เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    ใกล้ถึงเวลาหล่อพระแล้ว....หล่อถึง 5 องค์ หน้าตัก 3.5 เมตร หรือ 7 ศอก....ผมเกรงว่าจะไม่ทันนะครับ....องค์หนึ่งตอนนี้คงใช้เวลา ประมาณ 24 วัน...ซึ่งน้อยมาก....แล้วจะทันงานไหมนี่....ทั้งขึ้นหุ่น เข้าหุ่น เคลื่อนย้ายหุ่น...แถมเทวันเดียวให้แล้วเสร็จอีก....ใช้คนเทพระมากน่าดู....ถึงจะทำให้แล้วเสร็จในวันเดียว....

    นี่มันก็ใกล้วันหล่อพระแล้วนะครับ...อีกสี่เดือนเอง....
     
  2. Doctorjoe

    Doctorjoe Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +74
    ขออนุโมทนาบุญ กับผู้พัน ด้วยครับ ผมรอมาตั้งนานแล้วว่าเมื่อไร ผู้พันและทีมงานและจะบอกเลขที่บัญชีธนาคารที่จะสามารถโอนเงินร่วมทำบุญด้วย ในที่สุดก็ถึงเวลาก็เวลาแล้ว ที่เหล่าศิษย์พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันตเจ้าจะมาร่วมทำบุญครั้งนี้ ขอบคุณครับผู้พันแล้วผมจะโอนเงินเข้าบัญชีในช่วงสัปดาห์เพื่อร่วมทำบุญกับผู้พันครับ
     
  3. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    ขออนุญาติเสนอแนวคิดเล็กน้อย....

    พระทั้งห้าองค์นี่จะเทวันเดียวให้แล้วเสร็จใช่ไหมครับ....(ถ้าบางส่วนก็พอได้)
    คงใช้สถานที่ใหญ่มากพอดู....

    พระองค์หนึ่งนี่แบ่งเป็นหลายท่อน หลายชิ้น....การทำงานก็คงเป็นไปได้ยากและใช้เวลานาน...

    องค์หนึ่งนี่ ผมว่าน่าจะใช้ช่างเททองเหลืองสัก 30 คน มั๊งครับ....เจอไปหนึ่งองค์นี่ ทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย เมื่อยล้าเต็มทีครับ....เจอไปองค์สององค์นี่ผมว่าช่างคงสู้ต่อไปได้ยาก.....ไม่อย่างนั้นคงใช้ช่างเป็น 100 คน...เทพร้อม ๆ กัน......(แต่ถ้ามีทหารมาช่วยสักจำนวนหนึ่งนี่น่าจะดีนะครับ)

    สถานที่นี่คงกว้างไกลมาก มองสุดตาเลยกระมั๊งครับ....คงใช้สถานที่กว้างมาก....ไหนจะไว้ถ่านคงเป็นร้อย ๆ ลูก....ฟืนที่จะเผาหุ่นอีกกี่สิบล้อคันรถกว่าหุ่นจะสุก....(น้ำที่ท่วมมีอุปสรรคกับฟืนไหมหน๋อ)

    เป้ากี่ลูกจะหลอมทองเหลืองไว้ได้พอเท....เททีเดียวนี่วันเดียวห้าองค์ และองค์ใหญ่ขนาดนั้น ผมว่าคงเป็นไปได้ยากมากอยู่นะครับ....(b-ahh)


    ก็ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นครับ.(กังวลใจแทนเสียแล้วผม).....อยากเห็นงานนี้เป็นรูปธรรม....(})
     
  4. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    เมื่อวานผมโทร.ถาม โรงหล่อที่อยู่ใกล้ ๆ วัดท่าซุง...คือช่างเนียร...

    ผมถามช่างเนียรว่ามีคนมาติดต่อหล่อพระแก้วไหม....ช่างบอกว่ามีสองคน...

    อีกคนพูดอีกคนไม่ได้พูดอะไร มาสอบถามพูดคุยเรื่องหล่อพระแก้วมรกต พ่นสีเขียว....แต่ยังไม่ได้ตกลงกัน...

    ผมก็ไม่กล้าถามต่อ ว่ายังไม่ได้ตกลงกันนี่....หมายถึงราคา หรือตกลงรับงานนี้.....(ผมคิดต่อ)ถ้าอย่างนั้นก็คงยังไม่มีการเขียนหนังสือสัญญาการจ้างงานกะมั๊งครับ....
    และคงยังไม่มีการมัดจำเงินล่วงหน้าก่อน....เพราะงานนี้ งานใหญ่ต้องใช้เงินมาก...
    คิดว่าลำพังโรงหล่อคงไม่น่ามีทุนลงไปก่อน เพราะที่ใช้เงินคงเป็นล้าน ๆ แน่เลย....อดเป็นห่วงเรื่องนี้ไม่ได้....

    และยิ่งงานก็ใกล้จะมาถึงแล้ว....เวลาอีก 4 เดือน ก่อนถึงวันงานนี่น้อยมากนะครับ....ตอนนี้คิดว่าช่างคงยังไม่ได้ลงมือทำอะไร....หุ่นก็ยังไม่ได้ปั้นเลย....

    น้ำก็ยังท่วมและค่อย ๆ รดลง.......อดเป็นห่วงงานนี้ไม่ได้ครับ.......เพราะก็อยากร่วมบุญด้วย องค์ละร้อยบาท....แต่ยังไม่แน่ใจว่างานนี้ ตกลงทำแน่ไหมครับ.....

    ขั้นตอนการทำงานที่โรงหล่อเริ่มงานหรือยัง...มีรูปให้ดูไหม....ทำไปถึงไหนแล้ว ครับ.
     
  5. Tewadhol

    Tewadhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +694
    อืม.....
     
  6. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +745
    พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หรือที่ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกกันว่า "พระแก้วมรกต" ซึ่งสถิตย์เป็นพระประธานคู่บ้านคู่เมือง ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ปฐมบรมราชจักรีวงศ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสร้างพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร สถิตย์เป็นองค์ประธาน ณ พระอุโบสถ เมื่อวันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๒๗

    พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ตามโบราณจารย์ประเพณีถือว่า พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร "พระแก้วมรกต" เป็นพระพุทธรูปที่พระอินทร์ และพระวิษณุกรรม จัดหาลูกแก้วมาสร้างองค์ เป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง ๗ พระองค์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง และเป็นพระประธานสำคัญในการอัญเชิญประกอบพิธีสำคัญต่างๆ ของประเทศไทย

    ตำนานโดยสังเขปกล่าวว่า เมื่อพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานล่วงแล้วได้ ๕๐๐ ปี มีพระอรหันต์องค์หนึ่งนามพระนาคเสนเถรเจ้า จำพรรษาอยู่ที่วัดอโศการาม เมืองปาฏลีบุตร พระพุทธศาสนากำลังเจริญเต็มที่ในยุคนั้น พระนาคเสนได้รำพึงและประสงค์จะจัดสร้างพระพุทธปฏิมากรไว้สำหรับเป็นองค์อนุสรณ์ แทนองค์สมเด็จพระบรมศาสดา ให้ผู้สืบอายุพระพุทธศาสนาไว้สักการะ บูชาแก่เทพยดาและมวลมนุษย์ จึงได้เสี่ยงทายว่า จะสร้างด้วยทองคำ หรือเงิน ก็เกรงว่าพวกมิจฉาชีพจะนำไปทำลายเสีย จะมิยั่งยืนตลอดไป ครั้นจะสร้างด้วยแก้วอันศักดิ์สิทธิ์ให้เหมาะสมกับ พุทธรัตนะ ก็ยังมิทราบว่าจะหาลูกแก้วสมดังปณิธานเสี่ยงทายได้ที่ไหน และด้วยทิพยจักษ์โสตร้อนอาสน์ถึงพระอิศวร ทรงทราบความปรารถนาแห่งพระนาคเสนเถรเจ้า ที่จะสร้างพระแก้วมรกตนี้ จึงเสด็จลงมาพร้อมด้วยวิษณุกรรม และจัดนำลูกแก้วมณีโชติ ซึ่งเป็นแก้วชนิดหนึ่งซึ่งมีรัศมีรุ่งโรจน์ ที่ภูเขาวิปุละ ซึ่งกั้นเขตแดนมคธ และอยู่ด้านหนึ่งของ กรุงราชคฤห์ ประกอบด้วย

    ๑. แก้วมณีโชติ มีบริวารแวดล้อมอยู่ ๓
    ,๐๐๐ ดวง เฉพาะแก้วมณีโชติ มีขนาดใหญ่ถึงหนึ่งอ้อมเต็ม
    ๒. แก้วไพฑูรย์ มีบริวารแวดล้อมอยู่ ๒,๐๐๐ ดวง
    ๓. แก้วมรกต มีบริวารแวดล้อมอยู่ ๑,๐๐๐ ดวง เฉพาะแก้วมรกตนี้ มีขนาดใหญ่ ๔ กำมือ ๓ นิ้ว


    แก้ววิเศษนี้ มีพวกกุมภัณฑ์ คนธรรพ์ ยักษ์มาร และเทพยดารักษาอยู่มาก พระวิษณุกรรมมิอาจที่จะไปนำลูกแก้วดังกล่าวนี้คนเดียวมาได้ จึงได้ทูลเชิญพระอิศวรเจ้าเสด็จร่วมไปด้วย เมื่อถึงเขาวิปุลบรรพตแล้ว พระอิศวรจึงแจ้งให้พวกกุมภัณฑ์ คนธรรพ์ และยักษ์ที่รักษาลูกแก้ว ทราบถึงความประสงค์ของพระนาคเสนเถรเจ้า ที่จะนำแก้วมณีโชตินี้ไปสร้างพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นอนุสรณ์แทนองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่พวกกุมภัณฑ์ คนธรรพ์ และยักษ์ทูลว่า เฉพาะลูกแก้วมณีโชตินั้นมีอิทธิฤทธิ์มาก เป็นของคู่ควรสำหรับพระมหาจักรพรรดิ์ไว้ปราบยุคเข็ญของโลกเท่านั้น ในเมื่อโลกเกิดจลาจลวุ่นวาย ซึ่งมนุษย์ในสมัยนั้นจะหมดความเคารพยำเกรงซึ่งกันและกัน ก่อการวุ่นวายขึ้น พระมหาจักรพรรดิ์จะได้ใช้แก้วมณีโชตินี้ไว้ปราบยุคเข็ญต่อไป แต่ว่าเพื่อมิให้เสียความตั้งใจและเสื่อมศรัทธา จึงขอมอบถวายลูกแก้วอีกลูกหนึ่ง ซึ่งเป็น "แก้วมรกต" รัศมีสวยงามผุดผ่อง ถวายให้ไปจัดสร้างแทน และพระอิศวรและพระวิษณุกรรม ก็นำแก้วมรกตนี้ไปถวายพระนาคเสนเถรเจ้า แล้วก็เสด็จกลับวิมาน
    พระนาคเสนเถรเจ้า เมื่อได้รับลูกแก้วมรกตแล้ว ก็รำพึงถึงช่างที่จะมาทำการสร้างพระพุทธรูปด้วยแก้วสีมรกต ให้มีพุทธลักษณะสวยงามประณีต วิษณุกรรมซึ่งเป็นนายช่างธรรมดาทราบความดำริของพระนาคเสน จึงแปลงกายเป็นมนุษย์เข้าไปหาพระนาคเสน รับอาสาสร้างพระพุทธรูปตามประสงค์ของพระนาคเสนเถรเจ้า เมื่อได้รับอนุญาตจากพระนาคเสนแล้ว วิษณุกรรมจึงลงมือสร้างพระพุทธรูปด้วยแก้วมรกตสำเร็จลงด้วยอิทธิฤทธิ์ สำเร็จภายใน ๗ วัน เนรมิตพระวิหารและเครื่องประดับ สำหรับประดิษฐานรองรับพระพุทธรูปแก้วมรกต วิษณุกรรมก็กลับไปสู่เทวโลก และพระพุทธรูปแก้วมรกตที่สร้างสำเร็จโดยช่างวิษณุกรรมนี้ มีพุทธลักษณะอันสวยงาม มีรัศมีออกเป็นสีต่างๆ หลายสีหลายชนิด ฉัพพรรณรังษีพวยพุ่งออกจากพระวรกาย เทพบุตร เทพธิดา

    ท้าวพระยาสามนตราช พระอรหันตขีณาสพ สมณะ ชีพราหมณ์ ตลอดประชาชนทั่วไปเมื่อได้เห็นพุทธลักษณะพระแก้วมรกตแล้ว ต่างก็พากันแซ่ซ้องถวายสักการะ บูชา พระนาคเสนเถรเจ้าพร้อมด้วยพวกเทพยดา นาค ครุฑ มนุษย์ กุมภัณฑ์ พากันตั้งสัตยาอธิษฐานอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เข้าประดิษฐานในองค์พระแก้วมรกตรวม ๗ พระองค์ คือ ในพระโมฬีพระองค์หนึ่ง, ในพระนลาตพระองค์หนึ่ง, ในพระอุระพระองค์หนึ่ง, ในพระอังสาทั้งสองข้างสองพระองค์ และในพระชานุทั้งสองข้างสองพระองค์ เมื่อพระบรมสารีริกธาตุแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งเจ็ดพระองค์ เข้าไปประดิษฐานเรียบร้อยทั้ง ๗ แห่ง เนื้อแก้วมรกตแล้ว เนื้อแก้วก็ปิดสนิทเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีรอยแผลและช่องพลันก็เกิดปาฏิหาริย์ แผ่นดินไหวสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก พระพุทธรูปแก้วได้ยกฝ่าพระบาทดุจดังเสด็จลงจากแท่นประดิษฐาน เมื่อเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นดังนี้ พระนาคเสนเถระทำนายว่า พระแก้วมรกตนี้จะมิได้ประดิษฐานในเมืองปาฏลีบุตรแน่ ต้องเสด็จเที่ยวโปรดเวไนยสัตว์ในประเทศ ๕ คือ


    ๑. ลังกาทวีป ๒. ศรีอยุธยา ๓. โยนก ๔. สุวรรณภูมิ ๕. ปะมะหล

    เมื่อพระนาคเสนเถรเจ้าดับขันธ์แล้ว พระแก้วมรกตนี้ คงได้รับการปกปักรักษา สักการะ บูชาเป็นเวลาต่อมาอีก ๓๐๐ ปี เมืองปาฏลีบุตรสมัยพระสิริกิติราชดำรงเป็นประมุข เกิดจลาจลวุ่นวาย เกิดสงครามมิได้ขาด ข้าศึกต่างเมืองยกมารบกวน เสนาอำมาตย์ผู้ใหญ่ ก่อการกบฏ ราษฎร์วานิชเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า สุดที่จะทนทาน ประชาชนวานิช พร้อมใจกันพาพระแก้วมรกตพร้อมด้วยพระไตรปิฎก ลงสำเภาหนีออกจากเมืองปาฏลีบุตรไปสู่ลังกาทวีป พระแก้วมรกตจึงประดิษฐานประมาณ ๒๐๐ ปี (พระพุทธศาสนาล่วงมาได้ ๑,๐๐๐ ปี)

    ครั้นถึงสมัยเจ้าอนุรุธราชาธิราช กษัตริย์ของพุกามประเทศ (พม่า) กับพระภิกษุรูปหนึ่งลงสำเภาไปสู่ลังกาทวีป พร้อมด้วยพระสงฆ์พุกามอีก ๙ รูป อำมาตย์พุกาม ๒ คน ของพุกาม ได้ขอบรรพชาต่อพระสังฆราชลังกาทวีป พระภิกษุรูปที่เป็นหัวหน้าของพุกามชื่อพระศีลขัณฑ์ ร่วมมือกันสังคายนาพระไตรปิฎกและคัมภีร์สัธทาวิเศษเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะกลับพุกาม ได้ทูลขอ "พระแก้วมรกต" ต่อประมุขของกรุงลังกาทวีป พระองค์จนพระทัย จึงต้องมอบพระแก้วมรกตให้กับกษัตริย์กรุงพุกามไป ทำความเศร้าโศกเสียใจให้กับชาวเมืองปาฏลีบุตรทั่วลังกาทวีป

    เมื่อกษัตริย์กรุงพุกามได้รับพระแก้วมรกตเรียบร้อยแล้ว จึงจัดขบวนเรือสำเภาอัญเชิญพระแก้วมรกตลงสำเภาสองลำ แต่เมื่อสำเภาแล่นมาในทะเล สำเภาที่อัญเชิญพระแก้วมรกต เกิดพลัดหลงทางไปสู่เมืองอินทปัตถ์พร้อมทั้งพระไตรปิฎก พระเจ้ากรุงพุกามเสียพระทัยมาก เพราะตั้งพระทัยไว้ว่า จะจัดเฉลิมฉลองสมโภชเป็นการใหญ่ในกรุงพุกาม เมื่อเหตุการณ์กลับกลายไป จึงปลอมพระองค์เป็นราษฎรสามัญไปสู่กรุงอินทปัตถ์ เพื่อสืบหาเรือสำเภาที่อัญเชิญพระแก้วมรกตและพระไตรปิฎก และขอพระแก้วมรกตคืนจากพระเจ้ากรุงอินทปัตถ์ พระเจ้ากรุงอินทปัตถ์ก็ไม่ยอมคืนให้ เพราะถือว่าเป็นบุญญาธิการของพระองค์ ที่พระแก้วมรกตได้เสด็จมาสู่กรุงอินทปัตถ์ พระเจ้ากรุงพุกามทรงพิโรธมาก ดำริจะปลงพระชนม์พระเจ้ากรุงอินทปัตถ์ ก็เกรงว่าบาปกรรมจะติดตามตัวต่อไปภายภาคหน้า จึงแสดงอภินิหาริย์ให้ชาวอินทปัตถ์เห็น โดยเอาไม้มาทำเป็นดาบ ทาด้วยฝุ่นดำแล้วก็เหาะขึ้นไปในอากาศวนรอบเมืองอินทปัตถ์ ๓ ครั้ง สะกดพระเจ้ากรุงอินทปัตถ์และคนหลับทั้งเมือง แล้วเสด็จเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง เอาดาบที่ทำด้วยไม้ขีดไว้ที่พระศอของพระเจ้ากรุงอินทปัตถ์และมเหสี ตลอดจนเสนาบดีผู้ใหญ่ และตรัสขู่ว่า หากไม่คืนสำเภาที่อัญเชิญพระไตรปิฎกและพระแก้วมรกตให้แล้ว วันรุ่งขึ้นจะบั่นเศียรให้หมดทุกคน พระเจ้ากรุงอินทปัตถ์และมเหสีทรงทราบเรื่อง และพิสูจน์รอยฝุ่นดำที่พระศอ ก็พบว่ามีรอยฝุ่นดำจริงตามดำรัสของพระเจ้ากรุงพุกาม มีความหวั่นเกรงต่อชีวิตของพระองค์และราชบริพารเป็นอันมาก ให้อำมาตย์ ๒ คน กราบทูลพระเจ้ากรุงพุกามทราบว่า หากเป็นสำเภาอัญเชิญพระไตรปิฎกและพระแก้วมรกตของพุกามจริง ก็จะจัดถวายส่งคืนให้ ขอให้พระเจ้ากรุงพุกามเสด็จกลับยังกรุงพุกามก่อน พระเจ้ากรุงพุกามก็ยินยอม

    กาลต่อมา เมื่อสำเภาลำที่หายไปก็มาถึงกรุงพุกาม ตรวจสอบแล้วมีแต่พระไตรปิฎกอย่างเดียว หามีพระแก้วมรกตไม่ พระเจ้ากรุงพุกามทรงทราบดีว่า พระเจ้ากรุงอินทปัตถ์มีพระประสงค์จะได้พระแก้วมรกตไว้สักการะ บูชาในกรุงอินทปัตถ์ พระเจ้ากรุงพุกามก็มิได้คิดอะไรอีก พระแก้วมรกตนี้ได้ตกอยู่
    ในกรุงอินทปัตถ์มาช้านานจนรัชสมัยพระเจ้าเสนกราช พระองค์มีพระราชโอรสองค์หนึ่ง สนพระทัยเที่ยวจับแมลงวันหัวเขียวมาเลี้ยงไว้ และบุตรชายของปุโรหิตคนหนึ่งชอบเล่นแมลงวันหัวเสือ ต่อมาแมลงวันหัวเสือของบุตรชายปุโรหิตกัดแมลงวันหัวเขียวของราชโอรสตาย พระราชโอรสเสียพระทัยและฟ้องพระเจ้าเสนกราชผู้บิดา จนมีรับสั่งให้นำบุตรชายของปุโรหิตไปผูกให้จมน้ำตาย ปุโรหิตผู้พ่อพร้อมด้วยภรรยาพาบุตรชายหนีออกจากเมือง เพราะเห็นว่าพระเจ้าเสนกราชปราศจากความยุติธรรม เอาแต่พระทัยตนเอง พญานาคราชก็โกรธพระเจ้าเสนกราชที่อยุติธรรม ที่สั่งให้เอาบุตรปุโรหิตไปผูกมัดเพื่อให้จมน้ำตาย จึงบันดาลให้น้ำท่วมเมืองอินทปัตถ์ เป็นที่ระส่ำระสายแก่ประชาราษฎร์ยิ่งนัก มีพระเถระรูปหนึ่งไม่ปรากฏนาม ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตพร้อมด้วยคนรักษา หนีภัยแล่นเรือไปทางทิศเหนือของเมืองอินทปัตถ์



    ในราชอาณาจักรไทยขณะนั้น กรุงศรีอยุธยา กษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงพระนามว่า พระเจ้าอาทิตยราช เมื่อทรงทราบว่ากรุงอินทปัตถ์เกิดกุลียุค น้ำท่วมบ้านเมืองเสียหาย ผู้คนล้มตายมาก ทรงพระวิตกถึงพระแก้วมรกตจะอันตรธานสูญหายไป จึงจัดทัพไปรับพระแก้วมรกตอัญเชิญลงสำเภา พร้อมกับคนรักษากลับสู่กรุงศรีอยุธยา เมื่อมาถึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตประดิษฐานในมหาเวชยันต์ปราสาท ประดับตกแต่งด้วยเครื่องสักการะอันประณีต จัดการฉลองสมโภชเป็นการใหญ่ พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาและประชาราษฎร์ได้ถวายสักการะพระแก้วมรกตตลอดมา และต่อมา พระยากำแพงเพชรได้ลงมากรุงศรีอยุธยา กราบทูลขอพระแก้วมรกตไปสักการะ ณ เมืองกำแพงเพชร ต่อมาโอรสพระองค์หนึ่งมีชนมายุเจริญวัย โปรดให้ไปครองกรุงละโว้ ระลึกถึงพระแก้วมรกตได้ ปรารถนาอยากได้พระแก้วมรกตไว้สักการะ บูชา จึงทูลขอต่อพระมารดา พระมารดามีความรักพระโอรสขัดไม่ได้ จึงทูลขอต่อพระสามี ก็ได้รับอนุญาตให้อัญเชิญไปได้ แต่ให้ไปเลือกเอาเอง เพราะประดิษฐานรวมกับพระแก้วองค์อื่นๆ อีกหลายองค์ พระมารดาและโอรสไม่ทราบว่าพระแก้วมรกตองค์ไหนเป็นองค์ที่แท้จริง จึงให้ไปหาคนเฝ้าประตูรับสั่งคนเฝ้าประตูและให้สินบนช่วยชี้แจง คนเฝ้าประตูรับว่า จะนำดอกไม้สีแดงไปวางไว้บนพระหัตถ์พระแก้วมรกตองค์ที่แท้จริงให้ พระโอรสได้พระแก้วมรกตสักการะ บูชาไว้ ณ เมืองละโว้ เป็นเวลา ๑ ปี ๙ เดือน ก็ต้องอัญเชิญพระแก้วมรกตกลับเมืองกำแพงเพชรตามข้อตกลง


    ในขณะนั้น พ.ศ.๑๙๗๗ พระเจ้าพรหมทัตเจ้าเมืองเชียงราย ทรงทราบว่า พระยากำแพงเพชรผู้ทรงเป็นสหายมีพระแก้วไว้สักการะ บูชา ก็ปรารถนาอยากได้สักการะ บูชาบ้าง จึงจัดขบวนรี้พลสู่เมืองกำแพงเพชร พระปิยะสหาย ทูลขออาราธนาพระแก้วมรกตสู่เมืองเชียงราย เมื่อได้แล้วก็ดีพระทัย จัดขบวนเดินทางกลับไปสมโภช ณ เมืองเชียงรายเป็นนิจ ต่อมาเจ้าเมืองเชียงรายเกรงว่าเมื่อเกิดสงครามขึ้น จะเป็นอันตรายต่อพระแก้วมรกต หวังจะซ่อนเร้นมิให้ศัตรูปัจจามิตรทราบ จึงสั่งให้เอาปูนทาลงรักปิดทองบรรจุเสียมิดชิด ดูประดุจพระพุทธรูปศิลาสามัญ


    ลำดับต่อมา พระสถูปเจดีย์ที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตถูกอสุนีบาตพังทลายลง ชาวเมืองจึงอัญเชิญไปประดิษฐานยังวิหารวัดแห่งหนึ่ง ครั้นต่อมาปูนที่พอกไว้ตรงพระนาสิกกะเทาะออก เห็นแก้วสีเขียว เจ้าอธิการและพระสงฆ์ในวัดนั้น จึงกะเทาะเอาปูนออกเห็นเป็นพระแก้วทึบทั้งองค์ บริสุทธิ์ดี มีรัศมีสุกใสสกาวไม่มีรอยบุบสลายเลย ราษฎรเมืองเชียงรายและหัวเมืองใกล้เคียง จึงพากันไปถวายสักการะมิได้ขาดสาย ความได้ทราบถึงพระเจ้าเมืองเชียงใหม่ จัดขบวนรี้พลช้างม้าเดินทางไปอัญเชิญพระแก้วมรกตสู่นครเชียงใหม่ ครั้นขบวนแห่อัญเชิญมาถึงทางแยกที่จะไปนครลำปางช้างที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ก็พาพระแก้วมรกตวิ่งเตลิดไปทางนครลำปาง ควาญช้างได้ปลอบโยนให้หายจากความตื่น ช้างเชือกนั้นก็วิ่งเตลิดพาพระแก้วมรกต กลับหลังวิ่งไปทางนครลำปางอีก ควาญช้างได้พยายามเปลี่ยนช้างเชือกใหม่อีก ช้างตัวใหม่ก็วิ่งไปทางนครลำปางอีก ควาญช้างได้พยายามเล้าโลมเอาอกเอาใจอย่างไร เพื่อจะให้ช้างเดินทางไปนครเชียงใหม่ก็ไม่สำเร็จอีก ท้าวพระยาตลอดจนประชาชนในขบวนแห่พระแก้วมรกต เห็นประสบเหตุการณ์เช่นนั้น จึงส่งใบบอกไปยังพระเจ้าสามแกนเจ้านครเชียงใหม่ให้ทรงทราบ พระเจ้าเชียงใหม่มีความเลื่อมใสพระแก้วมรกตมาก แต่ก็กริ่งเกรงในพุทธานุภาพพระแก้วมรกต และถือโชคลาง เพราะที่ช้างไม่ยอมเดินทางไปนครเชียงใหม่นั้น คงเป็นด้วยพุทธานุภาพของพระแก้วมรกตไม่ยอมเสด็จมาอยู่เชียงใหม่ จึงอนุโลมให้พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ ณ นครลำปาง


    ต่อมา พ.ศ.๒๐๑๑ พระเจ้าติโลกราช เจ้านครเชียงใหม่ เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงอานุภาพมาก ทรงพิจารณาว่า พระแก้วมรกตเป็นสมบัติอันล้ำค่า ไม่สมควรที่จะประดิษฐานอยู่ที่นครลำปางอีกต่อไป จึงได้อาราธนาอัญเชิญพระแก้วมรกตมายังนครเชียงใหม่ แล้วจัดสร้างพระอารามราชกูฏเจดีย์ถวาย พระเจ้าเชียงใหม่สร้างวิหารให้เป็นปราสาทมียอด แต่ก็หาสมปรารถนาไม่ เพราะอสุนีบาตทำลายหลายครั้งและพระแก้วมรกตได้ประดิษฐานอยู่ ณ นครเชียงใหม่นานถึง ๘๔ ปี


    ครั้นพระเจ้าเชียงใหม่ซึ่งเป็นพระราชบิดานางหอสูง เสด็จสวรรคต เมืองเชียงใหม่ไม่มีกษัตริย์จะครองราชย์ ท้าวพระยาเสนาบดีและสมณะ ชีพราหมณ์ จึงพร้อมกันแต่งตั้งราชฑูต พร้อมด้วยเครื่องราชบรรณาการไปขอเจ้าราชโอรส อันเกิดจากนางหอสูง มาครองราชสมบัติแทนพระอัยกาต่อไป พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตทรงทราบ จึงโปรดให้เสนาบดีแต่งจตุรงคเสนาพาเจ้าไชยเชษฐา ซึ่งมีพระชนมายุ ๑๒ พรรษา ขึ้นไปกระทำพิธีราชาภิเษกตามประเพณี ครองราชสมบัติ ณ นครเชียงใหม่ ทรงนามว่าพระเจ้าศรีไชยเชษฐาธิราช เจ้านครเชียงใหม่ เมื่อเสร็จการราชพิธีราชาภิเษกแล้ว พระเจ้าโพธิสารก็เสด็จกลับคืนมายังกรุงศรีสัตนาคนหุตได้ ๓ ปี ก็สวรรคต เสนาบดีพฤฒามาตย์ผู้ใหญ่ ตลอดจนสมณะ ชีพราหมณ์เห็นว่า ถ้าให้ราชโอรสองค์อื่นครองราชสมบัติ ก็คงจะเกิดแก่งแย่งสมบัติกันขึ้น จึงพร้อมใจกันอัญเชิญพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ขึ้นครองราชสมบัติอีกเมืองหนึ่ง พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชจึงเสด็จมาประทับยังกรุงศรีสัตนาคนหุต ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาด้วย เพื่อให้พระราชวงศ์และประชาราษฎร์ได้กราบไหว้นมัสการ บางโอกาสเสด็จมาประทับกรุงศรีสัตนาคนหุตเป็นเวลาช้านาน ทำให้ชาวเมืองเชียงใหม่คิดว่า พระองค์คงจะไม่เสด็จกลับไปครองเมืองเชียงใหม่ จึงได้อัญเชิญเชื้อพระวงศ์ขึ้นครองราชย์แทน ทำให้พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงพระพิโรธมาก กรีฑาทัพยกไปจะตีเมืองเชียงใหม่ แต่พระเจ้าสุทธิวงศ์ทรงทราบข่าวศึกเกรงพระเดชานุภาพ จึงแต่งพระราชสาส์นเครื่องมงคลราชบรรณาการ พร้อมด้วยสาวพรหมจารี ๑๒ คน เลือกเฟ้นเอาที่มีสิริโฉมงดงาม ส่งไปถวายพระเจ้ากรุงอังวะ ขอกองทัพพม่ารักษาเมือง พระเจ้ากรุงอังวะได้โปรดให้ยกกองทัพไปช่วยเมืองเชียงใหม่ เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเห็นว่า จะทำศึกกับเชียงใหม่ ก็เหมือนกับทำศึกกับพม่า จะทำให้เสียไพร่พลตลอดจนเสบียงอาหาร ไม่ชอบด้วยทศพิธราชธรรม และเกรงว่าจะสู้ทัพข้าศึกมิได้ จึงสั่งให้ถอยทัพ พร้อมด้วยอัญเชิญพระแก้วมรกตมาอยู่ในเมืองหลวงพระบาง ๑๒ ปี


    ลุถึง พ.ศ.๒๑๐๗ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง เจ้าเมืองมอญ กำลังเรืองอำนาจ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเห็นว่าจะสู้มอญไม่ได้ จึงมีดำรัสแก่อนุชาทั้งสองและอำมาตย์แสนท้าวพระยาลาวทั้งปวงว่า ที่ตั้งกรุงศรีสัตนาคนหุตนี้ เป็นถิ่นที่ดอนใกล้ภูเขาใหญ่ ชัยภูมิไม่เหมาะสมจะเป็นราชธานีของพระมหากษัตริย์ เห็นควรอพยพครอบครัวไปสร้างพระนครใหม่ อยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ อันเป็นชัยภูมิอันสมบูรณ์ด้วยภักษาผลาหาร ใกล้กับฝั่งแม่น้ำยิ่งกว่ากรุงศรีสัตนาคนหุต เมื่อดำริต้องกันทั้งสามพระองค์แล้ว จึงได้สร้างเมืองเวียงจันทน์ขึ้นใหม่ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เองในเมืองเวียงจันทน์ และได้อาราธนาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร มาประดิษฐานไว้ในปราสาท แต่นั้นต่อมาอีก ๒๑๔ ปี


    ครั้นถึง พ.ศ.๒๓๒๑ พระเจ้าตากสิน เมื่อครั้งเป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร ขึ้นแก่กรุงศรีอยุธยา ให้รวบรวมไพร่พลที่เหลือจากพม่าโจมตี ตั้งตัวเป็นมหากษัตริย์สืบวงศ์สยาม ตั้งกรุงธนบุรีหัวเมืองชายทะเลขึ้นเป็นพระมหานคร ได้ยกทัพไปตีกรุงศรีสัตนาคนหุต เพื่อประสงค์จะแผ่พระเกียรติยศให้ยิ่งใหญ่ไพศาล และขยายขอบเขตขันธเสมาอาณาจักรให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยให้สมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก ขึ้นไปตีกรุงศรีสัตนาคนหุต


    เมื่อได้เมืองเวียงจันทน์แล้วได้อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระแก้วมรกต กับพระบาง ขึ้นคานหามมายับยั้งอยู่เมืองสระบุรี แล้วแจ้งข้อราชการมีชัยชนะศึก ตลอดจนได้อัญเชิญพระพุทธปฏิมากรพระแก้วมรกตนั่ง และพระพุทธปฏิมากรยืนชื่อพระบางมาด้วย เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทราบ ทรงเลื่อมใสศรัทธาปสาทะ ให้ราชบุรุษอาราธนาพระสังฆราชและพระราชาคณะฐานานุกรมเปรียญทั้งปวง จัดกำลังเรือและฝีพายให้ขึ้นไปรับพระแก้วมรกตและพระบางมายังกรุงธนบุรี โดยให้เรือพระที่นั่งศรี เป็นเรือพระรับพระแก้วมรกต และเรือที่นั่งกราบรับพระบาง พร้อมด้วยเรือชัยต่างๆ เรือตั้งกัน ๑๖ คู่ เรือรูปสัตว์ ๑๐ คู่ มีเรือเครื่องสูงเศวตฉัตรกลองชนะมโหระทึก ดนตรีประจำทุกลำ แห่ล่องมาเป็นขบวนพยุหยาตรานาวาจนถึงกรุงธนบุรี เชิญพระแก้วมรกตและพระบางประดิษฐานไว้ในโรงภายในพระราชวัง ซึ่งปลูกไว้ริมพระอุโบสถวัดแจ้ง ตั้งเครื่องสักการะ บูชา เป็นมโหฬารดิเรกด้วยเงิน ทอง แก้ว บูชาพระไตรยาธิคุณ และโปรดให้มีการถวายพระพุทธสมโภช มีมหกรรมมหรสพฉลอง เวลากลางคืนจุดดอกไม้เพลิงทุกคืนตลอด ๗ วัน ๗ คืน


    ครั้นสิ้นรัชกาลพระเจ้ากรุงธนบุรีแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ณ กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕ โปรดให้สร้างพระอารามขึ้นในพระบรมมหาราชวัง ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร

    ครั้นพระอุโบสถสร้างเสร็จแล้วจึงให้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๒๗<o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>
    พระพุทธลักษณะ และที่ประดิษฐาน

    วันเสาร์ เดือน ๕ ปีขาล จัตวาศก จุลศักราช ๑๑๔๔ ตรงกับวันที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๓๒๕ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงรับอัญเชิญจากเสนามาตย์ทั้งหลายเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ได้ทรงสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี และสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามขึ้นในพระบรมมหาราชวัง สืบตามพระราชประเพณีการสร้างพระอารามในพระราชฐานสมัยกรุงศรีอยุธยา สำหรับเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต ซึ่งทรงมีพระราชศรัทธาเคารพเลื่อมใสเป็นที่ยิ่ง ทั้งยังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระนครใหม่ให้ต้องกับการซึ่งมีพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรพระองค์นี้ เป็นศิริสำหรับพระนครว่า "กรุงรัตนโกสินทร์อินท์อโยธยา" อันมีความหมายว่า "เป็นที่เก็บรักษาไว้ขององค์พระพุทธมหามณีรัตนปฎิมากร" อีกด้วย

    วันจันทร์ แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๔ ตรงกับวันที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๓๒๗ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร จากโรงในพระราชวังธนบุรีลงทรงเรือพระที่นั่งกิ่ง มีเรือแห่เป็นกระบวนข้ามฟากมาเข้าพระราชวัง อัญเชิญเข้ามาประดิษฐานในพระอุโบสถพระอารามใหม่ แล้วนิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะประชุมทำสังฆกรรม สวดผูกพัทธสีมาในวันนั้น แล้วพระราชทานนามพระอารามว่า "วัดพระศรีรัตนศาสดาราม"

    พุทธลักษณะ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ขัดสมาธิราบ มีเส้นจีวรคาดเข่าทั้งสองข้าง พระองค์อวบอ้วน พระพักตร์กลมอูม พระขนงโก่ง หลังพระเนตรอูม พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์บางสลักขอบทั้งสองเส้น พระหนุเป็นปม พระรัศมีซึ่งอยู่เหนือพระเกตุมาลาเป็นต่อม ชายสังฆาฏิยาว ฐานรองรับเป็นฐานเขียง มีหน้ากระดานโค้งออกข้างนอก ทำด้วยมณีสีเขียวเนื้อเดียวกันทั้งองค์ ขนาดหน้าตักกว้าง ๔๘.๓ ซ.ม. สูงตั้งแต่ฐานเฉพาะทับเกษตร ถึงพระเมาลี ๒๖ ซ.ม. ตั้งแต่ฐานถึงยอดพระเศียร ๖๖ ซม. ประดิษฐานอยู่ในบุษบกทองคำ

    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงมีพระราชศรัทธาสร้างเครื่องทรง ถวายเป็นพุทธบูชา สำหรับฤดูร้อนและฤดูฝน

    เครื่องทรงสำหรับฤดูร้อน เป็นเครื่องต้นประกอบด้วยมงกุฎพาหุรัด ทองกร พระสังวาล เป็นทองลงยา ประดับมณีต่างๆ จอมมงกุฎประดับด้วยเพชร เครื่องทรงสำหรับฤดูฝน เป็นทองคำ เป็นกาบหุ้มองค์พระอย่างห่มดอง จำหลักลายที่เรียกว่าลายพุ่มข้าวบิณฑ์ พระเศียรใช้ทองคำเป็นกาบหุ้ม ตั้งแต่ไรพระศกถึงจอมเมาลี เม็ดพระศกลงยาสีน้ำเงินแก่ พระลักษมีทำเวียนทักษิณาวรรต ประดับมณีและลงยาให้เข้ากับเม็ดพระศก

    พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างเครื่องทรงฤดูหนาวถวายอีกชุดหนึ่ง ทำด้วยทองเป็นหลอดลงยาร้อยด้วยลวดทองเกลียว ทำให้ไหวได้ตลอดเหมือนกับผ้า ใช้คลุมทั้งสองพาหาขององค์

    พระบุษบกทองที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร สร้างด้วยไม้สลักหุ้มทองคำทั้งองค์ ฝังมณีมีค่าสีต่างๆ ทรวดทรงงดงามมาก เป็นฝีมือช่างรัชกาลที่ ๑ เดิมบุษบกนี้ตั้งอยู่บนฐานชุกชี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเบญจาสามชั้นหุ้มด้วยทองคำ สลักลายวิจิตรหนุนองค์บุษบกให้สูงขึ้น บนฐานชุกชีด้านหน้า ประดิษฐานพระสัมพุทธพรรณี เป็นพระพุทธรูปที่คิดแบบขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๔ โดยไม่มีเมาลี มีรัศมีอยู่กลางพระเศียร จีวรที่ห่มคลุมองค์พระเป็นริ้ว พระกรรณเป็นแบบหูมนุษย์ธรรมดาโดยทั่วไป หน้าฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์รัชกาลที่ ๑ และรัชกาลที่ ๒ องค์ด้านเหนือพระนามว่า พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ด้านใต้พระนามว่า พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระพุทธรูปทั้งสองพระองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์สูง ๓ เมตร ทรงเครื่องแบบจักรพรรดิหุ้มทองคำ เครื่องทรงเป็นทองคำลงยาสีประดับมณี
    <o:p></o:p>
     
  7. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    ขออนุญาติลงเบอร์ โรงงานหล่อพระ ที่ใกล้วัดท่าซุง คือ ช่างเนียร ไว้ครับ

    เบอร์โรงหล่อ 056-512389
    เบอร์มือถือ 081-0417824

    เบอร์มือถือ(ผมเอง) 087-1979860 ==>สัณฐ์....

    ตกลงว่างานนี้ทำหรือไม่ทำแน่....ตกลงกันอย่างไรแล้ว....กรุณาแจ้งด้วยนะครับ......เวลามันเหลือน้อยเต็มทีแล้ว.....

    และผมคิดว่า ถ้าช่างเริ่มทำตอนนี้ คงจะแย่เหมือนกัน...เงื่อนไข เวลา ที่จำกัด...และหล่อให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว

    ผู้ที่จะร่วมบุญก็หลายท่านที่รออยู่....ผมไม่ได้มาขัด แต่มาเพื่ออยากเห็นความถูกต้อง...จริงใจ...โปร่งใส....บุญกุศลในการสร้างพระนั้นมหาศาลนัก.

    สิ่งใดที่จะแสดงความบริสุทธิ์ใจ จริงใจ ได้เราก็ควรแจงไว้เป็นระยะครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ตุลาคม 2006
  8. illanzer

    illanzer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +840
    อยากไปร่วมงานด้วยครับ ^^
     
  9. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ Doctorjoe

    อนุโมทนาในกุศลจิตครับ เชิญมาในงานวันหล่อพระด้วยนะครับ

    คุณ chatyman

    ช่างเนียร ไม่ถนัดหล่อพระทองเหลืองขนาดใหญ่ครับ ถ้าพระปูน ช่างเนียรทำได้ครับแต่หล่อทองเหลืองขนาดนี้เกินกำลังช่างเนียรครับ ช่างเนียรบอกเองว่าเกินความสามารถที่จะทำเพราะมีข้อจำกัดทั้งในเรื่องของเนื้องานและระยะเวลา

    สำหรับโรงหล่อที่จะทำได้และทำด้วยความศรัทธา รวมทั้งมีบารมีพอที่จะสร้างปฏิมากรรมพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ที่ตกลงในหลักการไว้แล้วคือโรงหล่อพระวิจิตรทัศนา(เฮียคุง) เขาเคยหล่อพระพุทธรูปทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หน้าตักกว้าง 12 เมตรครับ อีก 2 สัปดาห์ผมจะนัดเซ็นต์สัญญาแล้วจ่ายเงินงวดแรก 1.1 ล้านบาท ครับ ก็ได้บารมีอดีตขุนคลังในสมัยโบราณ รับอาสาที่จะลงเงินมาให้ก่อน 1 ล้านบาทเพื่อให้งานดำเนินไปตามแผนงานที่วางไว้

    สำหรับงวดการจ่ายเงินนั้น เท่าที่ตกลงไว้จะจ่ายเป็นงวดๆดังนี้
    วันทำสัญญาจ่าย 10 % (1.11 ล้านบาท)
    วันตรวจรับแบบ 20 % (2.22 ล้านบาท)
    วันหล่อพระ 30 % (3.33 ล้านบาท)
    วันตรวจรับงาน 40 % (4.44 ล้านบาท)
    ดังนั้นเรื่องต่างๆที่คุณ chatyman กังวลนั้นไม่ใช่ปัญหาของโรงหล่อนี้ครับ เขามีความพร้อมที่จะทำ เขารู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร และรู้ด้วยว่าสิ่งที่จะสร้างนั้นสำคัญอย่างไร

    สำหรับท่านที่ต้องการดูรูปครูบาอาจารย์ที่ท่านลงอักขระให้ ผมจะทะยอยลงรูปมาให้ดู ทั้งรูปครูบาอาจารย์และรูปแผ่นอักขระที่ท่านจารมาให้ครับ


    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสไปเรียนปรึกษากับ พลอากาศตรีภาสกร จูฑะพุทธิ เจ้าของวารสารพุทธสยาม ซึ่งเป็นวารสารที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพระครูเทพโลกอุดรโดยตรง ท่านก็เมตตาสนับสนุนทุกอย่างและรับเป็นผู้ใหญ่ที่จะให้คำปรึกษาในการจัดสร้างและช่วยประชาสัมพันธ์การสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ไปสู่สายธรรม สายต่างๆของพระครูเทพโลกอุดรให้ด้วย ก็ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

    สำหรับท่านพลอากาศตรีภาสกร จูฑะพุทธิ นั้นท่านเคยเป็นศิษย์ใกล้ชิด สนิทสนมกับหลวงพ่อฤษีลิงดำ วัดท่าซุง มาก่อน และท่านก็มีความเคารพในหลวงปู่ใหญ่และพระครูเทพโลกอุดรเป็นอย่างมาก ท่านมีญาณทัศนะที่จะสามารถเข้าถึงพระครูเทพโลกอุดรได้เช่นกัน ท่านเป็นเจ้าของรูปวาดต้นฉบับของพระครูเทพโลกอุดร ที่หลวงปู่ท่านบอกว่าเป็นรูปที่วาดได้เหมือนท่านที่สุด ผมเองก็มีรูปกายเนื้อของพระครูเทพโลกอุดรเช่นกันแต่จะยังไม่นำมาเผยแพร่ในตอนนี้เพราะต้องขออนุญาตหลวงปู่ก่อน เท่าที่หลวงปู่ท่านให้รูปมา ก็เป็นรูปวาดที่ได้ต้นฉบับมาจากพลอากาศตรีภาสกร นี่แหละ
    สำหรับผู้ที่รู้นี่ไม่ต้องคุยกันมาก หากศีลธรรมมาจากแหล่งเดียวกันหรือเป็นระบบเดียวกันนี่พูดกันไม่กี่คำก็รู้เรื่องแล้วครับ อีกอย่างเขามีครูบาอาจารย์ที่สามารถจะสอบถามได้ว่าคณะผมกำลังทำอะไรกัน เรื่องที่จะคุยกันยากๆ ก็กลายเป็นเรื่องง่ายครับ

    จากนั้นก็ได้ไปอธิษฐานที่พระปฐมเจดีย์ รวมทั้งที่วัดดอนยายหอมและ วัดธรรมศาลา จ. นครปฐม ที่จะเป็นสถานที่หล่อพระพุทธฌจ้า 5 พระองค์ ญาณศีลธรรมของหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา นี่ไม่ธรรมดาแฮะ
    บริเวณวัดธรรมศาลาเท่าที่เห็นก็คือบริเวณหน้าวัดมีการปรับพื้นที่ราบเป็นบริเวณกว้าง ก็ไม่ทราบว่าทางวัดจะทำอะไร แต่ที่รู้ก็คือสถานที่ ที่เห็นนั้นคือพื้นที่ ที่จะหล่อพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นั่นเอง

    วันอาทิตย์ ก็ได้มีโอกาสไปอธิษฐานขอพร หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด ญาณศีลธรรมท่านก็หนาแน่นเช่นกัน ก็ได้ความรู้เชื่อมโยงระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างหลวงพ่อกบ หลวงพ่อโอภาสี หลวงปู่ทองทิพย์ หลวงปู่ยี และรัชการที่ 5 ไปครั้งนี้ก็ได้ความรู้ว่าให้นำเอาแผ่นยันต์ของหลวงพ่อโอภาสี ที่ผมมีอยู่นั้นไปหลอมในการสร้างพระด้วย
     
  10. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    คราวหลังแจงไว้แต่แรก จะได้ไม่เข้าใจผิดกัน....
     
  11. xchan

    xchan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +106
    ผมเชื่อครับว่า พี่อัญญาสิทธิ์และผู้ประสานงานทุกท่านทำด้วยความบริสุทธิ์ใจครับ

    ขออนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2007
  12. วิปจิตัญญู

    วิปจิตัญญู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +850
    อนุโมทนากับคุณ อัญญาสิทธิ์ ครับ
    เมื่อมีโอกาส จะโอนให้ครับผม
    ตอนนี้ จะขอไปบอกบุญ มิตรธรรม และ ญาติธรรม ใส่พานไปอธิฐานก่อน ผมเอง รายได้ยังไม่มี ยังเรียนหนังสืออยู่ แต่ โอกาสในการทำเพื่อพระศาสนามาถึงแล้ว ต้องขอขอบคุณ คุณอัญญาสิทธิ์และ คณะ ของหลวงปู่ทองทิพย์ที่ มอบโอกาส ดีๆ ให้ สร้างบารมีกันครับ

    ผมเองได้ไป กราหลวงปู่ทวดมาที่เขาไ .... ได้พบณานศีลธรรม นอกเหนือ จาก องค์หลวงปู่ทวดมากมาย ของคณะพระศรีทาน คุณอัญญาสิทธิ์ ก็ ขึ้นไปบ่อย นะครับ หวังไว้ว่า ซักวัน จะได้พบ ทางขันธ์5กับ คุณอัญญาสิทธิ์ครับ

    และขออนุโมทนาสาธุ กับ คณะของหลวงปู่ทองทิพย์ทุกท่านด้วยนะครับ
     
  13. จักร

    จักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +432
    ผ่านมา

    ได้อ่านเรื่องราวในเว็บนี้มาระยะหนึ่ง เราจึงมีโอกาสไปที่วัดป่าสีดาฯ กับหมู่คณะ เมื่อไม่กี่วันก่อนจึงได้ทราบว่าพระสงฆ์ที่นี่ กับคนที่วัดยังไม่ทราบรายละเอียดในการสร้างพระ ๕ พระองค์อย่างที่พูดคุยในเว็บเลยจากคนที่นำชื่อวัดไปบอกบุญ เพราะเป็นห่วงว่าจะเกิดปัญหากรณีปลูกบ้านไม่ตามใจผู้อยู่
    โดยเราเห็นว่าวัดก็ยังมีการก่อสร้างอยู่ในสิ่งอันจำเป็นอยู่ กล่าวคือกำลังสร้างหอพระที่มีพระแม่ธรณีอยู่ด้านล่าง และมีลวดลายอันวิจิตรมาก มีทั้งงานปูนปั้น งานเรซิน ที่เป็นศิลป์ประยุกต์อันมีความหมายอยู่ในตัว เป็นการให้เกียรติคุณธรรมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครบถ้วนทั้งไตรโลก ที่สำคัญคือได้ทราบมาว่าจะมีโครงการลงตอม่อสร้างวิหารเก็บบรรจุสังขารของหลวงปู่ทองทิพย์ในเดือนหน้านี้อีกด้วย อันถือเป็นหัวใจของสถานที่นี้เลย ตอนแรกเราฟังก็ยังงง ๆ ต่อมาจึงเข้าใจว่า "หัวใจ นั้นคือที่เก็บร่างของท่าน อันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในที่แห่งนี้(ในเวลานี้) เพราะท่านเป็นศูนย์รวมแห่งธรรมตั้งแต่พระผู้มีพระภาคพระองค์ที่สี่เป็นต้นมาเลย" และวิหารที่จะสร้างนี้ ท่านว่าเป็นวิหารพระศรีฯ ก็อันพระเจ้าห้าพระองค์ที่ใครๆ ปรารถนาจะสร้างมาหลายยุคก็จะต้องมีบรรจุในวิหารนี้เช่นกันในโอกาสต่อไป คือสร้างบ้าน สร้างวิมานให้ท่านก่อน มิใช่ให้เป็นเจ้าแต่ยังไม่มีวังให้อยู่ หรือให้พระพุทธรูปที่จะสร้างต้องตากแดดตากฝนก็คงไม่เหมาะสม ท่านว่าจะเป็นกรรมกับผู้ยกมาถวายเองหากไม่มีแท่นรับ หรือสิ่งที่กันแดดหรือฝนอันสมเกียรติให้พระ ดังนั้น คนเราก็จะต้องมีหัวใจก่อนที่มีภูมิคุ้มกันที่ดี อันเป็นตัวสูบฉีดระบบอวัยวะอันเป็นส่วนประกอบต่อไปต่อไป และทราบจากพระทุกรูปในวัด กับลูกศิษย์หลวงปู่ทองทิพย์ที่ไปทำงานก่อสร้าง(มิใช่ช่างที่รับจ้าง) อีกว่าไม่อยากให้ใครในเว็บนี้เอานามวัด หรือนามลูกศิษย์วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์ไปบอกบุญสร้างพระเจ้าห้าพระองค์ในตอนนี้ เพราะกำลังต้องใช้ปัจจัยจำนวนมากในการก่อสร้างวิหารอยู่(อันเป็นที่เก็บพระด้วยนั่นแหละ) ...อยากให้ผู้อ่านได้พินิจพิจารณาดูในข้อแนะนำนี้
    ๑. บัญชีที่คุณอัญญาสิทธิ์กับสหายธรรมเปิดให้คนบริจาค หากเปลี่ยนเป็นบัญชีชื่อวัดที่จะถวายเลยน่าจะดูเหมาะสมกว่า ในแง่ของความบริสุทธิ์แท้ๆ ของบุญที่เงินทุกบาทจะเข้าวัดโดยไม่ผ่านการแปรเปลี่ยนจากคนกลางอันเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร
    ๒. อยากให้คุณอัญญาสิทธิ์ไปบอกพระที่วัดด้วย ว่าจะสร้างแล้วเอามาไว้อย่างไร จะได้ช่วยคิดแก้ไขกันทันก่อนคุณเซ็นสัญญาท่านเป็นห่วงกลัวกรรมที่จะเกิดกับผู้รับด้วย(มิใช่แค่ผู้ถวาย) ที่ไม่มีแท่นหรือหอรับพระก่อน เพราะพระใหญ่ขนาดนี้ แค่ใช้เงินสร้างแท่นให้ก็หลักล้านแล้ว
    ๓. ช่วงหลังนี้ได้ยินว่ามีคนอ่านเว็บนี้แล้วไปกราบที่วัดมากขึ้น ทางวัดก็ขอบคุณ และก็บอกว่าหากอยากศึกษาธรรมก็ให้ไปหาครูอาจารย์เอง(พระสงฆ์) และต้องมีหลักยึดเดียวและปฏิบัติ ไม่ควรเชื่อเพราะได้ยินมา หรืออ่านเว็บมาเท่านั้น หรือไม่ควรเชื่อในสิ่งที่ตนมองไม่เห็น(ทั้งตานอกตาใน)แล้วเขากล่าวมา แต่ควรเชื่อในเหตุและผลที่สัมผัสได้เกิดในชีวิตจริง คณะของพวกผมเองรู้สึกศรัทธาในการปฏิบัติของหลวงพ่อที่วัดมากครับโดยเฉพาะวิริยะ และปัญญาบารมี สิ่งดีๆ ที่คุณอัญญาสิทธิ์กล่าวส่วนใหญ่ในเว็บนี้ก็มาจากสถานที่นี้มากอยู่ หากใครอยากเรียนรู้ก็ไปเองได้ครับ จะเป็นความรู้อันบริสุทธิ์จากพระที่ศีลบริสุทธิ์
    ๔. จะโลกอุดรธรรม หรือโลกียธรรม ก็ต่างกันที่การถือโลกธรรมแปด ผู้ที่ติดในโลกธรรมแปดอยู่ฉันใดก็ยังไม่ปรากฏธรรมโลกอุดร(เหนือโลก)ฉันนั้น ดังนั้นพระครูโลกอุดรที่คุณอัญญาสิทธิ์กล่าวในเว็บ ก็ไม่ควรนำท่านมากล่าวแอบอ้างมากนักเพราะท่านคงไม่อยากเปิดเผยตนโดยวิธีการนี้ ทั้งก็เป็นห่วงไม่อยากให้คุณยกตนว่ามีภูมิสูงอย่างนี้บ่อย ๆ เพราะขึ้นหลังเสือแล้วลงยากครับ หลวงตามหาบัวท่านยังติลูกศิษย์ท่านเองที่เชื่อนิมิตมากไป ท่านว่ามันเป็นรูปขันธ์ห้า สัญญาที่ปรุงแต่งเองจากจิตตน และเรื่องนิมิตหรือผลจิตภาวนาก็มิควรเล่าประกาศโดยสาธารณะ ควรเป็นเรื่องคุยระหว่างตนกับครูบาอาจารย์เท่านั้น แต่หากใครที่คิดว่าตนเก่งเกินพระแล้วก็คงไม่ต่างจากเทวทัต... การอ้างหน้าสิ่งที่มองไม่เห็น หรือคนที่พูดไม่ได้นั้น ใครๆ ก็ทำกันได้ครับ ขอให้คุณอย่าหนีปัญหาครับ คิดว่าปัญญาระดับคุณคงเข้าใจว่าระบบการก่อสร้างและถวายพระห้าพระองค์ของคุณอยู่ที่ไหน แล้วไปแก้มันด้วยตนเอง
    ๕. ผมดูแล้วก็ไม่ใช่ลูกศิษย์วัดนี้ทุกคนที่เดินงานสร้างพระเจ้าห้าพระองค์กับคุณอัญญาสิทธิ์ในเวลานี้ เขาอยากร่วมเมื่อวิหารเสร็จก่อนจะได้เป็นที่บรรจุด้วยเลย คนเหล่านั้นเขาไม่อยากให้คุณทำอะไรโดยอ้างชื่อวัดโดยไม่ปรึกษาพระที่วัด อ้างหน้าลูกศิษย์โดยไม่ได้เห็นชอบจากลูกศิษย์ทั้งหมดครับ ถ้าปลาเน่าแล้วมันเหม็นหมดนะครับ
    See You Later, จักร
     
  14. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    อนุโมทนาบุญกับคุณ จักร ครับ....ที่ได้นำเรื่องราววัดป่าสีดาที่ท่านเคยไปมา...แม้วันนี้ผมว่าจะไปถามเสียหน่อยว่าทางวัดทราบเรื่องการสร้างพระแก้วมรกตห้าพระองค์หรือยัง...กลัวว่าเป็นการกล่าวอ้าง....

    เราระวังไว้หน่อยก็ดีครับ....ผมเห็นที่ประจวบที่เขาลงข่าวว่าสร้างหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ เคยอ่านผ่านตาอยู่ครับ แล้วไม่เห็นว่าองค์พระอยู่ไหน เงินผู้ร่วมบริจาคล่ะอยู่ไหน อะไรทำนองนี้....และอีกหลายที่ เกี่ยวกับการหล่อพระ...พอเริ่มหล่อมีเงินวางมัดจำเพียงเล็กน้อย พองานเสร็จได้เงินจำนวนมาก เงินจำนวนนั้นก็หายไปกับคณะผู้จัดทำ....

    แม้รัฐบาลทำงานก็ต้องทำด้วยความโปร่งใส...ถ้าไม่โปร่งใสก็ต้องถูกตรวจสอบเป็นธรรมดา....ผมไม่ใช่แค่ห่วงเรื่องที่โรงหล่อช่างเนียรอย่างเดียว....ห่วงเงินของผู้ร่วมทำบุญด้วย...ถึงอยากให้มีการแจกแจงรายละเอียดต่าง ๆ ลงในเวบให้มากกว่านี้...เพราะยิ่งลงละเอียดมันก็เป็นผลดีของคุณ....

    หรือเงินที่เขามาร่วมกันบริจาค ลงบัญชีของวัดมาก็ดีครับอย่างที่คุณจักรว่า มีเหตุผลดีนะครับ....จะได้มีผู้ร่วมทำบุญ ทำด้วยความสบายใจ....เบอร์โทร.ทางวัดป่าสีดาด้วยครับ....
     
  15. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    สำหรับเรื่องที่คุณจักรเขียนโพสถ์เข้ามานั้น บอกข้อมูลเพียงครึ่งเดียวและก็แฝงไว้ด้วยอคติ หรืออาจเป็นเพราะรู้ไม่จริงเพราะไม่เข้าใจในเนื้อนาบุญของโลก ก็น่าเสียดายหากเป็นลูกศิษย์ครูบาอาจารย์แต่ก็เข้าไม่ถึงเนื้อในของท่าน เลยถูกผู้ที่มีมิจฉาทิจฐิเขากล่อมหัวเอา หากคุณจักรมีบุพกรรมมาแบบนี้ก็ได้แต่สงสารนะ การอิจฉาในกองบุญกุศลนี่มีอานิสงส์ทำให้เป็นมารของพุทธศาสนาได้นะ ผมเองก็รู้สึกดีที่ครูบาอาจารย์ท่านบันดาลให้มีการทดสอบบารมีด้วยวิธีนี้ เพราะเป็นการคัดคนที่ศรัทธาบริสุทธิ์ไปในตัว

    สำหรับท่านที่ศรัทธาเหนียวแน่นและเชื่อมั่นในกองบุญกุศลในการสร้างระพุทธเจ้า 5 พระองค์นั้น ผมก็จะชี้แจงให้ทราบตามหัวข้อที่คุณจักร กล่าวมา
    <O:p
    1. เรื่องบัญชีนั้น ให้ทราบว่า วัดป่าสีดาฯนั้นชื่อวัดก็จริง แต่ไม่ได้เป็นวัดตามพระราชบัญญัติสงฆ์ เป็นแค่ที่พักสงฆ์และไม่มีหลักฐานอะไรเลย การเปิดบัญชีของวัดนั้นก็ต้องมีหลักฐานของการเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฏหมาย
    2. พระที่วัดท่านทราบตั้งนานแล้วว่าผมจะสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ แต่ท่านจะบอกกล่าวแก่ผู้คนตามเป็นจริงหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ครั้งหลังสุดที่พูดคุยพระที่วัดป่าสีดาฯ เรื่องการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ท่านก็บอกว่าอาตมากลัวโยมจะตาย เพราะสร้างของใหญ่ ผมก็ได้แต่บอกว่าเรื่องตายผมไม่กลัว เพราะครูบาอาจารย์ท่านให้ทำ ท่านก็บอกว่าสร้างเสร็จแล้วท่านจะไม่รับให้นะ ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร ถึงเวลาแล้วครูบาอาจารย์ท่านคงจะรับให้เอง และในวันที่ผมปวารณารับขันธ์หน้าที่เพื่อสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นั้น ท่านก็นั่งอยู่ด้วยและเป็นผู้ที่โทรศัพท์บอกผมว่าหลวงปู่ทองทิพย์ท่านให้ไปหา พร้อมกันนั้นก็มี น.ท. วัฒนะ สุขผล เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เพราะเดินทางไปด้วยกันและผลัดกันขับรถ สำหรับพระที่วัดขณะนี้นั้นท่านก็ได้แต่บอกว่ายังไม่ถึงเวลาสร้าง แต่หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเร่งรัดให้ผมสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่มีกำลังที่จะสร้างในตอนนั้น
    3. เรื่องของที่วัดป่าสีดาฯ นั้นผมปรารภกับพระที่วัดหลายครั้งแล้วว่าให้เปิดให้ผู้คนเขามาสักการะกราบไหว้สรีระหลวงปู่ทองทิพย์ฯท่านเพราะท่านเป็นบุคคลสาธารณะ ไม่ใช่เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ท่านก็บอกว่าทำแบบนั้นไม่มีความปลอดภัย เวลาก็ล่วงเลยมาถึงปีที่ 6 จึงจะมีการเริ่มการสร้างมณฑป ซึ่งก็ตรงกับกาลเวลาที่ผมต้องการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ให้เสร็จหลังจาก 5 ปีที่หลวงปู่ทองทิพย์มรณะภาพ(ที่จริงผมควรจะสร้างก่อนหน้านี้) แต่พระที่ท่านอยู่ท่านต้องการสร้างมณฑป โดยให้ผมเป็นหัวเรื่อใหญ่ในการหาปัจจัยสร้าง ซึ่งในความเป็นจริงแทบทุกงานบุญที่ผ่านมาที่วัดป่าสีดาฯ ผมก็ได้สนับสนุนและเป็นเจ้าภาพให้ทุกครั้ง รวมทั้งการสร้างหอแม่ธรณีหรือหอจักรพรรดิ์นั้นผมก็จัดทอดผ้าป่าให้หลายครั้งจนมีปัจจัยทำจนเสร็จ ผมเองมีความศรัทธาเต็มเปี่ยมในองค์หลวงปู่ทองทิพย์และไม่คิดว่าจะมีใครทดแทนท่านได้ และเมื่อมีสัจจะกับท่านในการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ผมก็จะต้องทำจนเสร็จ ไม่งั้นจะผิดสัจจะกับครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ ปฏิบัติไปทั้งชาติก็แทบสูญเปล่า
    4. เรื่องของพระครูโลกอุดรนั้น เป็นเรื่องของผู้ที่มีศีลธรรมขั้นสูง ผู้ที่เข้าถึงก็มี เข้าไม่ถึงก็มาก เมื่อคุณจักรเข้าไม่ถึงก็อย่าไปคิดว่าคนอื่นเขาเข้าไม่ถึง เรื่องที่คุณจักรนำมากล่าวเกี่ยวกับศาสน์ศิลป์เรื่องการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ว่าอยู่ที่ใครนั้น ผมเข้าใจว่าพระที่วัดต้องการให้ใช้ศาสน์ศิลป์ของท่านแต่ผมจะใช้ตามแนวทางของพระครูเทพโลกอุดรเพราะท่านจะเป็นผู้ลงมาทำศาสน์ศิลป์ให้ และผมก็ไม่เชื่อในพระหรือฆราวาสที่ยังมีกิเลสอยู่อย่างปุถุชน ผมเองเชื่อมั่นในคุณธรรมศีลธรรมของหลวงปู่ทองทิพย์และพระครูเทพโลกอุดร เพราะในยุคปัจจุบันผู้ที่รู้เกินสองท่านนี้นั้นหาได้ยาก และท่านก็บอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2006
  16. lotte

    lotte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +4,545
    กราบนมัสการครับท่านพลเอกอัญญาสิทธิ์ ขอสีมาทาพระพุทธเจ้าห้าองค์ได้ฟรีขอสีอะไรฟรีก็ได้ไม่อั้นโดยพี่ฉิม ท่านเป็นผู้ใหญ่ของทีโอเอ โทรหาแกได้ที่เบอร์067567863 ต้องถ่ายรูปพระรายละเอียดประเมินว่าใช้สีเท่าใดแล้วส่งไปบริษัททีโอเอ อำเภอบางเสาธง สมุทรปราการ คุยกับพี่ฉิมก่อนก็ได้ครับ เอารถกระบะไปรับสีเอาเองครับ โมทนาสาธุครับ น่าจะสร้างพระห้าองค์เอาไว้ทุกๆภาคนะครับน้ำจะได้ไม่ท่วมครับ
     
  17. Tewadhol

    Tewadhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +694
    เอ...อ่าน#726แล้วพา งง+สงสัย มีอะไรลึกๆกับพระที่วัดและลูกศิษย์บางท่าน จะบอกกล่าวกันให้รู้มากกว่านี้หรือไม่นั้นคงอยู่ที่ คุณ อัญญาสิทธิ์ เพื่อจิตบางจิตที่อาจคิดไปต่างๆนานา

    (ที่ผมถามไปก่อนหน้านี้นั้นเห็นหรือยังครับ)
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    โมทนาสาธุครับ

    ถ้ามีผู้นำหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ไปแอบอ้างนั้น ผมเองก็เห็นมาหลายคนแล้ว ชีวิตดิ่งลง และล้มเหลวครับ กรรมเรื่องนี้แรงมากและติดจรวดครับ

    .
     
  19. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +745
    ถึงคุณจักร คุณ Shunkthong,

    การมีข้อสงสัยในการสร้างพระพทุธรูป ๕ องค์นั้นเป็นการดีครับ สำเร็จหรือไม่นั้นท่านก็ไม่สามารถบอกได้ แต่ทางคณะเราสามารถบอกได้ว่าสำเร็จแน่นอน เพราะมีผู้คนมากมายที่ต้องการร่วมสร้างมหากุศลในครั้งนี้ แม้แต่พระนักปฏิบัติหลายรูปก็ต้องการเข้ามาร่วมสร้างบารมีในครั้งนี้

    คุณ Shunkthong บอกว่า ศรัทธาในท่านพระเดชพระคุณหลวงพ่อเทพโลกอุดรนั้น ถ้าท่านสามารถที่จะสื่อถึงได้ ท่านก็ถามท่านได้เลยว่าจริงหรือไม่ หรือถ้าสื่อไม่ได้ ก็ไปถามท่านอื่นที่สามารถสื่อได้ครับ ทางคณะเราดำเนินงานตามเจตนาของหลวงพ่อทองทิพย์ท่าน และมีหลวงพ่อเทพโลกอุดรท่านเป็นผู้ชี้แนะแนวทางในการดำเนินงาน
    ถ้าท่านไม่ดำริ ทางคณะเราก็คงจะไม่คิดอวดทำอะไรกันหรอกครับ และหลวงพ่อทองทิพย์เองท่านก็ได้ปรารภกับคุณอัญญาสิทธิ์ ว่า คุณอัญญาสิทธิสามารถทำงานนี้ได้สำเร็จ ทางคณะผู้ดำเนินงานถึงได้ยินดีรับทำตรงนี้

    แน่นอนครับ การสร้างบารมีต่างๆต้องมีการทดสอบกำลังใจกันบ้าง มารไม่มีบารมีไม่เกิด ถ้าท่านผู้ใดเข้าถึงเนื้อนาบุญตนเองได้ ก็สามารถจะเห็นได้ชัดแจ้งทันทีว่า งานมหากุศลครั้งนี้ควรที่จะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ ใครที่รู้ตนเองว่า ตนเองมีบารมีระดับไหนแล้ว และต้องการสร้างบารมีตนเองให้เต็มนั้น ก้สามารถรู้ได้ว่างานนี้สำคัญหรือไม่ครับ

    ถ้าการดำเนินงานทางคณะฯผิดพลาดประการใด หรือมีข้อสงสัยประการใด ก็ช่วยชี้แจงให้ชัดเจนด้วยครับ ทางเราก็จะแก้ไขให้ถูกต้อง ,,ถูกต้อง,, นะครับ ไม่ใช่ ,, ถูกใจ"

    ทางคณะเราก็ไปนิมนต์พระเถระที่เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหลายรูป มาร่วมงานครั้งนี้ ท่านที่มีญานสามารถหยั่งรู้จุดประสงค์ตรงนี้ได้

    มีพระเถระรูปหนึ่งที่นิมนต์มาร่วมอธิษฐานจิตในแปดทิศ ปรารภว่า.. โยม งานนี้ มันป็นงานระดับจักรวาลก็ว่าได้นะ...ใครไม่ได้ร่วมงานนี้...เสียดายจริงๆ...มันยิ่งใหญ่มากๆ เกิดมาหลายชาติแล้ว เพิ่งได้เคยทำ ครั้งนี้ครั้งแรก...
     
  20. BiMode

    BiMode เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +2,322
    ไม่รู้ล่ะ, ผมเชื่อหลวงตาจรัญท่านหนึ่งล่ะ. บางที่ผมก็คิดเหมือนที่คุณ Aunyasit คิดหรือที่คุณ Aunyasit ใช้ญาณหยั่งรู้เอาทั้งที่ตัวผมเองก็ไม่มีญาณอะไร. แต่ผมพอที่จะเดาได้โดยดูจากรายชื่อผู้ที่มาร่วมอธิษฐานจิตได้เลยว่าเตรียมตัวมาอย่างดีได้ถูกจุดมากเลยกับเรื่องมารมาทดสอบบารมีเนี่ย...

    ไม่รู้นะผมเดา, และผมคิดว่าผมจะไม่พลาดร่วมบุญให้ได้เลยก่อนตายสักครั้งเนี่ยงานเนี้ย (ผมชอบแจมกับหลายๆสาย).
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2006
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...