กฏแห่งกรรมของพระอินทร์(ท้าวสักกะเทวราช)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 7 มกราคม 2008.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    ท่านมาฆมาณพตายจากมนุษย์ไปเกิดเป็นท่านพระอินทร์

    หัวหน้าเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก

    [​IMG]


    “..พระแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีบริเวณล้อมรอบไปด้วยกำแพงแก้ว ๗ ประการ พื้นก็เป็นแก้ว ๗ ประการ มีพระแท่นแก้วใหญ่มาก และรอบๆ นั้นทางด้านทิศใต้และทิศเหนือก็มีสวนสวย บริเวณกว้างขวาง ทั้งหมดนี้เกิดด้วยอำนาจบุญบารมีของท่านพระอินทร์ในสมัยที่เป็นมนุษย์คือ ท่านมาฆมาณพ กับเพื่อนอีก ๓๒ คน พี่ช่วยกับปลูกต้นทองหลางไว้ และก็เอาหินมาวางเป็นแท่น เพื่อให้คนทั้งหลายที่เดินไปเดินมาระหว่างทาง มีความร้อนจะได้นั่งพักให้สบาย ต้นทองหลางบันดาลให้เกิดความเย็นและแท่นหินที่วางไว้ จะได้นั่งพักผ่อนให้หายเมื่อยแล้วก็เดินทางต่อไป เวลาที่ท่านตายจากมนุษย์มีผลคือ


    อานิสงส์ที่ท่านปลูกต้นทองหลาง กลายมาเป็นต้นปาริชาต มีกลิ่นหอมมากเวลาที่มีดอกผุด ขึ้นมา
    อานิสงส์ที่ท่านเอาหินมาวางเรียงรายรอบต้นทองหลาง กลายมาเป็นพระแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์

    ท่านมาฆมาณพกับเพื่อนอีก ๓๒ คน รวมเป็น ๓๓ คน เห็นว่าการปลูกต้นไม้ให้เป็นที่พักมีความสบายก็จริง แต่ทว่ายังสบายไม่พอ สร้างศาลาให้คนเดินไปเดินมา เขาจะได้พักเขาจะได้นอนสบาย ก็เลยร่วมมือร่วมใจกันสร้างศาลาขึ้นหนึ่งหลัง เวลานั้นก็มีนายช่างอีกคนหนึ่งคือ ท่านวัฒกี และมีช้างตัวหนึ่งที่พระราชาให้มาเป็นพาหนะ เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เป็นที่พักของคนเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ คนก็ได้พักอาศัย เมื่อคณะของท่านตายแล้ว

    อานิสงส์แห่งการสร้างศาลาเป็นสาธารณประโยชน์

    ท่านมาฆมานพตายแล้วขึ้นมาเป็นท่านพระอินทร์ มีเวชยันตวิมานตั้งอยู่ตรงกลางเพื่อน เพื่อนอีก ๓๒ คนขึ้นมาเกิดเป็นเทวดา มีวิมานล้อมรอบเวชยันตวิมาน คนละหลังๆ ไม่ต้องไปอยู่หลังเดียวกัน ๓๓ คนนายช่างวัฒกี มาเกิดเป็น ท่านวิษณุกรรมเทพบุตรมีวิมานอีกหลังหนึ่ง ช้างที่ช่วยเป็นพาหนะบรรทุกไม้ ลากไม้ เป็นเครื่องทุ่นแรง ก็มาเกิดเป็นเทวดามีนามว่า เอราวัณเทพบุตรมีวิมาน ๑ หลังเหมือนกัน ไม่ต้องรวมกับใคร

    นอกจากเวชยันตวิมานแล้ว ทางด้านทิศใต้มองข้ามสวนจิตรลดาวันไป จะพบสระโบกขรณี เป็นสระใหญ่มากมีท่าเป็นที่ลงมากมาย น้ำในสระก็แพรวพราวใสสะอาด มองแล้วคล้ายๆ กับแก้วต้องแสงอาทิตย์ดูระยิบระยับ สระนี้เกิดขึ้นจากอำนาจของ ๓๓ ท่าน มีท่านมาฆมาณพเป็นประธาน

    เมื่อสร้างศาลาแล้วก็มาคิดว่า คนเดินมาร้อนมานั่งที่ศาลาต้องการน้ำกิน จะอาบน้ำอาบท่า จะได้เกิดความสบายมากขึ้น ท่านก็พากันขุดสระขึ้น ขุดแล้วมีตานํ้า น้ำใสขึ้นมา คนที่มาพักที่ศาลาก็ได้กินได้อาบมีความสุข เมื่อเวลาที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นตายแล้วขึ้นมาเป็นเทวดา สระในเมืองมนุษย์ก็ตามมาเป็นสระโบกขรณีแต่เป็นสระที่ใหญ่กว่า มีนํ้าใสสะอาดกว่า สวยสดงดงามกว่า เป็นที่สบายของบรรดาเทวดาและนางฟ้าทั้งหลายชอบเล่นน้ำในสระนี้
    <O:p</O:p
    ที่มาของเทวสภา

    ท่านมาฆมาณพในสมัยที่เป็นมนุษย์ท่านมีภรรยา ๔ คน คนแรกชื่อท่านสุธรรมาคนที่สองชื่อ สุจิตราคนที่สามชื่อสุนันทาและคนสุดท้ายชื่อสุชาดา อาศัยที่ท่านมีเมียมาก เมียคงจะทะเลาะกันมาก ท่านคงจะรำคาญเบื่อผู้หญิง คิดว่าต่อต่อแต่นี้ไปเราทำบุญอะไรก็ตาม เราจะไม่ให้ผู้หญิงร่วมต่อไป ในเมื่อท่านไม่ให้ทำ ท่านเมียใหญ่คือท่านสุธรรมามีความฉลาด เมื่อนายช่างทำศาลายังไม่เสร็จดี ศาลานี่ต้องมีช่อฟ้าจึงจะสวย จึงไปจ้างนายช่างทำช่อฟ้าให้พอเหมาะกับศาลาแล้วสลักชื่อว่า“ศาลาสุธรรมา”แล้วบอกว่า “ต่อไปสร้างศาลาเสร็จ ถ้าพวกผู้ชายเขาต้องการช่อฟ้าก็อย่าทำให้นะ มาเอาช่อฟ้าของฉันนี่ไปใส่ ฉันให้เงินพิเศษ ๑ พันกหาปณะ” เงินมันเข้าใครออกใครที่ไหน นายช่างทำแล้วก็ปิดปากเงียบ เมื่อทำศาลาเสร็จ ท่านมาฆมาณพกับเพื่อนก็จะทำช่อฟ้า นายช่างบอกทำไม่ได้ไม้มันสด ช่อฟ้าต้องใช้ไม้แห้งๆ ทำถ้าเอาไม้สดๆ ไปทำต่อไปช่อฟ้าแห้งจะหมองดูไม่สวย ท่านก็บอกถ้าอย่างนั้นก็ไปหาซื้อ หาไปหามาก็หาไม่ได้ นายช่างก็แนะนำว่าบ้านของท่านสุธรรมามีช่อฟ้า ท่านมาฆมาณพก็บอกว่าไปขอซื้อเขา ท่านสุธรรมาบอกว่า “ถ้าไม่ให้ร่วมบุญร่วมกุศลก็ไม่ขายแน่” ท่านมาฆมาณพก็ไม่ยอมรับเพราะไม่อยากคบผู้หญิง แต่ในที่สุดท่านก็จนใจยอมรับ เอาช่อฟ้าของสุธรรมาไปสวมกับศาลาก็พอดี<O:p></O:p>

    ตอนนี้ท่านมาฆมาณพกับเพื่อนอีก ๓๒ คน รวมทั้งช่างอีกคนหนึ่งกับช้างรวมเป็น ๓๕ ทำกันเกือบตายไม่มีชื่อไปมีชื่อท่านสุธรรมาคนเดียว ใครไปใครมาก็เห็นเขียนชื่อท่านสุธรรมา

    เมื่อท่านสุธรรมาตายจากคนก็มาเป็นชายาของท่านพระอินทร์ ศาลาหลังนั้นก็ตามขึ้นมามีชื่อว่า “ศาลาสุธรรมา”เหมือนกัน เป็นศาลาที่ประดับประดาไปด้วยแก้ว ๗ ประการ มีแท่นที่ประทับของท่านพระอินทร์สวยสดงดงามมาก ศาลานี้เป็นที่ประชุมของเทวดา ที่เรียกว่า เทวสภา หรือธรรมสภา หรือ ศาลาสุธรรมา

    รวมความว่าศาลาหลังนี้มีชื่อของท่านสุธรรมาชื่อเดียว แต่ท่านมาฆมาณพกับเพื่อนอีก ๓๒ คน รวมทั้งนายช่างและช้าง ตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดามีวิมานกันคนละหลัง ทั้งที่ศาลาหลังนั้นไม่มีชื่อทั้ง ๓๓ คนเลย ท่านสุธรรมาเองตายแล้วไปเกิดเป็นนางฟ้าก็มีวิมานอีก ๑ หลัง เจ้าของช่อฟ้าก็มีวิมาน ๑ หลังเหมือนกัน

    ฉะนั้น บรรดาพุทธบริษัททุกคนที่สร้างแล้วไม่ชื่อที่ศาลา ที่กุฏิ ที่โบสถ์ ที่วิหารก็ตาม ก็อย่าไปสนใจเรื่องชื่อ สนใจเรื่องศรัทธาเป็นสำคัญ ศรัทธาเรามีแล้วเราบริจาคแล้ว เราทำแล้ว ชื่อในเมืองมนุษย์จะเป็นชื่อใครก็ตาม แต่ว่าอานิสงส์ทุกท่านย่อมได้เหมือนกัน

    สวนจิตรลดา

    ท่านสุจิตราเป็นภรรยาคนที่ ๒ ท่านก็มานึกในใจว่า ท่านมาฆมาณพซึ่งเป็นสามี สร้างศาลา ปลูกต้นไม้ สร้างแท่นหิน ขุดสระ เป็นบุญสาธารณประโยชน์ ท่านสุธรรมาก็มีความฉลาดสร้างช่อฟ้าสวมศาลา เหมาศาลาหลังนั้นทั้งหมดแต่ผู้เดียว แต่อานิสงส์ได้ทุกคน

    ท่านก็คิดว่าอีกแถบหนึ่งของสระยังไม่มีสวนกับคนมาพักผ่อนที่ศาลาก็ดี อาบน้ำก็ดี อาจต้องการเดินเล่นในสวน ต้องการความสวยงาม ความสดชื่นจากดอกไม้และใบไม้ หรือดมดอกไม้หอมๆ เอาดอกไม้ไปนั่งดูบ้าง ทัดทรงบ้าง ติดอกบ้าง อย่างนี้ความสุขจะเพิ่มพูนขึ้น จึงได้สั่งคนไปปลูกสวนดอกไม้ไว้ใกล้ๆ กับสระ จัดสรรดอกไม้ที่ดีทุกประเภทมีไว้ให้ทุกอย่าง เมื่อดอกไม้ออกดอกงามสะพรั่งก็เป็นที่ชื่นใจของคนเดินทางมานั่งพักเห็นเข้าก็ชื่นใจ เมื่อท่านสุจิตราตายจากความเป็นคนก็ไปเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก เพราะอานิสงส์สร้างสวนดอกไม้ไว้เป็นสวนสาธารณะ เป็นเหตุให้ได้วิมานใหญ่โตสวยสดงดงาม ๑ หลัง และมีสวนจิตรลดาวันเป็นสวนดอกไม้ข้างๆ สระโบกขรณี เป็นที่ยินดีและชอบใจของเทวดาและนางฟ้า

    สวนนันทวัน

    ท่านสุนันทาเป็นภรรยาคนที่ ๓ เห็นท่านสุจิตราปลูกสวนดอกไม้ท่านก็คิดว่าคนที่เดินทางมาอาจจะหิว ในเมื่อมีศาลาพัก มีนํ้ากินนํ้าอาบ มีดอกไม้ทัดทรง แต่ยังขาดอีกอย่างหนึ่งคือ ความอิ่ม ท่านจึงสั่งให้คนปลูกสวนผลไม้มีทุกประเภทที่คนนิยมเวลานั้น มาปลูกข้างๆ สระเป็นสวนใหญ่มาก เมื่อคนเดินทางไปมาหิวก็จะได้กินผลไม้แล้วได้พักผ่อน ก็มีความอิ่มหนำสำราญดี เป็นที่ชอบใจของคนเดินทาง เมื่อท่านสุนันทาตายจากความเป็นคนก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีวิมานใหญ่โตสวยสดงดงาม ๑ หลัง และมีสวนนันทวันเป็นสวนผลไม้ปรากฏขึ้นใกล้ๆ กับสระโบกขรณี อยู่ทางทิศตะวันออกของเวชยันตวิมาน ภายในสวนมีผลไม้ทิพย์ทุกอย่าง

    การสร้างวิหารทาน

    การปลูกต้นไม้ในวัด จะเป็นไม้ดอกหรือไม้ผลก็ตาม กับปลูกในที่สาธารณะมีอานิสงส์ต่างกัน เพราะวัดเป็นเขตของสงฆ์ เป็นพุทธเขต เป็นที่อยู่ของผู้ทรงศีลทรงธรรม ฆราวาสสร้างให้เป็นที่อยู่ของผู้ทรงศีลทรงธรรมแต่ผู้อยู่จะทรงศีลทรงธรรมหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของส่วนบุคคล

    แต่จริง ๆ แล้วบรรดาพุทธบริษัทอุทิศตรงเพื่อพระพุทธศาสนาจึงจัดว่าเป็นของสงฆ์โดยตรงเป็นของพระพุทธศาสนาโดยตรง การไปซ่อมแซมวัดก็ดี บำรุงวัดก็ดี สร้างวัดก็ดี สร้างสวนผลไม้ในวัดก็ดี สร้างสวนดอกไม้ในวัดก็ดี ก็ชื่อว่าเป็นผู้มีส่วนบำรุงวิหารทาน ร่วมในการสร้างวิหารทาน คือร่วมกันสร้างกุฏิวิหารเป็นที่อยู่มีความสุข สวนผลไม้ทำให้อิ่มหนำสำราญ มีความสุขดอกไม้สร้างความชื่นใจให้เกิดขึ้นมีความสุข จึงจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิหารทาน

    ฉะนั้น อานิสงส์การสร้างในเขตของวัด ก็เหมือนกับท่านอินทกะ ถวายทานแด่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนามีอานิสงส์มาก สำหรับสวนสาธารณะใครก็ได้ คนมีศีลมีธรรมก็ใช้ได้ คนมีศีลมีธรรมกระพร่องกระแพร่งบ้างใช้ก็ได้ คนไร้ศีลไร้ธรรมก็ใช้ได้ ฉะนั้นอานิสงส์ที่จะพึงได้ก็เหมือนท่านอังกุรเทพบุตร แต่ว่าบรรดาพุทธบริษัทก็จงอย่าเลือกเฉพาะผลใหญ่อย่างเดียว จงเลือกทั้งผลเล็กและผลใหญ่ สิ่งใดใกล้มือคว้าไว้ก่อนหมายความว่าถ้าสวนสาธารณะเขาต้องการต้นไม้ดอกไม้ เราก็ไปร่วมกับเขา อย่าลืมว่าข้าวแต่ละจานย่อมมีค่า ข้าว ๑ กาละมังใหญ่ก็มีค่า ข้าวแต่ละจานแม้จะน้อยกว่ากาละมัง แต่หลายๆ จานเข้าก็สามารถเต็มกาละมังได้ฉันใด บุญกุศลที่ท่านทั้งหลายทำบุญกับสวนสาธารณะ หรือที่สาธารณประโยชน์ถึงแม้ว่าจะไม่อยู่ในเขตสงฆ์ ถ้ามีโอกาสทำบ่อยๆ ก็ชื่อว่าจะเป็นการสั่งสมบุญให้เต็มที่ได้เหมือนกัน

    อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ฝนตกที่ละหยาดๆ สามารถทำภาชนะให้เต็มได้ฉันใด บุญกุศลที่เราทำแล้วไซร้แม้จะครั้งละน้อยๆ แต่ว่าทำบ่อยๆ ก็สามารถจะทำให้บุญบารมีของเราเต็มบริบูรณ์ได้

    ฉะนั้นขอทุกคนจงอย่างเลือกเฉพาะที่สงฆ์อย่างเดียว ส่วนใดที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชนไม่จำกัด หมายความว่าเป็นสาธารณะ ให้ทำด้วยน้อยก็เอามากก็เอา อย่างนี้เราจะไม่เสียทีในการเกิด เพราะเป็นปัจจัยของความสุข ความสวยสดงดงามเป็นการให้ความสุขแก่คนที่เห็น คนได้ใช้ ได้ดม ได้กิน ผลอย่างนี้ถือเป็นทาน..”



    ที่มา

    http://www.thaisquare.com/Dhamma/afterdeath/old/chapter52.htm
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 สิงหาคม 2010
  2. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    วิหารทานนี้มีผลมากเป็นอัศจรรย์

    ขออนุโมทนาบุญจากการให้ธรรมทานของท่านผู้ตั้งกระทู้และทุกๆท่านที่ร่วมอนุโมทนาในบุญกุศลนี้
    สาาาาา...ธุ
     
  3. boom boom

    boom boom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +33
    คนสุดท้ายชื่อสุชาดา

    อยากให้เล่ารายละเอียดเรื่องของ เมียน้องน้อยสุดของท่านมาณพ ชื่อสุชาดา เหตุการณ์ใดที่ทำให้พลาดบุญ ประมาทจนต้องตกต่ำ กลับไปเกิดเป็นนกกระสาใช่ไหม อาศัยกินปลาตามริมบึง ไม่เหมือนกับท่านเมียใหญ่ลำดับที่ 1 2 3 น่าสงสารสุด จนพระอินทร์ท่านสงสาร ลงจากสวรรค์ไปบอกให้ถือศีล 5 เมื่อไม่กินปลา เพราะไม่ฆ่าสัตว์ก็ผอม อดตาย และเมื่อตายลงก็ไปเกิดเป็นนางฟ้า วิมาน อ้อไม่ใช่สิ ไปเป็นธิดามาร แล้วเมื่ออายุ 15 เข้าวัยเลือกคู่เทพมาร บิดาประกาศให้เลือกคู่ พระอินทร์เรา ท่านเลยแปลงเป็นเทพบุตรชราไปร่วมงานด้วย (เข้าไปฝั่งเทพมาร) แล้วธิดาก็เลือกท่าน ใช่ไหม ใช่ใหม จำไม่ค่อยได้แล้ว น่าสนุกอยู่นะ เกี่ยวกับเมียน้องน้อยคนที่ 4 คุณ Joni โปรดต่อเรื่องด้วย ขอบคุณฮับ
     
  4. kaenlukson

    kaenlukson เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +2,126
    อนุโมทนาบุญกับธรรมทานด้วยค่ะ สาธุ


    __________________________

    ทาน ศีล สมาธิ(rose)
     
  5. kjkjkj

    kjkjkj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +139
    ท้าวสักกะองค์ปัจจุบัน จุติจากสวรรค์มาจุติบำเพ็ญบารมีที่ประเทศไทยครับ และองค์พระศิวะก็ได้ขึ้นเป็นท้าวสักกะแทน หลังจากดำรงตำแหน่งได้ไม่นาน ก็โดนรัฐประหารไปแล้วอะคับ โดนยึดอำนาจไปแล้วครับ อิอิ
     
  6. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    ผมว่าน่าจะเข้าใจผิดแล้วนะครับ ยักษ์ก็คือยักษ์ ส่วนมารนั้นอยู่ปรนิมมิตวัตสวตรี (ชั้น 6) ชั้นสูงสุดของกามภพนะครับ ไม่งั้นจะมีสุภาษิตแพ้เป็นพระชนะเป็นมารหรือครับ ส่วนที่ท่านกล่าวถึงนั้นคืออสูรต่างหากไม่ใช่มาร คือเทวดากลุ่มเก่าที่เคยครองดาวดึงส์(สวรรค์ชั้น 2)อยู่ แต่พอพระอินทร์องค์ใหม่(มาฆมานพ) ขึ้นไปพระอินทร์องค์เก่ารู้ว่า องค์ใหม่มามีบุญมากกว่า ซึ่งก็มีสิทธิ์ครองดาวดึงส์ แต่ไม่ยอมยกให้ทั้งหมด กลับยกให้เพียงครึ่งเดียว ในงานเลี้ยงต้อนรับ พระอินทร์องค์ใหม่(มาฆะมานพ) ก็เลยสั่งบริวาณของตนว่า เวลาเขาเลี้ยงสุราสวรรค์ ให้แกล้งทำเป็นดื่มตามเขาไป แต่ว่าจริงๆ อย่าดื่ม พอเทวดากลุ่มเก่ากินเหล้าก็เมาหลับกันหมด เทวดากลุ่มใหม่ก็จับกลุ่มเก่าโยนลงจากเขาพระสุเมรุ แต่ด้วยบุญเก่าจึงเกิดสวรรค์ขึ้นมารองรับเทวดากลุ่มเก่า พอมารู้ตัวว่าโดนชิงสวรรค์ไปเพราะดื่มสุรา ก็เลยเจ็บใจปฏิญาณว่าต่อไปจะไม่กินสุรา จึงมีชื่อเรียกใหม่ว่า อสุรา อสุรินทร์ สรุปก็คือแปลว่าพวกไม่กินเหล้า

    ถ้าเราดีไม่เท่าเขาก้ออย่าไปว่าเขาเลยครับ
     
  7. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    สมัยที่มฆมาณพสร้างศาลาเพื่อคนเดินทาง เป็นยุคสมัยที่ไม่มีบุญเขตในพระพุทธศาสนาให้กระทำ แต่กระนั้นบุญที่ทำก็ยังส่งผลให้ไปเป็นจอมเทพในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แต่พอพระพุทธศาสนาบังเกิดขึ้น พุทธบริษัทที่ใฝ่บุญกุศลได้ตายลง บางท่านก็เป็นถึงพระโสดาบันได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะว่าทำบุญในพระอริยเจ้า เทวดาใหม่มากมายจึงมีรัศมีสว่างไสวกลบรัศมีของท้าวสักกะจนหมดสิ้น ทำให้ท้าวเธอต้องอับอายที่เป็นถึงจอมเทพแต่รัศมีสู้เทวดาที่เป็นบริวารไม่ได้ ท้าวสักกะจึงได้ลงมาลวงเพื่อถวายบิณฑบาตรแก่พระมหากัสสปะที่พึ่งออกจากนิโรธสมาบัติ จึงมีรัศมีทัดเทียมกับเทวดาใหม่ๆเหล่านั้นได้ และต่อมาก็ทรงบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน จึงทรงจุติและบังเกิดเป็นท้าวสักกะองค์ใหม่ที่รุ่งเรืองด้วยกำลังบุญและภูมิธรรมสมศักดิ์ศรีแห่งความเ็ป็นจอมเทพแห่งดาวดึงส์
    เราจึงควรดีใจที่ได้เกิดมาในบุญเขตของพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสสร้างวิหารทานที่เลิศกว่าที่ท้าวสักกะได้เคยกระทำมา
     
  8. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..วัตตบท ๗ : ธรรมที่ส่งผลให้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์...

    วัตตบท ๗ ประการ

    ๑. เลี้ยงมารดาบิดา
    ๒. อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
    ๓. พูดจาไพเราะอ่อนหวาน
    ๔. ไม่ส่อเสียด
    ๕. กำจัดความตระหนี่ได้
    ๖. มีวาจาสัตย์
    ๗. ข่มความโกรธได้

    ขออนุโมทนาบุญกับท่านจขกท.ด้วยค่ะ

    Numsai
     
  9. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    [​IMG]
    ญาครู อ่อนแสง อินทปัญโญ หรือหลวงปู่อ่อนแสง อินทปัญโญ
    ได้มรณะภาพละสังขาร ดับขันธ์ด้วย อาการนั่งสมาธิ เมื่อเวลา 18.00 น. ขณะนี้ ได้เคลื่อนย้ายสรีระ ไปตั้งยัง
    วัดบ้านเ:pยะ ตำบล ศรีดอนชัยอำเภอ เชียงของจ.เชียงราย
    เป็นการสูญเสียที่สำคัญของวงการพระสงฆืไทยและลาวที่เสียพระสุปฏิปันโนไปอีกหนึ่งรูป
    สำหรับท่านใดที่ประสงค์จะร่วมบุญในงานมุทิตาอำลาอาลัย หลวงปู่อ่อนแสง อิทปัญโญ หากไม่สามารถ ไปร่วมงานได้
    สามารถบริจาคได้ที่
    ธนาคาร กรุงไทย สาขา พระสิงห์ บัญชีออมทรัพย์
    ชื่อบัญชื่อ พระหล้า อมรเมโธ
    เลขที่บัญชี 540-1-07763-7

    โดยปัจจัยทุกบาททุกสตางค์จะนำไปใช้ในการจัดการสรีระสังขาร หลวงปู่อ่อนแสง อินทปัญโญ ทั้งสิ้นครับ
    ครที่ ทำบุญปลงสังขาร หลวงปู่อ่อนแสง อินทปัญโญแล้ว ประสงค์อยากได้วัตถุมงคลที่ระลึกของทางพุทธคุณ ที่หลวงปู่อ่อนแสงเมตตาเสกให้ พร้อมรูปถ่ายหลวงปู่
    ให้ท่านที่ทำบุญในการโอนเงินเข้าบัญชี หลวงพี่พระหล้า อมรเมโธ ส่งสลิปการทำบุญ สอดซองเปล่า จ่าหน้าถึงตัวท่านเอง ติดแสตมป์22 บาท
    ส่งมาที่ ภูชิชย์ สุรรัตน์
    2.ถนน จันทน์20 ซอย20 ทุ่งวัดดอน สาทร กทม 10120
    ผมมีของที่ระลึกของหลวงปู่อ่อนแสงมอบให้ครับ( มีจำนวนจำกัดครับ)
    ข่าวด่วน ตอนนี้วัดขาดผ้าไตรจำนวน70ชุด ใครต้องการบริจาคเป็นเงินปัจจัยก็โอนได้ที่บัญชีหลวงพี่หล้าครับ
    หรือใครต้องการบริจาคเป็นผ้าไตรจีวร ผ้าไตรจีวรที่ต้องการ
    เป็น สีราชนิยม 50 ชุด
    เป้็นสีส้ม 20ชุด
    ท่านใดประสงค์จะบริจาคเป็นผ้าไตรจีวร ร่วมบริจาคส่งไปได้ที่
    พระครูใบฏีกา หล้า อมรเมโธ
    วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร(วิหารลายคำ)
    2 ถนนสามล้าน ต.พระสิงห์
    อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200
     
  10. เปาชุนไหล

    เปาชุนไหล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +2,240
    อ่านแล้ว ปลื้มปิติ ยิ่ง
    ทำให้มีกำลังใจอยากทำบุญ สร้างกุศล สร้างวิหารทาน บำรุง ซ่อมแซม สาธารณะประโยชน์ แก่คนหมู่มาก
    อนุโมทนากับธรรมทานอย่างสูงครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...