อยากจะทราบว่าการฝึก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย xza009, 23 สิงหาคม 2010.

  1. xza009

    xza009 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +30
    ผมอยากจะรู้การฝึกต่าง ๆนี่ ควร เริ่มจากอ่ะไรก่อน

    คือผมเพิ่งจะเริ่มฝึกแค่นั่งสมาธิเองแต่คาถา ต่าง ๆไม่รู้จะท่องอะไรดี

    ท่องแต่นะโมตะสะ แค่นั้นล่ะ

    ช่วยชี้แนะด้วย

    ผมเป็นเด็กใหม่่ ชื่อ เอ็กซ์ครับ

    ผมตั้งถูกหรือผิดยังไงก็ขออภัยด้วยครับ
     
  2. โด่ย โด้ย

    โด่ย โด้ย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2010
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +44
    ระลึกรู้ลมหายใจที่เคลื่อนไหว เข้า-ออก ร่างกาย ในทุกกิริยาอาการ

    ค่อยๆทำ เดี๋ยวก็ค่อยชัดขึ้น

    ใหม่ๆก็หลุดบ่อยหน่อย อย่าท้อแท้เบื่อหน่าย ด้วยความตั้งใจและแรงบันดาลใจด้วยว่าเห็นประโยชน์จากสติ ความมุ่งมั่นจะทำให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ไม่มีใครคอยดูแล เอาเพียงสวดมนต์ไหว้พระทำบุญทั่วๆไป กับตั้งใจเรียนหนังสือพอแล้ว
     
  4. xza009

    xza009 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +30
    แล้ว อาจายร์บาง ท่านที่ มี ดวงตาที่ 3 เค้า ได้กันได้ยังไง ละ ครับ

    แล้วพวกหูทิพย์ ตาทิพย์ ด้วย เค้า ได้มาได้อย่างไรครับ

    คือผมก็ใช้คำพูดไม่ค่้อยจะถูกซะเท่าาไร

    ช่วยชี้แนะด้วย
     
  5. xza009

    xza009 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +30
    พอดี ว่าผมมเริ่มสนใจใน พลัง จิต ใน ร่ายกายมนุษย์แล้ว อะ

    สิ อยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับมัน เพื่อผมอาจจะนำไปใช้ประโยชน์
     
  6. สร้อยทอง

    สร้อยทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +221
    อย่าอยากมีเลย........หลานเอ๋ย.............หูทิพย์ ตาทิพย์น่ะ.........แค่ทุกนาทีเรามีสติ..........และรู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกก็พอแล้วล่ะ(kiss)

    เชื่อป้าเถอะ......
     
  7. สร้อยทอง

    สร้อยทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +221
    พอมีแล้วมันจะหลง ในสิ่งที่เรารู้ เราเห็น......นะซิ

    พวกที่เค้ามี....เค้าสั่งสมบารมีมา.....พอมาในชาตินี้....เค้าถึงได้เรียนรู้...ระลึกรู้ได้เร็ว
     
  8. xza009

    xza009 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +30
    ง่า.............


    ก้าบ . . . . . .

    ผมว่ามีไว้ก็ไม่เสียหาย นิ หว้า * *
     
  9. xza009

    xza009 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +30
    แสดงว่า บารมีเรา คง ไม่ พอ อ่ะนะ

    อื้ม ๆๆ

    ...
     
  10. xza009

    xza009 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +30
    ผมยัง เด็กอยู่เลย

    ประมาณสิบแปดเองง

    อะ ยังไงก็ช่วยชี้แนะด้วย
     
  11. xza009

    xza009 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +30
    อ่าา เวร กรรม

    ครับ ๆ... น่าสังเวท จิง ๆด้วย
     
  12. xza009

    xza009 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +30
    อืม จบประเด็นนนนน

    ขอบคุณครับ - -
     
  13. อศูนย์น้อย

    อศูนย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +495
    อะนะ สู้ๆ ไว้อย่าท้อ จะเป็นกองเชียไห้
     
  14. xza009

    xza009 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +30
    ขอบคุณครับ

    ผมก็อยากจะฝึกสมาธิเหมือนเค้าบ้าง

    เผื่ออะไร ใน ชีวิตผมจะดีขึ้น แค่นั้น ล่ะ
     
  15. pk010209

    pk010209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    973
    ค่าพลัง:
    +2,634
    ก็ค่อยๆฝึกไป สมาธิ นะ ลดความอยากได้ อยากมีซะ นั่งให้จิตสงบจริงๆเด๋วก็มาเอง อ่อ! ก่อนอื่นต้องมีสติก่อนนะ
     
  16. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    น้องอยากเรียนอะไรหละ
    สวดมนต์เป็นหรือยัง
    กราบพระเป็นหรือยัง
    ตอบให้รู้หน่อย
     
  17. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    สุดยอดคาถาของพุทธคือ3บทนี้นะ ไปท่องให้ได้ก่อน แล้วจะสอนต่อให้ว่าทำอย่างไร
    บทสรรเสริญ พระพุทธคุณ

    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
    วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
    อะนุตตะโร ปุริสสะธัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.


    บทสรรเสริญ พระธรรมคุณ

    สวากขาโต ภะคะวา ธัมโม
    สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ.


    บทสรรเสริญ พระสังฆคุณ

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    ญายะปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    สามีจิปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสสะ ยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา
    เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย
    อัญชะลีกะระนีโย อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสาติ.


    คำแปล บทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ

    บทสรรเสริญ พระพุทธคุณ


    อิติปิ โส ภะคะวา ( เพราะเหตุอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น )
    อะระหัง ( เป็นผู้ไกลจากกิเลส )
    สัมมาสัมพุทโธ ( เป็นผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง )
    วิชชาจะระณะสัมปันโน ( เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ )
    สุคะโต ( เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี )
    โลกะวิทู ( เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง )
    อะนุตตะโร ปุริสสะธัมมะสาระถิ ( เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า )
    สัตถาเทวะมนุสสานัง ( เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย )
    พุทโธ ( เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม )
    ภะคะวาติ. ( เป็นผู้มีความเจริญจำแกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้ )

    บทสรรเสริญ พระธรรมคุณ

    สวากขาโต ภะคะวา ธัมโม ( พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว )
    สันทิฏฐิโก ( เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง )
    อะกาลิโก ( เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล )
    เอหิปัสสิโก ( เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด )
    โอปะนะยิโก ( เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว )
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ. ( เป็นสิ่งที่ผู้รู้ พึงรู้ได้เฉพาะตน ดังนี้ ฯ )

    บทสรรเสริญ พระสังฆคุณ

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว )
    อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว )
    ญายะปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว )
    สามีจิปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว )
    ยะทิทัง ( ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ )
    จัตตาริ ปุริสสะ ยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา ( คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ )
    เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า )
    อาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา )
    ปาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่จัดไว้ต้อนรับ )
    ทักขิเนยโย ( เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน )
    อัญชะลีกะระนีโย ( เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี )
    อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสาติ. ( เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ )
     
  18. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    เมื่อคืนวานฝันว่ายังไงล่ะ วันนี้ถึงอยากฝึก ความฝันกับ
    ความจริงมันคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกันนะ แสงที่ส่องลงมา มันก็ไม่เหมือนกัน
    มีนิทานเรื่องหนึ่ง เรื่องมีอยุ่ว่า
    เด็กหนุ่มคนหนึ่ง อยู่ในวงของพายุ ภายในวงของพายุนั้นสงบ สว่างเหมือน
    ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อาณาบริเวณรอบๆดูไม่จืด มีแสงที่ส่องลงมาจากเบื้องบน
    เป็นลำ พุ่งลงมากลางพายุ และในวงนั้นมีนักพรตนั่งอยุ่ เขาก็มีวิธีรับแสง
    นี้เข้าสู่ร่างกายเราเพื่อเป็นตบะและบารมี เด็กคนนั้นเลยบอกว่าอยากได้มั่งเลยให้เขาลองซักนิด นักบวชเลยยกร่างของเด็กหนุ่มขึ้น แสงนั้นก็พุ่งลงมาเจาะ
    เข้าไปที่สมองของเด็กหนุ่ม

    เด็กหนุ่มรับได้นิดเดียวก็หมดสติไป นักพรตเลยนั่งบำเพ็ญต่อไป แต่สิ่งที่
    เด็กได้นั้นคือหน่อเนื้อแห่งธรรมในภายหน้า

    จึงขอตอบว่า สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือ กำหนดการมองแสงที่ส่องลอด
    สิ่งต่างๆ อย่ามองแสงตรงๆ อย่ามองแสงที่ตกกระทบ ให้มองแสงที่กำลัง
    ส่องลอดสิ่งของต่างๆ ให้จำลำแสงนั้น สัญญาเก่าก็จะมาเอง อย่างอื่น
    ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ ใหว้พระก็ทำตามกำลังปกติครับ
     
  19. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    ลองเข้าไปในหมวด อภิญญา ของหลวงพ่อดังๆ มีเยอะแยะไปในเวปนี้รุ่นพี่เก่งๆ เขาก็จะแนะนำเอง อายุยังน้อยแต่สนใจในสมาธิ ดีๆ มากเลยความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น
     
  20. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    สมาธิไม่ใช่เรื่องของเด็ก หรือ ผู้ใหญ่ ยิ่งเด็กยิ่งดี การฝึกสมาธิตั้งแต่อายุยังน้อย นี่แหละเรียกว่าการทำประโยช์สูงสุด คือรู้จักการสร้างบุญบารมีขั้นสูงตั้งแต่อายุยังน้อย

    ส่วนการจัดการเวลานั้นเป็นอีกเรื่องนึง การใช้เวลานั่งสมาธิดีกว่าเอาเวลาไปเดินเที่ยว การดูหนังดูละคร ฯลฯ / เมื่อมีสมาธิดีจะทำให้มีจิตที่สงบ มีสติ การเรียนจะดีขึ้นอย่างมาก การมีสติดี ทำอะไรก็จะดีไปหมด จะรู้ว่าอะไรควร ไม่ควร รู้กาลเทศะสมวัยและช่วเงลา และสถานที่ / สมาธิมีแต่ส่วนดี

    พี่ฝึกนั่งสมาธิเองเหมือนกันไม่มีใครสอนตั้งแต่อายุ ๑๗ ปี ตอนนั้นไม่มีอินเตอร์เน็ต ได้หนังสืออยู่เล่มหนึ่งให้เพ่งลูกแก้ว แต่แล้วก็ไม่ตรงกับจริต เลยภาวนาพุทธโธพร้อมกับนึกถึงแสงสว่าง ในไม่ช้าก็ได้อุคหนิมิตเป็นวงแสงสว่างที่หน้าผาก ต่อไปก็เข้าสมาธิได้ง่าย ตอนนั้นยังเด็ก จิตสงบ เป็นสมาธิ ก็เริ่มรู้เห็นอะไรที่คนไม่มีสมาธิรู้ไม่ได้

    ที่เขียนนี่เป็นกำลังใจให้ น้องเริ่มทำเลย อย่ารอจนแก่จะช้า และยาก

    ส่วนวิธีการ เพื่อให้เร็ว ได้ผลดี และ ถูกต้อง ไม่ปฏิบัติออกนอกทาง จะทำให้ล่าช้า ดังนั้นควรหาครูบาอาจารย์ พี่แนะนำให้ไปที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี จะได้ฝึกทั้งนั่ง และเดินจงกลม ที่นั่นมีวัยรุ้นไปฝึกกันเยอะ

    ระหว่างนี้ที่ยังไม่รู้จะทำวิธีไหน พี่จะแนะนำง่าย ๆ ก่อน ต่อไปข้างหน้าต้องเรียนรู้เอง ค้นคว้า ศึกษาให้มาก อ่าน และตรึกตรองให้มาก

    วิธีทำสมาธิที่ง่ายที่สุด และ เป็นวิธีที่ถูกจริตสำหรับทุกคน คือ อานาปาณสติ คือ มีสติอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก (เป็นหนึงในกายานุปัสสนาของสติปักฐาน ๔ ด้วย ดังนั้นพึงมั่นใจได้ว่า เป็นแนวทางที่ถูกต้อง ตามที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญ)

    วิธีการ
    ๑. หาที่สบงในห้องพระหรือห้องนอน เอาผ้าปูพื้นทำเป็นอาสนะ (เพื่อเมื่อนั่งแล้วให้เลือดลมเดินได้สะดวกจะได้นั่งได้นานโดยไม่ปวดหรือเหน็บชา)
    ๒. นั่งขัดสมาธิ นั่งตัวตรง ขาขวาทับขาซ้าย หงายมือแล้วเอามือขวาทับมือซ้าย
    ๓. ทำกายปล่อยตามสบาย อย่าเกร็ง หลับตาเบา ๆ
    ๔. หายใจเข้ายาว และ ลึก แล้วภาวนาว่า "พุทธ" โดยที่มีสติหรือเอาจิตจอจ่อที่ลมหายใจที่ปลายจมูกเท่านั้น (ไม่ต้องตามลมเข้าไปในร่างกาย เพราะจะทำให้จิตรวมได้ช้า)
    ๕. หายใจออกยาว แล้วภาวนาว่า "โท"

    ตอนเริ่มต้นเข้าสมาธิที่ต้องลากลมหายใจเข้า-ออก ยาว ๆ ก็เพื่อเป็นอุบายตัดสิ่งรบกวนที่จะเข้าสู่ใจเรา การลากลมหายใจเข้าออกยาวนี้ ทำแค่ ประมาณ ๓-๕ ครั้งพอ

    ๖. จากนั้น เริ่มผ่อนลมหายใจให้สั้นลง ๆ ๆ ๆ โดยที่หายใจเข้าสั้นก็รู้ หายใจออกสั้นก็รู้ โดยเอาจิตหรือมีสติรู้ที่ลมหายใจที่ปลายจมูกตลอดเวลา โดยหายใจเข้าก็กำหนดคำบริกรรม ว่า พุทธ และ หายใจออกก็กำหนดว่า โท ขณะที่จิตก็กำหนดไว้ที่ลมปลายจมูก

    ๗. ทำไปเรื่อย ๆ ๆๆๆๆๆๆ แล้วลมหายใจจะละเอียดขึ้น ๆๆๆๆๆ เป็นลำดับ

    ๘. เมื่อลมหายใจละเอียดขึ้น (จะรู้แม้กระทั่งลมเข้าเย็นลมออกร้อน) คำภาวนา จะค่อย ๆ จางลง ๆ ในที่สุดเราปล่อยไปเลย โดยไม่ต้องบริกรรมว่าพุทธ-โทต่อไป แต่เอาเฉพาะสติหรือจิตจับไว้ที่ลมหายใจที่ปลายจมูกต่อไป

    ---------------- น้องทำให้ได้เท่านี้ก่อนก็ใช้ได้แล้ว

    ๙. เมื่อคำภาวนาหายไป มันหายไปเองแต่มีสติรู้อยู่แสดงว่าจิตเริ่มรวมแล้ว มีสติรู้อยู่รักษาเอาไว้ สักพักจะเกิดความรู้สึกทางกายที่อัศจรรย์ขึ้นคือ เกิดความอิ่มเอิบทางกายและใจอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งเรียกว่า "ปิติ" มีลักษณะอาการไม่เหมือนกันแต่ละคน บางคนเหมือนตัวเบาจะลอย บางคนเย็นซาบซ่านไปทั้งตัว บางคนตัวโยก บางคนเหมือนตัวพอง ฯ (ปิติจะรู้ชัดที่กาย)

    ๑๐. ให้มีสติรู้ ๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าไปยึดถือเอาไว้ ให้มีสติรู้ ปิติจะดับไป ปิติมันเป็นความรู้สึกทางกาย เมื่อละปิติไป จะเหลือแต่ความรู้สึกเฉพาะทางใจ คือ กายมันหายไป เหมือนตัวเราไม่มีกาย ทำสติรู้ อย่าตกใจว่ากายหายไป ตอนที่ปิติทางกายดับไปแล้ว เราจะรู้สึกอยู่แต่เฉพาะจิต มีจิตรู้อยู่ มีความสุขที่สุด จะรู้สึกว่าความสุขจทงใจเกิดขึ้น รู้ไว้อยู่ จะเห็นว่าอะไรจะสุขแบบนี้ไม่มี (นี่แหละเป็นเหตุทำให้ฤษีไม่ต้องมีเมีย) (สุขจะรู้ชัดที่ใจ)

    จำไว้เสมอว่าอย่าพอใจสมาธิแค่นี้ มันมีต่อ / มีคนจำนวนมาก หรือว่ามากที่สุดของคนที่ปฏิบัติสมาธิภาวนา จะได้แค่นี้ ติดอยู่ตรงนี้ เพราะ ถูกความสุขของสมาธิหลอกให้อยู่ตรงนี้ พอเข้าสมาธิมากี่ครั้งก็มาเสวยสุขตรงนี้อยู่เฉย ๆ จมอยู่ตรงนี้เฉย ๆ

    ๑๑. เมื่อมีสติรู้ความสุขทางใจอยู่ สักพักก็พอ จากนั้นมีสติรู้ แล้วละเสีย วางเฉย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จากนั้นจิตจะว่าง ตอนนี้เหมือนไม่มีลมหายใจ ไม่ต้องตกใจ วางเฉยอยู่สักพักก็ได้ แต่สติต้องรู้อยู่ จากนี้แหละ เมื่อน้อมจิตไปไหน มันจะไปโลดละทีนี้ อย่าไปอื่นนอกกาย (ไปที่อื่น ๆ เอาไว้ไปทีหลัง) ให้น้อมจิตดูที่ตัวเอราเอง อยากดูไร เอาเป็นเรื่อง ๆ เช่น ดู กระดูก มันก็จะเห็นชัดทะลุปรุโปร่งใสเจ๋วเครืองเอ็กเรย์ยังสู้ไม่ได้ น้อมไปดูอะไรจะเห็นทะลุปุโปร่งไปหมด (สมาธิขั้นฌาน ๔ นี้ ท่านว่า เป็นสัมมาสมาธิ เพราะใช้น้อมพิจารณาอะไร ๆ ต่าง ๆ จะเห็นได้ชัดเจน)

    การน้อมพิจารณาดูให้ดูเป็นที่ ๆ ไป อย่าโดดดูโน่นที่นี่ที จะทำให้ไม่ได้ประโยชน์ ตอนแรกให้เลือกหนึ่งอวัยวะ กระดูกก้ได้ให้ตามดูให้เห็นชัดตอนแรก จากนั้นดูการเปลี่ยนแปลงของมัน จากนั้นดูการสูญสลายของมัน ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจนให้แน่วแน่ชัดแจ้ง / จากนั้นทำเช่นเดี่ยวกันนี้กับอวัยวะอื่น ๆ

    _______ เท่านี้ก่อน

    น้องทำให้ได้ถึงข้อ ๑๐ ก่อนนะ ให้เวลา หนึ่ง ปี แล้วมาบอกพี่ด้วยนะว่าทำแล้วเป็นไง

    ปล

    จะเข้าสมาธิได้ดี จิตใจต้องปลอดโปร่ง ดังนั้น

    ๑. สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย อระหังสัมมา...
    ๒. อย่างน้อยศีลห้าอย่าให้ขาด อย่า ไปมีเรื่องขุ่นใจทุกรุปแบบ เพราะจำให้ไม่ได้สมาธิในวันนั้น
    ๒. แผ่เมตตาอย่างไม่มีประมาณ ให้ไปไกลที่สุด ให้ให้ทั่วไม่ว่ามิตรหรือสัตรู

    จากนั้นลงมือเข้าสมาธิ

    ได้ผลแน่

    -----------------------
    เมื่อถึงข้อ ๑๑ แล้ว ให้เวลาอีกหนึ่งปีต่อมา ให้หาทางศึกษาวิธีทำ สมาธิแนววิปัสสนา เพือให้เกิดปัญญาญาณรอบรู้ในกองสังขารทั้งปวง เพื่อ จะได้ถอนกิเลสอาสวะอนุสัยออกจากจจิตใจอย่างสิ้นเชิง

    แปลว่า กิจของน้อง ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดมานับชาติไม่ถ้วนนั้น ได้ทำเสร็จแล้ว

    ไม่มีอะไรที่ต้องทำอย่างนี้อีกแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...