มือใหม่ฝึกกสิณ^_^ ผู้ช่ำชองชี้แนะทีครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lagus, 1 พฤศจิกายน 2006.

  1. lagus

    lagus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +155
    คือว่าพอดีเข้าเว็บนี้โดยบังเอินแล้วก็ได้ทราบข้อมูลการฝึก กสิณ
    (ศึกษาในเว็บนี้+เว็บอื่นบ้าง) เลยจะเจริญสมาธิในสาย สมถะกรรมฐาน พอดีเคยนั่งสมาธิแบบวิปัสสนา มาบ้านตอนไปปฎิบัติธรรมที่วัด ซึ่งอาจารย์พาไป 7วัน แล้วก็เคยพูดคุยกับพระในวัดเรื่อง กสิณ ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่ากสิณเป็นยังไง ฝึกต่างกับ วิปัสสนายังไง(ยุบหนอพองหนอ) ผ่านมานานแล้ว พอเข้าเว็บนี้แล้วก็ได้ทราบข้อมูลเลยสนใจในการเจริญกสิณ เลยคิกจะฝึกซึ่งตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี3 งานก็เยาะพอสมควรแต่ก็ยังพอมีเวลาช่วงก่อนนอนซึ่ง 3วัน ก่อนผมก็เริ่มฝึก กสิณที่ผมชอบคือ "กสิณไฟ" อย่างน้อยๆก็หาเทียนซักเล่มมาจุดเป็น อุปกรณ์กสิณ คือว่าที่เคยอ่านมาท่านว่าให้เอาหนังหรือผ้ามาตัดมีช่องขนาดนั้นขนาดนี้แล้วก็จุดกองไป แต่สำหรับผมจาฝึกในห้องนอนอะครับ จาจุดไฟ้เป็นกองเลยมีหวัง ได้เรียกรถดับเพลิงแน่:d ผมก็กะว่าเทียนซักเล่มคงจะพอ ก่อนเริ่มผึกผมก็สวดมนต์สั่นๆระรึกถึงคุณพระรัตนตรัย แบบว่าแผ่อจะทำให้จิตรใจมันสงบลงบ้างไม่มากก็น้อย ครั้งแรกที่นั่งเพ่งกสินไฟ เตโชกสิณังๆๆไปเรื่อยๆตาพอจ่องก็จำเปลวไฟสีของเปลวไฟไว้พอหลับตาก็เห็นเป็นเปลวไฟที่จ่องแต่ผมคิดว่าคงไม่ใช่กสิณแน่เพราะแสงที่เห็นคล้ายกับตอนเราใช้ตา มองพระอาทิตย์แวบหนึ่งแล้วก็หลับตามันจะเป็นแสงจ้าๆคล้ายรูปร่างเดินของมันซักพักก็หาย แบบนี้อะครับ พอผมพ่งได้ซัก2-3 ครั้งก็จำไฟที่โผล่ตอนหลับตาได้ ทีนี้มันเริ่มชัดเจนขึ้นแสงมันเข้มมากขึ้นพื้นที่รอบข้างก็มืด ไฟที่เห็นก็เคลื่อนไปมาแล้วก็ผมก็รู้สึกสงใสและจะพยายามคิดให้มันนิ่งๆ เพราะไฟที่เห็นแค่แวบเดียวครับและก็เล็กด้วยเพราะผมจ้องเปลวไฟจากเทียนสงใสผมเริ่มไม่มีสมาธิ
    ก็เลยหายไป แต่ตามที่ผมเล่ามาผมรู้สึกตัวตลอดเวลาครับได้ยินเสียงทุกอย่าง พอดีช่วงนั้นตุกแกที่บ้านมันทำพิษร้อง ตุกแก่ ตุกแก่ ทุกทีที่ได้ยินเสียงอะไรต่อมิอะไรผมก็ไม่มีสมาธิเลยครับแม้แต่เสียงยุงที่มันลอดเข้าห้องผมได้(b-ng)
    พอเมื่อคือนี้ผมได้เข้าเว็บนี้อีกก็ได้อ่านข้อความบางกระทู้เลยได้เข้าใจว่า การเพ่ง กสิณ เพ่งความรู้สึกที่เราเห็นตอนมองกสิณ ของผมเพ่งไฟ ก็ให้จดจำสีของเปลวไฟ ไฟจะมีความร้อยนึกถึงความอบอุ่นที่เกินขึ้น ร่างกายเราก็มีส่วนประกอบของไฟคือ อุณหภูมิ ในร่างการ ก็เลยเข้าใจว่าเป็นเป็นอารมณืที่เกินขึ้นตอนที่เราจดจ่อกับกสิณ พอผมเข้าใจอย่างนี้ก่อนนอนผมก็จุดเทียนตามเดิมครับแล้วก็นั่งเจริญกสินต่อ ครั้งก่อนจิตรใจผมฟุ้งซ่านมากเลยครับคิดไปโน้นมานี้ คิดนั่นคิดนี้ มีนกวนสมาธิจังเลย(b-malang) ตุกแกก็ต้องเสียงกระพือปีกยุงนี้ยิ่งร้าย แต่พอผมนั่งเจริญกสิณในครั้งนี้ ความคิดฟุ้งซ่านมันลดน้อยลงครับ มีบ้านแต่ก้มีน้อยกว่าครั้งก่อน รู้สึกดีกว่าครั้งก่อนคราวนี้ผมไม่ได้เอาสายตาไปจ้องกับเปลวไปครับ ถึงจะใช้ตาจ้องผมก็คิดเอาความรู้สึกถุงช่วงนั้นว่าอารมณ์ที่เห็นเปลวไฟรู้สึกอย่างไรสีที่เป็นความร้อยความอบอุ่นที่เกิดจากเปลวไฟ เลยเอามาเป็นอารมณ์พอหลับตาก็นึกถึงอารมณ์นั้นไว้ ตอนนี้ภาพเปลวไปที่ผมเห็นในตอนจริญกสิณครั้งแรกๆก็ยังมีอยู่ครับแต่คราวนี้อยู่นานกว่าเดิน ผมว่าผมมีสมาธิมากกว่าครั้งแรกอะครับ รู้สึกอย่างงั้น(b-smile)
    ทุกครั้งที่นั่งสมาธิเจริญกสินผมก็อธิฐานจิตรแผ่บุญกุศลที่ทำด้วยครับ

    ไม่รู้ที่ผมเจริญกสิณไฟผมทำถูกหรือไม่ถูกยังไงขอให้ พี่ๆ อาๆ ช่วยชี้แนะทีนะครับ ผมไม่ได้ไปปรึกษากับพระพรือผู้ปฎิบัติแนวนี้อะครับอาศักดูข้อมูลใน internet แล้วก็ประสบการกระจริดริดที่ไปปฎิบัติธรรมมานิดหน่อยประกอบ ผมเคยลองฟังเสียงของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เกี่ยวกับการเจริญกสิณมาบ้างก็จะยึดเอาเป็นแนวทาง

    ตอนนี้ผมฝึกมา3-4วันละครับ วันละไม่ถึง 15นาที นิดๆหน่อยๆค่อยเป็นค่อยไป จาไปฝืน ป๊าบ 1 ชม. ก็ไม่ได้ พอผมมีสมาธิมากพอก็จานั่งสมาธิเจริญกสินเพิ่มเวลา อีก5นาที 10นาที ตามที่มีสมาธิพออะครับ ผมไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไรเลยคงต้องฝึกอีกนานแต่ผมจะค่อยๆฝึกไปครับไม่รีบอะ ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ:love:

    ขอบคุณมากครับที่สละเวลามาอ่าน
    ตามที่ผู้ใหญ่หลายท่ายพูดว่า "เมื่อเรานึกถึงความตาย เราก็จะทำสิ่งที่เป็นสาระมากขึ้น"
    พอทราบแบบนี้ผมก็เลยคิดว่าเว็บนี้หละสาระ

    ปล. ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับเด็กใหม่ "ในที่สุดเราก็ได้ที่สิงสู่ใหม่แร้ว (one-eye) " ซะงั้น
     
  2. นายจั๊บ

    นายจั๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    419
    ค่าพลัง:
    +1,109
    อนุโมทนาครับ ผมก็เคยทำอยู่พักนึงแต่ไม่ได้ความเลยกลับมาพิจารณาลมหายใจ ภาวนาพุทธ-โธ ทำพุทธานุสติเหมือนเดิม แต่ก็ทรงอารมณ์ปิติตัวที่3ได้แค่แป๊บเดียวไปไหนไม่รอดสมาธิเคลื่อนก่อนทุกที
     
  3. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    โมทนาด้วยครับกับความตั้งใจของคุณจะขอแนะนำเล็กน้อยๆหากคุณจะฝึกแนวกสินต่อ

    ที่มีแนะนำตอนนี้ก็แค่ให้คุณวางอารมณ์ใจสบายๆนึกเบาๆพอดีๆไม่มากเกินไม่น้อยเกิน ก่อนนั่งตั้งใจว่าเราจะทำพอดีๆได้เท่าไรเท่านั้นจิตจะได้กรองกิเลศตัวอยากออกซึ่งจะเป็นนิวรณ์ดึงจิตไว้ไม่ให้เข้าสู่ความละเอียดของสมาธิขั้นต่อๆไปได้ ส่วนนิมิตกสินนั้นลองกำหนดจิตเราทั้งจิตครอบนิมิตนั้นไว้อยู่ทุกอณูจิตไม่ส่งจิตออกนอกดวงกสินหรือนิมิตกสินนั้นๆ !

    ถ้าจับจุดได้เมื่อไรว่าต้องวางอารมณ์จิตกับกสินอย่างไรจะพัฒนาดีและเร็วแน่นอน

    ขอแค่ให้มีความตั้งใจที่ไม่ถอยและอย่าเกินครูหรือแนวปฎิบัติที่เรารับมา

    ขอให้ก้าวหน้าในการปฎิบัติและอย่าย่อท้อและที่สำคัญอย่าเว้นช่วงห่างเกินไปกับการปฎิบัติ การปฎิบัติต้องต่อเนื่องเหมือนสายน้ำมิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นแค่เป็นสายน้ำที่ขาดเป็นช่วงๆสายหนึ่งเท่านั้นที่ไม่อาจส่งน้ำไปถึงมหามุทรได้

    นึกถึงพระพุทธเจ้าบ่อยๆและครูบาอาจารย์ที่เราศรัทธาหมั่นขอบารมีท่านซึ่งจะช่วยเราได้มาก

    หมั่นสวดมนต์ด้วยนะครับก่อนนั่งเพราะจะเป็นการwarm up จิตก่อนนั่งและหลังนั่งก็ warm down ด้วยการแผ่เมตตาไปทั่ว3โลกเลยอย่าลืมญาติเราในโลกทิพย์เพื่อนครอบครัวผู้มีพระคุณครูบาอาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรและที่สำคัญเทวดาประจำตัวที่มีความเกี่ยวข้องกับเราที่ท่านตามมาอนุโมทนาบุญกับเราเรื่อยๆและดูแลเราหากหมั่นแผ่ให้ท่านบ่อยๆเทวดาประจำตัวจะช่วยเราได้หลายๆอย่างที่เราคาดไม่ถึง

    ร่ายซะยาวถือซะว่าเป็นคำแนะนำเล็กน้อยที่มอบให้แลกกับความตั้งใจปฎิบัติของคุณแล้วกัน ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 พฤศจิกายน 2006
  4. อภิเดช

    อภิเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +910
    เท่าที่คุณอธิบายมา ผมคิดว่าน่าจะถูกทางแล้วนะครับ เพราะคุณสามารถเข้าใจหรือจำหลักของกสิณไฟได้ เห็นถึงความแตกต่างของระหว่างการเห็นภาพติดตาคลายมองผ่านแสงอาทิตย์แวบหนึ่ง กับการเห็นภาพด้วยใจ (เพราะผมก็เคยลองผิดมาแล้วครับ) ว่างเมื่อไรก็นึกถึงภาพเปลวไฟจากแสงเทียนก็ได้ ง่ายและสะดวกดีด้วยครับ ถ้าจิตเราว่างเมื่อไร บางครั้งภาพเปลวไฟมันจะผุดขึ้นมาในใจเราเองเลยครับ ยังไงก็พยายามทำให้ถึงที่สุดนะครับ ทำให้ถึงที่สุด ถ้าจำจุดหรือหลักของมันได้แล้ว ก็ถือว่ามาถูกทาง ที่เหลือก็พยายามและตั้งใจฝึกฝน คิดว่าเรียนหนังสืออยู่ก็แล้วกัน ลองดูครับ เอาใจช่วยนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2006
  5. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ขอยกคำสอนหลวงปู่ดู่มาให้พิจารณาบทหนึ่งครับ

    “การปฏิบัติ ถ้าอยากเป็นเร็ว ๆ มันก็ไม่เป็น หรือไม่อยากให้เป็น มันก็ประมาทเสีย ไม่เป็นอีกเหมือนกัน อยากเป็นก็ไม่ว่า ไม่อยากเป็นก็ไม่ว่า ทำใจให้เป็นกลาง ๆ ตั้งใจให้แน่วแน่ในกรรมฐานที่เรายึดมั่นอยู่นั้นแล้วภาวนาเรื่อยไป เหมือนกับเรากินข้าว ไม่ต้องอยากให้มันอิ่ม ค่อย ๆ กินไป มันก็อิ่มเอง ภาวนาก็เช่นกัน ไม่ต้องไปคาดหวังให้มันสงบ หน้าที่ของเรา คือ ภาวนาไป ก็จะถึงของดีของวิเศษในตัวเรา แล้วจะรู้ชัดขึ้นมาเองว่า อะไรเป็นอะไร ให้หมั่นทำเรื่อยไป”
     
  6. seattle

    seattle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +87
    ลองเข้าไปศึกษาเว็บนี้ดูนะครับ...

    www.kasina.org

    มีวิธีสอนการเพ่งกสิณ และดาวโหลดวิดีโอการเพ่งกสิณด้วยครับ..น่าสนใจมาก
     
  7. okilu220

    okilu220 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    312
    ค่าพลัง:
    +2,090
    หน้าใหม่เหมือนกันเลยครับ เพียงแต่ผมไม่มีอาจารย์คอยชี้แนะด้านกรรมฐานอย่างชัดเจนอยู่ใกล้ๆ เรามาคุยกันนะครับ เกิดข้อสงสัยอะไรจะได้คุยกันได้ แลกเปลี่ยนความคิดกันครับ ขอผมเป็นสหายธรรมของคุณคนนึงด้วย คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ อิอิ:cool:
    dekd_gang@hotmail.com นี้เมลผมนะครับ

    สุดท้ายนี้ขออนุโมทนาสาธุครับ และขอให้คุณเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ
     
  8. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ผมก็กำลังเริ่มเหมือนกันครับ ผมว่าคุณมาถูกทางแล้วนะ ที่เป็นแบบนี้เพราะจิตคุณเป็นสมาธิขึ้นแล้วครับ ขอให้เจริญในธรรมต่อไปครับ
     
  9. lagus

    lagus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +155
    ขอบคุณพี่ๆทุกท่านนะครับที่แนะนำมา

    ถึงตอนนี้อีก ครั้ง 2ครั้งในการเจริญกสิณ ของผม เทียนก็ไกล้จะหมดละครับ
    เมื่อคืนนี้ก็นั่งเจริญกสิณเหมือนเดิมมีสมาธิมากกว่าเดิมได้ยินเสียงอะไรก็บอกกับตัวเองว่าเพ่งไฟ ตัดเสียงนั้นออกไปแล้วก้เจริญกสินต่อ ก็จำอารมณ์ในใจที่รู้สึกถึงสีในเปลวไฟและให้จิตรคิดถึง ไฟมีความร้อน + ลืมตาดูเปลวไฟเป็นระยะๆเพื่อจะได้เป็นการเสริมกำลัง เวลาหลับตาแล้วเห็นเปลวไฟติดตา
    ก็ดีครับ ตอนนี้รู้สึกดีมีสมาธิกว่าครั่งก่อนๆอีกนิดหน่อยแม้มันจะน้อยแต่ก็พอใจในระดับ1อะครับ ช่วงที่ไม่ได้เจริณกสินผมก็ยังคิดได้ถึงเปลวไฟที่จ่องอยู่เลยครับไม่รู้พึมพำไปเอง ฤ ปล่าวแต่ด้วยความรู้สึก ถึงแม้วพอหลับตาจะไม่เห็นเป็นเปลวไฟอย่างที่มองก้ตาม ปรกติสีที่ตาเราเห็นตอนหลับตาคือสำดำแต่เพราะแสงจากด้านนอกส่งพ้นเปลือกตามาได้ทำให้สีที่เห็นเป็น ดำ+แดง+น้ำเงินบ้านแต่ผมก็จำอารมณ์ช่วงตอนเพ่งไฟไว้

    ปล.ผมก็อยากได้เพื่อนทางธรรมเหมือนกันครับผมเป็นคนรุ่นใหม่คิดแบบวิทยาศาสตร์+ธรรม ก่อนหน้าที่จะรู้จักเว็บนี้โดยบังเอินก็คิดแบบวิทยาศาสตร์คนทั่วไปอะครับ ตอนนี้ถึงรู้สิ่งที่พระพุธเจ้าสอนเป็นสิ่งที่ไม่ยากเป็นของจริงและอย่างที่หลายๆท่านว่าพิสูจได้
     
  10. siwaya21

    siwaya21 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +44
    ผมก็เพิ่งเริ่มฝึกไม่นานอ่ะครับดีใจจังที่มีคนอายุใกล้ๆกันฝึกด้วย ผมฝึกโดยใช้เทียนด้วยครับตอนแรก แต่ผมเคยไปอ่านในตำราเค้าว่า เพ่งไฟควรหาไฟที่นิ่งๆอ่ะครับ ตอนแรกก็ไม่เชื่อคิดว่าถ้าเราพยายามจะต้องทำได้แต่พอทำไปทำมาก็เป็นอย่างที่เค้าบอกอ่ะครับเพราะนั่งไปแล้วมันได้รู้ว่าจิตที่เราเพ่งนั้นมันมัวมาพวงแต่ดวงไฟซึ่งแถมยังขยับอีกต่างหากทำให้ยากมากขึ้นอีกอ่ะครับ มาตอนนี้ผมเลยเปลี่ยนมาเพ่งลูกแก้วครับ แต่สุดท้ายผมว่าอานาปาณสติก่อนดีกว่าเป็นฐานถ้าฐานแน่นอย่างอื่นก็น่าจาง่ายขึ้นครับ อีกอย่างคือไม่ต้องหาอุปกรณ์ ไม่ต้องมามัวยึดติดกับการเพ่ง ซึ่งอาจทำให้เกิดความอยาก จิตเกิดฟุ้งซ่านขึ้นมาอีกก็ไม่ดี ผมเลยคิดว่าอานาน่าจะดี เพราะไม่ต้องไปยึดติดอาไรทำใจให้สบาย และสงบ ทำเรื่อยๆ เดี๋ยวมันจะมาเอง (พระอาจารย์ผมบอกครับ) และทางที่ดีที่สุดครับ ไม่ต้องหาอ่านอาไรมากดูเป็นแนวพอ เพราะถ้าดูมากอ่านมาก เกิดสัญญาและความรู้มาก(ในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่นหลงคิดว่าตนสำเร็จชานแล้ว) ก็ปรุงแต่งมาก อันนี้ไม่รู้ถูกป่าวนะครับ แต่เป็นความคิดของผมเองบ้าง ถ้าเห็นว่าดีก็นำไปใช้ครับ ถ้าถ้าผิดยังไงก็ต้องแก้ไขให้ด้วยนะครับยังอ่อนต่อโลกแห่งธรรมอยู่
     

แชร์หน้านี้

Loading...