แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ณ., 19 สิงหาคม 2008.

  1. อารมณ์สุนทรีย์

    อารมณ์สุนทรีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +1,740
    พี่ลีเล่าได้อร่อยมากครับ ฮ่าๆ

    ยินดีกับพี่ๆด้วยครับ นานๆจะเข้ามาที่ พอเรียนแล้ว ก็เรียนเยอะ แต่ก็สบายเพราะผมสบาย
    จนไม่รู้ กลัวจะไม่รอดก่อน แต่คะแนนก็ออกมาดี สอบบ่อยด้วยครับ งานก็เยอะ

    งานให้ทำเยอะก็ดี ผมก็เลยจับเข้าวัดหมด สบายไป ค่อยๆทำไป

    เห็นในรูปที่จัดของกัน มีพี่ๆที่เคยไปลุยป่าด้วยกัน น่าจะใช่นะครับ

    มีงานอะไรก็รบกวนบอกผมด้วยนะครับ เดียวเบื่อจะแว๊บเข้าป่าไปเรียนละ
     
  2. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    สวัสดีคร๊าบ พี่ๆ
    ช่วงนี้ไม่มีเวลาเลย เรียนด้วย ทำงานด้วย ตอนนี้หนักสังขารมากเลย
    เมื่อวานก็เกือบวูบไป อาทิตย์ที่แล้วก็เกเร หยุดเรียนไปวันหนึ่ง
    เหนื่อยมากๆ ถึงเหนื่อยแต่เรื่องปฏิบัติไม่ได้ขาด มากบ้างน้อยบ้างตามโอกาส

    แต่ก็แวะมาดูที่เว็บเรื่อยๆ แต่ไม่ค่อยได้เขียนอะไร ^^
    คิดถึงพี่ลีจังเลย ไม่ได้เจอพี่ลีตั้งนานแล้ว เสียดายคราวไปกาญฯ ไม่ได้เจอ
     
  3. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    พอได้ยินว่านิกกะตุ้ยกำลังขะมักขะเม้นกับการเรียน ก็ดีจั๊ยดีใจ
    ทำไปเถอะน้อง สู้ สู้ สู้ มันไม่ถึงตายหรอก
    ถ้าตายก็ปักหลักไปที่หลักชัยโลดแค่นั้นเอง...

    ...กลุ่มที่ไปช่วยจัดของให้น้องๆ ในถิ่นทุรกันดาร
    เป็นกลุ่มเดียวกับที่นิกไปสนุกที่กาญจน์แหละจ้า

    ...แหมพี่ลี วันอาทิตย์ยังไปหม่ำอีกซะ 3 ถ้วย ไม่กระซิบกันเลย...งอนแล้วน๊า...แง:'(
    แต่ดีนะ มีงานบุญมาช่วย ไม่งั้น งอนอีกนานนนนนนนนนนน...หุหุ
     
  4. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ขออนุญาติ ตัดปะไปไว้ห้องเราด้วย

    วันหลังถ่ายรูปบอกด้วย (จะแอบไปทาแป้งก่อน อิ อิ)
     
  5. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    "จิตใจที่สดใส ย่อมอยู่ในวัยที่เบิกบาน"

    วันนี้เพิ่งมีเวลาเปิด Email ที่สะสมมาหลายวัน
    แล้วก็ไปเจอประโยคนี้เข้า...ในท้าย Email ที่ส่งมา
    "จิตใจที่สดใส ย่อมอยู่ในวัยที่เบิกบาน"
    แล้วจิตใจที่สดใสเบิกบานมันเป็นยังไง...
    หลับตาลง ลองจินตนาการ

    ...ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่สีครามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
    ปุยเมฆขาวที่ลอยละล่อง แปรเปลี่ยนเป็นรูปร่างต่างๆ
    ลักษณะที่เห็นอยู่มันน่าจะฟูนุ่มนิ่มเสียนี่กระไร
    นึกถีงสายไหมที่เคยได้กิน มันจะนิ่มและหวานอย่างนั้นไหมน๊อ
    มีสายลมเย็นพัดพลิ้วมาเป็นระยะ ใบไม้กวัดไกวตามแรงลม
    แสงแดดที่ส่องผ่านทะลุเมฆลงมากระทบกับสายน้ำ
    ทำให้เกิดประกายละลอกน้ำที่วิบวับแวววาว
    ใบไม้เขียวขจี ดอกไม้ที่แย้มบาน บรรดาผีเสื้อ แมลงปอ พากันโผบิน
    แมลงตัวเล็กๆ ที่วิ่งไล่ โฉบลงที่ดอกไม้หลากสีสัน
    เหมือนกับกำลังเล่นซ่อนหา เดี๋ยวไปดอกโน้น เดี๋ยวมาดอกนี้
    ฟังดูสิ เหมือนจะได้ยินเสียงเพลง เสียงหัวเราะเล็กๆ ลอยล่องอยู่ในสายลม...
    นกน้อยส่งเสียงทักทาย กลิ่นไอของธรรมชาติ กลิ่นไอของความบริสุทธิ์
    ช่างเป็นอะไรที่สดชื่นสดใส สูดหายใจเข้าไปลึกๆ สูดเข้าไปให้เต็มปอด
    รู้สึกถึงความอบอุ่น เย็นสบาย และความรักที่งดงามจากธรรมชาติ...

    [​IMG]


    เราลืมสิ่งเหล่านี้ไปหรือเปล่า...
    ธรรมชาติให้ทั้งความสดใสความเบิกบาน
    เราหลายคนชอบเอาอายุ เพศ สถานะ มาจำกัด
    มากีดกันกีดกั้นธรรมชาติให้ออกห่างจากตัวเอง
    ตีกำแพงล้อมรอบตัวเอง...
    ทั้งที่ในกำแพงนั้นมีแต่ความร้อนแรงและร้อนรน
    บางครั้งก็หนาวยะเยือกถึงขั้วหัวใจ จนเจ็บร้าว
    ความกดอากาศที่ไม่สมดุลซะเลย มันทั้งหนัก ทั้งอึดอัด

    เจาะประตูออกมาจากกำแพงซะบ้าง
    ให้จิตวิญญาณได้ซึมซับความบริสุทธิ์ซะบ้าง
    ปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระบ้าง
    ทำทุกช่วงให้เป็นวัยที่เบิกบาน...สนุกสนาน
    แค่นี้จิตใจที่สดใสก็จะอยู่กับเราตลอดไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1PN.JPG
      1PN.JPG
      ขนาดไฟล์:
      29.6 KB
      เปิดดู:
      543
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2010
  6. malee123

    malee123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +2,843
    ขอเชิญสดับพระธรรมเทศน์มหาชาติมหากุศล
    เวสสันดรชาดก ๑๓ กัณฑ์ ๑,๐๐๐ พระคาถา
    วันที่ ๑๘ - ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๓
    ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

    วัตถุประสงค์
    1. เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภาพ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๓
    2. เพื่อนำรายได้ร่วมสมทบทุนในการจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ มอบให้กับร.พ.พระนั่งเกล้า และสถานพยาบาลกุสินาราคลินิค วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ประเทศอินเดีย
    3. เพื่ออนุรักษ์และสืบสานประเพณีการเทศน์มหาชาติ อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ดีงามของชาติให้งดงามสืบไป

    หรือจะเปิดฟังที่เว๊ปนี้ได้เลยค่ะ

    ถ่ายทอดสด

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ
     
  7. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ภาพรุ้งกินน้ำที่จีน นำมาให้แคร่ริมคลอง


    [​IMG]



    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-6594724786987878";/* 200x200, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 6/28/10 */google_ad_slot = "7184796234";google_ad_width = 200;google_ad_height = 200;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 200px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 200px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS id=google_ads_frame2_anchor style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 200px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 200px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"></INS></INS>
     
  8. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ขอบคุณพี่เอJINTAWADEE<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3694412", true); </SCRIPT>ที่มอบสายรุ้งอันงดงามมาให้
    พูดถึงการ "ให้" ทำให้ ณ พลอยนึกถึงเรื่องที่ ณ เคยคุยไว้
    เรื่องการ"ให้" มันก็นานพอสมควรแล้ว
    "When you give, then you get "
    "ให้สิ่งใด ย่อมได้รับสิ่งนั้น"
    อยู่ในกระทู้นี้แหละ แต่อยู่หน้าไหนไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว

    มาคราวนี้ก็ทำให้นึกถึงเรื่องการ "ให้" ในอีกรูปแบบหนึ่ง
    คือ "ถูกให้" หรือเป็นฝ่าย "รับ" นั่นเอง


    อาจจะมีหลายคนตั้งคำถามว่า...
    ก็ได้ลองทำแล้ว ตามคำที่ว่า "ให้สิ่งใด ย่อมได้รับสิ่งนั้น"
    ...ทุกวันนี้ก็ตั้งใจทำสิ่งดีๆ เพื่อจะได้รับสิ่งที่ดี
    แต่ทำไม ต้องเจอสิ่งที่ไม่อยากเจอเยอะเหลือเกิน
    ไม่เห็นเหมือนอย่างที่ว่าไว้เลย...
    "When you give, then you get"
    มั่วหรือเปล่า?
    นั่นแน่...หลายคนคงเคยเจอสภาวะนี้
    "...ก็ให้สิ่งดีๆ ทำในสิ่งดีๆ แต่ทำไมมันไม่ได้ดี?"
    แน่นอนว่า ณ ก็ไม่พ้นเหมือนกัน เจอมาทั้งนั้น
    ไม่มีใครพ้นจากวงจรของ Give & Get ไปได้


    เมื่อเราตั้งเข็มทิศของเราแล้วว่าเราจะคิดดี ทำดี ก็ขอให้ตั้งต่อไป
    แต่หากมีสิ่งที่ไม่ดีเข้ามา ก็จงคิดซะว่า...
    ...มันคงเป็นสิ่งที่เราเคยทำไว้ และเราก็คงลืมมันไปแล้วด้วย
    แน่นอนว่าเราก็ต้องได้รับมันตามกฎ Give &Get
    ...มันคือบททดสอบ ที่เราต้องสอบ และเราต้องผ่านมันไปให้ได้
    ...ขอให้ยอมรับในสิ่งที่ผ่านเข้ามา โอเค...มันคงถึงเวลาแล้ว
    และจงใช้มุมมองที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเรา
    เพื่อปรับสภาวะจิตของตนเองให้มีการพัฒนาขึ้น
    ...เราไม่ใช่ผู้ถูกกระทำ เราเป็นผู้เลือก เราเลือกได้
    เลือกที่จะจมดิ่งไปกับสิ่งที่ส่งเข้ามาหาเรา
    หรือเลือกที่จะลอยอยู่เหนือสิ่งเหล่านั้น
    ...สติเปรียบได้กับแท่งเทียน ปัญญาเปรียบได้กับไฟ
    เมื่อมีปัญหาที่เข้ามาทดสอบ จงใช้สติและปัญญา
    พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น ใช้เทียนที่สว่างไสว ส่องทาง...
    แม้มันจะเป็นเพียงจุดสว่างเล็กๆ ในความมืดอันกว้างใหญ่
    แต่เทียนก็ได้ถูกจุดขึ้นมาแล้วด้วยความตั้งใจของเรา
    ไม่ว่าเราจะ Give หรือ จะ Get จงใช้ให้เป็น เพราะเราเป็นผู้เลือก


    จงเบิกบาน จงเบิกบาน และจงเบิกบาน
    จงยิ้มแย้ม จงยิ้มแย้ม และจงยิ้มแย้ม
    จงให้ จงให้ และจงให้
    จงรับ จงรับ และจงรับ
    คุณจะเป็นในสิ่งที่คุณเลือก
    "You Become what you choose"


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2010
  9. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เรื่องดี ๆ ของ WHEN YOU GIVE & THEN YOU GET (ALWAY)

    มนุษย์เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์ในการสนับสนุน ส่งเสริมซึ่งกันและกันเพื่อการเรียนรู้ ไม่ใช่เพื่อ ทำลาย

    เรื่องดี ๆ ของเด็กขี้ขโมย (อย่าตัดสินใครจากปัจจัยภายนอก เมื่อท่านเพ่งดูภายใน ท่านจะมองเห็นว่า ทั้งดีและไม่ดี ต่างเกี่ยวพันกันในรากเหง้าแห่งการเรียนรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทุกอย่างในโลก มีเพียงแค่ "รู้" หรือ "ไม่รู้เท่านั้น"

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>”อย่าหนีนะ ไอ้ เด็กขี้ขโมย”
    เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่านฉันกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแค่แวบเดียว แม่ถามฉันว่า

    ”อ้าว นั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ”

    ”ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันละ”



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ป้าคนนั้นชื่อว่า ‘ป้าหนอม’ เป็นแม่ค้าขายของชำสารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่ มีฐานะจัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของมากเกินไป หรือถามราคาแล้วไม่ซื้อ ป้าแกจะโวยวายชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว
    เสียงเอะอะดังมากขึ้น ฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ขวบ ไล่เลี่ยกับฉันซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือ แม่จึงเดินเข้าไปถาม

    ”พี่หนอม มีไรหรอคะ”

    ”ก็ X เด็กเวรนี่นะสิ มันมา ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ พอฉันหยิบส่งให้ มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย”

    พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้

    ”ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ แล้วนี่จะทำไงต่อ”

    แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่

    ”เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย พ่อแม่ไม่สั่งสอน ยังเด็กตัวแค่นี้ก็ริจะเป็นขโมยซะแล้ว ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินหละ”

    ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อยๆ ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า แม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้ แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า

    ”อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอม เด็กมันคงอยากซื้อยาแต่ไม่มีเงินนะ เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะ กี่บาทกันละ”

    ในที่สุดเรื่องก็จบลง โดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายาแก้ปวดกับยาธาตุ แล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่

    ใจดีกับเด็กขี้โขมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ”

    แม่ไม่ได้ตอบอะไร แต่พอเดินห่าง จากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า

    ”ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละ”

    เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า

    ”แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอ ผมก็เลยต้อง…”

    แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็กคนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า

    ”ทีหลังอย่าโขมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ถามคนแถวนี้ก็ได้ รู้จักน้าแทบทุกคนเลยแหละ เอ้า…เอา ส้มไป ฝากคุณแม่ซิ คนป่วยนะต้องกินผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย”

    แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรับส้มพร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป

    หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ทันที

    ”ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนันด้วยละ รู้จักกันหรอจ้ะ”

    แม่ยิ้ม แล้วตอบฉันว่า

    ”ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขายอยู่แถวบ้านเราน่ะลูก แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอก แม่ซื้อขนมแกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง”

    ”แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่”

    ฉันถามต่อ แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า

    แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆ กับลูก จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ รู้คุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหน และคนที่มีความรับผิดชอบนะ จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น

    ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า

    ”แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า”

    ”ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร”

    ”แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรอ บ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านป้าหนอมเขานะแม่”

    ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนัก แต่การที่ได้ช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากน่ะ มันทำให้แม่มีความสุข แล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก

    แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า

    จำไว้นะลูก คนเรานะ ต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคนอื่นแก้ตัวเสมอ อย่างเด็กคนนั้น..แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะรักคุณแม่ของแกจริงๆ แม่ถึงช่วยแกเอาไว้

    แล้วแม่ก็พูดต่อว่า

    ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งที่ผิด ใช่…แม่ไม่เถียง แต่บางครั้งคนเราก็ต้องมองด้านอื่นๆ บ้าง อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง ตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ

    หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆ กันต่อ ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้อีกเลย จนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งทั้งน้ำตาว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริงๆ

    หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนั้นเอง เงินเดือนก็พอประมาณ สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้า เพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้างหลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20 ปีเพื่อส่งฉันเรียน แม่ยอมปิดร้าน แต่ก็ยังรับงานเล็กๆ น้อยๆ ของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้องยอมตามใจแม่

    ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย เริ่มจากปวดหัวบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆ ไม่กี่วันก็หาย หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนานขึ้นเรื่อยๆ ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอ แล้วฉันก็พาแม่ไปหาหมอในเมือง หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ทำงานหนักมากเกินไป หมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆ จะได้หายเร็วๆ

    หลังจากกินยาตามที่หมอสั่ง อาการปวดหัวของแม่ก็หายไป ฉันเริ่มสบายใจขึ้น แต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีก คราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย ฉันกังวลใจมาก พอถามหมอ หมอก็บอกว่าต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่าโรงพยาบาลต่างจังหวัด

    หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯ ทันที ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่ามีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้ หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ฉันตกใจมากขอให้หมอผ่าตัดให้ทันที แต่หมอบอกว่าโรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอกในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้น ฉันก็ตกลง

    หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจอยู่ด้านนอก ทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่ และจากคำพูดของหมอที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมาก โอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จก็ตาม อีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมองค่อนข้างสูง เป็นหลักแสนบาท เมื่อรวมกับค่ายา ระหว่างพักฟื้น คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ ห้าแสนบาท

    ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่ให้หาย ส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง

    หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง เป็นโชคดีของแม่ที่การผ่าตัดประสบผลสำเร็จ และไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ ทางโรง พยาบาลบอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้ ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน ปรากฎว่าเป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาท เป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น

    ฉันแปลกใจมาก จึงสอบถามกับนางพยาบาล นางพยาบาลบอกว่าคุณหมอที่เป็นคนผ่าตัด และเป็นเจ้าของไข้บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่ โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ นางพยาบาลบอกว่าหลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัวไปต่างประเทศทันทีเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดสมองที่อเมริกา แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่ โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ฉันพร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

    เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน เนื้อความในจดหมายมีดังนี้

    ’ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร ภู่จันทร์ ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้

    ค่าผ่าตัด 0 บาท
    ค่ายาทั้งหมด 0 บาท
    ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ 0 บาท
    รวมเป็นเงินทั้งหมด 0 บาท


    ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วยยาแก้ปวด ยาธาตุ ส้มหนึ่งถุง

    ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนานๆ นะครับคุณน้า

    นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TD></TR></TBODY></TABLE>


    --
    ประตูที่แท้จริง คือประตูที่ไร้ประตู ชีวิตที่แท้จริง คือชีวิตที่เข้าใจชีวิต...
     
  10. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078
    แวะเข้ามาเยี่ยมกระทู้ครับ อนุโมทนาบุญกับทุกท่านนะครับ^^:cool:
     
  11. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    เหมือนกับความคิดของผมเลยในตอนบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กกำพร้าไปเพราะคิดว่าวันหนึ่งพวกเขาอาจจะเป็นหมอมารักษาผมในยามเจ็บป่วยได้
     
  12. konlayoot

    konlayoot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +238
    เพิ่งไปถือศีล 8 มา 3 วัน ที่สำนักแม่ชีดำรงอารยะธรรม (ถ้ำเขาหิน)
    แม่ท่านเมตตาให้ลงถ้ำด้วย เอาบุญมาให้ทุกๆท่านครับผม<!-- google_ad_section_end -->
     
  13. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ตอนนี้ ณ กำลังศึกษาเรื่องน้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา น้ำมันรำข้าวจมูกข้าว แบบสกัดเย็น

    ...เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ได้ไปบริหารน่องที่เมืองทองธานี ในงาน OTOP
    ก็ได้น้ำมันมะพร้าวกับน้ำมันงามาด้วย นี่ก็กำลังเล็งช่องทางหาน้ำมันรำข้าวจมูกข้าวอยู่
    กะจะเอาน้ำมันทั้ง 3 ตัวนี้มารวมกัน เป็นสามประสาน
    อาจจะเพิ่มด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำมันหอมระเหย
    หุหุ...เอาไว้ทำอโรมาเธราพี
    เอามาใช้กับร่างกาย เป็นได้ทั้งเครื่องสำอางค์ตั้งแต่ปลายผมจรดปลายเท้า
    ใช้แทนโลชั่นทาหน้า ทาตัว น้ำมันใส่ผม กันแดด ป้องกันการระคายเคือง
    และในส่วนที่จะใช้เป็นยา เป็นการบำรุง ก็ไม่ต้องแต่งกลิ่น
    เพราะกลิ่นน้ำมันงาก็หอมน่ากินอยู่แล้ว ของไทยๆ ทำเองใช้เอง สนับสนุนสินค้าไทย

    คุณประโยชน์เด่นๆ เลยนะ ยิ่งโดยเฉพาะสาวๆ
    อ้อ...แม้แต่หนุ่มๆ และรวมถึงทุกช่วงวัย ทุกเพศ ก็ใช้ได้เหมือกัน


    [​IMG]

    * น้ำมันมะพร้าว ดูดซึมสู่ร่างกายได้เร็ว เสริมสร้างคอลลาเจนและสร้างความยืดหยุ่นให้่ผิว
    ช่วยให้ผิวพรรณอ่อนนุ่มชุ่มชื่น และกระชับเรียบเนียน ดูอ่อนกว่าวัย
    บำรุงรากผม ลดการหลุดร่วง สร้างเส้นผมใหม่ ป้องกันรังแค
    มีวิตามีน E สูง ต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุแห่งสภาวะเสื่อมต่างๆ ของร่างกาย
    สร้างภูมิคุ้นกันโรค เพราะในน้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริกที่มีในนมน้ำเหลืองของแม่
    ตอนคลอดลูก สูงกว่า 16 เท่าของนมน้ำเหลือง
    ฆ่าแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ ไวรัส เฉพาะตัวที่มีไขมันเป็นเยื้อหุ้มเซลล์
    ไม่ฆ่าเชื้อที่มีประโยชน์เช่น แบคทีเรียในลำไส้ ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย
    ลดอัตราความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน ลงได้มาก
    ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น

    [​IMG]

    * น้ำมันงา ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็ว มีสารต้านอนุมูลอิสระ
    ป้องกันสภาวะการเสื่อมของสมอง ช่วยความจำดีขึ้น
    ประสิทธิภาพการทำงานของสมองดีขึ้น
    ควบคุมการเติบโตของเซลล์ให้เป็นปกติป้องกันการเกิดมะเร็ง
    ต้านเชื้อแบคทีเรีย รา ไวรัส
    ช่วยลดการจับตัวกันของเกร็ดเลือด ทำให้เลือดมีการไหลเวียนดีขึ้น
    ลดการอักเสบ ลดการอุดตันของหลอดเลือด
    ช่วยให้ร่างกายทดต่อความปวดได้มากขึ้น เช่นปวดศีรษะ ปวดประจำเดือน
    ช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดไปตามเซลล์ต่างๆ ได้อย่างทั่วถึงเต็มที่
    ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น
    ป้องกันผิวจากคลอรีน ป้องกันรังสีอัลตาไวโอเลต
    ชลอกระบวนการชราภาพ เพิ่มความยืดหยุ่นของผนังเซลล์
    ทำให้ผิวเรียบตึงขึ้น กระชับรูขุมขน และยังทำให้ผิวนุ่มเนียนชุ่มชื้น
    ลดรอยด่างดำ ลดการอักเสบของสิว ลดการระคายเคืองของผิว
    ทาผมนวดศีรษะทำให้หนังศีรษะไม่แห้ง
    มีแร่ธาตุและวิตามินสูง มีแคลเซียมมากว่านมวัวถึง 6 เท่า

    [​IMG]




    [​IMG]

    * น้ำมันรำข้าวจมูกข้าว ลดคอเลสเตอรอล
    บำรุงสมองป้องกันสภาวะเสื่อมของสายตาและสมอง ช่วยลดอาการเครียด
    ยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ ผิวพรรณสดใสมีน้ำมีนวล
    ช่วยบำรุงผิวพรรณให้นุ่มนวลอ่อนเยาว์
    ลบเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นด่างดำ ฝ้าและกระ ค่อยๆจางลง
    ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น
    ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ, ตับ, ไต, เบาหวาน
    โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ โรคความจำเสื่อม
    และมีสารยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
    ลดการอักเสบ บวม และช่วยสลายลิ่มเลือด


    สรรพคุณของสามประสาน มีมากกว่านี้อีกเพียบๆ ยกมาไว้ไม่หมด
    ถ้าใครอยากรู้เพิ่มเติมก็เข้าไปขอข้อมูลจากพี่กู (www.google.co.th)
    ได้เลยมีอีกสารพัดประโยชน์มากมายเลยทีเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2010
  14. konlayoot

    konlayoot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +238
    When u give when u get หรือว่า What u give What u get krub?
    จะยังไงก็แล้วแต่ ผมว่า การให้มันก็ทำให้สุขใจ ทั้งผู้ให้และผู้รับนะครับผม อิอิ
     
  15. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    อ๋อ...ที่พี่ใช้คำว่า When you give, then you get
    ก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เพราะในสิ่งที่พี่รู้และเข้าใจ
    เมื่อเราให้และมีความสุขยินดีกับสิ่งที่ให้
    เราก็จะได้รับความสุขความยินดีนั้นทันทีเช่นกัน...ไม่ต้องรอ
    หากพี่ให้ขนมกับเด็กๆ พี่อาจจะไม่ได้ขนมคืน แต่พี่ได้ความยินดีที่ได้ทำ

    ส่วน What you give What you get พี่คิดว่านั่นคือสิ่งที่ตามมา
    และก็แน่นอน ให้สิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น แต่อาจจะต้องรอนิ๊ด
    เช่นพี่อาจจะให้คำแนะนำในเรื่องใดเรื่องหนึ่งไป
    แล้วคนๆ นั้นเขาสามารถผ่านจุดวิกฤติมาได้
    แล้วเมื่อถึงคราวที่พี่หาทางออกไม่เจอ
    วันนั้นพี่อาจจะมีคนยื่นความปรารถนาดีมาให้ก็ได้

    ไม่ว่าจะ When... หรือ จะ What... ขอแค่เริ่ม แค่นั้นก็ได้แล้ว:cool:
     
  16. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    เสาร์แรกของเดือนกันยายน...
    คนสวยก็ยังขะมักขะเม้นอยู่หน้าคอมฯ
    ก็จะให้ไปไหนได้ล่ะ งานทั้งนั้น งาน งาน งาน
    ทำงานก็เพื่อเงิน อยากมีเงินก็ต้องทำงาน
    พรุ่งนี้ Sunday หยุด ก็คงไม่ได้ไปไหน
    ก็ไม่เห็นมีใครกระโต๊กกระต๊ากส่งเสียงมาเลย
    อาทิตย์นี้สบายแล้ว คนงามจะนอนผึ่งพุง
    ทำตัวเป็นจระเข้ตีแปลงสักวัน หุหุ...


    ...เกือบ6โมงเย็น นั่งรถกลับบ้าน
    กำลังจะเข้านิพพาน โงกงึ๊บ โงกเงก จั๊บๆ
    วิญญาณใกล้จะออกจากร่าง กำลังลอยเชียว
    เพลงอะไรมันดังกวนประสาทซะเหลือเกิน
    ควานหาต้นเสียงในกระเป๋า...เหล่ดูชื่อ
    "ว่าไงพี่..."
    "ไอ้ ณ พรุ่งนี้แกไปไหนหรือเปล่า?"
    "เปล่า..."
    ไม่รู้เพราะนิสัยคนไทย เปล่าๆ ไว้ก่อน
    หรือเพราะเป็นคนปากตรงกะใจก็ไม่รู้ เลยตอบไปงั้น...อิอิ
    "เออ...เดี๋ยวโทรไปใหม่" แค่นั้นแหละรู้กัน งานเข้าอะดิ...


    วันอาทิตย์ 10 โมงก็เสด็จไปถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ ท่ารถตู้อยุธยา
    11 โมง มาถึงตลาดเจ้าพรหม โดดขึ้นรถสองแถว
    อยุธยา-เสนา ไปอีก 1 ชั่วโมง
    ถึงแล้วปลายทาง วัดบางนมโค ของหลวงปู่ปาน


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01.JPG
      01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.9 KB
      เปิดดู:
      513
  17. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    เข้าไปไหว้พระ ทำบุญ ในโบสถ์กันก่อน
    ออกมากก็ยอดเหรียญทำบุญกับพระร้อย


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A00.JPG
      A00.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.6 KB
      เปิดดู:
      506
    • A01.JPG
      A01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      53.7 KB
      เปิดดู:
      504
    • A02.JPG
      A02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.3 KB
      เปิดดู:
      481
    • A03.JPG
      A03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      36.1 KB
      เปิดดู:
      466
  18. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    จากนั้นก็มาที่มณฑปหลวงปู่ปาน
    ด้านหน้าก็ไหว้พระร่วมบุญทอดผ้าป่า ร่วมบุญบูรณะมณฑป


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • B01.JPG
      B01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.5 KB
      เปิดดู:
      470
    • B02.JPG
      B02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      83.8 KB
      เปิดดู:
      485
    • B03.JPG
      B03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      54.2 KB
      เปิดดู:
      432
    • B04.JPG
      B04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      72.4 KB
      เปิดดู:
      469
    • B05.JPG
      B05.JPG
      ขนาดไฟล์:
      91.6 KB
      เปิดดู:
      434
    • B06.JPG
      B06.JPG
      ขนาดไฟล์:
      89.8 KB
      เปิดดู:
      465
  19. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    เข้าไปด้านใน จะมีรูปปั้น หลวงปู่แช่มอยู่ซ้ายมือ
    หลวงปู่ปานอยู่ตรงกลาง และหลวงปู่คล้ายอดีตเจ้าอาวาสวัด
    บางนมโค
    ด้านหลังจะเป็นหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ปาน กับคุณแม่
    หลังสุดจะเป็นโกฐใส่อัฐิหลวงปู่ป่าน
    มีรูปหลวงพ่อฤาษีเท่มากๆ อยู่ที่เสาด้านหน้าทางซ้าย

    ส่วนเสาทางขวาจะเป็นรูปหลวงปู่ปาน
    แล้วก็ไม่ลืมควักกระปุกเหรียญที่สะสมมา
    ร่วมบุญไปทุกกล่อง ก็อนุโมทนากันเอานะ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • C01.JPG
      C01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      89.1 KB
      เปิดดู:
      450
    • C02.JPG
      C02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      96.3 KB
      เปิดดู:
      484
    • C03.JPG
      C03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      71.4 KB
      เปิดดู:
      456
    • C04.JPG
      C04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      84.6 KB
      เปิดดู:
      465
    • C05.JPG
      C05.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.1 KB
      เปิดดู:
      403
    • C06.JPG
      C06.JPG
      ขนาดไฟล์:
      71.5 KB
      เปิดดู:
      473
  20. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ออกจากมณฑปมาทางซ้าย จะมีรูปปั้นหลวงปู่ปาน
    มีไก่เงินไก่ทองวางอยู่ด้านหน้า
    เท่าที่สังเกต ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
    เห็นมีคนนำรูปปั้นไก่มาถวายไว้เต็มไปหมด
    เอ...หลวงปู่จะเกี่ยวอะไรกับพระนเรศวรมั๊ยเนี่ย คิดไปโน้นเลย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • D01.JPG
      D01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      51.8 KB
      เปิดดู:
      545
    • D02.JPG
      D02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.2 KB
      เปิดดู:
      501
    • D03.JPG
      D03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      85.8 KB
      เปิดดู:
      484
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...