สติดีดออกจากสมาธิ

พอเจอคนจริง ของจริง...เผ่นแนบไปแล้ว เฮ้อโลกยุคนี้หนออริยะกลัวการตรวจสอบด้วยแฮะ..!

 

ผมได้อ่านกระทู้นี้มาได้ระยะหนึ่งให้ความสนใจดี ตอนแรกก็นึกว่าจขกทฮัวกับผู้ข้อความบางท่านหรือเปล่า

พออ่านไปอ่านมาถึงรู้ว่าไม่ใช่ เป็นเพราะท่านจขกทแสดงความคิดเห็นที่ตนปฏิบัติได้ถึงจะเป็นแค่พื้นฐานผมก็ชืนชมเพราะถึงจะมีบางท่านไล่กวดคุณ พยายามมากที่จะให้จขกทตอบไม่ได้ แต่จขกทก็ตอบตามความรู้ในภูมิธรรมของท่าน

แต่ผมขอแน่ะนำว่าถ้าจขกทตอบไม่ได้ก็บอกไปเลยว่าไม่รู้ ภูมิธรรมของท่านใช้ได้บ้างแล้วถึงไม่ทั้งหมด แต่เท่าที่ท่านปฏิบัติได้ผมว่ามาได้ดีกว่าหลายท่านในที่แสดงความเห็น

ส่วนเรื่องที่บางกระทู้ถามเข้ามาผมว่า มันแปลกๆเหมือนไม่ได้จะมาแลกเปลี่ยนธรรมแต่เหมือนจะมาแฉอะไรบางอย่าง ท่านลองสังเกตุให้ดีท่านจะรู้ว่าว่าอะไรเป็นอะไร คนมันมีธรรมน้อย แต่อ้างว่ามีภูมิรู้ ภมูิธรรม เห็นแล้วนึกสังเวชใจ

ท่านจขกทอย่าเอาสิ่งที่ท่านปฏิบัติได้มาแลกเลยครับ ผมนึกสงสารท่าน เห็นใจครับ เหตุการณ์แบบนี้ผมเจอมาแล้ว ในที่สุดผมก็เข้าใจ มีทั้งคนชง คนส่ง ท่านจขกท ดูเอาเองเถอะ

ผมหวังว่าถ้าท่านจขกทคงเข้าใจ ส่วนเรื่องการปฏิบัติถ้าท่านปราถนาจะก้าวหน้าเดี๋ยวผมจะแน่ะนำครูบาอาจารย์ให้ท่านจขกทเอง ท่านเก่งด้านวิปัสนาเป็นพระอริยสงฆ์ทางภาคเหนือเป็นที่รู้จักของสาธุชน ไปปฏิบัติต่อเถอะครับอย่าเอาจิตส่งออกหรือไล่ตามอารมณ์ของท่านผู้อื่นเลย หลายท่านไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับท่านจขกทหรอกครับ เดี๋ยวผมจะpm ที่อยู่ครูบาท่านให้ครับ


ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่าน อ้อ..ผมลืมบอกว่าจิตของท่านเป็นกุศลแล้วรักษาให้ดี ตัวนี้แหละจะเป็นตัวส่งให้การปฏิบัติของท่านก้าวหน้าในธรรม

ขอให้บุญรักษาท่าน

 

ผมขออนุญาติแสดงความคิดเห็นส่วนตัวสักหน่อยน่ะครับ

เท่าที่ผมอ่านข้อความของท่านตั้งแต่ต้น....ผมมองว่าท่านเป็นบุคคลที่หาสาระอะไรมิได้เลย ดีแต่บิบไปบินมา หาแก่นสารทางธรรมมิได้ ท่านไม่แสดงความคิดเห็นที่ได้ธรรม มัวแต่คอยจ้องจับผิดท่านอื่นแล้วก็พูดจาส่อเสียดผิดธรรมเป็นอย่างมาก

ในภพชาตินี้ท่านโชคดีมีพร้อมแต่ถ้าท่านปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยหาแก่นสารมิได้ผมมองว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย.......เป็นอย่างมาก

 

ตอนนี้มันอาจจะดีดหัวใจใครไปหลายคนแล้วก็ได้...ดับให้หมด แล้วเจริญเมตตาจิตเข้าไปทดแทน กำลังจิตจะสูงขึ้นเอง
ฝึกเมตตา อภัยทาน อโหสิกรรม ไปในตัว ทำได้ทุกคนนะ

 

อ่านไปอ่านมา มันก็แค่อ่านมาอ่านไป มันก็หาสาระไม่ได้เลยเพราะความจริงสื่งที่เห็นทั้งหลายก็ล้วนไม่มีสาระแก่นสารใด จะเก็บมาแล้วพิจารณาด้วยความคิดก็ได้ความคิดเป็นคำตอบ จะเก็บมาพิจารณาด้วยปัยญาก็ได้ปัญญาเป็นคำตอบ ความคิดมีส่วนประกอบมากมาย แต่ปัญญามีส่วนประกอบไม่มากมาย ไม่วุ่นวาย ไม่ถือตัวถือตน เพราะไม่จำเป็นต้องคิด ถ้าว่าด้วยสมาธิจิต หรือจิตสติ ก็ต้องว่าด้วยเรื่องเหล่านั้น จะข้ามไปสู่ปัญญาก็ได้แต่ต้องบอกคนอื่นด้วยว่าเปลี่ยนมุมไปตรงไหน เพราะของสองสิ่งนี้เป็นของเกื้อกูลกันแต่จะมีรอยต่อเสมอ และหากไม่คิดอะไรมากก็ไม่งงเพราะสิ่งใดเป็นสิ่งใดก็เป็นสิ่งนั้นเสมอ พระศาสดาทรงสอนสั่งเอาไว้ดีแล้ว
อนุโมทนาสาธุคั๊บ

 

ไม่รู้ว่าจะตรงประเด็นของ จขกท. ไหม แต่อยากแปะให้อ่าน
วันนี้หอบเรื่องขันติ มาฝากเจ้าค่ะ

[๘๖๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ทราบว่า ในครั้งนั้น ท้าว

เวปจิตติ จอมอสูรถูกมัดด้วยการมัดห้าแห่งอันมีคอเป็นที่ ๕ ได้ด่า

บริภาษท้าวสักกะจอมเทวดา ซึ่งกำลังเสด็จเข้าและออกยังสุธรรมา

สภา ด้วยวาจาอันหยาบคาย มิใช่ของสัตบุรุษ.

[๘๗๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล มาตลีเทพบุตร ผู้

สงเคราะห์ ได้ทูลถามท้าวสักกะจอมเทวดาด้วยคาถาว่า

ข้าแต่ท้าวสักกะมฆวาฬ พระองค์

ได้ทรงสดับถ้อยคำอันหยาบคาย เฉพาะ

หน้า ของท้าวเวปจิตติจอมอสูร ยังทรง

อดทนได้ เพราะความกลัว หรือเพราะ

ไม่มีกำลัง พระเจ้าข้า.

[๘๗๑] ท้าวสักกะตรัสตอบว่า

เราอดทนถ้อยคำอันหยาบคายของ

ท้าวเวปจิตติได้ เพราะความกลัวหรือ

เพราะไม่มีกำลัง ก็หาไม่ วิญญูชนผู้เช่นเรา

ไฉนจะพึงโต้ตอบกับคบพาลเล่า.

[๘๗๒] มาตลีเทพบุตรทูลว่า

คนพาลไม่มีผู้กำราบ มันยิ่งกำเริบ

เพราะฉะนั้น ธีรชนพึงกำราบคนพาลด้วย

อาชญาอย่างรุนแรง.

[๘๗๓] ท้าวสักกะตรัสตอบว่า

ผู้ใดรู้ว่าคนอื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติ

สงบระงับได้ เราเห็นว่าการสงบระงับได้

ของผู้นั้นแล เป็นการกำราบคนพาลละ.

[๘๗๔] มาตลีเทพบุตรทูลว่า

ข้าแต่ท้าววาสวะ ข้าพระองค์เห็น

โทษในความอดทนนี้แล เมื่อใด คนพาล

ย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่า ผู้นี้ย่อมอดกลั้น

ต่อเราเพราะความกลัว เมื่อนั้น คนมี

ปัญญาทรามยิ่งข่มขี่ผู้นั้น เหมือนโคยิ่ง

ข่มขี่โคตัวแพ้ที่หนีไป ฉะนั้น.

[๘๗๕] ท้าวสักกะตรัสตอบว่า

บุคคลจะสำคัญเห็นว่า ผู้นี้อดกลั้น

ต่อเรา เพราะความกลัวหรือหาไม่ ก็ตามที

ประโยชน์ทั้งหลาย มีประโยชน์ของตนเป็น

อย่างยิ่ง ประโยชน์ยิ่งกว่าขันติไม่มี ผู้ใด

แลเป็นคนมีกำลัง อดกลั้นต่อคนผู้ทุรพล

ไว้ได้ ความอดกลั้นของผู้นั้น บัณฑิต

ทั้งหลายกล่าวว่าเป็นขันติอย่างยิ่ง คน

ทุรพลจำต้องอดทนอยู่เป็นนิตย์ บัณฑิต

ทั้งหลายกล่าว กำลังของผู้ซึ่งมีกำลังอย่าง

คนพาลว่ามิใช่กำลัง ไม่มีผู้ใดที่จะกล่าว

โต้ต่อผู้มีกำลัง ผู้ซึ่งธรรมคุ้มครองแล้วได้

เลย เพราะความโกรธนั้น โทษที่ลามก

จึงมีแก่ผู้ที่โกรธตอบต่อผู้ที่โกรธ บุคคลผู้

ไม่โกรธตอบต่อผู้ที่โกรธ ย่อมชื่อว่าชนะ

สงครามซึ่งเอาชนะได้ยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่น

โกรธแล้ว เป็นผู้มีสติระงับไว้ได้ ผู้นั้น

ชื่อว่า ประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย

คือ ทั้งฝ่ายตนและคนอื่น คนที่ไม่ฉลาด

ในธรรม ย่อมสำคัญเห็นผู้รักษาประโยชน์

ของทั้งสองฝ่าย คือ ของตนและของคน

อื่น ว่าเป็นคนโง่ ดังนี้.

http://www.dhammahome.com/front/webb...w.php?id=12401<!-- google_ad_section_end -->

 

ไม่เกี่ยวกันครับ "เพราะไม่ใช่การถูกด่าหรือถูกต่อว่าเพราะสิ่งที่เรียกว่ากิเลส ไม่ใช่เพราะคิดจะเอาชนะจนใช้วิธีการต่างๆนานา อันสติปัญญาเฉพาะตนจะสรรหาได้ เพราะไม่จำเป็นครับ นี่เป็นเพียงเรื่องของ เพื่อนดีนั้นแนะนำตักเตือนกันตามกาลส่วนเพื่อนเลวนั้นไม่ว่าเพื่อนหรือหมู่มิตรจะทำผิดเพียงไหน ก็ไม่สนใจยังคอยเอาใจอยู่ไม่รู้กาลเพราะเพียงกลัวว่าจะไม่มีเพื่อน" เรื่องมันมีเท่านี้แหละครับ ส่วนความวุ่นวายที่เกิดนั้นมันก็เป็นเพราะความคิดล้วนๆ และผมแน่ใจว่าหลายท่านมีเจตนาดีไร้อามิสทั้งหลายอย่างแน่นอน ส่วนบางท่านอาจอิงสิ่งต่างๆตามแล้วแต่ความคิดหรือสิ่งที่ก่อให้เกิดความคิด มันก็เท่านี้
พิจารณาเอาครับ
อนุโมทนาคั๊บ

 

นานๆท่านเข้ามาครั้ง..ผมไม่ค่อยเห็นและได้สนทนากับท่าน อย่าประมาทเชียวผมอาจสำเร็จโสดาบันก่อนคุณนะจะบอกให้ ..ท่านไม่ผิดหรอกที่มองผมอย่างที่ท่านเห็นหากสุจริตใจ และเป็นจริงดังที่ท่านทราบตามใจที่สุจริต..(โอ้..เพิ่งอ่านแล้วตกใจเพิ่งสมัครใหม่ๆเข้ามาเองรึนี่)

 

<MARQUEE direction=up scrollAmount=2>

</MARRQUEE>

 

...ผมอนุโมทนากับท่านไว้ล่วงหน้าเลย....

...เผื่อว่าผมอยู่ไม่ถึงวันนั้น......

ถ้าท่านปราถนาไว้ก็ต้องเร่งความเพียรหน่อย ผมกล่าวด้วยความสุจริตใจเป็นที่ตั้งครับ

ที่เหลือผมฝากให้ท่านพิจารณาต่อ คำว่าพระอริยพูดลอยๆไม่ได้ หากท่านคิดว่าจะปฎิ

บัติให้ถึงผมยินดีต่อท่านด้วย แต่ผมไม่แน่ะนำท่านให้ใช้เพื่อความสนุกปาก ด้วยประการใดๆ

ทั้งปวง


ขอบคุณครับ

 

พี่เอกวีร์.. ที่สำนักชลบุรีเขามีโสดาตั้ง6 คน..มันจะผิดตรงไหนเพิ่มผมอีกสักคน แต่ผมไม่มีเงินทำบุญเป็นล้านๆนะจ๊ะ:'''(

 

แวะเข้าเยือนเฉย ๆ ไม่รู้เขาพูดภาษาอะไรกัน
คงต้องใช้เวลาปรับตัวสัก ๑๐๐ ปี...
๕๕๕

 

สะใจมากล่ะซี ? ? ?
:'(({)

 

ท่าน จขกท เป็นใคร มาจากไหนครับ สู้ สู้
อ่าน อ่านดูแล้ว มีอริเกิดขึ้นหลายคนนะ
จากคำว่า สติดีดออกจากสมาธิ

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ยถา อคารํ ทุจฺฉนฺนํ วุฏฐี สมติวิชฺฌต
เอวํ อภาวิตํ จิตฺตํ ราโค สมติวิชฺฌติ
ฝนย่อมรั่วรดเรือนที่มุงไม่ดีฉันใด
ราคะย่อมรั่วรดจิตที่ไม่ได้อบรมฉันนั้น

 

ฟังท่านกล่าวแบบนี้ผมใจหาย รู้สึกถึงตัวเองตะงิดๆ อนุโมทนาครับท่าน

 

ลุงมหายังอยู่ดีมีสุขครับ

ขออนุญาติครับ

ถ้าท่านที่มีความละเอียดละออ จะพบว่าคำตอบของผมที่โพสท์ไปแล้ว ไม่ว่าในกระทู้นี้ หรือกระทู้อื่นๆนั้นก็ครอบคลุมพอแล้ว แทบจะไม่มีความจำเป็นใดๆต้องตอบอืก

หรือบางคำถามถามมาที่ผมโดยตรง ผมก็ไม่ตอบเพราะ ที่ตอบไปมันครอบคลุมแล้ว หรืออาจเป็นเพราะว่าบางท่านไม่มีราคาในสายตาผม ผมก็ไม่ตอบเช่นเดียวกัน

ต้องขอกราบงามๆที่ท่านอาจารย์ทดสอบ1 ได้เมตตาสละเวลามาตอบ ธรรมที่ท่านแสดงออกมานั้น ผมอ่านไม่ทันจบ ใจมันสะท้านหวั่นใหว
เหมือนหนุ่มที่เห็นสาวถูกใจแล้วไม่กล้ามอง อ่านหลายรอบก็เป็นแบบนี้ เลยต้องเก็บไว้พิจารนา ทีละเล็กละน้อย ตามภูมิปัญญาของตนเอง

ต้องขอขอบพระคุณ ท่าน พรหมวิหาร4 ที่ได้แสดงตนออกมาร่วมด้วย หลายคำตอบของท่านช่างละม้ายคำตอบที่มีในใจผม

ก่อนเข้ามาในเว็บนี้ผมก็สงสัยว่า ใครตั้งเว็บนี้ขึ้นมาทำไม มีวัตถุประสงค์อะไร จนผมต้อง เมล์ไปถามว่า พวกท่านเป็นใครกัน เอาเงินมาจากใหนมาเปิดเว็บ

ด้วยผมหวั่นว่าจะเป็นงานต้อนหมูเข้าเล้า งานจับหมูใส่อวย ก็ได้รับคำตอบว่า เพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนา ผมก็เลยเข้ามา

มาคิดดูอีกทีถึงได้เข้าใจว่าถ้าจริงใจทำไมไม่เปิดเป็นมูลนิธิ ทำไมไม่ประกาศชื่อที่ปรึกษาออกมาไม่ว่าจะเป็นพระ หรือฆราวาส

เพราะถ้าอยู่ในสภาพนี้ ทีมงานเว็บมีแต่เสียกับเสีย

เรื่องธรรมนั้นไม่สามารถเอามาล้อเล่นได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ก็ล้วนเคารพพระธรรม

การพูดถึงธรรมจะมาพูดเหมือน การพูดเรื่อง การเมือง เศรฐกิจ สังคม นิยายน้ำเน่า หรือแม้แต่ตลกคาเฟ่ ได้หรือ

ท่านอาจารย์ปู่ทวด หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นั้นแม้แต่ซองยาที่มีรูปพระสังกายนะ ท่านก็ไม่ยอมให้วางไว้ที่พื้น

หรือแม้แต่วัดป่าบ้านหนองผือของท่าน ญาติโยมก็ไปได้ใกล้สุดแค่ปากประตูวัด เข้าไปในวัดไม่ได้ นอกจากท่านจะอนุญาติให้ไปซ่อมเสนาสนะ

หรือแม้แต่วัดป่าบ้านตาดที่มีโยมผู้หญิงเข้าไปเดินดูโน่นดูนี่ ก็ถูกจับไล่ออกจากวัดมาแล้ว

ขอตอบที่ว่าผมหายไปใหน

ในฐานะของประธานศูนย์สาขาของมูลนิธิ ผมก็ได้ติดต่อขอรับบริจาคไปเรื่อยมากน้อยตามกำลัง ก็เกิดเรื่องบังเอิญอย่างใหญ่หลวงขึ้น

มีคุณป้าคหบดีใหญ่ท่านหนึ่งท่านรับปากผม และ รับปากท่านประธานมูลนิธิว่าท่านมีความประสงค์จะบริจาคแบบมีเงื่อนใข สองครั้ง

ครั้งที่หนึ่งเป็นเลข แปดหลักๆแรกมากกว่าเลข4

และครั้งที่สอง เป็นเลข เก้าหลักๆแรกก็คงไม่ต้องบอก หน่วยก็เป็นเงินบาทไทยของเรานี่ละครับ

พูดกันมาหลายเดือนแล้ว ขั้นตอนต่างๆก็มาติดอยู่ที่ผมคนเดียว ผมก็เลยต้องออกแรงมากหน่อย เท่านั้นเอง

ต้องขออภัยต่อทุกท่านเป็นอย่างมาก

ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกๆท่านด้วยความจริงใจ

ขอบพระคุณครับ

ลุงมหา

 

ถูกก่นด่าว่า เรื่องธรรมดาของวิบาก ดีได้ชดใช้
ยึดมั่นเจตนาดีไว้ ก็ได้ใช้เอง
ใช่ไม่ใช่ ก็ได้ใช้เอง ก็รู้ได้เอง
การปฏิบัติสุขที่ใจเรา หลุดจากนั้น เรียกไม่เท่าทัน
อนุโมทนาครับ

 

อนุโมทนาด้วยนะครับ
ไม่ค่อยเก่งบาลีเสียด้วย เอาภาษาไทยแล้วกันครับ
เมื่อมีสติก็ไม่ประมาท เมื่อไม่ประมาทย่อมไม่เกิดทุกข์ เมื่อไม่เกิดทุกข์ จิตใจก็เป็นสุข เมื่อจิตใจเป็นสุข ย่อมเห็นหนทางในการก้าวเดินไปของชีวิต ทั้งทางโลกและทางธรรม แบบนี้คงไม่งงและไม่คลุมเครือใช่ไหมครับ
มอบให้แด่ท่านครับ

 

เรียนท่านลุงมหาดีใจมากค่ะที่ท่านแวะเข้ามาเยี่ยมเยี่ยนอีกครั้งก่อนอื่นต้องขออนุญาติอนุโมทนากับการที่ท่านได้ลงแรงช่วยเหลือพระพุทธศาสนา ค่ะ ตั้งใจว่าจะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆแล้ว แต่เห็นข้อความท่านลุงมหาแล้วดีใจมาก อดไม่ได้ต้องมาพูดคุยกับท่าน ท่านสบายดีน่ะค่ะ ไม่เห็นท่านpmเบอร์บัญชีมาให้ข้าพเจ้าได้ร่วมบุญด้วยเลย รออยู่ค่ะ หวังว่าท่านจะpmมาให้ ท่านลุงมหาไม่ต้องคิดเยอะน่ะค่ะเรื่องการทำบุญข้าพเจ้ายินดีร่วมบุญกับท่านด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่กล่าวเช่นนี้เพราะเห็นว่าท่านหายไปเลย แต่เห็นว่าท่านบอกในช่องความคิดเห็นว่าลุงมหาอยู่ดีมีสุขก็ok แล้วค่ะ ขอกราบขอบพระคุณท่านมากที่เมตตาให้ธรรมกับข้าพเจ้า สวัสดีค่ะ