..แก้วบรมจักรพรรดิ..ตอนที่ ๑๗ พระพุทธลักษณะของพระพุทธเจ้า..หน้า ๑๓..

โมทนาสาธุการและชื่นชมในบารมีธรรมด้วยครับ

 

ขอขอบคุณที่ให้การรับรองบางเรื่องผ่าน PM ก่อให้เกิดความมั่นใจในสิ่งที่รู้มากขึ้นค่ะ

ดิฉันมีความเชื่อว่า การปฏิบัติธรรมไม่ว่าสายใดก็ตาม เรามิได้เป็นหนึ่ง หรือรู้แต่เพียงผู้เดียว ล้วนแต่ต้องอาศัยครูอาจารย์ หรือแม้แต่กัลยาณมิตรที่ดีที่คอยให้ความช่วยเหลือ จนกว่าเราจะสำเร็จตามความปรารถนานั้น ๆ หรือจนกว่าจะบรรลุธรรมค่ะ

ขออนุโมทนาบุญในธรรมของคุณ ROJKAJORN อีกครั้งค่ะ

Numsai

 

ขอโมทนาในธรรมของคุณ Numsai ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

อนุโมทนาสาธุค่ะ อยากให้พี่น้ำใสถ่ายรูปตอนไปอัญเชิญมาให้ชมบ้างอ่ะค่ะ ว่าอัญเชิญกันยังไง แล้วต้องทำยังไงบ้าง แล้วเจอเค้ายังไงอ่ะค่ะ

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ saipote ด้วยค่ะ พี่พอมีภาพบางส่วนมาให้ชมค่ะ เป็นภาพที่อคยไปอัญเชิญจากหลาย trip ด้วยกันค่ะ

การไปแต่ละครั้งจะต้องมีการนั่งสมาธิแผ่เมตตาให้แก่ท่านผู้ดูแลธาตุกายสิทธิ์ ก่อนเป็นเดือน ๆ ค่ะ หากท่านเมตตาจะปรากฏมาในนิมิตก่อน ว่า ของที่ขึ้นที่ใด วันไหน ส่วนใหญ่จะขึ้นวันพระค่ะ

คณะที่ไม่ค่อยมีเครื่องบวงสรวงมากนัก มีผลไม้ ๙ อย่าง พวงดอกไม้ แต่เน้นที่แผ่เมตตาอุทิศบุญมากกว่าค่ะ

 

ที่มาแห่งแก้วจักรพรรดิ ตอนที่ ๔ นิมิตเห็นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

แก้วจักรพรรดิ ตอนที่ ๔ นิมิตเห็นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ​

<O</O

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นปัจจัตตัง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

<O</O
​

ขอเล่าย้อนหลังเมื่อครั้งทำงานที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งขณะนั้นไม่ได้เรียนกรรมฐานที่ใด นั่งสมาธิเองที่บ้านพัก ทำให้การฝึกกรรมฐานเป็นไปด้วยการล่าช้าอยู่หลายปี


จนกระทั่งได้พบนักธุรกิจส่งออกท่านหนึ่ง ท่านเป็นลูกศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ท่านได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติหลายอย่าง เช่น...



ครั้งหนึ่ง มีลูกน้องที่ทำงานมาลา เพื่อจัดงานศพให้ญาติผู้ใหญ่ (คุณป้า) ก็ปรากฏเห็นภาพหญิงวัยกลางคนท่านหนึ่ง มายืน พร้อมผู้คุม ตัวใหญ่ดำ ผมหยิก ตนเองก็เห็นภาพนั้น จึงได้ถามน้องคนนั้นว่า..

“ คุณ<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com</st1ersonName>ป้าของเธอ ผมหยิก อ้วน ๆ หน่อย ใส่เสื้อสีขาว ผ้าถุงสีน้ำตาลใช่มั๊ย”
น้องคนนั้นก็ตอบว่า “ใช่ค่ะ พี่ทราบได้อย่างไรคะ ว่าป้าหนูหน้าตาอย่างนั้น” จึงบอกเธอไปว่า..

“เธอรีบไปทำสังฆทานให้ท่านนะ มีพระพุทธรูป ๕ นิ้ว ผ้าไตรจีวร ผ้าขาว ๑ ผืน อาหารคาว-หวาน ข้าวเปล่า และน้ำนะรีบไปเลย”

จากนั้นได้ไปเล่าให้เพื่อนนักธุรกิจท่านนั้นฟัง ท่านบอกว่า... “นี่คุณ ผมเสียดายมากนะ ตอนที่คุณเห็นเขา คุณน่าจะอุทิศบุญให้เขาทันที การที่เขาปรากฏให้คุณ<st1ersonName w:st="on" ProductID="เห็น เท่ากับว่า">เห็น เท่ากับว่า</st1ersonName> คุณมีบุญพอที่จะช่วยเขาได้”

ได้ตอบท่านไปว่า

“ อ้าวหรอคะ หนูไม่ทราบค่ะ ต้องทำยังงัยคะ” ท่านผู้นั้นก็กล่าวต่อว่า..
“หลวงพ่อสอนว่า ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแล้วตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน มีผลเพียงใด ขอให้มีแด่บุคคลที่เห็นอยู่ตรงหน้าเพียงนั้น สาธุ...แล้วเขาก็จะไปเกิดทันที แหมม..เสียดายนะครับ”

จึงได้ความรู้เพิ่มเติมนับแต่นั้นมา

อยู่มาคืนหนึ่งได้มีนิมิตเห็นหลวงพ่อฤาษีลิงดำว่า ท่านพาไปสถานที่หนึ่ง ซึ่งมืดมาก ๆ แสงสว่างได้จากรัศมีกายของท่าน สัมผัสพื้น เป็นพื้นที่ชื้น และเย็นยะเยือก ท่านบอกว่า “นี่คือ โลกันตะนรก” จากนั้นท่านพาไปสถานที่หนึ่ง ให้พบกับบุคคล ๒ ท่านเป็นฆราวาส ซึ่งมองหน้าไม่ค่อยชัด แต่หนึ่งในนั้น คล้ายนักธุรกิจส่งออกท่านนั้น ท่านกล่าวว่า

“พ่อฝากน้องด้วยนะลูก สอนน้องให้ปั้นเทียน แล้วช่วยกันจุดเทียนให้สว่างนะ”

จากนั้น ภาพของหลวงพ่อฯ ก็หายไป พบว่า ตัวเองกำลังหัดฝนเทียนให้เป็นแท่ง จากนั้นก็ทำเทียนที่ทำได้ไปจุด เมื่อเทียนสว่างจึงพบว่า บริเวณเป็นเขาที่สูง เทียนที่ทำได้ถูกจุดเป็นวงกลมโดยรอบภูเขานั้น

จึงได้นำความฝันมาเล่าให้ท่านฟัง เมื่อท่านฟังแล้วกล่าวว่า “คนในฝันที่คุณพบคนแรกเป็นผมใช่มั๊ย”

จึงตอบว่า “ใช่ค่ะ” ท่านจึงกล่าวต่อว่า

“อืมม..ผมคงสอนคุณไประยะหนึ่ง จากนั้นก็ต้องส่งไปให้อีกคน”

ต่อมาก็ได้กลับมาอยู่เมืองไทย และได้พบท่านพญาโภคะนาคราชตามที่ได้กล่าวมาแล้ว หลังจากได้ฝึกกสินน้ำสักระยะ จึงได้เปลียนมากำหนดลมแบบอานาปนสติ

ต่อมา มักจะมีอะไรแปลก ๆ เสมอ เช่น มักเห็นภาพชายหนุ่มรูปงามมาก ผิวขาวอมชมพู แต่งกายชุดสีขาว มาปรากฏให้เห็น ทั้งหลับตาและลืมตา จนคิดว่า ตนเองอาจจะมีอะไรผิดปกติ จึงตั้งใจจะเข้าหาครูอาจารย์ เพื่อฝึกกรรมฐานต่อเนื่อง
จนกระทั่งพบกัลยาณมิตร แนะนำให้ไปฝึกสมาธิที่บ้านสายลม เมื่อปลายเดือน ตุลาคม ๒๕๔๙ จึงได้โทรศัพท์ปรึกษานักธุรกิจส่งออกท่านที่เคยพบตั้งแต่ทำงานที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ได้เรียนถามว่า..

“เฮียคะ หนูจะไปฝึกมโน ฯ ที่บ้านสายลม ทำอย่างไรจะฝึกให้ก้าวหน้าค่ะ”

ท่านตอบว่า.. “ผมโมทนาด้วยนะ ที่คุณจะไปฝึกมโน ฯ แต่จำไว้อย่างหนึ่งนะ หลวงพ่อฯท่านบอกว่า ให้ฝึกแบบโง่ ๆ ความรู้ที่คุณเคยเรียนมาให้วางให้หมด อย่าเอาเข้าไปห้องฝึก เพราะนอกจากคุณจะไม่ได้อะไรแล้ว ยังปรามาสพระอีก จะเป็นบาปไปเลยนะ ผมสนับสนุนคุณเต็มที่ครับ”

หลังจากมาฝึกมโนมยิทธิ และหลักสูตรญาณ ๘ ประมาณ ๗-๘ ครั้งที่บ้านสายลมแล้ว กลับมาเองที่บ้านก็ทำไม่ได้และคิดว่า เราคงต้องอาศัยครูฝึกตลอด ทำเองคงไม่ได้ จึงได้เปลี่ยนมาฝึกอานาปานสติเหมือนเดิม แต่เป็นการทำเกือบตลอดเวลา

จนกระทั่งประมาณเดือนมิถุนายน ๒๕๕๐ ขณะที่นั่งสมาธิแบบอานาปนาสตินั้น อยู่ ๆ ก็เห็นภาพเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ผุดขึ้นมาทันที ท่านบอกว่า “ตามพ่อมา”

หลวงพ่อได้พาไปปรากฏที่วิมานของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน จึงตามท่านไปแบบปราศจากความสงสัย ใด ๆ ท่านพาบอกให้กราบขอขมาสมเด็จองค์ปัจจุบัน และน้อมถวายบุญกุศลให้แก่ท่าน

ภาพที่เห็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นกายเนื้อ ไม่ใช่กายพระวิสุทธิ์ภาพ ตามที่เคยเห็นที่บ้านสายลม พระวรกายของท่านสีขาวอมชมพู พระโอษฐ์สีแดง คล้ายลูกตำลึงสุก แต่สดใสกว่า พระสุรเสียงของท่านไพเราะมาก ก่อนกลับหลวงพ่อให้บอกให้กราบลาพระองค์ท่าน และหันมาบอกว่า..

“เวลานั่งสมาธิให้ทำกำลังใจแบบนี้นะลูก กำลังใจเพียงเบา ๆ สบาย ๆ อย่าให้หนักเกินไป เมื่อนั่งกรรมฐานให้กำหนดจิตไปที่วิมานของพระองค์ท่านเลย ตัดนิวรณ์ให้หมด นิวรณ์ ๕ มีอะไรบ้างไปหาอ่านเอง แล้วทำให้ได้นะลูก”

จากนั้นจิตก็ถอนออกจากสมาธิ แรก ๆ ยังไม่สามารถจะสื่อสารท่านได้หลายประโยคได้เพียงประโยคเดียว หรือสองประโยคแค่นั้น แต่ทุกวันก็ตั้งจิตไปกราบสมเด็จพระสมณโคดมทุกวัน มิได้ขาด แม้ยังสื่อสารกับท่านไม่ได้มากก็ตาม

ขอผลบุญแห่งการให้ธรรมทานในครั้งนี้ ขอน้อมถวายแด่สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง และกัลยาณมิตรที่แนะนำให้ความรู้ และทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้

(โปรดติดตามตอนต่อไป ..ตอนที่ ๕ ท่องภพบาดาล....)

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

อนุโมทนา สาธุค่ะ มารออ่านตอนต่อไปค่ะ กำลังสนุกเชียว...

 

ขอบพระคุณค่ะ คุณพี่รั๊ง โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ เหมือนชมละครหลังข่าวเลย อิอิ

​

คุณพี่คะ กรุณาแวะไปชม และช่วยเชียร์ ท่านผู้เป็นเจ้าของแก้วเลิศทิพย์อัปสรที่กระทู้นี้นะคะ

http://palungjit.org/threads/๒๔-กย-นี้-ฤกษ์พรหมสิทธิ์-ขอเชิญร่วมประมูลแก้วเลิศทิพย์อัปสร….258422/


ขออนุโมทนาบุญทุก ๆ บุญของคุณพี่ด้วยค่ะ

Numsai

 

ที่มาแห่งแก้วจักรพรรดิ ตอนที่ ๔ ท่องภพบาดาล

แก้วจักรพรรดิ ตอนที่ ๔ ท่องภพบาดาล​

<O</O​

<O ​

<O</O​

<Oแก้วปัญจนาคินทร์​

เรื่องที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เกิดจากผลการปฏิบัติธรรม เป็นปัจจัตตัง โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านค่ะ ​

หลังจากที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง ท่านได้มาปรากฏ และสอนธรรมในนิมิตแล้ว จากนั้นก็ได้ทำตามที่ท่านสอนคือ หลังสวดมนต์ตามปกติ ขอขมาพระรัตนตรัย และสมาทานพระกรรมฐาน (ตามแบบฉบับของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี)

การเจริญพระกรรมฐานตามแบบมโนมยิทธิ และญาณ ๘ อันดับแรกก็อธิษฐานจิต ไปปรากฏที่วิมานสมเด็จพระสมณโคดมทุกวัน หากท่านมีกระแสรับสั่งก็จะทำตาม ช่วงแรก ๆ พระองค์จะเน้นเรื่องการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ และการตัดกาย คือไม่ให้สนใจร่างกาย ฝึกนานเป็นเดือน

หากวันใด ท่านมิได้รับสั่ง ก็จะกำหนดจิตนั่งสมาธิต่อหน้าพระองค์ท่าน โดยกำหนดการดูกายของตนเองเป็นหลัก เห็นภาพตนเองหน้าต่อหน้าพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า จากนั้นก็กำหนดนั่งเข้า-ออกฌาณ เพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติ บางครั้งจิตดับ ภาพหายไป

ปกติตนเอง จะไม่คาดหวังในการปฏิบัติมากนัก ได้เท่าใดเอาเท่านั้น เป็นไปแบบธรรมชาติ เป็นอย่างนั้นเรื่อยมา

จนกระทั่ง อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ไปกราบสมเด็จพระสมณโคดมณ.วิมานของท่าน หลังจากได้ขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว พระองค์ทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงที่ไพเราะนิ่มนวลว่า....

“ตามเรามา”

จึงกำหนดจิตตามท่าน เห็นภาพพระองค์ทรงประทับลอยไป และเห็นภาพตนเองในท่านนั่งสมาธิ และลอยไปที่กลางแม่น้ำโขง อยู่ ๆแม่น้ำโขงก็แยกออกจนเห็นแผ่นดินด้านล่างเป็นทรายละเอียดสีขาวสะอาด คล้ายทรายแก้ว

จากนั้นภาพสมเด็จ ฯ ท่านก็หายไป เห็นภาพตนเองลอยลงบนแท่นหินสีขาว มีประกายแวววาว งดงาม ที่นั้นประดับประดาด้วยบุปชาตินานาพรรณเมื่อลอยไปลงสู่อาสนะสัมผัสถึงความนุ่มของอาสนะนั้น

​

ต่อมา เห็นนาคกัลยา(เทพธิดาสายนาค) ท่านหนึ่งเข้ามากราบและกล่าวว่า"พระแม่เจ้า”นางเรียกและก้มหน้าร้องไห้สักพักครู่ เห็นภาพเหล่านาคทั้งหลายก็ปรากฏ แต่แสดงกายเป็นเทพบุตร เทพธิดาเต็มไปหมด นับจำนวนมิได้ ไม่ทราบว่ามาจากไหน

ลักษณะการแต่งกายจะไม่เหมือนเทวดาในชั้นดาวดึงส์ ซึ่งที่มีชฏาแหลม แต่งกายคล้ายตัวละครในรามเกียรติ์ เทพบุตรสายนาค จะเกล้ามวยผมขึ้น มีรัดเกล้า เป็นรูปพญานาค คล้ายมงกุฏทรงเตี้ย ใส่เสื้อรัดรูป มีรัดแขนทั้งสองข้าง มีสังวาลย์ทุกองค์ งดงามมาก จะแตกต่างคือ สีของเสื้อ และเครื่องทรง เครื่องประดับของท่าน มีลักษณะคล้ายเพชรพญานาค มีสีสันต่าง ๆ กันค่ะ(คล้ายเทวดาที่นั่งพนม ในภาพด้านบน แต่มีเสื้อใส่ไม่เปลือยอก)

ส่วนเทพธิดาก็มีรัดเกล้าเช่นกัน หน้าตาจิ้มลิ้ม นิ่มนวลงดงาม เครื่องทรงเป็นผ้านุ่ง สีสันต่าง ๆ กันไป แต่มีเครื่องประดับมากกว่า เทพบุตร
</O
นาคกัลยาผู้นั้น (ภายหลังทราบว่า นางชื่อ นารถลดาเทวี) เริ่มตัดพ้อว่า

"พระแม่เจ้าขา..เหตุใดท่านจึงลืมสัญญาที่เคยให้ไว้ว่า.. คราวใดที่เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบธรรมท่านจะมาโปรดพวกเรา ไยท่านลืมสัญญา และยังทำพิธีการยกเลิกพันธนาการแห่งเราอีก”
<O</O

(เรื่องนี้ เป็นอันนี้เรื่องจริง เมื่อต้นปี ๒๕๕๐ ได้ร่วมกลุ่มการอัญเชิญพระธาตุกับชมรมวัชรธาตุ ที่เริ่มก่อตั้งครั้งแรก หัวหน้าคณะได้เคยบอกให้จุดธูปยกเลิกการอธิษฐาน และยกเลิกพันธการใด ๆ ที่เกี่ยวกับพญานาคทั้งหมด ซึ่งขณะนั้น ญาณทัสนะต่าง ๆ ของดิฉันยังไม่ดีพอ จึงได้ทำตามไปโดยไม่รู้)

หลังจากได้ยินนาคกัลยานางนั้นต่อว่า ความรู้สึกเศร้า และรู้สึกว่า ตนเองทำผิดอย่างแรง อีกความรู้สึกหนึ่ง คือความประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เหมือนฝัน รับรู้ว่า ตนเองมีสติ รู้ทั่วทุกประการ เพราะสัมผัสลมเย็น และความรู้สึกทั้งหลายได้ตลอดเวลา จึงประคองสติจึงได้กล่าวตอบในจิตว่า....

“ท่านทั้งหลาย ภพชาตินั้นที่เราเกิดมานับชาติไม่ถ้วน เราไม่ได้กลับมาสู่อัตภาพแห่งความเป็นพญานาคนานแล้ว และไม่ได้เกิดมาพบกันบ่อยนัก เราขออภัยหากไม่ได้ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ มาวันนี้มาอยู่ต่อหน้าท่านทั้งท่านทั้งหลายแล้ว

ขอผลบุญบริสุทธิ์ที่เราทำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีเพียงใด ขอผลบุญจงบังเกิดแก่ท่านทั้งหลายเพียงนั้น ขอให้ท่านมีรัศมีกายที่สว่างไสว มีทิพยสมบัติมากมาย และสมความตามปรารถนาทุกประการ”

จากนั้นได้ยินเสียงโมทนาสาธุการว่า สาธุ..สาธุ..สาธุ..

ในเวลานั้นก็ได้ยินเพียงแต่พระสุรเสียงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (แต่ไม่เห็นภาพ) ที่นุ่มนวลและเปี่ยมล้นด้วยความเมตตาว่า...
<O</O

“ทุกวันธรรมสวนะให้เธอจงมาที่นี่ เพื่อให้ข้อธรรม หรืออุทิศบุญให้แก่เหล่าพญานาค ผู้เป็นหมู่ญาติ และบริวารทั้งหลายตามที่เคยให้สัญญาไว้นะ”
<O</O
ทันใดนั้น ก็เห็นภาพท่านโภคะนาคราช พร้อมมเหสีของท่าน คือ ท่านนิมมารตีเทวี มาปรากฏขึ้นตรงหน้า เป็นครั้งแรกที่ได้พบพระมารดาในอดีตชาติ จึงได้ทราบว่า แท้จริงแล้ว ภาพหญิงสาวสวย ตากลมโตที่เล่นน้ำในสระแห่งหนึ่งพร้อมบริวาร ที่เคยเห็นเมื่อครั้งปฏิบัติธรรมที่ถ้ำเชียงดาว เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน คือ ท่านแม่นั่นเอง รู้สึกปลื้มปิติใจมาก
<O</O
จึงได้ตั้งจิตก้มลงกราบแทบเท้าของท่านทั้งสอง ได้ตั้งจิตขอขมาและขออโหสิกรรมต่อท่านทั้งสอง จากนั้นกราบลาท่าน และเคลื่อนจิตออกจากสมาธิ
<O</O
นับแต่นั้นมา ดิฉันก็ได้ตั้งใจสร้างบุญหลาย ๆ อย่าง เช่น เป็นเจ้าภาพกฐินทุกปี ถวายทองคำ เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ถวายสร้อยคอทองคำ สร้างพระอุโบสถ เป็นเจ้าภาพบวชพระ เป็นต้น ตลอดทั้งการให้ธรรมทาน การรักษาอุโบสถศีล และการเจริญพระกรรมฐาน เพื่อแผ่เมตตาอุทิศบุญให้แก่พญานาคราช และเหล่าบริวารทั้งหลายเป็นเวลานานหลายเดือน
<O</O

กุศลใด ๆ ที่เกิดจากการให้ธรรมทานในครั้งนี้ ลูกขอน้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ท่านพญาโภคะนาคราช ท่านนิมมารตีเทวี และท่านนารถลดา และบริวารแห่งนาคพิภพทั้งหลาย

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai</O

 

:dพลอยขอร่วมอนุโมทนาบุญกับคุณกุลด้วยนะคะ

 

โมทนา สาธุ ค่ะ คุณน้ำใส กำลังถึงตอนเข้มข้นเลยค่ะ

ขอรอรับชมตอนต่อไปค่ะ( ดีใจจังค่ะ แม่ -ลูกได้พบกัน)

 

มีคุณพี่คอยอ่าน ทำให้มีกำลังใจเขียนเรื่องราวต่อไป...

ขออนุโมทนาบุญกับพี่รั๊งด้วยค่ะ

Numsai

 

อนุโมทนาค่ะ

รอชมตอนต่อไป กำลังสนุกค่ะ

 

ขออนุโมทนาบุญกับพี่นิดด้วยค่ะ ที่กรุณาติดตามอ่าน โปรดติดตามต่อไปในวันพรุ่งนี้ นะคะ

บุญรักษาคุณพี่และครอบครัวค่ะ

Numsai

ขออนุโมทนาบุญกับคุณเจษฎาเช่นกันค่ะ ความจริงก่อนจะติดสินใจเขียนเรื่องราวต่าง ๆ ตัดสินใจค่อนข้างนานเหมือนกันค่ะ

เพราะเรื่องราวที่เขียนนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากผลของการปฏิบัติ ซึ่งเสี่ยงต่อการมองว่า เป็นอุปทานหรือไม่

เพราะการปฏิบัติในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่ท่านเป็นสายสุกขวิปัสโก ไม่สนใจนิมิตในสมาธิ แต่เมื่อปฏิบัติมา พบว่า มีเหตุหลายประการที่เนื่องกัน และที่สำคัญ บางอย่างมีข้อพิสูจน์เป็นรูปธรรม เช่น การนิมิตว่าได้ดวงแก้วมณี ก่อนที่จะได้ดวงแก้วของจริง เป็นต้น

ทำให้เกิดความมั่นใจในการปฏิบัติมากขึ้น และพยายามตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ

ขออนุโมทนาในทุกบุญกุศลของคุณเจษฎาค่ะ

Numsai

 

...วันนี้..วันพระมารักษาอุโบสถศีลกันเถอะค่ะ..

ขออนุโมทนาบุญกับน้องเช่นกันค่ะ

 

ที่มาแห่งแก้วจักรพรรดิ ตอนที่ ๖ เทพธิดาแห่งสวรรค์ชั้น ๖ -ปรนิมมิตวสวัตดี

แก้วจักรพรรดิ ​

ตอนที่ ๖ เทพธิดาแห่งสวรรค์ชั้น ๖ -ปรนิมมิตวสวัตดี​

​

จากการฝึกมโนมยิทธินั้น มีประโยชน์มาก อย่างหนึ่งทำให้ทราบว่า...ผลของบุญที่เราทำไม่ว่าจะเป็นบุญมากหรือน้อย ทุกอย่างย่อมจะไปปรากฏที่วิมานบนสวรรค์ หรือพระนิพพานเสมอ ดังที่จะเล่าเรื่องต่อไปนี้…​

ย้อนไปเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๐ เวลาประมาณ ๐๓.๐๐ น. หลังจากได้ฝึกมโนมยิทธิได้ผลมาพอสมควร พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุงท่านได้สอนว่า ..ใครก็ตาม หากได้มโนมยิทธิหมั่นทำให้คล่องตัวโดย การจับภาพพระแก้วใส หรือดวงแก้วใส ๆ เพื่อให้เกิดความแจ่มใสมากขึ้น

สำหรับตัวดิฉัน ชอบการจับ(นึกถึง)ดวงแก้วกลมใส ๆ มากกว่า เนื่องจากนึกง่ายกว่าองค์พระแก้วใส หลังจากสวดมนต์ไหว้พระ ขอขมาพระรัตนตรัย และสมาทานพระกรรมฐานตามปกติ ก็มักจะน้อมใจนึกดวงแก้วใสไปเรื่อย ๆ จนเป็นประกายพรึก

จากนั้นเห็นภาพตนเองเป็นกายใส ๆ จากนั้นจิตดับหายไป อยู่ ๆ ก็ปรากฏภาพตนเองอยู่สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อน ลักษณะเป็นห้องโถงคล้ายท้องพระโรงใหญ่ มีเสาต้นใหญ่ประกอบไปด้วยรัตนะทั้ง ๗ สวยงามมาก เสาแต่ละต้นห่างกันหลายเมตร

ตรงกลางห้องมีแท่น ๆ หนึ่ง ลักษณะคล้ายบุษราคัมที่เจียระไนแล้วก้อนใหญ่มาก ด้านล่างก็เป็นรัตนะทั้ง ๗ สวยงามมาก แท่นนี้สามารถหมุนไปมาโดยรอบได้ ขณะที่รู้สึกงง ๆ อยู่นั้น นึกว่า..

“เอ..ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย ไม่เคยเห็น”

สักครู่ได้เห็นเทพธิดา ๒-๓ องค์ ลักษณะงดงามกว่าทุกทีที่เคยพบมา ลักษณะการแต่งกายก็แตกต่าง จากนาคกัลยา เธอเหล่านั้น แต่งกายคล้ายคนอินเดีย แต่เครื่องทรงงดงามตระการตากว่า เธอเคลื่อนกายเข้ามาหา พร้อมทำความเคารพแบบแปลก ๆ คือ นำมือขวามาแตะที่เท้าของดิฉัน แล้วนำมือนั้นไปแตะที่หน้าผากตนเอง เคยเห็นวิธีการแบบนี้ในภาพยนตร์อินเดีย
<O</O
จากนั้น เทพธิดาหัวหน้าได้กล่าวว่า “พระแม่เจ้า ท่านไปอยู่ที่ใดมา พวกเรารอรับใช้ท่านอยู่ตั้งนาน”

ในใจนึกว่า “อุ๊ย...อะไรกันละเนี่ย...”

จึงถามเทพธิดาเหล่านั้นว่า “สถานที่แห่งนี้เป็นที่ใด”

นางผู้เป็นหัวหน้ากล่าวว่า “ ที่แห่งนี้ คือ สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี”

นางกล่าวต่อไปว่า “ทุกครั้งที่พระแม่เจ้าสร้างบุญใหญ่คราใด ทิพยสมบัติมักปรากฏให้พวกเราตื่นตาตื่นใจเสมอ แต่พวกเราไม่เคยเห็นพระแม่เจ้า ขึ้นมาให้พวกเราได้อนุโมทนาบุญเลย”

เสียงของนางได้ตัดพ้อต่อว่า ปรากฏว่า มีเทพบุตร และเทพธิดามาจากที่ใดที่ก็ทราบปรากฏขึ้นเต็มสถานที่แห่งนั้น นับเป็นหมื่น ๆ องค์ เทพบุตรมีอยู่เป็นจำนวนน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเทพธิดา จะแยกกันยืนเทพบุตรจะอยู่ด้านขวา เทพธิดาจะอยู่ด้านซ้ายมือ

และเห็นภาพตนเองลอยขึ้นไปยังแท่นบุษราคัมเหลืองใส และประทับนั่งบนแท่นนั้น จึงอธิษฐานจิตรวบรวมบุญทั้งหมดให้เทพธิดาเหล่านั้นได้โมทนาสาธุการว่า ...

"ผลบุญใดที่เราได้กระทำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีผลกับเราเพียงใด ขอให้ท่านทั้งหลายได้รับส่วนผลบุญนั้น ๆ ด้วยเทอญ.."

เมื่อเหล่าเทพบุตรเทพธิดาได้โมทนาสาธุการแล้ว ทำให้เทพบุตรเทพธิดามีรัศมีกายสว่างไสวกว่าเดิม สังเกตได้ว่า ท่านเหล่านั้น จะมีกายงดงามกว่า และสว่างไสวกว่าเทวดาชั้นอื่น ๆ มาก

เทพธิดาองค์เดิมจึงได้กล่าวว่า

“หม่อมฉัน คือ เปธกา เป็นหัวหน้าบริวารชั้นนี้ และนั่นคือ ท่านนรสีห์ เป็นหัวหน้าเทพบุตรขอพระแม่เจ้าคราวใดที่ได้สร้างบุญใหญ่ ได้โปรดระลึกถึงพวกเรา ให้พวกเราได้อนุโมทนาบุญกับพระแม่เจ้าด้วยเถิด

หากมีสิ่งใดที่ท่านจะให้พวกเราช่วยเหลือ ขอให้นึกถึงพวกเราจะไปช่วยท่านให้สำเร็จตามความปรารถนา”

จึงได้รับปากเธอไว้ จากนั้นจึงลาเหล่าเทพบุตรเทพธิดาทั้งหลาย และได้ได้ตั้งจิตเคลื่อนกายออกจากสมาธิ

การไปได้ไปสวรรค์ชั้น ๖ นี้ รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ที่เห็นทิพยวิมานงดงามตระการตา ลักษณะของวิมานชั้นจะแตกต่างจากนาคพิภพ มีลักษณะสร้างเป็นโดม ประกอบไปด้วยรัตนะทั้ง ๗ ทั้งหลัง และมีดวงแก้วมณีประดิษฐาน ณ.ยอดโคมนั้น สว่างไสวมาก

ต่อมาทุกครั้งที่มีการนั่งสมาธิ ผู้เขียนต้องกำหนดจิตไป ๒ สถานที่ที่ขาดไม่ได้ คือ สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี และนาคพิภพเพื่อให้ท่านเหล่านั้นได้อนุโมทนาบุญที่กระทำมา

สำหรับเรื่องนี้ เนื่องจากเกรงว่า ภาพที่ตนเองเห็นจะเป็นอุปทาน ได้ตั้งจิตมโน ฯ ไปพร้อมกับผู้ทรงธรรมท่านหนึ่ง ได้รับการยืนยันมาว่า เป็นจริง ท่านบอกลักษณะของวิมานถูกหมด รวมทั้งแท่นบุษราคัม ท่านผุ้นั้นบอกว่า เคยถวายอาสนะแก่พระภิกษุมาก่อน

แต่ที่ประหลาดใจเล็กน้อย คือ ท่านถามว่า
"คุณน้ำใส ๆ คุณทำบุญด้วยอะไรมา สวยจริง ๆ" (ท่านคงหมายถึงกายใน)
จึงเรียนท่านไปว่า...

"ก็ไม่ได้ทำอะไรพิเศษค่ะ ที่ทำบ่อย คือ การขัดห้องน้ำ และทำความสะอาดวัด การถืออุโบสถศีลค่ะ"
ท่านผู้นั้นกล่าวต่อว่า " อืมม..คงเป็นบุญล้างห้องน้ำแหละ ผมเองก็ชอบขัดห้องน้ำนะ ไปวัดท่าซุงทีไร ผมก็ไปขัดห้องน้ำทุกที พาหมู่คณะไปกันเยอะ ๆ สนุกดีครับ แต่ว่ารู้มั๊ยคุณสวยมากเลยนะ" (อ้าว..ไหงเป็นงั้นละท่าน อย่าเข้าใจผิดนะคะ เฉพาะกายในกายนอกไม่เกี่ยว อิอิ)

ผลปรากฎว่า หลังจากนั้นไม่กล้าเรียนถามท่านผู้นั้นอีกเลย..


ผลบุญใด ๆ ที่เกิดจากการให้ธรรมทานในครั้งนี้ ลูกขอน้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ท่านพญาโภคะนาคราช ท่านนิมมารตีเทวี และท่านนารถลดา และบริวารแห่งนาคพิภพทั้งหลาย ท่านเปธกาเทพธิดา ท่านนรสีห์เทพบุตร และบริวารในสวรรค์ทุก ๆ ชั้น และกัลยาณมิตรทุก ๆ ท่านที่มีส่วนในกุศลครั้งนี้ สาธุ....


ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านค่ะ

Numsai

 

อนุโมทนา สาธุ ค่ะ คุณน้ำใส

อ่านแล้วทำให้เรารู้สึกอยากทำบุญ มากขึ้น อยาก

สวดมนต์ภาวนา อุทิศส่วนกุศล อยู่เนืองๆเพราะมี

"ท่านๆ" มารออนุโมทนา นี่เอง อ่านแล้วเกิดกำลังใจ

อย่างมากมายเลยค่ะ..


ตอนต่อไปจะเป็นยังไงน๊าาาาาาาาา

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ huten
อนุโมทนา สาธุ ค่ะ คุณน้ำใส

อ่านแล้วทำให้เรารู้สึกอยากทำบุญ มากขึ้น อยาก

สวดมนต์ภาวนา อุทิศส่วนกุศล อยู่เนืองๆเพราะมี

"ท่านๆ" มารออนุโมทนา นี่เอง อ่านแล้วเกิดกำลังใจ

อย่างมากมายเลยค่ะ..


ตอนต่อไปจะเป็นยังไงน๊าาาาาาาาา



</TD></TR></TBODY></TABLE>
พี่รั้งคะ..น้องขอนั่งชมด้วยค่ะ

รอชมตอนต่อไปค่ะ...(เหมือนชมภาพยนต์ร์เน๊อะ อิอิ.)

<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- edit note -->
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณพี่ด้วยค่ะ ทุกครั้งที่เราสั่งสมบุญ เทวดาที่เกี่ยวเนื่องกับเรา ท่านก็จะอนุโมทนาบุญเสมอค่ะ

สิ่งที่น้องทราบในคราวนั้นค่ะ ทุกครั้งที่เราถวายวัตถุท่าน วัตถุทานดังกล่าวจะไปปรากฏที่วิมานของเราเสมอ ทั้งในสวรรค์ หรือหากท่านใดประสงค์จะเข้าพระนิพพานในชาตินี้ วัตถุทานดังกล่าวจะปรากฏบนพระนิพพานทันทีค่ะ

ครั้งหนึ่ง เคยร่วมบุญกับชมรมวัชรธาตุ (ที่ทำกิจกรรมถวายตู้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ๑๐๐๐ วัด) ครั้งนั้นทางชมรมยังไม่มีการนำธาตุกายสิทธิ์มาให้บูชาเช่นปัจจุบัน

​

เมื่อมีผู้ร่วมบุญจะมอบเป็นพระหล่อเรซิ่น บรรจุพระธาตุแก่ผู้ร่วมบญ น้องเองเป็นไม่ค่อยมีฝีมือเท่าไร ท่านประธานเลยให้นั่งปั้นดอกบัวโรยด้วยเกล็ดเพชร เป็นงานที่ง่ายที่สุด แต่ไม่คิดว่า ดอกบัวเพชรดังกล่าวจะไปปรากฏที่วิมานบนพระนิพพานได้ (เรื่องนี้เป็นปัจจัตตัง)

ขออนุโมทนาบุญค่ะ

Numsai

 

ขอบคุณธรรมทานจากพี่น้ำใสค่ะ
รออ่านเรื่องเล่าตอนต่อไปอยู่นะคะ
อนุโมทนาค่ะ