส่วนอะไรที่ทำให้ฮอโมนต์ขึ้นละครับมันก็ธรรมชาติเช่นกันแต่การเกิดขึ้นของธรรมชาตินี้หากคุณสังเกตดีๆ จุดนั้นแม้ว่าคุณหรือใครๆจะบอกก็ไม่ได้คิดได้สนใจมันเป็นเองมันเกิดของมันเอง แต่แท้ที่จริงในจิตของวัยรุ่นนั้นมีการสั่งสมบางอย่างอันเป็นข้อมูลอยู่ภายในผมเรียกมันว่าความสงสัย มันเลยเป็นอย่างที่คุณกล่าวนั่นแหละ คุณนี่แบบแปลกๆ จะอายทำไมกันครับนี่มันเป็นเรื่องธรรมชาติล้วนๆ ใครๆก็มีได้ทั้งนั้นหากต่างกันที่ใครสามารถยับยั้งพระสัทธรรมใครจะเห็นได้มากได้น้อยนั้นขึ้นกับการพินิจพิจารณาเช่นกันครับ
    อนุโมทนาครับ อย่าอายไปเลยหากเข้าใจมันไม่มีอะไรน่าอายเลยจริงๆ
     
  2. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
     
  3. badjoize

    badjoize เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +293
    อ่านไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นการว่ากันต่างๆนานา ไม่ใช่เป็นการให้กำลังใจ หรือแนะแนวทาง

    การโพสแบบนี้ไม่ได้บุญนะครับ เผลอๆอาจจะมีบาปแถมไป อย่าได้คิดเคื่อง ในคำกล่าว

    อย่าได้ย่ำเขาเวลาล้ม อย่าได้ถ่มน้ำลายลดกัน โปรดจงพูดคุย ปรึกษา และให้ข้อคิดกันดีดี

    อย่าใช้ซึ่งอารมณ์เลยครับ...ขออนุโมทนา...สาธุ
     
  4. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ขอบพระคุณครับ อนุโมทนาด้วยครับ
     
  5. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +161
     
  6. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
     
  7. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    เดี้ยวจะหาว่าใส่อารมณ์อีกมีอารมณ์อีก ผมอนุโมทนาในความหวังดีของคุณรอดมีเช่นกันครับอนุโมทนาเป็นอย่างสูงในการจะแนะนำตักเตือนผมเกี่ยวกับศีล
    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  8. love_ucool

    love_ucool สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    ช่างมันเถอะครับ เฮ้ย ช่างมันได้ไง (พูดเพ้อเจ้อ ผิดศีลซะและ - -)

    ผิดศีลมันง่ายงี้เลยหรอเนี๊ย 55+
    อย่าคิดมากเลยครับ
    เกิดมาเป็นคน
    ร่างกายเรากำหนดมาเองอ๊ะ
    เกิดมีมีต่อมไพเนียลที่ทำหน้าที่สืบพันธ์มาแล้วนี่นา -0-

    ผู้หญิงมีฮอร์โมนโปรเจนเตอโรนกับเอสโตรเจน ผุ้ชายมีฮอโมนเทสโทสเตอโรน
    นอนหลับเวลากลางคืน ทานอาหารครบ แค่นี้ก็มีความต้องการทางนั่น - -แล้วล่ะครับ(สำหรับพวกเจริญพันน่ะ 55+)

    ผมยังตบยุงเลย พูดจาผิดก็มี 2ข้อเท่ากันแล้วน้า 555+
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    หากมีครอบครัว ไม่ทำการบ้าน รอผัวหรือเมียมีชู้ มีแฟนยังพอว่า แต่ไม่ทำตามใจเขา จะมีทำไม ไม่ดึงไปถ่วงเขาไว้ทำไม ปล่อยไปตามทางของเขา เราก็ไปตามทางของเรา
     
  10. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ศีลข้อสาม หมายถึงผิดผัวผิดเมียผู้อื่น หากเป็นศีล 8 หมายถึงเว้นวันหนึ่งกับคืนหนึ่งดังที่สมาทานนั่น
     
  11. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    อานิสงค์ของศีล คือ เป็นผู้มีสติระลึกรู้ ละได้ซึ่งความโกรธ โลภ หลง เป็นผลให้เกิดพรหมวิหารธรรม อันมีเมตตาเป็นที่ตั้ง ดังเช่น พระศาสดาทรงสอนคนที่หลงผิดทั้งในอดีตและปัจจุบันมากมาย นับไม่ถ้วน นั่นเพราะพระมหาเมตตากรุณา แห่งพระองค์อันเกิดจากความบริสุทธิ์แห่งศีลของพระองค์ และผมขอกล่าวดังนี้ว่า ให้พิจารณาธรรมของพระศาสดา เพราะพระศาสดาประกาศพระสัทธรรมไว้ ยังไม่สิ้นสุด ยังมีพระอริยะสงฆ์สาวกเป็นอันมาก อย่าได้หลงในวาจาของผมขอท่านทั้งหลายจงได้พิจารณาธรรมและยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เถิด
    อนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับท่านรอดมี
     
  12. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    หน้าที่ กับ ความหลง-ยึดติด ต่างกันนะครับ

    *พระโสดาบัน อย่าง นางวิสาขา มีลูกถึง 20 คน
    ก็ไม่เห็นคุณธรรมใดๆจะลดน้อยลงเลย
    ถ้าคุณมีอะไรกับ แฟน แต่คุณสามารถแยกหน้าที่ กับความยึดมั่นในอารมณ์ของกามได้ คุณก็จะมีคู่ จะครองเรือนได้ตามปกติ จนกว่าคุณจะเป็น พระอนาคามี กับ พระอรหันต์

    *นาง+++จำชื่อไม่ได้ เป็นพระโสดาบัน จัดเตรียมอุปกรณ์ล่าสัตว์ให้ สามีที่เป็นนายพราน
    ทุกๆวัน พระพุทธเจ้า ทรงบอกว่า ไม่ผิดคุณธรรมของ โสดาบัน เพราะกระทำด้วยความมีหน้าที่ ของ ภรรยา แต่จิตของนาง ไม่เป็นไปเพื่อความเบียดเบียนในสัตว์นั้นๆ

    เอา2อย่างนี้มาเทียบเคียงดูนะครับ เพื่อจะทำให้ สบายใจได้บ้างนะครับ
     
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เวลาจะวัดคุณธรรม เรื่อง กามารมณ์เพศรส อย่าไปวัดกันแบบติดบัญญัติแบบปุถุชนครับ

    คือ อย่าไปเอาเรื่องราวขันไม่ขัน การเสพ หรือแม้แต่ ความพึงใจ มาวัด อย่าไปโดน
    ภาพที่เข้ากับเรื่องราวมันหลอกตา ทำให้ตั้งธงชี้วัดผิดวิปลาสกันไป

    ต้องทำความเข้าใจมาให้ถูกครับว่า สมมติว่า พระอนาคามีท่านละกามได้ อันนี้ท่าน
    อาศัยการกำราบกิเลสตัวไหนเป็นประหานะ

    ท่านไม่ได้กำราบ โลภะ ราคะ นะครับ สิ่งที่ท่านทำได้ กำราบได้คือ โทษะ ต่างหาก

    ดังนั้น เวลาคุณจะตั้งเครื่องมือชี้วัดเรื่อง กามราคะว่า มีหรือไม่มี มากหรือน้อย ให้วัด
    ที่.....


    ความขัดเคืองใจ ความไม่พอใจ เป็นหลักแทน

    เช่น

    ตื่นเช้ามา เจอแสงอาทิตย์ส่องหน้า คุณหยีตาทั้งสองข้างไหม หรือว่าหลับข้าง
    นึงแล้วลืมตาโพลงอีกข้างนึง หรือ ว่าลืมตาโพลงได้ทั้งคู่ รอจนกว่าภาพมันจะ
    ชัดของมันเอง .... ถ้าอาการหยีตาเนื่องจากขัดเคืองในแสงนวลๆยามเช้ามีเท่าไหร่
    ก็ให้เอาอันนั้นมาวัดครับว่า มีโทษะความขัดเคืองอยู่เท่าไร

    อันนี้เป็นตัวอย่าง คุณสามารถประยุกต์ดู ความขัดเคืองใน ในทุกๆสิ่งที่อยาตนะ
    ของคุณเข้ากระทบ คุณแสดงอาการไหลตาม ความขัดเคือง มากน้อยแค่ไหน

    มากเท่าไหร่ ก็มี กามารมณ์ทางเพศ มากอยู่เท่านั้น

    และถ้า ความขัดเคืองอันเกิดจากผัสสะกระทบ เหลือเพียง มโนธรรม หรือ
    ความนึกคิดหรือข้อธรรมเท่านั้นที่ก่อให้เกิดความ ขัดเคืองใจ ได้ ก็ค่อยว่า
    กันอีกทีว่า กามารมณ์มีหรือไม่มี(ค่อยขึ้นสังเวียนชี้วัด ชกให้ตรงรุ่น)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2010
  14. Nefertity

    Nefertity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +634
    ปฏิบัติธรรมกับการละกาม



    ขออนุโมทนากับคุณ prayut.r ที่มีศัทธาปสาทะในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าถึงเพียงนี้ จากที่ได้อ่านปัญหา จึงได้เข้าใจปัญาหอย่างเดียวกันนี้ทุกท่าน และจะขอโอกาสแสดงความแตกต่างให้ทุกท่านได้เห็นว่าการปฏิบัติสมาธิ ให้ผลเป็นความสุข และด้วยกำลังแห่งปิติในฌาณ สามารถข่มกามฉันทนิวรณ์ พยาปาทนิวรณ์ ได้แบบชั่วครู่ (ซึ่งในการเจริญฌาณครั้งหนึ่งๆจะสามารถลดกามารมณ์ได้นานต่อเนื่อง 7 วัน หากไม่ถูกกระทบจากระคะภายนอก) เพราะจิตอิ่มจากปิติที่ความสุขในโลกมิอาจให้ได้ นั่นก็อาศัยศีลในระดับเบญจศีลเท่านั้น กาเมสุมิจฉาจาร ข้อนี้มุ่งหมายถึงการล่วงประเวณีต่อผู้อื่นที่นอกเหนือจากคู่ของตน หรือบุรุษ/สตรีที่ต้องห้าม แล้ว ไม่มีอรรถาธิบายที่ไหนเลยว่าเป็นการเว้นขาดจากการเสพกาม ในศีลวรรค คัมภีร์วิสุทธิมัคค์ กล่าวจำแนกศีลซึ่งเหมาะควรแก่ปุถุชน และอริยบุคคลเบื้องต่ำ 3 โดยแบ่งตามบริษัทแปดตามลำดับ ซึ่งกัลยาณปุถุชนตั้งความปราถนาเพื่อความเป็นพระโสดาบันบุคคล และผู้ปราถนาความเป็นพระสกิทาคามิบุคคล 2 จำพวกนี้ อาศัยความบริสุทธิ์ในเบญจศีล ต่างกันตรงความมั่นคงแห่งศีลเท่านั้น ส่วนศีล 8 เหมาะแก่ผู้แสวงความดับทุกข์ ปราถนากระทำฌาณอภิญญา มรรค ผล เพื่อความเป็นพระอนาคามิบุคคลจึงประพฤติศีล 8 สำหรับผู้บวชเป็นสามเณรหรือสามเณรีก็เหมาะกับศีล 10 และยังมีศีลพระภิกษุ กับศีลพระภิษุณีอีกต่างหาก จึงจำแนกให้ผู้ถามได้เห็นว่า เมื่อปราถนาส่วนไหน ก็เลือกประพฤติศีล คือเหตุที่เหมาะสมกับผลที่จะได้รับนั้นๆ แต่ถ้าคุณยังไม่ได้เป็นพระอริยะแม้ขั้นต้นเลย การถือศีล 5 ก็เหมาะแล้ว แต่หากต้องการฌาณอภิญญา ก็ค่อยสมาทานศีล 8 แต่ถ้าปราถนาถึงพระอริยบุคคลเบื้องต่ำทั้ง 3 และประกอบด้วยฌาณ อภิญญา จึงควรเพิ่มเป็นขั้นศีลบารมี นั่นคืออุโบสถศีล ซึ่งมีผลและอานิสงค์มากกว่าการสมาทานศีล 8 ตามธรรมดา ค่อยเป็นค่อยไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2010
  15. Amoxcycol

    Amoxcycol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +65
    คุณถือศีล 5 ข้อกาเม จะผิดได้อย่างไง ถ้าอยู่กับแฟนคุณคนเดียวแบบผู้ใหญ่รู้เห็น
    ถ้าไม่รู้เห็นคือผิดล่ะนะ คุณ

    ที่ว่าอารมณ์หายไปเพราะมันหดหู่อ่ะจิเนอะมันจะหายได้ก็ระดับพระอานาคามี
    ไม่แน่นะ คุณอาจจะเกิดอาการgolden agerแบบมันก่อนวัยอันสมควร
    เพราะเกิดจากความเครียด แต่ไม่รู้เพราะมันสะสม จนตกตะกอนไงล่ะ
    ดูดีดีแล้วกันนะ พระภิกษูยังต้องพิจารณาศพสาวเปลือยเลย เลยมาอุทานว่า
    โอ้ กามของเรานี่ยังเต็มอยู่เหรอ
     
  16. dangsticker

    dangsticker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +1,590
    ประสบการเดียวกันครับ ...................................อิอิ ..........................
     
  17. yavoiii

    yavoiii Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +65
    มันเป็นปัญหาตรงนี้นี่ละครับ ไล่มันก็ไม่ไป++
     
  18. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    555+

    เดี๋ยวก็ไปเอง แต่เวลาเค้าจะไป เราเกิดไม่อยากให้ไปนี่สิ ยุ่งเลย
     
  19. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,165
    สำหรับผมนะ ปกติก็เป็นคนมีกามอยู่นี่ละ
    แต่มีวันหนึ่งเห็นกามโผล่ขึ้นมา ปกติก็จะปรุงแต่งพอใจไม่พอใจกับมัน แต่มันก็ดับลง ปรุงแต่งไม่ทัน เห็นอย่างนี้ เห็นกามแล้วแต่จิตใจยังไม่ทันได้ตอบสนองต่อกามพอที่ร่างกายจะตอบสนองทันด้วย กามก็ดับลงก่อน เป็นอยู่ช่วงหนึ่ง ปรึกษาเพื่อนคนรู้จักทางโลกเขาบอกถ้างั้นให้หยุดปฎิบัติก่อน แต่ผมเห็นว่า เป็นแค่เพียงอาการที่ปรุงแต่งไม่ทันไม่ได้เติมเชื้อพอใจไม่พอใจดิ้นรนปรุงแต่งต่อจากกาม กามมันก็เลยดับลงเอง
    เราดันออกมารู้มัน ไม่ได้ไหลรวมกับมัน ไม่ได้ปรุงแต่งไปตามมัน
    ทีนี้พอจะให้กามดำเนินต่อไปได้ ผมก็แค่ เมื่อมีกามเกิดขึ้นแล้ว สนใจมันพอใจหมกมุ่นกับมันหน่อย อย่าออกมารู้ ให้ไหลรวมลงไป หมกมุ่นอยู่กับมันหน่อย ปรุงไว้แค่ว่ามันดีมันสุขมันสนุกมันสวยมันงาม อย่าแยกออกจากมัน ไหลรวมไปอยู่กับมัน ก็กลับไปอยู่กับกามได้เหมือนเดิม มีการตอบสนองทางร่างกายอารมณ์ได้ เป็นเหมือนเดิม

    แค่เห็น แค่รู้แล้วกามดับ
    กับต้องดิ้นรนปรุงแต่งฟุ้งซ่านตอบสนองต่อกามก่อนแล้วจึงดับ
    มันก็ดับทั้งคู่แต่ดับเพราะคลายปรุงแต่ง หรือเพิ่มปรุงแต่ง
    ยิ่งปรุงแต่งยิ่งทุกข์
    เลือกตามกำลังครับ

    หากคู่ครองเป็นคนที่มีคุณธรรมพอกัน การที่เราเป็นอย่างนี้กลับจะยิ่งทำำให้เราเป็นที่รักที่เคารพของคู่ครองมากขึ้น หากรักกันด้วยคุณธรรม ความเสียสละความเมตตาต่อกัน ความปารถนนาดีต่อกัน
    คู่ครองความรัก อย่างคุณธรรม กับคู่ครองความรักอย่างโลก ผลก็ตามกำลังนั้นครับ

    อนุโมทนาในคุณความดีทั้งหลาย อันเป็นเครื่องให้คลายออกจากทุกข์ครับ
     
  20. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    ผมยอมรับนะครับว่าพระโสดาบันก็ยังมีเรื่องกามอยู่แต่กามของพระโสดาบันนั้นอยู่ในศิล5คือพอใจในสามีหรือภรรยาขงตนส่วนที่บอกว่าไม่อยากมีกามราคะแต่มีแฟนนี่มันก้เป็นไปได้ครับแต่ไม่ไช่ว่าไม่อยากมีเลยคือเขายังมีแต่คือนานๆครั้งไม่ไช่บ่อยๆมันเกิดจากเขาปฎิบัติธรรมแล้วเขาปิติในธรรมมันจึงเกิดความตื้นตันในธรรมไม่จำเป็นว่าจะต้องเลิกกับแฟนยกตัวอย่างพระดาบสฤษีในป่าดงที่บำเพ็ญเพียรแต่ท่านก็ได้แค่พรหมโลกียะแต่ท่านก็ไม่สนใจในกามจนตายพอตายไปก็เกิดในโลกพรหมพอหมดบุญก็ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เสพกามอีกเช่นเดิมเปรียบดังเอาแท่งศิลาทับต้นหญ้าไว้พอยกแท่งศิลาออกกอหญ้าก็งอกขึ้นมาไหม่เขาเรียกว่ายังไม่ไช่โลกุตระเข้าใจรึยังครับส่วนโลกุตระคือพระอะนาคามีที่ไม่กลับมาเสพกามอีกทีหลังจะว่าใครโม้ช่วยศึกษามาดีๆจะได้ไม่เป็นบาปว่าเขาโม้อารมณ์ในการปลาบปลื้มในธรรมมะคุณเคยเป็นใหมพอมันถอนออกมาก็อยากเสพกามเช่นเดิมหวังว่าคงเข้าใจนะ
    ส่วนคุณเจ้าของกระทู้คุณก็คุยกับแฟนครงๆว่าคุณปฎิบัติธรรมช่วงนี้คุณยังอิ่มในพระธรรมขอให้เธอเข้าใจเพราะที่เป็นอยู่คุณก็ไม่ได้นอกใจอะไรเธอหากว่าเธอรับได้ก็เป็นบุญของคุณแต่หากว่าเธอรับไม่ได้อันนี้คุณก็ควรพิจารณาเอาตามแต่กำลังปัญญาไม่มีใครช่วยใครได้ตนเป้นที่พึ่งแห่งตนครับดูว่าตอนนี้คุณยังเสียดายกามอยู่นะครับอย่าตรึงมากไปนะครับเดียวจะทำให้หมดกำลังใจในการปฎิบัติธรรมไปอีกแล้วที่ว่าคบกับแฟนนั้นจะผิดศิลไหมที่มีอะไรกันที่ยังไม่แต่งงานผมว่าแค่คุณไม่นอกใจแฟนคุณนั้นก็ดีแล้วครับศิลมีไว้ไห้รักษาเพื่ออยู่อย่างมีสติและความสุขอย่ากังวลครับเคร่งไปเดียวมันจะขาดไสเปล่าๆ
    รักษาใจให้สะอาดผ่องแผ่วเป็นพอครับ ยกตัวอย่างนะหากว่าเดินไปเหยียบมดตายตแล้วคุณคิดว่าศิลคุณจะขาดใหมละครับ ศิลมันอยู่ที่เจตนา และการกระทำนะครับ เพราะงั้นอย่ากังวลมากไปเดียวจะทำให้ใจสับสนวุ่นวายระวังไปเปล่าๆครับหวังว่าคงเข้าใจนะครับพูดมากเดียวเขาหาว่าบ้าอิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...