อาหาร 2 ชนิดที่ไม่ควรกินร่วมกัน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย Siranya, 10 สิงหาคม 2010.

  1. Siranya

    Siranya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,051
    ค่าพลัง:
    +9,004
    [​IMG]

    อาหาร ที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวัน บางอย่างมีประโยชน์ บางอย่างไม่มีประโยชน์ แต่คุณ ทราบหรือไม่ว่า อาหารบางอย่างที่เราทานเข้าไปทุกวันๆ เราคิดว่ามีประโยนช์มากมายนั้น บางอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด มาดูดีกว่าว่ามีอาหารชนิดไหนบ้าง

    1. เหล้าขาวกับลูกพลับ - ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้เป็นพิษ
    2. หัวไชเท้ากับเห็ดหูหนู ทั้งดำและขาว - ห้ามรับประทารด้วยกัน จะเป็นโรคผิวหนัง
    3. เต้าหู้กับน้ำผึ้ง - ห้ามรับประทานด้วยกันจะทำให้หูหนวก
    4. มันฝรั่งกับกล้วยทุกชนิด - ห้ามรับประทานรวมกัน จะทำให้หน้าเป็นฝ้า
    5. กล้วยกับเผือก - ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้ท้องอืด
    6. ถั่วลิสงกับฟักทอง - ห้ามรับประทานรวมกัน จะทำให้ทำร้ายร่างกายและลำไส้อักเสบ
    7. มันเทศกับลูกพลับ - ห้ามรับประทานรวมกัน จะทำให้เกิดนิ่วในกระเพาะอาหาร
    8. มันฝรั่งกับลูกพลับ - ห้ามรับประทานรวมกัน จะทำให้เป็นนิ่วในท่อปัสสาวะ
    9. หัวไชเท้ากับผลไม้ทุกชนิด - ห้ามรับประทานรวมกัน จะทำให้เกิดคอพอก
    10. น้ำเต้าหู้ นมสด - ห้ามใส่ไข่ เพราะจะทำให้ท้องผูกและเส้นเลือดตับ
    11. ผักป๋วยเล้ง - ห้ามรับประทานกับเต้าหู้ จะทำให้เป็นนิ่วที่ไขสันหลัง
    12. กล้วยมะละกอ แตงโม - ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้เป็นโรคไตกับโรคเบาหวาน
    13. ส้มกับมะนาว - ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้กระเพาะทะลุ
    14. เหล้าขาวกับเบียร์ - ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้เส้นเลือดในสมองแตก
    15. ปลาทุกชนิด - ห้ามต้มกับผักกาดดอง จะทำให้เป็นโรคมะเร็ง
    16. ขิงดอง - ห้ามเข้าตู้เย็น กินแล้วจะเป็นโรค มะเร็ง
    17. น้ำเต้าหู้ - ห้ามใส่น้ำตาลแดง จะทำให้เสียวิตามิน
    18. น้ำข้าว - ห้ามใส่กับนม จะทำให้เสียวิตามิน
    19. น้ำผึ้ง - ห้ามชงด้วยน้ำที่ร้อนจะทำให้เสียวิตามิน
    20. บวบ ซือกวย ไชเท้า - ห้ามรับประทานวันเดียวกัน จะทำให้เป็นเบาหวาน ทำให้เชื้ออสุจิอ่อนไม่แข็งแรง
    21. มังคุดกับน้ำตาล- กินรวมกันจะทำให้เสียชีวิต


    อาหาร 2 ชนิดที่ไม่ควรกินร่วมกัน : อาหารสมอง

    ขอบคุณค่ะคุณ*8q "ใต้ร่มธรรม" เพื่อนเราเอง คิดถึงจัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2010
  2. Nagaman

    Nagaman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,041
    ค่าพลัง:
    +6,329
    มังคุดกับน้ำตาล- กินร่วนกันจะทำให้เสียชีวิต !!


     
  3. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +5,066
    น้ำเต้าหู้ - ห้ามใส่น้ำตาลแดง จะทำให้เสียวิตามิน อันนี้กินบ่อยค่ะ ขอบคุณที่นำมาบอกกันค่ะ
     
  4. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    ขอขอบคุณ ในข้อมูล เป็นประโยชน์อย่างยิ่งค่ะ
     
  5. applegreen

    applegreen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +555
    น่าจะบอกสาเหตุ ที่มาที่ไปบ้างเนอะ:VO
     
  6. Siranya

    Siranya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,051
    ค่าพลัง:
    +9,004
  7. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,152
    ค่าพลัง:
    +3,821
    -*-

    3. เต้าหู้กับน้ำผึ้ง - ห้ามรับประทานด้วยกันจะทำให้หูหนวก...................เต้าหู้ทอดกรอบๆ กับน้ำจิ้ม ผสมน้ำผึ้ง อร่อยมากกกก *-*

    13. ส้มกับมะนาว - ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้กระเพาะทะลุ ..........น้ำปั่นหลายร้าน...กนแล้วสดชื่นดีค่่ะ

    16. ขิงดอง - ห้ามเข้าตู้เย็น กินแล้วจะเป็นโรค มะเร็ง.........................คุณย่าชอบทานขิงดอง ในตู้เย็นนี่เป็นกระปุก -*- ตอนนี้อายุย่างเก้าสิบยังเดินเล่นไปไหนมาไหน ด่าหลานปากเปียกปากเเฉะ แก้เหงาได้ทุกวัน -*-

    19. น้ำผึ้ง - ห้ามชงด้วยน้ำที่ร้อนจะทำให้เสียวิตามิน..........................อันนี้ชง น้ำร้อนๆเกือบอุ่น แก้ท้องเสีย ส่วนอีกอัน ที่้านชงใส่กาแฟแทนน้ำตาล

    21. มังคุดกับน้ำตาล- กินรวมกันจะทำให้เสียชีวิต..............................น้ำมังคุดก็ใส่ น้ำตาล-*- มังคุดหากเปรี้ยวก็จิ้มน้ำตาล-*- ออ มังคุดกวนมีน้ำตาลด้วยนี่สิ

    เคยได้ยินแต่เปลือกมังคุดกับน้ำตาลน่ะค่ะ ....
     
  8. หนองสะลาบ

    หนองสะลาบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +564
    เพื่อนผมเล่าว่าเคยลองมาแล้วมังคุดกับน้ำตาลทรายแดงผลก็คือเมาอ้วกเขียวอ้วกเหลืองไปไหนไม่รอดแม้แต่จะคลานยังไม่มีแรงผ่านไปซักสิบชั่วโมงถึงจะเริ่มควบคุมตัวเองได้แต่อาการมึนๆยังเป็นอีกสองวัน อ๋อลืมบอกไปเพื่อนมันกินแค่ลูกเดียวเอง ส่วนน้องชายเพื่อนล่อไปสองลูกอาการเลยเพียบกว่า จริงๆแล้วมันคงมีปัจจัยร่วมอื่นๆจึงจะปรากฏผลเช่นถ้ามังคุดเปรี้ยวแล้วจิ้มน้ำตาลก็ไม่น่าจะมีผลแต่ถ้าลองเอามังคุดหวานจิ้มน้ำตาลละไม่แน่ส่วนมังคุดกวนน่ะมันผ่านการแปรรูปแล้วจึงไม่น่าจะมีผลซักเท่าไหร่แต่ก็ไม่แน่เสมอไปสำหรับคนที่มีร่างกายรับได้กับสารแปลกปลอมก็คงไม่เป็นไรอย่างกรณีดื่มแอลกอฮอล์แล้วกินทุเรียนบางคนถึงตายบางคนก็ไม่เป็นไร แปลกดี
     
  9. หนีนรก

    หนีนรก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +666
    ห้ามกินคู่กันในกรณีที่ท้องว่างรึเปล่า
     
  10. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    พวกลูกสะไภ้ของแม่ผัวช่อง ๗ เกิดไอเดีย เลยละสิยะหล่อน ชั้นรู้ทันหล่อนหรอกย่ะ

    ขอบคุณนะคะ ข้อมูลนี้ นางเอกจะจดจำเอาไว้ปกป้องญาติผู้ใหญ่ เองเค่อะ
     
  11. greenice

    greenice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +1,390
    ขอบคุณครับ จะลองไปพิจารณาดูอีกครั้ง
     
  12. korn1234

    korn1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +17
    ใครเป็นคนวิจัยหรอ มีการเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้ไหมก็ไม่รู้
     
  13. CoccInelle

    CoccInelle เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +255
    มันเวอร์ไปไงไม่รู้ แต่จะทดลองกับเพื่อนดู
     
  14. tong5959

    tong5959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,056
    ค่าพลัง:
    +6,082
    20. บวบ ซือกวย ไชเท้า - ห้ามรับประทานวันเดียวกัน จะทำให้เป็นเบาหวาน ทำให้เชื้ออสุจิอ่อนไม่แข็งแรง
    เอาไว้คุมดี แต่ผมซื้อไม่ถูกไม่รู้จักซือกวยอ่ะ [​IMG]



     
  15. krossroad

    krossroad Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +38
    มันอาจจะไม่ได้เกิด ใน ขณะนั้นเสียเลยทีเดียวนะครับ อาจจะ ทำให้เกิด มีความ"เสี่ยง"ที่จะเป็น

    แต่ยังไงก็ ต้องขอบคุณ เจ้าของกระทู้นะครับ ที่มีความเป็นห่วง เพื่อนๆ นำความรู้มาเผยแพร่

    ขอให้ มีสุขภาพแข็งแรงครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ
     
  16. zetsubo

    zetsubo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +751
    ห้ามกินกุ้งพร้อมวิตามินซีหลอกลวง

    เว็บบอร์ดหลายแห่งนำมาโพสต์ว่าห้ามกินกุ้งเพราะมีสารหนูผสม สร้างความหวาดวิตกให้ผู้บริโภค ด้านผอ.สถาบันวิจัยโภชนาการ ม.มหิดล ชี้เป็นอีเมลหลอกลวง ไม่มีข้อมูลวิทยาศาสตร์ยืนยัน ชี้กินกุ้งพร้อมวิตามินซีปลอดภัยไม่กลายพิษเป็นสารหนู ปัจจุบันข้อมูลความรู้ด้านต่างๆที่เป็นประโยชน์ ได้ถูกส่งผ่านทางอีเมลไปยังผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกือบ 10 ล้านคนทั่วประเทศไทย ขณะเดียวกันก็มีอีเมลหลอกลวงที่เขียนขึ้นมาเพื่อกลั่นแกล้งผู้อื่น แล้วส่งต่อกันไปเป็นลูกโซ่ให้คนอื่นๆ จนสร้างความตื่นตระหนกให้ผู้อ่านที่หลงเชื่อว่าเป็นข้อเท็จจริง ล่าสุดอีเมลฉบับหนึ่งจากไต้หวันถูกนำเผยแพร่ผ่านเว็บบอร์ดหลายแห่ง โดยเนื้อความกล่าวอ้างว่า มีผู้หญิงไต้หวันตายเนื่องจากชอบกินกุ้งพร้อมวิตามินซี สร้างความวิตกกังวลให้ผู้อ่านที่หลงเชื่ออีเมลฉบับนี้ ทั้งนี้ "คม ชัด ลึก" ได้สอบถามไปยังนักวิชาการด้านโภชนาการจากมหาวิทยาลัยมหิดล จนได้รับการยืนยันว่าเป็นเพียงข้อมูลเท็จ

    ผู้สื่อข่าวคมชัด ลึก ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตว่า


    ขณะนี้มีการส่งต่ออีเมลลูกโซ่ที่อ้างว่า ผู้หญิงไต้หวันคนหนึ่งเสียชีวิตอย่างลึกลับจากเลือดออกทั่วร่างกาย โดยผู้เชี่ยวชาญพบว่าเกิดจากชอบกินกุ้งพร้อมวิตามินซี สารเคมีของกุ้งกับวิตามินซีจะทำปฏิกิริยากันจนกลายเป็นพิษสารหนูสะสมในร่างกาย จึงขอเตือนให้ผู้ได้รับอีเมลฉบับนี้อย่ารับประทานวิตามินซีพร้อมกุ้ง ซึ่งข้อความในอีเมลดังกล่าวมีการอ้างถึงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จนน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้อ่านจำนวนมากวิตกกังวลกับการกินวิตามินซี โดยสรุปข้อความส่วนหนึ่งได้ดังนี้

    "ที่ไต้หวันมีหญิงคนหนึ่งเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ดโดยไม่รู้สาเหตุเสียชีวิตในช่วงข้ามคืน จากการชันสูตรศพเบื้องต้น ลงความเห็นว่าตายเพราะพิษสารหนู ตำรวจเริ่มสืบสวนและเชิญศาสตราจารย์นิติเวชมาร่วมคลี่คลายคดี เมื่อตรวจวิเคราะห์สิ่งตกค้างในกระเพาะไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เปิดโปงสาเหตุการตายฉับพลันว่า พบสารหนูในกระเพาะอาหารผู้ตาย เนื่องจากผู้ตายกินวิตามินซีทุกวัน พร้อมกับมีนิสัยชอบกินกุ้งจำนวนมากในมื้อเย็น"

    ในอีเมลดังกล่าวยังระบุอีกว่า นักวิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโกเคยทดลอง

    พบว่าสัตว์เปลือกอ่อนเช่น กุ้ง มีสารประกอบอาเซนิกเข้มข้นในปริมาณสูง สารประกอบชนิดนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายก็ไม่มีพิษภัยอะไร แต่เมื่อรับประทานวิตามินซีพร้อมกัน จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้สารประกอบเดิมที่มีสูตรเคมี As2O5 หรืออาเซนิกออกไซด์ซึ่งไม่มีพิษ กลายเป็นสารประกอบที่มีสูตรเคมี As2O3 หรืออาเซนิกไตรออกไซด์ ซึ่งมีพิษหรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าสารหนูนั่นเอง พิษสารหนูจะทำให้เกิดอาการเลือดคั่งในหัวใจตับ ไต และลำไส้ เซลล์ผิวหนังตายด้าน เส้นโลหิตฝอยขยายตัว ดังนั้นผู้ที่รับพิษจนตาย จะมีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด เพราะฉะนั้นในระยะที่รับประทานวิตามินซีต้องงดกินอาหารประเภทกุ้งเพื่อความไม่ประมาท
    จากข้อความดังกล่าว"คม ชัด ลึก" สอบถามไปยัง รศ.ดร.เอมอร วสันตวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อยืนยันข้อเท็จจริง

    รศ.ดร.เอมอร กล่าวว่า เมื่อประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา มีสื่อมวลชนหลายแขนงสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างกุ้งกับวิตามินซีว่า เป็นไปตามที่อีเมลสยองฉบับข้างต้นกล่าวอ้างจริงหรือไม่ซึ่งก็ได้ค้นข้อมูลรายงานการวิจัยและรายงานวิชาการจากองค์กรอนามัยโลก (ฮู) ปรากฏว่าไม่พบรายงานหรือข้อมูลอ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เชื่อมโยงระหว่างปฏิกิริยาทางเคมีของการกินกุ้งกับวิตามินซีแต่อย่างใด และเมื่อปรึกษาไปยังผู้เชี่ยวชาญเรื่องพิษจากอาหาร ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีข้อมูลทางวิชาการที่อ้างถึงเรื่องนี้มาก่อน

    ผอ.สถาบันวิจัยโภชนาการกล่าวต่อว่า

    เมื่อได้อ่านอีเมลสยองดังกล่าวอย่างละเอียดก็พบจุดน่าสงสัย 4 ประการคือ 1.ไม่มีชื่อหญิงชาวไต้หวันที่เสียชีวิต 2.ไม่มีชื่อและสถาบันของผู้เชี่ยวชาญทางนิติเวช 3.ไม่มีชื่อนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโก และ 4.มีการอ้างปฏิกิริยาเคมีที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ทำให้เชื่อว่าเป็นเพียงอีเมลหลอกลวงที่เขียนขึ้น โดยอ้างหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือเท่านั้นเอง
    <TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นอกจากนี้ตามข้อเท็จจริงสัตว์ทะเลประเภทกุ้งจะมีสารประกอบอาเซนิกอยู่จริงแต่น้อยมาก

    และเป็นฟอร์มหรือรูปแบบที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกายคน นอกจากนี้ยังไม่เคยพบว่าสารประกอบวิตามินซีไปทำปฏิกิริยาทางเคมีกับสารอาหารใดในร่างกายคน อีเมลหลอกลวงนี้อ่านแล้วดูขลังและน่าเชื่อถือ เพราะมีอ้างสูตรเคมีแบบวิทยาศาสตร์และอ้างตำแหน่งศาสตราจารย์ และผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่ไม่มีการเขียนชื่อจริงเลย ยิ่งไปกว่านั้น สูตรเคมีที่อ้างว่าเป็นสารหนูหรืออาเซนิกไตรออกไซด์ ก็เป็นสูตรเคมีของสารหนูจริง แต่ไม่ได้เกิดจากการผสมระหว่างวิตามินซีกับการกินกุ้ง ส่วนใหญ่คนกินอาหารทะเลแล้วเกิดอาหารเป็นพิษร้ายแรง ก็จะเกิดจากสัตว์ทะเลตัวนั้นมาจากแหล่งน้ำที่สกปรก แล้วเกิดสะสมสารพิษในตัวมัน เมื่อคนกินเข้าไปร่างกายจึงได้รับความผิดปกติ และหากพิษแรงมากร่างกายก็จะขับออกมาโดยการอาเจียนทันที สรุปคืออีเมลฉบับนี้เป็นการหลอกลวง เพื่อให้คนอ่านตื่นตระหนก ไม่มีข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์เลย รศ.ดร.เอมอร กล่าวอธิบาย
    เช่นเดียวกับศ.ดร.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาติ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพิษจากอาหาร อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล

    กล่าวยืนยันว่าไม่เคยมีงานวิชาการที่กล่าวถึงการทำปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างสารอาเซนิกในกุ้งกับวิตามินซี ซึ่งที่จริงแล้ว "อาเซนิก(Arsenic)" คือสารประกอบที่เรียกว่าสารหนู ส่วน "อาเซนิกไตรออกไซด์(Arsenic Trioxide)" เป็นสารหนูที่มีส่วนผสมของออกซิเจน3 ส่วน เรียกทั่วไปว่ายาฆ่าแมลง ถ้าจะฆ่าคนก็ต้องนำอาเซนิกไตรออกไซด์มาผสมกับอาหารหรือใส่ไปในกุ้งเพื่อให้เกิดพิษกับร่างกายอย่างฉับพลัน แม้ในกุ้งจะมีสารอาเซนิกประกอบอยู่จริงแต่ก็น้อยมากจนไม่มีพิษและจะสลายไปในกระเพาะอาหาร ส่วนวิตามินซีนั้นจะถูกดูดซึมในกระเพาะอาหาร และขับออกมากับปัสสาวะ หากร่างกายได้วิตามินซีมากผิดปกติ ในระยะยาวจะเกิดการสะสมเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ แต่ไม่ได้ไปทำปฏิกิริยาเคมีกับสารอื่นจนทำให้เสียชีวิต

    นอกจากนี้ในเว็บบอร์ดทางการแพทย์หลายแห่งและเว็บบอร์ดชื่อดัง "พันทิปดอทคอม" ก็มีผู้มาแสดงความเห็นต่ออีเมลสยองฉบับข้างต้นว่า เป็นอีเมลหลอกลวงที่เคยแพร่หลายในไต้หวันเมื่อ 6 ปีที่แล้ว แล้วก็เงียบหายไปจากอินเทอร์เน็ต จนกระทั่งถูกแปลเป็นภาษาไทย แล้วนำมาส่งต่อเป็นอีเมลลูกโซ่ จึงขอเตือนผู้บริโภคว่าอย่าหลงเชื่อ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. ปัทจัดตังค์

    ปัทจัดตังค์ Pattama Nitsaro

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +942
    ได้ยินมาว่า มะเขือเทศถ้ายังไม่สุกแดง ห้ามกิน เป็นพิษ อาจทำให้เสียชีวิตได้
     
  18. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ขอบคุณครับที่นำมาลงให้ได้อ่าน แต่ผมขอทีมาของเรื่องพวกนี้ด้วยจะได้ไหมครับ
    ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่ พระบรมศาสดา พ่อแม่ครูอาจาร์ยสอน สอนไม่ให้เชื่อก่อน
    ขอเหตุผลด้วยครับ บางอย่างที่มีท่านอื่นให้ความเหตุไว้ ก็รับฟังและพิจารณาเป็นอย่างๆ ไป แต่บางอย่าง ยังไม่ได้พิจารณาก็อย่าพึ่งเชื่อจะดีกว่านะครับ
    ที่เขียนนี้ไม่ใช่ไม่เหตุด้วยนะครับ แต่ ขอเหตุผลประกอบด้วยจะเป็นบุญกุุศลเป็นอย่างมาก
    แต่ถ้าเขียนหรือพิมพ์แล้วไม่เป็นความจริงมันจะเป็นโทษมากกว่านะครับ
    หวังว่าทุกท่านที่ได้อ่านข้อความผมแล้วก็พิจารณาตามผมดูนะครับว่าจริงไม่จริง
    โดยส่วนตัวคิดว่าเวปนี้ดีมากๆ ลึกๆ ก็อยากให้เป็นเวปที่ใช้เป็นที่อ้างอิงเวลาไปใช้ที่อื่นได้ด้วยซ้ำไป (ประมาณว่า เอามาจากเวปนี้ก็เชื่อได้ ๙๐%ขึ้นไป) เพราะเป็นของจริง อ้างอิงได้ พุทธศาสนาเป็นวิทยศาสตร์ สามารถพิสูจน์ได้ทุกอย่างแต่คนเรานี่เองที่พิสูจย์ไม่ถึง(ทำไม่ถึง) ก็เลยอ้างว่าไม่จริง ไม่เป็นวิทยาศาสนย์
    ขอโทษด้วยครับพิมพ์ไปพิมพ์มาจะเลยเถิด
    ผิดถูกประการใดก็วานผู้รู้ช่วยบอกทีละกัน ผิดก็ขอน้อมรับไว้ แต่ไม่เอา
     
  19. krathin

    krathin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +203
    ขอบคุณที่นำความรู้มาให้อ่าน

    (rose)(rose)(rose)(rose)(rose)

    อาหารทุกชนิดถ้าทานด้วยความพอดี
    ไม่ซ้ำ ๆ กันทุกวัน โอกาสพิษสะสมก็มีได้น้อย
    อยู่กับความพอดี พอเพียง ชีวีก็จะยืนยาวได้


    (rose)(rose)(rose)(rose)(rose)​
     
  20. BJT

    BJT สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    กระทู้จากอาหารสมองก็เขียนขึ้นมาลอยๆ ไมมีแหล่งข้อมูลแล้วไม่ทราบว่าจะมีใครยืนยันด้วยหลักวิชาการว่าเป็นจริงได้บ้างครับเนี่ย​
     

แชร์หน้านี้

Loading...