บริจาคอวัยวะถือเป็นมหาบริจาค แต่ชาติหน้าอวัยวะจะครบหรือไม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย โทรจิต, 7 ตุลาคม 2010.

  1. โทรจิต

    โทรจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +1,377
    ทำบุญโดยการบริจาคอวัยวะได้บุญมาก
    และชาติหน้าอวัยวะจะครบหรือไม่

    [​IMG]
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในคำถามนี้ตรงกับที่มีการตอบไว้ในหนังสือธรรมเพื่อชีวิต เล่มที่ ๒๕ ฉบับวันเข้าพรรษา ๒๕๔๓
    มูลนิธิพุทธศาสนาศึกษา วัดบุรุณศิริมาตยาราม ตอบโดยท่านพระคุณเจ้าพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตโต)
    จึงอยากจะขออนุญาตและโมทนาในบุญกุศลนี้ นำมาให้ผู้อ่านได้รับรู้ไว้ สรุปใจความสำคัญไว้ได้ว่า
    <O:p</O:p
    การบริจาคอวัยวะเป็นการเสียสละเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นต้องการให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์ และมีการบริจาค
    จึงเป็นหลักธรรมที่สำคัญของศาสนา ไม่ว่าจะเป็น ทศพิธราชธรรม” ก็ดี การบำเพ็ญ บารมี”
    ของพระพุทธเจ้าเมื่อยังเป็นพระโพธิสัตว์ก็ดี การบริจาคเป็นคุณธรรมข้อแรก เรียกว่า ทาน” และ
    ทานบารมี”คือการให้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น
    <O:p</O:p
    โดยเฉพาะในการบำเพ็ญของพระโพธิสัตว์นั้น การบริจาคอวัยวะเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นเป็นความคิดที่จำเป็น
    เลยทีเดียวที่ต้องทำ เพราะการก้าวไปสู่โพธิญาณต้องมีความเข้มแข็งของจิตใจในการเสียสละเพื่อความดี
    ทั้งนี้ทานที่เป็นบารมีจะแบ่งเป็น ๓ ขั้น เช่นเดียวกับบารมีอื่นๆ คือ
    <O:p</O:p
    ทานบารมีระดับสามัญ คือการบริจาคทรัพย์สินเงินทองถึงจะมากมายแค่ไหนก็จะอยู่ในระดับนี้
    <O:p</O:p
    ทานระดับรอง หรือจวนสูงสุด เรียกชื่อเฉพาะว่า “ทานอุปบารมี” ได้แก่ ความเสียสละทำความดี
    ถึงขั้นสามารถบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้ เพื่อรักษาธรรม
    <O:p</O:p
    แน่นอนว่าการบริจาคอวัยวะนั้นเป็นบุญธรรมสำคัญและเป็นบุญมาก ตามหลักพุทธศาสนา นอกจากเป็นบารมี
    ขั้นทานอุปบารมีแล้วยังโยงไปหาหลักสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า
    <O:p</O:p
    “มหาบริจาค”
    คือการ
    บริจาคใหญ่

    [​IMG]

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ซึ่งพระโพธิสัตว์จะต้องปฏิบัติ ๕ ประการ
    <O:p</O:p
    คือ บริจาคทรัพย์ บริจาคราชสมบัติ บริจาคอวัยวะ และนัยน์ตา บริจาคตัวเองหรือบริจาคชีวิต
    และบริจาคบุตรและภรรยา
    <O:p</O:p
    ส่วนปัญหาที่เป็นที่กังวลใจของผู้ที่จะบริจาคแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะก็คือ บางคนยังเชื่อว่า
    ถ้าให้อวัยวะเขาไปแล้วในชาตินี้เกิดมาชาติหน้าจะมีอวัยวะไม่ครบ
    <O:p</O:p
    ท่านพระคุณเจ้าพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตโต) ท่านก็ตอบให้ทุกคนหายสงสัยว่า ในเรื่องนี้นั้นไม่จริงเลย
    โดยมีแง่พิจารณา ๒ อย่างคือ
    <O:p</O:p
    ๑. ในแง่หลักฐานทางคัมภีร์แสดงว่า พระพุทธเจ้าเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์ทรงบริจาคนัยน์ตา ก็เป็นเหตุให้
    พระองค์ได้สมันตจักษุ คือมีพระเนตรหรือดวงตาที่เป็นพิเศษสุดของพระพุทธเจ้า ซึ่งเราแปลว่าเป็นดวงตา
    ที่มองเห็นโดยรอบ ไม่ได้หมายถึงดวงตาที่เป็นวัตถุอย่างเดียว แต่หมายถึงดวงตาทางปัญญาด้วย ในแง่พระคัมภีร์
    ก็สนับสนุนชัดเจนว่าในชาติหน้ามีแต่ผลดี
    <O:p</O:p
    ๒. ในแง่ของเหตุผลที่เข้าใจกันว่าบริจาคอวัยวะไปแล้ว เกิดมาอวัยวะจะบกพร่อง เหตุผลที่ถูกต้องมันไม่ใช่
    อย่างนั้น เราต้องมองว่าชีวิตที่เกิดมานี้จิตใจเป็นส่วนสำคัญในการปรุงแต่งสร้างสรรค์ ถ้าเรามีเมตตาคิดดีปรารถนาดีต่อผู้อื่น
    ยิ้มแย้มแจ่มใส ต่อไปตาเราจะถูกปรุงแต่งให้แจ่มใสเบิกบาน
    <O:p</O:p
    ในทางกลับกัน ถ้าเราคิดร้ายต่อผู้อื่น มักโกรธ อยากจะทำร้ายรังแกเขาอยู่เรื่อย หน้าตาก็จะบึ้งตึงเครียด
    หรือดูถึงกับโหดเหี้ยมนี้เป็นผลมาจากสภาพจิตที่เคยชินในชีวิตประจำวัน แม้แต่ในชาติปัจจุบันนี้เอง
    <O:p</O:p
    ทีนี้ชีวิตที่จะเกิดต่อไปก็จะต้องอาศัย จิต ที่มีความสามารถในการปรุงแต่ง ขอให้คิดง่ายๆ ว่า คนที่จะบริจาค
    อวัยวะให้คนอื่น ก็คือปรารถนาดีต่อเขา อยากให้เขาเป็นสุข อยากให้เขาพ้นทุกข์ หายเจ็บป่วย จิตอย่างนี้
    ในตอนคิดก็เป็นจิตที่ดี คือจิตใจที่ยินดีเบิกบาน คิดถึงความสุข ความดีงาม ความเจริญ จิตก็จะสะสม
    ความโน้มเอียงไปในทางที่จะปรุงแต่งให้ดี และคุณสมบัตินี้ก็จะฝังอยู่เป็นสมรรถภาพของจิต
    <O:p</O:p
    เพราะฉะนั้นในการบริจาคเราจึงต้องทำจิตใจให้ผ่องใส ให้ประกอบด้วยคุณธรรม มีเมตตาปรารถนาดี<O:p</O:p
    และสิ่งนี้แหละครับที่จะทำให้เราได้บุญมาก


    [​IMG]<O:p</O:p


    [​IMG]
    <O:p</O:p
     
  2. สุภาพรกิ่งนอก

    สุภาพรกิ่งนอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +1,536
    ไม่ห่วงแล้วค่ะ เพราะได้บริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่เรียบร้อยแล้ว
    ตอนนี้หน้าที่ก็คือ รักษากายนี้ไว้ให้ดี เพราะในอนาคตเขาต้องเอาร่างนี้ไปเพื่อศึกษา
    เอาความรู้ที่ได้จากร่างกายเรานี้ มารักษาคนที่ป่วยต่อไป
     
  3. nao7310

    nao7310 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +931
    เช่นกันค่ะ บริจาคหมดแล้วทั้งร่างกาย อวัยวะ และโลหิต รวมทั้งบริจาคเนื้อเยื่อที่โรงพยาบาลศิริราชในพระอุปถัมถ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินท์ ค่ะ
     
  4. Peak_14

    Peak_14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +465
    ไม่คิดไรมาก ร่างกาย ตายไปก็เอาไปไม่ได้ แถมยังเน่าเปื่อยผุพัง ฝังดินก็แย่งที่คนอยู่ จะเผาก็เปลืองแก๊ส เปลืองไฟ เปลืองทรัพยากรทำลายสิ่งแวดล้อมอีก รวมทั้งเป็นภาระให้คนที่บ้านจัดงานศพให้อีกต่างหาก ก็เลยบริจาคทั้งร่างกายและดวงตากับสภากาชาด ถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในวันวิสาขาบูชาปีนี้ไปแล้ว ชาติหน้าอวัยวะจะครบหรือไม่ ถ้ายังเกิดอยู่ก็คงแล้วแต่บุญหรือกรรมที่กระทำไว้ตอนมีชีวิตอยู่มากกว่า
     
  5. prapanuch

    prapanuch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +853
    ขอบคุณ เจ้าของกระทู้ที่ทำให้เข้าใจลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เพราะได้ บริจาคร่างกายให้กับสภากาชาดไทย และบริจาคเลือด ตลอดไป
     
  6. โทรจิต

    โทรจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +1,377

    ขอบคุณมากครับ ขอให้สมปรารถนา :cool:
     
  7. sirawasa

    sirawasa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2010
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +1,191
    ดิฉันไม่ได้บริจาคร่างกาย แต่ได้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ (ทุกอย่างเท่าที่เค้ามีรับบริจาค) ให้กับสภากาชาดไทยไว้นานแล้ว พอดีตอนนั้นขาดความรู้ว่าเค้าบริจาคร่างกายกันที่ไหน พอบริจาคเป็นส่วนๆ ไว้แล้วจะบริจาคร่างกายอีกก็กลัวจะกลายเป็นให้ร่างกายที่ไม่ครบ นักศึกษาแพทย์จะเรียนไม่ได้ เลยต้องเอาไว้แค่แบบแรก

    หลักพุทธศาสนา เท่าที่ได้อ่านได้รับฟังจากพระเกจิอาจารย์/พระสงฆ์ทั้งหลาย ผลของทานทำให้ชาติหน้าไม่ขาดแคลน พระพุทธเจ้าแสดงตัวอย่างผลของบุญของบุคคลหลายๆ ท่านให้ทราบ มักจะได้ในผลตอบแทนในสิ่งที่ตนทำไว้ เช่น เคยวิ่งไป-มารับใช้ให้คนทำบุญเกิดใหม่ก็ได้ครอบครองยานพาหนะ/สัตว์พาหนะที่รวดเร็ว มีเงินมีทรัพย์สินอยู่นำไปถวายเพื่อบำรุงศาสนาเกิดใหม่ก็มีเงินมีทองใช้ เพราะฉะนั้น ทำบุญด้วยการบริจาคอวัยวะ น่าจะยิ่งทำให้เกิดชาติหน้า (ถ้าต้องเกิดนะ) ยิ่งไม่มีสิทธิที่จะขาดอวัยวะนั้น เคยไปต่อแขนต่อขาต่อดวงตาต่อการเต้นของหัวใจให้ผู้อื่น จะเกิดใหม่แบบไม่มีแขนไม่มีขาไม่มีดวงตาไม่มีหัวใจที่สภาพดีได้อย่างไร น่าจะได้แขนได้ขาที่แข็งแรง ได้ดวงตาที่เห็นกระจ่างชัดไม่มีปัญหาทางสายตา และได้หัวใจที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีลิ้นหัวใจรั่วหรือเส้นเลือดหัวใจตีบ เราบริจาคอวัยวะไปเติมเต็มร่างกายของคนพิการให้เขาครบสมบูรณ์แล้วจะส่งผลให้ตัวเราเป็นคนพิการไปได้อย่างไร มีแต่กุศลจะส่งให้ไม่ต้องพบเจอเหตุเภทภัยอะไรให้ต้องพิการในชาติต่อๆ ไปมากกว่า
     
  8. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    มหาบริจากมันต้องทำตอน"เป็นๆๆ" ให้ในขณะที่ยังรู้ร้อนรู้หนาวรู้เจ็บแบบพระโพธิสัตว์ที่ยอมเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเพื่อความสุขของคนอืน แต่ถ้าเราตายแล้วเอาร่างไปบริจาก (มันก็คงจะได้บุญ-สร้างประโยชให้กับวงการแพทย์) แต่เชื่อว่าไม่ใช่"ปะระมัตถะบารมี" ตายไปแล้วจะไปรู้สึกรู้สมอะไรกัน แต่ก็ขอเชิญไปบริจากร่างกายกันมากๆเพื่อประโยชทางการแพทย์ต่อไปสาธุๆๆ
     
  9. palpats

    palpats Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +97
    ดีมากครับ การบริจาคโลหิต ทุก 3 เดือน
    ตอนนี้บริจาคร่างกายให้สภากาชาดไทยแล้วด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...