ภาวนากรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย churdpong, 12 ตุลาคม 2010.

  1. churdpong

    churdpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +384
    เผลอชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านมาจนถึงบัดนี้แล้ว มันชั่งรวดเร็วเหลือเกินในความรู้สึก
    เร็วเสียจนคนบางคนไม่มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ปราถนา ยิ่งอากาศแปรปรวน และภัยธรรมชาติที่เริ่มคลุกคราม บีดครั้นให้ผู้คนต้องตื่นตระหนก หวั่นวิตกไปต่าง ๆ นา ๆ
    ทำอย่างไรหนอ ให้ความสุขนั้นอยู่นาน ๆ เมื่อทำให้กายสุขไม่ได้ ก็อาจขอให้ใจสุขก็เพียงพอ ผมนั้นคิดอยู่นาน ว่าจะนำความรู้ที่ได้ มาถ่ายทอดแก่สาธารณชนดีหรือไม่ ให้ไปแล้วจะเกิดประโยชน์มากน้อยสักเพียงใด จนในที่สุดผมเริ่มตัดสินใจลองหยั่งเสียงดู โดยแรกเริ่มจะถ่ายทอดแนววิธีฟื้นฟูสภาพดวงตา ผลตอบรับก็ไม่ดีเท่าที่ควร มีคนจำนวนหนึ่งติดต่อเข้ามาที่ผม ผมให้แนวทางไปสักพัก ไม่อาจทราบได้ว่าเขาปฏิบัติได้หรือไม่ สุดท้ายก็ต้องเลิกราไปพักนึง
     
  2. churdpong

    churdpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +384
    มาวันนี้เมื่อสภาพอากาศมันเริ่มแปรปรวนมากขึ้น ทำให้ผมได้ตระหนักถึงประโยชน์ของแนวปฏิบัตินี้ บางทีมันอาจจะเป็นประโยชน์แก่กลุ่มผู้ที่มีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงก็เป็นได้ ไม่มากก็น้อย
    ถามว่าผมไปได้แนวทางนี้มาจากไหน ถ้าจะให้ผมตอบมันก็จะออกแนวลึกลับไป เอาเป็นว่า ผมได้มาจากสัญชาติญาณก็แล้วกันครับ พอจะฟังได้ไหม หรือบางคนอาจคิดว่าผมบ้า ทึกทักไปหรือเปล่า ก็สุดแล้วแต่ความเข้าใจของแต่ละคน เพราะผมไม่ได้มุ่งหวังที่จะแสวงหาประโยชน์อันใด ในการที่ต้องมานั่งพิมพ์ข้อความอันมากมาย ให้แก่ท่านทั้งหลาย ได้รับทราบทั่วกัน
     
  3. churdpong

    churdpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +384
    ก่อนอื่นก็ขอท้าวความถึงอดีตที่ยาวนานหลายพันปี สมัยก่อนพุทธกาล หรือสมัยที่โลกมนุษย์กับสวรรย์ยังเชื่อมโยงกัน ได้ก่อกำเินิดสรรพวิชาต่าง ๆ มากมาย มีทั้งที่เป็นประโยชน์ และที่เป็นภัยคุกคาม จนเกิดเหตุการณ์ระทึกมากมาย จนเป็นเทพนิยาย ก่อเกิดตำนานขึ้น ให้เล่าขานสืบทอดกันมา ตามความรับรู้ของบรรพบุรุษ จนกลายเป็นความเชื่อ และความศรัทธาของผู้คน หลังจากสูญสิ้นยุคที่สรรค์ตัดสิ้นจากโลกมนุษย์ ก็ก่อเกิดสำนักปฏิบัติต่าง ๆ ขึ้น หนึ่งในนั้นมีอยู่สำนักหนึ่งที่มีแนวทางปฏิบัติที่พิศดาร นั่นคือ พวกชีเปลือย ที่เดินแก้ผ้าโทง ๆ ไปทั่วทุกหัวระแหง ผู้คนทั่วไปว่าเขาบ้า วิกลจริต แต่สารานุศิษของพวกเขาหาคิดเช่นนั้นไม่ เพราะเหตุใดนะหรือ ก็เพราะว่าเขาเข้าใจถึงสัจธรรมของเหล่าชีเปลือยนะสิ แนวความคิดในการใส่เสื้อผ้าของคนทั่วไป ก็เพื่อกันความร้อนหนาว กันความอุจาตตา แต่ในเมื่อทั้งความร้อน หนาวไม่อาจกล้ำกายเหล่าชีเปลือยได้ พวกเขาเลยแลไม่เห็นความจำเป็นใด ๆ ที่จะสวมใส่เสื้อผ้าให้เป็นภาระ
     
  4. churdpong

    churdpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +384
    ต่างผู้คนต่างความคิด เมื่อแนวปฏิบัติของผมที่ได้รับมา ก็คล้ายคลึงกันกันเหล่าชีเปลือย แต่เราไหนเลยจะเดินแก้ผ้าโทง ๆ ไปตามห้างสรรพสินค้าได้ ตำรวจจะได้จับเข้ากงปะไร ดีไม่ดีอาจจะต้องเข้า ร.พ. ชะงั้น เราเป็นพุทธศาสนิกชน ที่พึงปฏิบัติตามแนวทางของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องสำรวมกาย วาจาและใจ และการปฏิบัตินั้นก็มีอยู่หลายแนวทาง แต่สำหรับบุคคลธรรมดาแล้ว ทำอย่างไรจึงจะสามารถปฏิบัติได้ตามหลักคำสอนของพระองค์ การทำบุญนั้นก็เป็นอีกวิถีทางที่ทำให้จิตใจนั้นผ่องใส ตามหลักพระพุทธศาสนา การทำบุญนั้นมีอยู่ถึง 10 วิธี แต่วิธีที่ให้ผลมากที่สุดนั่น คือ "ภาวนามัย" ซึ่งก็ตรงกับหลักของแนวทางของข้าพเจ้านั่น คือ"ภาวนากรรมฐาน"
     
  5. churdpong

    churdpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +384
    ในปัจจุบันทุกผู้คนก็ต้องดิ้นรนหาเงินหาทอง เพื่อวัตถุประสงค์ไปตามความปราถนา จนแทบไม่มีเวลาจะเข้าวัดหรือทำบุญเลย บางคนมีทั้งงานราช และงานหลวง ก็ว่ากันไป แนวปฏิบัตินี้จึงเหมาะอย่างยิ่ง แก่ผู้ที่มีเวลาน้อย หรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือเหมาะแก่ฆราวาสนั่นเอง
    การฝึกปฏิบัตินั้นมีความเสียงสูง และค่อนข้างจะพิศดารอยู่ ก็อย่างที่กล่าวมาข้างต้น เสี่ยงต่ออะไรนะหรือ ก็ผลของการปฏิบัตินะสิครับ ถ้าทำแล้วเกิดความล้มเหลวหรือผิดพลาด อย่างดีที่สุดก็เป็นบ้า ถ้าเลวร้ายกว่านี้ก็สุดที่จะคลาดคิด หลักของการฝึกนั้นคือ การที่ต้องพาตัวเองเข้าสู่อันตราย พาตัวให้ห่างไกลจากคำว่า "วิทยาศาสตร์" ดังนั้นผู้ที่คิดจะฝึกจึงควรพึงสังวรไว้ว่า ท่านคิดอยากจะฝึกหรือไม่ ซึ่งแนวทางการฝึกนั้นจะเริ่มจากง่าย ๆ นั่นคือ การนั่งสวดมนต์ ส่วนขั้นตอนต่อไปก็ค่อยว่ากันอีกที แต่ไม่อาจเผยแพร่สู่สายตาของบุคคลทั่วไปได้ ก็อย่างที่เห็นวิธีการฝึกนี้ออกจะพิศดารเกินไป
     
  6. churdpong

    churdpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +384
    คราวนี้ก็มาถึงจุดมุ่งหมายของการปฏิบัติ ซึ่งแน่นอนแนวปฏิบัตินี้ไม่ใช่แนวทางสู่นิพพานเป็นแน่ ไม่ใช่แนวทางแห่งการดับกิเลส แต่เป็นแนวทางของการยกตนให้เหนือกิเลส ใช้ใจควบคุมไม่ใช่ ใช้กิเลสมาควบคุม หรือครอบงำ ถ้าท่านใดคิดว่าจะแสวงหาหนทางดับกิเลส แนวทางนี้ก็ไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่ง แต่ผู้ใดก็ตามที่คิดจะดำรงชีวิต ตามแบบฆราวาสแล้วไซร์ แนวปฏิบัตินี้ย่อมเกิดประโยชน์แก่ท่าน ไม่มากก็น้อยครับ
     
  7. นุภาวัฒน์

    นุภาวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    774
    ค่าพลัง:
    +270
    อ้าว มีต่อไหมครับ รออยู่นะครับ
     
  8. moshininja

    moshininja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +103
    แล้วยังไงต่อครับ ขอเนื้อๆ ไปเลย ผมจะได้พิจารณาถูก
     
  9. churdpong

    churdpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +384
    ไม่ได้ส่งต้นฉบับนี่ครับ :cool:
    พึงใช้สติพิจารณา เอาครับ
     
  10. churdpong

    churdpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +384
    เมื่อมีทฤษฎี ก็ต้องมีภาคปฏิบัติ ทุกสิ่งทุกอย่างมีคำตอบอยู่ในตัวเอง หลักการสวดมนต์ก็เช่นกัน ย่อมมีท่วงทำนองในการสวด จุดมุ่งหมายในการสดมนต์นั้น แท้จริงแล้วก็เพื่อยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ละลายจิตอารมณ์ที่ผันผวนให้เยือกเย็นลง การสวดมนต์จะให้ผลมากน้อยประการใด ก็อยู่ที่ความศรัทธาของผู้สวด หากสักแต่สวด สวดไปก็ไร้ความหมาย ในระหว่างที่สวดมนต์ ผู้สวดต้องเป็นมีจิตที่ว่างเปล่า ไม่คิด ไม่ถาม ไม่สงสัย ไม่ท่องจำ ปล่อยกาย และจิตใจให้เป็นไปตามสภาวะธรรมชาติ แน่นอนครับการสวดมนต์ย่อมต้องเปล่งเสียงออกมา การสวดแบบเด็กนักเรียน ก็สวดแบบหนึ่ง สวดแบบพระสงฆ์ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าสวดแบบภาวนาก็เป็นอีกแบบหนึ่ง การจะสวดแบบภาวนากรรมฐาน มีจุดประสงค์สำมะคัญ เพื่อทำให้จิตใจมีความสงบ ไม่พวักพวงกับสิ่งใด การสวดจะมีลักษณะเปล่งออกเป็นเสียงกระซิบที่ต่อเนื่องดั่งท่วงทำนองของการเปิดพัดลม ที่พัดมาเรื่อย ๆ ไม่มีการสะดุด และจะอาศัยช่วงจังหวะของเสียง ในการหายใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...