สงครามอภิญญา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ระยับแดด, 28 กันยายน 2010.

  1. ระยับแดด

    ระยับแดด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +117
    [​IMG]

    การฝึกจิตนั้นไม่ได้มีกันในเฉพาะพุทธศาสนา มีกันอยู่ทั่วไปในบรรดาคนเล่นองค์ทรงเจ้า นักมายากล คนเล่นของ จอมขมังเวทย์ทั้งหลาย ในวงการแพทย์ก็นำไปปรุงแต่งเป็นทฤษฎีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแกน ในหน่วยงานทหารของรัสเซียมีการตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นเพื่อฝึกพลังจิตโดยเฉพาะ เพื่อมาเป็นนักฆ่าจิตสังหารเมื่อคนเราฝึกกันมากๆเกรงว่าจะนำเอาคุณวิเศษที่ได้จากการฝึกจิตนี้มาใช้ประหัตประหารกันจากหนึ่งไปสิบไปร้อยไปพันจนเกิดสงครามอภิญญาขึ้น
    ถ้าหากมันเกิดขึ้นจริงโลกนี้จะเกิดความวุ่นวายซับซ้อนทวีคูณขึ้นไปอีก แล้วใครจะรับผิดชอบ หรือว่าโลกนี้จะกลับเข้าสู่ยุคมืดอีกครั้งหนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2010
  2. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    คงจะดูสนุกน่าดู ถ้าพัฒนาเทคโนโลยีพร้อมกับพลังจิตไป ไม่แน่ในอนาคตคงอาจจะเหมือนหนังเรื่อง สตาร์วอร์ ไรแบบนี้เลย
     
  3. Dio2499

    Dio2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +542
    คิดมากไปป่าวเนี่ยะ มันไม่ใช่จะฝึกกันได้ง่ายๆนะคุณ
     
  4. poacmu

    poacmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +169
    เห็นด้วยครับพลังจิตไม่ได้ฝึกกันง่ายๆนะครับ
     
  5. primrose

    primrose เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +527
    อยู่กับปัจจุบันขณะไปค่ะ ...

    อดีต คือ สิ่งที่เกิดขึ้นแก้ไขอะไรไม่ได้
    อนาคต คือ ความฝันที่ยังมาไม่ถึง

    อานาปานสติ ช่วยระงับความฟุ้งซ่านได้ค่ะ
     
  6. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ถ้าเวลานั้นมาถึงจริงๆ ประเทศอื่นคงสู้ประเทศไทยไม่ได้แน่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า
     
  7. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ไม่มีศีลจะทำได้หรือ ถึงทำได้ก็แค่มนต์ดำ .....ส่งทหารเขมรไปเสกหนังเข้าท้องก็ได้แล้ว.
     
  8. yordnakorn

    yordnakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2008
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +653
    เป็นมิจฉาทิจฐิ...อภิญญาก็เสื่อม..อิอิ..
     
  9. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    ถึงว่า มีคำทำนายว่าไทยจักได้เป็นมหาอำนาจ 555
     
  10. din555

    din555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2010
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +544
    ไม่มีอำนาจใดยิ่งใหญ๋ไปกว่าอำนาจของ กรรม


    อภิญญา ก็ไม่สู้กรรม


    ท่านผู้ฟังทั้งหลายโปรดจำใส่ใจ


    ซำบายดี
     
  11. ระยับแดด

    ระยับแดด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +117
    พลังงานแห่งจิต
    พลังงานของจิตนั้นเป็นแบบไหนกันแน่ ทำไมจิตถึงมีพลังงาน เป็นคลื่น เป็นลำแสง หรือเป็นแบบไหน จิตมีพลังด้วยตัวมันเองหรือว่าดึงพลังงานจากแหล่งอื่นมาใช้
    เราทุกคนก็ล้วนมีจิตอยู่ในตัวทำไมเราไม่รู้จักมัน
     
  12. twojit

    twojit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2010
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +239
    "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" เอาไปใช้บ้างก็น่าจะไม่ทำคิดแบบนั้นนะครับ
    (ไม่ได้บอกว่าผิดนะที่คิดแบบนั้น)
     
  13. yavoiii

    yavoiii Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +65
    ของเราส่งไป 2 คนพอ
    1 O.B.ONE
    2 tewada

    บอร์ดพลังจิตส่งเข้าประกวดดดดดด อิอิ
     
  14. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    เอากันเข้าไป สนุกกันใหญ่ล่ะทีนี้...การที่เราเกิดมาโดยไม่รู้ว่าเพื่ออะไร ถือว่าเป็นความโชคร้ายของการเกิด.
     
  15. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    กรุงกาฬทัพใหญ่ยกไว้ก่อน กล่าวถึงทัพอัสดรตรีเพชรกล้า
    อันแม่ทัพคนนี้มีศักดา อยู่คงสาตราวิชาดี
    แขนขวาสักรงเป็นองค์นารายณ์ แขนซ้ายสักชาดเป็นราชสีห์
    ขาขวาหมึกสักพยัคฆี ขาซ้ายสักหมีมีกำลัง
    สักอุระรูปพระโมคคัลลาน์ ภควัมปิดตานั้นสักหลัง
    สีข้างสักอักขระนะจังงัง ศีรษะฝังพลอยนิลเม็ดจินดา
    ฝังเข็มแล่มทองไว้สองไหล่ ฝังเพชรเม็ดใหญ่ไว้แสกหน้า
    ฝังก้อนเหล็กไหลไว้อุรา ข้างหลังฝังเทียนคล้าแก้วตาแมว
    เป็นโปเปาปุบปิบยิบทั้งกาย ดูเรี่ยรายรอยร่องเป็นถ่องแถว
    แต่เกิดมาอาวุธไม่พ่องแพว ไม่มีแนวหนามขีดสักนิดเดียว
    สูงใหญ่รูปร่างเหมือนอย่างเสือ กำลังเหลือเนื้อหนังก็แน่นเหนียว
    หนวดโง้งโก่งฟั่นพันเป็นเกลียว ฟันขาวปากเขียวดังปลิงควาย
    นัยน์ตาดำคล้ำคล้ายกับตาเสือ ขอบตาแดงเรื่องดังชาดป้าย
    คิ้วกระหมวดหนวดแดงดูแรงร้าย ผมมุ่นมวยคล้ายกับโยคี
    แต่รุ่นหนุ่มคุ้มใหญ่ไม่อาบน้ำ เพื่อนตำแต่ว่านยาทาขัดสี
    ไม่นอนด้วยภรรยาทั้งตาปี ต่อศึกมีเมื่อไรได้อาบน้ำ
    จะไปทัพจึงหาบรรดาว่าน มาเสกอ่านอาคมถมถนำ
    เครื่องรางตะกรุดลงองค์ภควัม บริกรรมเสกเป่าเข้าทันใด
    แล้วตักน้ำตีนท่ามาใส่ขัน หยิบเครื่องอานว่านนั่นเอาลงใส่
    เสกเดือดพล่านพลั่งดังตั้งไฟ เห็นประจักษ์วักได้ใส่หัวพลัน
    หยิบเครื่องอานว่านยาขึ้นมาไว้ เพชรกล้าลงไปในแม่ขัน
    ประจงจบเคารพแล้วอาบพลัน ดูสำคัญในนทีจะมีลาง
    ถ้าจะเกิดอันตรายวายชีวิต ในนิมิตน้ำแดงเป็นแสงฝาง
    ถ้าไม่ชนะไม่แพ้แต่ปานกลาง น้ำเป็นอย่าสีรงลงละลาย
    ถ้าจะไปมีชัยแก่ข้าศึก น้ำเลื่อมดังผลึกวิเชียรฉาย
    ครั้งนั้นขาดชันษาชะตาตาย นิมิตสายชลธีเป็นสีแดง
    เพชรกล้ามุ่งเขม้นเห็นนิมิต รู้แท้แน่จิตประจักษ์แจ้ง
    น้ำอย่างสีฝางลางร้ายแรง นึกแสยงสยดสยอนถอนฤทัย
    เป็นสุดทุกข์ลุกออกมาผลัดผ้า ประหนึ่งว่าไม่ดำรงทรงกายได้
    แล้วนึกว่าชาติทหารอันชาญชัย ถึงบรรลัยก็ให้ลือฝีมือลาว
    ฮึดฮัดจัดแจงแต่งกายา วันจันทร์นุ่งผ้ายกพื้นขาว
    คาดตะกรุดเครื่องรางปรอทวาว ใส่แหวนเพชรเม็ดวาวเหมือนดาวราย
    ประเจียดประจงจับตะเบงมาน สอดสังวาลสะอิ้งรัดจำรัสฉาย
    โพกผ้าขลิบพื้นขาวดาวกระจาย เข็มขัดสายทองถักล้วนอักขรา
    จบจับประคำทองเข้าคล้องคอ ผงดินสอเสกเสริมแล้วเจิมหน้า
    ถือง้าวก้าวย่างสามขุมมา เผ่นขึ้นหลังม้าสง่างาม
    ท่วงทีองอาจดังราชสีห์ สมกับที่ชาญชัยในสนาม
    ขยับยกเมฆในได้ฤกษ์ยาม ให้โห่สามลาเลิกโยธาไป
    แม่ทัพสัปทนคนกางกั้น เสียงฝีเท้าม้าลั่นแผ่นดินไหว
    พวกพลโห่ร้องคะนองใจ เป็นโกลามาในอรัญวา ฯ
    ๏ จะกล่าวถึงกองทัพท้าวกรุงกาฬ ทหารแม่ทัพใหญ่ใจกล้า
    ต่างเร่งรัดจัดแจงแต่โยะา สั่งให้ผูกช้างงาเข้าฉับพลัน
    กรมช้างเร่งรัดจัดช้างตั้ง ล้วนพ่วงพีมีกำลังผูกเครื่องมั่น
    ควาญหมอท้ายคอคนสำคัญ ทหารนั้นนั่งกลางข้างละคน
    มีอาวุธพร้อมสรรพสำหรับช้าง มายืนข้างสองแถวแนวถนน
    สวมสอดเสื้อลงใส่มงคล ล้วนอยู่ยงคงทนซึ่งสาตรา
    บ้างอยู่ด้วยรากไม้ไพรว่าน บ้างอยู่ด้วยโอมอ่านพระคาถา
    บ้างอยู่ด้วยเลขยันตร์น้ำมันทา บ้างอยู่ด้วยสุราอาพัดกิน
    บ้างอยู่ด้วยเขี้ยวงาแก้วตาสัตว์ บ้างอยู่ด้วยกำจัดทองแดงหิน
    บ้างอยู่ด้วยเนื้อหนังฝังเพชรนิล ล้วนอยู่สิ้นทุกคนทนสาตรา
    เพี้ยปราบเมืองแมนแสนเสนี คุมกองโยธีข้างปีกขวา
    ขึ้นขี่คชสารตระหง่านงา โพกผ้าสีทับทิมริมขลิบทอง
    ใส่เสื่อสีชมพูดูแดงฉาด ขลิบตาดต้นแขนไว้ทั้งสอง
    ฝ่ายข้างปีกซ้ายนายกำกอง โพกทับทิมขลิบททองอยู่เหมือนกัน
    ใส่เสื้อกำมะหยี่สีตอง ประคำทองคล้องคอดูแข็งขัน
    ทั้งสองล้วนอยู่คงลงเลขยันตร์ คุมพลข้างละพันทั้งขวาซ้าย
    แต่ล้วนเหล่าทหารชำนาญยุทธ์ ถือสาตราอาวุธเป็นเหล่าหลาย
    นายสอยดาวคุมสกรรจ์ก็พันปลาย เป็นทัพหลังรั้งท้ายสำราจพล
    ขี่พลายแก้วมิ่งเมืองผูกเครื่องมั่น ใส่เสื้อจีบสีจันทน์หนังไก่ย่น
    หมวดโหมดลงยันตร์กั้นสัปทน พร้อมพรั่งทั้งพหลพลโยธี
    ที่นั่งรองขององค์เจ้าเชียงใหม่ ประทานให้แม่ทัพนั้นขับขี่
    สำหรับทรงชิงชัยกับไพรี ชื่อพลายพลิกธรณีมีน้ำมัน
    สูงหกศอกกำมางารัดทอง ตะพองผายท้ายด้อยดังช้างปั้น
    หางยาวหูใหญ่ใจฉกรรจ์ โขมดหัวสองชั้นคั่นมงคล
    จะย่างย่องว่องไวใช้กิริยา หนังหนาหน้ายักษ์ชักเนื้อย่น
    อยู่ปืนฟืนไฟไม่ดิ้นรน หางสะพัดปัดส้นเส้นขนกลม
    ผูกสะพักปักตระพองด้วยทองแล่ง พู่แดงห้อยหูดูงามสม
    พานหน้าท้านลายดาวเป็นดอกกลม สองช้างแนบแถบถมด้วยเงินยวง
    สายชนักถักไหมกลางใส่เบาะ ขอเกาะปลายง้าวคมขาวช่วง
    ควาญใส่เสื้อแดงแย่งชิงดวง ใส่หมวกโหมดม่วงทะมัดทะแมง ฯ
     
  16. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ครานั้นขุนแผนแสนทหาร ได้ยินลาวโห่ขานสะท้านไหว
    ร้องประกาศบอกกันนั่นเป็นไร ลาวยกทัพใหญ่มาคั่งคับ
    เรากับลูกรักอันศักดา จะยกพลโยธาออกเคี่ยวขับ
    ท่านทั้งสองคอยอยู่ดูในทัพ เราจะรับมือลาวชาวเชียงอินทร์
    แต่บรรดาพวกลาวบ่าวของท่าน ประจำการอยู่ในค่ายวงสายสิญจน์
    แต่บรรดาพวกไทยใจทมิฬ จงขี่ม้ามาสิ้นให้ครบกัน
    เจ้าพลายงามยกไปเป็นทัพหน้า คุมพวกสามสิบห้าล้วนแข็งขัน
    เราจะยกทัพใหญ่หนุนไปพลัน ถ้าได้ทีตีตะบันบุกเข้าไป
    ถ้าพลลาวเหลือล้นพ้นประมาณ เราจะไสคชสารเข้าลุยไล่
    จะรบราฆ่ามันให้บรรลัย จงตั้งใจอย่าประมาทต้องอาจอง
    สั่งแล้วขุนแผนกับลูกชาย แต่งกายคาดเครื่องเรืองระหง
    นุ่งผ้าตามตำรารณงค์ เข็มขัดลงยันต์คาดสะอาดงาม
    เสื้อลงเลขยันต์ใส่ชั้นใน เสื้อนอกดอกใหญ่ทองอร่าม
    แหวนมณฑปนพเก้าดูวาววาม สังวาลสามสายแย่งตะแบงมาน
    สวมสายประคำทองเข้าคล้องคอ ทั้งลูกพ่อองอาจชาติทหาร
    ใส่หมวกขลิบตาดพระราชทาน ถือฟ้าฟื้นยืนตระหง่านสง่าดี
    ภาวนาตาเขม้นเห็นเมฆฉาย นิมิตเป็นรูปนารายณ์เรืองศรี
    สี่กรร่อนติดบนเมฆี ขุนแผนขึ้นคอขี่คชฉกรรจ์
    เอานายเพชรเจ็ดปานเป็นควาญท้าย ใส่เสื้อลายสีแดงแสงเฉิดฉัน
    พลายงามขึ้นขี่ม้าสีจันทน์ สั่งให้ลั่นฆ้องฤกษ์แล้วเลิกพล
    ยิงปืนสัญญาณขึ้นห้าตึง ฆ้องหึ่งขานโห่ขึ้นสามหน
    นายปลออดโบกธงเป็นมงคล ก็รีบร้นโยธาคลาไคล ฯ
    ๏ พอสองทัพถึงกันประจันหน้า ลาวก็แยกปีกกาออกหวั่นไหว
    แสนตรีเพชรกล้าทอดตาไป เห็นทัพไทยลิบลิบสักหยิบมือ
    มันเสมือนแมลงเม่ามาเข้าไฟ นี่เข้าใจว่าจะรอดไปแล้วหรือ
    สั่งให้ขับอัสดรต้อนพลฮือ คนละมือก็จะยับทั้งทัพไทย
    เอาเหวยเอาหวาโยธาทัพ จับเอาตัวมันให้จงได้
    อย่าให้มันปลอดรอดหนีไป กระทืบม้าผ่าไล่ไพร่พลมา
    เข้าล้อมหน้าล้อมหลังประดังฟัน พวกไทยตัวกลั่นล้วนแกล้วกล้า
    เจ้าพลายสั่งตั้งโห่ขึ้นสามลา กระทืบม้าฝ่าฟันประจัญรับ
    ลาวแทงเข้าด้วยทวนสวนสกัด ไทยปัดทวนพลาดฟาดฟันฉับ
    พวกลาวแร่แก้กันไทยฟันยับ โถมจับล้มคะมำคว่ำโก้งโค้ง
    ไล่ตะบันฟันฟัดสกัดสะแกง ลาวแทงไทยผลุงสะดุ้งโหยง
    ไม่เข้าไทยไทยกระทืบอยู่โกรงโกรง ไล่ทันฟันโป้งเข้าหลังปึง
    ลาวเงื้อทวนใหญ่แทงไทยปราด ไทยฟาดคันทวนสวนแทงผึง
    หัวถลำคว่ำถลาตกม้าตึง ยิ่งตายยิ่งตะบึงเข้าบุกบัน ฯ
    ๏ เจ้าพลายกับพวกสามสิบห้า คว้างคว้างวางมาดังกังหัน
    เห็นลาวล้อมเข้าใกล้ออกไล่ฟัน ลาวเข้ารันรุมตีไม่หนีไทย
    ลาวแทงไทยฟันตะบันฆ่า ที่อยู่เหยียบกันเข้ามาหาถอยไม่
    เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มห้อมล้อมเข้าไว้ จนเต็มทีพวกไทยหัวไหล่ล้า
    เจ้าพลายขับสีจันทน์เข้าฟันฟาด ดาบลงยันต์ฟันขาดดังฟ้าผ่า
    ถึงลาวคาดเครื่องอานกินว่านยา ถูกดาบมรณาลงดาดดิน
    ลาวรุมกลุ้มแทงเสียงอึกอัก ทวนหักหอกยู่บู้บิ่น
    บุกตะบันฟันขนาบดาบไม่กิน เจ้าพลายฟาดขาดดิ้นสิ้นเป็นเบือ
    พวกลาวหวาดหวั่นพรั่นชะงัก ดังสุนัขพาหมู่เข้าสู้เสือ
    ร้องว่าดาบเราบ่เข้าเนื้อ กูฟันชั้นแต่เสื้อบ่เข้ามัน
    เจ้าพลายแกว่งดาบอยู่วาบวาว พวกลาวถอยท้อย่อขยั้น
    ดังพระยาสีหราชกาจฉกรรจ์ เข้าผกผันเผ่นคว้างกลางฝูงวัว
    เข้าไหนลาวหนีอยู่มี่ฉาว พวกลาวต่างขยั้นสั่นหัว
    เกรงสง่าไม่กล้าเข้าใกล้ตัว ด้วยความกลัวชีวันจะบรรลัย ฯ
    ๏ ครานั้นจึงแสนตรีเพชรกล้า ขับต้อนโยธาอยู่หวั่นไหว
    เห็นไพร่พลเรรวนปั่นป่วนไป เพชรกล้าขัดใจกระโจนมา
    เท้ากระทืบแผงข้างผางผางลั่น เร่งรุกบุกบันขึ้นมาหน้า
    เสียงตวาดประกาศก้องเป็นโกลา มาจนหน้าม้าเจ้าพลายงาม
    เห็นรูปร่างสำอางลออตา เพชรกล้าเข้าใกล้แล้วไต่ถาม
    แน่ะเจ้านายทหารชาญสงคราม เจ้านี้มีนามกรไร
    พึ่งรุ่นหนุ่มร่างน้อยกะจิดริด เจ้าเป็นศิษย์ศึกษาอาจารย์ไหน
    เป็นเผ่าพงศ์วงศ์วานท่านผู้ใด จงบอกไปให้แจ้งแก่กิจจา ฯ
    ๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนอง ร้องตอบคดีตรีเพชรกล้า
    อันตัวเราเป็นทหารอยุธยา ชื่อว่าพลายงามมาตามวงศ์
    บิดาชื่อพระยาแผนพิฆาฏ พระราชทานตั้งนามตามประสงค์
    ตัวเราเป็นศิษย์บิตุรงค์ เผ่าพงศ์วงศ์พลายหลายชั่วมา
    ท่านนี้มีนามกรใด ครั้นจะถามถึงผู้ใหญ่ก็เกินหน้า
    ถึงยังมีมิตายก็เต็มชรา แต่เรียนรู้ครูบาอาจารย์ใด ฯ
    ๏ ครานั้นเพชรกล้าได้ฟังถาม ก็ชื่นชมตอบความหาช้าไม่
    ซึ่งถามเราจะเล่าให้เข้าใจ เจ้าชาวใต้ไม่รู้จู่ขึ้นมา
    เราเป็นเชื้อเจ้าท้าวคำแมน มียศเป็นแสนตรีเพชรกล้า
    เราเป็นเชื้อชาติทหารชาญศักดา ในลานนาใครใครไม่ต่อแรง
    พระครูผู้บอกวิทยา ชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง
    สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง ทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง
    เจ้าหนุ่มน้อยนี้หรือชื่อพลายงาม ช่างสมรูปสมนามดูงามยิ่ง
    ตะละแกล้งหล่อเหลาเพราพริ้ง รูปร่างอย่างผู้หญิงพริ้งพรายตา
    จะเปรียบลูกก็อ่อนกว่าลูกเล็ก จะเปรียบหลานพานจะเด็กกว่าหลานข้า
    ไม่ควรจะรบสู้กับปู่ตา กลับไปบอกบิดามารอนราญ
    จะได้เป็นขวัญตาโยธาทัพ เห็นฉบับแบบไว้ในทหาร
    ยังเด็กอยู่คอยดูวิชาการ เฮ้ยหลานพ่ออยู่ไหนไปบอกมา ฯ
    ๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนอง ร้องตอบต่อคดีตรีเพชรกล้า
    แน่เธออย่าเพ่ออหังการ์ เจรจาหมิ่นประมาทเราชาติเชื้อ
    ตัวท่านแก่กายอย่างควายเฒ่า อันตัวถึงเด็กเล็กลูกเสือ
    ฝีมือใครไพร่ลาวแหลกเป็นเบือ อย่าหลงเชื่อว่าผู้ใหญ่จะไม่แพ้
    ถ้าไม่ดีที่ไหนใครจะมา จะขอลองวิชากับตาแก่
    ให้ปรากฎฤทธีว่าดีแท้ หรือเป็นแต่ปากกล้ากว่าฝีมือ
    ขออภัยอย่าเพ่อให้ถึงบิดา แต่ลูกยาท่านจะชนะหรือ
    มาลองดูสักหนให้คนลือ จะปลกเปลี้ยเสียชื่อดอกกระมัง ฯ
    ๏ ครานั้นแสนตรีเพชรกล้า โกรธาตาแดงดังแสงครั่ง
    เหม่อ้ายนี่หนักหนาว่าไม่ฟัง มาโอหังอวดรู้สู้สงคราม
    เท้ากระทืบกระทบโกลนโผนผก มุ่นหมกขับคว้างมากลางสนาม
    ท่วงทีขี่ม้าสง่างาม รำง้าวก้าวตามกระบวนทวน ฯ
    ๏ ฝ่ายเจ้าพลายงามทรามสง่า เห็นตรีเพชรขับม้ามาปั่นป่วน
    ก็ชักม้ารับร่ายย้ายกระบวน แล้วหันทวนว่องไวในทำนอง
    เพชรกล้ารำง้าววาววาววับ เจ้าพลายรำดาบรับสองมือป้อง
    สองนายร่ายรำตามทำนอง ม้าผยองผันผกวกวนเวียน
    แล้วยกรำทำท่าหงส์สองคอ เยื้องล่อเลี้ยวฟันหันเ***ยน
    แล้วรำท่ามังกรช้อนวิเชียร ผลัดเปลี่ยนว่องไวไม่เสียที
    เพชรกล้าถือง้าวยาวกว่าดาบ เจ้าพลายฉาบเข้าฟันแล้วผันหนี
    เพชรกล้าขัดใจไม่คลุกคลี เจ้าพลายรำทำทีให้ไล่ทัน
    เพชรกล้าได้ท่าปาลงฉาด เจ้าพลายหลบลาวพลาดคะมำหัน
    พลายงามตามชิดติดตะบัน สบท่าผ่าฟันลงต้ำตึง
    หยึ่นเปล่าหาเข้าตรีเพชรไม่ เยื้องขยับกลับใส่เจ้าพลายผึง
    เจ้าพลายผันฟันบ่าเพชรกล้าปึง เนื้อประหนึ่งหินผาศิลาแลง
    แสนตรีเพชรกล้าง่าง้าวกราย ฟันเจ้าพลายงามพรวดดังกรวดแข็ง
    ราวกับเกาหลังให้ยิ่งได้แรง ฟันตะแบงบุกไปไล่ตะครุบ
    เอาดาบฟาดฉาดฟันตะบันส่ง เป็นหลายหนคงทนไม่บู้บุบ
    เพชรกล้ากลับด่ำเข้าตำทุบ ถูกเนื้อยุบพอขยายก็หายไป ฯ
    ๏ แสนตรีเพชรกล้าระอาจิต สุดคิดที่จะเอาชนะได้
    น่งนึกตรึกตราแต่ในใจ ชะเด็กไทยคนนี้มันดีจริง
    ช่างกล้าแข็งแรงฤทธิ์นั้นเกินร่าง ดูแต่หน้าท่าทางอย่างผู้หญิง
    มันสู้กูผู้ใหญ่ไหวมันจริง ด้วยเชิงชิงชัยชาญชำนาญแท้
    จะรบรันฟันฟาดด้วยสาตรา เห็นทางท่าเอาชัยบ่ได้แน่
    ต้องใช้มนตร์ทางในให้มันแพ้ ก็ชักม้าราแต้ออกยืนไกล
    หลับตาภาวนาร่ายพระเวท อันวิเศษเชี่ยวชาญอาจารย์ให้
    เรียกมหาอาโปเป่าออกไป เป็นน้ำไหลพลุ่งพลั่งดังท่อธาร
    พิลึกล้นท้นท่วมทั่วจังหวัด ลมก็พัดเป็นระลอกกระฉอกฉาน
    พวกทัพไทยต่างคนตะลนตะลาน ตะเกียกตะกายว่ายซานขึ้นต้นไม้
    ทั้งขี่ม้าหยั่งขาไม่ถึงที่ ด้วยนทีโชนเชี่ยวเป็นเกลียวไหล
    เหล่าพวกอาสาระอาใจ ต่างร้องบอกนายไปให้แก้มนตร์ ฯ

    ๏ ครานั้นพลายงามเจ้าความคิด เรืองฤทธิ์ลือแจ้งทุกแห่งหน
    อ่านคาถาเป่าปัดไปบัดดล ก็ทดท้นน้ำแห้งทุกแห่งไป
    แล้วอ่านมนตร์ดลเรียกเตโชธาตุ เป่าปราดไปเป็นเพลิงเถกิงไหม้
    โพลงพลุ่งทุ่งเถือกเป็นเปลวไฟ วาบวามลามไล่ไพร่พลลาว
    พอลาวเห็นไฟไหม้ลามมา กระทืบม้าหนีพล่านออกฉานฉาว
    กัมปนาทหวาดหวั่นตัวสั่นท้าว ร้องเรียกเจ้านายช่วยข้าด้วยรา ฯ
    ๏ ครานั้นเพชรกล้าเป็นจ่าศึก เห็นไฟไหม้คึกคึกมาเต็มป่า
    ระงับการร่ายพระเวทวิทยา เรียกกมหาวลาหกให้ตกลง
    ก็เกิดเป็นเมฆตั้งขึ้นบังปก แล้วฝนตกโฉมซ่าป่าระหง
    สักห่าใหญ่ไหลดาดแผ่นดินดง ดับไฟไหม้พงนั้นสูญไป
    เหล่าพวกอาสาโยธาหาญ หนาวสะท้านทุกคนไม่ทนได้
    เข้ามั่วสุมกลุ่มกลมใต้ร่มไม้ ถูกเม็ดใหญ่ลูกเห็บเจ็บแทบตาย ฯ
    ๏ ครานั้นพลายงามความสามารถ ชาญฉลาดเฉลียวเลิศเฉิดฉาย
    อ่านอาคมเรียกลมที่ในกาย ระบายวาโยธาตุเป่าปราดไป
    ด้วยอาคมเกิดเป็นลมเพชรหึง ตึงตึงพัดฝนไม่หล่นได้
    ที่หยดหยาดขาดสายหายทันใด ด้วยพระเวทฤทธิไกรอันชัยชาญ
    แล้วเอาก้อนกรวดมาซัดปราด เป็นเม็ดฝนกรวดทรายกระเซ็นซ่าน
    ตกต้องลาวพลตะลนตะลาน อลหม่านหนีซุกไปทุกคน
    บ้างขับม้าเข้าพุ่มคลุมหัวร้อง บ้างถูกต้องเจ็บปวดเม็ดกรวดฝน
    เป็นแผลเหือดเลือดไหลไปทุกคน เหลือทนเต็มประดาแก้ผ้าคลุม ฯ
    ๏ ครานั้นจึงแสนตรีเพชรกล้า เห็นโยธาหน้าฟกอกเป็นตุ่ม
    แสนพิโรธโกรธใจดังไฟรุม ประชุมนิ้วเหนือเกล้าแล้วเป่าไป
    เกิดเป็นตารางกลางอากาศ กั้นหยาดเม็ดฝนไม่หล่นได้
    เม็ดฝนกรวดทรายหายทันใด แล้วสั่งไพร่ให้ลงจากพาชี
    อันจะเข้ารบรุกกันคลุกคลี การว่องไวไม่ดีเหมือนเดินเท้า
    ให้เอาม้าไปซุ่มเสียพุ่มชัฎ เลือกจัดแต่ล้วนทวนแหลนหลาว
    ให้พร้อมสรรพเครื่องยุทธ์อาวุธยาว สกัดก้าวห้อมล้อมให้พร้อมพรัก
    พวกเราเอาแต่แรงแทงมันส่ง ถึงอยู่คงก็ถูกกระดูกหัก
    ด้วยข้างเรากว่าพันมันน้อยนัก เอาเสียพักเดียวเถิดอ้ายพ่อกู ฯ
    ๏ ทหารลาวกราวลงจากหลังม้า วิ่งผลุนหมุนมาเป็นหมู่หมู่
    เข้าล้อมหน้าล้อมหลังออกพรั่งพรู เกรียวกรูทิ่มตำกระหน่ำแทง
    เหล่าพวกอาสาเข้าฝ่าฟัน ถูกลาวขาดสะบั้นสะพายแล่ง
    หัวขาดตัวขาดเลือดสาดแดง พวกกองหลังยังแซงแข่งเข้าไป
    เกลื่อนกลุ้มหุ้มไทยไว้เป็นหมู่ หอกยู่แทงเปล่าไม่เข้าได้
    พวกอาสาฟันฟอนจนอ่อนใจ ยิ่งบรรลัยยิ่งรุมกลุ้มเข้ามา ฯ
    ๏ จนไหล่ตกยกมือขึ้นไม่ไหว อึดใจเรียกนายพ่อพลายขา
    ลูกฟันมันจนสิ้นแรงระอา ตายหนึ่งหนุนมาห้าหกคน ฯ
    ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม เชี่ยวชาญการสงครามไม่ย่อย่น
    เห็นพวกอาสาบรรดาพล เหนื่อยจนไหล่ตกไม่ยกมือ
    จึงรูดเอาใบมะขามมาสามกำ เสกซ้ำเป็นต่อบินปร๋อปรื๋อ
    ตั้งโกฎิแสนแน่นป่ามาฮือฮือ ดูออกคล่ำดำปื้อไปทุกละเมาะ
    ตัวยาวราวก้อยไม่ต่อยไทย จำเพะลาวกราวไล่ใส่เปาะเปาะ
    พิษสงเหล็กในดังใครเคาะ ถูกเหมาะเหมาะล้มทับกันยับยุบ
    พวกลาวอาวุธหลุดมือถือ เอาแต่มือตบสู้อยู่ปับปุบ
    เหลือทนลุกล้มลงก้มฟุบ โดดผลุบลงในน้ำดำหนีไป
    พอเต็มกลั้นผุดฟ่อต่อต่อยซ้ำ ไม่กลับดำต่อยป่นทนไม่ได้
    เพชรกล้าตาปิดพิษเหล็กใน ทั้งม้าม่อยต่อยไล่ไปพรั่งพรู
    หน้าตาล้วนแต่คาเหล็กในต่อ ม้าลาพาห้อชักไม่อยู่
    บ่าวนายพ่ายหนีวิ่งกรีกรู พวกไทยไล่ลู่ตะลุมบอน ฯ
     
  17. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ครานั้นท่านท้าวกรุงกาฬ เห็นทหารเพชรกล้าวิ่งว้าว่อน
    กะปลกกะเปลี้ยเสียทีหนีซอกซอน ก็ไสช้างวางต้อนโยธามา ฯ
    ๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้าน เห็นกรุงกาฬเข้าด้วยช่วยทัพหน้า
    ก็ขับกุญชรต้อนโยธา ไสช้างขวางหน้าเจ้ากรุงกาฬ
    จึงร้องฮ้าท่านหรือทัพหลวง จึงเลยล่วงขับช้างมากลางทหาร
    ดูช้างม้ารี้พลพ้นประมาณ นี่จะไปรบราญบ้านเมืองใด ฯ
    ๏ ครานั้นกรุงกาฬชาญกำแหง ได้ฟังคำเสียดแทงให้หมั่นไส้
    สูนี้พระยาแผนแล้วแม่นใจ มายกความถามไถ่ไม่มีอาย
    เข้ามาลักช้างม้าพาคนหนี แล้วเข่นฆ่าราตีคนทั้งหลาย
    ซ้ำปักหนังสือท้าว่าหยาบคาย ตัวไม่เป็นผู้ร้ายดอกหรือไร
    อยุธยาช้างม้าไม่มีหรือ จึงดึงดื้อมาปล้นจนเชียงใหม่
    เรายกพลมาประจญจับโจรไพร ถ้าคืนของกลางให้จะรอดตัว ฯ
    ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสะท้าน ได้ฟังท้าวกรุงกาฬก็ยิ้มหัว
    ช่างพูดได้ไม่คิดถึงเงาตัว ทำความชั่วถึงปิดไม่มิดควัน
    ซึ่งล้านช้างส่งนางไปกรุงไทย เจ้าเชียงใหม่เมามืดด้วยโมหันธ์
    ลอบไปฉกชิงนางไว้กลางคัน จับพวกส่งลงทัณฑกรรมไว้
    ข้าหลวงไทยที่มารับก็จับจำ เฆี่ยนขับยับระยำทั้งนายไพร่
    กระทำความข่มเหงไม่เกรงใจ ยังท้าให้ยกพลมาชนช้าง
    เจ้าท่านนั้นแลเป็นโจรป่า เอาชีวาแลกสตรีไม่มีอย่าง
    ถ้ารักตัวกลัวว่าจะวายวาง ให้ส่งนางคืนไปจะไม่ตาย ฯ
    ๏ กรุงกาฬทหารใหญ่ครั้นได้ฟัง แค้นคั่งอสนีบาตฟาดสาย
    จะตอบเหมือนล้มไม้ลงทับกาย ด้วยเจ้านายทำความไม่งามดี
    จึงแกล้งกลบเกลื่อนเป็นเงื่อนงำ อันถ้อยคำอาจเอิ้นเห็นเกินที่
    เพราะเจ้าเวียงจันทน์นั้นไม่ดี เป็นพาลีสองหน้ามาแต่ไร
    มีสารามาถวายองค์สร้อยทอง แก่พระผู้ครองเมืองเชียงใหม่
    แล้วกลับยกยักย้ายถวายไทย เราจึงได้อาฆาตวิวาทกัน
    จนติดพันประจัญรณรงค์ มากล่าวไยให้ส่งองค์นางนั้น
    อย่าช้ามาชนช้างกันกลางครัน ถ้าใครดีชีวันไม่บรรลัย
    ถ้าแม้นเราแพ้ท่านในการณรงค์ ก็ควรละจะส่งสร้อยทองให้
    ถ้าแม้นท่านเสียท่าปราชัย สร้อยทองต้องเอาไว้ในเชียงอินทร์
    ว่าพลางทางสั่งปีกซ้ายขวา ทั้งกองกลางช้างม้าดากันสิ้น
    ให้รายล้อมพวกไทยใจทมิฬ อย่าให้ปลิ้นหนีพล่านออกด้านใคร ฯ
    ๏ ครานั้นขุนแผนแสนวิเศษ ขจรเดชลือเลื่องกระเดื่องไหว
    จึงร้องสั่งทหารอันชาญชัย อย่าคลุกคลีตีให้เป็นด้านกัน
    สำมะยังรั้งรับกับปีกขวา พรหมศรรับราปีกซ้ายนั่น
    ธรรมเถียรคอยทัพรับหลังมัน ตัวเราจะประจญเข้าชนช้าง
    สั่งแล้วไสสีห์คชเดช ร่ายพระเวทเป่าตะพองงาสองข้าง
    ให้คงทนทั้งตัวทั่วสรรพางค์ แล้วไสวางช้างมุ่งท้าวกรุงกาฬ ฯ
    ๏ ครานั้นกรุงกาฬชาญชัยศรี ไสพลายพลิกธรณีมาง่านง่าน
    กรายของ้าวรำด้วยชำนาญ คชสารสองปะทะเข้าประงา
    ด้วยช้างลาวกำลังที่คลั่งเมา เมื่อยกออกกรอกเหล้าไว้หนักหนา
    คขเดชยั่งยืนชื่นนัยน์ตา บ่มมันกลั่นกล้าไม่กลัวช้าง
    ครั้นพลายพลิกธรณีรี่เข้าชิด คชเดชก็ขวิดปลายงาผาง
    พอช้างลาวเบนเสยเข้าเกยคาง ช้างไทยได้ล่างเข้าหว่างคอ
    นายเจ็ดปานพานกระแชงแทงต้ำเฮือก ถูกช้างลาวหน้าเสือกหงายท้ายย่อ
    ขุนแผนคะยิกใหญ่ไม่รั้งรอ ช้างไทยเป็นต่อดันตะบึง
    ช้างลาวถอยหลังยั้งไม่ถนัด เพียรจะงัดช้างไทยใส่ผึงผึง
    ช้างไทยดันแดกกระแทกตึง ช้างลาวถอยดึ่งทุกทีไป
    กรุงกาฬเหนี่ยวสับให้กลับหัน ช้างไทยดันไม่ฝืนคืนมาได้
    ด้วยช้างลาวเมาสุราเป็นบ้าใจ ครั้นเจ็บหนักยักไหล่สลัดคว้าง
    ขุนแผนเห็นได้ทีไม่รีรอ รำของ้าวฟาดลงฉาดผาง
    ถูกกรุงกาฬซานซบทบคอช้าง ไม่เข้าคอพอเป็นยางออกช้ำช้ำ
    กรุงกาฬฟื้นลุกคืนขึ้นมาได้ ขุนแผนไสช้างกระชั้นไล่ฟันร่ำ
    จนตีนหลุดจากชนักหัวปักปำ ขุนแผนซ้ำลงอีกฉาดพลาดตกตึง
    ขุนแผนไสช้างเข้าร้องเอาพ่อ ช้างก็ปร๋อปราดแปร้นแล่นเข้าถึง
    ม้วนงวงหลับตาลงงาตึง ตีตะบึงแทงตะบันดันจนแบน
    พอถอนงาคว้าผีขึ้นโยนขวับ ตกลงมางารับแล้วร้องแปร้น
    ไส้ทะลักหักแหกหัวแตกแตน ช้างลาวแล่นหนีออกนอกโยธา
    สำมะยังคุมไพร่ไล่ขนาบ ตีกองปราบเมืองแมนข้างปีกขวา
    พรหมศรต้อนพลกล่นเกลื่อนมา เข้ารบราปีกซ้ายนายกำกอง
    สองข้างต่างโถมเข้าโจมตี ถ้อยทีหนีไล่กันไวว่อง
    ลาวแทงไทยจับเข้ารับรอง ไทยฟันลาวป้องจ้องเข้ารับ
    พวกไทยไล่ทันฟันตะบึง นั่นปึงนี่ปังข้างหนึ่งปับ
    สำมะยังโถมเข้าเอานายทัพ นายปราบรันฟันปังดังเหล็กเพชร
    สำมะยังเป่าไปให้ประจุขาด เอาดาบฟาดขาดสะบั้นกระเด็นเด็ด
    ดาบล่อนเลือดฝาดดังชาดเช็ด อ้ายลาวเข็ดคิดขยาดไม่อาจรบ
    พรหมศรเสกคาถาว่าถอนโบสถ์ โดดแทงกำกองเข้าท้องกบ
    ชักกั้นหยั่นฟันควาญลงซานซบ ทับศพผีนายลงก่ายกัน
    สอยดาวเห็นแม่ทัพอัปรา นายทั้งปีกซ้ายขวาก็อาสัญ
    ก็ขับไสช้างงาเข้ามาพลัน เอาง้าวหันพวกไทยไล่ตะลุย
    ธรรมเถียรยืนดูอยู่ท่ามกลาง ขัดใจไสช้างมาฉุยฉุย
    อ้ายพลายแก้วมิ่งเมืองไม่เงื่องงุย เอางาชุ่ยสอยดาวเข้าราวนม
    นายสอยดาวทรงกายพอหายขัด เอาของคัดงาหันฟันประสม
    ไทยเป่าโอ้ฟ้าผ่ามาตามลม ฟันลาวง้าวจมลงครึ่งคอ
    แล้วเหยียบดจนโผนทะยานฟันควาญท้าย อ้ายลาวบ่าวนายไม่เหลือหลอ
    ฉัวะแาดขาดเด็ดทั้งสองคอ พวกพลย่นย่อเข้าป่าไป ฯ
    ๏ จะกล่าวถึงแสนเพชรตรีกล้า สิ้นพิษต่อลืมตาขึ้นมาได้
    แลเห็นทัพแตกตายกระจายไป ก็ขัดใจขับม้ามาทันที
    ร้องว่าฮ้าเจ้าพลายนายแผนนั้น มิสำคัญคิดเอาว่าเราหนี
    ด้วยตัวต่อต่อยตาเอาพาชี มันแล่นลี้ชักฉุดไม่หยุดยั้ง
    เรากลับมากล้าดีมาลองฤทธิ์ อย่าได้คิดว่าเราจะถอยหลัง
    มาตรแม้นแพ้นายวายชีวัง จะให้ชื่อลือดังทั้งแผ่นดิน ฯ
    ครานั้นขุนแผนแมนศักดา ฟังคำเพชรกล้าพูดบ้าบิ่น
    จึงร้องตอบคำไปให้ได้ยิน ยังเล่นลิ้นลอยหน้ามาท้าทาย
    เราเห็นทำศักดากับทารก ยังต้องยกธงล่าเข้าป่าหาย
    แพ้ลูกกะจิดริดไม่คิดอาย จะมาหมายต่อสู้ผู้บิดา
    นี่แท้นายอายลาวพวกบ่าวไพร่ จึงซ่องแซ่งแข็งใจมาแก้หน้า
    ด้วยจนตรอกบอกไม่ได้แข็งใจมา ในครั้งนี้ชีวาไม่คงชนม์ ฯ
    ๏ เพชรกล้าตาเขียวให้เกรี้ยวโกรธ ดังถูกหอกรอกโสตรสักแสนหน
    เดือดดาลไม่ทันอ่านพระเวทย์มนตร์ ก็ขับม้าผ่าพลเข้าชิงชัย
    ขุนแผนตวาดอำนาจยักษ์ เพชรกล้าง่าชะงักไม่ไหวได้
    แล้วยกเงื้อง้าวฟาดฉาดลงไป ถูกหัวไหล่ลาวล้มลงจมอาน
    ตาหลอว่าคุณพ่อดิฉันเอง วิ่งถลันฟันเป้งลงด้วยขวาน
    ตารักว่าฉันด้วยช่วยลนลาน เอาพลองกระทุ้งพุงกรานให้ตกม้า
    นายโห้สามหอกกรอกด้วยทวน เหล็กม้วนไม่เข้าตรีเพชรกล้า
    ทิ้งทวนเข้าปะทะฉะด้วยพร้า นายปานขวานฟ้าเอาดาบฟัน
    ราวกับฟาดทองแดงแทงก้อนหิน หักบิ่นยู่ย่นไปจนกั่น
    แม้กระดูกก็ไม่หักแต่สักอัน คงกระพันชาตรีดีทั่วกาย
    ตาหลอว่าคุณพ่อพ่อพลายขา อ้ายเพชรกล้าคนนี้ดีใจหาย
    จะฟันแทงสักเท่าไรก็ไม่ตาย ยังนอนหายใจอยู่ดูพิกล
    ขุนแผนร้องว่าอย่ามี่ฉาว เฮ้ยพวกเราเอาหลาวทะลวงก้น
    ถึงมาตรแม้นอยู่ยงมันคงทน แยงให้จนถึงคอคงมรณา
    ตาหลอกับตารักยืนหยักรั้ง พวกทะลึ่งตึงตังเข้าแก้ผ้า
    นายโม้กับนายเม้าเอาหลาวมา ผ่าทวารเข้าปรอดตลอดตัว
    หลายคนช่วยกันดันกระดอก เอาไม้ตอกกังกังกระทั่งหัว
    หน้าเผือดเลือดแดงดังแทงวัว ถูกรูรั่วเลือดราดลงดาดดิน ฯ
    ๏ พวกโยธาบรรดาที่เหลือตาย บ้างหลบลี้หนีหายเข้าป่าสิ้น
    พวกม้าเร็วรีบตะบึงถึงบุรินทร์ บอกระบิลแสนท้าวเหล่าพระยา
    ว่าสาธุโยธาทั้งห้าทัพ ตายยับสิ้นแล้วพระเจ้าข้า
    เหล่าพวกที่หลบลี้มิมรณา ไม่ทราบว่ามาได้สักเท่าไร ฯ
     
  18. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    คิดเหมือนกันเลย เราก็คิดแบบนี้แหละ มันฝึกยากมั่กๆๆเ้ลยนะคุณ..
     
  19. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393

    คุณไสยหรือจะสู้คุณพระ....รัตนตรัย
     
  20. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    กระทู้เขาดีนะ มีคุณภาพ คับแก้ว

    เอาไปเต็ม สี่ จากสิบ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...