ช่องทางที่บางคนบางกลุ่มใช้ทำลายในหลวง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นักเดินธรรม, 21 สิงหาคม 2010.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** ความจริงเป็นสัจจะ สัจจะเป็นความจริง ****

    ตั้งแต่ พระพุทธเจ้าพระโคดม ปรินิพพานไปสองร้อยกว่าปี
    สัจจะคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ต้องถอยไปอยู่ในป่า
    เพราะอยู่ในเมืองไม่ได้ คนในเมืองเขาไม่เอาสัจจะ
    พระพุทธเจ้ามีแต่สอนให้ตัด แต่คนในเมืองทำไม่ได้
    เสียดายสิ่งที่ตนเองมี ประดุจเลื่อยงาช้างเผือก

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  2. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,439
    ค่าพลัง:
    +1,770
    ฟังไว้เตือนใจ เพลงหายาก

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1101305/[/MUSIC]ทนุบำรุง ให้รุ่งเรือง สมเป็นเมือง ของไทย"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • preview_2.mp3
      ขนาดไฟล์:
      4.1 MB
      เปิดดู:
      341
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 สิงหาคม 2010
  3. ผักขม

    ผักขม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +235
    ทุกคนล้วนเกิดมารับผลของกรรม..ใครทำกรรมดี..ก็ได้รับผลของกรรมดี...
    ทำกรรมไม่ดี..ก็รับผลกรรมไม่ดี...สิ่งที่ดีที่สุดคือ....
    ระวังหูของเรา...ดีกว่า....เฝ้าปากคนอื่น....
     
  4. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,439
    ค่าพลัง:
    +1,770
    และจะเอา จิตวิญญาณ และ พลังชีวิต ของเราไปมอบให้กับ ใครทำไม ........

    เสรีชน......คนอย่างเราๆ
    คนบางคนอยู่บ้านกวาดบ้าน ถูบ้าน บำรุงรักษา


    คนบางคน อยู่บ้าน ยังขโมยฝาบ้าน
    งัดกระเบื้องไปขาย แถมจิ๊กเงินอีก........

    เฮ้อ....นักการเมืองไทย..............................
    ตอนหาเสียงยกมือไหว้ประชาชน
    พอหาเสียงได้ ประชาชนต้องมายกมือไหว้

    แล้วใคร คนไหน คนใด คือผู้รับใช้ประชาชน
    ที่แท้จริง จะมีสักกี่คน ที่จะเห็นประชาชน
    สำคัญกว่าผลประโยนช์

    ผมไม่อยากเอ่ยถึงทั้งสองสีในเมืองไทย
    เพราะนักการเมืองทั้งสองสีก็มีทั้งคนดีคนไม่ดี
    สักพักพอมี ช่องทางหน่อยก็เป็นมิตรกันทันที
    ย้ายพรรควุ่นวายไปหมด ทั้งระดับท้องถิ่น
    ทั้งระดับภูมิภาคส่วน พอกัน

    สิ่งพวกนี้ผมเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโตก็เป็นแบบนี้
    และก็คงเป็นอย่างนี้ต่อไป

    ผมทำงานในหน่วยราชการ ของผม กินตั้งแต่ระดับเล็ก ยันบริหาร แต่ทุกอย่าง กลับเป็นเรื่องธรรมดา
    และมันธรรมดาจริงๆ

    ตำรวจไทยบางคนก็ยังไปจับคนขายซีดีเก่า
    แล้วไถ่ตัง ถ้าไม่มีตังค์ให้ ก็ติคคุก พักเดียวเงียบ
    ไม่เห็นมีข่าวช่องไหนบอกเลยว่าใครไปจับมา
    คนจนก็ติดคุกไป

    แค่ไม่คอรัปชั่น ไม่เห็นแก่ประโยนช์ส่วนตัว
    สยามเมืองยิ้มของจริง


    "ต่อให้พรรครัฐบาลนโยบายดีเพียงใด นายกเก่งเพียงไหน ลูกพรรคไม่กี่คนโกงกิน โครงการก็ไม่สัมฤทธิ์ผล ประชาชนก็เดือดร้อน

    ต่อให้ฝ่ายค้านตั้งใจทำงาน ตรวจสอบโครงการ
    แต่ถ้า ลูกพรรคบางคนของฝ่ายค้าน เห็นแก่ประโยนช์บางอย่าง จากคนที่โกง การทำงานก็ไม่สัมฤทธิ์ผล
    ประชาชนก็เดือดร้อน"


    มาสะกดกัน

    ประชาธิไตย อ่านว่า ปะ-ชา-ทิ-ปะ-ไต
    ประเทศไทย อ่านว่า ปะ-เทด-ไท
    ประชาชน อ่านว่า ปะ-ชา-ชน
    สิ่งแวดล้อม อ่านว่า สิ่ง-แวด-ล้อม
    สุจริต อ่านว่า สุ-จะ-หริด

    อุ้ยสะกดผิดป่าวก็ไม่รู้ .....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 สิงหาคม 2010
  5. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    คนที่รับรู้สิ่งตรงนี้ เข้าใจได้ ก็อาจรู้ว่าอันตรายจะมาในไม่ช้า คนที่ไม่รู้ก็รอจนปฏักทิ่มหลังต้องหลั่งเลือด สูญสิ้นอิสรเสรี และองค์เหนือหัวเสียก่อนจึงจะตระหนัก...โลกใบนี้มีเกมส์การเมืองที่เลวร้ายกว่าท่านๆจะนึกฝันเยอะ...หากไทยโดนมองว่าไม่สามารถควบคุมดูแลประชาชนในเมืองได้ (สามจังหวัดชายแดน,เรื่องเสื้อสองสี)รวมไปถึงการที่สายตาประชาคมโลก...(ที่หลายๆท่านชอบบอกว่าไม่สนใจสายตาฝรั่ง เอาแต่เราในไทยพอ)...มองว่าในหลวงเป็นเหตุให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการแสดงออกทางสังคม แบบเดียวกับที่เสื้อเหลืองสามารถจะทำอะไรก็ได้เพียงเพราะอ้างว่า "ปกป้องสถาบัน"(พรก.ฉุกเฉินยังมีไม่ใช่หรือ ห้ามชุมนุมกันเกินห้าคนแต่มาตั้งเวทีเฉยเลย..แต่เด็กเชียงรายเดินถือป้าย ผมเห็นคนตายที่ราชประสงค์โดนจับเพราะว่าอยู่ในช่วงพรก.ซะงั้น)...นี่ ตรงนี้ ต่างชาติเค้ามอง เค้าจะพากันเข้าใจในหลวงที่เรารักกันผิดแบบนี้...จนในที่สุดวันหนึ่งก็จะมีองค์กรที่เรียกตัวเองเป็นกลาง....แต่เป็นเจ้ามือใหญ่ของโลก.....เข้ามาดูแลให้.....แล้วเมื่อนั้น ค่อยรู้สึกตัวกัน........อาจไม่สาย..อาจไม่สาย.......อย่านึกว่าเค้าทำไม่ได้นะครับ อิรักยังทำมาแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเค้ามองว่าไทยมีประโยชน์พอให้เค้ามาเอาไปหรือไม่เท่านั้นเอง

    ปล. อิรักเอง ตัวผู้นำซัดดัม ฮุดเซนก็โดนประชาคมโลกมองแบบเลวร้ายไม่ใช่หรือครับ จึงต้องมีพวก ยูเอ็นเข้าไป.....ซึ่งจริงๆแล้วเราเองก็ไม่รู้ว่า ในประเทศเค้า เค้าอาจไม่ใช่อย่างที่ ข่าวของประชาคมโลกตีแผ่ก็ได้

    ตระหนักได้หรือยังครับ.....การที่คุณ "ผู้มีปัญญา" ทั้งหลายบอกว่า ไม่สนใจสายตาต่างชาติ.....มันจะสร้างอันตรายให้มากแค่ไหน

    ปล.สอง....การวางอุเบกขาให้เป็นไปตามกรรมเนี่ย.....มันควรจะกระเสือกกระสนทำทั้งสามข้อมาก่อนนะครับ.....ไม่ใช่เกิดปัญหาไรก็อุเบกขาๆ......นี่เรียกว่าคนหนีปัญหาแล้วครับ

    ก่อนจะอุเบกขากับปัญหากัน.....คิดแก้แล้วลงมือทำกันหรือยังครับ ถ้ามันถึงที่สุด ทำไม่ได้แล้วซิ แล้วค่ิอยว่าอุเบกขา.....นี่โชคดีนะครับว่า บรรพบุรุษไทย เสียกรุงให้พม่าท่านก็ไม่มองว่าต้องอุเบกขาแบบเดี๋ยวนี้ที่มักทำกัน....ไม่งั้นไทยคงเป็นเมืองขึ้นไปนานแล้ว.........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2010
  6. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ที่สำคัญ........อาจขึ้นกับเวลา.........
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    อุเบรคขาไว้ อย่าเป็นเครื่องมือของคนที่ชอบปลุกระดม (พวกปั่นจิ้งหรีดเล่นสงครามกีฬาสี)
    อุเบรคขาไว้ ก่อนจะทำอะไรให้ใครพิจารณาดูให้ดีจะได้ไม่เผลอไปร่วมก่อกรรมทำร้ายคนอื่น
    อุเบรคขาไว้ ถ้ายังไม่รู้อะไรก็ดูตามผู้รู้อย่างในหลวงท่าน ท่านรับสั่งอะไรก็ขอให้ช่วยกันทำตาม
    ถ้าตัวเองเลือกสีเลือกข้างไปแล้ว ก็ได้ชื่อว่าทำร้ายประเทศไทยเพราะท่านขาดความเป็นกลาง
    ประชาชนคนยากจนคนเขาไม่รู้เขาก็ตกเป็นเครื่องมือของคนไม่ดีก็ได้เพียงเพราะว่า
    คนไม่ดีบอกว่ามาทำอย่างนี้จะได้อย่างที่ต้องการ ทุกคนก็ทำเพื่อความต้องการของตนเอง
    อยากได้อย่างที่ตัวเองต้องการ กรุงศรีฯเสียเมืองเพราะข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย ข้าราชการ
    นักการเมืองที่ไม่ทำเพื่อประเทศอย่างแท้จริง พอเสียเปรียบไม่ได้อย่างที่หวังก็ไปชักศึก
    เข้าบ้าน ประชาชนอย่างพวกเราทำได้เพียงอย่าไปเชื่อพวกนักการเมืองที่ชอบปลุกระดม
    ทำเพื่อกลุ่มผลประโยชน์ของตนของเจ้าของพรรคของตน ก็ถือว่าช่วยพ่อหลวงแล้ว

    ผู้รู้นักปราชญ์ของบ้านเมืองที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานเพื่อความสงบของบ้านเมือง
    เขาก็เร่งทำงานประสานประชาชนอยู่ก็ไปร่วมมือกันท่านเหล่านั้น แล้วเลิกฟังพวกหวังดี
    แต่ประสงค์ร้ายทำให้ประชาชนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายก็ถือว่าช่วยประเทศไทย ช่วยพ่อหลวงแล้ว
    เจตนาดีต่อประเทศไทยก็เป็นเรื่องดี แต่การไม่เลือกข้างใครก็จะดีกว่าเช่นถ้าจะด่าฝ่ายหนึ่ง
    ก็ควรด่าอีกฝ่ายหนึ่งด้วย เพราะมีเรื่องให้ด่าได้หลายเม็ดด่าได้ทุกด้าน คนอ่านกระทู้เป็น
    เป็นกลางก็มี มีสีก็มี ไม่มีสีก็มี จะได้ไม่เกิดอคติและมองคนโพสท์ผิดไปจากความจริงได้
    เพราะอคติจะทำให้เกิดการไม่เห็นด้วย ไม่รับฟัง และรวมถึงไม่ร่วมมือด้วย ก็มี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2010
  8. สมใจ แสงทอง

    สมใจ แสงทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +213
    ทำอะไรกันก็ไม่คิด แล้วพอทำเสร็จแล้วค่อยมาคิด เราเป็นคนก็ต้องรู้สิอะไรดีไม่ดี

    ดูก็รู้ในหลวงของเราอยากให้คนไทยสามัคคีกัน ประชาชน แทบทุกคนนับถือในหลวงมาก

    ที่ท่านไม่ออกมาห้าม เราคิดว่า ถ้าห้ามฝั่งโน้น ก็หาว่าเข้าข้างฝ่ายนี้ ถ้าห้ามฝ่ายนี้ ก็เดี๋ยว

    หาว่าเข้าข้างฝ่ายโน้น เพราะท่านรักประชาชนเลยไม่อยากให้เกิดความแตกแยก แล้วพวก

    ทั้งสองฝ่ายนี้ไม่เห็น ๆ ใจท่านเลย แล้วก็บอกว่ารักในหลวง ทำอะไรก็คิดให้ลึก ๆ นะ

    มีลูกหลานเราอีกหลายคนที่อยู่ในประเทศไม่ใช่มีแค่ 2 ฝ่าย

    ผมคนนึงล่ะที่เป็นคนไทยนับถือและรักในหลวงมาก
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** สามัคคีด้วย สานต่อศาสนาด้วย ****

    เราถือสัจจะ
    ...ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  10. Peet

    Peet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +324
    อำนาจทางการเมือง การปกครองเป็นอำนาจที่คนที่ยังไม่หมดกิเลสมีก็จะเสพติด
    ไม่อยากให้สูญอำนาจไป อำนาจนี้ยิ่งใหญ่มอบความสุขหลายๆอย่างมาให้ เช่นความมั่งคั่ง ความเคารพนับถือ กามสุขต่างๆ

    ประเทศที่เจริญแล้วอย่างเช่นอเมริกา คนที่มีอำนาจสูงสุดคือประธานาธิบดี จึงมีอำนาจคราวละ 4 ปี เป็นได้ไม่เกินสองสมัยคือ 8 ปี ถ้าเป็นนานกว่านั้นก็จะเสพติดอำนาจ นี่คือสัจธรรม

    ปัญหาการเมืองในประเทศไทยปัจจุบันมันซับซ้อนซ่อนเงื่อน มองอย่างธรรมดาวิเคราะห์ไม่ออกหรอก ยิ่งเสพข่าวสารบ้านเมืองมากยิ่งหลงทางมาก ยิ่งตกเป็นเหยื่อมาก

    ถอยห่างออกมาดูแบบห่างๆ อย่างเช่นโค้ชฟุตบอกมองเกมจากนอกสนามย่ิอมดีกว่าผู้เล่นในสนามที่สามารถจะมองเกมออก

    อย่างไรเสียศาสนาพุทธที่พวกเรารักก็ยังคงอยู่ในเมืองไทยไปตลอด 5000 ปี หรือ 10,000 ปีแน่นอน เทพ พรหม ทุกชั้นฟ้า พระอรหันต์ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ช่วยกันอยู่แล้ว
     
  11. Peet

    Peet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +324
    อำนาจทางการเมือง การปกครองเป็นอำนาจที่คนที่ยังไม่หมดกิเลสมีก็จะเสพติด
    ไม่อยากให้สูญอำนาจไป อำนาจนี้ยิ่งใหญ่มอบความสุขหลายๆอย่างมาให้ เช่นความมั่งคั่ง ความเคารพนับถือ กามสุขต่างๆ

    ประเทศที่เจริญแล้วอย่างเช่นอเมริกา คนที่มีอำนาจสูงสุดคือประธานาธิบดี จึงมีอำนาจคราวละ 4 ปี เป็นได้ไม่เกินสองสมัยคือ 8 ปี ถ้าเป็นนานกว่านั้นก็จะเสพติดอำนาจ นี่คือสัจธรรม

    ปัญหาการเมืองในประเทศไทยปัจจุบันมันซับซ้อนซ่อนเงื่อน มองอย่างธรรมดาวิเคราะห์ไม่ออกหรอก ยิ่งเสพข่าวสารบ้านเมืองมากยิ่งหลงทางมาก ยิ่งตกเป็นเหยื่อมาก

    ถอยห่างออกมาดูแบบห่างๆ อย่างเช่นโค้ชฟุตบอกมองเกมจากนอกสนามย่ิอมดีกว่าผู้เล่นในสนามที่สามารถจะมองเกมออก

    อย่างไรเสียศาสนาพุทธที่พวกเรารักก็ยังคงอยู่ในเมืองไทยไปตลอด 5000 ปี หรือ 10,000 ปีแน่นอน เทพ พรหม ทุกชั้นฟ้า พระอรหันต์ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ช่วยกันอยู่แล้ว
     
  12. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682

    ท่านผู้รักชาติเอ๋ย

    คำว่าอุเบกขามันคนละเรื่องการปล่อยประละเลยนะครับ
    ปัญหาที่ว่ามานั้นมันเป็นเรื่องของคนที่มีสติปัญญาและมีบทบาทหน้าที่รับผิดชอบนั้นๆ บางเรื่องเราทำได้เราต้องทำ หรือเมื่อเราเห็นแล้วว่ามันเป็นภัยเราทำได้เราก็ควรต้องทำเอง แต่บางเรื่องมันเกินหน้าที่ของเราก็ควรปล่อยไปเป็นหน้าที่ของคนอื่น แต่ที่ปล่อยไปเป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงของคนอื่นนั้นเราก็ได้เอาใจช่วยหรืออย่างน้อยๆก็คอยเป็นหูเป็นตาปกปักรักษาชาติเอาไว้เท่าที่ทำได้และขอบเขตุของหน้าที่พลเรีอน

    แต่ส่วนใหญ่ ณ.ยุคปัจจุบันนี้เป็นยุคของการหลั่งไหลข่าวสารข้อมูลบางคนก็รับอย่างเดียวและรับอยู่ฝ่ายเดียวแยกแยะอะไรไม่ถูกจนตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนที่มีเจตนาร้ายต่อสถาบันสำคัญๆ
    ก็เพราะว่ารับรู้มากไปคือมีอารมณ์ร่วมมากเกินไป เอาแต่อารมณ์ตนเป็นใหญ่
    แต่อีกฝ่ายก็คิดดี แต่พอจะส่งดีให้คนที่มีอำนาจทำตาม พอเขาไม่ทำตามก็โมโหเขาอีกเป็นอย่างนี้ไปอีก บางคนก็เอาแต่มองดูแล้วก็ เฮ้ยๆๆ ขยะน่ะเก็บสิวะบ้านเมืองจะได้สะอาดแต่ตัวเองไม่ยอมทำเสียที หรือบางคนก็เอาแต่ให้คนอื่นทำก่อนแล้วตนจึงทำตามจะได้ไม่เสียเหลี่ยม เพราะฉนั้นอันนี้เป็นต้นเหตุย่อยๆที่มีความสำคัญของปัญหาในสังคมไทยเรียกว่า "บริโภคนิยม" เช่น ก็เหมือนกับคนที่เพื่อนบอกว่าร้านอาหารร้านนี้อร่อยมาก คนไม่มีสติปัญญา พอได้ไปนั่งกินก็ไม่รู้จะยังไงดีกับรสชาติแบบนี้แยกแยะไม่เป็นว่ารสหวาน รมเค็ม รสชาติที่อร่อยๆมันเป็นยังไง นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนๆหลายๆคนเขาอร่อยก็ วู๊ๆๆ อร่อยๆๆๆ ตามคนอื่นโดยไม่พิจารณาเสียก่อน เป็นต้นฯ

    คราวนี้มามองว่าทางแก้หรือทางออกของปัญหาเหล่านี้ควรจะเป็นเช่นไร
    ในมุมมองของข้าพเจ้ามีความคิดเห็นว่า บุคคลแต่ละหน่วยงานไม่ว่าจะภาครัฐหรือประชาชนทั่วไปควรรับรู้ถึงสถานการณ์ทั่วๆไปตามลำดับหน้าที่ของแต่ละบุคคลหรือจะรับรู้ได้เท่าๆกันบ้าง แต่ก็ควรแยกแยะจนเข้าใจในหน้าที่ของแต่ละคนที่เกี่ยวกับตนเองและของผู้อื่นบ้าง เพราะสังคมไทยสมัยนี้มีลักษณะของพฤติกรรมในการตอบสนองโต้ตอบกับการบริหารบ้านเมืองในรูปแบบของการเชียร์กีฬา กล่าวคือ พอผู้บริหารในระดับต่างๆมีกิจกรรมต่างๆเกิดขึ้นมักจะมีกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกำหนดกฏเกณฑ์ของตนขึ้นและจะต้องเป็นไปในแนวทางที่ตนเองกำหนดขึ้นเท่านั้น ซึ่งบ่งบอกให้เห็นถึงทัศนะคติที่เรียกว่า "ทัศนคติที่คับแคบ" บางกรณีเห็นได้ชัด แต่บางกรณีมีความซับซ้อนมากจนไม่อาจเข้าใจได้โดยง่าย จนตัวบุคคลหรือกลุ่มบุคคลนั้นๆกลายเป็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่สร้างทัศนคติที่คับแคบไปโดยไม่รู้ตัวเรียกว่าการสร้างสัญญาลักษณ์หรือเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มของตนเอง จากการเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยต่อมาได้เกิดการแบ่งแยกสังคมกันขึ้นทั้งเจตนาและไม่เจตนาจนกลายเป็นการแบ่งพรรคแบ่งพวกและมีการตอบโต้ในรูปแบบของตนเองและกลายเป็นวัฒนธรรมในกลุ่มและสังคมของตนในที่สุด

    สำหรับการแก้ปัญหาใดๆที่คิดว่าไม่เกิดประโยชน์แก่สังคมและประเทศแล้วมันไม่ยากเลย แค่รู้ว่าไม่ดีก็ไม่ทำกันก็เท่านั้น
    ยกตัวอย่างง่าย ภาษาวิบัติ ทำอย่างไรจึงจะไม่ให้มันเกิดขึ้น ก็ทำได้ด้วยการไม่ประดิษฐคำใหม่ๆที่แปลไปจากคำเดิมหรือเรียกง่ายๆ "ไม่ใช้มันก็ไม่เกิด" เพียงเท่านี้ กรณีเรื่องเกี่ยวกับสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ก็เช่นเดียวกันบางทีเรามุ่งประเด็นมากไปก็เหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งชูให้เด่นขึ้น แต่ก็ควรพิจารณาด้วยว่าเรื่องใดควรเด่น เรื่องใดไม่ควรเด่น การหอบหิ้วสถาบันสำคัญขึ้นไปปราศรัยและแอบอ้างนั้นเป็นการมิควรอย่างยิ่งในการปลุกระดมแนวความคิดของแต่ละกลุ่ม เพราะหากทำเช่นนั้นฝ่ายหนึ่งชูขึ้นย่อมเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะโค่นลงเป็นธรรมดา เมื่อเรามองเห็นจุดนี้และเข้าใจถึงภาวะต่างๆที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนั้นก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบด้วยว่าเกิดแล้วดีหรือเกิดแล้วไม่ดี ตรงนี้ต่างหากที่เรียกว่า "อุเบกขา" คือรับข้อมูลข่าวสารใดๆมาแล้วก็ควรนำมาพิจารณาหาข้อเท็จจริงและชั่งน้ำหนักจึงจะตัดสินในการกระทำใดๆเป็นลำดับต่อไปครับ

    อุเบกขาแบบ ยางรถซึม มองเห็นว่าลมยางมันอ่อนเร็วกว่าปรกติสงสัยจะรั่วแต่ก็อุเบกขา ปล่อยวาง..ปล่อยวาง..โอ้ว..วิเศษเหลือเกิน ปล่อยวาง..จนในที่สุดล้อที่ยางมันรั่วนั้นเมื่อขับไปในระยะไกลๆนานๆมันก็ฉีกขาดและระเบิดในที่สุด

    อุเบกขาแบบ เติมน้ำมัน กล่าวคือ เกรงว่าจะขับรถไปแล้วน้ำมันจะไม่พอก็พยายามแวะเติมทุกครั้งที่มีลดลง มีลักษณะในการกังวลจนเกินไป

    ขออุมาอุปมัยไว้เช่นนี้นะครับ
    และใช้สติปัญญาของแต่ละท่านในการกระทำการใดๆต่อจากนี้ไปเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เพื่อคงไว้ซึ่งชาติและเผ่าพันธ์ของเราไว้อย่างมั่นคงและยืนยาวสืบต่อไปเพื่อลูกหลานสืบไป
     
  13. อ่อนหัดธรรม

    อ่อนหัดธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    488
    ค่าพลัง:
    +968
    5555 กรรมร่วมกัน ทั้งนั้น ไม่ต้องกังวล เจอทุกคน มันเป็นกรรมเก่า 555
     
  14. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +838
    ความจริง คนเราจะมีความคิดเดียวกัน ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะมีความแตกต่าง ความหลากหลาย
    ทางความคิดจึงเกิดขึ้น และไปสู่การพัฒนาต่อไป สังคมใดถ้าไร้ซึ่งความคิด ไม่กล้าแสดง
    ความคิดเห็นของตนเอง นับว่าเสียดาย ถ้าคนเรามัวแต่คิดให้เหมือนกัน ป่านนี้เราคง ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีโทรทัศน์ ดาวเทียม แม้สังคมสมัยก่อน จะตราหน้า พวกนักวิทยาศาสตร์ว่า
    เป็นพวก ศาสตร์มืด ท้าทายพระเจ้าและความเชื่อดั่งเดิม ถ้านักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นกลัว
    และไม่กล้าเสนอความคิดเห็น ความถูกต้อง ในความคิดของปัญญาชนสิ่งใหม่ๆก็ไม่เกิด จะเห็นด้วยหรือไม่
    ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ เราเป็นคนค่อนข้าง เถรตรง ต้องการเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
    ถ้า เรารักบ้านเกิด ที่เรียกว่าประเทศไทย มันเป็นสิ่งผิดหรือเปล่า ถึงตระกูลเราจะเป็นแค่พวกหนีสงครามมาก็เถอะ แต่เราเชื่อว่าเราคือ คนไทย เกิดที่นี่ และตายที่นี่ เมื่อถึงเวลา การไม่เห็นด้วยกับความคิดเรา ก็เป็นธรรมดา เพราะสังคมใดๆก็ย่อมมีข้อแตกต่าง ในสังคมนั้น
    แต่การที่ไม่เห็นด้วย ในที่นี้ เราต้องการเหตุผลรองรับ ทัศนะคติของคนที่ไม่เห็นด้วยว่า เขาคิดอะไรอยู่ ความคิดเห็นของเขาบางที เราอาจเอามาปรับปรุงตัวให้ดีและเข้ากับสังคมนั้นๆได้ แต่ตอนนี้ไม่เข้าใจ ไม่เห็นด้วยเพราะ เรารักบ้านเกิด รักพลเมืองที่นี่ และต้องการให้บ้านนี้เมืองนี้ดีขึ้น แค่ต้องการความคิดเห็นเท่านั้นเอง...
     
  15. itchy&scratchy

    itchy&scratchy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +712
    พระองค์ท่าน คงไม่ต้องการให้เรารักพระองค์ท่าน มากกว่ารักกัน
    กว่า 60 ปี ที่ผ่านมา พระองค์ท่านพิสูจน์มามากเกินพอแล้วครับ
    ว่าพระองค์ท่านรักพวกเราทุกคน ตอนนี้สิ่งที่เราจะทำให้พระองค์
    ท่านได้คือ จงรักและสามัคคีกันไว้ อย่าทิ้งใครไว้ข้างหลังเพียง
    เพราะเขามีความเห็นที่แตกต่าง สิ่งที่ควรจะทำคือชี้แจงให้เขาเห็น
    ถึงสิ่งที่ถูกต้องว่ามันคืออะไร

    สุดท้ายขอฝากคำกลอนที่หลาย ๆ ท่านน่าจะเคยอ่าน

    พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้าไม่อยู่นาน
    จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววานของคืนวัน
    ใจจริงไม่อยากจาก เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน
    แต่ชีพมิทนทาน ย่อมร้าวรานสลายไป
    ขอเถิดถ้าสงสาร อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ
    คนแก่ชะแรวัย คิดเผลอไผลเป็นแน่นอน
    ไม่รักก็ไม่ว่า เพียงเมตตาช่วยอาทร
    ให้กินและให้นอน คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ
    เมื่อยามเจ้าโกรธขึง ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย
    ร้องให้ยามป่วยไข้ ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน
    เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่ แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน
    หวังเพียงจะได้ผล เติบโตจนสง่างาม
    ขอโทษถ้าทำผิด ขอให้คิดทุกทุกยาม
    ใจแท้มีแต่ความ หวังติดตามช่วยอวยชัย
    ต้นไม้ที่ใกล้ฝัง มี หรือหวังอยู่ทนได้
    วันหนึ่งคงล้มไป ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง

    ...กลั้นน้ำตาไม่อยู่จริง ๆ ขอคนไทยให้รักกันไว้ให้มาก ๆ และจงอย่าให้ความสำคัญ และปล่อยให้อำนาจไปอยู่ในมือของคนชั่ว เหมือนพระบรมราโชวาท

    “ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้คนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข

    เรียบร้อยจึงเป็นการมิใช่ทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้

    ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้"
     

แชร์หน้านี้

Loading...