ผี(ไม่ได้)อำ

ผมว่าประสบการณ์หนึ่งที่พวกเราต้องเจอกันแทบทุกคน คือเรื่อง “ผีอำ” ครับ ซึ่งการอำนั้นต่างจาก เพื่อนอำ แฟนอำ หรือพี่น้องอำกันมากๆ

ลองมาอ่านเรื่องราวคราวนี้ของผมดู ที่ช่วงหนึ่งของชีวิตนั้นโดน “อำ” ไม่เว้นแต่ละวัน

เรื่องหนึ่งที่ไม่ควรเลียนแบบคือ “การนอนในห้องพระ” ครับ ถ้ากลางวันๆ เนี่ยะ พอนอนได้หรอก แต่กลางคืนนี่สิ ถ้าบ้านไหนที่สวดมนตร์อยู่เป็นนิจ พอเที่ยงคืนปุ๊บ เทวดาก็จะลงมาสวดมนตร์ที่ห้องพระนั้น

ทีนี้ถ้ามีคนนอนหลับอยู่ในห้องพระ เวลาเทวดามา เทวดาจะเหม็นกลิ่นคน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเทวดาท่านจะกลับวิมานเลย หรือทนสวดมนตร์ด้วยการเอามือปิดจมูก แถมเอาผ้าคาดจมูกปิดไว้ด้วยหรือเปล่า

หลวงพ่อท่านสอนมาแค่ว่า อย่านอนในห้องพระหลังเที่ยงคืนเท่านั้นเอง (ในพระไตรปิฎกก็มีระบุเอาไว้เรื่องกลิ่นของมนุษย์)

อาจเพราะตอนนั้นผมยังเป็นเด็ก ถึงจะเป็นวัยรุ่น แต่เรื่องโลกียวิสัยยังไม่เดียวสา แฟนก็ไม่มี ทั้งชีวิตมีเพื่อนผู้หญิงอยู่คนเดียว ซึ่งตำแหน่งที่ครองคือ “ไม้กันหมา” เท่านั้นเอง

อีกอย่าง ผมก็ไม่เคยคิดลามกอะไรกับเพื่อนคนนี้ด้วย ถึงแม้มันจะสวยจนมีหนุ่มมาเขียนใบสมัครเอาไว้เพียบก็เหอะ แต่เรื่องนิสัยใจคอ เฮ้อ! ผมขออยู่เป็นโสดดีกว่า จีบมัน

แต่ถึงมันจะนิสัยไม่ดี งี่เง่า เอาแต่ใจ เพียงไร ผมก็รักเพื่อนคนนี้มาก เพราะนอกจากมันจะดีกับผมแล้ว ถ้าไม่มีเพื่อนคนนี้ ผมคงไม่ได้เรียนจนจบปริญญามาได้อย่างแน่นอน
(เอาไว้โอกาสหน้าจะเล่าให้ฟังว่าทำไม)

ซึ่งเพื่อนคนนี้ปัจจุบันก็ยังคบหา โทรคุยกันอยู่เป็นประจำ

เรื่องที่คุยก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ถ้าไม่ใช่เรื่องสามี ก็เรื่องลูก

ครั้นจะตัดบทไปก็ทำไม่ลง เพราะสามีคนนี้เราเป็นคนอนุมัติให้มันเอง ส่วนเรื่องลูกนี่ก็…เฮ้อ!
ตอนลูกมันคลอดใหม่ๆ มันก็จะยกให้ผมเป็นพ่อทูนหัว แต่ผมปฏิเสธไป ด้วยเกรงว่า ลูกจะเหมือนแม่

ผ่านไป 15 ปี ลูกสาวมันเหมือนแม่จริงๆ แฮะ

ซึ่งส่วนนึงผมว่ามาจากกรรมของเจ้าตัวเขาด้วยแหละ สมัยเด็กๆ แม่ทำอะไรไว้กับบุพการี ปัจจุบันลูกสาวเค้าก็ทำกับเพื่อนผมคล้ายกัน แถมแรงกว่ารุ่นแม่อีก

โชคดีหน่อยที่ผมแนะนำให้เพื่อนผมถือศีล สวดมนตร์ เจริญสติ และอโหสิกรรมแล้วเพื่อนผมเชื่อ

ผมกำลังรอดูอยู่ ว่าอะไรๆ จะดีขึ้นหรือเปล่า

ย้อนกลับมาที่เรื่อง “ผีอำ” ของเราต่อดีกว่าครับ นินทาเพื่อนมากไม่ดี

อาจเป็นเพราะชีวิตวัยรุ่นของผมไม่ประสากับเรื่องโลกีย์

ผมก็เลยเจอเหตุการณ์แปลกๆ เช่นเห็นผู้หญิงชุดขาวมาสวดมนตร์ตอนดึก

และเรื่องที่เจอบ่อยอีกเรื่องคือ “ผีอำ” ครับ

โดนอำครั้งแรก

ครั้งแรกนี่เป็นอะไรที่ประทับใจมาก ถูกไหมครับ ไม่ว่าจะโดนสาวๆ จีบครั้งแรก จับมือกับสาวครั้งแรก หรือจีบสาวครั้งแรก

เรื่องผีอำก็เหมือนกันครับ

จำได้ว่าครั้งแรกผมนอนหลับตามปกติเช่นทุกวัน วันนั้นอากาศแถวบ้านหนาวมาก เพราะบ้านอยู่ในสวนลึก

กำลังหลับสนิทอย่างสนุกสนาน พลันผมก็ต้องตกใจตื่นเพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรทับหน้าอกอยู่

ในใจตอนนั้นคิดว่า “หนักจัง อะไรมาทับอกเนี่ยะ หรือว่าจะเป็นผีอำ”

พอคิดว่าเป็นผีอำเท่านั้นแหละครับ ตัวงี้ชาจนกระดิกแทบไม่ได้

จากนั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองไปในความมืดข้างหน้า เผื่อจะเจอเงาดำๆ อย่างที่ผู้ใหญ่เล่าต่อๆ กันมา

แต่ทุกอย่างว่างเปล่า เห็นแต่ฟากเพดานสีทึมๆ อยู่ตรงหน้า

ความหนักอกยังคงอยู่ ผมเลยค่อยๆ เหลือบตามองลงมาทางปลายเท้า

สิ่งที่ผมเห็นตอนนั้น ยิ่งทำให้ผมตัวชา ขนแขนขนคอลุกชัน

เงาดำๆ เล็กๆ หูแหลมๆ เงาหนึ่งกำลังหมอบทับอยู่บนหน้าอกผม

ถึงไม่กลัวผี แต่ก็ตกใจใช่เล่น เพราะร้อยวันพันปี ไม่เคยมีสิ่งลึกลับมาทับหน้าอกตอนนอนเลย

ตอนนั้นผมนึกบนสวดอะไรได้ ผมสวดหมดครับ อิติปิโสฯ นะโมตัสสะฯ อะระหังสัมมาฯ

แต่ความหนักก็ไม่ยอมหายไป

สุดท้ายผมใช้คาถาที่คุณพ่อสอนมาว่าสารพัดประโยชน์ที่สุด

“นะ โม พุท ธา ยะ”

ว่าเพียงรอบเดียวแล้วเป่าพรวดไปที่เงาดำๆ เงานั้น

ได้ผลครับ เงาดำๆ เงานั้นสะดุ้งอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับกระโดด ลงไปจากอกผมทันที

แถมมีการหันมาต่อว่าด้วยนะ
“แม้ววววว” แล้วก็สะบัดหาง เดินเชิดหน้าออกไปจากห้องพระที่ผมนอนอยู่

กลายเป็นว่า ผีอำครั้งแรก คือเจ้าเหมียวแมวดำประจำบ้าน ที่ซมซานมาขออาศัยอยู่ด้วยเมื่อนานมาแล้ว

มิน่า ผีอำอะไร หูแหลมเชียว

หนอยแหนะ! คนจะหลับจะนอน มานอนทับอกซะได้

เรารึก็ตกใจ

ที่ไหนได้… แมวอำซะงั้น

 

ก็น่าตกใจอยู่เหมือนกันครับ หากลืมตาครั้งแรกแล้วมีบางอย่างอยู่บนหน้าอกแล้วจ้องหน้าเราอยู่ สัญญาความจำได้หมายรู้ว่านั่นคือแมวช้ากว่า จิตที่สะดุ้งตกใจ... อนุโมทาสาธุครับ

 

อ่านแล้วก็คิดถึงแมวที่เคยเลี้ยงค่ะ

 

ฮาได้ใจครับ

แมวมาซะงั้น ที่บ้านก็เลี่ยงแมว

ขี้้อ้อนมาก ชอบมานอนบนพุง กับบนตักตลอลเลย

นี้ยังโชคดีแค่เป็นแมว อาจารย์เคยเล่าให้ฟังมีคนหนึงไปนอนป่า

นอนในเตนท์ กลางคืนไม่ปิดประตูเตนท์ มันเลยเลื้อยมานอนบนตัก

( ไม่บอกว่าอะไร คิดเอาเอง) ขนาดฟังยังเสียว ถ้าเจอจริงคง....

 

เปิดห้องตลกอีกห้องดีกว่านะ

 

อ่านแล้วคิดถึงแมวที่เลี้ยงไว้ค่ะ แต่ตอนนี้มันตายไปแล้ว คิดถึงมันมากๆ ร้องไห้ทุกวันเลย

 

คิดถึงเหมือนกันค่ะ เป็นแมวเดนตายเก็บได้หน้าปั้มตอนตี 2 ขับรถผ่านกำลังจะพาแฟนไปโรงบาลเพราะปวดหัวมาก พอผ่านปั้มเห็นหมากำลังเห่ากรรโชกอะไรซักอย่างนี่แหล่ะ กระโดดไปกระโดดมา เห็นก้อนดำๆหยุกหยิกๆอยู่ ตัดสินใจหันหัวรถกลับมาดู กลายเป็นลูกแมวตัวเล็กๆดำๆผอมๆ ขนติดกันสกปรก ขี้มูกปิดตาอยู่เกียบมิดเบ้า ช่วงขาขวาหลังโดนกัดเป็นรูเขี้ยวหมาอยู่ ขี้แตกเลอะเทอะ ไปหมด แฟนบอกหว่า ปล่อยมันเถอะ ยังไงก็คงไม่รอดหรอก ดิฉันหันกลับมามองมัน มองเข้าไปลึกๆในสายตาของมันบ่งบอกว่า ดิฉันเป็นที่พึ่งเดียวของมัน ความหวังรอดอย่างเดียวของมัน คิดได้ดังนั้น ตัดสินใจในเสี้ยววินาที อุ้มมันขึ้นมาแนบอกยื่นกุญแจให้แฟนขับ บอกว่า "ยังไงๆ หนูก็จะช่วยมันถ้ามันจะตายก็ให้ตายในตักหนูนี่แหล่ะ'' แล้วเราก็เลี้ยวรถกลับบ้าน โดยที่แฟนเป็นคนขับ(มือขับข้างหนึ่งเอามือกุมหัวข้างหนึ่ง) พอกลับมาถึงเอาผ้าที่ไม่ใช้แล้วมารองกะละมัง เช็ดทำความสะอาดบาดแผลและเนื้อตัวของมัน ถึงอย่างนั้นก็ดูมันขี้เหร่อยู่ดี เฮ้อ...พอเช้าวันต่อมามันตะกุยตะกายออกจากกะละมัง และค่อยๆกระย่องกระแย่งเข้ามาหา แล้วร้องเสียงยาวๆ กับดิฉัน ดีใจนะคะที่มันรอดตาย ก็เลี้ยงมาเรื่อยๆ จนโตเป็นหนุ่ม ขนเป็นมัน มีกระจุกสีขาวอยู่ใต้คาง เท่ห์ดี ฉลาดมาก เคาะประตูเหมือนคน จนน่าแปลกใจ ทำให้ดิฉันกับแฟนลุกเก้อมาหลายหน นึกว่า มีคนมาหา หรือเซลล์มาขายของอะไร ก๊อก.. ก๊อก..ก๊อก ใครคะ....เงียบ ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก ใครเนี่ย! เเหง๋วววว อ้าว ไอ้ฤทธิ์นี่เอง
ตอนหลังเลยต้องงับประตูหลังบ้านไว้ให้ ทั้งกลางวันกลางคืน เวลามันจะเข้าจะสอดมือเข้ามาก่อน แล้วค่อยๆดันหัวโผล่เข้ามา พร้อมทักทายประโยคเดิมทุกครั้ง .....
อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ แอ้ว แอ้ว แอ้ววว (แปลว่า มาาาแว้ววววว) พร้อมกับเดินโขยกเขยกมาในท่า อ่าง เถิดเทิง (คิดว่าประสาทที่ขาน่าจะเสียการทรงตัวไปแล้ว) แอ๊ะ แอ๋ นี่แกจะร้องให้เหมือนแมวชาวบ้านเขาได้มั้ยเนี่ย...แต่ยังไงก็ช่างชั้นรักแกที่สุดเลยนะไอ้ฤทธิ์เอ้ย

 

คล้ายกันกับ ป้าเหมียวที่บ้นตีวปัจจุบันเลยครับ

เคยเขียนลงหนังสือด้วยล่ะ เรื่องป้าเหมียวเนี่ยะ

 

เค้า ป่าวอำนะ เมี๊ยว ว ว ว ว =^0^'=