อยากทราบถึงวิธีการทำบุญโดยที่ไม่ต้องเข้าวัดอ่าค่ะ

เนื่องจากตอนนี้ได้รับทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อ ณ ประเทศนึงอ่าค่ะ ตอนนี้อายุ 21 ปี แล้วทางนี้เค้าก็ส่งมาเรียนห่างไกลมาก ต่างจังหวัดค่ะ แล้วทีนี้ คือพอมาอยู่ที่นี่เริ่มรู้สึกว่าอยู่ที่นี่มีแต่เรื่องแย่ ๆ เข้ามาในชีวิตอ่าค่ะ ตั้งแต่วันที่มาถึง จนกระทั่งบัดนี้เลย ทั้งเรื่องเรียน ปกติจะเป็นคนไม่ค่อยขาดเรียนอ่าค่ะ อยู่ที่ไทยแทบจะไม่เคย แต่อยู่ที่นี่ขาดเรียนบ่อยมาก แล้วคณะที่เรียนคือเป็นคณะที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากค่ะ ซึ่งเมื่อก่อนใช่มาก เป็นอะไรที่ชอบ ลื่นไหล แต่มาอยู่ที่นี่ได้เรียนที่นี่รู้สึกว่ามันไม่มีความคิดอะไรในหัวเลย กลวงมากค่ะ ทำงานก็ไม่ดี ส่งกี่ครั้งก็ไม่ผ่าน บางทีรอส่งงาน อาจารย์ก็ไม่อยู่ ไม่ก็ต้องมีเหตุอะไรทำให้ส่งไม่ได้ หรือไม่ก็ไม่ได้ส่งเลยจริง ๆ เหมือนมีอุปสรรคตลอด เรื่องที่อยู่อาศัยและเรื่องเพื่อนสังคมแวดล้อมก็ด้วยอ่าค่ะ แล้วก็เมื่อก่อนเคยใส่พระค่ะ 3 องค์ ห้อยไว้ที่คอและก็มีสายสิญจน์ แต่สายสิญจน์ดำหมดแล้ว และตอนนี้ถอดออกไปวางไว้ที่แท่นบูชาหมดแล้วทั้งพระทั้งสายสิญจน์ ไม่ทราบว่าเกี่ยวไหมคะ??

และก็อยากถามท่านผู้รู้ว่า ไม่ทราบว่าเรื่องแบบนี้แก้ได้โดยการสวดมนต์และทำบุญใช่ไหมคะ?? ก็สวดมนต์ นะโม 3 จบ บูชาพระรัตนตรัย อิติปิโส คาถาชินบัญชร คาถาหลวงพ่อโสธร ทั้งหลายแหละค่ะ แต่ไม่ได้สวดพาหุง-มหากา(ไม่มีเวลามากพอค่ะ) ทุกคืนนะคะ อยากทราบว่าเพราะอะไรถึงทำให้เรากลายเป็นแบบนั้นไปได้?? ส่วนใหญ่จะเรียกได้ว่าซวยอ่าค่ะ แล้วก็มีวิธีแก้ไหมคะที่ไม่ต้องเข้าวัดไปทำบุญ ทำสังฆทาน เพราะไกลมาก ๆ ไม่มีเวลาด้วย เพราะต้องเรียนอ่าค่ะ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยชี้แจงนิดนึงนะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ

 

There are a lots of "Tum Boon online" that need a lots of help.Repair the roof of the temple or water pipeline for temple.Link to www.Phrasomrak.com.might help with the bad luck ka.
Goodluck.

 

น่าจะบอกประเทศนะครับ.....เพราะเวบนี้คนที่อยู่ต่างประเทศเข้ามาโพส....เยอะมากเหมือนกัน.......บอกเมืองที่อยู่ด้วยก็น่าจะได้.......

ถ้าไม่มีวัดจริงๆ.....ก็สวดครับ......ลองหาของหลวงพ่อจรัญ นะครับ.....อิติปิโสเท่าอายุ....นะครับ.....อย่าบอกว่าไม่มีเวลามากพอ....ถ้าหากคุณอยากสำเร็จในชีวิต....เรื่องแค่นี้คุณต้องทำได้ครับ.......

ผมก็อยู่ต่างประเทศนะครับ....ผมจะใช้วิธีหาวัดในพุทธศาสนา....ไม่จำกัดนิกายครับ......ผมทำได้...บางครั้งถ้าอยู่ไกล...ผมจะใช้วิธีหยอดกระปุกครับ(เพราะตอนสวดมนต์ผมจะทำบุญ)....สิ่งที่ผมเลือกคือ..จะทำบุญกับวัดที่ไม่เก็บค่าบัตรผ่านประตู(เพราะบางประเทศจะเก็บค่าบัตรผ่านเพราะถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว)...จากนั้นถ้ามีจำนวนเงินที่มากพอ....ก็จะนำไปถวายวัดครั้งเดียวครับ.......นอกจากนั้นก็สาธารณะประโยชน์ทั่วไปครับ..ช่วยเด็กยากจน..คนขอทาน.....ผู้มีบุญถึงได้ทำบุญ...ผู้มีบุญย่อมไม่ห่างจากบุญ......

อย่าทำบุญเฉพาะเวลาที่คุณคิดว่าซวย.....เพราะบุญเป็นฐานแห่งความสำเร็จทุกอย่างครับ....

บุญแบ่งได้เป็นสามครับ....๑.บุญที่สำเร็จจากการให้ทาน ๒.บุญที่สำเร็จจากการรักษาศีล ๓.บุญที่สำเร็จจากการภาวนา ครับ....

 

อยู่ห่างไกลวัดก็ทำบุญได้ง่ายๆ ไม่มีเงินก็ทำบุญได้

Sunday, May 2nd, 2010

อยู่ห่างไกลวัดก็ทำบุญได้ง่ายๆ เช่น บางคนอยู่เมืองนอก เขตไกลวัด จะไปทำบุญทีหนึ่งต้อง ไปไกลหลายรัฐ เสียเวลา ค่ารถ ค่าเสียเวลา เสี่ยงอันตรายด้วย หรือนักเรียนนักศึกษา หรือคนที่มีวิถีชีวิตเร่งรีบ ไม่ค่อยมีเวลาได้เข้าวัดทำบุญ แต่มีจิตใฝ่ในกุศลต้องการทำความดี ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรบ้าง
วิธีการทำบุญง่ายๆ แม้อยู่ไกลวัด
1. การให้ทาน
หาก หาวัดไม่ได้ ก็ให้ทานในคนที่นับถือศาสนาพุทธหรือผู้ปฏิบัติธรรมก็ได้ หรือหากหาไม่ได้จริงๆก็ให้ทำทานในสัตว์เดรัจฉาน เช่น สุนัขตามถนน ให้ขนมปังนกพิราบ ให้อาหารปลา
2.การขวนขวายในงานบุญ เช่น เก็บขยะตามถนน ทิ้งให้เป็นที่ ให้เป็นระเบียบ ตามถนนหนทางที่เป็นหลุม เราอาจจะขุดดินหรือหินไปถมให้เรียบ หรือเราอาจจะเข้าเว็บไซต์ต่างๆ ที่เป็นเว็บเกี่ยวกับวัดวา ไปช่วยบอกบุญประชาสัมพันธ์ หรือช่วยงานในเว็บก็ได้
3.การโมทนาบุญ ทำได้ง่ายๆ ไปเจอใครทำดีเราก็เอาใจเข้าโมทนาบุญ หรือหาดูตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีการทำบุญ เราก็โมทนาบุญตาม เจอเขาทำบุญในทีวีก็โมทนาตาม เจอคนทำดีในหนังสือพิมพ์ ก็โมทนาตาม
5.บุญจากการให้ส่วนบุญ เจอเหตุการณ์ต่างๆที่มีคนตาย เราก็อุทิศกุศลที่เราเคยทำแล้ว ให้เขาเหล่านั้น เห็นข่าวคนตายก็อุทิศให้ได้
6.เจอสัตว์ตายตามถนนก็อุทิศกุศลให้
7.อุทิศ ส่วนกุศล ให้สัตว์ทุกๆตัวที่ต้องกลายมาเป็นมาเป็นอาหาร ของเราในวันนี้ ไม่ว่าจะมีส่วนมาจาก เลือด เนื้อ นม ไข่ หรือแรงงาน หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่มาจากสัตว์ต่างๆเหล่านั้น
8.การน้อมบูชาพระ รัตนตรัย เจอดอกไม้ต้นไม้ที่มีดอกสวยข้างทางก็น้อมบูชาพระรัตนตรัย อย่าลืมอุทิสกุศลให้เทวดาที่รักษาต้นไม้ดอกไม้ต้นนั้นๆด้วย
9.เจอไฟตามถนนหนทางก็น้อมบูชาพระรัตนตรัย อย่าลืมอุทิศกุศลให้ทุกๆท่าน ที่มีส่วนให้มีไฟฟ้าตามท้องถนน ก็คือทุกๆคนที่เสียภาษี
10. สวดมนต์ และนั่งสมาธิ ทำได้ทุกเวลา ทุกขณะจิต

อยู่ห่างไกลวัดก็ทำบุญได้ง่ายๆ ไม่มีเงินก็ทำบุญได้ | ผลบุญ.คอม : ดูดวง แก้กรรม ธรรมปฏิบัติ

บางประเทศมีวัดไทยด้วย สามารถโอนเงินไปทำบุญได้ทางอินเตอร์เนต หรือร่วมทำบุญกับหลวงตามหาบัวทางเวปไซต์
http://www.luangta.com/help/contact.php#give4

 

ดิฉันอีกคนหนึ่งที่อยู่ไกลมากและไกลวัดด้วยดิฉันก็ศึกษาจากเน๊ตพลังจิตนำมาปรับปรุงการ สวดมนต์ เอาคำสอนของหลวงพ่อจรัญมาเป็นแนวทางปฎิบัติ การทำความดีต้องฝืนใจทุกอย่าง หรืออาจจะมีเรื่องไม่คาดคิดดังที่ดิฉันเคยโดนมาแล้ว กับตัวเอง วันแรกที่ดิฉันมาถึงอิตาลีเพราะความเพลียจากการเดินทางดิฉันไม่ได้สวดมนต์ก่อนนอน ปรากฎว่าได้มีเด็กสองคนมาดึงขารบกวนตลอดในฝันก็ร้องเรียกให้ช่วยแต่ต้องตกใจตื่นเพราะสามีเขย่าร่างที่ร้องไม่เป็นภาษา เหงื่อท่วมตัว เหมือนจริงมากพอเห็นรูปติดข้างเตียงนอนเป็นรูปเทวดาเด็กมีปีกเหมือนนกกำลังเล่นกัน ดิฉันบอกใช่เลยในรูปนี้แหละดึงขาเมื่อกี้นี้ จึงสวดมนต์แผ่เมตตาเหมือนที่เคยทำทุกวันดิฉันจึงเดาเอาว่าเขามาขอส่วนบุญ หลังจากนั้นดิฉันปฎิบัติทุกวัน จนกระทั่งบัดนี้ค่ะ

 

ขอบคุณทุก ๆ ท่านมากเลยค่ะ ที่เสียสละเวลามาตอบให้ ตอนนี้อยู่รัสเซียค่ะ ที่นี่มีวัดแค่ที่เมืองเดียวคือ St.Petersburg ค่ะ ห่างจากเมืองที่อยู่ก็ต้องนั่งรถไฟวันนึงค่ะ 17 ชม.ถึง หลายคนถามว่ามาทำไมรัสเซีย?? จริง ๆ คนรู้ภาษารัสเซียในไทยก็ถือว่ายังน้อยอ่าค่ะ แต่ตอนนี้ก็เริ่มมากขึ้นแล้วจากการที่สถานทูตเปิดโอกาสให้ นศ. มาเรียนต่อที่นี่ในฐานะ นร.ทุนรัฐบาลรัสเซีย คิดว่าเป็นโอกาสที่ดีไม่น้อยที่ นศ. ไทยได้มาเรียนต่อรัสเซีย ข้อดีก็คือมาอยู่นี่เราได้เจออะไรต่าง ๆ ที่ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นมากค่ะ (ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องไม่ค่อยดี) แต่ก็แล้วแต่คนด้วย บางคนทนไม่ได้กลับไปก็มี แต่โดยส่วนตัวคิดว่าการมารัสเซียครั้งนี้ค่อนข้างแย่อ่าค่ะ สภาพจิตใจแย่มาก หลายอย่างมันแย่กว่าที่คิด คือก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะดีอยู่แล้ว เพราะเคยเป็น นร.แลกเปลี่ยนมาก่อนอ่าค่ะ เลยพอจะรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง แต่ก็พยายามสวดมนต์ ทำบุญ ทำทาน ขอให้เราสงบก็พอ แบบขอเรียนอย่างสงบ ๆ ทำงานดี ๆ ส่ง เรียนให้เหมือนที่เคยทำได้ แต่ตอนนี้เริ่มรับได้เพียงแค่เรื่องที่อยู่ สภาพแวดล้อมอ่าค่ะ ส่วนสังคมที่นี่แย่มาก คนที่นี่ไม่เป็นมิตรมาก ๆ ประเทศเขาเหมือนปิดนิด ๆ มีน้อยคนที่จะเข้ามาคุยกับ นศ.ต่างชาติอย่างมีไมตรีค่ะ ซึ่งนั่นทำให้สภาพจิตใจแย่มาก เรียนก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องมาเจอคนในห้องทั้งอาจารย์และ นร. ทำหน้าตึงใส่ แต่ยังไงก็ต้องพยายามต่อไปค่ะ

 

ทาน , ศีล , สมาธิ

1. ก็ทำทานกับคน , สัตว์ , สังคมโดยรวม

2. รักษาศีล 5 หรือ 8 ก็ได้ครับ

3. ทำสมาธิ วันละกี่ครั้งกี่นาที กี่ชั่วโมงก็แล้วแต่จะทได้ครับ

 

ถึงเจ้าของกระทู้ไม่บอกว่าอยู่ทีไหน ก็คงเดาได้ว่าคุณอยู่ที่รัสเซีย เพราะดูจากช่อง "สถานที่" :d

ในกรณีของคุณนั้น ขอแนะนำว่าให้ใช้วิธี
1 อุทิศส่วนกุศล ให้กับเทวดาประจำตัว เจ้ากรรมนายเวร เทวดา พระภูมิเจ้าที่ ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในที่พัก เมืองที่คุณอยู่ มหาวิทยาลัยที่คุณเรียน
2 ใครที่ทำหน้าเหม็นๆใส่คุณ ขอให้คุณแผ่เมตตาให้เค้า
แผ่เมตตดาทุกลมหายใจ คือ หายใจเข้า ก็นึกหน้าเค้า แล้วก็นึกต่อไปว่า ขอให้เป็นสุขๆเถิด เราเป็นเพื่อนกันนะ หายใจออกก็นึกทำนองเดียวกัน ทำไปเรื่อยๆ นะครับ จนกว่าจะเห็นผล

สิ่งที่ต่างกันระหว่างการอุทิศส่วนกุศลกับการแผ่เมตตาก็คือ
การอุทิศส่วนกุศล เปรียบเสมือนเรามีของกินของใช้ เราหยิบยื่นให้เค้าได้กินได้ใช้
การแผ่เมตตา เปรียบเสมือน เราทักทายเค้า เราส่งคำอวยพรให้เค้าอยู่ดีมีสุข

นี่แหละคือ ข้อต่างกัน ซึ่งเราสามารถใช้ 2 วิธีผสมผสานกันได้ แต่ต้องเข้าใจความแตกต่างก่อนว่า การอุทิศส่วนกุศล กับการแผ่เมตตานั้นต่างกันอย่างไร

การอุทิศส่วนกุศล ก็เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง เรียกว่า บุญสำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญนั้น เมื่อเค้าโมทนาบุญกับเรา เค้าก็ได้บุญนั้นด้วย แล้วบุญนั้นก็ย้อนกลับมาหาเรา เหมือนบูมเมอแรงนะครับ

ทำได้อย่างไร นำมาบอกเล่ากันด้วยนะครับ ขอให้เรียนจบไวๆ จะได้กลับมาเป็นกำลังของชาติ ^-^

เอาละ น่าจะพอแล้ว เดี๋ยวผมต้องออกไปร่วมงาน Happy Birthday เป็นงานช้างงงงงง !

 

วัดใจตนเอง เจริญกรรมฐานตนเอง

 

ธรรมะอยู่ที่ใจค่ะ ถึงเข้าวัดแต่จิตคิดอกุศลก็ไม่ช่วยอะไร เราก็อยู่ต่างประเทศเหมือนกัน ถ้าจะเข้าวัดต้องนั่งรถไฟไป สังเกตว่าคุณ raycharlotte อยู่รัสเซีย แต่ก็ไม่รู้่ว่าอยู่ส่วนไหน เคยได้ยินว่าคนที่ไปเรียนที่รัสเซียลำบากมาก แต่คิดว่าคงไม่ใช่จังหวัดเดียวกัน

อยู่บ้านสวดมนต์ นั่งสมาธิทำให้จิตใจผ่องใส ถึงแม้ว่าไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้หรือเปล่า แต่อย่างน้อยเราจะรู้สึกจิตใจสงบขึ้นนะคะ สมาชิกหลายๆท่านได้เขียนข้อความแนะนำที่มีประโยชน์ไว้ บางอย่างเราเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกัน ขอให้พยายามต่อไปนะคะ อนุโมธนาค่ะ

 

เรื่อง...ไม่มีเวลาทำสมาธิ​

​

ผู้ถาม - "หลวงพ่อคะ หนูไม่ค่อยจะมีเวลาทำสมาธิค่ะ...?"
หลวงพ่อ - คนที่ไม่มีเวลาไม่มี นอกจากขี้เกียจ​

ผู้ถาม - "ถ้ากลางวันทำงานและกลางคืนก็ติดธุระ บางทีจะนั่งสมาธิก็กวน"
หลวงพ่อ - จะไปนั่งทำไม ให้ลูกมันหลับเวลาเรานอนน่ะ สมาธิทำทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน เขาไม่ได้ห้ามต้องนั่งเสมอไปใช่ไหม จริงๆแล้วถ้าเรามีสมาธิก่อนหลับสัก ๒ นาทีก็พอใจแล้วสมาธิไม่ต้องการมาก ที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพระสารีบุตรว่า​

"สารีปุตตะ ดูก่อน สารีบุตร บุคคลใดมีจิตว่างจากกิเลส วันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง เราขอกล่าวว่าบุคคลนั้นเป็นผู้มีจิตไม่ว่างจากฌาณ"​

เห็นไหม ก็มัวเอาแต่เรื่องนั่งที่เขาว่า อีตอนนอนนั่นแหละ นอนสบาย หัวถึงหมอนปั๊บนึกถึง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ และภาวนา "พุทโธ" หายใจเข้านึกว่า "พุท" หายใจออกนึกว่า "โธ" หายใจ ๒ ฟื้ดหลับไปเลยใช้ได้​

อย่าลืมนะตอนที่ภาวนาหลับเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีนะ ว่าถ้าจิตไม่ถึงฌานนี่มันจะไม่หลับ "ถ้าจิตถึงฌานปั๊บมันตัดหลับทันที ทีนี้ว่าถ้าภาวนาหรือว่านะโมอยู่ ถ้ามันหลับเวลานั้นมันจิตถึงฌาน ขณะที่หลับอยู่กี่ชั่วโมงเขาถือว่าทรงฌานนั้นอยู่ระหว่างหลับ" ถ้าตายระหว่างนั้นจะไปตามกำลังของฌานทันที เห็นไหม ที่ว่าไม่มีเวลาคนขี้เกียจนะ เวลามันมีใช่ไหม​

ถ้าให้ดีเวลาตื่นนอนเอาอีกนิด ไม่ต้องลุกถ้าไม่ปวดอุจจาระ ปัสสาวะ พอตื่นปั๊บเอาอีกหน่อย จับลมหายใจ หายใจเข้านึกว่า "พุท" หายใจออกนึกว่า "โธ" ๒ - ๓ ครั้งก็พอแล้ว จิตไม่นึกถึงใคร แค่นี้ใช้ได้ทุกวัน ขอยืนยันว่าลงนรกไม่ได้​

ผู้ถาม - "แล้วถ้าจะไปนิพพานละค่ะ?"
หลวงพ่อ - ง่ายนิดเดียว แบบนี้ แบบนี้ต้องใช้วิปัสสนาญาณช่วย ก่อนนอนปั๊บนึกว่าเกิดนี่มันเป็นทุกข์ งานทุกอย่างนี่มันเหนื่อย มันเป็นทุกข์ ไอ้การเกิดมีร่างกายมีทุกข์อย่างนี้เราไม่ต้องการอีกขอไปนิพพานชาตินี้ แล้วภาวนาว่า "พุทธโธ" นี่ง่ายนิดเดียว แล้วก็อย่าคิดว่าใช้เวลาเล็กน้อยไม่มีผลนะ​

ถ้าเวลาป่วย ป่วยมากๆ อาการเครียดจะตาย ถึงจะยังไม่ตายก็ตาม แต่ทำท่าจะตาย อารมณ์นี้ทั้งหมดมันจะรวมตัว และจิตจะเป็น "สังขารุเปกขาญาณ" จะวางเฉย​

ถ้าถามว่าตำราไหน อาตมาประสบมาแล้ว เพราะเคยตายหลายครั้ง ชิน ถ้าถึงวาระนั้นมันวางหมด เฉยๆ ไม่ต้องเอาอะไรไปบังคับมันหรอก มันจะเฉยหมด คนก็เฉย สัตว์ก็เฉย วัตถุธาตุสมบัติเฉยหมด ก็คิดว่าแม้ร่างกายมันจะตายจะสนใจอะไร มันเฉย มันเฉยจริงๆ และก็มีหลายคนมีสภาพแบบนี้นะ หลายๆคนมาหายแล้วก็มีภาระยุ่ง เขาเลยบอก แหม...มันไม่น่าหายเลย น่าจะป่วยอยู่เรื่อยๆ แล้วตายไปเลยใช่ไหม ไม่ต้องมาก แค่นี้พอ​

ดีกว่าคนไปนั่งเป๋งนานๆ แต่ตอนที่นั่งหลับตาไม่แน่นะ ภาวนาหรือนินทาใครก็ไม่รู้ ถ้าว่าจะเอากันให้ดีจริงๆ ภาวนาให้หลับจะดีมาก ก็ถือว่าเราเป็นผู้ทรงฌานทุกวัน ถ้าถามว่าภาวนาใช้เวลาเท่าไหร่ ถ้าพุท ไม่ทันโธ หลับ ยิ่งดีใหญ่ จิตเข้าถึงฌานเร็ว ไอ้นี่เขาต้องการนะ จิตเข้าถึงฌานเร็ว ฉันว่าแล้ว คนที่ไม่มีเวลาคือคนขี้เกียจ(หัวเราะ) ว่าไงเวลามีตั้งเยอะไปใช่ไหม สำคัญที่คุณภาพ​

ผู้ถาม - "หลวงพ่อคะ ถ้าทำแบบหลวงพ่อว่า ก่อนนอนและเวลาตื่นเช้าอย่างเดียวจะได้ไหมคะ...?"
หลวงพ่อ - ก็เหลือแหล่แล้ว จริงๆ แล้วมันเหลือแลห่จริงๆนะคือ จิตเวลานั้นให้มันบริสุทธิ์จริงๆ ใช่ไหม อีแค่ ๒ - ๓ นาทีก็ช่างปะไรและอย่าลืมว่าทุกอย่างที่เราทำได้แล้วจะรวมตัวไม่ไปไหนนี่ มันรวมเลย เข้าไปสะสมตัวเลย​

ถ้าเรานั่งครึ่งชั่วโมง ดีไม่ดีสมาธิไม่ได้ ๒ นาทีล่ะ เมื่อยบ้าง ปวดบ้าง ตอนภาวนาให้หลับนี่สมัยก่อนที่ยังฝึกอยู่ ที่หลวงพ่อปานท่านส่งไปหาอาจารย์ต่างๆ ทุกองค์สอนเหมือนกันหมดบอกว่ามันเป็นวิธีที่ได้กำไรมากที่สุด ภาวนาจนหลับนี่นะ และหลับกี่ชั่วโมงเขาถือว่าทรงฌานนั้นอยู่ และอารมณ์มันจะชินพอตื่นขึ้นมาปั๊บ​

ทีนี้การทรงสมาธิเป็นฌานมันมี ๓ ชั้น ฌาน ๑, ๒, ๓, มี ๓ อย่าง อย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียดเราจะสังเกตได้เวลาตื่น พอเริ่มตื่นพั๊บเต็มที่บังคับให้ภาวนา แสดงว่าขณะที่หลับเราเข้าถึง ฌานหยาบ นะ​

ทีนี้พอตื่นพั๊บเราภาวนาเองทันทีเลยโดยไม่ต้องบังคับตื่นรู้สึกตัวเต็มที่นะ อย่างนี้เวลาจะหลับเข้าถึง ฌานอย่างกลาง​

ถ้าว่าครึ่งหลับครึ่งตื่นมันภาวนาออกมาเลย อันนี้เข้าถึง ฌานละเอียด เป็นเครื่องพิจารณา เป็นเครื่องพิสูจน์ ง่ายดีสะดวกดีได้กำไรมาก​

สังเกตดูพระที่ได้แล้วท่านสอนไม่ยาก ที่ไปเรียนกับท่านล่ะนะ เหมือนกันหมด ถามว่าหลวงพ่อครับ ทำไมสอนไม่ยากเหมือนตำรา บอกกูไม่ได้ถือตำรามาสอนนี่หว่า กูถือความจริง สมัยก่อนท่านใช้ยังงี้นะ ตอนยังหนุ่ม กูไม่ถือตำรานี่หว่า ตำราอ่านไม่ออก ตาไม่เห็น สอนความจริง​

หมายถึงว่าสอนที่ท่านได้มาแล้ว ท่านทำได้แล้วใช่ไหม ท่านเข้าใจว่าอะไรมันถูกอะไรมันควร อย่างไหนมีประโยชน์มาก อย่างไหนมีประโยชน์น้อย นั่งตึ้งชั่วโมงไม่ใช่จะมีประโยชน์ทั้งชั่วโมงสังเกตดูเดี๋ยวมึงก็มากูก็มา แทรกเข้ามาเรื่อย อันนี้เป็นเครื่องพิสูจน์จิตเข้าถึงฌานหรือไม่ถึงอีตอนหลับ​

ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า "ความรู้ทั้งหมดที่ตถาคตนำมาสอนไม่ใช่ของใหม่ มันมีแล้วในโลก"​

คือคนนี่มีสมาธิอยู่แล้ว สมาธินี่มีทุกคนน่ะ ฌานนี่มีทุกคน เพราะคนหลับได้ คนไหนหลับได้คนนั้นมีฌาน ถ้าจิตไม่สงบถึงฌานก็จะไม่หลับ ขณะที่หลับนี่จิตต้องเข้าถึงฌาน ไอ้คำว่าสมาธิคือตั้งใจ เวลานี้เรากินข้าวรู้ว่ากินข้าว นี่เป็นสมาธิ​

จากหนังสือธรรมปฏิบัติเล่ม ๙​

บุญกิริยาวัตถุ ๑๐​

<O๑. ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน.
๒. สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล.
๓. ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา.
๔. อปจายนมัย บุญสำเร็จด้วยการประพฤติถ่อมตนแก่ ผู้ใหญ่.
๕. เวยยาวัจจมัย บุญสำเร็จด้วยการช่วยขวนขวายในกิจ ที่ชอบ.
๖. ปัตติทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ.
๗. ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ.
๘. ธัมมัสสวนมัย บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม.
๙. ธัมมเทสนามัย บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม.
๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรง.

สุ.วิ. ๓/๒๕๖. อภิธมฺมตฺถสงฺคหปาลิ. ๒๙. ตฏฺฏีกา. ๑๗๑.
​

การทำสมาธิ ครูบาอาจารย์ ท่านเปรียบไว้ว่า .. ดุจเราทำบุญใส่บาตร ด้วยขันลงหินทุกวัน จนขันลงหินนั้นทะลุ อานิสงส์ ยังเทียบไม่ได้กับการทำสมาธิ แม้นเห็นแสงสว่างเท่าปลายเข็ม ชั่วเวลาช้างกระดิกหู หรืองูแลบลิ้น ..<O​

 

ตามข้างบนเลยค่ะ..........

 

ของพี่ใชัหลักรักษาศีล 5 (อธาธนาศีล 5 เอง หน้าหิ้งพระเช้า-เย็นค่ะ) และภาวนาค่ะ และสวดมนต์เช้าเย็นค่ะ ถ้าวันพระก้อตั้งจิตรักษาอุโบสถศีลเองค่ะ และมีโอกาสก้อทำในข้อของบุญกิริยาวัตถุ 10 ค่ะ การที่เข้าในเว๊ปธรรมะ มีการร่วมทำบุญของเพื่อน ๆ เราก้อน้อมตั้งจิตอนุโมนาบุญกับคนอื่น การขวนขวายในกิจที่ชอบก้อเป็นบุญค่ะ สำหรับตัวเองอีกข้อที่ชอบทำคือธรรมทานค่ะ เพราะไม่มีโอกาสได้ตักบารต ได้แต่ร่วมส่งเงินไปร่วมทำบุญกับเพื่อน ๆ ที่เมืองไทยแทนทุก ๆ เดือนค่ะ และได้ส่งเงินไปให้พระอรหันต์ที่บ้านด้วยค่ะ ก้อมาร่วมแบ่งปันนะคะ

 

"อยากทราบถึงวิธีการทำบุญโดยที่ไม่ต้องเข้าวัด"
อ่านประโยคนี้แล้วบอกตรง ๆ ผมอึ้งเลย จริง ๆ แล้วไม่ใช่มีเฉพาะคุณ แต่ที่ผมอึ้งเพราะเราเป็นพุทธศาสนิกชน อย่างน้อยน่าจะนึกออกบ้าง คุณไม่ได้ผิดหรอกนะ มันเป็นความจริงในปัจจุบัน ที่ผู้ใหญ่มักสอนว่าให้ไปทำบุญที่วัด บุญก็เลยไปเกิดที่วัด เหมือนกับที่ผู้ใหญ่มักสอนให้สวดมนต์ บทนั้นบทนี้ บอกว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ลืมที่จะบอกความหมายในบทสวดนั้น ๆ
ได้ยินมาบ่อย ๆ "ทำบุญซะหน่อยจะได้ดวงดี ๆ " "ทำบุญล้างซวย" เลยไม่รู้เจตนาว่าจริง ๆ ที่ไปทำบุญเพราะต้องการให้จริง ๆ หรือ ต้องการรับ กันแน่
ต้องขอขอบคุณ คุณเป็ดเซ็ง ที่มาอธิบายถึง วิธีการทำบุญ อนุโมทนาสาธุครับ
ถ้าสิ่งที่ผมแสดงความคิดเห็นด้านบน กระทบถึงเจ้าของกระทู้ ทำให้ไม่สบายใจ ต้องขออภัย และขออโหสินะครับ
ดึกแล้วคงต้องไปทำบุญบ้างแล้วครับ

 

กราบอนุโมทนาสาธุบุญกับทุกคำแนะนำทุกๆท่านด้วยคนนะค่ะ สาธุๆๆ